คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : ความสัมพันธ์ที่คืบหน้า
Chapter 5
(เครดิต siamzone ค่ะ)
ความสัมพันธ์ที่คืบหน้า
[Nichkhun’s Part]
“ไอ้ลูกชายตัวดี” เสียงทรงพลังยิ่งกว่านักร้องโอเปร่าระดับโลกของพ่อผมดังเข้ามาในห้องนั่งเล่น ทั้งๆที่ผมยังไม่เห็นตัวท่านด้วยซ้ำ นี่คงจะรู้เรื่องแล้วสินะ ยัยเด็กขี้แยน่ารำคาญนั่นคงจะคาบเอาเรื่องนี้มาฟ้องคุณพ่อแล้วล่ะสิ
“ลูกชายคนไหนล่ะครับพ่อ” อูยองยังคงถามพ่อด้วยน้ำเสียงที่ล้อเลียนตามแบบฉบับคนไม่กลัวตายของหมอนั่น ให้ตายเหอะ มันไม่รู้เลยหรือไงว่ายิ่งไปยั่วโมโหพ่อมากเท่าไหร่ ผมก็จะโดนหนักมากเท่านั้น
“นิชคุณ”
“ครับพ่อ”
“ทำไมวันนี้แกไม่ไปรับหนูยุนอาไปลองชุด” นั่นไง ว่าแล้วว่าต้องเป็นเรื่องนี้
“ผมไม่ว่าง งานผมยุ่งมาก พ่อก็รู้ ผมไม่มีเวลาไปทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอก แล้วอีกอย่างยัยนั่นก็ไม่ได้เป็นง่อยที่จะไปไหนมาไหนเองไม่ได้”
“ไอ้!!”
“พ่อครับๆ ใจเย็นๆสิครับ พี่คุณเขาไม่ว่างจริงๆ ผมยืนยันได้ นี่ผมเห็นนั่งทำงานเครียดทั้งวันเลย ดูสิ เครียดจนทึ้งผมตัวเองหายเป็นแถบๆแล้ว ฮิๆ”
“นี่ไม่ใช่เวลามาเล่น” เหอๆ โกรธจริง ไม่อิงสแตนด์ ขนาดลูกชายคนโปรดเล่นมุขตลกแบบนี้ พ่อผมยังไม่ขำเลย
“แป่ววว มุขนี้ไม่ผ่าน อังอังต้องไปหามุขใหม่ซะแล้ว” มันยังคงพึมพัมกับตัวเองเหมือนเด็กปัญญาอ่อน ช่วยบอกหน่อยว่าอายุมันน้อยกว่าผมแค่ปีเดียว
“ฉันจะไม่เอาเรื่องแกนะ แต่ถ้ายังมีเหตุการณ์แบบนี้อีก ฉันจะเร่งงานแต่งงานของแกให้เร็วขึ้นกว่าเดิม”
พ่อพูดทิ้งท้ายแล้วเดินจากไป ทำไมผมถึงได้ซวยแบบนี้ว่ะเนี้ย ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง เพราะยัยนั่นคนเดียว ยัยนั่นน่ะมันเป็นตัวซวยของชีวิตผม
“คุณนิชคุณครับ”
“อะไรของแก” ผมหันไปตวาดใส่ชินวูที่ทำท่าทางกล้าๆกลัวๆเข้ามาหาผม นี่ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญแล้วเสร่อเข้ามาแบบนี้ โดนแน่
“ผมเอาประวัติของคุณทิฟฟานี่มาให้ครับ”
“เอาวางไว้ แล้วนายก็ออกไปได้แล้ว”
ชินวูวางซองเอกสารไว้บนโต๊ะแล้วเดินออกไป หมอนั่นสามารถเข้ามาที่นี่ได้ทุกเวลา เพราะได้รับความไว้วางใจจากทุกคน
“ทิฟฟานี่ ทิฟฟานี่ไหนหรอพี่คุณ”
อูยองถามอย่างสงสัย ผมเลยเอารูปให้มันดู หมอนั่นทำท่าตกตะลึงซะยกใหญ่ แล้วก็โวยวายลั่นบ้าน จนคนในบ้านหวาดกลัว นึกว่ามันเกิดอาการตกมันเป็นบ้าขึ้นมา
“ไม่ได้นะพี่ พี่สนใจคนนี้ไม่ได้นะ คนนี้ของผม”
“ของนาย? เขาเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไหร่ เท่าที่ฉันรู้มาเขายังไม่มีแฟน โสดสนิท”
“แต่ผมจองเขาด้วยสายตาไว้แล้ว” หมอนั่นยังคงพูดเหมือนเด็กๆที่อยากได้ของเล่น แค่มองแล้วก็นึกว่าจะต้องได้เป็นของตัวเอง คงคิดว่าตัวเองเป็นน้อง ผมเป็นพี่ ต้องเสียสละให้ แต่เสียใจ ผมไม่ใช่พี่ชายที่ดีขนาดนั้น
“เรื่องแบบนี้มันใครดีใครได้น้องชาย ทำใจไว้หน่อยนะ บางทีเขาอาจจะมาเป็นพี่สะใภ้ของนายเร็วๆนี้ก็ได้”
“แต่พี่กำลังจะแต่งงานนะ”
“ใช่ ฉันกำลังจะแต่งงาน แต่ใครจะรู้ เจ้าสาวของฉันอาจจะชื่อฮวังมิยอง แทนที่จะชื่ออิมยุนอาก็ได้ ฮ่าๆ”
ผมเดินขึ้นมาบนห้อง แค่ได้เห็นหน้าเธอแม้จะเป็นเพียงรูปแผ่นหนึ่ง มันก็ทำให้อารมณ์ผมดีขึ้นอยู่มาก
ฮวังมิยอง หรือ ทิฟฟานี่ อายุ 26 ปี
จบปริญญาโท ด้านแฟชั่นดีไซน์ จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในสหรัฐอเมริกา
ตอนนี้กำลังเป็นนางแบบที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก
เป็นลูกสาวคนเดียว มีเพื่อนสนิทชื่อ เจสสิก้า มีลูกพี่ลูกน้องชื่อ ซอฮยอน
ซอฮยอน ทำไมผมถึงได้รู้สึกคุ้นๆกับชื่อนี้จัง เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
[Wooyoung’s Part]
ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่พี่คุณอยากได้แล้วไม่ได้ ผมรู้ดี ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยมีครั้งไหนสักครั้งที่ผมจะเอาชนะพี่ชายคนนี้ในเรื่องผู้หญิง ผมจึงหลีกเลี่ยงที่จะชอบผู้หญิงคนเดียวกับพี่ชายผมมาตลอด แต่สำหรับครั้งนี้ ถ้าถามผมว่าถ้าผมรู้ว่าพี่คุณสนใจทิฟฟานี่ ผมจะสนใจเธอแบบนี้หรือมองเลยผ่านไปเหมือนที่ผ่านๆมา ผมตอบทันทีว่า ผมก็คงจะสนใจเธอแบบนี้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผู้หญิงคนนี้มีประกายบางอย่างในดวงตาที่น่าค้นหาและดึงดูดให้ผมอยากเข้าใกล้
“พี่ชานซองครับ”
“มีอะไร โทรมาซะดึกเชียว”
“พี่ชานซองพอจะรู้เบอร์นางแบบที่มาถ่ายแบบกับเราครั้งก่อนไหมครับ”
“ใครล่ะ..เจสสิก้าหรอ” เสียงพี่ชานซองติดจะกวนๆนิดหน่อย ก็รู้อยู่ว่าผมสนใจใครยังจะมาแกล้งถามอีก
“ทิฟฟานี่”
“ฮ่ะๆ แกจะเอาไปทำอะไรฮะ อย่าบอกนะว่าจะตามจีบเขาน่ะ จะบอกอะไรให้ที่เคยได้ยินมานะ เขาว่ากันว่าทิฟฟานี่น่ะใจแข็งสุดๆ ไม่เคยยอมคบใครสักที”
“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไง ตกลงพี่มีเบอร์เขาหรือเปล่า”
“มีๆ ใจร้อนจริงไอ้เสือ”
ผมได้เบอร์ทิฟฟานี่มาแล้ว นั่งมองอยู่นาน ชั่งใจว่าควรจะโทรไปดีหรือไม่ แล้วถ้าโทรจะคุยอะไรกับเธอดี โอ้ย ทำไมจีบผู้หญิงมันถึงได้ยากแบบนี้นะ ส่วนใหญ่มีแต่ผู้หญิงเข้าหานี่หน่า ไม่เคยต้องจีบใครสักที
“สวัสดีค่ะ ทิฟฟานี่พูดค่ะ”
เสียงหวานๆของเธอส่งมาตามสายหลังจากที่ผมตัดสินใจกดโทรออกได้ไม่นาน แค่ได้ยินเสียงของเธอหัวใจของผมก็เต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เอ่อ..ผม..ผมอูยองนะครับ”
“อ๋อ คุณอูยอง ช่างภาพวันนั้นใช่ไหมคะ” ดีใจจังที่เธอจำผมได้ ^__________________^
“ใช่ครับ เอ่อ คุณทิฟฟานี่กำลังทำอะไรอยู่ครับ ผมโทรมากวนหรือเปล่า”
“เปล่าหรอกคะ ทิฟแค่กำลังนอนหลับสบายอยู่เท่านั้นเอง”
“จริงหรอครับ งั้นผมก็โทรมากวนคุณน่ะสิครับ ขอโทษนะครับ ขอโทษจริงๆ”
“ฮ่ะๆๆๆๆ ทิฟล้อเล่นน่ะคะ เพิ่งเที่ยงคืนเอง นกฮูกอย่างทิฟยังไม่นอนหรอกค่ะ”
“โอ้ย ค่อยโล่งอกหน่อย เอ๊ะ งั้นก็แสดงว่าเมื่อกี้คุณแกล้งผมน่ะสิ”
“เพิ่งรู้ตัวหรอคะเนี้ย ฮ่าๆ”
ทิฟฟานี่เอาแต่หัวเราะที่ได้แกล้งผม แต่เอาเถอะเป็นเธอ ผมยอม ไม่ว่าจะทำอะไรผม ผมสมยอมทั้งนั้นแหละครับบบ
“ทิฟว่าเรามาคุยแบบเป็นกันเองดีกว่าไหมคะ ไม่ต้องเรียกทิฟว่าคุณ เรียกว่าทิฟเฉยๆ ส่วนทิฟจะเรียกคุณว่าอะไรดีล่ะอูหรือว่ายองดี”
“น่าเกลียดทั้งสองแบบเลย ผมว่าให้คุณเรียกผมว่าอังอังดีกว่า”
“หืม? อังอัง คืออะไรหรอ”
“ผมชอบทำหน้าร้องไห้เหมือนเด็กๆน่ะ ก็เลยมีฉายาว่าอังอัง”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ฮิๆ อยากเห็นคุณทำหน้าแบบนั้นจัง หน้าคุณเหมือนเด็กเวลาทำคงจะน่ารักน่าดู”
ผมหน้าแดงแป้ดเลยอ่ะ ไม่น่าเชื่อ คำพูดของผู้หญิงคนนี้ละลายหัวใจผมได้จริงๆ ผมคุยกับเธออยู่นานกว่าจะวาง เธอเป็นคนน่ารักคุยสนุก แล้วก็ตลกมากๆด้วย ประทับใจจัง วันนี้เราสนิทกันมากขึ้นอีกหนึ่งก้าวแล้วนะครับ ทิฟฟานี่ของผม
[Tiffany’s Part]
หลังจากวางสายจากอูยอง เอ๊ะ ไม่ใช่สิต้องบอกว่าอังอังไปได้ไม่นาน โทรศัพท์ของฉันก็กรีดร้องขึ้นมาอีก นี่มันจะตีสองอยู่แล้วนะ โทรมาไม่รู้จักเวล่ำเวลาบ้างเลย
“สวัสดีคะ ทิฟฟานี่พูดค่ะ”
“...”
“เอ๋ ใครคะ ถ้าไม่พูด ฉันจะวางแล้วนะ”
“ผมเอง” เสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้ฉันต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ฉันว่าเบอร์ฉันก็ไม่ใช่เบอร์สาธารณะที่จะให้ใครต่อใครมาโทรหาเล่นได้ง่ายๆนะ
“ผมน่ะใคร”
“นิชคุณ” ผู้ชายคนนั้น!!! ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะสามารถหาเบอร์โทรศัพท์ของฉันแล้วโทรมาหาในเวลาที่รวดเร็วขนาดนี้ แต่อย่างว่าไม่มีอะไรที่เพลย์บอยแบบนั้นทำไม่ได้อยู่แล้ว
“คุณนิชคุณ มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ถึงได้โทรมาหาฉัน”
“ถ้าผมไม่มีธุระ ผมจะโทรหาคุณไม่ได้หรอ พรุ่งนี้คุณว่างหรือเปล่า”
“ตอนเช้ามีถ่ายแบบค่ะ หลังจากนั้นก็ว่างทั้งวัน ทำไมหรอคะ”
“ไปดินเนอร์กัน” ฮึ ชวนกันง่ายๆอย่างนี้เลยหรอ ดี ในเมื่อชวนง่ายๆ ฉันก็จะไปง่ายๆเหมือนกัน
“ได้สิคะ แล้วจะให้ฉันไปเจอที่ไหนดี”
“เดี๋ยวผมไปรับคุณที่ที่คุณไปถ่ายแบบแล้วกัน”
“รู้หรอคะว่าฉันไปถ่ายแบบที่ไหน”
“ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับคุณแล้วผมไม่รู้หรอก งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ ดึกแล้ว กู๊ดไนท์ครับ”
“ค่ะ กู๊ดไนท์ค่ะ”
เช้าวันนี้ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียมากถึงมากที่สุด หลังจากวางสายจากหมอนั่นไปเมื่อคืน ฉันก็พยายามคิดแผนจนหัวแทบจะระเบิด ทำให้ตอนนี้ฉันเหมือนเป็นญาติของหลินปิงก็ไม่ปาน
“ยัยทิฟ แกไปทำอะไรมา ทำไมหน้าถึงได้โทรม ขอบตาดำยิ่งกว่าหมีแพนด้าแบบนั้น”
ขอบใจมาก เป็นการตอกย้ำความน่าเกลียดของเพื่อนที่ดีมากเลย เจสสิก้า จอง
“เมื่อคืนฉันมัวแต่คิดแผนแก้แค้นนายนิชคุณอะไรนั่นอยู่”
“แกจะรีบคิดไปทำไมฮ่ะ”
“ไม่รีบได้ยังไง ก็วันนี้ฉันมีนัดกินข้าวกับหมอนั่น”
“โอ๊ะ ไวไฟจังเลยนะแก เอ่อนี่ แกรู้หรือยังว่าช่างภาพที่ถ่ายแบบให้เราที่ชื่ออูยองน่ะ เขาเป็นพี่น้องกับนายนิชคุณ”
“รู้แล้ว”
“อะไร ทำไมแกรู้ไวจัง”
“ไม่มีเรื่องอะไรของผู้ชายคนนั้นที่ฉันไม่รู้ และนายอูยองก็จะเป็นอีกคนที่จะเป็นเครื่องมือของฉันในการแก้แค้นครั้งนี้”
“เฮ้ย เขาไม่เกี่ยวด้วยเลยนะแก”
“เขาเกี่ยว เกี่ยวตั้งแต่ที่เกิดมาเป็นน้องผู้ชายเลวๆแบบนั้น”
“ร้ายจริง ทั้งๆที่เขาทำท่าสนใจแกจนออกนอกหน้า แต่กำลังจะถูกแกหลอกใช้ น่าสงสารชะมัด” ใช่ เขาน่าสงสาร แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ถือเป็นโชคร้ายของเขาก็แล้วกัน
“แล้วงานแต่งงานเขาล่ะ ฉันได้ข่าวว่าเขากำลังจะแต่งงานกับยัยคุณหนูคนหนึ่ง แกจะไปขัดขวางงานแต่งงานหรือเปล่า”
“ไม่”
“ทำไมล่ะ” เจสสิก้าเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจว่าทำไมฉันปล่อยให้หมอนั่นแต่งงานได้ง่ายๆ
“ถ้าฉันไปขวางมันก็ไม่สนุกน่ะสิ ให้หมอนั่นได้แต่งงานไปก่อนเถอะ ให้เขาได้รู้สึกดีกับการมีคนอยู่ข้างๆ แล้วสุดท้ายฉันจะทำให้เขาทุกข์แสนสาหัสที่ต้องไม่เหลือใครเลย”
“แต่นั่นเท่ากับแกต้องทำร้ายผู้หญิงคนนั้นด้วยนะ”
“ใครบอก ฉันจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นตาสว่างต่างหาก เพียงแต่ว่าฉันจะทำช้าไปหน่อยนึงเท่านั้นเอง”
ฉันพูด ฉันรู้ดีว่ามันอาจจะฟังดูร้าย แต่ฉันเกิดมาเพื่อเป็นนางมารร้ายนิ ฉันไม่ใช่นางเอก ไม่ใช่คนดี ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อหลานของฉัน ต่อให้ต้องร้ายมากกว่านี้ฉันก็จะทำ
“สิก้า ได้ข่าวเรื่องแจบอมหรือยัง”
“ยัง มีอะไรหรอ บ้านเขาล้มละลาย หรือว่าตายยกครอบครัว”
“แกนี่แรงกว่าฉันอีกนะ ไม่ใช่ทั้งสองอย่างนั่นแหละ แต่ฉันได้ข่าวมาว่าบริษัทของเขากำลังจะขยายธุรกิจมาที่เกาหลี ฉันว่าไม่นานเขาต้องมาที่นี่แน่”
“ก็มาเลย การแก้แค้นของเราจะได้เริ่มต้นซะที”
Shala. la
ความคิดเห็น