ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] Diary of love - SJ TVXQ BB 2PM Shinee SNSD WG F(x) -

    ลำดับตอนที่ #14 : {ซึงฟานี่} Because you're my friend..Part 2 100 %

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 53


    {ซึงฟานี่}

     

    จากวัน ผ่านไปเป็นอาทิตย์ ผ่านไปเป็นเดือน ซึงริก็ยังคบกับยัยเด็กโซฮีอะไรนั่นอยู่ จนฉันคิดว่าบางทียัยเด็กคนนี้อาจจะ

    เป็นคนที่เขาจริงจังด้วยก็เป็นไปได้ ทำไมมันถึงได้เจ็บแปลบๆมากจังนะ ฉันน่าจะชินชาแล้วไม่ใช่หรือไง หรือเป็นเพราะ

    ว่าทุกครั้งฉันมั่นใจว่าเขาจะไม่จริงจัง ฉันเลยไม่รู้สึกอะไร อย่างนั้นหรือเปล่า



    “ทิฟฟานี่”


    “วันนี้ฉันให้เธอใช้ห้องไปคนเดียวเลยนะ ฉันไปกินข้าวก่อนล่ะ”



    เป็นอย่างนี้มาเป็นเดือนแล้ว ฉันอยู่ในห้องนั้นคนเดียวทุกวัน กินข้าวกลางวันคนเดียวทุกวัน เหงาอย่างที่ไม่เคยเป็นมา

    ก่อน ฉันมักจะสำคัญที่หนึ่งเสมอไม่ใช่หรือไง แต่ทำไมตอนนี้ฉันเหมือนไม่มีค่าอะไรกับนายเลยล่ะ ซึงริ



    “ทิฟฟานี่”


    “นายอีกแล้วหรอ”



    นายฮยอนจุงคนเดิมที่เคยจะมาขอพบกับฉันมานั่งอยู่ข้างหน้าห้องส่วนตัวของฉันกับซึงริ เหมือนหลายๆวันที่ผ่านมา รู้

    ไหมหมอนี่มานั่งกินข้าวตรงนี้ทุกวัน จนฉันเริ่มจะกลัวในความโรคจิตของเขาซะแล้ว



    “โรงอาหารมีทำไมไม่ไปกิน มานั่งกินที่นี่ทุกวันทำไม หรือว่าเพื่อนไม่คบแล้ว”


    “เปล่า แต่ฉันไม่อยากให้เธอกินข้าวคนเดียว เลยมานั่งกินเป็นเพื่อน”



    มานั่งกินเป็นเพื่อนฉันหรอ ทั้งๆที่ทุกครั้งฉันจะไม่ใส่ใจ แล้วเดินเข้าไปกินข้างในคนเดียว แต่นายก็ยังมาที่นี่ทุกวันเพื่อมา

    กินข้าวเป็นเพื่อนฉันอย่างนั้นหรอ



    “งั้นวันนี้ฉันนั่งกินตรงนี้กับนายด้วยคนแล้วกัน อยากรู้เหมือนกันว่าจะอร่อยสักแค่ไหน เห็นมานั่งทุกวันเลย”


    “สำหรับฉัน วันนี้คงจะอร่อยกว่าทุกวัน”



    ฉันนั่งกินข้าวแล้วก็คุยกับหมอนี่อยู่นานมาก หมอนี่ซื่อเป็นบ้า หลอกอะไรก็เชื่อ แกล้งอะไรก็กลัว ก็ตกใจตลอด ฮ่าๆ ทำ

    เอาฉันหัวเราะท้องคัดท้องแข็งไปหลายรอบเลย



    “มีคนบอกว่าเธอหยิ่ง ฉันเองก็เคยคิดอย่างนั้น แต่ตอนนี้ฉันว่ามันไม่จริงเลย”


    “เอ๋?”


    “รู้ตัวไหมว่าเวลาเธอยิ้มมันสวยแล้วก็จริงใจมากแค่ไหน”


    “ก็เพราะมันสวยมากแบบนี้ไง ฉันก็เลยเลือกที่จะเก็บไว้ให้เฉพาะกับคนบางคนได้เห็น ตอนนี้นายได้รับเกียรติเป็นหนึ่ง

    ในนั้นแล้วนะ”


    “ฮ่าๆ ดีใจจัง”



    เห็นไหม แค่ฉันพูดแค่นี้หมอนี่ก็หน้าแดงลามไปถึงหูแล้ว



    ฉันเดินเข้าห้องเรียนพร้อมกับฮยอนจุง สายตาหลายคู่มองมาที่เราเป็นตาเดียว แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร เดินไปนั่งที่ตัว

    เองด้วยท่าทางที่หยิ่งๆ เชิดๆ ตามสไตล์ของฉันเหมือนเดิม



    “ทำไมถึงมาด้วยกันล่ะ”



    นายซึงริกระซิบถามฉัน ฉันจึงหันไปยักคิ้วให้อย่างกวนๆ แล้วตอบคำตอบที่กระตุกต่อมหวงเพื่อนของหมอนั่นอย่าง

    รุนแรงออกไป



    “ไปกินข้าวด้วยกันมา ตอนนี้ฉันมีเพื่อนสนิทคนใหม่แล้วนะ อีซึงริ”


    “ฉันไม่ยอมนะ
    !!!



    เห็นไหมล่ะ ต่อมหวงเพื่อนของหมอนี่ทำงานอย่างอัตโนมัติ ไม่รู้จะหวงอะไรนักหนาทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่ายังไงฉันก็ไม่มีทาง

    ไปสนิทกับใครได้มากกว่าเขา แต่เขาน่ะสิ พร้อมที่จะไปสนิทกับใครต่อใครมากกว่าฉันเสมอ


    “นายมีสิทธิอะไรล่ะ”


    “ฉันเป็นเพื่อนสนิทของเธอ เธอต้องสนิทกับฉันแค่คนเดียว ห้ามไปสนิทกับใครอีกเด็ดขาด”


    “แล้วนายล่ะ นายสนิทกับผู้หญิงคนอื่นเป็นร้อยเป็นพันคน แล้วทำไมฉันถึงจะสนิทกับคนอื่นบ้างไม่ได้”


    “ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่มีเหตุผล”


    “ซึงริ เป็นเดือนแล้วที่ฉันต้องนั่งกินข้าวคนเดียว เป็นเดือนแล้วที่ฉันต้องอยู่ในห้องนั้นคนเดียว เป็นเดือนแล้วที่นายแทบ

    จะไม่เคยไปหาฉันที่บ้านเลย นายรู้ตัวบ้างหรือเปล่า”


    “ก็ตอนนี้ฉันมีแฟนนี่หน่า ฉันก็ต้องอยู่กับแฟนฉันมากกว่าเพื่อนแบบเธอสิ”


    “งั้นฉันก็ขอหาคนที่จะอยู่กับฉันมากกว่าเพื่อนแบบนายบ้างแล้วกัน”



    ฉันรีบเดินออกจากห้องมาโดยไม่ฟังเสียงโวยวายของเขา ไม่รงไม่เรียนมันแล้ว ตอนบ่ายเนี่ย นายมันเห็นแก่ตัวที่สุดซึงริ 

    คิดจะให้ฉันติดอยู่กับนายตลอดไป ทั้งๆที่นายไม่เคยอยู่กับฉันเลย



    ฉันกลับมานอนที่บ้าน พอตกเย็น แม่ที่เพิ่งกลับบ้านมาก็มาเคาะประตูเรียกฉัน บอกว่าซึงริมาหา เหอะ นี่หมอนี่ยังจำ

    ทางมาบ้านฉันถูกด้วยซินะ



    “ทิฟฟานี่ / พี่ทิฟฟานี่”


    จะมาทำไมไม่มาคนเดียว จะพายัยเด็กนั่นมาด้วยทำไม ฉันเกลียดเธอ นายไม่รู้บ้างเลยหรือไง สายตาของยัยเด็กนั่น

    มันไม่เป็นมิตรกับฉันเลยสักนิด แต่ก็อย่างว่า สายตาฉันมันก็ไม่เป็นมิตรกับใครเหมือนกัน


    “มาทำไม”


    “เรื่องที่เธอพูดเมื่อตอนกลางวัน ฉันขอโทษจริงๆนะที่ฉันละเลยเธอมากไป”


    “ไม่ต้องใส่ใจอะไรมากนักหรอก ฉันไม่ได้แคร์อะไรอยู่แล้ว นายก็รู้”


    “ทำไมพี่ทิฟฟานี่ถึงเย็นชาจังค่ะ”


    “เรื่องของเธอหรือไง”


    “ทิฟฟานี่ น้องเขาพูดด้วยดีดีนะ มานี่มาคุยกับฉันก่อนเลย โซฮี นั่งรอก่อนนะ”


    “ค่ะ พี่ซึงริ”



    สีหน้าเยาะเย้ยของยัยนั่นทำฉันอยากจะเอาเล็บเข้าไปข่วนหน้าจริงๆ แต่หมอนี่ก็เอาแต่ลากๆๆๆๆฉันไปที่สวนหลังบ้าน 

    จะลากทำไมว่ะ ฉันเดินเองเป็น



    “ฟานี่ ฉันไม่อยากให้เธอไปตั้งแง่กับน้องเขา ฉันรู้ว่าเธอเสียหน้า แต่น้องเขาไม่ผิดนะ” อวดรู้ จริงๆแล้วนายมันโง่ซึงริ โง่ที่

    ไม่รู้อะไรเลย


    “ถ้าฉันจะทำ แล้วนายจะเดือดร้อนอะไร”


    “ก็เธอเป็นเพื่อนรักของ ส่วนน้องเขาเป็นคนที่ฉันคิดว่าฉะ..ฉันรัก”


    ระ..รัก งั้นหรอ


    “เธอไม่คิดบ้างหรอว่าฉันควรจะจริงจังกับใครสักที คนที่ยอมรับในตัวฉันได้ เข้าใจในสิ่งที่ฉันเป็น ฉันคิดว่าน้องเขาเป็น

    แบบนั้น หรือเธอคิดว่ายังไง”


    “ฉัน..ไม่มีความคิดเห็น ปวดหัว ขอตัว”



    ฉันรีบเดินขึ้นห้องตัวเองก่อนที่น้ำตางี่เง่ามันจะไหลออกมา ฉันไม่ใช่คนอ่อนแอ เรื่องแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก เพราะ

    ฉะนั้นหยุดร้องไห้ซะที ทิฟฟานี่



    ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเพื่อนสนิทคนนั้นจะห่างไกลกันออกไปทุกที ฉันย้ายที่นั่งไปนั่งข้างฮยอนจุง โดยให้

    เหตุผลว่านั่งข้างหลังแล้วเรียนไม่รู้เรื่อง ถ้ายังเป็นอย่างนั้นต่อไป ฉันคงสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้แน่ อาจารย์ก็เลย

    ยอม แถมยังดูดีอกดีใจที่คนอย่างฉันตั้งใจเรียน เราไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกัน ไม่ได้ไปนั่งเล่นกันในห้องส่วนตัว ตอนนี้ห้อง

    นั้นถูกปิดตายไปแล้วแหละมั้ง เพราะฉันเองก็ไม่เคยย่างกายเข้าไปอีกเลย



    “ทิฟฟานี่จ๊ะ คือครูอยากให้เธอไปร้องเพลงวันนิทรรศการของโรงเรียนหน่อยจะได้ไหมจ๊ะ”


    “ไม่ดีกว่าค่ะ”


    “โธ่ ถือว่าช่วยครูเถอะนะ เธอปฏิเสธมาทุกปีเลย ปีนี้ก็ปีสุดท้ายแล้ว ช่วยครูหน่อยเถอะ”


    “ก็ได้ค่ะ แต่หนูไม่รับประกันว่าหนูจะไม่ทำงานล่ม”


    “ครูเชื่อว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้นจ๊ะ”

     


    “โห ร้องเพลงงานนิทรรศการโรงเรียนเลยหรอ”


    “ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้นด้วย”


    “ไม่ตื่นเต้นได้ยังไง มันเจ๋งแค่ไหนรู้ไหมที่จะได้ร้องเพลงในงานน่ะ”


    นี่ไม่ใช่บทสนทนาระหว่างฉันกับซึงริหรอกนะ แต่มันคือบทสนทนาของฉันกับฮยอนจุงต่างหาก เดี๋ยวนี้ฉันสนิทกับเขา

    มากขึ้นแล้วแหละ แต่ก็ยังคงรักษาสถานะไว้แค่เพื่อนเท่านั้น


    “อยากร้องหรอ”


    “อยากสิ”


    “งั้นร้องคู่กันไหมล่ะ”


    “ได้หรอ”


    “อือ ฉันต้องร้องสองเพลง เอาเป็นว่า เราร้องคู่กันเพลงนึงแล้วกัน”


    เขาดูจะดีอกดีใจไม่น้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้ร้องเพลงในงานนิทรรศการของโรงเรียนหรือว่าได้ร้องเพลงคู่กับฉันกันแน่ 

    อย่าหาว่าฉันหลงตัวเองเลยนะ แต่ฉันดูออกว่าฮยอนจุงน่ะยังชอบฉันอยู่

     



    ในวันนิทรรศการ มันตรงกับวันไวท์เดย์พอดี ฉันเกลียดวันพวกนี้จัง ไม่ว่าจะวาเลนไทน์หรือว่าไวท์เดย์ก็ตาม ฉันอาจจะ

    ได้ของขวัญจากใครมากมาย แต่หนึ่งในนั้นไม่มีคนที่ฉันอยากจะได้จากเขา


    เพลงแรกฉันออกไปร้องเดี่ยว ฉันเลือกเพลงที่มีความหมายเกี่ยวกับการแอบรัก เผื่อเพลงมันจะสื่อให้คนโง่ๆบางคนที่

    กำลังเดินเล่นอยู่กับแฟนรู้บ้างว่า เพื่อนคนนี้เจ็บปวดมากแค่ไหนกับสถานะที่เป็นอยู่


    โปรดอย่าถามฉันเลย ว่าจะมีไหมใคร ที่จะห่วงจะรักเธอด้วยหัวใจ ในแบบที่เธอมี

    ในเมื่อเธอไม่มอง คนใกล้ๆสักที ฉันนั้นเจ็บรู้ไหม ใกล้แบบนี้ แต่เหมือนไม่มีค่าเลย

    ตัวฉันเองก็กลัวเหมือนกันถ้าเธอรู้ว่าทุกคำ ที่ฉันพูดไปว่ารักกัน ไม่ใช่คำนั้นที่เธอต้องการ

    เมื่อเพื่อนรักกลายเป็นว่ารักเพื่อน ฟังแล้วดูเหมือนว่าใกล้กัน จริงๆแล้ว คำนั้นมันห่างไกล

    เมื่อความรักฉันเป็นเหมือนอากาศที่คอยเคียงข้างเธอเรื่อยไป ไม่เคยเห็นเลยใช่ไหม ว่าใคร...รักเธอ


    (เพื่อนรัก รักเพื่อน : ท๊อฟฟี่)


    พอเพลงจบ ฉันก็ได้รับเสียงปรบมือมากมาย น้ำตาของฉันกำลังจะไหล ฉันเลยต้องรีบเดินลงเวทีออกมา มายืนปาด

    น้ำตาลวกๆ เพราะต้องขึ้นแสดงต่อในเพลงถัดไปคู่กับฮยอนจุง วันนี้หมอนี่ใส่ชุดสูท ดูดีๆก็หล่อเหมือนกันนะ ฉันกับเขา

    ร้องเพลง
    We fell in love ของโจควอนกับกาอินด้วยกัน บรรยากาศน่ารักกุ๊กกิ๊กมากเลย จนฉันอยากจะวิ่งลงมา

    จากเวทีซะหลายๆรอบ



    พอหมดหน้าที่ของฉัน ฉันก็เดินเข้าไปที่ห้องส่วนตัวของเราที่ไม่เคยเข้าไปนานมาก แต่ตอนนี้ไม่รู้จะไปอยู่ไหน ก็ไปนั่งเล่น

    ในห้องนั้นแล้วกัน แต่ก็ต้องอารมณ์เสียเมื่อพบกับยัยเด็กตัวร้ายนั่น



    “ร้องเพลงเพราะดีนะคะ”


    “ขอบใจ”


    “ร้องให้ใครล่ะคะ พี่ซึงริหรือว่าพี่ฮยอนจุง”


    “แล้วเธอยุ่งอะไรด้วย”


    “ร้องให้พี่ซึงริสินะคะ เจ็บมากไหมคะ ความรู้สึกของคนที่แอบรักเพื่อนตัวเองเนี่ย น่าสงสารจัง แต่บอกไว้เลย

    นะคะว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เพราะคนที่พี่ซึงริเขารักน่ะมันคือฉัน”



    สายตาแข็งกร้าวที่ยัยเด็กนั่นใช้มองมา ถ้าคนอื่นมาเห็นก็คงจะกลัวหัวหด แต่ไม่ใช่ฉัน เด็กหัดร้ายอย่างเธอน่ะ มันเทียบ

    กับคนที่ร้ายโดยสันดานแบบฉันไม่ได้หรอก



    “ถ้าฉันรักเพื่อนตัวเองแล้วยังไงล่ะ จะบอกให้รู้เพิ่มเติมอีกอย่างนะว่ารักมาก แล้วก็รักมานานแล้วด้วย ระวังพี่ซึงริของเธอเอาไว้ดีดีนะจ๊ะ จับเขาไว้ให้อยู่หมัด ไม่งั้นอาจจะเป็นหมาหัวเน่าโดยไม่รู้ตัว”



    “ทิฟฟานี่”



    ไม่ใช่เสียงของยัยเด็กนั่น  ไม่ใช่เสียงของฉัน แต่เป็นเขา อีซึงริ ยัยตัวแสบ เธอต้องการให้ฉันพูดให้เขาได้ยิน เธอนี่มัน

    ร้ายกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะ






    วันนี้โมอัพที่เดียว 3 เรื่องรวดเลย เพราะว่าเมื่อวานเน็ตดันพัง

    ใช้ไม่ได้ เลยว่างนั่งแต่งฟิคทั้งวัน >.<






    นู๋ซึง : ดูดิหมี มีคนชอบหมีแนวนี้ด้วยอ่ะ


    หมีทิฟ : ฮ่าๆ จริงๆ เขาก็ชอบฉันทุกแนวอ่ะ ว่าแต่นายเอาอมยิ้มฉันไปทำไม !!!







    c
    olors
    grace.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×