คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 10 : เดิมพันด้วยหัวใจ
Chapter 10
เดิมพันด้วยหัวใจ
[Tiffany]
เขาไม่ได้พาฉันออกไปที่ไหน ไม่ได้พาไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารหรู หรือพาไปฟังเพลงที่ผับดังๆ แต่เขากลับพาฉันมาที่คอนโดส่วนตัวของเขา
“พาฉันมาที่นี่ทำไม”
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอก ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ผมแค่อยากพักน่ะ”
“ถ้าคุณอยากพักแล้วคุณชวนฉันออกมาทำไม”
“ผมอยากพักโดยมีคุณอยู่ข้างๆ” ประโยคพวกนี้คงจะละลายหัวใจสาวๆได้หลายคนสินะ แต่เสียใจที่ฉันไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น
สุดท้ายฉันก็ยอมขึ้นมาบนห้องเขานั่นแหละ ก็ทำไมจะไม่ขึ้นมา อะไรที่มันจะทำให้ผู้ชายคนนี้ต้องตกหลุมรักฉันมากขึ้น ฉันก็ควรจะทำไม่ใช่หรอ
“ขอผมนอนพักแบบนี้ได้ไหม” เขาเอาหัวตัวเองมาวางบนตักของฉัน ฉันออกจะตกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน โอเคฉันจะยอมเปลืองเนื้อเปลืองตัวสักนิดก็ได้
ฉันนั่งมองเวลาเขา เวลาหลับ เขาก็เหมือนเด็กคนนึง ดูไร้พิษสง และอ่อนโยน แต่ทำไมนะนายนิชคุณ ทำไมนายถึงทิ้งลูกทิ้งเมียของนายมา นายไม่รัก ไม่ผูกพันกับพวกเขาบ้างเลยหรือไง
“มินจี ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้อยากทิ้งเธอ”
ฮึ มินจี งั้นหรอ พร่ำเพ้อขอโทษผู้หญิงที่นายทิ้งมางั้นหรอ คนที่นายควรขอโทษมากที่สุด มันคือซอฮยอน กับจุนโฮไม่ใช่หรือไง ฉันคิดไม่ผิดจริงๆ คิดไม่ผิดที่ตั้งใจจะทำทุกอย่างให้คนอย่างนายไม่มีความสุข นายทำให้น้องสาวฉันกับหลานชายฉันต้องทุกข์ทรมานกับการถูกนินทาโดยที่นายไม่ได้สำนึกอะไรเลยสักนิด นายต้องทรมานมากกว่านั้นพันเท่า
เห็นคุณกำลังหลับสบายเลยไม่อยากปลุก ฉันกลับก่อนนะคะ ฮวังมิยอง
ฉันทิ้งโน้ตไว้ให้ และกลับมาที่คอนโดด้วยตัวเอง ก่อนจะรีบจัดแจงอาบน้ำเปลี่ยนชุด นี่ก็ดึกมากแล้ว แต่หลังจากที่อูยองโทรมารอบแรก เขาก็ไม่โทรอีกเลย น่าแปลกจัง
ฉันกดโทรศัพท์เป็นรอบที่สาม แต่ก็เหมือนเดิม เขาไม่ยอมรับสาย เขาจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ ปกติถ้าฉันเป็นคนโทรไป ฉันแทบจะไม่เคยต้องรอเกินสอบวินาทีเลย
ติ๊ด ติ๊ด
ฉันรีบกดรับทันที หลังจากที่เห็นว่าเป็นเบอร์ของอูยองโทรกลับมา เฮ้อ รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆ
“ฮัลโหลอังอัง นึกว่าวันนี้จะไม่ได้คุยกันซะแล้ว”
“ทิฟทำงานเสร็จแล้วหรอ” เขาถามฉันกลับมา ทำเอาฉันปั้นหน้าไม่ถูก เอ๊ะ ทำไมฉันต้องปั้นหน้าไม่ถูกล่ะ ก็การโกหกมันเป็นสิ่งที่ฉันทำประจำกับสองพี่น้องนั่นไม่ใช่หรือไง
“เอ่อ..เสร็จแล้ว กว่าจะเสร็จได้ เหนื่อยชะมัดเลย”
“อือ เหนื่อยแล้วทำไมไม่รีบนอนพักผ่อนล่ะ”
“อังอังเป็นอะไรหรือเปล่า ทิฟว่าวันนี้อังอังดูแปลกๆนะ”
“ไม่นิ ผมไม่ได้เป็นอะไร แล้วทิฟล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า มีอะไรปิดบังผมหรือเปล่า” คำถามของเขา ทำให้ใจฉันสั่นแปลกๆ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง เหมือนฉันกำลังกลัว..
“ทิฟจะมีอะไรปิดอังอังล่ะ อังอังนี่ก็พูดแปลก หาวว ทิฟว่าทิฟไปนอนดีกว่า ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“ดินเนอร์กับพี่คุณไม่น่าจะมีอะไรต้องเหนื่อยนิทิฟ หรือว่าไม่ใช่แค่ดินเนอร์อย่างเดียวล่ะ”
“นี่อังอัง ดูถูกฉันมากไปแล้วนะ” ถึงแม้จะตกใจที่เขารู้ แต่ที่ทำให้โมโหมากกว่าก็คือคำพูดที่แสดงการดูถูกฉันไม่ใช่ผู้หญิงง่ายแบบนั้น ถึงจะอยากแก้แค้นมากเท่าไหร่ แต่คนอย่างฉันไม่มีวันยอมเอาตัวเข้าแลก
“ขอโทษแล้วกันนะ ถ้าสิ่งที่ผมพูดมันทำให้คุณโมโห ผมว่าเราอย่าเพิ่งคุยกันดีกว่า แค่นี้ครับ บาย”
เขาวางหูไป ทิ้งให้ฉันกำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น สุดท้ายก็เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง เหอะ ฉันเกือบเชื่อแล้วเชียวอูยองว่านายจะดีกว่าพี่ชายนาย
[Yoona]
คงไม่มีข่าวคนดังข่าวไหนดังเท่าข่าวที่ฉันมีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องแล้วด้วยแล้วแหละ ก็ดูซิหนังสือพิมพ์บันเทิงทุกฉบับ มีแต่ข่าวนี้ทั้งนั้น
นิชคุณ ควง ทิฟฟานี่นางแบบคนดังขึ้นคอนโด งานนี้ไม่รู้ว่าว่าที่เจ้าสาวอย่างยุนอาจะว่ายังไงบ้างน้า
ภาพที่พี่คุณพาผู้หญิงที่ฉันเจอวันนั้นขึ้นคอนโดด้วยโชว์หราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ คุณพ่อกับคุณแม่ของฉันไม่พอใจถึงขนาดโทรไปต่อว่าคุณพ่อของพี่คุณทันทีที่เห็นข่าว
“พ่อว่าเรายกเลิกงานแต่งนี่ไปเถอะ พ่อยังมองไม่ออกเลยว่ายุนจะมีความสุขได้ยังไง ถ้าต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนี้”
“อย่ายกเลิกนะคะคุณพ่อ ยุนอยากแต่งงานกับพี่คุณค่ะ”
“ยุนอา”
“มันอาจจะดูโง่ แต่ยุนรักพี่คุณ ยุนอยากลองพยายามทำให้เขาหันมารักยุนบ้าง คุณพ่อให้โอกาสให้ยุนได้พยายามนะคะ ยุนสัญญาว่าถ้าเมื่อไหร่ยุนเสียใจ ยุนทนไม่ไหว ยุนจะหย่ากับเขาทันที”
“ถ้าแต่งไปแล้ว เรื่องหย่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะยุน แม่ว่าเราลองคิดดีๆดีกว่าไหม”
“ยุนคิดดีแล้วค่ะแม่ ยุนอยากแต่งงานจริงๆ ได้โปรดอย่ายกเลิกงานแต่งงานครั้งนี้นะคะ”
“ยุนอา”
“ยูริ มาหาฉันถึงบ้าน มีอะไรหรือเปล่า”
“ฉันเห็นข่าวแล้วไม่สบายใจ ก็เลยอยากมาดูเธอว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า” ยูริพูดพร้อมมองฉันด้วยความเป็นห่วง
“เธอก็รู้ว่านี่หน่าว่าฉันเห็นข่าวพวกนี้จนชินซะแล้ว”
“นั่นมันแต่ก่อน ตอนที่เธอยังไม่ได้จะแต่งงานกับเขา แต่นี่อาทิตย์หน้าก็จะต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว ทำไมนายนั่นถึงได้ยังไม่เลิกนิสัยแย่ๆสักทีนะ” ยูริบ่นอย่างหัวเสีย
“แต่ก่อนเธอยังเชียร์พี่คุณอยู่เลยนะ แล้วที่จริงมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้”
“ร้อยไม่เชื่อ พันไม่เชื่อว่าใครขึ้นคอนโดพี่คุณแล้วจะไม่เสร็จ ไม่มีผู้ชายคนไหนเขาพาผู้หญิงขึ้นไปเล่นตบแปะบนห้องตัวเองดึกๆดื่นๆหรอก เขามีแต่จะพาไปเล่นจ้ำจี้กันต่างหาก”
“ฮ่าๆ ดูพูดเข้า แต่ฉันเคยเจอผู้หญิงคนนั้นนะ เขาดูหยิ่งพอสมควรเลยแหละ เขาคงไม่ยอมพี่คุณง่ายๆหรอก” ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆนะ แล้วฉันก็มั่นใจว่ามองไม่ผิดด้วย
“หยิ่งเพื่อจะอัพค่าตัวหรือเปล่า เธอน่ะมองโลกในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า โลกมันไม่ได้สวยงาม เป็นสีขาวบริสุทธิ์หรอกนะคุณหนูอิม เฮ้ออ...ฉันว่าผ้าขาวอย่างเธอ ไม่น่าจะต้องไปคลุกอยู่กับผ้าขี้ริ้วชั้นดีอย่างพี่คุณเลย”
“ฉันอยากจะลองดู ถ้าการแต่งงานครั้งนี้ มันยังทำให้เขารักฉันไม่ได้ ฉันจะได้ตัดใจสักทีไงยูล”
“ยุน นี่มันเป็นการเอาตัวแล้วก็หัวใจเป็นเดิมพันเลยนะ ไม่เสี่ยงเกินไปหน่อยหรอ”
“ถ้าคิดจะรักมันก็ต้องเสี่ยงไม่ใช่หรอ เธอเป็นคนบอกฉันเองนะ”
[Jessica]
อยู่ดีๆก็มีงานใหญ่เข้ามาชนฉันโครมเบ้อเร้อ พรีเซนเตอร์โฆษณา ไม่น่าเชื่อว่าเจสสิก้าจะฮอตได้ขนาดนี้ แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นหลักนะ ประเด็นมันอยู่ที่ข่าววันนี้ต่างหากล่ะ
“ยัยทิฟ ยัยทิฟ ยัยแม่มด ตื่นได้แล้ว”
“อะไรกันเจส จะปลุกทำไมแต่เช้า”
“เช้าบ้าเช้าบออะไร นี่มันจะเที่ยงแล้ว ยัยเพื่อนตัวดี ตื่นมาดูข่าวใหญ่ของแกซะดีๆ”
“ข่าวอะไร” พอพูดว่าข่าวใหญ่ ก็เลยทำให้ยัยนี่ลืมตาตื่นมามองฉันได้
“ข่าวที่แกไปขึ้นคอนโดนายนิชคุณอะไรนั่นไง รู้ไหม หนังสือพิมพ์บางฉบับเขาด่าแกซะเละเลย ฉันอ่านแล้วอยากจะปรี๊ดแตก ไม่รู้จักแกสักนิด แต่เขียนอย่างกับรู้จักแกมาสิบชาติ”
“ช่างมันเถอะ”
“ช่างมันได้ยังไง แล้วอยู่ดีๆแกไปขึ้นคอนโดหมอนั่นทำไมฮะ”
“ก็หมอนั่นพาฉันไปนิ แกคิดว่าคนอย่างฉันจะเสนอหน้าชวนหมอนั่นขึ้นคอนโดเขาก่อนหรือไง”
“มันอันตรายมากเลยนะทิฟ เขาน่ะเหมือนไฟแกเองก็น่าจะรู้ บางทีฉันคิดว่าแกเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงมากเกินไป” ฉันบอกทิฟฟานี่ด้วยสีหน้าจริงจัง ถึงแม้จะไม่ได้รู้จักนายนิชคุณอะไรนั่นเป็นการส่วนตัว แต่ข่าวต่างๆที่ผ่านมา ก็ทำให้รู้ว่าหมอนั่นน่ะโชกโชนมากขนาดไหน
“ก็ดี จะได้ร้อนแรง แล้วก็ตื่นเต้นดีไง แล้วนี่แกไม่ไปเซ็นสัญญาอะไรนั่นหรอ จะเที่ยงแล้วนะ เขานัดบ่ายไม่ใช่หรือไง”
“เออใช่ ตายแล้ว มัวแต่คุยกับแก ถ้าฉันไปสาย ฉันกลับมาเฉ่งแกแน่ทิฟฟานี่”
ฉันรีบบึ่งทะยานไปยังสถานที่นัดเซ็นสัญญาด้วยความเร็วแสง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาไม่นัดเซ็นสัญญาที่บริษัท จะต้องออกไปเซ็นสัญญาที่โรงแรมทำไมให้มันยุ่งยาก
“สวัสดีค่ะ ขอโทษค่ะที่มาสาย”
ฉันเดินเข้าไปในห้องตามที่นัดไว้ ก็พบกับกองทัพนักข่าวมากมาย และที่น่าตกใจที่สุดก็คือ...แจบอม ที่กำลังนั่งยิ้มอยู่หลังป้าย ประธาน P&J กรุ๊ป นี่หมายความว่าคนที่ติดต่อฉันให้มาเป็นพรีเซนเตอร์คือเขาอย่างนั้นหรอ
“สวัสดีครับคุณเจสสิก้า เชิญทางนี้เลยครับ”
นี่คือเหตุผลของการที่บริษัทที่จ้างฉันไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรมาเลยสินะ เป็นวิธีการบีบฉันทางอ้อม ไม่ให้ฉันได้ปฏิเสธได้เลยซิ คิดว่าเอานักข่าวมาเยอะแยะแบบนี้แล้วฉันจะกลัวหรือไง คนอย่างเจสสิก้า ถ้าไม่อยากทำ ก็ไม่มีอะไรมาบังคับฉันได้
“ดิฉันคิดว่าตัวเองคงมาผิดงาน ขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวสิครับ ผมเป็นคนจ้างให้คุณมาเป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์เราเอง ถ้าคุณจะก้าวออกจากห้องนี่ไป คงไม่ใช่เพราะคุณคิดว่าคุณมาผิดงาน แต่คงเป็นเพราะคุณกลัวที่จะร่วมงานมากกว่า”
หลังจากเขาพูดจบก็มีเสียงฮือฮาจากบรรดานักข่าวที่มาคอยทำข่าว ฉันเลยก้าวด้วยความมั่นใจไปนั่งที่เก้าอี้ที่เขาจัดไว้ให้ คนอย่างเจสสิก้าน่ะหรอจะไม่กล้า ไม่มีทาง
“รีบเอาสัญญาออกมาซิ ฉันจะได้รีบๆเซ็น คนอย่างเจสสิก้า ไม่เคยมีคำว่ากลัวอยู่แล้ว”
หลังจากอ่านสัญญาที่ฉันคิดว่าฉันเองมีแต่ได้กับได้ ฉันก็ไม่ลังเลใจที่จะเซ็นชื่อตัวเองลงไปในสัญญานั้นทันที
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัว”
“เอ่อ อย่าเพิ่งค่ะคุณเจสสิก้า ขอสัมภาษณ์เรื่องคุณทิฟฟานี่หน่อยได้ไหมค่ะ”
“ดิฉันไม่มีอะไรจะให้สัมภาษณ์ค่ะ ดิฉันพูดได้แค่ว่าเพื่อนดิฉันไม่ใช่อย่างที่หนังสือพิมพ์หลายๆฉบับเขียนกัน ความจริงดิฉันว่าคนที่ไม่รู้อะไร ก็ไม่ควรจะทำเป็นรู้มาก มันน่าจะดีกว่านะคะ”
คาดว่าพรุ่งนี้คงมีข่าวเกี่ยวกับคำพูดของฉัน และคำด่าต่างๆนาๆจากบรรดาสื่อต่างๆแผ่หราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ แต่ใครจะสนล่ะ
“เดี๋ยวก่อนเจส”
“จะตามฉันมาทำไม หรือว่ายังมีอะไรไม่เรียบร้อยค่ะท่านประธาน”
“เจสไม่น่าไปพูดแบบนั้นกับนักข่าวนะ เขามีปากกาอยู่กับตัว จะเขียนอะไรลงไปยังไงก็ได้”
“แล้วไง”
“แจ..เอ่อ ผมเป็นห่วง กลัวว่าเขาจะเขียนว่าคุณเหมือนกับที่ว่าทิฟฟานี่” มองจากสีหน้าเขาแล้ว ฉันรู้ว่าเขาเป็นห่วงจริงๆ แต่มันไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวได้หรอกนะ
“ฉันไม่กลัวว่าใครจะว่าจะด่าฉันยังไง ถ้าฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คนพวกนั้นพูดซะอย่าง แล้วอีกอย่างความเป็นห่วงของนาย เอากองไว้ตรงนั้น ฉันไม่ต้องการ”
“ไม่มีวันที่เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ยังงั้นเลยหรอ”
ฉันชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดิน แล้วหันกลับมามองหน้าของเขาตรงๆ มองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา ก่อนจะพูดคำที่ทำร้ายความรู้สึกของพวกเราได้เป็นอย่างดี
“ใช่ ไม่ว่าวันนี้ วันหน้า ชาตินี้ หรือชาติหน้า ฉันกับนายไม่มีวันเหมือนเดิม จำเอาไว้นะปาร์คแจบอม ฉันเกลียดนาย เกลียดครอบครัวนาย สาบานว่าฉันจะคอยสวดภาวนาให้ครอบครัวนายล่มจม ขอให้พวกนายได้รับผลกรรมที่ทำไว้กับครอบครัวฉัน”
มีคนอ่าน แต่ไม่มีคนเม้น มันน่าเสียใจมากเลยนะคะ
แค่เสียเวลาสักนิด เม้นติชมผลงานกันบ้าง มันคงไม่ทำให้เสียเวลามากใช่ไหม
Shala. la
ความคิดเห็น