ตอนที่ 7 : ตอนที่ 5 ความล้มเหลวของผู้หยิ่งทะนง 100%
ตอนที่ 5 ความล้มเหลวของผู้หยิ่งทะนง
เปลวฟ้าเคยคิดเสมอว่า พวกเพื่อนทั้ง 4 ที่ร่วมทีมแข่งเกมส์ด้วยกันมามักคอยพึ่งพาเขาเสมอ ยามนี้เขารู้สึกคิดผิดคนที่ต้องคอยพึ่งพาคือตัวเขาเองต่างหาก การแยกทีมทีแรกก็เพื่อให้พวกนั้นได้เรียนรู้และฝึกฝนด้วยตัวเองแทนที่จะเกาะกลุ่มกันจนติดนิสัย ทว่าคนที่ต้องได้รับการแก้ไขนิสัยเสียคือตัวเขาเองต่างหาก
เปลวฟ้าผู้หยิ่งทะนงมาตลอดเหตุการณ์นี้ยิ่งตอกย้ำในความเข้าใจผิดของตัวเอง ขณะที่เผชิญหน้ากับศัตรูเปรียบเหมือนยมฑูตที่มาเอาชีวิตโดยไม่อาจพบทางรอด เพราะถ้ามีใครสักคนอยู่ด้วย น่าจะพอใช้ให้ถ่วงเวลาเพื่อให้ตัวเองหนีรอดไปได้
เจ้าปิศาจในหน้ากากย่อตัวลงเล็กน้อย เปลวฟ้ารู้สึกถึงสัญญาณการบุกของมัน ทำให้เขาเลิกคิดฟุ้งซ่านเริ่มตั้งสมาธิใหม่ คราวนี้มันพุ่งหาเขาตรงๆ เปลวฟ้าตวัดดาบฟันขึ้น มันกลับถอยหลบทัน เขารีบตวัดดาบลง มันกลับหายไปจากต่อหน้าต่อตา แต่ชั่วแวบหนึ่งเขามองเห็น มันเคลื่อนที่ไปด้านข้าง เขาจึงกลับหลังหันทันควันและมันก็โผล่มาพร้อมคาธาร์ที่ติดแขนมันทั้งสองข้าง
ที่จริงเปลวฟ้าแค่เดาถูกเท่านั้นว่ามันจะโผล่มาลอบโจมตีที่หลังอีกครั้ง แต่คราวนี้มันโจมตีใส่เขารัวแบบไม่ทันให้พักหายใจ เขากัดฟันใช้ดาบตั้งรับการโจมตีราวกับฝนโลหะแหลมพุ่งเข้าใส่ไม่หยุดพร้อมกับต้องก้าวถอย และหาจังหวะที่มีช่องโหว่ฟันสวนกลับ
เจ้าปิศาจที่ใส่หน้ากากมันกระโดดถอยห่างเมื่อเขาตวัดดาบออกไปเป็นวงกว้าง แล้วมันก็ยืนนิ่งขยับตัวอย่างเชื่องช้า เอนหน้ามองเขาผ่านหน้ากากราวกับกำลังพิจารณาสภาพเขาตอนนี้ ซึ่งมันแย่หนักขึ้นเรื่อยเพราะเปลวฟ้าหอบหายใจหนักและไวขึ้น มือที่จับดาบเริ่มไร้กำลังลงทุกที แต่เขาก็พยายามสูดลมหายลึกๆระงับอาการเอาไว้
“บ้าเอ๊ย แบบนี้ที่ทำมาทั้งหมดรวมทั้งการสละของเจ้าพวกนั้นที่ทำเพื่อเราก็สูญเปล่าน่ะสิ”เปลวฟ้าบอกกับตัวเองด้วยความเจ็บใจ ฉะนั้นเขาจึงยังไม่ยอมแพ้แน่ๆ พยายามใช้ความคิดที่มีเพื่อจะรอดจากสถานการณ์นี้
“ตายโหง !”
เปลวฟ้าร้องอุทานหน้าถอดสี เพราะเจ้านักฆ่าลึกลับจู่ๆมันก็ปลดปล่อยพลังบางอย่างที่โปร่งแสงและเรืองรองสีม่วงราวกับมีแก้วสีม่วงครอบร่างมันทั่วร่าง เขาสัมผัสได้ว่ามันต้องไม่ธรรมดาแน่หรืออีกนัยหนึ่งมันกำลังจะเผด็จศึกเขา
ฉัวะ !!.......โครม!
“อ้ากกกก !!... บะ...บ้าจริง ”
เปลวฟ้าที่ทีแรกจ้องมองมันตาไม่กระพริบชั่วพริบตาเขาก็ถูกมันใช้คาธาร์ฟัน แม้จะเขายกดาบป้องกัน ดาบกลับหักเป็นสองท่อน นอกจากนี้เขายังถูกความเร็วที่มันพุ่งเข้ามาโจมตีกระแทกไถลไปชนต้นไม้จนล้มโครม
“เจ็บชะมัด...”เปลวฟ้าเอามือแตะที่หน้าอกเบาๆ แล้วยกมือขึ้นดู ตอนนี้มือเขาอาบด้วยเลือดข้นสีแดงฉานไปแล้ว จากนั้นเขาก็เงยหน้ามองเจ้านักฆ่าใส่หน้ากากที่กำลังเดินตรงมาเขาช้าๆ
“นี่จะไม่ให้เวลาคิดหาทางรอดเลยเหรอวะ ?”เปลวฟ้ายิ้มเจื่อนๆให้มัน ดูท่าเขาคงต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่เสียแล้ว ไม่นึกเลยว่าการใช้เพื่อนและหลอกใช้พวกเขาเพื่อการแก้แค้นผลที่ตามมาจะเร็วปานสายฟ้าเช่นนี้
“หลับตาซะ !!”มีเสียงแหลมเตือนดังขึ้นมาจากด้านข้าง
เปลวฟ้าหันไปก็เห็นภูตสาวเซลฟี่บินเข้ามาตรงหน้า
“หลับตาเร็วเข้า !!”เธอย้ำอย่างร้อนรนขณะที่เจ้านักฆ่ากำลังพุ่งเข้ามา เปลวฟ้าที่ยังคงสงสัยแต่เขาก็หลับแน่นทำตามที่เตือน
“แฟลชเชอร์”เซลฟี่ร้องก้อง ร่างของเธอบังเกิดแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่ว ขนาดเปลวฟ้าหลับตายังรู้สึกว่าแสงทะลุเข้ามาด้วยซ้ำ
“ทางนี้ค่ะ”เสียงอันนุ่มนวลและอ่อนโยนดังขึ้น พร้อมกับดึงมือเปลวฟ้าไป
เขากัดฟันตามเสียงนั้นซึ่งเขาจำได้มันเป็นเสียงของยูเรียน่า เธอกลับมาช่วยเหรอเนี่ย...มันเป็นอะไรที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนจริงๆ
ยูเรียน่าจับมือเขาแน่นพร้อมกับวิ่งหนีไปด้วยกัน ส่วนเขาก็ยังคงหลับตาอยู่และตามเธอไป พอรู้สึกแสงไม่เข้าตา สักพักเขาก็พยายามลืมตาขึ้น สิ่งที่เขาเห็นภาพแรกตรงหน้าคือแผ่นหลังของเสื้อแขนยาวสีขาวที่เปิดไหล่ซึ่งยูเรียน่าสวมอยู่
“ไม่ต้องจับมือแล้วเดี๋ยวล้มกันทั้งคู่”
“ค่ะ”ยูเรียน่าปล่อยมือตามเปลวฟ้าที่บอก
ทั้งคู่จึงวิ่งไปเคียงคู่กันแล้วเซลฟี่ก็บินตามมา
“มันได้ผลใช่ไหม เซลฟี่ ?”ยูเรียน่าถาม
“แน่นอนอยู่แล้ว”ภูตตัวน้อยตอบอย่างภูมิใจ “ตอนนี้มันกุมตาอยู่รีบวิ่งเข้าเมืองเลย”
จากนั้นทั้งกลุ่มก็รีบวิ่งมุ่งออกจากป่า ซึ่งยูเรียน่าเป็นคนนำทาง จนกระทั่งพวกเขาออกมาจากป่าสำเร็จ แต่เดินห่างป่าไปได้แค่ประมาณ 8 เมตร เปลวฟ้าก็หน้ามืดล้มคว่ำลงไปทันทีก่อนจะเข้าเมือง
“ว้าย !!”ยูเรียน่าร้องตกใจ เธอลืมไปว่าเขาบาดเจ็บเลือดไหลมาตลอดทาง เพราะเธอหันไปตามเส้นทางที่วิ่งมาเธอก็เห็นเงาร่างของนักฆ่าที่เดินมาตามรอยเลือด
ยูเรียน่าสะท้านเฮือกจนพูดไม่ออกที่เห็นมันกำลังจะเตรียมพุ่งเข้ามา ทว่ามันกลับหันไปด้านข้างแล้วมันก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนหายตัวไป สิ่งสุดท้ายที่เธอเห็นคือทางเข้าป่ามีใบไม้และกิ่งไม้ขยับไหวไปมาเหมือนมีอะไรพุ่งผ่าน จนใบได้ร่วงลงพื้น พอยูเรียน่ามองไปอีกทางที่มันหันไปเมื่อครู่ ก็เห็นผู้เห็นกลุ่มใหญ่กำลังมา
“แบบนี้นี่เองมันไม่ต้องการให้ใครเห็นตัวมันไปมากกว่านี้”ยูเรียน่าถอนหายใจทันที เธอคิดว่ามันก็หนีไปในป่าแล้ว จากนั้นก็รีบใช้เวทรักษาผู้มีพระคุณของเธอทันที
เมื่อแผลหายเปลวฟ้าจึงค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึกว่าอาการบาดเจ็บหายไปหมดแล้ว แต่รู้สึกเพลียมากๆ ทำให้เขารู้สึกขัดใจจริงๆที่เกมส์นี้ดันเก็บทุกรายละเอียดของการบาดเจ็บและฟื้นตัวซะสมจริง
“ช่วยประครองผมกลับเมืองได้ไหม ?”เปลวฟ้าบอกยูเรียน่าอย่างแผ่วเบา มันเป็นครั้งแรกเลยที่เขามาขอให้ผู้หญิงตัวเล็กกว่าเขาช่วยแบบนี้
“ได้สิคะ”เธอตอบรับด้วยความยินดีแล้วยิ้มให้
พอมาถึงหน้าเมืองที่มีกำลังเดินสวนมา เปลวฟ้าก็รีบดึงแขนออกจากไหล่ยูเรียน่าทันที
“ขอบคุณนะ ที่เหลือฉันไปเองได้แล้วละ”เปลวฟ้าบอกเธอด้วยเสียงแผ่วเบาเช่นเดิมและพยายามจะไม่สบตา จากนั้นเขาก็รีบเดินหนีอีกฝ่าย
“ดูท่าจะอายแฮะ”เซลฟี่บอกยูเรียน่าเมื่อท่าทางของเปลวฟ้าที่รีบผละจากเธอไป
ทว่ายูเรียน่าไม่สนใจกลับรีบเดินเข้ามาเคียงข้างเขา เหมือนพยายามคอยระวังว่าเขาจะล้มลงไป
“ฉันจะคอยดูคุณ ถ้าล้มฉันจะได้รับคุณทัน”เธอบอกด้วยสีหน้ากังวล
เปลวฟ้ารู้สึกหนักใจเขาหยุดยืนแล้วควักเอาหอกที่ได้จากเจ้าตัวไดโนครอปในประเป๋าออกมา ใช้ประคองเดินไปหลบไปทางมุมหนึ่งเมือง มีหลายคนมองเขาพร้อมกับอมยิ้มหัวเราะ ที่ดูหน้าซีดและโทรมกลับมา เขาจึงรีบเดินหลบไปประชิดกำแพงที่ไม่มีคนสันจรพร้อมกับนั่งทิ้งตัวลงกับพื้นแล้วกุมขมับรู้สึกสมเพชตัวในตอนนี้
จู่ๆมีกลิ่นเนื้อย่างโชนเข้ามาในจมูก เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นยูเรียน่ายิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน แล้วยื่นเนื้อย่างติดกระดูกให้เขา
“ฉันหาซื้อเนื้อย่างกับน้ำผลไม้เย็นๆมาให้คุณค่ะ มันจะช่วยให้คุณกลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง”เธอบอกเขา
เปลวฟ้าถอนหายใจ นี่เขาต้องเพิ่งเด็กสาวคนนี้มาช่วยดูแลตั้งแต่เมื่อไร เขาคือเปลวฟ้าผู้ที่เพื่อนทุกคนต้องหวังพึ่งนะ และเขาคือยอดฝีมือนักเล่นเกมส์แนวเวอชวลซิมมูเรชั่นที่คู่แข่งต่างต้องยำเกรง ทังๆที่ตลอดมามีแต่คนเคารพและยอมรับเนื่องจากเกมส์สมัยนี้ล้วนแต่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวจริงๆ ไม่เหมือนเกมส์สมัยก่อนที่เล่นผ่านจอที่นั่งกดแป้นหรือจอย ทำให้พิสูจน์ได้ว่าคนผู้นั้นเก่งกาจแค่ไหน และเปลวฟ้าก็คว้ารางวัลมานับต่อนับในระดับประเทศ ทั้งหลายแนวไม่ว่าจะยิง ต่อสู้ วางแผน และสงคราม
หลังจากรำลึกอดีตไม่กี่วิ พอกลับดูตัวเองในสภาพนี้ไม่ต่างจากขอทานหรือพวกขี้แพ้ด้วยซ้ำ
“ฉันไม่กิน !... เธอกินเถอะ”เปลวฟ้าบอกปัดด้วยความหงุดหงิดซึ่งเขาพยายามข่มกลั้น
“แต่คุณต้องการมันนะคะ”ยูเรียน่ายื่นเนื้อเข้าไปใกล้
“ไม่จำเป็น ผมขอพักสักครู่ก็ลุกไหวแล้ว !!”เสียงของเขาเริ่มดังขึ้นเรื่อย
“มันไม่ได้ผลหรอกค่ะคุณต้องกินนะ...ขอร้องละค่ะกินเถอะนะคะ”
“โธ่โว๊ย !!!”เปลวฟ้าปัดเนื้อในมือขอยูเรียน่าจนมันกระเด็นตกพื้นทันที “ เลิกเซ้าซี้สักทีได้มั้ย !? ฉันบอกว่าไม่กิน ก็ไม่กินไง หูหนวกหรือไง !!?”
พอเขาหยุดเสียง ยูเรียน่าก็มองเขานิ่งด้วยแววตาสั่นเทา เปลวฟ้าเลิกคิ้วลงทันที เขาหลบตาเธอแล้วมองลงไปยังพื้นที่เนื้อติดกระดูกเปื้อนดินไปแล้ว
เปลวฟ้านี่นายเป็นอะไรของนาย กลายเป็นคนสติแตกไปแล้วเหรอ...นายต้องเยือกเย็นเป็นผู้ใหญ่แล้วควบคุมอารมณ์ให้ได้สิ ตอนนี้นายกลายเป็นเหมือนไอ้เด็กงี่เง่าที่นายมักพร่ำดูถูกมาตลอดนะ
เขากำลังเตือนตัวเองที่ทำตัวเหมือนพวกไม่เอาไหน แล้วพาลกับทุกอย่างซึ่งนั่นไม่ใช่การกระทำที่เขายอมรับเพราะมันทำให้ยิ่งรู้สึกงี่เง่ากว่าเดิม
เมื่อเปลวฟ้าใจสงบลงจนเริ่มมีสติกลับเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง เขาจึงพยายามบอกยูเรียน่าในสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะต้องพูดกับผู้หญิงด้วยคำนี้จากใจจริง
“เออ...ยูเรียน่า...ฉะ...ฉันขอ...”
ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยคำเสียใจยูเรียน่าก็รีบลุกขึ้นวิ่งจากเขาไปแล้ว
“สมน้ำหน้า เจ้าโง่เอ๊ย...”เซลฟี่ตอกย้ำเขาก่อนจะบินตามยูเรียน่าไป
“สมน้ำหน้างั้นเหรอ แถมยังโดนด่าว่าโง่อีก...หึหึหึ” เขาเงยหน้าขึ้นพูดพร่ำกับตัวเองและมองยูเรียน่าหายลับไป “หึหึหึหึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เปลาฟ้าหัวเราะเยาะตัวเองแล้วก้มหน้าลงเงียบอีกครั้ง นานมากแล้วที่เขาไม่แทบจะไม่เคยถูกใครว่าเป็นเจ้าโง่เลย ยามนี้เขาจึงสำนึกแล้วว่าเพราะว่าความหยิ่งผยองของตัวเองที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพจิตใจเช่นนี้
เขาเริ่มรวบรวมสติตั้งใจลุกขึ้นเพื่อสู้อีกครั้ง เขาจะไม่ยอมมาจบลงด้วยความรู้สึกน่าสมเพชแบบนี้เด็ดขาดเมื่อถูกทำร้ายมาก็ต้องเอาคืนให้หนัก เมื่อแพ้ก็ต้องกลับไปท้าชิงให้ชนะ เขาจะมามัวจมปลักกับความคิดเวทนาตัวเองไม่ได้ เขาจะต้องลุกขึ้น
เด็กหนุ่มพยายามพร่ำบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อเรียกกำลังใจสู้ให้กลับคืนมาพร้อมกับทิ้งศักดิ์ศรีที่เคยมีทิ้งไป
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่กำลังวิ่งมาทางนี้ เปลวฟ้าจึงลืมตาขึ้นมอง แล้วก็ต้องถอนหายใจยอมแพ้จริงๆ เมื่อเขาเห็นยูเรียน่าวิ่งมาหาพร้อมกับเนื้อติดกระดูกชิ้นใหม่ พอเธอวิ่งมาถึงก็หอบหายใจเสียงดังทันที
“เอ้า คราวนี้อย่าทำตกอีกนะคะ เพราะฉันไม่มีเงินซื้อมาให้ใหม่แล้วละ”
“เธอนี่นา... ช่างดื้อเสียจนฉันยอมแพ้จริงๆ”เปลวฟ้ายิ้มขื่นๆรับเนื้อย่างมาอย่างจนใจ แต่ลึกแล้วๆภายในใจของเขากลับมีอะไรบางอย่างบังเกิดขึ้นและทำให้เขามีกำลังกลับมาอย่างไม่รู้ตัว
พอรับเนื้อมาทานเปลวฟ้าก็หันหลังให้ยูเรียน่าขณะกัดเนื้ออย่างพอดีคำ โดยที่ยังเหลืออยู่กว่าครึ่ง พอเขาไม่อยากแทะเพราะมันจะดูเสียภาพพจน์ของตัวเองจากนั้นก็ดื่มน้ำที่ยูเรียน่าบอกว่าเป็นน้ำผลไม้ มันสีแดงอ่อนๆเกือบจะเป็นสีชมพู และมีรสหวานฉ่ำแม้เขาจะไม่รู้ว่ามันคั้นมาจากผลไม้อะไรก็ตาม
ตอนนี้เขามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง ยูเรียน่ามองดูเขาทานอยู่อย่างเงียบจนกระทั่งทานเสร็จ เปลวฟ้าจึงถามเธอว่า
“ทำไมต้องเฝ้าดูผมทานอาหารตลอดเลยละ ?”
“ก็กลัวคุณไม่ยอมทานนี่คะ”เธอตอบ
เปลวฟ้าหน้านิ่วแล้วบอกว่า
“ผมไม่ใช่เด็กที่ลับหลังผู้ใหญ่จะโยนอาหารทิ้งหรอกนะ”
“ขอโทษค่ะ ที่จริงฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้นอย่างเดียว แค่อยากจะให้คุณที่ช่วยเหลือฉัน แข็งแรงเหมือนเดิมเท่านั้นค่ะ ยังไงซะที่คุณบาดเจ็บและอ่อนแรงจนต้องมาเจอกับตัวอันตรายแบบนั้นมันเป็นเพราะฉันทั้งหมด ฉันจึงอยากดูจนกว่าคุณจะไหวน่ะค่ะ”
“ผมไม่เป็นไรแล้ว เธอไปเถอะ ผมดูแลตัวเองได้ เห็นแบบนี้ผมก็ไม่ใช่คนที่ชอบพึ่งพาคนอื่นหรอกนะ”
“แล้วคุณจะไปไหนต่อละคะ ถ้ากลับป่าอย่าดีกว่าฉันคิดว่ามันต้องหาทางจ้องเล่นงานคุณอีกแน่”
เปลวฟ้านิ่งคิดกับคำเตือนของยูเรียน่าแล้วจ้องเจ้าตัวเขม็ง
“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นละ เจ้าตัวนี้มันชอบจองล้างจองผลาญงั้นเหรอ”
“เออ...คือฉันคิดว่าคงเป็นแบบนั้นน่ะค่ะ”เธอตอบด้วยสีหน้ากลบเกลื่อน “มันเป็นสัญชาตญาณของผู้หญิงไงคะ”
“โห อย่างงี้นี่เอง ถ้างั้นผมกลับไปที่ป่าดีกว่า”
“อย่าเด็ดขาดนะคะ !!”
“ทำไม”เปลวฟ้าแกล้งถามต่อ “ถ้าเหตุผลแบบนั้นน่ะผมไม่มีทางเชื่อคุณหรอก”
“จะเหตุผลอะไรก็ตาม คุณไม่ควรไปที่นั่น มันจะตามคุณไปทุกทีจนกว่าจะจัดการตัวคุณได้”
ยูเรียน่าเตือนด้วยแววตาจริงจังจนเปลวฟ้าคลี่ยิ้มเพราะเริ่มเดาความจริงที่เธอกำลังปิดบังได้บางส่วนโดยอาศัยความห่วงใยของเธอ
“ ถ้าคุณอยากห้ามผมจริง คุณก็ควรเล่าสิ่งที่คุณรู้มาว่าเจ้าตัวนั่นมันคืออะไร แล้วทำไมมันถึงไล่ตามคุณ”
“เอ๋...คุณรู้ได้ไงคะ”ยูเรียน่าปั้นสีหน้าทึ่งทันที “ทำไมคุณรู้ว่ามันตามฉันมา”
“หึ...”เขาหัวเราะด้วยความง่ายดาย “เธอบอกว่ามันจะตามล่า การที่รู้จักมันก็เพราะมันล่าเธออยู่ใช่ไหม ?”
“ค่ะ คุณนี่ช่างสังเกตจริงๆ ใช่ค่ะมันตามล่าฉัน”ยูเรียน่าฝืนใจตอบ เพราะเธอไม่อยากเล่าความจริง
“ทำไมมันถึงต้องล่าเธอ ดูๆไปแล้วเจ้านั่นไม่น่าใช่มอนเตอร์ธรรมดาที่ควรอยู่ที่นี่เลย”เปลวฟ้าสังเกตว่า ทั้งความเร็วและฝีมือของเจ้ามอนเตอร์ไม่น่าใช่สิ่งผู้เล่นธรรมดาที่เพิ่งเกิดบนเกาะจะรับมือได้ ขนาดมืออาชีพอย่างเขาแม้จะพอต้านทานอยู่ ทว่าอาวุธธรรมดากลับสู้ไม่ได้เลย
“มีคนเรียกมันว่าตัวกำจัดบัคค่ะ”เธอก้มหน้าตอบ
“อะไรนะ บัคเหรอ ใช่สิ่งที่ผิดพลาดในโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือเปล่า ?”
“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอกค่ะ แต่มันเป็นตัวที่ทำหน้าที่เฝ้าและไล่ล่าผู้ที่ฝ่าฝืนกฎ มีหลายคนที่เป็นพวกของฉันถูกมันฆ่ามานักต่อนักแล้ว ฉันไม่คิดเลยว่าฉันหนีขึ้นมาบนเกาะมันจะตามมาถึงนี่”
“เดี๋ยวนะแล้วเธอฝ่าฝืนกฎงั้นเหรอ ? เธอทำผิดอะไร”เปลวฟ้าถามเสียงเครียด เขาเริ่มรู้ว่าสิ่งที่เธอทำผิดมันมีบางอย่างที่เขาต้องรู้ให้ได้
“คุณแน่ใจเหรอคะว่าคุณอยากจะรู้ มันเป็นกฎที่ผู้เล่นอย่างคุณไม่มีทางโดน อีกอย่างคุณไม่ควรรู้มากกว่านี้ ไม่งั้นตัวคุณจะเป็นอันตรายมากขึ้น ถ้าถูกจับได้ว่ารู้นี้”น้ำเสียงของเธอทุ่มต่ำลงเรื่อยๆ จนเขาใจเต้นเพราะมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแน่
“บอกมาเถอะ ผมพร้อมกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น”เปลวฟ้าบอกให้เธอมั่นใจที่จะตอบ “ยังไงผมก็ถูกมันหมายหัวไว้แล้วนี่”
“แต่ฉันคิดว่ามันอาจทันนะคะ ถ้าคุณจะรีบหนี”
“ผมไม่ชอบหนี ผมจะกลับไปสู้กับมันด้วยซ้ำ”
“คุณทำไม่ได้หรอก ผู้เล่นระดับคุณสู้มันไม่ได้ มันถูกสร้างขึ้นเพื่อไล่ล่าและลอบฆ่าผู้มีพลังอันแข็งแกร่งด้วยซ้ำ อัศวินกว่า 10 คนที่มากับฉันยังถูกมันฆ่าตายหมดเลย...อ๊ะ”
ยามนี้ยูเรียน่าเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเธอหลุดปากในสิ่งที่ไม่ควรหลุด ต่อหน้านักจับผิดอย่างเปลวฟ้า
“บอกผมมาเถอะ คุณไม่รู้หรอกว่าผมทำอะไรได้บ้าง ถึงผมเป็นนักเล่นเกมส์ แต่ก็ไม่เคยเล่นไปตามเกมส์อย่างที่มันเป็นนักหรอก”
ยูเรียน่าอ้าปากค้างเล็กน้อย เธอพอจะเข้าใจในความหมายของเปลวฟ้าจากน้ำเสียงและแววตาที่เต็มไปด้วยึดความมั่นใจ
“ก็ได้ค่ะฉันเชื่อใจคุณและความกล้าหาญของคุณ ฉันจะบอกก็ได้”ยูเรียน่าสูดลมหายใจก่อนจะตอบ “ความจริงคือฉันทำผิดกฎในฐานะ NPC ที่ไม่ควรปรากฏตัวอยู่ที่นี่ค่ะ”
เปลวฟ้าปั้นหน้านิ่งไปในทันทีมันฟังดูแปลกๆไร้เหตุผล เป็นไปไม่ได้อย่างบอกไม่ถูกในสามัญสนึกของตัวเอง เขาไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกไหม เธอจะบอกอะไรกันแน่ หรือว่าผู้หญิงคนนี้กำลังปั้นเรื่องอย่างหน้าตายเพื่อโกหกความจริงเหมือนที่เขาชอบทำ
“เธอจะบอกตัวเองเป็นNPCของเกมส์เหรอ”
“ใช่ค่ะ ที่จริงก็ไม่เชิงหรอกค่ะนั่นเป็นแค่ศัพท์ในบทบาทที่คุณจะเข้าใจ”
“บอกตามตรงผมไม่เข้าใจ คุณเข้ามาในเกมส์เพื่อรับบทบาทเป็นผู้แนะนำหรือตัวละครในเกมส์สินะ”
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันเกิดที่นี่เติบโตและมีชีวิตอยู่ที่โลกนี้มาตลอดหลายปีแล้วค่ะ”
เปลวฟ้าคิดว่าเธอคงเสียสติไปแล้ว เขาพริ้มตาเพราะยอมแพ้จะเอาความจริงจากหล่อน เขาคิดว่าขืนทนฟังต่อไปเขาคงต้องกลายเป็นบ้าแน่ๆ
NPC หรือ Non player character คือตัวละครที่ถูกสร้างเพื่อแนะนำและสร้างบทบาทเรื่องราวในเกมส์ โดยปกติจะพูดแต่สิ่งที่ถูกป้อนโปรแกรมมา และเดินได้ในพื้นที่ที่ถูกกำหนดราวกับหุ่นยนต์ เปลวฟ้ายังไม่เคนเจอ NPC ที่ไหนดูมีชีวิตตัดสินใจทำตามใจได้มาก่อน ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ค่อยอยากเชื่อนัก
“งั้นเหรอ เข้าใจแล้วละเชิญคุณเพ้อฝันไปตามสบายเลย ผมไปดีกว่า”
เปลวฟ้าลุกขึ้นอย่างไม่แยแสเธออีก “ขอบคุณละกันที่ช่วยผมในป่า
“ไม่เป็นไรค่ะ...”
ยูเรียน่าก้มลงด้วยความซึมเศร้าที่ผ่านมาเธอก็เคยเล่าเรื่องให้ผู้เล่นอื่นฟัง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเธอเช่นกัน แถมถูกดูแคลนว่าเป็นการปั้นเรื่องให้ตัวเองเป็นผู้หญิงน่าสนใจแทน
“ช่างเถอะยูเรียน่า เจ้าโง่นี่ไม่มีวันเข้าใจพวกเราหรอก”เซลฟี่เข้ามาปลอบพร้อมกับเย้ยหยันไปทางเปลวฟ้า ทำเอาเขาหน้านิ่วใส่ทันที แต่ภูตสาวกลับคลี่ยิ้มอย่างท้าทาย “เอาเถอะยังไงเจ้าหมอนี่ก็ต้องถูกอยู่ดีแหละ และอาจจะไม่สามารถโผล่มาที่นี่อีก เชิญหนีตามสบายเลย”
“ใคร ใครว่าจะหนี ไม่มีทางหรอก ฉันบอกแล้วไงว่าจะสู้กับมัน จะขยี้มันด้วยมือคู่นี้ให้ดู !!”เขาพูดด้วยสีหน้าเคียดแค้นและมองมือที่กำแน่นด้วยความมั่นใจ
“หมอนี่ถ้าจะโง่แท้ๆ นึกว่าจะฉลาดกว่านี้”เซลฟี่ยังคงไม่เชื่อว่าเปลวฟ้าจะเอาชนะมันได้
“ไม่จำเป็นต้องให้พวกเธอมาวิจารณ์อะไรทั้งนั้น”เขาหันข้างเหล่มองทั้งคู่ด้วยแววตาเหี้ยมเกรียมก่อนจะกล่าวต่อว่า “เพราะการหนีตลอดไปไม่ใช่นิสัยของฉัน เมื่อถูกทำก็ต้องเอาคืน”
เซลฟี่ยังคงส่ายหน้ารู้สึกว่าเขาเกินเยียวยา แต่ยูเรียน่ากลับรู้สึกตรงข้าม เธอมองเห็นความเป็นไปได้ที่ฉายอยู่ในแววตาซึ่งมันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า ซึ่งแฝงไปด้วยความทะเยอทะยานที่เกินกว่าจะมีผู้ใดขัดขวางสำเร็จ จนเธอถึงกับใจเต้นตอนที่เขาเหล่มองด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
“ผมขอตัวก่อนละกัน”เปลวฟ้ากล่าวลา แล้วเดินจากทันที ทว่าเมื่อเขาเดินกลับเข้าฝูงชนไปสักพักเขาก็รู้สึกว่า ยูเรียน่าเดินตามเขาต้อยๆ พอเขาหยุดเธอก็หยุด ทำให้เขาชักรู้สึกหงุดหงิดจนกระทั่งเขามองนาฬิกาใกล้จะหมดเวลาที่เขาตั้งไว้แล้ว
เปลวฟ้าเดินมาถึงที่สมาคมจอมเวทย์ซึ่งเป็นตึกขนาดใหญ่และหลังคาเป็นหมวกจอมเวททรงแหลมเป็นเอกลักษณ์ เขาเหล่หันไปยูเรียน่ายังคงตามเขาอยู่ดูเหมือนเธอจะมีจุดประสงค์บางอย่าง แต่เขาไม่อยากสนใจเธอแล้ว เพราะมันทำให้เขาเสียเวลาในการเคลียร์เงื่อนไขในแผนของเขา
หลังจากหมดเวลาที่เขาตั้งโคลสลีฟไว้ เวลาในนาฬิกาเริ่มนับถอยหลัง 10 วินาที เปลวฟ้าจึงหันมาคลี่ยิ้มแล้วโบกมือให้ยูเรียน่า ซึ่งทำหน้าแปลกใจ พอเขาหายตัวไป เธอก็ตกใจแล้ววิ่งไปยังจุดที่เปลวฟ้าอยู่ เธอมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นวี่แววของเป้าหมายตนอีก
กลับมาที่เปลวฟ้าซึ่งออกจากเครื่องเล่นที่ไม่ต่างจากโลงศพที่เปิดได้อัตโนมัติ เขาคิดว่าจะออกมาหาอะไรทานซักครึ่งชั่วโมงก่อนจะกลับเข้าไปและหวังว่าผู้หญิงแสนดื้อคนนั้นจะไม่อยู่กวนให้เขารำคาญใจแล้ว
เปลวฟ้าเดินไปดูที่มือถือพบว่ามีสายไม่ได้รับ 1 สาย ซึ่งมาจากแคนคนเดียว พอดูจากเวลามันคลาดเคลื่อนก่อนเขาจะออกจากเครื่อง GP แค่ 1 นาที
“สมเป็นแคนจริงๆ พอรู้ว่าเราตั้งเวลาทดสอบแค่ 1 ชั่วโมง ถึงคำนวณเวลาที่เราจะออกมาได้ใกล้เคียงแบบนี้”
แล้วโทรศัพท์มือถือของเปลวฟ้าก็ดังขึ้นอีก เป็นแคนที่โทรมาอีกครั้ง เขาจึงรับสายในทันทีเมื่อมันดังครั้งที่สาม
“นายคำนวณคลาดเคลื่อนไปหน่อยนะแคน”เปลวฟ้าทักขณะถือหูโทรศัพท์
“เรื่องนั้นช่างเถอะ ว่าแต่เป็นไงบ้างไปถึงขั้นไหนแล้วละตัวละครนายน่ะ เห็นเข็มทิศบอกว่านายได้สมบัติมาอื้อเลยนี่”
“ยังไม่ได้นับแต่ก็น่าจะเงินเยอะพอควรทั้งไอเท็มเจ๋งที่จะขายได้รวมถึงเอาไปทำเครื่องป้องกันชั้นดี แต่ดันมามัวเสียเวลาเรื่องไม่เป็นเรื่อง ว่าแต่นายโทรมาถามเรื่องนี้ทำไมเดี๋ยวค่อยเล่าพรุ่งนี้ก็ได้ ทำไมถึงมีรีบไปสร้างตัวละครละ ?”
“โอ๊ยใจเย็นเพื่อน นายก็รู้ฉันมันชอบเก็บข้อมูลให้มั่นใจก่อนว่าจะไม่ผิดพลาดแล้วค่อยตัดสินใจ ไม่เหมือนนายที่มั่นใจในการคาดเดาของตัวเองและอ่านออกว่าเกมส์จะเป็นอย่างไร มีประโยชน์อย่างไรในอนาคต เห็นใจคนธรรมดาที่ต้องค่อยๆคิดหน่อยเถอะ นี่ถ้ารวมกลุ่มกันฉันคงไม่ต้องมาเสียเวลาหรอก”
“แล้วเข็มทิศละ อย่าบอกนะว่าต่างคนต่างเล่นนี่ฉันให้พวกนายจับคู่กันทำไมเนี่ย...”เปลวฟ้าแทบไม่อยากบ่น เขารู้สึกว่ารู้จักกันมานานยังไงแต่ละคนก็ยังไม่เคยเปลี่ยนนิสัยในแนวทางการเล่นเกมส์อยู่ดี
“ก็รู้อยู่ว่าหมอนั่นมันตรงเป็นไม้บรรทัดจะตายไป ถ้าไม่มีนายคอยพูดละก็ใครจะไปเปลี่ยนใจมันได้”แคนพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ “ป่านนี้หมอนั่นคงอยู่ในสมาคมนักรบฝึกสกิลเพื่อเป็นนักดาบให้ได้นั่นแหละ”
“แล้วป๊อดละ บอกนายหรือเปล่าว่าจะเป็นอะไร ?”เปลวฟ้าถาม ที่จริงเขารู้อยู่เต็มอกแต่ที่ถามเพื่อความมั่นใจในการคาดเดา
“แน่นอนอยู่แล้วนักบุญผู้เสียสละของพวกเรา พอเห็นว่าไม่มีใครเลือกสายนี้หมอนั่นย่อมต้องเสียสละแน่นอนเพื่ออุดช่องโหว่งให้กับทีม ยังไงหมอนั่นก็เป็นคนที่ใจดีและขี้ใจอ่อนอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกว่าหมอนั่นจะไม่ทำตามที่นายแนะนำ”
“เจ้าวิคละอาชีพโจรไม่มีแล้วมันจะเป็นอะไรนักฆ่าหรือนายพราน”
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้แฮะ มันยังโลเลอยู่มีความเป็นไปได้ว่าอาชีพไหนใส่ชุดกับถืออาวุธแล้วเท่จนสาวๆกริ๊ดคงจะเลือกอันนั้น”
“ฉันพนันเลยว่านายพรานชัว”
“ทำไมละ ? นักฆ่าก็เท่ไม่ใช่เหรอดูลึกลับด้วย”
“เพราะหมอนั่นไม่ใช่คนชอบการปิดบังหน้าตาน่ะสิ ชอบเปิดเผยจะตาย และชอบใส่ผ้าคลุมอีก”เนื่องจากชุดนักฆ่าต้องใส่ผ้าปิดปากและชุดรัดรูป “อีกอย่างหมอนั่นชอบการเต๊ะท่าเวลายิงธนูด้วย”
“ก็จริง”แคนเห็นด้วยเพราะป๊อดมักเต๊ะท่าเวลาถือปืน “แต่นายรู้ไหมที่เกาะเบสเลี่ยนน่ะคนเยอะมากเลย มอนเตอร์นี่แย่งกันฆ่าเลยละ คนละเรื่องกับที่เกาะมนุษย์ฟ้ากับเหว บางทีเกาะเอลฟ์ก็คงเหมือนกัน”
“ให้ตายสิลัทธิหูสัตว์กับหูแหลมนี่จงเจริญทั่วโลกเลยสินะ”เปลวฟ้าชักรู้สึกขัดใจต่อสังคมทั่วโลกที่ชอบอะไรทำนองนี้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นายคิดว่าฉันเลือกหูสัตว์อะไรละ ?”
“อย่าบอกนะว่าหูแมว”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทีแรกจะเลือกเหมือนกันแต่มันอนาถใจตัวเองเลยเปลี่ยนเป็นหูหมาจิ้งจอกแทน”
“อานะ...ดีใจที่เพื่อนฉันยังมีมโนสำนึกอยู่”เปลวฟ้าพูดอย่างอาลัย
“ไม่ต้องชื่นชมก็ได้ ที่จริงฉันจะบอกชื่อตัวละครที่พวกใช้ให้นายฟังเพื่อจะได้ใส่ชื่อในมือถือแล้วโทรคุยติดต่อกันได้”
“ระยะมันถึงเหรอ ?”เปลวฟ้าจำได้ว่ามือถือที่ติดตัวมีขอบเขตการติดต่อ
“ใช้ได้ดีระหว่างเกาะเริ่มต้นฉันถามตอนรอนายน่ะแหละ ขอบเขตที่ว่ามันหมายถึงสภาพแวดล้อมหรือดินแดนบางแห่งที่ผิดแปลกจากสถานที่ทั่วไปเช่นในดันเจี้ยนอะไรทำนองนั้น”
เปลวฟ้าเริ่มเข้าใจและคาดเดาถึงผลที่ตามมา หากว่าเข้าไปอยู่ในดันเจี้ยนจะไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ หากเราต้องการขอความช่วยเหลือหรือกำลังเสริม ซึ่งมันทำให้เกมส์มีความน่าตื่นเต้นมากขึ้นหากอยู่ในภาวะคับขัน เช่น เกิดหลงแยกทางกัน หรือการแยกกันค้นหา
“อ้าวเฮ้ยอย่าเพิ่งทำนายอนาคตสิเอาปัจจุบันก่อน...เงียบเชียว”แคนรู้ว่าเปลวฟ้ากำลังใช้ความคิด “เดี๋ยวฉันไปก่อนนะจะเข้าไปเล่นซะทีอยากจะสร้างตัวละครนักเล่นแร่แปรธาตุที่เก่งที่สุดในเกมส์จะแย่แล้ว จะได้ยินมีว่ามีสร้างปิศาจชีวะด้วยนะ”
“ปิศาจชีวะ...ตามสบาย”เปลวฟ้ากำลังนึกถึงเจ้าตัวใส่หน้ากากที่เขาสู้ “ฉันเองจะหาอะไรกินก่อนแล้วลุยฝึกฝนสกิลตามที่ตั้งใจไว้”
“นักเวทสินะเอาให้เป็นผู้วิเศษเรียกลมเรียกฝนควบคุมทั้ง 4ธาตุให้ได้ละกัน ได้ยินว่ามีเงื่อนไขการใช้ที่เน้นความจำเป็นหลักในการร่ายคาถา”
“รู้มั้ยว่านายถามใครอยู่...”เปลวฟ้าย้อนเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รู้จักเขาเสียแล้ว
“อ๋อแน่ละ ท่านเปลวฟ้านี่นา”แคนทำเสียงแสร้งสำนึก “ขออภัย ขออภัยอย่างสูงครับ”
จากนั้นแคนก็บอกชื่อตัวละครให้เปลวฟ้าฟังทีละคน ซึ่งเขารู้สึกเอือมระอาแต่ละชื่อที่ทุกคนใช้ ไม่เหมือนเขาที่ใช้ชื่อจริงตรงไปตรงมา แบบไม่ต้องคิด
“แคน...”เปลวฟ้าเรียกอีกครั้งก่อนที่แคนจะวางสาย
“มีอะไร ?”แคนทำเสียงทุ้มเหมือนรู้สึกเปลวฟ้าจะมีเรื่องสำคัญบอกเขา
“ขอบใจที่ช่วยเสียสละเพื่อฉัน”
“แหยงว่ะ...นี่นายนึกเพี้ยนอะไรขึ้นมาถึงพูดขอบใจบ่อยจังช่วงนี้ หรือว่า...”แคนนึกสงสัยในความผิดปกติซึ่งเปลวฟ้ามักถีบส่งพวกเขาไปตายแทนบ่อยๆเวลาแข่งเกมส์แต่ไม่เคยพูดขอบใจสักครั้ง แต่ช่วยนี้กลับได้ยินบ่อยจนไม่อยากเชื่อ “อย่าบอกนะว่านายรู้สึกผิด หรือว่ามีอะไรที่ปิดบังพวกเขาอยู่”
“ไม่หรอก ฉันก็พูดให้นายแสลงหูแสลงเห็นเท่านั้นเอง หึหึหึ”เปลวฟ้าหัวเราะกลบเกลื่อนซึ่งเป็นเรื่องที่เขาหลอกใช้ทุกคนเพื่อแก้แค้น
“ฉันชักตามนายไม่ทันทุกทีแล้วสิ รู้ไหมในหมู่พวกเรามีฉันที่พอตามความคิดนายทันนะ แล้วตอนนี้มันจะไม่เหลือใครแล้วด้วย ระวังหน่อยไม่งั้นนายจะเหงา เพราะต้องอยู่ในโลกส่วนตัวที่มีแต่นายเข้าใจเท่านั้น”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันจะระวังละกัน โชคดีแล้วเจอกันละ นักเล่นแร่แปรธาตุผู้ยิ่งใหญ่”จอมวางแผนอวยพรปนเสียงหัวเราะ
“อืม ขอให้แผนสำเร็จด้วยละกัน”แคนตอบกลับเสียงอ่อน เขาชักปวดหัวต่อบุรุษเจ้าแผนการที่ชักทำให้สับสนขึ้นทุกวันว่าอะไรพูดจริงอะไรพูดเท็จกันแน่ ทีแรกเขาเกือบเชื่อว่าที่เปลวฟ้าขอบใจมาจากใจจริงแต่สุดท้ายก็ไม่เชื่อยู่ดี จากนั้นจึงวางหูไป
เปลวฟ้ากลับเข้าเกมส์อีกครั้งโดยเขาหวังอย่างยิ่งว่ายูเรียน่าจะไม่อยู่ให้เขารำคาญอีก เมื่อเขาปรากฏร่างเขาก็สะดุ้งที่เธอนั่งกอดเข่ารอประชิดจุดที่เขายืนอยู่แล้วหายไปจากเกมส์
“เฮ้ย !! อะไรเนี่ย” เขากระโดดหนีห่างทันที
“กลับมาแล้วเหรอคะ ?”
“เธอจะตามฉันไปถึงไหนกันเนี่ย”
“เปล่าตามนะคะ แค่อยากอยู่สำรวจอะไรนิดหน่อยเท่านั้น”เธอตอบอย่างหน้าตาย ด้วยใบหน้าซื่อๆ
“ไม่ตามแล้วมานั่งรอตรงนี้ทำไมกัน”เปลวฟ้าหน้านิ่วทันที
“ก็แหม”เธอทำเสียงยอมจำนน แล้วกล่าวเปิดใจด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันรู้สึกสนใจคุณนี่คะ ว่าจะทำยังไงถึงจะเอาชนะเจ้าปิศาจหน้ากากนั่นได้”
“เลยอยากจะคอยเฝ้าดูฉันงั้นสิ ?”เปลวฟ้ารู้สึกเหมือนเธอมีศรัทธาบางอย่างและกึ่งท้าทายเขาด้วย “หึหึหึน่าสนุดดีนี่... ก็ได้ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นเองยูเรียน่า ว่าอัจฉริยะน่ะมันแตกต่างจากคนธรรมดายังไง !!”เขายินดีรับคำท้านี้ด้วยสีหน้าที่มั่นใจในชัยชนะ
แววตาของเปลวฟ้าที่มองเธอแสดงความมุ่งมั่นอีกครั้ง ภายในดวงตาของเขามันเปล่งประกายจนเธอรู้สึกได้จนหัวใจเต้นแรงขึ้น เธอคลี่ยิ้มที่ได้เห็น...
ใช่แล้วความรู้สึกนี่แหละที่ทำให้เธอสนใจเขามากขึ้นเรื่อยๆเพราะมันเป็นสายตาของผู้ที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง สายตาของจอมคน
ปล.ตอนหน้ามาดูกันครับว่าระบบพัฒนาความสามารถของเกมส์เป็นยังไง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จะมีคนแต่งนิยายให้คุณคนอ่าน อ่านต่อไป
และจะขอเป็นกำลังฝจให้ตลอดไปค๊าฟฟฟฟฟฟ
รู้สึกว่าจะสนุกกว่าภาคที่แล้วอีกด้วย
ยังไงก็มาอัพต่อเร็วๆน้า
อุตส่าห์นึกว่าเปลวฟ้าจะโชว์เทพฆ่ามอนนักฆ่าได้ตั้งแต่แรก เดาผิดซะแล้ว
ต้องไปหาสกิลโรคจิตๆมาใช้ก่อนสินะ รอดูต่อไปกับความเทพที่ใกล้จะบังเกิด
รูสึกชอบ ยูเรียน่า มากกว่า พิม ของภาคที่แล้วอีกนะเนี่ย
สนุกมากกก
อยากรู้ว่ามีนางเอกรึเปล่า ไม่อยากให้มีนางเอกเลย
มันเป็นความชอบของเราน่ะ อย่าว่ากันเลย
มาอัพต่อเร็วๆล่ะ
สะใจดี!!!!!
อย่าหยุดแต่งนะคับ....
มีเคือง^^*
เอ๊ะ? แล้วทำไมผมถูกใจคนนิสัยเลวๆ อย่างนี้น้า...? ^ ^
คนคงรู้จักเปลวฟ้าทั้งเกมส์ อิอิ จะหนีคนอื่นต่อไปได้ม้าน้าๆๆ~~~
ลุ้นจังๆๆ อิอิ รีบๆมาอัพเน้อๆๆ
ร้ายใช่เล่นนะเปลวฟ้า