คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : {ซึงฟานี่} Because you're my friend..Part 1 100%
{ซึงฟานี่}
Intro
โปรดอย่าถามฉันเลยว่าจะมีไหมใครที่จะห่วงจะรักเธอด้วยหัวใจ ในแบบที่เธอมี
ในเมื่อเธอไม่มอง คนใกล้ใกล้สักที ฉันนั้นเจ็บรู้ไหม ใกล้แบบนี้ แต่เหมือนไม่มีค่าเลย
ตัวฉันเองก็กลัวเหมือนกัน ถ้าเธอรู้ว่าทุกคำ ที่ฉันพูดไปว่ารักกัน ไม่ใช่คำนั้นที่เธอต้องการ
เมื่อเพื่อนรักกลายเป็นว่ารักเพื่อนฟังแล้วดูเหมือนว่าใกล้กัน จริงๆแล้วคำนั้นมันห่างไกล
เมื่อความรักฉันเป็นเหมือนอากาศที่คอยเคียงข้างเธอเรื่อยไป ไม่เคยเห็นเลยใช่ไหม
...ว่าใครรักเธอ
ฉัน ทิฟฟานี่ ฮวัง ผู้หญิงที่สวยที่สุด หยิ่งที่สุด เป็นที่หมายปองมากที่สุดในโรงเรียน
เขา อีซึงริ ผู้ชายที่หล่อที่สุด เก่งที่สุด เจ้าชู้ที่สุดในโรงเรียน
มันจะเป็นยังไงถ้าเราสองคนคือเพื่อนรักกัน แล้วมันจะเป็นยังไงถ้าคนอย่างฉันคิดกับเขาเกินคำว่าเพื่อน
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“สุดยอดไปเลย”
นายเพื่อนสนิทตัวแสบของฉันกระแทกหนังสือกอสซิปประจำโรงเรียนลงบนโต๊ะในห้องพักส่วนตัวของเรา อย่าแปลกใจที่จะมีห้องแบบนี้ในโรงเรียนด้วย ก็พ่อหมอนี่เป็นเจ้าของโรงเรียน แค่สร้างห้องให้ลูกได้อยู่พักผ่อนสบายๆ ทำไมจะทำไม่ได้กันล่ะ
“อะไรของนาย”
“ก็ดูพาดหัวข่าวสิ โคตรหยิ่ง ในเดือนเดียวทิฟฟานี่ ปฏิเสธผู้ชายไปแล้วถึงสี่คน โห อาทิตย์ละคนเลยนะเนี่ย เจ๋งอ่ะ”
“นี่ ฉันไม่รู้จักหน้าของพวกนี้ด้วยซ้ำ อยู่ดีๆเดินมาขอฉันเป็นแฟน จะบ้าหรือยังไง”
“อะไร เธอไม่รู้จักได้ยังไง นั่นมัน จียง แดซอง แทยัง แล้วก็ท็อปเลยนะ”
“แล้วไง พวกเขาเป็นใครฉันถึงต้องรู้จัก ไร้สาระน่ะ ฉันว่าสกู๊ปสัมภาษณ์นายน่ะน่าสนใจมากกว่านะ”
เขากลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย แน่ล่ะ ภายในเดือนนี้หมอนี่ถูกสัมภาษณ์ไปแล้วถึงสามครั้ง ก็แสดงว่ามีเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้นที่หนังสือกอสซิปออกมา แล้วเป็นบทสัมภาษณ์ของคนอื่น จริงๆ ฉันว่าน่าจะเปลี่ยนชื่อจากสกู๊ปสัมภาษณ์คนดัง เป็นสกู๊ปสัมภาษณ์ซึงริมากกว่านะ
แต่ประเด็นที่มันน่าสนใจก็คือ ครั้งนี้มันเป็นการสัมภาษณ์เรื่องความรักน่ะสิ เหอะ ความรักกับหมอนี่ดูไม่น่าจะเข้ากันได้เลย
คนสัมภาษณ์ : พี่ซึงริไม่คิดจะจริงจังกับใครบ้างหรอค่ะ
ซึงริ : ผมก็จริงจังกับทุกคนที่คบนะครับ
คนสัมภาษณ์ : แล้วทำไมไม่เห็นพี่คบใครเกินหนึ่งอาทิตย์เลยคะ
ซึงริ : ก็ความรู้สึกนั้นมันเกิดขึ้นตอนวินาทีแรกที่เราคบกัน พอผ่านไปเรื่อยๆมันก็ค่อยลดลงๆ จนพอครบหนึ่งอาทิตย์มันก็หายไปในที่สุดไงครับ
เห็นไหม ฉันบอกแล้ว หมอนี่กับความรักมันไม่เข้ากันหรอก
“นายนี่ตอบหน้าด้านชะมัด”
“เฮ้ยๆ ว่ากันแบบนี้ได้ยังไง ฉันตอบตามความเป็นจริงมันผิดตรงไหน”
“ไม่ผิด แต่ความจริงของนายมันทุเรศสิ้นดี”
“จะว่าอะไรก็ว่าไปเถอะ แต่ฉันมีเรื่องขอให้ช่วย”
“คนไหนล่ะ”
“โซฮี ม.ปลาย ปีหนึ่ง ห้องเอ”
เรื่องเดิมๆ โดยไม่ต้องถามให้ยืดยาวว่ามันคืออะไร นี่ครบอาทิตย์แล้วนิที่เขาคบกับคนใหม่ เพราะฉะนั้นก็ได้เวลาที่ฉันต้องไปเป็นตัวร้าย แสล๋นหน้าออกไปบอกให้ผู้หญิงคนนั้นเลิกยุ่งกับหมอนี่ เวรกรรมของฉันหรือยังไงที่ต้องมาเป็นเพื่อนสนิทกับคนแบบนี้
ตอนเย็น ฉันมายืนรอที่หน้าห้องของเด็กนั่น อาจารย์นี่ก็ปล่อยช้าจริงๆ ฉันจะรีบกลับบ้านไปนอนแล้วนะ ที่แอบนอนมาในห้องเรียนมันยังไม่เต็มที่เลย ง่วงชะมัด อ๊า ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึงสวรรค์โปรดจริงๆ
“ใครชื่อโซฮี”
“ฉะ..ฉันเองค่ะ”
สาวน้อยน่ารัก แลดูผู้ดีสุด คุณหนูสุดๆมายืนตรงหน้าฉัน เธอดูน่าสงสารและบอบบางนะ แต่ฉันน่ะทำแบบนี้กับคนที่มีลักษณะแบบนี้มาเยอะแล้ว ก็สไตล์ของหมอนั่นเป็นแบบนี้นี่หน่า น่ารัก น่าปกป้อง น่าทะนุถนอม และอีกสารพัดน่า เอาเป็นว่าตรงข้ามกับฉันทุกอย่างล่ะกัน
คนอื่นๆก็ทยอยมามุ่งดูความร้ายกาจของฉันในครั้งนี้ ทั้งๆที่ก็เคยเห็นกันอยู่แล้ว และฉันเองก็พูดแบบเดิมทุกครั้ง จะมามุ่งอะไรกันนักหนา อึดอัดเว้ย
“เลิกยุ่งกับซึงริซะ”
“ทะ..ทำไมคะ อึก พี่เป็นใคร อึก มาบอกให้ฉันเลิกกับเขาได้ยังไง ฮือ ๆ”
ยัยเด็กบ้านี่จะมาร้องไห้ฟูมฟายกับฉันทำไม ไปร้องกับไอ้บ้าซึงรินู่น โอ้ยย เสียเวลานอนจริงๆเลย
“ฉันเป็นใครงั้นหรอเด็กน้อย ฉันก็เป็นคนที่หมอนั่นส่งมาเขี่ยเธอทิ้งยังไงล่ะ อ๋อ แล้วถ้ามาวันจันทร์ ฉันยังเห็นเธอมายุ่งวุ่นวายกับหมอนั่นอีกล่ะก็ เราจะได้เห็นดีกันนะจ๊ะ”
ฉันเดินออกจากห้องมา ทิ้งให้พวกเพื่อนๆของเธอไปยืนปลอบกันยกใหญ่ โทษใครไม่ได้ล่ะนะโซฮี คงต้องโทษตัวเธอเองที่ไปเล่นกับไฟ แล้วไฟอย่างหมอนั่น มันก็ร้อนแรง และพร้อมที่จะแผดเผาเธอให้กลายเป็นจุณในชั่วพริบตาซะด้วยสิ
ฉันเดินลงมาที่รถสปอร์ตที่จอดไว้ที่ลานจอดรถของอาจารย์ อ๋อ นี่ก็เป็นอภิสิทธิ์อย่างหนึ่งของลูกเจ้าของกับเพื่อนของลูกเจ้าของน่ะ ซึ่งในที่นี้มันก็มีแค่ฉันคนเดียวแหละ นอกจากฉันหมอนี่ไม่มีคนอื่นคบ และฉันก็เช่นกัน นอกจากหมอนี่ก็ไม่มีใครคบฉัน
“สำเร็จไหม”
“ฉันเคยทำไม่สำเร็จหรือไง ฮู้ว์ แต่ยัยเด็กนั่นร้องไห้น่าสงสารเป็นบ้าเลย”
“จริงหรอ” ฉันหันไปมองหน้าเขา ทำเสียงอ่อยๆแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน อย่าบอกนะว่ากับคนนี้จะใจอ่อนยอมกลับไปคบอีก แต่ถ้าจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่แปลกนะ เพราะเท่าที่เคยเจอมา คนนี้น่าจะตรงสเปคหมอนี่ที่สุดแล้ว
เสาร์ อาทิตย์ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว สวรรค์ใจร้ายให้คนไปเรียนจันทร์ถึงศุกร์เหลือเพียงแค่เสาร์ อาทิตย์ไว้ให้พัก ทำไมถึงไม่ลองกลับกันบ้างให้ไปเรียนเสาร์ อาทิตย์ และพักจันทร์ถึงศุกร์ ฉันว่านักเรียนคงจะชอบ โดยเฉพาะฉัน
ตอนที่นั่งแต่งหน้า ฉันนั่งมองหน้าตัวเองในกระจก หน้าแบบนี้ สวยๆ หยิ่งๆ เชิดๆ แบบนี้ บอกตามตรงฉันเกลียดมัน ทำไมฉันถึงไม่มีใบหน้าที่น่ารัก อ่อนหวานกับคนอื่นเขาบ้าง เผื่อบางทีตำแหน่งข้างๆเขาสักอาทิตย์ อาจจะเป็นของฉันบ้าง
ฉันมาถึงโรงเรียนก็เกือบเข้าเรียนพอดี เหมือนกับหมอนั่นที่มาตอนนี้เช่นกัน พร้อมด้วยเด็กคนนั้น โซฮี ฉันเลิกคิ้วมองหมอนั่นด้วยความแปลกใจ แต่เขาก็ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ส่งมาให้ ส่วนยัยเด็กนั่นฉันแอบเห็นว่าส่งสายตาเยาะเย้ยมาให้ฉัน
“ทำหน้าแบบนั้น หมายความว่ายังไง”
ฉันเดินไปกระชากแขนของยัยนั่น พระเจ้าทันทีที่เผชิญหน้ากันตรงๆ โดยมีซึงริอยู่ตรงกลาง หน้าของเธอก็เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เหมือนกับจิ้งจกที่เปลี่ยนสีเลยนะจ๊ะแม่สาวน้อย
“ฉะ..ฉันยะ..ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ”
“ไม่เอาน่าฟานี่ น้องเขากลัวหมดแล้ว”
“นายน่ะ หุบปาก เงียบๆไปเลย”
“พะ..พี่คะ โซฮีเจ็บ”
“เจ็บหรอ ถ้าเจ็บแล้วก็จำด้วยว่าอย่ามาทำแบบนั้นกับฉันอีก ขอบอกว่าการที่เห็นเธอกลับมาควงกับหมอนี่อีกครั้ง ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักหรอก เพราะอีกไม่นาน เขาก็จะสลัดเธอทิ้งเหมือนเดิม”
ฉันเดินขึ้นห้องเรียนไปด้วยความหงุดหงิดใจ หึ ให้ฉันทำตัวเป็นมารร้ายบอกเลิกยัยเด็กนั่นเมื่อวันศุกร์ พอวันจันทร์ก็กลับมาคบกันใหม่ อิซึงริ นายนี่มัน
“เอ่อ ขอโทษนะครับ”
“มาขอโทษบ้าบออะไรฮะ คนจะรีบไปเรียน จะมายืนขวางทางทำไมว่ะเนี้ย”
“เอ่อ ทิฟฟานี่”
“เออ ฉันรู้แล้วว่าฉันชื่อทิฟฟานี่ อะไรของนายเนี้ย”
“ฉันชื่อฮยอนจุง อยู่ห้องเดียวกับเธอ คือว่าฉันแอบมองเธอมานานแล้ว”
“แล้วไง ก็เลยจะมาขอคบกับฉันงั้นสิ บอกให้นะว่าถ้าฉันต้องคบกับคนที่แอบมองฉันเนี่ย ตอนนี้ฉันคงมีแฟนเป็นร้อยคนแล้วล่ะ ถอยไปได้แล้ว ฉันจะรีบขึ้นห้อง เสียเวลาชะมัด
ตอนกลางวันของวันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน ฉันยังคงพาตัวเองไปอาศัยอยู่ในห้องพักส่วนตัวของซึงริ ถึงแม้จะโกรธที่หมอนั่นกับไปคบกับยัยเด็กบ้านั่น แต่เพื่อนอย่างฉัน จะทำอะไรไปได้มากกว่านี้ล่ะ
“ฟานี่อ่า” เสียงเรียกรอบที่ล้านแปดของเขา ที่ยังคงเรียกฉันอย่างต่อเนื่อง อย่างว่าแหละ ตั้งแต่เข้ามาฉันก็เอาหน้าซุกที่หมอนทันที ไม่คุย ไม่พูด ไม่เล่นกับเขา
“อย่าโกรธฉันเลยนะ”
“รู้ด้วยหรอว่าโกรธ”
“รู้สิ”
“รู้แล้วทำทำไม”
“ก็..”
“ฉันไม่ว่าหรอกนะ ถ้านายจะคบกับใครหรืออะไรยังไง แต่ถ้ายังไม่คิดจะเลิกจริงๆ ก็อย่ามาบอกให้ฉันไปทำแบบนั้น มันเป็นการหักหน้าฉัน นายรู้บ้างหรือเปล่า”
“รู้ แต่น้องเขาก็น่าสงสารจริงๆนะ เธอดูหน้าน้องเขาสิ เห็นแบบนั้น แล้วฉันใจอ่อน”
“งั้นนายมองหน้าฉันสิ แล้วเวลาจะใจอ่อน นายก็ช่วยนึกถึงหน้าเพื่อนคนนี้บ้างว่ามันจะแหกยับเยินขนาดไหน”
“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนิ ยังโคตรหยิ่งเหมือนเดิม”
เลิกพูดดีกว่า พูดไปก็ไม่เข้าไปในหัวสมองหรือไม่เข้าไปในหัวใจของหมอนี่หรอก ฉันว่าฉันนอนยังจะดูมีสาระมากกว่านั่งพูดกับหมอนี่เลย
“นี่ได้ข่าวว่าฮยอนจุง ห้องเรา เขามาขอคบเธอหรอ”
“จมูกไวดีนะ”
“แล้วเธอคิดว่าเขาเป็นยังไง”
“ตอนนี้ฉันจำหน้าหมอนั่นไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ”
“เธอมันบ้า บ้าจริงๆ ฮ่าๆ”
ฉันบ้าตรงไหนว่ะ ก็ฉันจำไม่ได้นี่หน่า ใครจะทำไมละ โธ่เอ๊ยย ตัวเองก็เหมือนกันแหละ จำหน้าผู้หญิงที่คบด้วยทุกคนหมดหรือเปล่า
colors grace.
ความคิดเห็น