ตอนที่ 11 : ตอนที่ 9 ทาลอส 4/4
ตอนที่ 9 ทาลอส
เปลวฟ้าหันไปดูที่หน้าต่างจากห้องจากชั้นบนของโรงแรมทำให้เขาเห็นบางอย่างที่กำลังผุดขึ้นมาจากทะเล มันต้องเป็นสิ่งที่ใหญ่โตมากเพราะ จากโรงแรมถึงชายฝั่งทะเลเป็นระยะที่ไกลมาก แต่เขาเห็นมันอย่างชัดเจน
“นรก !!”เขาสบถเสียงดัง ยูเรียน่าก็เห็นด้วย เมื่อเธอเห็นสิ่งที่เป็นต้นเหตุให้ทั้งเกาะสะเทือน
เมื่อยักษ์สำริดร่างนักรบใส่เกาะตัวใหญ่เดินขึ้นสู่ฝั่งพร้อมกับค้อนใหญ่ที่ถือสองมือ ด้วยน้ำหนักของมันทำให้แต่ก้าวเดินสร้างแรงสะเทือนมาถึงเมืองบนเกาะ มันตัวใหญ่ชนิดที่ทีเร็กต้องร้องไห้ เพราะมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวใหญ่ที่สุด
“ทาลอส”ยูเรียน่าเรียกสิ่งนั้น
“นี่ไม่ใช่ยุคกรีกเสียหน่อย”เปลวฟ้าแย้ง แล้วเขาก็ต้องคิดใหม่“แต่อย่างว่านี่มันเกมส์นี่นา”
“มันเคยใช้ในการตีเมืองมาแล้วค่ะ เพราะเจ้าสิ่งนี่แหละที่ทำให้พวกเราเสียบ้านเกิดไป”สีหน้าของเธอเต็มด้วยความกลัว
เปลวฟ้ามองตาเธอก็รู้ว่า เจ้าหล่อนกำลังหวนคิดถึงฝันร้าย เพราะคำว่าเสียบ้านเกิด ในน้ำเสียงเขาสัมผัสได้ถึงความโหยหาที่ยากจะเป็นการโกหก บางทีเขาต้องทบทวนเรื่องที่เจ้าหล่อนมีชีวิตในโลกนี้เสียใหม่
“มันมีจุดอ่อนที่จุกตรงข้อเท้ามันหรือเปล่า”
เปลวฟ้าถามเขานึกถึงตำนานกรีกที่วีรบุรุษกรีซปราบทาลอสด้วยการใช้เชือกมัดจุกที่ข้อเท้าแล้วดึงมันออกมาให้ของเหลวภายในไหลออกมา เขาหวังว่ามันจะมี แต่ถ้าเขาเป็นคนสร้าง เขาคงไม่ทำจุดที่ว่านั้นแน่
“ไม่มีหรอกค่ะ”ยูเรียน่าตอบทันที “พวกเราใช้ทุกอย่างทั้งเวทมนตร์เครื่องยิงหิน มันก็แทบไม่สะเทือนจนกระทั่งเราพยายามเล็งโจมตีไปที่จุดเดียวจนมันมีของเหลวคล้ายๆเลือดไหลออกมา เราถึงล้มมันได้”
“นั่นแหละที่อยากได้ยินละ วิธีฆ่ามัน”เปลวฟ้าว่า เขาเริ่มมีสีหน้าเหมือนมีความหวัง “เล็งไปที่จุดเดียว...อืม”
“แต่ข่าวร้าย...”ยูเรียน่ายังพูดไม่จบ ทำให้เขาหันควับมาทันทีจนเธอสะดุ้งไม่กล้าพูดต่อ
“เขาร้ายอะไร”เขาเค้นเสียงน่ากลัวใส่เธอ “รีบบอกมาเร็ว”
“มันแตกต่างจากตัวที่ฉันเจอค่ะ มันไม่มีเกราะหนาทั่วตัวแบบนี้และ...”
“และอะไร...”เปลวฟ้าถลึงตาใส่ เหมือนกำลังโมโห เขารู้เธอไม่ผิดหรอก แต่รำคาญที่เธอไม่พูดออกมาเสียที
“มันมีฟิลด้วยค่ะ”เธอรีบพูด แววตาเจือไปด้วยความกลัว “ฉันรู้ค่ะมันโหดร้ายมากที่ได้ยิน ขนาดตัวที่พวกเรากว่าจะล้มด้วยเครื่องมืออาวุธที่พร้อมยังอึดขนาดนั้นกว่าจะสร้างบาดแผลให้มันได้”
“บ้าเอ๊ย”เปลวฟ้าสบถเสียงแค้น เขารู้จักดีว่าความแข็งแกร่งของม่านพลังที่เรียกว่าฟิลเป็นยังไง เกราะของเขาเป็นตัวอย่างที่ดี ถ้าฟิลไม่ถูกทำลายก็ไม่อาจสัมผัสผิวเกราะได้ และเจ้าตัวนี้ก็ห่อหุ้มด้วยพลังที่ว่านั่น นอกจากนี้ดูจากวัสดุที่สร้างเกราะของมันไม่ใช่ทองแดง แต่น่าจะเป็นโลหะผสม เขาหวังว่ามันคงไม่แข็งแกร่งระดับ กันดาเมียน(แร่โลหะที่ใช้สร้างกันดั้มมันทำให้ปืนกลของแซ๊คเป็นแค่ปืนอัดลมไปเลย)
“เอาละใจเย็นแล้วมาดูพวกโง่ๆกันก่อน”เปลวฟ้าปรับอารมณ์เหมือนรอดูโชว์คาเฟ่ เพราะเขาเห็น กลุ่มผู้เล่นผู้กล้าหาญปนความบ้าประมาณ 15 คนที่เยอะจนน่าตกใจบุกสู้กับยักษ์ทาลอส
ผลก็คือทาลอสแทบไม่ต้องใช้ค้อนในมือ มันแค่เดินไล่กระทืบ พวกผู้เล่นก็โกยกันเป็นว่าเล่น เพราะแนวหน้า 5คนแรกโดนมันกระทืบกลับบ้านเก่าไปแล้ว
“ขอบคุณสวรรค์ที่มอบคนโง่ให้พวกเรา หึหึ”เปลวฟ้ายิ้มแล้วอวยพรให้พวกนอนเป็นศพเหล่านั้น เพราะมันทำให้เขาประเมินพลังของทาลอสถูก โชคดีมากที่เจ้ายักษ์นั่นไม่ใหญ่โตไปกว่ากำแพงเมือง มันจึงเข้ามาไม่ได้ แต่ดูจากค้อนเหล็กในมือของมันที่เอามาด้วยคงขึ้นอยู่กับเวลา
“ฉันว่าเราคิดหาทางหนีก่อนเถอะค่ะ”ยูเรียน่าบอกด้วยรอยยิ้มชืดๆ แต่เธอคิดไม่ออกว่าจะหนียังไง
“ผมก็ว่างั้นแหละคุณผู้หญิง”เปลวฟ้าหันมาเสริมความคิดนั้น “แต่คุณหนีไม่ได้หรอก ถ้าคุณออกจากเกมส์ไม่ได้ เรือที่ใช้ขึ้นหนีไปจากเกาะ ถูกเจ้ายักษ์ก้นใหญ่ถล่มจมไปหมดแล้วด้วย”
เปลวฟ้าหันมาดูนาฬิกาเวลาที่เขาตั้งไว้ในการออกจากเกมส์ก็พบว่ามันหมดลงแล้ว เขาน่าจะได้ออกจากเกมส์แล้วนี่ ดูเหมือนพวกที่ควบคุมเกมส์จะเล่นโกงผู้เล่นเสียแล้ว ยูเรียน่ามองเขาด้วยอย่างสนเท่ห์ เพราะใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดลง
เขาเงยหน้ามองหล่อนซึ่งกำลังจะถาม
“โอเค ผมก็หนีไม่ได้เช่นกัน”เขาตอบก่อนที่เธอจะทันเอ่ย
เป็นข่าวร้ายแต่เธอก็ส่งยิ้มให้เขาซะงั้น “ถ้าเราถอยไม่ได้ ก็คงถึงเวลาใช้ความกล้ามาคิดหาทางสู้แล้วสินะคะ”
“ใช่ แต่ต้องเป็นความกล้าที่ไม่บ้าบิ่น... มันต้องใช้ความกล้าที่เต็มไปด้วยปัญญาเท่านั้น”เปลวฟ้าตีหน้าขรึมตอบ เพราะงานนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเขา
ขณะที่ผู้เล่นคนอื่นๆที่หนีมาหลบในเมืองกันหมด ต่างอกสั่นขวัญแขวนเพราะไม่สามารถออกจากเกมส์พวกเขา ต่างพยายามคิดหาทางออกกันอยู่ ยามนี้พวกเขาต่างรู้สึกเหมือนกลัวตาย เพราะความตายของเกมส์ทำให้ผู้เล่นต้องสูญเสียทุกอย่าง
แน่นอนว่าคนสวนหนึ่งคิดจะสู้แบบตายเอาดาบหน้า บางคนก็คิดว่าจะหาทางหนีหรือซ่อนตัว บางคนก็วิ่งไปหาเจ้าหน้าที่ เพื่อไปประท้วง ซึ่งเจ้าหน้าที่เองก็งงเหมือนกัน เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ แถมยังติดต่อข้างนอกไม่ได้ ราวกับว่าเกาะแห่งถูกกักเป็นเขตผู้ติดเชื้อไม่มีผิด
เสียงกระแทกกำแพงดังขึ้นเรื่อยๆ มีหลายคนที่ไม่อยากอยู่เฉย ใช้สิ่งที่มีเข้าโจมตีทาลอสจากบนกำแพง ทั้งระเบิดมือ ลูกธนูทำจากโลหะชนิดที่แข็งที่สุดเท่าที่จะสร้างได้ในเกาะ เวทมนตร์ที่ร่ายกันอย่างกับสวดมนตร์ หรือสอบอาขยานก็ยังไม่ระคายหผิวรือหยุดยั้งไม่ให้มันพังกำแพงได้
มีคนฉลาดเล็กน้อยพยายามปลุกใจแต่ไม่ได้ผลแถมยังถูกโห่ ในตอนนั้นเองที่เปลวฟ้าโผล่ออกมาพร้อมกับโทรโข่งที่ซื้อเจอจากร้านขายของไร้สาระ
“ทุกท่านโปรดฟังผมหน่อย!! งานนี้ผมไม่ได้มาหาเสียงหรือขอให้ทุกคนเชื่อเพราะผมไม่ใช่นักการเมือง”
ใช่เขาพูดถูก ทุกคนคิดเหมือนกันแต่เสียงโทรโข่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้ยินทำให้ทุกคนต่างมาสนใจกันหมดทั้งเมือง บางคนก็อดสงสัยว่าไปเอาโทรโข่งมาจากไหน
“มีพวกปากดีอีกแล้ว พอเถอะถ้าคิดจะหลอกใช้พวกเราไปตายเพื่อตัวเองอย่าได้หวัง”ชายคนหนึ่งที่มองเปลวฟ้าอยู่ตะโกนสวนมา
“โอเค ผมเข้าใจว่ามีบางคนเข้าใจภาษาคนไม่รู้เรื่อง ขอแค่ฟัง อย่าสอดก็พอ จะทำหรือไม่แล้วแต่พวกคุณ”เปลวฟ้าพูดเสียดสี แน่ละเขาไม่ง้อที่ใช้พวกงี่เง่ามาช่วยอยู่แล้ว เพราะถ้าฟังคำสั่งไม่รู้เรื่อง เขาจะสนทำไม
“ผมคิดว่าทุกคนที่เข้ามาเล่นเกมส์นี้ก็หวังอยากจะเล่นเกมส์เพื่อความสนุก”เปลวฟ้าไม่ได้มองว่าใครจะฟังหรือตะโกนสวนมาอีก เขายังคงพูดต่อไป “ และต่างก็มีความฝันอยากเป็นวีรบุรุษอยากเป็นผู้กล้าที่ต่อสู้กับมอนเตอร์ ถึงจะไม่ถึงขนาดนั้น แต่ถ้าคุณดูหนังลึกๆแล้ว คุณก็ต้องอยากเป็นผู้ที่กอบกู้หรือมีส่วนในความสำเร็จของวีรบุรุษแน่”
หลังจากที่ได้ฟังหลายคนต่างพูดไม่ออก ไม่มีเสียงใดกล่าวแทรกหรือโต้เถียง ทุกคนต่างกำลังเงียบตั้งใจฟังเปลวฟ้าโดยไม่รู้ตัว ทำให้ยูเรียน่าที่สังเกตว่าคำปราศรัยของเปลวฟ้ามีเสน่ห์โน้มน้าวทุกคนได้แล้ว
“นี่มันเป็นเกมส์ไม่มีใครตายจริง เรายังสามารถกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ โอเคมันน่ากลัวชะมัดเพราะเราจะเสียทุกอย่าง แต่ดูอย่างบรรพบุรุษของเราสิ ไม่ว่าคุณจะมาจากชาติไหน เราก็มีผู้กอบกู้เอกราชหรือผู้สละชีพเพื่อสิ่งที่เราภูมิใจ หากไม่กล้าที่จะสู้ พวกเราคงไม่มีแผ่นดินอยู่ ถึงเวลาแล้วครับ นี่เป็นเหมือนการทดสอบ ที่คุณจะต้องเลือกบทบาทของตัวเอง จะเป็นตัวละครที่เอาแต่หนีเพื่อมีชีวิตรอด หรือจะจับอาวุธลุกขึ้นสู้ แม้ต้องสิ้นชีพ แทนที่จะหนีอย่างคนขี้ขลาด ผมเชื่อว่าทุกคนคงมีคำตอบกันอยู่แล้ว มีใครพร้อมที่จะสู้ตายไปพร้อมกับผมไหมครับ ช่วยส่งเสียงหน่อย !!”
ทุกคนต่างเงียบกันไปหมด และต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ลังเล
“ฉันจะสู้ค่ะ”เด็กหญิงตัวเล็กร้องขึ้น
พวกผู้ชายรอบเธอ เห็นเธอกระโดดส่งเสียง ก็เกิดความละอายทันที พวกเขาจึงส่งเสียงว่าจะสู้เช่นกัน แล้วเสียงแห่งการตัดสินใจก็ดังขึ้นไปทั่วเมือง แม้จะมีหลายคนแอบหมั่นไส้ก็ตาม
ยูเรียน่าที่มองดูอยู่ก็อดภูมิใจไม่ได้ว่าเธอมองคนไม่ผิด
เสียงที่รวมใจกันเป็นหนึ่งไม่มีแบ่งแยกเชื้อชาตืหรือศาสนา ได้ทำให้พวกเขาทุกคนตื่นตัว และมีความฮึมเหิมกันหมด เปลวฟ้าเม้มเริมฝีปากเป็นมุมโค้งเล็กน้อย แผนการขั้นที่หนึ่งสำเร็จ
ทันใดนั้นเสียงกำแพงพังก็ทำให้ทุกคน กลับมาแตกตื่น เมื่อยักษ์ทาลอสย่ำเดินเข้ามาด้วยความดุดัน ผู้เล่นที่เป็นเด็กผู้หญิงหลายคนเริ่มวิ่งระส่ำระส่าย แต่พวกผู้ชายเริ่มเป็นคนบ้าจะไปลุยแบบหมาจนตรอก
เปลวฟ้ารีบตะโกนให้ทุกคนหยุดทันที เขาร้องสั่งให้แต่ละอาชีพจัดกระบวนทัพอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ทำตามที่เขาสั่ง แน่นอนว่าทาลอสไม่ได้ให้เวลาเปลวฟ้าขนาดนั้น แต่เขาก็คาดไว้แล้วคำสั่งแรกของเขาจึงสั่งว่า
“คนที่รู้ตัวเป็นนักเวท ระดมยิงเวทน้ำแข็งใส่มันให้หมด”เปลวฟ้ายังไม่หยุดสั่งผ่านโทรโข่ง “ใครที่มีอะไรเย็นๆก็ปาใส่มันด้วย โอคงไม่ใครบ้าให้ไอติมมันหรอกนะ”
ตอนนี้ใครมีสมาธิและสติมากที่สุดย่อมกลายเป็นผู้นำ ส่วนคนที่หาทางออกเรื่องนี้ไม่เจอย่อมเชื่อฟังผู้รู้ทางออกชนิดเป็นทาสทันที
ทาลอสที่ถูกระดับพลังเวทน้ำแข็ง ธนูน้ำแข็ง และระเบิดน้ำแข็ง ทำให้มันเคลื่อนที่ช้าลงเป็นสโลโมชั่น ซึ่งปกติมันก็เคลื่อนไหวช้าอยู่แล้ว แม้ว่ามันจะมีฟิลและเกราะที่หนา สรุปว่ามันอึดชนิดแมลงสาปยังอาย ทว่ามันก็ไม่ได้มีความสามารถป้องกันด้านการโจมตีที่ให้ผลผิดปกติเช่นพลังน้ำแข็งที่ทำให้ช้า เป็นต้น
เปลวฟ้าสังเกตเห็นว่าทาลอสไม่เคยก้มมองพื้นเลยเวลามันเดิน แน่ละมันไม่เคยจะก้มมองหรอก ขนาดจะกระทืบผู้เล่น มันยังย่ำแบบไปมาไม่ก้มเลย เขาจึงสั่งให้พวกบ้าพลังช่วยกันคว้าพลั่วมาคุดหลุมดักทันที
ทุกคนแทบช๊อคกลับแผนการเด็กๆแต่มันได้ผล ทาลอสสะดุดหลุมที่ไม่ลึก จนมันล้มลง ซึ่งมันล้มทับผู้เล่นที่สมควรโดน เพราะเขาไม่เชื่อว่ามันจะได้ผล แน่ละมันดูเหมือนหยอกเด็กแต่มีใครบ้างที่คิดถึงเรื่องนี้ถ้าไม่สังเกต
จากนั้นเขาก็สั่งให้ทุกคนรีบเอาโซ่เหล็กที่พวกสายช่างรีบช่วยกันสร้างมาล้อมร่างทาลอส แล้วใช้ตะปูตัวใหญ่ตอกพื้นกดร่างมันเอาไว้หลายเส้น มีหลายคนนึกถึงนิทานที่มีไอ้บ้าเรือแตกลอยมาติดเกาะ แล้วถูกพวกตัวจิ๋วตรึงร่างไว้แบบนี้
ทาลอสที่ล้มคว่ำ แถมถูกโซ่มัดแบบตรึงเอาไว้ทั่วร่างทำให้ถูกผนึกการเคลื่อนไหว ไม่อาจออกแรงดิ้นหลุด ยูเรียน่าและผู้เล่นหลายคนต่างมองผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นด้วยความทึ่ง
“เอาละได้เวลาต้มยำทำแกงคนยักษ์แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!”เปลวฟ้าส่งเสียงปนกลั้วหัวเราะ พร้อมกับแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย งานนี้ต่อให้ถล่มมันทั้งวันก็ยังมีเวลาอีกเยอะในเมื่อมันทำอะไรพวกเขาไม่ได้
ผู้เล่นทุกคนต่างยิ้มเจ้าเล่ห์ตามๆกันที่ได้ยินคำสั่ง นั่นคือแผนขั้นสุดท้ายของเปลวฟ้าที่หวังจะได้เห็น ในขณะที่คนสร้างทาลอสต่างอ้าปากค้าง พวกเขาไม่คิดว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ เพราะพวกเขาปรับปรุงสร้างทาลอสด้วยการเพิ่มพลังฟิลเข้าไป เหนือกว่ายักษ์ซึ่งถูกสร้างที่ผ่านๆมาด้วยซ้ำ
ตอนนี้พวกเขามองไปที่จอภาพที่หุ่นสังเกตการณ์รูปนกถ่ายทอดอยู่ พวกผู้เล่นต่างละเลงท่าไม้ตายที่มีกันไม่ยั้ง เหมือนกำลังระบายความรุนแรงใส่ตุ๊กตาในห้องนอนไม่มีผิด ราวกับว่าพวกเขากำลังแข่งกันว่าใครจะสร้างบาดแผลและความเสียหายได้มากที่สุด เพราะพวกเขาหวังของรางวัลที่จะได้รับ น่าเสียดายที่พวกเขาต้องผิดหวัง
“บ้าเอ๊ย เจ้าผู้บัญชาการนั่นมันเป็นใครวะ”ดร.ซายิดเค้นเสียงด้วยความแค้น ขณะมองเปลวฟ้าที่ทำหน้าเย้ยหยันสิ่งที่ตนสร้าง
“เอาเถอะเป็นการทดลองที่ดีจะได้ปรับปรุงมัน”ดร.ดัสเลอร์บอกด้วยเสียงเรียบๆ เหมือนไม่แสดงอารมณ์ออกมา แต่เขาก็ถอดถอนหายใจ ขณะบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งลึกแล้วเขาเองก็ตกใจไม่แพ้ซายิดที่อาวุธถล่มเมืองของพวกเขา ซึ่งรุ่นเก่าเคยถล่มพวกNPC มาแล้วจะถูกผู้เล่นจับมาต้มยำทำแกงเป็นของเล่นแบบนี้
“ส่งมันไปใหม่อีก 2 ตัว”ซายิดพูดพลางขบฟัน “ดูซิมันจะรับมือไหวไหม”
“พอเถอะน่า ยังอับอายไม่พออีกเหรอ”ดัสเลอร์เตือนเพื่อนชาวตะวันออกกลาง ด้วยความอ่อนใจ “นายไม่เห็นเหรอว่าทาลอสที่เราสร้างมันโง่แค่ไหน”
“ก็ปรับปรุงให้เราบังคับได้ซะสิ”
“มันยังมีปัญหาเรื่องการควบคุมระยะไกลนะ”อีกฝ่ายแย่งทันที
“ปัดโธ่...นี่ถ้าท่านประธานเห็น พวกเราไม่โดนไล่ออกเหรอ”
“ท่านประธานเห็นแล้วละ”เสียงใครบางคนแทรกขึ้น ทั้งคู่ต่างสะดุ้งทันที ความหวาดกลัวปรากฏบนสีหน้าพวกเขาอย่างเด่นชัด
“ไอม่า ทะ...ทะ...ท่านประธานดูอยู่เหรอ”ซายิดเริ่มติดอ่างขณะถาม เขาหันไปมองชายร่างสูงกว่า 6 ฟุตที่ยืนมองพวกเขาอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ใช่ ผมถูกส่งมาให้พวกคุณวางมือจากเรื่องนี้ได้แล้ว”ไอม่าบอกพวกเขาด้วยสีหน้าดุดัน “ไม่ต้องห่วงหรอกพวกคุณยังไม่ถูกเด้ง”
“แต่เราต้องหาทางกำจัดเจ้าพวกที่เล็ดลอดไปบอกผู้เล่น”ซายิดบอกประเด็นที่เขาไม่อาจวางมือได้
“ไม่ต้องห่วง คิดเหรอว่าคนพวกนั้นจะเชื่อเรื่องคนที่มีชีวิตที่โลกนี้น่ะ ไม่มีใครอยากเชื่อหรอก”ไอม่าเดินเข้ามาแตะไหล่ซายิด “แต่ถ้าแกคิดจะส่งไอ้ตุ๊กตานั่นไปอีก รับรองว่าเรื่องไม่สวยแน่ แทนที่ผู้เล่นจะชอบ พวกเขาคงมองว่าเกมส์นี้มันงี่เง่ามากกว่า ท่านประธานบอกว่าอะไรที่พลาดไปแล้วก็ปล่อยรูเล็กๆนั้นไป อย่าไปทำให้รูมันใหญ่กว่านี้จะดีกว่า แล้วท่านประธานยังบอกอีกว่าพวกแกแก้ปัญหาได้ห่วยแตกมากทำให้ท่านหัวเราะจนปวดท้องเลยละ”
ดัสเลอร์ยิ้ม เขาขำขันกับคำกล่าว แต่ซายิดขำไม่ออก เขาหน้าแดงก่ำแล้วกลอกตาใส่เพื่อนร่วมงานอย่างกินเลือดกินเนื้อที่มายิ้มกับความงี่เง่าที่ทั้งคู่ตัดสินใจร่วมกัน
หลังจากต้มยำทำแกงจนทาลอสสิ้นสภาพ ส่วนต่างๆแตกหักจนของเหลวมากมายไหลออกมาหมด พวกผู้เล่นต่างรอดูว่าร่างมันสลายเพื่อรอรับไอเท็ม ทว่าผ่านไปสักพักซากของมันก็ยังอยู่เช่นเดิม ทำให้พวกเขาชักหงุดหงิด
มีบางคนคิดจะเก็บชิ้นส่วนของมัน แต่ก็สายเกินไปเพราะพวกเจ้าหน้าที่กลับเขามากัน และประกาศว่านี่คือไวรัสหรือบักของเกมส์ที่ออกอาละวาด การที่ระบบออกจากเกมส์กลับมาเป็นปกติในเวลาต่อมาทำให้ผู้เล่นเลิกตั้งข้อสังสัยเจ้าหน้าที่โดยปริยาย
หลังจากนั้นมีผู้เล่นหลายคนต่างควานหาชายผู้บัญชาการทัพในการรบกับทาลอส แต่พอรู้ตัวกัน ก็ไม่มีใครพบเขาอีก
เปลวฟ้ารีบกลับมาที่โรงแรม พร้อมกับนำแร่จากเกราะส่วนเกราะและส่วนผิวของทาลอสออกมาตรงหน้ายูเรียน่า ซึ่งเป็นเศษโลหะชิ้นเล็กชิ้นน้อย ตอนที่ผู้เล่นทุกคนมัวแต่ลงไม้ลงมือกัน
ชิ้นส่วนที่นำมาเป็นสีเงินมันวาวจากตัวทาลอส และโลหะสีเขียวเข้มแก่เหมือนตะไคร่ได้จากส่วนเกราะหน้าอก เปลวฟ้าไม่ได้แร่จากส่วนค้อนยักษ์เพราะไม่มีใครไปยุ่งกับสิ่งนั้น
ยูเรียน่ารู้สึกประหลาดใจท่ามกลางความวุ่นวาย คนๆนี้ยังคาดการไว้แล้วว่าส่วนที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้คืออะไร เธอมองใบหน้าอันหล่อเหลาของอีกฝ่ายที่แทบไม่เหงื่อสักหยด
“คุณช่างเป็นคนที่ร้ายกาจจริงๆ”เธอชื่นชมเขา “ความฉลาดของคุณทำให้ฉันรู้สึกว่าพวกเสนาธิการที่ฉันรู้จักเป็นเด็กอมมือไปเลยนะคะ”
“เสียใจด้วยที่พวกคุณใช้เด็กคิดแผนการ”เปลวฟ้าหยอกกลับ “ไม่เห็นจะเท่าไรเลยไอ้ทาลอสพวกนี้”
“นั่นสิคะ”ยูเรียน่าเห็นด้วย “ถ้าคิดดีๆจุดอ่อนของมันก็มีนี่นา”
“ว่าแต่เธอช่วยดูวัตถุดิบพวกนี้หน่อยสิ”เปลวฟ้าบอก แล้วนำวัตถุดิบที่ได้จากทาลอสมาเรียงจำแนกไว้
ยูเรียน่ามองดูสิ่งเหล่านั้นด้วยความสนใจทันที “ชิ้นส่วนตัวทาลอสตัวนี้เป็นมิธริลค่ะ แต่ตัวเกราะนี่น่าจะเป็นโลหะผสม ซึ่งฉันไม่รู้จักมาก่อน”
“งั้นเหรอ”เปลวฟ้าชะงักและเริ่มครุ่นคิดว่าจะนำชิ้นส่วนเหล่านี้มาใช้ทำอะไรต่อไปดี เขาพิจารณาว่าส่วนเกราะที่เป็นโลหะผสมท่าทางจะแข็งแกร่งกว่ามิธริลเพราะขนาดชิ้นที่แตกค่อนข้างใหญ่และเขาเก็บเศษมันมาได้น้อยมาก
ข้างนอกโรงแรมมีเสียงโวยวายขึ้นเป็นระยะๆ ยูเรียน่าจึงเดินออกไปนอกหน้าต่าง ก็เห็นผู้เล่นหลายคน กำลังตามหาอะไรบางอย่างอยู่ แต่ดูจากการทำมือและชี้ไปยังบนกำแพงจุดที่เปลวฟ้าเคยยืนอยู่ เธอจึงเข้าใจในที่สุด
“ดูท่าพวกเขากำลังโจษจันถึงคุณอยู่นะคะ”
“งั้นเหรอ”เปลวฟ้าไม่ได้สนใจเขายังคิดเรื่องการนำวัตถุดิบมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอยู่
“ฉันว่าพวกเขากำลังตามหาคุณอยู่แน่ๆเลย”ยูเรียน่าพยายามเดา “ไม่ออกไปทักหน่อยหรือคะ คุณวีรบุรุษ”
“ก็ปล่อยพวกเขาหาไปสิ”เขายังคงสนใจแต่เรื่องเดิม
“แหม... เย็นชาจังเลยนะคะ”เธอแหวใส่ แต่เจ้าตัวก็ไม่สนอยู่ดี “เฮ้อแบบนี้คุณจะสร้างกลุ่มขึ้นมาได้หรือคะ”
“การรวมกลุ่มที่ฉลาดไม่ใช่ว่าแค่อยากให้ใครเข้ามาก็มาจนเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ที่สุดหรอก”เปลวฟ้าบอกเธอ ขณะที่ยังมองแต่แร่
“แล้วมันยังไงกันคะการรวมกลุ่มที่ฉลาดน่ะ”ยูเรียน่าสงสัย
“มันก็เหมือนการรวมกลุ่มทางการเมืองนั่นแหละ และการจะกลายเป็นกลุ่มใหญ่ได้ ผมมองออกแล้วว่าจะเป็นเช่นไรในตอนแรก ตอนนี้เราต้องจับกระแสของมันให้ได้ก่อน ดังนั้นเราไม่ควรรีบร้อนถ้าอยากจะได้กลุ่มที่แข็งแกร่งมีอุดมการณ์เดียวกัน และยึดเหนี่ยวไม่มีการทรยศ”
“เดี๋ยวนะคะ การรวมกลุ่มทางการเมืองนี่มันยังไงคะ คือฉันไม่ค่อยมีความรู้ทางการเมือง”
เปลวฟ้าหันมานิ่วหน้ามองอีกฝ่ายที่ช่างอ่อนต่อโลกเสียเหลือเกิน
“เฮ้อ เจ้าหญิงน้อย การรวมกลุ่มทางการเมือง มันก็คือการรวมกลุ่มเพื่อหาประโยชน์เดียวกันนั่นแหละ เพียงแต่ในตอนแรกของเกมส์ พวกผู้เล่นจะเริ่มจากกลุ่มเล็กๆขึ้นก่อน ต่อมาพวกเขาจะรวมเป็นกลุ่มใหญ่โดยขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ จากนั้นพวกกลุ่มแต่ละเชื้อชาติก็จะเริ่มหาพันธมิตรที่ผลประโยชน์หรือจุดมุ่งหมายเดียวกัน จนสุดท้ายก็จะรวมกันเป็นหนึ่ง คราวนี้แหละพวกเขาจะกลายเป็นกลุ่มผู้เล่นที่มีศัตรูที่เป็น NPC อย่างเธอไงละ”
ยูเรียน่าอุทานร้องทันที เธอมองออกแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น “สงครามจะเกิดขึ้นสินะคะ”
“ใช่แต่รู้อะไรไหมบางทีผู้เล่นจะถูกกระแสของเกมส์หรือคำแนะนำของผู้ควบคุมเกมส์นี่แหละที่จะบอกประเด็นจุดมุ่งหมายของพวกเขา เช่น การสร้างอาณาจักรเป็นของตัวเอง หรือบอกว่าศัตรูของพวกเขาคือพวกเธอไงล่ะ ตอนนี้เห็นชัดแล้วใช่ไหมว่า การรวมกลุ่มจะถูกสร้างออกมายังไง”
“ค่ะ นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุด พวกเราไม่มีทางสู้พวกคุณที่ตายแล้วเกิดใหม่อย่างรวดเร็วได้หรอกค่ะ แล้วไหนจะร่างกายที่มีความสามารถในการพัฒนาได้เร็วอีก” ยูเรียน่าพูดถูก ถ้าให้เทียบกันแล้ว พวกผู้เล่นไม่ใช่ทหารกระจอก แต่เป็นระดับแม่ทัพได้เลย
“ดังนั้นเพื่อจุดหมายของพวกเรา ฉันจะต้องเลือกคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันมาอยู่ให้ได้ ดังนั้นเราไม่ควรรีบร้อนเรื่องนี้”
“คุณมีเหตุผลที่จะชักจูงพวกเขาได้หรือคะ หรือว่าจะเล่าความจริงเกี่ยวกับตัวตนของพวกฉัน แต่ขนาดคุณยังไม่อยากเชื่อเลยนี่นา”ยูเรียน่าทำหน้าเหมือนหมดหวัง
“เธอรู้อะไรไหม นักเล่นเกมส์น่ะ มันมีอยู่หลายประเภท เช่น พวกชอบสนุกเกินเยียวยากับพวกดีเกินไปจนน่าอ๊วกหรือประมาณเพ้อฝันอยากเป็นฮีโร่ เชื่อเถอะว่า แม้ความจริงเรื่องของพวกเธอมันจะดูเพ้อเจ้อไปหน่อย แต่พวกดีเกินไปจนน่าอ๊วกก็จะเชื่ออยู่ดี ส่วนพวกที่ชอบสนุกเกินเยียวยา ก็เป็นประเภทที่ไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก ขอแค่ได้ทำอะไรที่ไม่จำเจ กับเห็นว่ามันน่าสนุกเท่านั้น”
“แล้วคุณเป็นประเภทไหนคะ”ยูเรียน่าเผลอถามออกไปทันที
“หึหึหึ เธอมองดูหน้าฉันแล้วรู้สึกอย่างไรละ”
ยูเรียน่ามองรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าที่ชวนหลงใหลของเขา มันช่างมีเสน่ห์ที่น่ากลัวราวกับปิศาจที่เจ้าเล่ห์ชอบหลอกลวงมนุษย์ไม่มีผิด มันยากนักที่เธอจะวางใจชายคนนี้
“แล้วสรุปจะไม่ทำอาวุธหรือคะ”เธอเบี่ยงประเด็นเพราะไม่อยากระแวงอีกฝ่ายให้รู้สึกใจคอไม่ดี
“ที่จริงก็อยากได้อาวุธอยู่หรอกแต่...”เปลวฟ้าหันมาพูดเรื่องวัตถุดิบ แล้วเขาก็เริ่มถอดชุดเกราะ “ช่วยแก้เกราะให้เบากว่านี้ที คิดว่าส่วนที่เป็นโลหะผสมน่าจะทำได้นะ แล้วที่เหลือก็ช่วยสร้างคทากับโซ่ให้ที”
“เอาโลหะผสมมาสร้างอาวุธไม่ดีกว่าหรือคะ”ยูเรียน่าเสนอ เพราะเห็นว่าเปลวฟ้ายังมีอาวุธที่แข็งแกร่ง
“ไม่ละฉันไม่ใช่สายโจมตีระยะประชิด อีกอย่างถ้าวัตถุดิบนี้แข็งแกร่งมากก็น่าจะใช้ทำให้เกราะเบาได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงความหนาและน้ำหนัก”
“จริงด้วย บางทีถ้าทำเป็นเกราะเบาอาจแข็งแกร่งพอๆกับเกราะหนักทีเดียว”ยูเรียน่าเริ่มเข้าใจ
“สุดท้ายก็ดัดแปลงรูปร่างหน้ากากด้วยนะ”
“เอ๋ คุณคิดจะใช้มันจริงๆหรือคะ”
“ใช่ อะไรที่ใช้ได้ก็ต้องใช้นั่นแหละ”เปลวฟ้าบอกแล้วยื่นหน้ากากที่ได้จากปิศาจให้เธอ
“เฮ้อคุณนี่ใช้งานเก่งจริงๆนะคะ”ยูเรียน่าเห็นงานที่กองอยู่ตรงหน้า เธอถึงกับถอนหายใจ
“เดี๋ยวฉันต้องออกจากเกมส์ก่อน หวังว่าถ้ากลับมาทุกอย่างก็เสร็จหมดแล้วนะ ออหน้ากากช่วยดัดแปลงให้มันมีรูปร่างที่คนเห็นแล้วต้องรู้สึกหวาดกลัวด้วยนะ”
“ได้ค่ะคุณชาย”ยูเรียน่าทำน้ำเสียงแกมประชด แต่เจ้าตัวก็ไม่แยแส หลังจากเปลวฟ้าหายตัวไป เธอก็เริ่มงานจากหน้ากากเป็นอันดับแรก “คอยดูนะ เดี๋ยวจะเอาให้เขาต้องตะลึงเลย”
หลังจากออกจากเกมส์ ยูเรียน่าอาจคิดว่าเปลวฟ้าดูไม่เหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด หารู้ไม่ว่าเขาต้องการพักสักหนึ่งชั่วโมง เพื่อขบคิดเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น เขารู้สึกว่าเกมส์นี้มีปัจจัยที่ต้องอาศัยความสามารถหลายอย่าง บางทีแค่ปัญญาอย่างเดียวอาจไม่พอ
จริงอยู่ครั้งนี้เขาสามารถหาเบี้ยมาลองมือลองเท้าได้ แต่ถ้าหากเขาคิดจะลุยเดี่ยวหรือทำอะไรคนเดียว มันก็ต้องอาศัยฝีมือพอตัว ซึ่งนั่นเป็นเรื่องเขาไม่ถนัดนัก แม้ว่าตอนเด็กๆเขาจะได้รับการฝึกฝนเรื่องเคลื่อนไหวมาแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาพร้อมด้านพละกำลังและปัญญา
ยามนี้เขาอดนึกถึงคนที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์คนแรกเขาไม่ได้ นับตั้งแต่ที่เขาจัดงานศพให้แม่ ชายลึกลับตัวใหญ่ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา โดยอ้างตัวว่าเป็นคนรู้จักของแม่ ซึ่งทีแรกเปลวฟ้าไม่เชื่อทันที ทว่าสิ่งที่เขาคนนั้นเสนอความช่วยเหลือนั้น มันยากที่เปลวฟ้าจะปฏิเสธ
อาจารย์คนแรกของเขาได้ช่วยฝึกสอนหลายสิ่งหลายอย่างที่สำคัญเพื่อให้เขาดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง เขาฝึกเปลวฟ้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ การแฮ๊คเกอร์ รวมถึงการวางแผน การดูคน การจับผิดการโกหก การโน้มน้าวคน และยังฝึกสอนเกี่ยวกับศิลปะป้องกันตัว ซึ่งเปลวฟ้าไม่ค่อยชอบเท่าไร เพราะเมื่อก่อนเคยฝึกมวยกับพ่อของเพื่อนสนิทตอนเด็กๆแต่ก็ลาออกไปในที่สุด
การที่เพื่อนของเขามองเขาแตกต่างจากเด็กทั่วไปก็เพราะมีอาจารย์ผู้นี้นี่เอง บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าที่ฝึกมาทั้งหมดอาจจะเพื่อวันนี้
ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกว่ามีใครบางคนนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องโถงบ้าน เขาจึงเดินเข้าไปหาอย่างระมัดระวัง
คนลึกลับจึงยืนขึ้นด้วยส่วนสูงกว่า 190 cm เผยอยิ้มหันมามองเขาอย่างเจ้าเล่ห์
“ไม่ได้พบกันซะนานนะศิษย์รัก”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

writer เห็นแล้วช่วยไปดูหน่อยเถอะครับ เป็นประโยชต่อนิยายของท่านเองแล้วตัวท่านด้วย
แต่ก็ช่วยไม่ได้นะ พอจะรู้ว่าคนเขียนคนนี้ไม่ค่อยสนใจcommentของผู้อ่านเท่าไหร่หรอก เหอะๆ
กด Ctrl+F สิคะ ใส่คำว่าเสื้อแดงลงไป
แค่นั้นก็เจอแล้วค่ะ ,, เห็นด้วยว่าไม่น่าใส่ลงไปเลย
ขอบคุณมาก กำลังจะบ่นถึงพอดี
เห็นด้วยค่ะ
ตอนที่เปลวฟ้าบอกว่า "ผู้เล่นตายแล้วเกิดใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และพัฒนาได้เรื่อยๆ" เพราะว่าภาคนี้ผู้เล่นที่ตายจะต้องกลับมาเล่นใหม่ไม่ใช่เหรอครับ ส่วนเรื่องพัฒนาตัวได้ก็ถูกแล้ว
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเปลวฟ้า
ได้มาจากอาจรย์หรือป่าวเนี้ย :D
แต่ผมอยากรบกวนให้เอาการเปรียบเทียบช่วง "เสื้อแดง" ออกไปทีครับ เพราะว่า การที่ไรต์เตอร์นำมาใส่ในนิยายผมรู้สึกว่ามันดูไม่ดีกับตัวนิยาย และไรต์เตอร์ก็ไม่ควรนำการเมืองแย่ๆ มาใส่ในนิยาย นะครับ
ข้อมูลบางเรื่องอยากเช่นเสื้อแดง ถ้าไรต์เตอร์ไม่รู้จริงว่าเขาทำลงไปเพื่ออะไร เป็นอย่างไร ได้อย่างไร ก็อย่าเพิ่งตัดสิน เพราะหากไรต์เตอร์ฟังจากข่าวอย่างเดียวคงจะได้ข้อมูลที่ไม่ครบ ลองหาแหล่งข่าวอื่นดูบ้างครับ ก่อนที่จะเขียนเรื่องบางเรื่องลงไปนิยายนะครับ
ปล หากกล่าวผิดพลาดประการใดขอโทษด้วย
ปล2 นิยายโดยส่วนใหญ่เป็นจินตนาการของไรท์เตอร์ ซึ่งผมก็เคารพในส่วนนี้ แต่เรื่องบางเรื่องที่สื่อออกมา ไรท์เตอร์ก็ไม่ควรนำลงมาเขียนในนิยายนะครับ
ปล 3 ไม่ได้มีเจตนาต้องการจะต่อว่าไรท์เตอร์ แค่อยากเห็นผลงานดีๆอย่างนี้พัฒนาขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ที่อ่านเม้นท์นี้ ก็ขอให้จบที่เม้นท์นี้ไม่ต้องไปต่อความยาวสาวความยืดกันอีกครับ
อิอิ
อยากอ่านต่อมากๆๆๆ
คุณคนแต่งน่ารักที่สุดเลย
แต่เห็นมีเขียนถึงเสื้อแดง-เสื้อเหลืองด้วยคุณคนแต่งอย่าไปเป็นสีไหนน้า
เป็นกลางดีที่สุด ><
ปล.รักคุณคนแต่งน้ามาอัพต่อไวๆเน้อ ><
อยากฉลาดมั่งอะ
นึกว่าจะเป็น 1 ใน 23 ภารกิจนั่นซะอีก
แหม พอ ลองมาอ่านดูแล้ว ก้ หนุก มาก เลย แฮะ
เย็นชาจริงๆด้วย :D
คงได้อาวุธใหม่ล่ะซิ คราวนี้ เหอๆ
ว่าแล้วก็มาต่อเถอะ T^T
อยากเห็นเปลวฟ้าโชว์เทพเว้ยยยย ย ย !!!
พยายามต่อไปนะ สู้ๆ รออยู่ :)
3ครับ เท่าที่อ่านมา เปลวฟ้าเป็นคนที่เก็บอารมณ์และสีหน้าเก่งมากๆ
จะต้องไม่แสดงความเจ้าเล่ห์หรือหยิ่งออกมาให้คนอื่นเห็นแน่นอน(แต่อยุ่คนเดียวไม่รู้นะ)
คิดว่า 4 อะ
ดูเย็นๆ หยิ่งๆ ดี แต่ยังมีมาดให้คนอื่นวางใจได้
หน้าอย่างนี้แหล่ะที่จะปกปิดสันดารจริงๆของเปลวฟ้าได้
บุคคลิกน่าจะเข้าถึงตัวได้ยาก
ภาพที่ 2 ค่า เหมือนสุดๆ
มาเฉลยแล้วกันนะครับ
อยากรู้
ภาพที่ 2 ดูเจ้าเล่ห์หน่อยๆน่าจะใช่