ตอนที่ 16 : ตอนที่ 14 แผนฆ่ายกแก๊ง 2/2
ตอนที่ 14 แผนฆ่ายกแก๊ง
หลังจากเปลวฟ้าข่มกลั้นอารมณ์ได้สำเร็จแบบหวุดหวิด เขาก็เริ่มอธิบายแผนการทั้งหมดที่วางร่วมกับแซนร๊อคให้บุพผารับฟังที่โรงแรม ซึ่งสีหน้าของเธอรู้สึกทึ่งเป็นอย่างมากกับการแผนการครั้งนี้
“มิน่าละพวกเธอถึงได้ถูกคนคอยติดตามอยู่”บุพผาพูดขึ้น
ยูเรียน่าทำหน้างงแล้วหันมามองเปลวฟ้าทันที “พวกเราถูกคนติดตามอยู่เหรอคะ”
“ใช่แล้วละ”เปลวฟ้าตอบ แล้วหันไปมองบุพผาด้วยความทึ่งเช่นกัน หากยูเรียน่าไม่รู้ก็ไม่แปลก แต่เขาไม่คิดว่าบุพผาจะรู้ตัว “เธอรู้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”
“นายก็รู้เหรอเนี่ย ฉันรู้ตอนที่พวกเราเข้าไปในโรงแรม บางทีมันอาจรอเฝ้าอยู่ด้านนอก”บุพผายิ้มน้อยๆก่อนเอ่ยต่อว่า “ขอนับถือเลยที่กล้าหาญวางแผนโต้กลับแทนที่จะหนีออกจากเกมส์ไปสักพัก”
เปลวฟ้ายืนกอดอกพิงผนังด้วยท่วงท่าเยือกเย็น
“ฉันไม่มีเวลามาหนีหรือหลบซ่อน มีแต่ถ้าถูกทำก็ต้องเอามันคืนเป็นเท่าตัว”
“แหมไม่อยากเชื่อเลยว่า หน้าตาแบบนี้จะดูเหี้ยมเหมือนกัน”
“เธอเองก็เหมือนกันเห็นเป็นผู้หญิง นึกว่าเป็นพวกขี้กลัวเสียอีก”
ทั้งคู่ต่างโต้ตอบกัดกันเล็กน้อย ทว่ารอยยิ้มที่ทั้งคู่แสดงออกมากลับดูน่ากลัวในสายตาของยูเรียน่าที่เป็นคนกลางราวเสือกับสิงโตประจันหน้ากัน
“ว่าแต่ตอนแรกที่ตกลงกัน นายบอกว่าอยู่คนเดียวนี่”บุพผาเปลี่ยนมาถาม เมื่อหันมามองทางยูเรียน่าที่นั่งสงบเสงี่ยมเรียบร้อย
“ฉันช่วยเธอเอาไว้จากสัตว์อสูรน่ะก็เลยขอติดตามไปด้วยชนิดเกาะแข้งเกาะขา”เปลวฟ้าโกหกอย่างข้องปาก เพราะเขาเตรียมข้ออ้างเอาไว้แล้ว “จนฉันยอมในความตื๊อของเธอก็เลยรับเอาไว้น่ะ”
“พูดเกินไปนะคะ”ยูเรียน่าทำเสียงอู้อี้อย่างไม่พอใจพลางเขย่าตัวเขา แต่เปลวฟ้าก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ
บุพผารู้สึกว่าฝ่ายหญิงเหมือนกำลังออดอ้อนแง่งอนแฟนตัวเองที่ชอบใจร้ายใจดำไม่มีผิด หารู้ไม่ว่าเปลวฟ้ามองยูเรียน่าเป็นสัตว์เลี้ยงต่างหาก
เสียงโทรศัพท์ของเปลวฟ้าดังขึ้น เมื่อเขาดูเบอร์โทรก็รีบตอบรับทันที ซึ่งก่อนหน้าเขาได้โทรไปเจรจาเอาไว้และรอคำตอบ สีหน้าของเปลวฟ้าไม่ได้แสดงออกอะไรมากเมื่ออีกฝ่ายตกลงรับเงื่อนไขของเขา
“แซนร๊อคโทรมาแล้วเหรอ”บุพผาถามเมื่อเปลวฟ้าวางสายไป
“เปล่าหรอก”เปลวฟ้าตอบ
บุพผาทำหน้างงไม่ทันได้ถามต่อแซนร๊อคก็โทรมา บอกเปลวฟ้าว่าทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ทำให้ในใจของเปลวฟ้าอดตื่นเต้นกับแผนการครั้งใหญ่นี้ไม่ได้
เมื่อเปลวฟ้า ยูเรียน่า และบุพผาออกจากเมือง พวกคนที่สะกดรอยตามก็เริ่มเคลื่อนไหว แม้จะไม่ใช่พวกระดับมืออาชีพ ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่คนทั่วไปไม่อาจสังเกตเห็น
“ทำไมฉันคนเดียวถึงไม่รู้สึกเลยคะว่าพวกเขายังตามเราอยู่”ยูเรียน่าพยายามจะหันกลับไปมองแต่ก็โดนเปลวฟ้าจับหัวให้อยู่นิ่งๆไม่ให้หันไป
“อย่าทำให้มันรู้ว่าเรารู้ตัวสิ”เปลวฟ้าส่งเสียงดุเบาๆ
“จะไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอกนะ แต่คนที่รู้สึกสิแปลกมากๆทั้งที่ไม่ใช่อาชีพสายนายพรานแท้ๆ”บุพผาปลอบยูเรียน่าแล้วมองไปทางเปลวฟ้าเหมือนมองคนประหลาด
“เพราะพวกนั้นใช้ทักษะตัวเบา ทำให้ยากนักจะฟังฝีเท้าพวกนั้นออก และพวกนั้นก็มีฝีมืออยู่บ้างถึงแม้จะไม่ถึงระดับนินจาก็ตาม” บุพผาก็ให้ความเห็นกับเปลวฟ้าซึ่งน่าจะยัง ไม่ค่อยรู้เรื่องผู้เล่นอาชีพอื่น” “ฉันคิดว่าคงเป็นผู้เล่นอาชีพนักสำรวจ”
“นักสำรวจ ?” เปลวฟ้าแสดงสีหน้าสนใจเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก “ช่วยบอกข้อมูลหน่อยได้ไหม”
ระหว่างเดินทางบุพผาจึงเล่าเรื่องเกี่ยวกับอาชีพผู้เล่นที่แบ่งเป็นหลายขั้นให้เปลวฟ้าฟัง
โดย อาชีพขั้นที่ 1 ที่เปลวฟ้าเป็นอยู่จะมีให้เลือก 6 อาชีพ นั่นคือนักบวชที่มีจุดเด่นในด้านทักษะสนับสนุนและรักษาถอนคำสาปถอนพิษ นักรบมีความแข็งแกร่งของร่างกายและทักษะสู้ระยะประชิด ใช้อาวุธได้ทุกชนิด
จอมเวทย์หรือผู้ใช้เวททั้ง 4 ธาตุโจมตีศัตรูเป็นกลุ่มแต่กลับเป็นอาชีพที่เล่นยาก ที่สุดเพราะพลังเวทเริ่มต้นที่น้อยทำให้ต้องเติมพลังเวทบ่อย ร่างกายอ่อนแอที่สุดทุกอาชีพ และต้องอาศัยความจำในการร่ายเวทมนตร์ ความเก่งของอาชีพจึงขึ้นอยู่กับ
นายพรานอาชีพที่มีความว่องไวสูงที่สุดและความแม่นยำ ใช้ทักษะอาวุธเบาได้ทั้งระยะใกล้และไกล ทั้งยังวางกับดักได้อีก
ช่างฝีมืออาชีพที่เกี่ยวกับสร้างสิ่งของต่างๆ ไม่มีทักษะต่อสู้แต่สามารถใช้อาวุธและเกราะได้ทั้งหมด แถมมีพละกำลังแข็งแกร่งเทียบเคียงเช่นนักรบ และความแม่นยำในการโจมตีระยะไกลเช่นนายพราน
อาชีพสุดท้ายคืออัศวินเป็นอาชีพที่มักสวมเกราะและถือโล่ มีความอึดมากที่สุด เพราะมีทักษะโล่และเพิ่มพลังเกราะทำให้สูญเสียความว่องไวไป จุดต่างของอาชีพนี้กับนักรบอยู่ที่ความคล่องแคล้วและทักษะโจมตีซึ่งนักรบมี มากกว่า และด้านป้องกันต้องยกให้อัศวิน
ส่วนอาชีพขั้น 2 บุพผาว่ามีมากมาย ซึ่งเธอรู้แค่ 3 อาชีพที่พัฒนามาจากอาชีพสายนายพราน
อาชีพ นักสำรวจ สามารถค้นหากับดักและวางกับดักได้ มักใช้มีดกับระเบิดเป็นอาวุธ มีความคล่องแคล้วสูงกว่านายพราน มีประโยชน์ก็ตรงที่อำพรางตัว ตามรอยเก่งและเป็นอาชีพเดียวที่หากับดักได้โดยไม่ต้องมาโดนมันเข้าถึงรู้
อาชีพนักฆ่าขึ้นอยู่กับความถนัดในการใช้อาวุธเพราะมักใช้อาวุธเบาหลายชนิดในการฆ่าและใช้ยาพิษสนับสนุน มีว่องไวกว่านักสำรวจ
อาชีพนักธนูสามารถใช้ทักษะธนูยิงได้ไกลกว่าทุกอาชีพและมีทักษะยิงธนูมากมาย
“แบบนี้นี่เองเจ้าแซนร๊อคถึงบอกว่าแค่กับดักยังไม่พอ”เปลวฟ้าเองก็พูดเช่นกันแต่ เหตุผลคนละอย่างกับแซนที่กลัวว่าอีกฝ่ายมีนักสำรวจ ส่วนเหตุผลของเปลวฟ้าเพราะกลัวแค่กับดักจะฆ่าพวกนั้นไม่หมด
“ระวังตัวด้วยพวกมันกำลังล้อมเรา”
ลูกธนูหลายสิบดอกพุ่งเข้ามา บุพผารีบหลบพร้อมกับจับยูเรียน่าไปด้วย ส่วนเปลวฟ้าหลบได้ด้วยตัวเองซึ่งตกลงกันไว้แล้วกับบุพผาให้คอยปกป้องยูเรีย น่าเอาไว้ ส่วนเขาจะปกป้องตัวเอง ทีแรกบุพผาไม่เชื่อคิดว่าจอมเวทย์อย่างเปลวฟ้าทำเป็นอวดเก่ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายคล่องแคล้วว่องไวเธอถึงกับอ้าปากค้าง
“นี่ไม่ใช่เวลาตกใจนะรีบพายูเรียน่าหนีไปก่อน”เปลวฟ้าร้องบอกแล้วซัดลูกไฟไปทางภูเขาทิศทางเดียวกับที่ลูกธนูพุ่งเขามา
บุพผาตั้งสติแล้วรีบพายูเรียน่าหนีทันที
“ไม่ใช่ทางนั้นขวาๆ”เปลวฟ้าร้องเตือน เมื่อเห็นสองสาวไปผิดทาง โชคดีที่แซนได้เตือนเปลวฟ้าไว้ก่อนว่าบุพผาเป็นพวกหลงทิศ
บุพผายิ้มแห้งที่เผลอปล่อยไก่ ขณะที่จะหันกลับมานักฆ่าชุดดำลึกลับสวมกรงเล็บก็ตรงก็เข้ามาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวนักฆ่าพร้อมตั้งรับ แต่มีโซ่สายฟ้าเข้าไปมัดตัวนักฆ่าแล้วถูกเหวี่ยงออกไปให้พ้นทาง บุพผามองด้วยความตะลึงอีกครั้ง
“รีบไปเถอะค่ะนั่นเป็นฝีมือของเปลวฟ้า”ยูเรียน่าบอก
บุพผาสะบัดหน้า เธอชักสับสนแล้วว่าตัวเธอก็ถูกคุ้มกันไปด้วย และอดคิดไม่ได้ว่าเปลวฟ้าดูจะห่วงยูเรียน่ามากๆ คิดแล้วเธอก็อิจฉาที่ยูเรียน่ามีแฟนขี้ห่วงเช่นนี้แม้ทีแรกจะดูชอบเย็นชากับยูเรียน่าไปหน่อยก็เถอะ
“ไม่ต้องสนใจพวกผู้หญิง”ผู้ลอบทำร้ายคนหนึ่งสั่ง “ให้จัดการผู้ชายก่อน”
ผู้ที่เข้ามาฆ่าเปลวฟ้าจึงมากขึ้น แต่คนถูกหมายหัวกลับไม่หวาดหวั่นเพราะนั่นเป็นแผนแต่แรกแล้ว เขาวิ่งไปอีกทางเข้าพุ่มไม้และต้นไม้ทะลุออกไปทุ่งราบคนละทางกับสองสาว
เปลว ฟ้าไปยังทุ่งราบไจแอส ทุ่งราบผืนใหญ่สุดลับตา ซึ่งที่นั่นเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดตัวใหญ่อาศัยอยู่ โดยเฉพาะสัตว์อสูรตัวแรกที่เด่นสุดเมื่อมาถึงทุ่งราบไจแอส แม้มันจะอยู่ไกล 10 เมตร ก็ยังเห็นชัดถนัดตา มันคือช้างยักษ์แมมกีสน่อนที่สูงกว่า 20 เมตร สัตว์อสูรมีระดับอันตราย 30 ดาว ชนิดที่ไดโนครอปไดโนเสาร์กินเนื้อซึ่งเปลวฟ้าเคยปราบชนิดเทียบไม่ติด แต่ไม่โจมตีผู้เล่นก่อน
เปลวฟ้าที่มาถึงครั้งแรกก็อดตะลึงถึงความยิ่งใหญ่ของมันไม่ได้ สำหรับทุ่งราบสัตว์ประหลาดยักษ์ นอกจากแมมกีสน่อนยังมีพวกตัวใหญ่อีกมาก ทั้งไรนอสแรกยักษ์ใหญ่กว่าแรดโลกจริงถึง 3 เท่าตัวเหมือนรถถังสีดำหุ้มเกราะไม่มีผิดเพราะขนาดก็ไม่ต่างจากรถถัง เป็นสัตว์อสูรระดับอันตราย 22 ดาว ไม่โจมตีผู้เล่นก่อน
หมาป่า 2 หัวที่ตัวเท่าช้างไทยวิ่งไปมาบนทุ่งราบด้วยความเร็วจนตกใจชนิดที่ถ้าเปลวฟ้าถูกหมายหัวยังไงก็ไม่รอดแน่นอน แม้ตัวมันเล็กกว่าไรนอส แต่มีระดับอันตรายตั้ง 28 ดาวเกือบเท่าแมมกีนอส แถมยังโจมตีผู้เล่นก่อน เมื่อมองดูแล้วเขารู้สึกว่าผู้เล่นเป็นเหมือนไส้เดือนไปเลย
“แซนร๊อคนี่นายจะให้ฉันวิ่งไปตามใต้ท้องพวกมันเนี่ยนะ”เปลวฟ้านึกแค้นใจ เพราะปากของเจ้าแซนบอกว่าเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยจากผู้เล่น แต่ไม่ได้บอกว่าปลอดภัยจากสัตว์อสูร
เปลวฟ้าวิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิตประกอบกับพลังรองเท้าที่ใส่ทักษะแดช(พุ่งตัวไป ข้างหน้าเป็นระยะสั้นๆอย่างรวดเร็ว) และวิ่งตรงเข้าไปใต้ท้องพวกสัตว์อสูร เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายกล้าโจมตีระยะไกลเข้ามา
ส่วน ผู้ติดตามมีอันต้องตัวแข็งกันไปหมด ก่อนจะถูกนำสั่งให้พวกนักฆ่าให้รีบตามไป ส่วนอาชีพอื่นๆให้ตามอย่างระมัดระวัง ทว่าการจับเปลวฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแม้จะมีความเร็วสูงกว่า แต่จอมเวทอย่างเปลวฟ้ากลับค่องแคล้วและยังมีทักษะแดชกับบูสอัพ ทำให้พวกนักฆ่าถูกทิ้งห่างด้วยความตกตะลึง
เมื่อระยะเวลาบูสอัพที่เพิ่มความเร็วเป็น 3 เท่าหมดไป พวกนั้นก็ใกล้เข้าเรื่อยๆ เปลวฟ้ารีบตัดเข้าไปทางเข้าหุบเขา และตรงไปตามทางตลอดพร้อมกับหลบสัตว์อสูรไปด้วย จนเห็นลานโล่ง
พวกนักฆ่าและนักสำรวจที่ตามมาต่างเหนื่อยหอบ ทีแรกมีมากัน 20 คน ตอนนี้เหลือแค่ 12 คนเท่านั้นทีเหลือกำลังพัวพันกับสัตว์อสูรซึ่งดันเซ่อซ่าวิ่งไปชน แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะตาย เพราะยังมีพวกอาชีพอื่นอีก 20 กว่าคนตามมาช่วย
เปลวฟ้าหยุดรอที่ลานกว้างซึ่งยูเรียน่ากับบุพผามานั่งรออยู่ก่อนแล้วจากอีกทางเข้าหนึ่ง
“นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว ทีแท้รองเท้านายไม่ธรรมดาและยังมีสกิลเพิ่มความเร็วขี้โกงอีก”บุพผาพูดขึ้น โดยไม่ได้สนใจพวกศัตรูที่กำลังตามมา
เปลวฟ้าไม่ได้โต้ตอบ เขาเดินไปสบทบยูเรียน่าซึ่งเธอยื่นถ้วยน้ำชาให้เขาอย่างใจเย็นและรอยยิ้มใสเหมือนไม่รู้สถานการณ์
“พวกเธอเนี่ยสบายจริงนะ”เปลวฟ้ามองดูทีมือบุพผาพบว่า สองสาวต่างดื่มชากินแซนวิชอย่างสบายใจ
“ก็แน่ละทางพวกฉันมีตามมา 5 คนเอง ก็เลยจัดการคนเดียวเรียบร้อย”บุพผาบอกพลางทานแซนวิชในมือที่เหลือ
“ใช่ค่ะ คุณบุพผาเก่งสุดๆเลย”ยูเรียน่าเสริมแล้วส่งแซนวิชให้เปลวฟ้า “แซนวิชนี่ก็อร่อยมากด้วยลองชิมสิคะ”
เปลวฟ้ากำลังจะปฏิเสธพวกนักฆ่าก็มาถึงพอดี แล้วมีคนหนึ่งบุกล้ำหน้ากว่าใครก็ได้ยินเสียงกดสวิทต์
พวกนักฆ่าต่างกระเด็นกระจายลอยไปกันละทิศละทาง ซึ่งคนที่กดก็คือยูเรียน่า
“ตายแล้ว จะตายไหมเนี่ย”คนกดสวิทบอกด้วยความเป็นห่วง
“จะบ้าเหรอจะห่วงทำไมเล่า ลืมแล้วเหรอพวกนี้ตามฆ่าฉันอยู่”
“แต่ฉันไม่ชอบฆ่าคนนี่คะ”ยูเรียน่าทำหน้าเสียใจเอามือปิดหน้า
“ลืมแล้วหรือไงพวกนี้ไม่เหมือนเธอ เดี๋ยวก็กลับมาเกิดใหม่แล้ว”เปลวฟ้าเตือนสติพร้อมกับเขย่าหญิงสาว
“จริงด้วย”ยูเรียน่ากลับมาร้องเสียงใสทันที ทำให้ฝ่ายชายหนุ่มอดส่ายหน้าไม่ได้
“พวกเธอสองคนนี่เถียงกันแปลก”บุพผาพื้นขึ้นอย่างงงกับการเรื่องที่ทั้งสองเถียง เปลวฟ้าก็ลืมไปว่าตัวเองเกือบเผยตัวจริงยูเรียน่าที่ไม่ใช่ผู้เล่นเสียแล้ว
“ผู้เล่นพวกนั้นไม่กระจอกถึงตายเพราะระเบิดแค่นี้หรอกนะ”
เปลวฟ้าหันไปพบว่าพวกนักฆ่าที่ถูกระเบิดที่วางไว้ ไม่มีใครตายสักคนกำลังยกดื่มน้ำยาสีแดงฟื้นพลัง และนักสำรวจก็เริ่มค้นหากับดักบนพื้นพร้อมปลดมันชนวนมันออก
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า นึกว่าจะมีแผนล่อให้พวกเรามาติดกับอะไรซะอีก”เสียงแจ๊คหัวเราะเยาะก้อง “โธ่เอ๋ยก็แค่กับดักระเบิดเองงั้นเหรอ อุตส่าห์ล่อให้มายังจุดพักในหุบเขา นี่มันต้อนตัวเองให้จนมุมชัดๆ”
“ยูเรียน่าฉันขอแซนวิชอีกชิ้นสิ”เปลวฟ้าไม่ได้สนใจอีกฝ่ายเลย
แจ๊คเดินนำหน้ากลุ่มนักฆ่าถึงกับฉุนกึกที่เห็นตัวเองดูหมดความสำคัญไป
“เฮ้ย !! นี่หัดฟังที่คนอื่นพูดบ้างสิวะ!!”
ทว่าทั้งสามก็เปลี่ยนมานั่งจิบชาหันให้อีกต่างหาก ทำเอาอีกฝ่ายเต้นเร่าหน้าแดงก่ำด้วยความโกธรา
“ฆ่ามัน!!!”แจ๊คโวยก้องอย่างเดือดดาล บอกให้ทุกคนบุกเข้าไปฆ่า พวกนักฆ่าซึ่งมากันครบ 20 คนบุกขึ้นนำอย่างไร้ความกังวลเพราะนักสำรวจเก็บกับดักไปหมด
จู่ๆลูกธนูหลายดอกก็พุ่งปักเข้าหัวนักฆ่าที่อยู่แถวหน้าสุด กลับบ้านเก่าในทันที ทำให้พวกนักฆ่าต่างชะงักกันหมด
“ขอโทษที่มาช้านะครับ”
แซนร๊อคลดคันธนูลงแล้วเดินออกมาพร้อมกับพรรคพวกจากทางด้านหลังของพวกเปลวฟ้าที่กำลังจิบชากันอย่างใจเย็น
กลุ่มของแซนร๊อคประกอบด้วยสาวเอลฟ์ผมดำผู้งดงามเป็นนักธนู ตามด้วยชายหนุ่มคู่แฝดร่างสูงใหญ่ อีกคนสวมชุดขาวเหมือนนักบวช ส่วนอีกคนใส่เกราะแขนและไหล่ด้านหลังสะพานดาบใหญ่
“ไม่ได้เจอซะนานนะ แจ๊คตาจิ้งจอก”แซนกล่าวทักอีกฝ่าย พร้อมกับโบกมือทักทาย “ขอเอาคืนที่แกหลอกเอาเงินฉันบนเรือเลยละกัน”
“โธ่เอ๋ยนึกว่าใครจะมาช่วย แซนร๊อค นี่แสดงว่าแกตั้งใจจะเป็นปฏิปักษ์กับหัวหน้าแม็กซิมัสซินะ”แจ๊คชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างไม่หวาดหวั่น
“ฉันจะบอกอะไรให้ พวกนักธนูกำลังขึ้นมาบนเขาและยิงธนูมาที่พวกแกแล้ว ไม่ว่าจะมีพวกแกจะพากำลังเสริมมาเท่าไรพวกแกก็ต้องตาย”
กาละฟ้าชัย ภูมิดิน ประชากรหนุน หากบนหุบเขารอบๆมีนักธนูขึ้นมาจริงๆ แน่นอนว่าต่อให้พวกเปลวฟ้ามีมากกว่าก็ต้องตายกันหมดแน่นอน
ทว่าแจ๊คกลับรู้สึกแปลกใจ ที่จริงพวกนักธนู 8 คนที่เขาสั่งให้ขึ้นเขาไปเพราะรู้ดีว่าพวกเปลวฟ้าจะล่อให้เขาไปในจุดพักในหุบเขาซึ่งเป็นลานกว้างที่ไม่มีสัตว์อสูร ซึ่งน่าจะมาถึงได้นานแล้ว แต่นี่กลับไร้ซึ่งวี่แวว พอมองไปกลุ่มเปลวฟ้า ซึ่งกำลังแนะนำตัวและจิบชากันสบายใจเชิบ
พวกนักฆ่าก็หันมามองแจ๊คเพื่อรอคำสั่งและรอการโจมตีจากนักธนูจากด้านบนเช่นกัน ซึ่งแจ๊คก็นิ่งคิดไม่ตก จนโทรศัพท์ดังขึ้น เขาดูเบอร์ก็รู้ว่าเป็นหนึ่งในนักธนูที่ส่งไป
“อะไรนะ กำลังหนีตาย เกิดอะไรขึ้นวะ”แจ๊คตาโตที่ฟังรายงาน “เป็นไปไม่ได้ เหลือแกแค่คนเดียวที่รอดเป็นไปได้ไงวะ”
แล้วจู่เงาคนด้านบนก็ปรากฏนักธนูหลาย 10 คน ทว่าไม่ใช่คนคุ้นหน้าของพวกแจ๊ค
“พวกกิลสามก๊ก (Three kingdom) มันมาโจมตีเราทำไม...”แจ๊คมองขึ้นไปด้านบนซึ่งเขายังถือโทรศัพท์อยู่ แล้วพอสายตัดไป เขาก็มองไปยังเปลวฟ้าที่ยังคงจิบชายิ้มเยาะอีกฝ่าย
“แกเป็นใครกันแน่ถึงดึงพวกสามก๊กมาได้”
“โชคดีว่าพวกเรารู้จักกันน่ะ และพวกนั้นยังเป็นคู่แข่งกับพวกโรเซนคอยก็เลยตกลงกันง่ายหน่อย”เปลวฟ้าอธิบาย
เมื่อยามนี้พวกแจ๊คเหลือกัน 35 คน เขาก็ไม่กล้าเสี่ยงเพราะมีนักธนู 10 คนอยู่บนผาด้านบน เขาจึงมองไปด้านหลังเพื่อจะหาทางถอย แต่กลับมีกลุ่มผู้เล่นกลุ่มอื่นมาปิดเส้นทางด้านหลังเอาไว้ แถมจำนวนยังไม่ใช่น้อยๆ ซึ่งพบว่าคนที่ล้อมปิดด้านหลังไม่ใช่แค่กลุ่มสามก๊กเท่านั้น ยังมีกลุ่มนักล่าเงินรางวัลอีกหลายกลุ่ม
ทั้งหมดนี่เป็นเพราะเปลวฟ้ากับแซนร๊อคได้วางแผนเอาไว้ทั้งหมด กับดักระเบิดเป็นแค่การเบี่ยงเบนความสนใจและถ่วงเวลาอีกฝ่ายเพื่อให้กลุ่มนักล่าเงินค่าหัวมาถึงและให้กลุ่มสามก๊กจัดการพวกนักธนูที่จะตามมา
เปลวฟ้าคาดไว้แล้วว่าพวกโรเซนคอยต้องใช้พวกกองโจรที่ต่างมีค่าหัวกันเกือบหมด ดังนั้นเขาจึงสั่งให้แซนส่งข้อความให้กลุ่มนักล่าเงินรางวัลทางช่องมวลชนได้รู้กันว่าจะมีการปิดประตูตีแมวพวกกองโจรโรเซนคอย
ส่วนด้านกลุ่มสามก๊ก เนื่องจากเปลวฟ้ารู้จักกับขุนพลเทพจึงเข้าไปสอบถามเจรจาหาลือเรื่องการทำลายกองกำลังกองโจรของกลุ่มโรเซนคอย ซึ่งหัวหน้ากลุ่มของขุนพลเทพก็ตกลงในทันที เนื่องจากพวกเขาอยากจะกำจัดพวกมันมานานแล้ว
แจ๊คที่เดือดจนเลือดคลั่งออกคำสั่งให้ทุกคนสู้ตาย แล้วเริ่มสั่งการให้ทุกคนตั้งแนวรบอย่างเป็นระเบียบ พวกนักฆ่ากระจายตัวออกไปค่อยทำให้ทุกคนทำคนต่างสู้กันไม่ถนัด
พอนักธนูที่อยู่บนผาต่างยิงธนูลงมาดั่งสายฝน พวกอัศวินฝ่ายแจ๊ค 5 คนก็ตั้งโล่ขึ้นแล้วใช้ทักษะ ‘เปลี่ยนเป้าหมาย’ พร้อมกัน
ลูกธนูมากมายแทนที่จะพุ่งไปยังแจ๊คกับพวกนักเวท ก็เปลี่ยนไปรวมที่โล่ใหญ่ของกลุ่มอัศวินราวกับมีแม่เหล็กมาดูด
แล้วขบวนของแจ๊คก็บุกมาทางพวกเปลวฟ้าที่มีกันแค่ 7 คน โดยใช้นักธนูอีก 2 คนยิงเข้าใส่เปลวฟ้าซึ่งนักธนูยิงลูกธนูออกมาทีละ 5 ดอกอย่างรวดเร็ว เนื่องจากในกลุ่มไม่มีอัศวินนักดาบใหญ่จึงดาบของตัวเองกวัดแกว่งปัดลูกธนู
พวกนักฆ่าถูกแบ่งไป 10 คนต้านรับนักล่าค่าหัว เนื่องจากพื้นที่เข้ามาแคบทำให้พวกนักฆ่าใช้ความได้เปรียบต้านรับ และให้นักบวชฝ่ายตนสนับสนุนยันไม่ให้กลุ่มนักล่าเงินรางวัลเข้ามาลานกว้างแล้วล้อมพวกตนได้
ตอนนี้แสงทักษะเรืองแสงแสบตาไปหมด เสียงอาวุธปะทะกันดังระงม พวกนักเวทย์ทั้งสองต่างไม่มีโอกาสร่ายมนตร์เวทบทใหญ่เลย ทำให้เปลวฟ้าคิดได้ว่าทุกอาชีพล้วนแต่มีความหมายในการรบอย่างยิ่ง เพราะล้วนต่างช่วยเสริมจุดด้อยของกันและกัน
อาชีพสายอัศวินคือโล่ที่หน้าด้านที่สุดในการป้องกันทั้งการโจมตีตรงๆและการลอบโจมตี
อาชีพสายนักรบคือผู้ที่ทลายกำแพงฝ่าเข้าไปในกลุ่มศัตรูอย่างไม่กลัวตาย
อาชีพสายนายพรานมีหน้าที่ฆ่าคนในพริบตาและคอยป่วนอีกฝ่ายไม่ให้ทำอะไรได้ถนัดด้วยทุกวิธีอย่างน่าไม่อาย
อาชีพสายนักเวทย์ผู้ที่ปิดฉากศัตรูได้ทั้งกลุ่มจึงมักถูกหมายหัวเป็นอันดับแรก
อาชีพสายนักบวชเป็นทั้งผู้รักษาและปกป้อง บางครั้งก็ต้องตายแทนนักเวทย์
เนื่องจากอาชีพสายช่างฝีมือไม่โผล่มาตอนนี้ซักคน เปลวฟ้าจึงยังนึกหน้าที่ในการรบขณะนี้ไม่ออก
แต่อาชีพขั้น 2 ก็ดูจะมีความสำคัญอย่างมากเพราะทำให้เกิดกลยุทธ์มากมาย
ในการต่อสู้ครั้งนี้เปลวฟ้ากับแซนก็คาดการณ์ประเมินฝีมืออีกฝ่ายพลาดไป เขาไม่คิดว่าแม้ตัวเองจะมีจำนวนมากกว่าจะไม่สามารถสยบพวกมันได้อย่างราบคาบในเวลาสั้นๆ นอกจากนี้แจ๊คกลับบัญชาการรบได้ถูกต้องแม่นยำมาก
ส่วนพวกนักฆ่าที่เหลืออีก 10 คนที่ก็ลอบบุกมาทางกลุ่มเปลวฟ้า พุ่งเข้ามาไม่สนใจนักดาบใหญ่ตรงหน้าที่มัวแต่ต้านมือธนู มุ่งจัดการคนที่น่าจะอ่อนแอ เช่นยูเรียน่า บุพผากับเปลวฟ้าจึงต้องช่วยกันเข้าปกป้องจากนักฆ่า 5 คน ส่วนแซนร๊อคก็ไม่มีโอกาสใช้ธนู ซึ่งแท้จริงแล้วเขาเป็นนักสำรวจต่างหากจึงใช้มีดสั้นคู่ รับมือกับพวกนักฆ่า 2 คนแทน
แต่สาวมือธนูตัวจริงซึ่งเปลวฟ้าคิดว่าต้องเป็นหมอกราตรีที่คุยกันแน่ๆ กลับต้องคอยให้นักบวชถือกระบองเข้าปกป้องจากนักฆ่าที่เหลือ เมื่อหมอกราตรีถูกพิษ เขาก็รีบรักษาให้ใหญ่ไม่สนคนอื่นเลย
แม้พวกเปลวฟ้าที่กำลังหนุนจะได้เปรียบ แต่ก็ไม่อาจสยบพวกกองโจรค่าหัวพวกนี้ได้ จนกระทั่งได้กลุ่มอัศวินนำโดยขุนพลเทพเข้ามาเสริมจากอีกทาง เข้ามาทางเดียวกับแซนร๊อค ทำให้พวกนักฆ่ากลายเป็นฝ่ายถูกรุม พวกกองโจรก็ค่อยๆถูกบีบและล้มตายทีละคน เมื่ออัศวินของแจ๊คหมดกำลังจะต้านรับลูกธนูที่ยิงมาไม่หยุด
ตอนนี้เปลวฟ้าจึงถือโอกาสเข้าเผชิญหน้ากับแจ๊คตัวต่อตัวทันที แทนที่แจ๊คจะกลัวกลับเป็นฝ่ายหัวเราะเหมือนต้องการดวลกับเปลวฟ้าเช่นกัน
“แน่จริงแกกล้ารับคำท้าดวลตัวต่อตัวกับข้าหรือเปล่า เจ้าหนู”แจ๊คท้าทายด้วยดวงตาลุกวาว เพราะการดวลตัวต่อตัว จะทำให้ม่านพลังมองไม่เห็นทำให้คนอื่นเข้าแทรกไม่ได้จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายไปข้างหนึ่ง
“ไม่ได้นะครับพี่เปลวฟ้า เจ้านั่นเป็นจอมเวทมนตร์ดำเป็นอาชีพขั้น 2 พี่ในตอนนี้ยังสู้ไม่ได้”แซนร๊อครีบร้องเตือนแม้แต่เขาก็คิดว่าเปลวฟ้าไม่มีทางชนะ
“กลัวหรือไงวะ”แจ๊มยิ้มหยัน อย่างน้อยแม้เขาจะพ่ายก็ขอจัดการเจ้าเด็กตัวการที่เป็นเป้าหมายให้ได้
“หึ ถ้ากลัวจะเข้ามาหาแกตรงๆหรือไง”เปลวฟ้าแสยะยิ้มรับคำท้าอย่างไม่หวาดหวั่นแม้จะรู้ว่าตนเสียเปรียบมากก็ตาม
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ท่าทางเปลวฟ้าจะมีแผนอีกแล้วน่ะสิ
ว่าแต่ คราวนี้จะได้ค่าหัวสักเท่าไหรน้า
ว่าแต่คลาสนี่
ถ้านั่งเรือไป
จะเปลี่ยนได้หรอ
-*-
หุหุ
มาอัพเร็วๆนะครับช่วงซัมเมอร์สุขสันต์ทั้งที*-*(อาจจะไม่สำหรับคนทำงาน)
อยากรู้จักรองบอสเร็วๆ ;D
เห้อๆๆๆๆๆๆๆๆ