ตอนที่ 8 : ตอนที่ 6 คาถาอัญเชิญ 100 % แก้ไขสำนวน
ตอนที่ 6 อัจฉริยะไม่ได้แค่หนึ่ง
การร่ายเวทมนตร์ในโลกของ Eternal World จะมีทั้งเอ่ยคาถาด้วยวาจา การใช้อักษรภาพโดยการนึกภาพสัญลักษณ์ซึ่งจะร่ายได้ไวกว่าการใช้วาจา และการร่ายในระดับสูงด้วยการเนรมิตเพียงแค่นึกคาถาในใจโดยไม่ต้องร่ายก็ก่อเกิดเวทได้ดั่งใจนึกแต่ปัจจุบันยังไม่มีใครทำได้ เพราะเป็นผู้ที่แตกฉานการใช้เวทอย่างแท้จริงเท่านั้น
การใช้ภาษาสัญลักษณ์โดยการนึกภาพ เป็นการผายมือออกไปเพื่อเล็งเป้าหมาย จากนั้นก็ใช้การนึกภาพสัญลักษณ์หรือภาษาเฉพาะที่เรียกว่า “ภาษาธรรมชาติ” แต่ละตัวนำมาเรียงกันเป็นการร่ายเวทย์ โดยเวทแต่ละสายธาตุจะมีการใช้สัญลักษณ์แตกต่างกันไป เช่นการร่ายเวทย์สายธาตุไฟทุกครั้งจะต้องมีสัญลักษณ์ไฟ ซึ่งเป็นรูปคล้ายดวงไฟที่ถูกจุด โดยวาดขึ้นด้วยเส้นโค้ง4เส้นนำเรียงกันเป็นรูปดวงไฟ ซึ่งมันมีลักษณะคล้ายภาษารูนโบราณ
การร่ายอักษรภาพแม้จะร่ายได้ไวกว่าการเอ่ยคาถา แต่ก็มีความยากมากกว่าเพราะตกจดจำภาษาสัญลักษณ์เวทระดับ 1 จะใช้สัญลักษณ์ 4 ตัวเวลาร่ายเมื่อเราผายมือออกไป สัญลักษณ์เวทจะถูกเขียนขึ้นในอากาศเรียงกันเป็นวงแหวนรอบข้อมือเรา ถ้าเป็นเวทระดับ 2 ก็จะต้องใช้สัญลักษณ์เพิ่มเป็น 2 เท่าจากระดับต่ำกว่านั่นคือใช้ 8 ตัว
หากเป็นเวทระดับ 5 และเป็นเวทโจมตีหมู่ก็จะบังเกิดวงเวทขนาดใหญ่ล้อมรอบศัตรูที่เป็นกลุ่ม ใช้สัญลักษณ์ 64 ตัว ยิ่งผู้ร่ายนึกภาพสัญลักษณ์ไวเท่าไรก็จะยิ่งร่ายได้ไวขึ้นเท่านั้น ซึ่งต่างจากการร่ายด้วยการท่องคาถาที่ต้องเปิดหนังสือท่องราวกับบทสวดมนตร์ขนาดเวทระดับ 1 ต้องท่องยาวเทียบเท่าสวดนมัสการพระรัตนตรัยซึ่งต่อท่องคล่องแค่ไหนก็ต้องใช้เวลากว่า 5 วินาที ตรงข้ามเวทระดับ 1 เพียงนึกภาพสัญลักษณ์แค่ 4ตัวก็ร่ายเสร็จอย่างช้าสุดแค่ 1 วินาทีเท่านั้น
แม้จะมีความยากในการจำตัวอักษรภาพ ทว่าคนส่วนใหญ่ก็มักจะฝึกด้วยวิธีนี้กันเพราะมันจำเป็นหากจะร่ายเวทในระดับสูงๆ ไม่เช่นนั้นบางคนก็ต้องพกหนังสือมาเปิดสวดขณะร่ายเวทซึ่งมันไม่เหมาะหากต้องต่อสู้ตัวต่อตัว
ขณะนั้นเปลวฟ้าสามารถร่ายเวทระดับ 3 ด้วยการจำอักษรภาพพร้อมกันถึง 2 มือได้สำเร็จซึ่งใช้สัญลักษณ์ถึง 16 ตัวและต้องร่ายถึง 2 ครั้งเพื่อให้เกิดขึ้นทั้ง 2 มือ เขาร่ายเร็วเสียจนเหมือนใช้โปรแกรมโกง ในขณะที่คนอื่นร่ายเวทระดับ 3 กว่าจะภาพแต่ละตัวออกทีละตัว ใช้เวลาเฉลี่ย 10 วินาทีจะได้ 1 เวท แต่เขากลับใช้เวลา 4 วินาทีร่ายเวทระดับได้ถึง 2 เวท
อาจารย์สอนเวทนามว่า “มาดูคัส”ชายหนุ่มผมยาวสวมหมวกทรงสูงในชุดสีแดง ผู้สอนการร่ายคาถาให้เปลวฟ้า เขามองระดับพัฒนาของเปลวฟ้าด้านการร่ายเวทจนอ้าปากค้าง ส่วนใหญ่ผู้เข้ามาฝึกในสมาคมจอมเวทย์ จะเริ่มฝึกการร่ายคาถาระดับ 1-3 ก่อน โดยให้ผู้ร่ายเวทเป็นผู้เลือกที่จะจดจำคาถาและสายธาตุ ทำให้ผู้ร่ายแต่ละคนจบการเรียนสกิลคาถาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความสามารถในการจดจำ แล้วถึงจะออกไปฝึกด้วยการใช้ภารกิจ
ส่วนใหญ่ผู้เล่นไม่อยากหยุดกับการมัวแต่เรียนจดจำสกิลคาถา ทำให้จำได้แค่ 2 ธาตุหรือธาตุเดียว บ้างก็ได้ทั้ง 3 ระดับ บ้างก็แค่ 2 ระดับ แล้วส่วนที่จำไม่ได้ก็จะจดลงบันทึก เนื่องจากการฝึกคาถาในตึกสมาคมจะแบ่งเป็นห้องส่วนตัว ทำให้มีแต่อาจารย์จอมเวทที่คอยรับผิดสอนเท่านั้นที่รู้ถึงความสามารถของเปลวฟ้าและพวกอาจารย์จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
แต่ตอนนี้เปลวฟ้าได้ประสบอุปสรรค์ครั้งใหญ่ในการร่ายเวทเนื่องจากการรับการฝึกเวทระดับ 4 จำต้องไปทำภารกิจให้กับสมาคมโดยการล่าปิศาจในป่าซึ่งเจ้าปิศาจที่ตามล่าเขาหลบซ่อนอยู่
“เปลวฟ้าศิษย์ของข้าเจ้าเป็นอะไรไปรึ ?”มาดูคัสอาจารย์สอนเวทของเปลวฟ้า ถามเขาเมื่อดูจากสีหน้าลูกศิษย์ผู้น่าทึ่งกลับทำหน้าเคร่งเครียดขณะมองภารกิจง่ายๆ แค่การล่าปิศาจเต่าอสูรสีแดงฉาด “เรดองก้า” ความอันตรายระดับ 3 แล้วเอากระดองมันมาให้ได้ 20 กระดองเพื่อนำมาทำเกราะป้องกัน แม้จะพลังโจมตีกับพลังป้องกันจะสูง พลังชีวิตเยอะ แต่มันเคลื่อนที่ช้ามาก จึงแพ้ทางพวกจอมเวทโดยเฉพาะ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”เปลวฟ้ากล่าวเสียงเรียบแล้วแสร้งยิ้มให้มาดูคัสเป็นการกลบเกลื่อน “ผมแค่ขี้เกียจเดินเข้าป่าไปไกลเพื่อไปหามันที่ชายทะเลน่ะครับ...ผมขอตัวก่อนนะครับ”
เมื่อเปลวฟ้าเดินออกจากห้องฝึกเวทไป มาดูคัสก็เดินตามออกมา เขาพบ”วากเนอร์”เพื่อนผู้เป็นอาจารย์เช่นกัน เป็นชายหนุ่มผมยาวสีแดงที่กำลังเดินสวนมาหาเขาพอดี
“ว่าไงมาดูคัสศิษย์ของนายรอบนี้เจ๋งไหม ?”วากเนอร์ทักถามทันทีที่เห็น “ศิษย์ของฉันยังโง่จำอักษรภาพได้แค่ระดับ 2เอง ผ่านมาครึ่งวันยังได้แค่ธาตุเดียวเอง ฉันก็เลยไล่ให้จดคาถาลงสมุดแล้วก็ไล่ให้ไปทำภารกิจเลย”
“งั้นเหรอ แต่ของฉันโอเคกับลูกศิษย์รอบนี้”มาดูคัสตอบเสียงเรียบเมื่อนึกสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องฝึก ซึ่งปกติอาจารย์ที่สอนไม่ควรบอกความลับเรื่องลูกศิษย์ ซึ่งเขาก็เองก็ไม่อยากบอกว่าศิษย์ของตัวเองรอบนี้จดจำได้คาถาทุกระดับได้หมด และยังทุกสายธาตุทั้ง 5สายเช่น ดิน น้ำ ลม ไฟ และสายฟ้า แถมยังร่ายได้ไวกว่าอาจารย์ทุกคนในสมาคมเสียอีก ซึ่งเขาไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเปลวฟ้าสำเร็จเวทระดับ 5 ไปแล้วจะมีใครสู้ได้
เมื่อเปลวฟ้าเดินออกมาจากสมาคมจอมเวทย์ เขาก็ถึงกับยืนไหล่ตกที่ยูเรียน่านั่งรอเขาอยู่ เมื่อเธอเห็นเขาก็คลี่ยิ้มแล้วเดินมาถามเขาทันทีด้วยสีหน้าอยากรู้
“เป็นไงคะ ร่ายได้กี่สายได้กี่ระดับ ?”
“ก็ประมาณ 2 สาย”เปลวฟ้าเดินไปตอบไปโดยไม่หันไปมองอีกฝ่าย
“ฉันไม่เชื่อคุณหรอกค่ะ”ยูเรียน่าบอกเสียงใสด้วยความมั่นใจ “บอกความจริงมาเถอะค่ะ ฉันไม่บอกใครหรอก”
เปลวฟ้าหยุดเดินแล้วหันมาหายูเรียน่าถามอย่างลองเชิง“แล้วทำไมถึงคิดว่าฉันพูดไม่จริงละ ?”
“ก็ตอนแรกคุณว่าจะแสดงความอัจฉริยะให้ฉันดูไม่ใช่เหรอคะ ?” เธอย้อนถามเรื่องก่อนที่เขาจะเข้าไปในสมาคมจอมเวทย์
“แล้วทำไมถึงคิดว่าว่าตอนนั้นฉันพูดลจริงละ ? ฉันอาจโม้ก็ได้”เปลวฟ้าถามต่อด้วยความรู้สึกถึงบางอย่างที่ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาไม่อาจทำเป็นไม่สนใจได้
“ไม่รู้ดอกนะว่าโม้แปลว่าอะไร แต่ถ้าหมายถึงเรื่องที่คุณอาจพูดไม่จริง...”ยูเรียน่ากล่าวโดยชะเง้อหหน้าไปทางเปลวฟ้าแล้วแหงนขึ้นมองตาเขา “อาจเป็นเพราะฉันชอบแววตาความมุ่งมั่นของคุณ นั่นเป็นแววตาของคนที่ไม่ใช่คนที่ชอบพูดเล่นแน่ๆ”
เปลวฟ้าทำหน้านิ่วมองยูเรียน่าด้วยความฉงน บางทีเวลาโกหกเขาคงต้องคำนึงถึงแววตาตัวเองด้วย ทีแรกเขาคิดว่าการพูดจาที่ดูโออวดแบบนั้น จะทำให้อีกฝ่ายนึกว่าเขาเป็นคนขี้โม้แล้วเลิกยุ่งกับเขา แต่กลับพลาดเรื่องแววตาตัวเอง ไม่นึกว่าผู้หญิงคนนี้จะอ่านแววตาคนเป็น แต่ถึงกระนั้นเขาก็เพิ่งจะเคยเจอผู้หญิงที่มองถึงตัวจริงส่วนหนึ่งของเขาออก
“ถ้าเธอคิดแบบนั้นก็น่าจะเดาได้ว่าอัจฉริยะที่แท้จริงจะทำได้แค่ไหน”เปลวฟ้าตอบพลางสะบัดหน้าหลบตาหญิงสาวผมดำแล้วเดินไปต่อ
“คุณเนี่ยชอบกลบเกลื่อน เพื่อไม่ให้คนอื่นอ่านตัวเองออกสินะ”ยูเรียน่าทำหน้านิ่วกลับ เพราะตัวเองไม่ได้คำตอบที่แท้จริง แล้วกล่าวเสียงขุ่นๆว่า
“แต่ฉันก็พอเข้าใจค่ะ เพราะฉันรู้จักจอมขมังเวทย์หลายคนที่มักทำแบบนี้...ว่าแต่คุณจะไปไหนคะเนี่ย ?”
เปลวฟ้าถอนหายใจเล็กน้อย เธอยังคงรังควานซักถามเขาต่อไป แต่เขาก็ไม่ตอบจนกระทั่งเดินมาถึงร้านช่างตีเหล็กที่รับทำเครื่องป้องกัน อาวุธ รวมทั้งขายของที่ทำสำเร็จด้วย
“จะมาทำเครื่องป้องกันกับอาวุธเหรอคะ หรือว่าจะซื้อ ?”
“ไม่เกี่ยวกับเธอ”เปลวฟ้าตอบห้วนๆ ขณะรอเข้าแถวลูกค้าที่รอกำลังสั่งทำอาวุธโดยการให้วัตถุดิบกับช่างและตกลงราคากัน
ยูเรียน่าจึงถลึงตาใส่ แน่นอนว่าเขาไม่สนอยู่แล้ว อยากให้โกรธด้วยซ้ำ
เด็กสาวเริ่มทำหน้างอนแม้จะรู้อีกฝ่ายเย็นชากลับ เธอมองไปในร้านที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบที่วางเกลื่อนกลาด อาวุธที่เสียบในกระถาง และของชั้นดีที่วางประดับอยู่ตามฝาผนัง รวมถึงชุดเกราะมากมายที่ตั้งโชว์
“ที่จริงฉันทำได้ดีกว่าของพวกนั้นอีก”ยูเรียน่าเปรยขึ้น
เปลวฟ้าที่คิดว่ายูเรียน่าเป็นแค่นักบวชที่มีพลังรักษา รู้สึกเอะใจต่อคำพูดที่ดูไม่มีมูลของเธอ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาปล่อยให้เป็นลมออกหูไปแล้ว
เขาหันไปมองเธออย่างครุ่นคิด ซึ่งอีกฝ่ายก็กอดอกยิ้มให้เขาเหมือนรอคำถามของเขาอยู่ ท่ามกลางสายตาของผู้เล่นชายคนอื่นๆที่ต่างจ้องมองยูเรียน่าด้วยหลงใหลในหน้าตาที่น่ารัก
“เฮ้อ ที่เธอพูดนั่นมันหมายความว่าไง ?”เปลวฟ้าถามยูเรียน่าในที่สุด ซึ่งใจจริงไม่อยากจะสนใจนัก แต่ในใจลึกๆแล้วเขามีความคิดว่าผู้หญิงคนนี้มีบางสิ่งที่ไม่ธรรมดา
“ช่วยจองห้องในโรงแรมใหญ่ให้ฉันสิคะ แล้วฉันจะแสดงให้คุณดู”ยูเรียน่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม ซึ่งบรรดาผู้เล่นคนอื่นๆรอบข้างต่างทำหน้าอิจฉาเปลวฟ้าเพราะคิดกันไปไกล
“หึหึหึ คงไม่ได้จะชวนเข้าห้องไปเล่นจ้ำจี้หรอกนะ”เปลวฟ้าเหล่มองยูเรียน่าด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ และทำท่าแสร้งปั้นหน้าอยากจะกินเธอโดยการเลียริมฝีปาก
“คนบ้า ทะลึ่งแล้ว!!”ยูเรียน่าถลึงตาใส่เขา เธอเบ้ปากเถียงท้วงเสียงเขียวใหญ่ “ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องแบบนั้นสักหน่อย !! แต่ถ้าคุณอยากได้เครื่องป้องกันดีๆ คุณก็ต้องลองเชื่อฉันก่อน”
“ก็ได้”เปลวฟ้าตอบตกลงอย่างง่ายดาย เขาคิดว่าคนอย่างยูเรียน่าดูไม่ใช่คนที่ชอบหลอกลวง เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงคนนี้ซ่อนความลับอะไรไว้อีก
“ขอบคุณค่ะ ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”เธอยิ้มให้เปลวฟ้าอย่างมั่นใจ ยิ่งทำให้เขาอยากรู้มากขึ้นว่าเธอจะแสดงอะไรให้เขาเห็น
เปลวฟ้าจึงเดินออกจากร้านตีเหล็กไปยังโรงแรมขนาดกลางเป็นตึกทรงสี่เหลี่ยมคล้ายขนมปังปอนที่มีด้านบนสุดเป็นเส้นโค้ง
ภายในมีพนักงานที่ต้อนรับเป็นหญิงสาวเคาเตอร์ผมทอง 2 คนพวกเธออยู่ชุดบริกรสีชมพู
“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับมีอะไรให้รับใช้คะ ?”พวกเธอกล่าวทักทันที่เปลวฟ้ากับยูเรียน่าเดินมาถึงเคาเตอร์
“เออ คือว่า...”
“ของห้องที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดของโรงแรมค่ะ”
ยูเรียน่าเอ่ยแทรกเปลวฟ้าทันที ทำให้เขาถลึงตามาทางเธอ ซึ่งเจ้าตัวหันมาบอกเขาว่า
“ต้องใช้ห้องใหญ่ๆค่ะ รับรองคุณจะไม่ผิดหวัง”
เปลวฟ้าเก็บอารมณ์แล้วหันมาทางพนักงานสาวทันที
“ห้องสวีทราคา 4000โกลี่(หน่วยเงินในเกมส์)ค่ะ”
“ปกติห้องธรรมดาเท่าไรครับ”
“ปกติห้องธรรมดาราคา 500 โกลี่ค่ะ”
คราวนี้เปลวฟ้าหันมาทางยูเรียน่าถามเธอว่า
“ห้องธรรมดาไม่ได้หรือไง ราคามันต่างกันมากเลยนะ บอกมาดีกว่าทำไมต้องใช้ห้องใหญ่”เปลวฟ้ามีเงินติดตัวอยู่ทั้งหมด 21,500 โกลี่ ซึ่งยังไม่รวมไอเท็มอื่นๆที่เขาได้มา แถมเขายังต้องเผื่อราคาตั๋วเดินทางยังทวีปหลักอีกตั้ง 20,000 โกลี่
“ก็ไหนคุณบอกว่าจะเชื่อใจฉันไม่ใช่เหรอคะ ?”ยูเรียน่าย้อนถาม
“ก็ได้ ถ้าฉันไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เธอต้องชดใช้อย่างสาสม”เปลวฟ้าขมวดคิ้วทำเสียงขู่ยูเรียน่า แต่เธอกลับไม่กลัวแถมจ้องมองกลับด้วยแววตาที่มั่นใจอยู่เช่นเดิม
เมื่อพวกเขาเข้ามาในห้องพักซึ่งอยู่บนชั้นที่แปดชั้นบนสุดของโรงแรม เป็นห้องขนาด 10 x 10 เมตรมีเตียงใหญ่กว้าง 6 x 8 ฟุตและเป็นเตียงที่มีเสา ถึง 2 เตียง ด้านหนึ่งของห้องเป็นกระจกทั้งหมดและเปิดออกไปมีระเบียงชมวิว ทำให้เห็นโดยรอบของเมืองทั้งหมด ทั้งยังตกแต่งไปด้วยพรมและ เก้าอี้ไม้ลวดลายไม้เลื้อยอย่างหรูหรา ทั้งยังมีโคมไฟทำจากแก้วที่เปล่งประกายติดอยู่ข้างบน
ยูเรียน่ามองดูห้องที่ดูเลิศหรูด้วยสีหน้าเรียบๆ“ก็กว้างพอใช้ได้”เธอทำหน้าเหมือนว่าเข้ามาห้องธรรมดาที่ไม่มีประดับแต่ของราคาถูก
“ตอนนี้เธอเริ่มแสดงในสิ่งที่ฉันอยากดูได้แล้ว”เปลวฟ้าชักเหลืออด เขาเริ่มหงุดหงิดแล้วว่าตัวเองคิดถูกหรือเปล่าที่ลองเชื่อในตัวผู้หญิงคนนี้ บางทีเขาอาจเลอะเลือนไปแล้วก็ได้ที่ผู้หญิงคนนี้จะให้ในสิ่งที่เขาต้องการ
“ใจเย็นค่ะ ฉันจะแสดงให้ดูเดี๋ยวนี้...เซลฟี่”ยูเรียน่าเรียกภูตของเธอออกมาขณะยืนอยู่ในพื้นที่โล่งที่สุดของห้อง
เกิดเสียงระเบิดในอากาศเบาๆ แล้วเซลฟี่ปรากฏร่างใกล้ๆตัวผู้เรียกทันที
“มีอะไรยูเรียน่า ?”
“ฉันขอพรมพิธีเรียกเทพตีเหล็ก”
“ว่าไงนะ พูดเป็นเล่นไปได้”เซลฟี่ทำหน้าค้านความคิดของเธอ “เขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอบอกตอนแรก แต่เธอกลับจะแสดงพลังที่แท้จริงของเธอให้เขารู้งั้นเหรอ ?”
เปลวฟ้าจ้องมองทั้งคู่ พยายามนิ่งฟังเพื่อจับความจริงบางอย่าง ซึ่งมันทำให้รู้สึกสนใจเรื่องของยูเรียน่ามากขึ้นโดยไม่รู้ตัว แม้เรื่องที่เธอเป็น NPC เขาก็ยังไม่คิดเชื่ออยู่ดี
“ฟังนะเซลฟี่ ฉันเชื่อในตัวของเขา เพราะแบบนั้นเพื่อที่จะเอาชนะเจ้าปิศาจนั่นได้ เราต้องช่วยสนับสนุนเขา”
เซลฟี่หันไปเหล่มองเปลวฟ้าผู้มีใบหน้าหล่อเหลา ซึ่งเธอรู้สึกลังเลและไม่อยากไว้ใจคนแบบนี้
“ก็ได้ เธอคงหลงหน้าตาไอ้หมอนั่นหมดหัวใจแล้วนี่”
“เซลฟี่พูดให้ดีๆหน่อย เราจะช่วยเขาต่างหาก ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเชื่อในพลังของเขา ไม่ใช่หน้าตา”
“ได้ๆ รอสักครู่”เซลฟี่ทำหน้ายอมอย่างไม่เต็มใจ แล้วประสานมือเล็กเข้าหากันเกิดแสงบางอย่าง และมีผ้าสีขาวที่ถูกม้วนเหมือนเสื่อร่วงลงมาต่อหน้ายูเรียน่า
จากนั้นเด็กสาวก็แก้ปมเชือกที่ม้วนผ้า แล้วปูมันซึ่งมันเป็นผ้าผืนใหญ่รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เปลวฟ้าเดินเข้าไปมองด้วยความฉงนกับลายอักษรสีดำและวงเวทที่อยู่บนตัวผ้า มันมีอักษรที่ไม่เหมือนกับคาถาเวทอยู่หลายตัว แต่มันก็มีอักษรภาพของธาตุทั้ง 6 ธาตุที่เขารู้จักอยู่ในนั้น
“นี่มันอะไรกัน”เปลวฟ้าถามขึ้นทันที
“ฉันจะสร้างเกราะป้องกันให้คุณยังไงละคะ”ยูเรียน่าตอบด้วยรอยยิ้มแล้วถามกลับ “ไหนบอกฉันสิคะว่าคุณอยากได้เกราะแบบไหน ?”
แม้เปลวฟ้ายังไม่เข้าใจต่อรูปการที่เกิดขึ้น แต่ก็อยากลองดูสิ่งที่จะเกิดต่อไป
“ฉันอยากได้เกราะเบาๆที่มีความทนทานสูง และทำให้เพิ่มความสามารถทางร่างกายให้เคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น ถ้าให้ดีขอให้ที่ว่าเพิ่มพลังโจมตีเวทและป้องกันพลังเวทด้วย”
เปลวฟ้ายิ้มอย่างท้าทายและบอกความความสามารถไอเท็มที่เขาต้องการหลายอย่าง ซึ่งมันเป็นไปได้ยากที่จะมีเครื่องป้องกันแบบนั้น ทว่าสีหน้าของยูเรียน่าก็ยังคงยิ้มให้เขาด้วยความมั่นใจอยู่
“ได้ค่ะ ก่อนอื่นฉันต้องการวัตถุดิบเสียก่อน ขอฉันดูวัตถุดิบที่คุณมีอยู่ได้ไหมคะ รวมถึงอาวุธด้วย”
คำตอบและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างไม่ถูกสั่นคลอนของยูเรียน่า ทำให้เปลวฟ้ายิ่งรู้สึกแปลกใจมากขึ้น เขาเอากระเป๋าแต่ละใบเทวัตถุดิบต่างๆรวมถึงอาวุธและเครื่องป้องกันที่ได้มาจากไดโนครอปที่มันกินผู้เล่นมากมาย ซึ่งมันมีทั้ง เกราะหนัก เกราะเบาของพวกอัศวิน ดาบ หอก ไม้เท้า เสื้อคลุมซึ่งเป็นของธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ
ยูเรียน่ามองไอเท็มต่างๆที่อยู่ตรงหน้าเหมือนหาของที่ใช้ได้จากกองขยะ สาวน้อยเริ่มหยิบของแต่ละชิ้นอย่างพึงพอใจ
“อันนี้ใช้ได้ อันนี้ก็น่าจะได้” เธอนำของที่เลือกมากองไว้กลางวงเวทเรื่อยๆประมาณ 20 ชิ้นมีทั้งดาบ กระดอง หางลิง เกราะหนักของอัศวิน เปลวฟ้าเริ่มมองออกแล้วว่าเธอจะต้องมีความสามารถของนักเล่นแร่แปรธาตุแน่ๆ
“เปลวฟ้าคะ ฉันมีไอเดียดีๆเรื่องเกราะของคุณ จะลองใส่เวทธาตุน้ำลงไปไหมคะ ?แบบว่าเมื่อถูกศัตรูโจมตีจะถูกเวทแช่แข็งด้วย”ยูเรียน่าถามเขา
เปลวฟ้าเลิกคิ้วสูงด้วยความสนใจอย่างยิ่งกับความคิดนี้ “เธอทำได้งั้นเหรอ ?”
“ค่ะแต่ต้องให้คุณร่ายเวทน้ำแข็งระดับ 2 ใส่ลูกแก้วใส่นี่ก่อน”ยูเรียน่าแบมือออกไปแล้วเซลฟี่ก็นำลูกแก้วใสมาไว้บนมือเธอ “ตอนนี้ฉันคงทำได้แค่ระดับ 2 เท่านั้นค่ะ”
เปลวฟ้ารีบหยิบลูกแก้วมาแล้วร่ายคาถาแช่แข็งระดับ 2 ที่มือขวารอบข้อมือปรากฏตัวอักษร 8 ตัวเรียงกันเป็นวงเวทอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นลูกแก้วก็ดูดเวทน้ำแข็งที่ปล่อยออกมาเข้าไป ทำให้ลูกแก้วกลายเป็นผลึกน้ำแข็งทั้งภายในและภายนอก
“สุดยอด คุณร่ายเวทระดับ 2 ได้เร็วมากเลยนะคะ”ยูเรียน่ามองมือเปลวฟ้าที่ร่ายคาถาด้วยความทึ่ง “ฉันเคยพบนักเวทเก่งมาเยอะแต่ยังไม่เคยเห็นใครร่ายได้ไวเท่าคุณมาก่อนเลย”
“เรื่องชมไว้ทีหลังเถอะ รีบจัดการให้ฉันเห็นซะ”เปลวฟ้าเร่งเร้ารีบยื่นลูกแก้วที่เต็มไปด้วยไอเย็นให้ยูเรียน่าทันที เพราะเขาอยากเห็นเกราะที่เขาต้องการ
“เข้าใจแล้วค่ะ ว่าแต่อยากได้เกราะสีอะไรดีคะ ?”
“ขอสีดำละกัน”เปลวฟ้าคิดว่ามันเหมาะในการซ่อนตัวตอนกลางคืน
จากนั้นยูเรียน่าก็นำลูกแก้วน้ำแข็งไปไว้ในสัญลักษณ์แห่งน้ำบนผืนผ้าที่มีวงเวท แล้วเธอก็เอาลูกแก้วใสอีกลูกจากเซลฟี่มาร่ายคาถาบางอย่าง แล้วนำไปวางไว้ที่สัญลักษณ์ธาตุลม
“เอาละทุกอย่างพร้อมมูล”ยูเรียน่ามองผืนผ้าที่เต็มไปได้ด้วยวัตถุดิบ หลายชนิดบนผืนผ้า จากนั้นเธอก็คุกเข่าลง “เซลฟี่ช่วยปิดม่านให้หน่อย”
จากนั้นห้องก็มืดสลัว เปลวฟ้าเดินมายืนข้าหลังยูเรียน่า เธอกุมมือเหมือนภาวนา จากนั้นก็พริ้มตาท่องคาถาด้วยภาษาบางอย่างที่เปลวฟ้าไม่เข้าใจ
สักพักยูเรียน่าก็ลืมตาขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาของเธอเปล่งปะกายสีฟ้าส่องสว่างด้วยพลังอำนาจ จากนั้นวงเวทที่เขียนด้วยหมึกสีดำก็เรืองแสงสีเหลืองออกแดงเหมือนไฟที่ลุกโชน
“ข้าขออัญเชิญเทพแห่งช่างเหล็ก เฮลเฟตัส โปรดจงสร้างสรรค์ความปรารถนาของข้าให้เป็นความจริงด้วยเถอะ !!”
ทันใดนั้นแสงมากมายจากวงเวทก็ก่อตัวเป็นรูปร่างเป็นชายร่างใหญ่กำยำที่ดูดุดัน สง่างามเต็มไปด้วยอำนาจ ร่างทั้งร่างยังคงส่องแสงเรืองรองสว่างประดุจเทพ
“นี่น่ะเหรอการใช้มนตร์อัญเชิญ”เปลวฟ้าครุ่นคิดจากสิ่งที่เห็น แล้วเขาก็ได้คำตอบที่น่าทึ่งว่า “ เธออัญเชิญเทพมาสร้างไอเท็มเชียวหรือเนี่ย ?”
ร่างของเทพช่างเหล็กลอยสง่าบนวงเวท จากนั้นเขาก็กางแขนออกไป จู่ๆเหล่าวัตถุดิบที่ยูเรียน่าก็ลอยตัวขึ้นกลางอากาศในระดับอกของเฮลเฟกัส และลอยอยู่ระหว่างแขนทั้งสองของเทพช่างเหล็กที่กำลังโอบล้อมวัตถุดิบเหล่านั้น
จากนั้นเหล่าวัตถุดิบก็หมุนวนกันไปมา แล้วค่อยๆถูกบีบให้ชิดกัน ของทุกชิ้นต่างเรืองแสงสว่างเหมือนกำลังถูกกำลังหลอมละลายต่อหน้าเทพช่างเหล็ก จนกลายเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันขนาดใหญ่
จากนั้นก็แยกออกเป็น 3 ชิ้น ขนาดต่างกัน ชิ้นหนึ่ง ค่อยๆเปลี่ยนรูปคล้ายรองเท้าคู่หนึ่ง อีกชิ้นเปลี่ยนรูปเป็นเหมือนเกราะลำตัว และชิ้นสุดท้ายเหมือนปอกแขน 1 คู่
เปลวฟ้ามองสิ่งที่เปลี่ยนแปลงด้วยความทึ่ง เขามองยูเรียน่าที่กำลังกุมมือเหมือนสวดอธิษฐาน เธอทำให้เขาไม่ผิดหวังจริงๆ และมากเกินกว่าที่เขาหวังเสียด้วยซ้ำ ยามนี้เขาเริ่มเชื่อแล้วว่า ยูเรียน่าอาจไม่ใช่ผู้เล่น เพราะพลังอำนาจของเธอที่ต้องมาแสดงในห้องส่วนตัว อาจเป็นสิ่งที่เธอต้องการจะปิดบังความจริง เปลวฟ้าจึงเพิ่งเข้าใจทุกอย่างที่เธออยากให้เขาเชื่อ
ยามนี้ชุดเกราะที่สร้างไม่ได้มีแค่ สามชิ้นมันยังแยกออกมาเป็นส่วนต่างๆและเปลี่ยนรูปร่างไป จนกระทั่งรูปลักษณ์ของมันแต่ละชิ้นเป็นส่วนป้องกันต่างๆที่เป็นจุดตายสำคัญของผู้สวมใส่
จากนั้นมันก็ลอยตัวประกอบกันเป็นเหมือนหุ่นรูปร่างคนโดยที่ตัวเกราะยังคงเรืองแสงสีแดงสว่างอยู่ จากนั้นเฮลเฟกัสก็ค่อยๆเลือนหายไป ห้องทั้งห้องที่สว่างวาบก็กลับสู่ความมืดสลัวเช่นเดิม
“เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ขาดไปส่วนหนึ่ง”ยูเรียน่าลุกขึ้น แล้วเดินเข้ายืนข้างเกราะๆที่ผิวค่อยมอดลงกลายเป็นสีดำสนิท มันเป็นเกราะที่ไม่หนารูปร่างเล็กและมีชุดเสื้อสีดำเย็บติดกับปอกแขนและส่วนขาด้วย “ขอโทษด้วยนะคะที่วัตถุดิบไม่พอเลยไม่มีเกราะส่วนหัว”
“ไม่หรอก ที่จริงฉันอยากได้แค่ส่วนลำตัวกับปอกแขนเท่านั้น ไม่นึกเลยว่าเธอจะทำให้ฉันทั้งชุด” เปลวฟ้าเดินเข้าไปถอดเกราะที่ประกอบกันสำรวจมองทีละชิ้น แล้วหันมาถามยูเรียน่าว่า“มันจะเพิ่มความสามารถด้านความเร็วจริงๆเหรอ ?”
“แน่นอนค่ะ ทุกอย่างที่คุณบอกกับฉันตอนแรก ยกเว้นเรื่องธาตุน้ำแข็งที่ฉันไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จ บางทีพลังของฉันอาจยังไม่ถึงขั้นที่จะสร้างคุณสมบัติได้ถึง 2 ธาตุ”
“เธออัญเชิญอีกครั้งได้ไหม เพราะฉันอยากได้อาวุธด้วย ?”ยามนีเปลวฟ้ากังวลเรื่องอาวุธมากกว่า
“คงไม่ได้หรอกค่ะ พลังอัญเชิญจะใช้ได้แค่หนึ่งครั้งในสิบสองชั่วโมงและมันก็ใช้พลังอำนาจมากด้วย อีกอย่างถ้าวัตถุดิบไม่ถึงก็สร้างตามที่ต้องการไม่ได้นะคะ”ยูเรียน่าตอบ แล้วเดินไปนั่งพักที่เก้าอี้ “แต่ว่าเรื่องอาวุธคุณไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันมีอาวุธที่อยากจะมอบให้คุณใช้จัดการเจ้าปิศาจนั่น ถ้าเป็นคุณอาจจะนำไปใช้ได้ก็ได้”
“อย่าบอกนะยูเรียน่า เจ้าจะมอบสิ่งนั้นให้กับเขา”เซลฟี่ร้องท้วงขึ้นทันที “เจ้าจะมอบสิ่งนั้นไม่ได้เด็ดขาด นั่นเป็นของดูต่างหน้าอาจารย์เจ้านะ อีกอย่างข้าไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะเป็นคนที่พวกเราตามหาน่ะ”
เปลวฟ้าที่ได้ยินก็ยิ่งสนใจมากขึ้น “อาวุธอะไรกัน ? ขอฉันดูก่อนได้ไหม ?”
“ไม่มีทาง ข้าไม่มีวันจะมอบสิ่งนั้นให้เจ้าเด็ดขาด”เซลฟี่ลอยตัวแล้วหายไปในอากาศ
“เซลฟี่หยุดนะ นั่นไม่ใช่ของที่เจ้าจะตัดสินใจ คนที่ตัดสินคือข้าต่างหาก”ยูเรียน่าพูดด้วยเสียงก้องกังวานราวกับออกคำสั่ง “จงออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้ !!”
เซลฟี่ปรากฏตัวขึ้นอีกด้วยสีหน้าจำยอม
“นำสิ่งนั้นออกมา !”ยูเรียน่าสั่งภูตของเธอเสียงเข้ม
“ทราบแล้วค่ะ”เซลฟี่พูดเปลี่ยนไปอย่างนอบน้อมแม้จะยังมีแววตาที่ขัดขืนอยู่ก็ตาม เธอก็เรียกของสิ่งหนึ่งปรากฏเป็นแสงเรืองรองมีลักษณะยาว จากนั้นเมื่อมันถูกวางบนมือของยูเรียน่า แสงเหล่านั้นก็หายไป และปรากฏรูปลักษณ์ที่แท้จริง มันคือดาบเล่มยาวที่ด้ามเป็นสีดำตัวปลายดาบโค้งอีกด้านตรงเหมือนคาตานะแต่ไม่มีส่วนที่กลมตรงด้าม เปลวฟ้ามองจากด้ามสีดำที่เป็นทรงกลมเหมือนยอดเจดีย์สูงผอมแล้วมันมีลักษณ์เหมือนดาบไทยสมัยโบราณมากกว่า
ยูเรียน่ายื่นดาบออกไปทางเปลวฟ้าด้วยสองมือ เธอมองตัวดาบอย่างชื่นชม “นี่คือผลงานชิ้นสุดท้ายของอาจารย์ข้าค่ะ ผู้ซึ่งเป็นนักสร้างเล่นแร่แปรธาตุในตำนานของโลกนี้ ท่านบอกว่ามีแต่คนที่เหมาะสมกับมันและมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าเท่านั้นถึงจะชักมันออกได้”
เปลวฟ้าจับที่ตัวดาบที่ใส่ฝักสีดำอันเงางาม เขารู้สึกว่ามันหนักมากจนต้องรับทั้ง 2 มือ และใช้มือข้างหนึ่งจับที่ด้ามดาบ
“เหมือนดาบแบบไทยจริงๆ แต่ตัวดาบยาวกว่า”เปลวฟ้ามองพิจารณาตัวดาบที่ทำให้คนรู้สึกแปลกใจทำไมมันถึงมีความคล้ายกับดาบของคนไทยในสมัยก่อนนัก อาจารย์ของยูเรียน่าเป็นใครกันแน่
ขณะที่เขาจะออกแรงดึงดาบออกจากฝักก็เกิดความลังเลหากว่าเขาดึงไม่ออกจะเป็นอย่างไร จากนั้นเขานึกถึงคำพูดที่ยูเรียน่าบอกเขา ต้องเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นอันแรงกล้า เขาจึงหลับตาและอธิษฐานในใจต่อความมุ่งมั่นที่ตัวเองเข้ามายังโลกนี้ และต้องการใช้ดาบเล่มนี้เพื่อมุ่งไปเป้าหมายตัวเอง
แล้วเปลวฟ้าลืมตาขึ้นด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้สิ่งที่ตัวเองหวังให้เป็นจริงพร้อมกับดึงดาบซึ่งมันกลับรู้สึกแน่น ยูเรียน่าเริ่มมีสีหน้ากังวล แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้พยายามดึงมันด้วยกำลังทั้งหมด
ยังหรอก ยัง...ไม่ว่ายังไงถ้าสิ่งนี้คือสิ่งที่จะทำให้ความปรารถนาเป็นจริง ฉันจะต้องดึงมันให้ออก แต่ถ้าไม่...มันก็แค่ขยะที่ไร้ค่าเท่านั้น
จู่ๆความแน่นก็คลายลงอย่างรวดเร็ว จนเปลวฟ้าชักดาบออกมาได้อย่างง่ายดาย ทว่าตัวดาบที่ออกจากฝักกลับส่องแสงสีฟ้าสว่างเจิดจ้าจนเขาต้องหลับตา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อัพต่อไวๆๆนะ
ติดลม (โว่ยยย)
อัพไดเเระ
นานละ
คิดเถิง
สนุกมากๆค่ะ ดูเป็นทีมเวิร์ค ที่น่าจะเวิร์คจริงๆเลยเพื่อนของเปลวฟ้า
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ^^
ปล.อย่าลืมไปอัพ เรื่องคาเรนด้วยนะคะ อัพทุกเรื่องต้อนรับปีใหม่ ขอเบิ้ล 2 ตอนได้มั้ยอิอิ
ขอเร็วๆ ได้มั้ยคับ
หนุกๆ คับ
อัพต่อน้า
เพระาถ้าตามความจริงควรจะไม่สนใจคนกลุ่มนี้แต่ถ้าหากตามโครงเรื่อง เจ๊แกมีแววเป็นนางเอก พระเอกจะทำไงกับปัญหานางเอก ถ้าหากจะออกแนวเป็นคนในบุญไปพูดแก้ต่างก็มีแววว่าความลับจะแตกอีกเพราะเจ๊แกก็มิใช่โง่ๆ
หวังว่าคงจะไม่อิงโครงเรื่องมากไปอิงตามความจริงบ้างนะครับผผ ^^
จะเป็นประโยชน์แต่ว่าเท่าที่เข้าใจคือว่าเขาบอกเงินทุน 100000 ซึ่งหากมามากกว่า 4 คนหล่ะนั่นหมายความว่าคุณจะได้แค่พวกที่หาเงินเก่งเท่านั้นซึ่่งผมคิดว่าการตั้งกลุ่มล่าสัตว์หรือว่ากลุ่มแนวทหารรับจ้างไม่จำเป็นที่ต้องไป
ติดประกาศใดๆเพื่อหาคนหรือเงินเพิ่มเลย(ช่วยชี้แจงหน่อยครับ) แต่ผมยอมรับครับว่าหากมีการตั้งกลุ่มลักษณะนี้ขึ้นมาจริงจะทำให้เปลวฟ้าได้ประโยชน์มากถ้าเป็นผมผมก็คงทำเพราะนอกจากจะได้เลเวลอัพโดยไม่เสียเงินแล้ว(อาจเสียเล็กน้อย)
ค่ายาผื้นพลังเงินทุนที่เหลือยังก่อให้เกิดประโยชน์แถมยังสามารถเพิ่มเลเวลจากการล่าสัตว์กับคนกลุ่มนี้ นอกจากนั้นยังเป็นการวางรากฐานของตัวเองให้มั่นคงอีกและแน่นอนคนกลุ่มนี้เขาก็สามารถนำมาใช้เป็นเบี้ยได้ แถมยังได้เงินเพิ่มเรื่อยๆ
เพราะผลของธุรกิจอีก ผมคิดว่าการเดินหมากตานี้ไม่ใช่ได้นกสองตัวแต่ได้ถึง 3 ตัวต่างหาก
คนเขียนสุดยอด มีแววเป็นนักธุรกิจนะครับเนี่ยเหอๆ ถ้ากระผมเม้นต์ผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี้
กำแท้