ตอนที่ 21 : ตอนที่ 19 การตัดสินใจของเปลวฟ้า
ตอนที่ 19 การตัดสินใจของเปลวฟ้า
เมื่อหมดเวลาในการเข้าเกมส์เปลวฟ้าออกมาจากเครื่องเล่นออนไลน์ที่เหมือนกับโลงศพ เขามองไปที่นาฬิกาแขวนเป็นอันดับแรกเวลาที่เข้าไปและเวลาที่ใช้ในเกมส์ต่างกันตามที่คู่มือเกมส์บอกเอาไว้
หลายคนอาจไม่ทันสังเกตว่ามันเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์แค่ไหน สำหรับเปลวฟ้าแล้วการย่นเวลาในชีวิตจริงให้ขยายให้มากขึ้น หากเราสามารถทำงานที่ใช้เวลาเป็นปีได้ภายในวันเดียวก็คงมีแต่ต้องเข้าไปในเกมส์เท่านั้น น่าเสียดายที่เกมส์ตั้งเวลาให้แตกต่างจากโลกจริงแค่ 2เท่าในเวลาจริงเท่านั้น
ดังนั้นในเวลาที่เขาไม่สามารถเข้าเกมส์ได้และใช้เวลาในการเล่นเกินกว่า 8 ชั่วโมง จะต้องกลับสู่โลกความจริงและตัวเครื่องก็จะทำล๊อคไม่สามารถเข้าเกมส์ได้จนกว่าจะผ่านไป 4 ชั่วโมง สำหรับเปลวฟ้าแล้วเวลา 4 ชั่วโมงเหมือนเป็นการปล่อยคนอื่นวิ่งนำเขาไปเรื่อยๆ
เขาสำรวจตัวเครื่องเพื่อจะลองหาทางแฮคเพื่อจะเข้าเล่นเกมส์ให้ได้หรืออย่างน้อยเขาลดเวลาในการรอ แต่สภาพทุกอย่างเหมือนถูกผนึกมาอย่างดีเป็นพิเศษ เท่าที่จำได้หากเครื่องเสียในใบรับประกันจะทำการเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ทันที นั่นหมายความว่าบริษัทที่จำหน่ายเครื่องไม่ต้องการให้ช่างทำการซ่อม และเท่าที่เปลวฟ้ารู้มาเครื่องถูกส่งตรงมาจากกอเมริกาเท่านั้นซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งบริษัทแม่
พอเอาคู่มือมาดูก็มีคำเตือนห้ามทำการงัดแงะหรือเรียกช่างมาซ่อมโดยเด็ดขาด ให้โทรเรียกศูนย์มาเปลี่ยนเครื่องให้เท่านั้น การที่มันบอกแบบนี้ยิ่งกระตุ้นให้เปลวฟ้าอยากรู้จริงๆว่าภายในเครื่องนั้นมีอะไรกันแน่
ผ่านไป 1 ชั่วโมงเปลวฟ้าก็พบว่าเจ้าเครื่องบ้านี้แข็งแรงขนาดที่สว่านไฟฟ้าเจาะเหล็กยังเจาะไม่เข้า
“มันทำจากกันดาเนี่ยนหรือไงวะ”ความแข็งแรงของมันทำให้เปลวฟ้านึกถึงแร่ที่ใช้สร้างกันดั้มขึ้นมาทันใด
เนื่องจากเปลวฟ้าเป็นพวกที่ไม่ชอบออกแรงหากไม่มีทางเลือกหรือจำเป็นจริงๆหรือทางออกสุดท้าย เขาจึงเปลี่ยนใจที่จะทำการแฮคเครื่องนี้ เพราะเขาเริ่มเข้าใจกฎที่เครื่องทำการล๊อคอัตโนมัติ บางทีการเข้าเกมส์อาจไม่ได้โดนล๊อคไปด้วยแต่มันล๊อคที่เวลาซึ่งตั้งไว้ที่ตัวเครื่องเท่านั้น
เช้าวันรุ่งขึ้นเปลวฟ้าตัดสินใจโทรสั่งเครื่องเล่นมาอีกเครื่องเพื่อใช้ในการพลัดเปลี่ยนการเข้าเกมส์ เขาไม่เชื่อหรอกว่า การเล่นเกินกว่า 8 ชั่วโมงจะมีอันตรายถึงสมองเพราะเท่าที่ดูเขาคิดว่ามันเหมือนหยุดชีวิตหรือรักษาสภาพศพมากกว่า ไม่งั้นผ่านไปตั้ง 8ชั่วโมงที่เช้าเกมส์เขากลับไม่รู้สึกหิวเลย
ถ้าจะมีผลจริงๆน่าจะเป็นการปรับเวลาในการใช้ชีวิตมากกว่า เพราะเหมือนเราใช้ชีวิตนานกว่าปกติในหนึ่งวัน นอกจากนี้การไปโรงเรียนครั้งนี้ของเปลวฟ้ามันจะเป็นวันสุดท้ายอีกด้วย
ในช่วงพักกลางวันนั้นเองเปลวฟ้าก็ได้บอกการตัดสินใจครั้งสำคัญที่เกี่ยวพันต่ออนาคตให้เพื่อนๆทั้ง 4ได้ฟัง
“แกบ้าไปแล้วเหรอ นี่มันอาการบ้าเกมส์ขั้นโคม่าเลยนะถึงได้พูดแบบนี้”ป๊อดบอกเสียงดัง
“นึกแล้วว่าสักว่านายจะต้องพูดแบบนี้ ปล่อยให้ฉันรอแทบแย่”วิคว่า
“ถ้าลุงนายรู้เข้าเขาคงไม่ยอมแน่ มีหวังทุบเครื่องเกมส์ทิ้งทันที”แคนกระดกแว่นก่อนพุดเสียงขรึม “พวกเราตามนายไม่ได้หรอกนะ”
“คิดดูใหม่เถอะว่ะถึงฉันจะขี้เกียจเรียนแต่ก็ไม่เห็นด้วยเลยนะที่จะทุ่มเทขนาดนั้นเพื่อเกมส์ถึงเงินรางวัลมันจะคว้าก็ตาม”เข็มทิศพยายามโน้มน้าว “จนกว่าจะเคลียร์เกมส์ได้จะไม่มาโรงเรียนเลยแบบนี้นายหมดอนาคตแน่”
“ฉันตัดสินใจแล้ว”เปลวฟ้าบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “พวกนายไม่จำเป็นต้องทำตามฉันหรอก ฉันจะไม่ขอให้พวกนายมารร่วมทีมแล้วด้วยซ้ำ”
“หมายความว่าไงนายเจอทีมใหม่ที่ดีกว่าสินะ”เข็มทิศถลึงตาใส่
“ก็ไม่เชิงนักหรอกเพียงแต่เรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าที่พวกนายจะรับมือไหว”
“เฮ้ยพูดแบบนี้ไม่ดูถูกกันเกินไปหน่อยเหรอ”วิคเริ่มยั่ว “ไม่ใช่นายเหรอที่พยายามจะชวนเราเข้ากลุ่ม”
“ถ้างั้นพวกนายยังแน่ใจอยู่หรือเปล่าที่จะเป็นศัตรูกับผู้เล่นทุกคนน่ะ”เปลวฟ้าถามด้วยแววตาท้าทายทั้ง 4 และย้ำต่อว่า “เกมส์นี้ฉันสำรวจดูแล้วว่าหากถูกฟันถูกแทงมันเจ็บจริง แถมถ้าหากทุกคนรู้ตัวจริงและรู้ว่าพวกเราทำอะไรลงไปบ้าง มีหวังในชีวิตจริงนายถูกกระทืบได้”
“สรุปนายจะถล่มเกมส์นี้ทิ้งหรือไงกัน ฆ่าผู้เล่นทุกคนที่ขวางหน้าและปล้นชิงผู้อ่อนแอเหรอ”ป๊อดถามอย่างไม่แน่ใจ
“เปล่าพวกเราจะเป็นฮีโร่ต่างหาก แต่เป็นดาร์กฮีโร่น่ะ เหมือนอัศวินรัตติกาลอะไรประมาณนั้น ขืนชั่วแบบโจ่งแจ้งแบบนั้นมีหวังไม่ต้องทำอะไรแล้วละ”
“ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่เข้าใจที่นายพูดอยู่ดี”แคนถามเขาชักตามเความคิดปลวฟ้าไม่ทัน “ไม่เข้าใจว่าพวกเราจะเป็นศัตรูทุกคนได้ไงกัน”
“ก็ได้ฉันจะเล่าความจริงบางอย่างที่รู้มาให้ฟัง”เปลวฟ้าถอนหายใจยาวก่อนจะพูดต่อโดยทั้ง 4ต่างตั้งใจฟังตามองหน้าเปลวฟ้าไม่กระพริบ “ที่จริงฉันก็ยังหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้พวกนายเชื่อไม่ได้ ขอบอกมันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งจากความจริงที่ฉันรู้มาช่วงท้ายๆของเกมส์จะต้องเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นแน่นอน”
“สงครามระหว่างผู้เล่นเหรอมันต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วละ”วิคแทรก
เปลวฟ้ายกมือปัดไปมา
“สงครามระหว่างผู้เล่นกับมอนเตอร์เหรอ”ป๊อดให้คำตอบบ้าง
เปลวฟ้ายังคงโบกมือปฏิเสธ “สงครามระหว่างผู้เล่นกับตัวละครในเกมส์ต่างหากละ(NPC) ซึ่งอาจรวมถึงพวกมอนเตอร์ด้วย”
“แล้วไงละ...”เข็มทิศถามอย่างสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าคนทั้งเกมส์จะรุมเกลียดได้ยังไง
“เข้าใจละนายกำลังเข้าอยู่ฝ่ายตัวละครเกมส์ใช่ไหม”แคนเอ่ยเป็นคนสุดท้ายซึ่งเปลวฟ้าก็คลี่ยิ้มเป็นการสนับสนุนคำตอบนี้
“เฮ้ยไม่จริงน่า!!”อีกสามคนที่เพิ่งตามความคิดทันต่างร้องเป็นเสียงเดียว
“สุดยอดเลยเกมส์นี้มีทางเลือกแบบนั้นด้วยเหรอวะ”เข็มทิศยิ้มเหมือนเห็นเป็นเรื่องสนุก
“น่าเสียดายที่มันไม่ใช่เกมส์”เปลวฟ้าแย้งเสียงขรึม “พวกนายคงยังไม่ได้สัมผัส ถึงยังไม่รู้ว่าบางทีพวกตัวละครเกมส์อาจเป็นคนจริงๆมีเลือดมีเนื้ออย่างเราก็ได้ต่างก็ตรงที่พวกเขามีชีวิตในโลกที่ต่างจากเรา แต่เป็นพวกเราที่เป็นมนุษย์ต่างดาวหรือตัวประหลาดในสายตาพวกเขา”
ยามนี้ทั้ง 4 ต่างเงียบกริบไปในชั่วอึดใจจนกระทั่งแคนต้องเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก
“นายกำลังจะพูดอะไรกันแน่เปลวฟ้า”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใช่ๆจะหลอกให้พวกเราตกใจใช่ไหม”วิคหัวเราะเพราะถูกเปลวฟ้าแกล้งหลอกอยู่บ่อยๆ
“ไม่ใช่เรื่องโกหก ที่จริงฉันยังไม่อยากบอกพวกนายเพราะยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ว่าโลกที่เราไปเล่นนั้นเป็นโลกใหม่ที่แตกต่างจากความเข้าใจของพวกเรา”
“หักมุมไปหน่อยมั้งถ้ามันเป็นจริง”วิคพูด
“ใช่น่าตกใจมาก” เปลวฟ้าเอ่ย“แต่มันมีหลายเรื่องที่ฉันสงสัย เกรงว่าหลายจุดของข้อบังคับที่ผู้สร้างพยายามไม่ควบคุมเพื่อจะทำให้มันดูเป็นเกมส์มีความสมจริงและเป็นแนวการเล่นแบบใหม่ทำให้มันสนุกขึ้น จะเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่สามารถควบคุมมันได้ต่างหาก”
“จะว่าไปฉันก็ได้ยินเรื่องแปลกๆมาว่า มีตัวละครเกมส์ซึ่งเหมือนตัวผู้เล่นอาละวาดไล่ฆ่าคน”แคนกระดกแว่นก่อนเล่าด้วยน้ำเสียงน่ากลัว “บางทีพวกจีเอ็มที่เที่ยวลาดตระเวนไปทั่วส่วนใหญ่ก็เพื่อกำจัดพวกตัวแปลกนี่แหละ บ้างก็มีคนถูกฆ่าเพราะคนเหมือนกันแต่ดันไม่มีชื่อคนที่ฆ่าออกมา”
“ฉันไม่อยากเชื่อเลยแฮะจะบอกว่าพวกเราหลุดไปยังอีกโลกหนึ่งโดยผ่านเครื่องเล่นเกมส์เหรอ”ป๊อดหันถามเปลวฟ้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัว
“บอกตรงๆฉันก็ไม่รู้ เพราะแบบนั้นยังมีเรื่องอีกมากที่จะต้องสืบให้รู้ ทว่าจากที่ฉันศึกษามาจากข้อมูลที่พ่อบันทึกเอาไว้ ดูเหมือนการสร้างโลกไซเบอร์อาจเป็นแค่ก้าวแรกของการไปสู่การสร้างโลกต่างมิติก็เป็นได้”เปลวฟ้าตอบ “แน่ละว่าเป็นแค่ก้าวแรกเท่านั้น แต่บางทีโลกที่เราเข้าไปเล่นเกมส์อาจจะก้าวไปไกลเกินกว่าที่เราเข้าใจไปแล้ว โดยที่ความจริงทั้งหมดอาจถูกปิดบังเอาไว้ด้วยสาเหตุบางอย่าง”
“เหลวไหลฉันไม่เชื่อที่นายพูดหรอก นี่มันก็แค่เกมส์เท่านั้น!!”วิคยืนขึ้นตะวาดเขาทำใจเชื่อเรื่องนี้ไม่ลงจริงๆ
“เอาละทีนี้พวกนายยังอยากร่วมจมหัวลงท้ายไปกับฉันอีกหรือเปล่าละ”เปลวฟ้าถามอย่างท้าทายอีกครั้ง
“ฉันจะไปกับนาย”แคนตัดสินใจได้ก่อนใครทำเอาอีกสามคนมองด้วยความตะลึง “ฉันอยากรู้ความจริงหากสิ่งที่นายพูดเป็นความจริงมันต้องเป็นการค้นพบที่จะบอกให้ทุกคนสมควรได้รู้ให้ได้เลย”
“นั่นสิแคนพูดถูก ถ้าเป็นจริงการที่บริษัทปิดบังความจริงนี้ไว้นั่นหมายความว่าพวกเขามีความประสงค์ร้ายบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลแน่ๆ”เข็มทิศบอกเสียงเข็มแล้วเข้าไปจำไหล่เปลวฟ้าแน่น “ฉันตัดสินใจแล้วถึงไหนถึงกัน ฉันขอไปพิสูจน์กับนายด้วย”
“ให้ตายเถอะเอาจริงเหรอเนี่ย”วิคเริ่มสับสน
“ฉันก็ตกลงจะไปกลับนาย”ป๊อดตัดสินใจเป็นคนต่อมา ทำเอาทุกคนอึ้งกันหมดเพราะเขาเป็นคนขี้กังวลและมักห้ามปรามเรื่องแบบนี้ที่สุด “สิ่งที่เปลวฟ้าพูดมันก็ทำให้ฉันแคลงใจมาตลอดเหมือนกัน บางทีอาจมีแค่เปลวฟ้าเท่านั้นที่รู้ไม่สิพวกเรานี่แหละ ดังนั้นสมควรแล้วที่พวกเราจะต้องไปพิสูจน์ความจริง”
เมื่อป๊อดพูดจบทุกคนก็หันมาทางวิคที่ยังยืนลนลานอยู่
“โธ่ โธ่โว๊ย”เขาสบถเสียงดัง “เสียงข้างมากแบบนี้ฉันจะเป็นแกะดำได้ไงละ”
“ไม่ ไม่ นายต้องตัดสินใจด้วยความมุ่งมั่นของนายอย่ามาอ้างเรื่องนี้”เปลวฟ้าส่ายนิ้วไปมา “ถ้านายไม่อยากไปก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอก”
“ไม่ ฉันเองก็จะไปด้วย จะพิสูจน์ให้ได้เลยว่ามันไม่ใช่ความจริง มันต้องเป็นเรื่องเหลวไหล”
“เอางั้นก็ได้”เปลวฟ้ายักไหล่ยิ้มมองยังทุกคน “แต่การที่พวกนายเลือกแบบนี้ หากฉันตัดสินใจอะไรลงไป และใช้ให้พวกนายทำอะไรที่พวกนายอาจไม่ชอบ ก็ต้องทำห้ามแย้งหรือปฏิเสธเด็ดขาด”
“รู้แล้วนาพวกเราร่วมทีมกันมาตั้งนาน”วิคบ่น “ที่ผ่านมานายก็มักใช้พวกเราทำในสิ่งที่พวกเราไม่อยากทำมาตลอดนั่นแหละ ทว่าหากผลลัพธ์คือคำตอบที่นำไปสู่ชัยชนะหรือเป้าหมายสำเร็จพวกเราต้องทำตามอยู่แล้ว”
“เพราะแบบนี้พวกเราถึงทำตามและเชื่อว่านายทำถูกมาตลอด เพียงแต่พวกเราจะเล่นในเวลาที่ไม่เรียนเท่านั้นเพราะไม่ต้องการกระทบกับชีวิตจริง”แคนเสริม อีกสองคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
“โอเคถือว่าพวกนายสอบผ่าน”เปลวฟ้าคลี่ยิ้ม
“อีกแล้วนะทดสอบการเตรียมใจของพวกเราอีกแล้วสินะ”เข็มทิศเข้าไปด้านหลังล๊อคแขนเปลวฟ้าทันที “บอกแล้วใช่ไหม ถ้าพูดจาแรงๆกับพวกเราเพื่อทดสอบจะต้องโดนลงโทษยังไง ลืมไปแล้วใช่ไหม หึหึหึ”
“เฮ้ยๆ อย่านะ”เปลวฟ้าร้องด้วยความกลัว
“ทุกคนจัดการไอ้เปลวฟ้าเลย มันสู้แรงฉันไม่ได้หรอก”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”แล้วคนที่เหลือก็ยิ้มพลางหัวเราะและขยับนิ้วไปมาเข้าใกล้เปลวฟ้าเรื่อยๆ
“หยุดนะเฟ้ย ไม่งั้นฉันถีบจริงนะโว๊ย”เปลวฟ้าโวยวาย
แล้ววิคก็เข้าไปจับขาทั้งสองของเปลวฟ้าและยกขึ้นจนลอยจากพื้นทำเอาเปลวฟ้าโวยวายใหญ่ นอกจากนี้นักเรียนคนอื่นๆต่างก็มองมากันหมด
“จี๊มันเลย!!!ฮ่า ฮ่า ฮ่า”เข็มทิศหัวเราะอย่างสะใจ
เมื่อแคนกับป๊อดลงมือ พวกเขาก็หัวเราะด้วยความสะใจ ส่วนเปลวฟ้าก็ต้องทรมานแต่หัวเราะทั้งน้ำตาราวกับถูกผู้ชาย 4 คนรุมข่มขืน
ในเวลาเดียวกันที่ใจกลางป่าทางใต้ของบาเบลเนีย ผู้เล่นหลายคนหลายอาชีพต่างล้มนอนกับพื้นด้วยฝีมือของคนๆเดียว
“ไอ้GM บัดซบ แกเป็นปิศาจหรือไงวะ หรือว่าแกเล่นโกงค่าพลังกันแน่ ทำไมคนของข้า 6 คนถึงสู้แกไม่ได้”หัวหน้ากลุ่มโจรในร่างมนุษย์หมาป่ากล่าวสบถ
“เปล่านะครับ ผมก็เหมือนผู้เล่นทั่วไปนี่แหละที่ต้องฝึกฝนภายในเกมส์ถึงจะเก่งได้”อัศวินหนุ่มกล่าวอย่างสุภาพ แต่ที่แปลกคือเขาถืออาวุธเป็นดาบคู่ ที่มีรูปลักษณ์แตกต่างกัน “ยอมแพ้เถอะครับ ดิ้นรนไปคุณก็ต้องแพ้อยู่ดี”
“ไม่ยอมโว๊ย เดี๋ยวข้าจะต้องฆ่าแกแล้วเอาอาวุธของพวกGMมาให้ได้ หึหึหึ แน่นอนว่ามันต้องราคาแพงมากแน่ๆใช่ไหมละ”หัวหน้าโจรยังคงมีความมั่นใจ มันรีบเปิดกระเป๋าเล็กๆขางเอวแล้วควักยา3ขวดที่มีสีต่างกันคือ แดง เขียวและฟ้า
“ยุ่งแล้วสิ”อัศวินหนุ่มในชุดเกราะขาวรู้สึกเสียใจที่ไม่น่ามาลงมือช้า ทำให้อีกฝ่ายมีโอกาสทำบางอย่าง
ทันใดนั้นทั่วร่างของมันก็เกิดออร่าสีแดงห่อหุ้มร่าง และนัยน์ตาเรืองแสงสีแดงฉาน กล้ามเนื้อขยายใหญ่ อัศวินหนุ่มหยิบเครื่องวัดพลังเป็นแผ่นใสส่องดูพบค่าพลังโจมตีเพิ่มขึ้น 2 เท่า ความแม่นยำเและความเร็วเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า แม้พลังป้องกันจะลดลง 0.5เท่าก็ตาม
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าดื่มน้ำยาแห่งความบ้าคลั่ง น้ำยาเพิ่มความไว กับน้ำยาคุมสติเพิ่มเพิ่มความแม่นยำแก้ผลเสียจากน้ำยาคลั่ง ทีนี้แกเสร็จข้าแน่เจ้าอัศวิน”หัวหน้าโจรพูดอย่างได้ใจ และพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วเมื่อสิ้นเสียง ด้วยกรงเล็บยาวอันแหละคมทั้งสองมือ
“Ice Blade !! ”
อัศวินหนุ่มท่องคาถา เขารู้ตัวเช่นกัน และพุ่งสวนพร้อมดาบคู่ในมือที่คมดาบเปลี่ยนสภาพกลายเป็นน้ำแข็ง เงาสองร่างที่เข้าหากันอย่างรวดเร็วต่างสวนกันในชั่วพริบตาและมาหยุดโดยทิ้งระยะกัน
“มันเป็นไปไม่ได้ นี้ข้าจะต้องมาแพ้ให้พวกผู้เล่นจากโลกอื่นแบบนี้”
หัวหน้าโจรเปรยขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิด แล้วร่างทั้งร่างก็เต็มไปด้วยบาดแผลปริออกมามากมายจากคมดาบที่ถูกฟันนับสิบครั้งพร้อมกับไอเย็นที่แผ่ออกมาจากปากแผลก็แปรสภาพกลายเป็นน้ำแข็งห่อหุ้มร่างอีกฝ่าย
“ผู้เล่นจากโลกอื่น...?”เขาพึมพำอย่างสงสัยกับพูดสุดท้ายของหัวหน้าโจร แต่ก็ไม่เข้าใจความหมายนี้ได้
อัศวินหนุ่มสำรวจตัวเอง เขาก็โดนกรงเล็บไป2แผลเหมือนกัน ผลแพ้ชนะอยู่ที่ความเร็วในการโจมตีแม้ว่าอัศวินดาบคู่พลังโจมจะต่ำกว่าแต่เขาก็ฟันสวนใส่อีกฝ่ายได้มากกว่าหลายสิบแผล
“ภารกิจเสร็จสิ้น” อัศวินพูดพลางเก็บดาบคู่ที่ข้างหลังเอวเป็นปอกดาบกากบาท
ทันใดนั้นเองหัวหน้าโจรกลับลุกขึ้นอีกครั้งด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความเคียดแค้น
“เบสเลี่ยนจงเจริญ!!”หัวหน้าโจรตะโกนก้องพร้อมกับพาร่างโชกเลือดพุ่งเข้าใส่ราพินทร์ที่กำลังตกตะลึงกับสภาพที่น่าหวั่นเกรงแบบนี้ครั้งแรกจนเขาเกิดความลังเลทำอะไรไม่ถูก
ฉัวะ
พริบตานั้นก็มีเคียวเสี้ยวพระจันทร์ตวัดฟันหัวของหัวหน้าโจรจนร่างนั้นล้มแน่นิ่งไป
“เป็นไงบ้างทำไมถึงยืนนิ่งแบบนั้นซะละราพินทร์ไม่สมเป็นเธอเลยนะ”เสียงหญิงสาวดังขึ้นแทรก “คนสุดท้ายคงลำบากหน่อยนะราพินทร์ ถ้าไม่อยากเหนื่อยไม่ต้องไปถามให้อีกฝ่ายยอมแพ้หรอก เห็นถามทีไรก็แยกเขี้ยวกันหมดทุกคน”
“ โธ่คุณแคธี่อยู่ในเกมเรียกรัสสิครับ”เด็กหนุ่มร้องท้วง
“จะกลัวอะไรขนาดนั้น แถวนี้ไม่มีใครแล้วละ”หญิงสาวผมยาวในชุดคลุมสีรัตติกาล เธอเดินมาพร้อมกับลากเคียวอันโค้งเป็นเสี้ยวพระจันทร์ แล้วเข้าไปใกล้ข้างๆศพหัวหน้าโจรแล้วควักเอาหลอดแก้วใส่สารสีน้ำเงินเข้มใส่ศพ แล้วก็เกิดเปลวไฟสีฟ้าเผาร่างที่ไร้ชีวิตจนสลายไปรวมถึงเปลวไฟด้วย
“ผมไม่เข้าใจเลย”ราพินทร์ถามขึ้น
“เรื่องอะไรเหรอจ๊ะ”
“ผมไม่เคยเห็นผู้เล่นที่ทำสายตาแบบนี้มาก่อน ราวกับว่าพวกเราเข้าไปแย่งอะไรจากเขาน่ะครับ แล้วยังคำพูดแปลกๆนั่นอีก”
“ไม่ต้องไปสนใจคนแบบนี้หรอก”แคธี่ตอบเสียงเรียบ “พวกเรามีหน้าที่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมาก็พอแล้ว คนพวกนี้น่ะแย่งชิงสิ่งของจากผู้อื่นก่อน การที่พวกเขาถูกจัดการก็เหมือนเราไปพรากสิ่งที่เขาได้มานั่นแหละ ดังนั้นอย่าคิดมากเลยกลับกันเถอะ ยังมีเรื่องชายใส่หน้ากาที่เราต้องไปสืบกันอีกนะ”
“ครับ”ราพินทร์เห็นด้วย เขาพยายามจะหยุดคิดเรื่องนี้ แต่เมื่อผ่านศพคนอื่นๆที่เหลือ เขาก็ต้องแปลกใจและหันกลับมองไปยังแคธี่ที่เดินหายลับไปแล้ว
“เมื่อกี้หัวหน้าโจรยังถูกเผาศพทันที แต่ทำไมผู้เล่นคนอื่นที่ตายแล้วคุณแคธี่ถึงไม่ใช้น้ำยาเผาศพด้วยละ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอให้ราพินร์รู้ความจริงเร็วๆ สาธุ! >/\<
ปล.ชอบเรื่องนี้ตรงที่ เอาเกมมาปนกับความจริง และใกล้เคียงความจริง ตายในเกมคือจบ ต้องเล่นใหม่ แนวคิดนี้เจ๋ง มากๆคับ ทำให้มันเป็นเกมที่น่าเล่นจริงๆ ไรท์เตอร์สู้ๆงับ อย่าทิ้งเรื่องนี้นะ ^^ ติดตามราชันย์แห่งภูตต่อไป
แต่ก็ขอบคุณค้าบ อุตส่าห์มาอัพให้
แต่ยังไงเปลวฟ้าก็จะไม่เป็นอารายใช่ม้า...ไม่งั้นจะชนะภารกิจได้ไง เนาะๆ
เอามาลงทำไมฟะ
ค้างๆๆๆๆๆๆๆ
คนอ่านค้างอ่ะ...
มาอัพต่อไวๆนะ...
คราวนี้มาอย่างสั้น 55
รอยาวๆกว่านี้สักหน่อยแล้วค่อยอัพก็ได้น้อ~ (เอ๊ะ แต่บางคนก็ชอบอัพถี่นิเนอะ เหอๆ)
มาแล้วค้าง อัพแบบค้างๆ คนอ่านก็มึนแบบค้างๆ 555
งั้นเราไว้รอเยอะๆค่อยอ่านดีกว่า~