คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : haefany; Time machine Part I {100%}
ใครๆก็บอกว่าเวลาไม่เคยเดินหมุนกลับ เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตที่ผ่านไปแล้ว
แต่ถ้าฉันสามารถล่ะ! ถ้าพระเจ้าเมตตาให้ฉันได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 8 ปีที่แล้วอีกครั้งล่ะ
______________________________________________________________________
‘พรุ่งนี้แล้วสินะ’ ฉันเอ่ยกับตัวเองเบาๆ ส่งยิ้มให้กับผู้หญิงในกระจก แม้มันจะเป็นยิ้มที่ฝืดเฝื่อนเต็มที่ก็ตาม แต่ก็ไม่มีหนทางไหนที่ฉันจะให้กำลังใจผู้หญิงตรงหน้าได้ดีไปกว่านี้แล้ว
หลายวันก่อน
“ทิฟฟานี่ อาทิตย์นี้พี่ทงเฮจะแต่งงานแล้วนะ” แทยอน เพื่อนสนิทของฉัน ญาติสาวของผู้ชายคนนั้นพูดขึ้นในระหว่างที่เราสองคนกำลังทานอาหารค่ำกันอยู่
“หรอ” ฉันเอ่ยบอกเหมือนจะไม่ยี่หระอะไร หากแต่ในใจเหมือนมีอะไรหนักๆพุ่งชนอย่างแรงโดยที่ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัว
“พี่เขาฝากการ์ดเชิญมาให้แกด้วย” ฉันยื่นมือไปรับการ์ดแต่งงานจากมือแทยอน รูปว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังส่งยิ้มให้กันด้วยความรัก ทำให้ฉันนึกอิจฉา รอยยิ้มแบบนี้ สายตาแบบนี้ เมื่อแปดปีที่แล้ว มันเคยเป็นของฉันเพียงคนเดียว
“แกจะไปหรือเปล่า” แทยอนถามฉัน สีหน้าของเธอหนักใจพอสมควรที่ต้องพูดเรื่องนี้กับฉัน
“วันอาทิตย์นี้ฉันมีถ่ายละครที่ปูซาน คงจะไม่ได้ไป ยังไงก็ฝากแสดงความยินดีกับเขาด้วยแล้วกัน”
ฉันทิ้งตัวลงบนที่นอนคิงไซด์ภายในคอนโดมิเนียมสุดหรูของตัวเอง พรุ่งนี้ฉันไม่ได้มีถ่ายละครที่ปูซานอย่างที่บอกกับแทยอนไป หากแต่รู้ว่าตัวเองคงไม่สามารถไปยืนอยู่ในงานแต่งงานของผู้ชายคนนั้นได้
ฉันพยายามจะข่มตาให้หลับ แต่ดูเหมือนว่าจะทำได้ยากเหลือเกิน ในค่ำคืนที่หัวใจยังคงว้าวุ่นเช่นนี้ เรื่องราวต่างๆในอดีตไหลย้อนกลับมาราวกับจะย้ำเตือนถึงสิ่งผิดพลาดที่ฉันได้ทำลงไปเมื่อแปดปีก่อน
‘ถ้าโลกนี้มีไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปได้ก็คงดีสินะ บางทีพรุ่งนี้คนที่ยืนข้างๆพี่อาจจะเป็นฉันก็ได้’ ฉันหัวเราะเบาๆให้กับความคิดอันน่าสมเพชของตัวเอง ก่อนจะหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทรา
ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่กำลังกระทบผิวกาย พอมองไปรอบๆก็พบว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้นอนอยู่บนที่นอนนุ่มๆในคอนโดอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับมานอนอยู่บนเก้าอี้ยาวในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
“ไม่ต้องตกใจไปหรอก” ฉันหันไปตามเสียงพูดที่ดังอยู่ด้านหลังของตัวเอง เจ้าของเสียงนั่นเป็นผู้ชายร่างสูงในชุดสูทสีขาวเนื้อดี ออร่าที่ส่องประกายออกมาจากตัวของเขา ทำให้สายตาของฉันเหมือนจะพร่ามัวไปชั่วขณะ
“คุณเป็นใคร แล้วที่นี่ที่ไหน แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ฉันควรตอบคำถามไหนของเธอก่อนดีล่ะ”
“อย่ามากวนประสาทฉันนะ” ฉันเผลอตวาดออกไปตามนิสัยอย่างลืมตัว ลืมว่าฉันควรจะเกรงกลัวผู้ชายที่ฉันไม่รู้จักตรงหน้าคนนี้
“สมเป็นเธอจริงๆทิฟฟานี่ ฉันเป็นใครงั้นหรอ เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ส่วนที่นี่ที่ไหนงั้นหรอ ที่นี่ก็คือโซลนั่นแหละ แต่ว่าเป็นโซลในปี 2012”
“นี่คุณพูดบ้าอะไรของคุณ ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ” ฉันพูดออกไปด้วยเสียงสั่นๆ ยิ่งเมื่อเหลือไปเห็นนาฬิกาอันใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ของสวนสาธารณะแห่งนี้แล้ว ฉันก็เริ่มสั่นไปทั้งตัว 1 มกราคม 2012 นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
“เมื่อคืน เธอบอกว่าอยากมีไทม์แมชชีน เพื่อจะกลับไปแก้ไขอะไรบางอย่าง ฉันก็เลยพาเธอกลับมา 30 วันนับจากนี้เป็นต้นไป แก้ไขสิ่งผิดพลาดของเธอซะ นี่เป็นโอกาสเดียวของเธอเท่านั้น” ฉันหันกลับมามองที่ผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า
“อ๋อ วันนี้เธอมีนัดกับอีทงเฮตอน 11 โมงที่ร้านอาหารของครอบครัวเยซอง รีบหน่อยล่ะ นี่มัน 10.30 แล้วนะ” เสียงของผู้ชายคนนั้นดังมาจากที่ไหนไกลๆสักแห่ง จะบ้าหรือไงจากสวนสาธารณะนี้ไปถึงร้านพี่เยซองต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมง แล้วฉันจะไปทันได้ยังไง
ฉันยืนหอบแฮกๆอยู่ด้านหน้าร้านของบ้านพี่เยซอง กวาดสายตามองไปด้านในก็พบว่าไม่มีลูกค้าอยู่เลยสักคนเดียว นอกจากพี่ทงเฮที่นั่งมองนาฬิกาด้วยความกระวนกระวายใจ เมื่อแปดปีที่แล้ว เขาก็คงเป็นแบบนี้สินะ เขาคงนั่งรอฉันอยู่ในร้านนี้เพียงคนเดียว เพียงแต่ว่าตอนนั้นฉันเลือกที่จะไม่มา
“ทิฟฟานี่” พี่ทงเฮผุดลุกจากที่นั่งพร้อมกับส่งเสียงเรียกฉันทันทีที่เห็นฉันเปิดประตูร้านเข้ามา
“รอนานหรือเปล่า” ฉันถาม ไม่รู้ว่าตัวเองมาสายไปมากเท่าไหร่ แต่เหมือนว่าคำถามของฉันจะทำให้คนตรงหน้าแปลกใจน่าดู
“ไม่นานหรอก นี่เพิ่งสิบโมงห้าสิบนาทีเอง วันนี้เธอมาก่อนเวลาตั้งสิบนาทีนะ” ฉันเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ไม่มีทางที่ฉันจะใช้เวลาแค่ 20 นาทีเพื่อมาถึงที่นี่ แต่พอนึกได้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้ฉันสามารถย้อนกลับมาตรงนี้ได้ ฉันก็เลิกสงสัยไปทันที
“ดีใจล่ะสิที่ฉันมา” พี่ทงเฮขยับแว่นเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอย่างเขินๆ เหมือนคนถูกจับไต๋ได้ ฉันนั่งมองรอยยิ้มของเขาที่เมื่อก่อนไม่เคยแม้แต่จะใส่ใจด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
“ทั้งดีใจ แล้วก็ตกใจด้วย ปกติเธอเคยมาตามนัดซะที่ไหน” พี่ทงเฮพูดเหมือนจะตัดพ้อ แต่ปากกลับไม่ยอมหุบยิ้ม
“รู้ว่าฉันไม่เคยมาก็ยังจะนัดอยู่ได้”
“วันนี้เธอก็มาแล้วนี่ไง”
“หุบยิ้มบ้างก็ได้ ปากจะฉีกไปถึงหูอยู่แล้ว เอ้า กินเข้าไปซะ เย็นหมดแล้ว กล้าสั่งอาหารโดยที่ฉันยังไม่มาได้ยังไงฮ่ะ” ฉันแกล้งดุพี่ทงเฮ และก็ดูเหมือนจะได้ผล พี่ทงเฮหน้าเสียไปทันที
“ทำไมล่ะ เธอไม่ชอบหรอ แต่พี่ว่าพี่สั่งอาหารที่เธอชอบทุกอย่างเลยนะ หรือว่าแทยอนจะบอกข้อมูลมาผิดกันนะ”
“ฮ่าๆ ไม่ผิดหรอก ของพวกนี้ของโปรดฉันทั้งนั้นแหละ เลิกนอยได้แล้ว กินกันดีกว่า ฉันหิ๊วหิว” ฉันบอกพลางส่งยิ้มตาหยีไปให้ ก่อนจะตักบิบิมบับเข้าปาก
“เหมือนฝันเลยจริงๆ” พี่ทงเฮถือตะเกียบค้างพลางมองหน้าฉัน
“เพ้ออะไรของพี่เนี่ย”
“ผู้หญิงตรงหน้าพี่คือทิฟฟานี่ตัวจริงใช่ไหม”
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงตรงหน้าจะเป็นทิฟฟานี่จริงๆ จะว่าไป จริงๆแล้วผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อตั้งแต่ที่เธอก้าวเข้ามาในร้านนี้แล้วแหละ
นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่ทิฟฟานี่ยอมมาตามนัดของผม ทุกครั้งที่ผมนัดเธอ ไม่มีสักครั้งที่ทิฟฟานี่จะเอ่ยปากตอบรับ การตอบสนองของเธอมีแต่ความเงียบเท่านั้น แต่ผมก็ยังไปรอเธอทุกครั้ง แล้วก็นั่นแหละ ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะมา
“ไปไหนกันต่อดี” ผมถามหลังจากที่เราสองคนทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“คนเยอะแบบนี้ ไปไหนได้หรือไง” เธอตอบ นั่นสิ วันนี้เป็นวันเริ่มต้นศักราชใหม่ สถานที่ต่างๆคงจะคราคร่ำไปด้วยผู้คนแน่ๆ ถ้าเราสองคนออกไปด้วยกัน มีหวังได้เป็นข่าวอีกชัวร์ แล้วทิฟฟานี่ก็คงจะไม่พอใจ วีน เหวี่ยงอย่างไม่ต้องสงสัย
“นั่นสินะ เธอคงกลัวเป็นข่าวอีกล่ะสิ เฮ้อ อยากจะไปไหนมาไหนกับดาราดังนี่ต้องทำใจเน๊อะ”
“พูดอย่างกับพี่ไม่ดังเลยนะ”
สุดท้ายเราสองคนก็ไม่ได้ไปไหน นั่งคุยกันไปเรื่อยๆในร้านของพี่เยซอง ผมมีความสุขมากจริงๆ วันนี้ทิฟฟานี่ยิ้มและหัวเราะมากกว่าครั้งไหนๆที่เจอกัน ถ้าหากว่านี้เป็นความฝัน ขอให้ใครอย่าปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาอีกเลยเถอะ
“แต่งเพลงอยู่หรอ” ทิฟฟานี่ถามผมที่กำลังนั่งหัวฟูเหมือนคนเป็นบ้า ที่พื้นเต็มไปด้วยกระดาษที่ถูกขย้ำทิ้งไว้มากมายจนดูเละเทะไปหมด
วันนี้ทิฟฟานี่มานั่งเล่นนอนเล่นอยู่ที่บ้านผม โดยให้เหตุผลว่าเบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ และไม่อยากอยู่คนเดียว ก็แปลกดี เพราะปกติถ้าไม่ได้ถ่ายละคร ทิฟฟานี่ก็แทบจะไม่อยากก้าวออกจากคอนโดของเธอไปไหน ก็อย่างว่าอาชีพอย่างพวกเรา วันไหนที่ได้หยุดพักอยู่บ้านสบายๆ วันนั้นก็คือสวรรค์เลยนั่นแหละ
“อือ จะเอาใส่ไว้ในอัลบั้มใหม่น่ะ”
“แล้วแต่งไม่ออกหรือไง ถึงได้ทำหน้ามู่ทู่เชียว”
“หน้าพี่มันดูแย่ขนาดนั้นเชียว”
“ใช่สิ ยิ้มหน่อยๆๆๆ นั่งหน้าเครียดแบบนี้จะคิดอะไรออกได้ยังไง” ทิฟฟานี่เอื้อมเอามือมาจับมุมปากของผมทั้งสองข้างให้ยกขึ้น แล้วก็เปลี่ยนมาหยิกแก้มผมดึงเล่นไปมา จนผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“เดี๋ยวฉันไปทำโกโก้ร้อนมาให้นะ ดื่มอะไรอุ่นๆ สมองจะได้แล่นๆ”
ผมมองตามทิฟฟานี่ที่เดินเข้าไปในห้องครัว พลันเนื้อเพลงก็เริ่มไหลเข้าสู่หัวสมอง ผมลงมือจดมันลงในกระดาษทันที
ผมนั่งยองๆข้างๆโซฟาที่ทิฟฟานี่กำลังนอนหลับอยู่ พลางมองเนื้อเพลงที่แต่งเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วยรอยยิ้ม ผมเอื้อมมือไปปัดผมที่หล่นมาปิดหน้าของเธอออกอย่างเบามือ แต่มันก็ยังสามารถปลุกให้เธอตื่นได้อยู่ดี
“ค่ำแล้วหรอเนี่ย นี่ฉันนอนนานขนาดนี้เลยหรอ”
“ใช่แล้ว เธอนอนนานมาก แถมยังนอนกรนเสียงดังอีกต่างหาก” ผมแกล้งเอ่ยแซว แต่ดูเหมือนว่าทิฟฟานี่จะเชื่อจริงๆ สีหน้าเหรอหราของเธอตลกน่าดู
“มะ..ไม่จริงหรอก อย่ามาอำนะ ฉันไม่เชื่อหรอก”
“ไม่เชื่อก็ตามใจสิ” ผมลุกเดินมานั่งที่เปียโน แล้วเริ่มลงมือบรรเลงเพลงที่เพิ่งแต่งเสร็จสดๆร้อนๆ
“พี่แต่งเพลงเสร็จแล้วหรอพี่ทงเฮ” ทิฟฟานี่เดินตามมายืนข้างๆ พลางชะโงกหน้ามาหวังจะดูเนื้อเพลงที่ผมแต่ง แต่ผมก็เอาตัวเองบังเนื้อเพลงไว้อย่างมิดชิด
“แน่นอนสิ นี่ใครกัน อีทงเฮนะครับ แค่แต่งเพลง แปปเดียวก็เสร็จ ไม่เกินความสามารถหรอก”
“ขี้โม้จัง แล้วนี่พี่จะเอาตัวมาบังฉันทำไม ฉันจะอ่านเนื้อเพลง”
“ไม่ให้อ่านหรอก ฮ่าๆ” ผมบอกพลางดึงเนื้อเพลงมาไว้ในมือ แล้วยกขึ้นเหนือหัว ทิฟฟานี่ก็พยายามจะกระโดดแย่งจนเหนื่อย แล้วสุดท้ายเธอก็ยอมแพ้ไปเอง
“ขี้งกที่สุด ขออ่านก่อนแค่นี้ก็ไม่ได้”
“เอาไว้ไปฟังในวันคัมแบคก็แล้วกัน สัญญานะว่าวันนั้นเธอจะไปเชียร์พี่”
“ไม่ไปหรอก เชอะ” ทิฟฟานี่สะบัดหน้าอย่างงอนๆ ซึ่งการกระทำแบบนั้นมันน่ารักซะจนผมต้องเอามือไปยีผมเธอเล่นด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ไปเถอะนะ เธอจะไม่ไปได้ยังไง นี่มันเพลงของเธอนะ”
“เพลงของฉัน” ทิฟฟานี่เลิกคิ้วอย่างงงๆ
“ใช่ เพลงนี้เป็นเพลงของเธอ”
ผมเอ่ยบอกออกไปแค่นั้น ไม่ได้ขยายความให้เธอรู้ชัดมากกว่าเดิม ทิฟฟานี่ยังคงทำหน้างงอยู่เช่นเดิม ในขณะที่ผมฉีกยิ้มกว้างส่งให้เธอ
ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้คือผู้หญิงที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผม นับตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจนถึงวันนี้ เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ว่าจะต้องเจอะเจอกับอะไรก็ตาม ผมก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ ผ่านทุกอย่างไปเพื่อให้ได้อยู่เคียงข้างเธอ
ไม่ว่าที่ผ่านมาเธอจะมองข้ามผม ไม่สนใจผม จะเหวี่ยง จะวีนใส่ผมยังไงก็ตาม แต่ยังไงเธอก็ยังคงเป็นเธอ เป็นทิฟฟานี่...รักครั้งแรกของผม
Chit Chat w/ Mo:
Vikki M. --> จำได้ค่ะ เห็นหน้าค่าตากันมาตั้งแต่เรื่องเก่าก่อนแล้ว ขอบคุณนะคะที่ยังติดตามกันจนถึงเรื่องนี้เลย J
Jack-service --> ขอบคุณค่ะ สู้สุดใจเลย \/
tarnSONE --> ขอบคุณเช่นกันค่ะที่เข้ามาอ่าน นั่นสิมีเวลา 30 ฟานี่จะทำได้ไหมเนี่ย
ho-min --> ยังไงๆก็ติดตามกันมาจนมาเม้นเรื่องนี้แล้ว งั้นไม่โกรธก็ได้ค่ะ ฮ่าๆ
LOVE FANY FANY --> โมว่าน่าจะต้องเอาใจช่วยไรเตอร์มากกว่าเอาใจช่วยฟานี่ค่ะ 55
บ่นนิดนึง แอบนอย คนเข้าชมตั้งเกือบร้อย แต่มีคนเม้นแค่เจ็ดคนเอง เฮ้อ ไม่มีคนอ่านยังไม่เซ็งเท่ามีคนอ่านแต่ไม่เม้นเลยนะคะ
ความคิดเห็น