ตอนที่ 10 : ตอนที่ 8 แผนสังหารผู้เล่น 100 %
ตอนที่ 8 แผนสังหารผู้เล่น
ภายในห้องสีขาวสลัวๆ มีโต๊ะยาวที่วางเครื่องมือหลอดทดลอง เครื่องมือช่างประดิษฐ์และสายไฟระโยงรยางค์ไปทั่วห้อง ชายคนหนึ่งในชุดขาวกำลังเดินเข้ามาหาชายอีกคนที่กำลังคุมระบบเครื่องซึ่งด้านบนมีหลอดแก้วขนาดใหญ่ที่ใส่ร่างปิศาจที่มีรูปร่างเป็นอมนุษย์โดยถูกแช่ในของเหลวใสสีเขียวและมีแสงไฟสลัวๆสว่างออกมา
“ดร.ดัสเลอร์ ทำไมตัวต้นแบบที่ออกไปตามล่าเจ้าพวกหนูแหกกฎถึงยังไม่กลับมาอีก แบบนี้มันชักไม่เข้าท่าซะแล้วนะ !!”ชายที่เดินเข้ามาถามมีอาการร้อนรนจนเหยื่อออกทั้งที่ห้องทั้งห้องนั้นเย็นยะเยือก
“อาจเพราะหนูพวกนั้นมันหลบซ่อนในฝูงผู้เล่นทั่วไปก็เป็นได้ ทำให้ร่างทดลองที่ใส่คำสั่งอย่าเผยตัวผู้เล่นเห็นและฆ่าผู้เล่นถ้าจำเป็นหรือมีการขัดขวาง มันจึงพยายามปิดบังตัวเองเอาไว้โดยการหลบซ่อนรอเป้าหมาย”ดัสเลอร์ตอบเสียงเรียบ ขณะที่กำลังกดคำสั่งควบคุมเครื่องหลอดแก้วเลี้ยงชีวิตร่างทดลอง “ใจเย็นๆเถอะไม่มีใครเอาชนะตัวต้นแบบที่สร้างสำเร็จซึ่งมีพลังมหาศาลและสวมหน้ากากที่เป็นแรร์ไอเท็มเสริมพลังอันทรงพลังได้หรอก เพราะไม่มีอาวุธอะไรฝ่าฟิลนั่นได้แน่นอน”
“แล้วถ้าเกิดเจ้าคนทรยศมันสร้างอาวุธที่ว่าได้สำเร็จละ”ผู้ถามเป็นคนตะวันออกกลางเขาเอามือกุมปากด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ดัสเลอร์นักทดลองหนุ่มมองเขาเชิงตำหนิ“จะกลัวเกินไปแล้วมั้ง ดร.ซายิด พวกมันไม่มีทางนำหน้าเทคโนโลยีของเราได้หรอก อีกอย่างคุณก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าหน้ากากนั่นเป็นของต้นแบบที่ทรงพลังที่สุดของเราในยามนี้ไม่มีทางที่ฟิลที่เสริมพลังจากหน้ากากจะถูกทำลายได้ ที่ผ่านมาเราก็ใช้มันสวมหน้ากากฆ่าพวกศัตรูไปกว่า 100 ตัวแล้ว พวกมันมีแต่จะวิ่งหนีเท่านั้นไม่มีทางโต้กลับความร้ายกาจของมันได้หรอกต่อให้มีอาวุธที่ทำลายฟิลได้ก็เถอะ”
“ขอโทษจริงๆ ดัสเลอร์ ผมเห็นว่าร่างทดลองของเรากลับมาช้าเกินไป ปกติมันปฏิบัติงานได้เร็วกว่านี้”ซายิดกุมขมับพยายามทำใจและยอมรับเหตุผลของเพื่อนร่วมงาน ว่าผลงานสุดยอดของเขาไม่มีทางพลาดท่าให้ใครได้ “ที่ผมกลัวที่สุดคือหน้ากากจะตกไปในมือของผู้เล่น แล้วพวกเราจะซวยกันหมด”
“เมื่อถึงตอนนั้นจริงๆ เราก็แค่ต้องทำลายคนทั้งเกาะก็เท่านั้นซายิด”ดัสเลอร์บอกด้วยเสียงเย็นชา “เพราะแบบนี้ท่านผู้นั้นถึงได้ให้เราสร้างสิ่งน่ากลัวนั้นเพื่อยามนี้ไงละ เรื่องผู้เล่นตายในเกมส์มันไม่มีปัญหาและไม่ใช่เรื่องใหญ่อยู่แล้วคุณก็รู้...”
หลังจากที่เปลวฟ้ากับทาวาระร่วมมือกัน เปลวฟ้าก็ได้เล่าที่มาของข่าวมอนเตอร์ลับในระหว่างเดินทางออกจากเมือง
“อะไรกันเจ้าบาเทนเดอร์น่าโง่นั่นมีข้อมูลดีให้ด้วยรึ”ทาวาระเป็นหนึ่งในผู้ที่ถามไม่ตรงกับสิ่งที่บาเทนเดอร์รู้ “แล้วนี่นายจะไปจัดการกับมอนเตอร์ลับกันแค่ 2 คนเองรึไงกัน ?”
ทาวาระชักเริ่มไม่แน่ใจ แม้ว่าเปลวฟ้าจะไม่ได้บอกถึงความร้ายกาจของมอนเตอร์ลับให้อีกฝ่ายรู้ เพียงแค่บอกรูปร่างลักษณะว่าเหมือนอมนุษย์ที่มีกรงเล้บเท่านั้น เขาก็พอเดาได้ว่ามอนเตอร์ลับจะต้องร้ายกาจไม่แพ้บอสแน่
“ยิ่งคนมากส่วนแบ่งก็ยิ่งถูกหารมาก ฉันถึงบอกไงว่าต้องการคนมีฝีมือ”เปลวฟ้าตอบและเหล่มองอย่างดูแคลน “ถ้านายกลัวนักจะยกเลิกก็ได้นะ”
ที่จริงทาวาระสามารถยกเลิกข้อตกลงได้ทุกเมื่อ เพราะรู้แล้วว่ามอนเตอร์ลับอยู่ในป่าทางไหนและรูปร่างเป็นอย่างไร ทว่าสิ่งที่เปลวฟ้าบอกก็มีส่วนถูกเรื่องส่วนแบ่ง แต่ที่เขายอมไม่ได้มากที่สุดคือการถูกชายผู้นี้ดูถูก
“เชอะ ใครจะกลัวกัน คนที่ถูกฝึกสกิลยังไม่เสร็จต่างหากที่ต้องกลัว”ทาวาระเถียงกลับ
“นั่นสินะ ถ้างั้นคุณจอมเวทผู้ร่ายเวทระดับ 3 ได้ 7 วินาที ก็ช่วยคุ้มกันผมด้วยละกัน เดี๋ยวจะเป็นเหยื่อล่อให้”
“ฮ่าฮ่า ฮ่า ใช่ๆ แกต้องเป็นเหยื่อล่อให้ฉัน”ทาวาระพูดอย่างพออกพอใจ เปลวฟ้ายิ้มพูดนอบน้อมและทำตัวเหมือนผู้รับใช้ หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายเสแสร้งแค่ไหน
ระหว่างทางพวกเขาพบหมาป่าเขี้ยวดาบความอันตรายระดับ3 ทาวาระแสดงฝีมือร่ายเวทน้ำแข็งระดับ 2 โดยใช้เวลาแค่ 6 วินาที ก่อนจะยิงเวทสายฟ้าระดับ 3 ปราบพวกมันซึ่งใช้เวลาเกือบ 9 วินาที แท้จริงแล้วเรื่อง 7 วินาทีเป็นการคุยโวให้ดูดีเท่านั้นเพราะภาวะยามฝึกกับการต่อสู้นั้นสมาธิมันต่างกัน แต่ก็ยังกล้าหัวเราะในฝีมือของตัวเอง โดยไม่รู้หรอกว่าจะมีคนที่ร่ายระดับ 3 ใช้เวลาแค่ 5 วินาทีไม่ว่าจะอยู่ในภาวะไหนก็ตามและอาจเร็วขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยซึ่งยืนดูอยู่ข้างๆเขานี่เอง
เปลวฟ้าที่ยังคงปั้นหน้าด้วยความทึ่ง ได้แต่เวทนาในใจในความภูมิใจอันน้อยนิดของอีกฝ่าย แม้ว่าถ้าเทียบกับผู้เล่นคนอื่นทาวาระอาจจะร่ายเวทได้เร็วแล้วก็ตาม
“เฮ้ย !! นี่เราเดินเข้ามาในป่าได้ 10 นาทีแล้วนะ ยังไม่เห็นวี่แววมันเลย”ทาวาระเริ่มบ่นอู้อี้ทันที เพราะเขากลัวว่าจะเสียเวลา ที่จริงเวลาเขาน่าจะได้นั่งอยู่บนเรือแล้ว “ข่าวที่แกได้มามันจริงหรือเปล่าเนี่ย ?”
“นี่นายไม่รู้เลยหรือแกล้งโง่กันเนี่ย”เปลวฟ้าพูดด้วยเสียงเหมือนจะหัวเราะดูถูก ทำให้อีกขมวดคิ้วทันที
“แกหมายความว่าไงกัน”ทาวาระรู้สึกว่าอีกฝ่ายเหมือนกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง เขาจึงชี้ไม้คทามาทางเปลวฟ้า
เปลวฟ้าหยุดเดินนำ และหันกลับมาทางทาวาระ“ไม่รู้เลยหรือว่ามีบางอย่างเริ่มเคลื่อนไหวและกำลังตามเรามา”
“อย่าล้อเล่นน่า !! นี่แกรู้สึกได้ถึงขนาดนั้นได้ยังไงกันในป่าแห่งนี้มีมอนเตอร์มากมายนะ แกจะรู้ได้ไงว่าเป็นมอนเตอร์ลับน่ะ !? ”ทาวาระยังคงขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงถามเริ่มสั่นเครือเพราะหัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
บัดนี้ป่าทั้งป่ายังคงเงียบเชียบ
“เอาไม้เท้าลงเถอะลืมแล้วหรือว่าเกาะแห่งนี้ไม่สามารถฆ่ากันเองได้น่ะ เรามาปราบมอนเตอร์ลับด้วยกันไม่ใช่หรือไง ?”
ทาวาระเพิ่งนึกขึ้นได้ เขาจึงเอาไม้เท้าลงที่จริงเขาเผลอคิดไปว่าเปลวฟ้าหลอกให้เขามาถูกฆ่าในป่า เพราะเขาไม่เชื่อว่าจะมีมอนเตอร์ลอบติดตาม ตลอดมาเขาก็ระวังตัวเช่นกันจึงคอยมองระวังหลังตลอด และไม่รู้สึกได้ยินเสียงใดว่าจะมีอะไรตามมา แต่เปลวฟ้าที่เดินนำทางตลอดและไม่เคยหันหลังกลับไปมองเหมือนเขา กลับรู้ว่ามีอะไรบางอย่างตามมา
“ฉันรู้ว่าแกมันเก่ง แต่ไม่คิดเลยว่าแกจะรู้ได้ถึงขนาดนี้”ทาวาระยังคงไม่อยากเชื่ออยู่ดี “ทำไมถ้ารู้แล้วถึงไม่พูดออกมา !?...อ๊ะ... !!!”
ไม่ทันที่เปลวฟ้าจะได้ตอบ จู่ๆป่าที่เงียบเชียบก็มีเสียงซวบสาบดังขึ้นเบาๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างวิ่งผ่านใบหน้าและพุ่มหญ้าราวกับสายลมที่พัดผ่าน
“เริ่มเชื่อบ้างหรือยังละ?”เปลวฟ้าถามพลางแสยะยิ้ม
“เสียงลมละสิไม่ว่า”ทาวาระยิ้มเจื่อนๆทำเหมือนไม่เชื่อ แต่ก็ยืนมองล่อแลกไปมารอบตัว เขาผายมือออกไปแต่กลับไม่รู้สึกแรงลมเลย จากนั้นเขาก็เริ่มร่ายเวทน้ำแข็งระดับ 2
ทันใดนั้นดวงตาเปลวฟ้าก็กระตุกเขาสะบัดผ้าคลุมสีดำขึ้นแล้วผายมือไปทางด้านบนของต้นไม้ที่แผ่กิ่งและมีใบไม้เป็นพุ่มๆจนลก เขาซัดลูกไฟลูกใหญ่ไปที่นั่น ท่ามกลางสายตาของทาวาระที่มองด้วยความตกตะลึง เพราะแทบไม่เห็นเปลวฟ้าเริ่มร่ายเวทตั้งแต่เมื่อไร และขนาดลูกไฟที่ใหญ่เท่าลูกตุ้มเหล็กที่ใช้ทุบตึกก็บ่งบอกได้ว่ามันเป็นเวทไฟระดับ 3 แน่นอน
ตูม !!!
ขณะที่ต้นไม้ต้นนั้นระเบิดจนมีเพลิงลุกไหม้ ร่างลึกลับก็กระโจนออกมาต่อหน้าพวกเขา มันนั่นเอง ปิศาจในหน้ากากสีดำที่มีรูปร่างเป็นอมนุษย์ ทั่วร่างมันห่อหุ้มด้วยพลังโปร่งแสงสีแดงที่ถูกเรียกว่าฟิล ทำให้มันไม่เป็นอะไรเลย
“ตัวบ้าอะไรเนี่ย !!?”ทาวาระร้องตกใจเสียงหลงที่เห็นมอนเตอร์เรืองแสงไม่ธรรมดาแถมยังไม่เป็นอะไรจากเวทระดับ 3 ทั้งๆที่มันสามารถล่มมอนเตอร์ระดับ 3และระดับ4บนเกาะได้สบาย
เปลวฟ้าที่มองปิศาจในหน้ากากตรงหน้า ครั้งนี้เขามองมันด้วยความสงบเยือกเย็นเพราะเขาพร้อมทุกอย่างทั้งอาวุธ ชุดป้องกัน สกิลและแผนการ จากนั้นก็เหล่มองไปทางข้างหลังที่เจ้านักเวทขี้โวอยู่ด้านหลังเขาพอดี
“หึหึหึหึ...”เปลวฟ้าหัวเราะอย่างชั่วร้าย ขณะที่เจ้าปิศาจหน้ากากย่อตัวลงเล็กน้อยเตรียมใช้ท่าพุ่งจู่โจมแบบเดียวกับที่จัดการเขาจนดาบที่กันไว้ยังหัก ในเวลาเดียวกับที่ทาวาระยังคงแตกตื่นกับมอนเตอร์ตรงหน้าและเปลวฟ้าที่ใส่ชุดเกราะสีดำเงางามซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ชั่วพริบตาเจ้าปิศาจหน้ากากก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง เปลวฟ้าเริ่มใช้บูสอัพหรือความเร็วชั่วพริบตาที่ใช้ได้แค่ 2 ครั้ง ซึ่งทำให้เขาหลบด้วยความเร็วจนเหมือนหายตัวไปในจุดนั้น ทำให้เป้าหมายของเจ้าหน้ากากกลายเป็นทาวาระที่ยังตั้งตัวไม่ทัน
“เหวอ !!!”
ฉัวะ
หลังจากทาวาระร้องครางด้วยความตื่นตระหนกที่เห็นลำแสงพุ่งเข้ามา มันชัดเจนขึ้นว่าเป็นร่างปิศาจหน้ากากเมื่อเขาถูกกรงเล็บกระสวกเข้าที่ท้องน้อยและอีกข้างที่หัวใจ
“บัดซบ อ้าก !!”ทาวาระสบถอย่างเคียดแค้นพร้อมกับเลือดที่ทะลักออกจากปาก
“ขอบใจในความร่วมมือนะ”เปลวฟ้าเปรยขึ้นยิ้มข้างๆตัวระหว่างที่เจ้าปิศาจลึกลับยังคงฝังกรงเล็บอยู่ที่ร่างของทาวาระอยู่ไม่ทันขยับ
“เปลวฟ้า แก!!!”ทาวาระเบิ่งตากว้างพร้อมกับตะโกนก้องด้วยความเคืองแค้นถึงขีดสุด
ยามนี้เขาเข้าใจแผนการชั่วร้ายทั้งหมดของเปลวฟ้าที่หลอกให้เขามาเป็นเหยื่อแล้ว เมื่อภาพของเปลวฟ้าปรากฏตัวที่ด้านข้างด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อโฉบฉวยจังหวะฆ่าปิศาจในครั้งเดียว พร้อมกับง้างดาบที่เรืองแสงสีฟ้าเจิดจรัส แล้วฟันสุดกำลังเข้าที่คอของเจ้าปิศาจที่ใส่หน้ากากจนหัวมันขาดกระเด็น เลือดสีแดงขุ่นพุ่งกระฉูดสาดกระเซ็นไปทั่วรวมถึงใบหน้าที่ยิ้มเยาะของเปลวฟ้าซึ่งเปื้อนไปด้วยคราบเลือดราวกับใบหน้าของฆาตกร
“ไอ้บัดซบ !!! ไอ้สารเลว !!...แกหลอกใช้ฉัน... อ๊า...”ทาวาระล้มลงพิงกับรากต้นไม้ใหญ่ที่รองรับอยู่ด้านหลังโดยที่ร่างของเขายังคงมีกรงเล็บฝังอยู่ที่หัวใจและท้องน้อย เขากระอักเลือดหลายคำ ทีแรกเต็มไปด้วยความเจ็บปวดแต่ยามนี้สัญญาณความทรมานได้ถูกตัดไปเป็นการบ่งบอกว่าเขาได้ตายไปแล้ว หากไม่ได้รับการชุบชีวิตในอีก 10 นาที
“จุ๊ จุ๊ ฉันบอกแทนให้เองเพื่อที่แกจะได้ตายตาหลับ”เปลวฟ้าจุปากแล้วแสยะยิ้มกว้างที่มุมปาก “ใช่แล้วฉันหลอกให้แกเข้าร่วมไม่ใช่เพื่อการร่วมมือปราบมอนเตอร์ลับแต่ต้องการให้แกตายเพื่อเอาทุกอย่างที่มีจากแกไงละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขอบใจมากสำหรับทุกอย่างนะ เท็ดดี้แบร์ แกช่างเป็นตุ๊กตาหมีที่ใส่ของขวัญสำหรับฉันจริงๆ รู้อะไรไหมนี่คือแผนฆ่าผู้เล่นโดยไม่ต้องสนใจเลยว่าจะถูกหมายจับหรือกฎที่ห้ามฆ่าผู้เล่นในเกาะเริ่มต้นน่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เปลวฟ้าหัวเราะเยาะด้วยเสียงอันดังก้อง ยิ่งทำให้ทาวาระเคียดแค้นหนักจนอยากจะเข้าไปฉีกเปลวฟ้าให้เป็นชิ้นๆ ทว่าเขาก็ทำไม่ได้ เพราะร่างทั้งร่างไม่ขยับอีกแล้ว
“แก !!! ไอ้ระ...”
ไม่ทันที่ผู้ถูกตั้งฉายาเท็ดดี้แบร์จะได้ด่าจบ เขาก็ถูกเปลวฟ้ายิงเวทมนตร์จุดไฟเผาทั้งร่างส่งกลับไปเกิดใหม่ เป็นอีกวิธีที่ช่วยเร่งเวลาส่งกลับไปเกิดใหม่ ซึ่งการจะสร้างตัวละครใหม่ได้ต้องใช้เวลารอคอยถึง 5 ชั่วโมง
“ดูท่าเกมส์จะเปิดโอกาสให้เผาศพผู้เล่นที่เกาะเริ่มต้นได้แฮะ หึหึหึ”เขาแสยะยิ้มขณะมองร่างผู้เคียดแค้นที่กำลังลุกไหม้ในกองเพลิงพร้อมกับร่างของเจ้าปิศาจ
เมื่อร่างของทาวาระกลายเป็นขี้เถ้าก็สลายไปในอากาศเหลือทิ้งไว้เฉพาะไอเท็มติดตัวซึ่งมีกระเป๋าหลายมิติที่ใส่ของได้มากมาย จากนั้นเปลวฟ้าก็กลับมาดูที่หัวของเจ้าปิศาจลึกลับที่ตามล่ายูเรียน่า ขณะที่เขาจะเข้าไปจับ หัวของมันก็พลันสลายหายไปในอากาศเหลือไว้แต่หน้ากากสีดำเท่านั้น ทำให้เปลวฟ้าคิดว่ามันต้องเป็นแรร์ไอเท็มแน่นอน แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตรวจสอบข้อมูล ก่อนจะออกไปทำภารกิจเรียนสกิลเวทมนตร์ระดับ 4 ต่อ
“เงื่อนไขที่ 3เคลียร์”
ที่ห้องเสมือนห้องวิจัยหลังจากที่พวกเขาต่างเฝ้ารอร่างทดลองต่ออีก 1 ชั่วโมง ซายิดก็เริ่มร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ เขาส่งหุ่นยนต์ดวงตาค้างคาวออกไปเพื่อสำรวจหาร่างทดลองที่เกาะเริ่มต้น และไม่เจอวี่แววใดๆ
“บ้าจริงๆ ทั้งๆที่ครั้งหน้าจะใส่เครื่องติดตามให้แล้วเชียว”ซายิดมองภาพจากจอที่หุ่นยนตร์ตาค้างคาวส่งมา
“ใครจะคิดว่านักรบที่ทรงพลังทั้งความเร็วและพละกำลังแถมยังใส่หน้ากากเสริมพลังฟิลและความเร็วจะพลาดท่าพวกมันได้”ดัสเลอร์เดินเข้ามาสมทบเสียงเครียด
“ยามนี้คุณเริ่มเชื่อแล้วรึ!?”ซายิดหันมาค้อนเสียงเขียว “รู้แบบนี้ผมน่าจะให้หุ่นค้าวคาวตามสังเกตการด้วย”
“แล้วใครจะมานั่งเฝ้า ทุกทีพวกเราทุกคนก็มัวแต่ยุ่งพัฒนาอาวุธกันทั้งนั้นจะไปมีเวลาดูได้ยังไงกัน”ดัสเลอร์ท้วงทันที “ยอมรับเถอะพวกเราประเมินมันสูงเกินไป ยังไงมันก็แค่ปิศาจที่ไร้สมองเท่านั้น แม้เราจะป้อนโปรแกรมวิชาสังหารให้ก็เถอะ”
“ฮึ่ม...ดัสเลอร์คุณคิดว่าเป็นฝีมือผู้เล่นหรือเปล่า?”ซายิดคิดว่าเกมส์นี้เปิดให้ผู้เล่นทั่วโลกย่อมต้องมีอัจฉริยะสักคนที่ฉลาดพอจะทำลายผลงานของเขาได้
“ถ้างั้นผมจะเข้าไปเช๊คในศูนย์ข้อมูลมอนเตอร์ ถ้าเป็นผู้เล่นจริงก็ต้องถ่ายรูปศพส่งมาแน่ๆ เท่านี้เราก็จะรู้ว่าเป็นฝีมือใคร”ดัสเลอร์ให้ความเห็นแล้ววิ่งไปยังห้องที่รวบรวมข้อมูลทันที
“เร็วเข้าดัสเลอร์ ผมอยากรู้จริงๆว่ามันเป็นใครกัน ถึงได้ฉลาดพอที่จะเอาชนะผลงานชิ้นเอกของพวกเราได้ ทั้งๆที่อยู่เกาะเริ่มต้นแท้”ซายิดพึมพำไล่หลังด้วยความเจ็บใจ
หลังจากเปลวฟ้าจบหลักสูตรเบื้องต้นของอาชีพสายจอมเวทโดยการเรียนรู้สกิลระดับ 4 ทุกสายธาตุ เขาก็ได้ข้อมูลเพิ่มเติมเวทมนตร์บทอื่นที่ต้องตามหาจากมอนเตอร์หรือหาซื้อตามตลอดหรือโบราณสถาน จากนั้นเขาก็ไปขึ้นทะเทียนฮันเตอร์เลเวลซึ่งเขาได้ถึงระดับ 15 เจ้าหน้าที่ศูนย์ถึงกับตกใจเพราะสถิตของเขาฆ่าพวกระดับ3 แค่ 2 ตัว ส่วนใหญ่เป็นระดับ 1ที่เยอะ แต่น่ากลัวคือเขาฆ่าระดับ 5ได้นั่นทำให้เขามีระดับเพิ่มถึง 10 ระดับ จากนั้นก็เดินกลับโรงแรม
พอไขประตูเข้าไป ก็พบร่างสาวน้อยยูเรียน่านอนหลับ เธอห่มผ้าห่มสีขาวปิดทั่วร่าง เปลวฟ้าเดินไปข้างเตียงเห็นเธอทำหน้าหลับตาอย่างอบอุ่นใจ
“ให้ตายสิเห็นแล้วน่าอิจฉาจริงๆ ไอ้เรานี่เหนื่อยแทบขาดใจ”เปลวฟ้าพลันนึกถึงปฏิบัติการครั้งนี้ ที่เขาต้องเสียเวลาวางแผนจนปวดหัวแต่ก็คุ้มที่ได้ไอเท็มมาจากทาวาระมีแร่เหล็ก ทองแดง กับโคยอลอยู่มากในกระเป๋า แล้วยังเงินอีก 55,000 โกลี่ที่มารวมกับทุนติดตัวทำให้เขาพร้อมออกจากเกาะทุกเมื่อในเวลานี้
เขาหยิบหน้ากากขึ้นยามนี้เขายังไม่กล้าลองใส่มันเพราะกลัวว่าจะกลายร่างเป็นปิศาจ หลังจากดูข้อมูลสถิติการล่าที่ปกติเมื่อฆ่าอะไรได้ก็จะขึ้นชื่อมอนเตอร์และจำนวนที่ฆ่าได้ แต่ครั้งนี้กลับไม่มีอะไรขึ้นราวกับว่า มอนเตอร์ที่ตายตัวนี้อยู่นอกเหนือที่กำหนด ทำให้เปลวฟ้าตัดสินใจไม่ใช้กล้องถ่ายรูปเพื่อดูข้อมูลและยังป้องกันเผื่อว่าจะมีใครบงการเจ้าปิศาจตัวนี้อยู่จริงๆ
เรื่องทั้งหมดทำให้เปลวฟ้าชักเริ่มเชื่อของยูเรียน่ามากขึ้น
“อา...”ยูเรียน่าส่งเสียงคราง ทำให้เปลวฟ้าตื่นจากความคิด
“ฮึ่ม..กลับ..มา..แล้ว..เหรอคะ”เธอลุกขึ้นร้องถามอย่างงัวเงีย
“ดูจะไม่กังวลกลัวเลยนะว่าผมจะทำไม่สำเร็จ”
“ถ้าเป็นคนอื่นฉันอาจห่วงและกังวลสุดๆ แต่ดูจากที่คุณวางแผนฉันก็เชื่อว่าเจ้านั่นต้องอยู่หมัดแน่ๆ ในเมื่อคุณพร้อมทุกอย่างแล้วนี่”
“ใช่ถ้าผมไม่พร้อม ปกติผมก็จะไม่ลงมือเสี่ยงเด็ดขาด”
“แล้วคุณใช้แผนที่เท่าไรฆ่ามันคะ ฉันเห็นคุณคิดไว้ตั้ง 35 แผนการใหญ่ 68แผนย่อย”
“ผมใช้แผนที่ 36 ประกอบแผนย่อยที่73”
“มีด้วยหรือคะ ?”ยูเรียน่าถามด้วยความแปลกใจ “ฉันว่าฉันนับ 2 รอบแล้วนะ”
“เธอนับไม่ผิดหรอก มันเป็นแผนที่เพิ่มขึ้นระหว่างที่หาสมาชิกมาตายแทน ชื่อแผนสังหารผู้เล่นที่เกาะเริ่มต้น”
ยูเรียน่าสะดุ้งโหยง เธอตื่นเต็มที่ด้วยความสนใจมากขึ้น เพราะเธอเองก็พอรู้ว่าเกาะแห่งนี้ผู้เล่นฆ่ากันเองไม่ได้
“เล่าให้ฟังหน่อยสิคะ ว่าคุณทำได้ยังไง ถึงฉันจะเชื่อว่าคุณต้องทำได้แน่ๆก็เถอะ”
เปลวฟ้ากระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเริ่มเล่าด้วยอารมณ์ที่ยังสะใจ เพราะมันทำให้เขาฆ่าเจ้าปิศาจนั่นได้อย่างง่ายดายจนไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน
ยูเรียน่าฟังจบเธอปั้นหน้าเหยเกเปรยขึ้นว่า“ดีแล้วที่คุณไม่ใช่พวกผู้กล้าผู้ผดุงความยุติธรรมคงน่าเสียดายแย่ ถ้าไม่ได้เป็นจอมวายร้าย”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”เปลวฟ้าหัวเราะชอบใจทันที “รู้แบบนี้แล้วเธอยังอยากร่วมมือกับฉันหรือเปล่าละ ?...ว่ายูเรียน่าที่รัก...ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ก็คุณบอกเองไม่ใช่หรือคะว่า คนที่ฉันต้องตามหาไม่ใช่ผู้กล้าแต่เป็นจอมวายร้ายผู้ทำลายได้แม้กระทั่งพวกเดียวกันเอง”ยูเรียน่าย้อน
“โอเค ฉันไม่ถามแล้ว”เปลวฟ้ายกมือปราม “ที่ถามก็อยากรู้ว่าเธอมั่นใจแค่ไหนเท่านั้น”
“แต่ฉันรู้สึกชื่นชมคุณหรือหนึ่งนะคะ ที่คุณสามารถเอาชนะเจ้าปิศาจนั่นได้อย่างง่ายดายแบบนี้ ที่ผ่านมาพวกของฉันตายเพราะมันมาแล้วมากมาย”ยูเรีน่าก้มหน้าสลด เธอนึกภาพพวกพ้องที่ถูกสังหาร “ฉันไม่คิดตำหนิหรือวิธีการของคุณหรอกค่ะ ตรงข้ามถ้ามันทำให้พวกเราเอาชนะอีกฝ่ายได้สบายก็ควรทำ”
“เธอไม่ต้องฝืนยอมรับก็ได้ยูเรียน่า”เปลวฟ้ามองสีหน้าเธอแล้วเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย “ต่อไปเธอเพียงฟังแค่ผลสำเร็จก็พอ และไม่จำเป็นต้องคิดถึงวิธีการของฉัน เข้าใจไหม ?”
“ค่ะขอบคุณค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”ยูเรียน่าตอบโดยที่เม้มริมฝีปาก และมองเปลวฟ้าที่กำลังหยิบหน้ากากมาดู บางทีเธอก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูเป็นคนอบอุ่นแม้การกระทำและความคิดจะชั่วร้ายเหลือเกิน ทว่าเหมือนเขาจะคอยแบกรับบาปเท่านั้นโดยที่ยังเดินหน้าต่อไปอย่างไม่ลังเล
“ยูเรียน่า”เปลวฟ้าทักขึ้น
“คะ”เธอร้องสะดุ้งเพราะอยู่ในห้วงความคิดเกี่ยวกับเจ้าตัวที่ร้องทัก
“เธอช่วยดูหน้ากากให้หน่อยสิ”เปลวฟ้ายื่นหน้ากากที่ได้มาจากเจ้าปิศาจให้เธอดู
ยูเรียน่าจำมันได้ดีเพราะมันเป็นหน้ากากที่เคยโฉลมด้วยเลือดของพวกพ้องของเธอ
“อยากให้ฉันตรวจดูความสามารถของมันหรือคะ ?”
“ใช่ ฉันอยากรู้ว่ามันมีคำสาปส่งผลร้ายหรือเปล่า กลัวใส่แล้วจะแปรงร่างไปแบบนั้นน่ะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ มันแค่ไอเท็มเสริมพลังที่ทรงพลังมาก ไม่มีคำสาปอะไร มันช่วยเพิ่มพลังงานฟิลและความเร็วของผู้ใส่ตั้ง 1.5 เท่าเป็นแรร์ไอเท็มก็ว่าได้”
“นึกแล้วเชียว”เปลวฟ้าว่า
“คนเก่งอย่างคุณน่าจะดูความสามารถไอเท็มออกอยู่แล้วกระมัง”เธอพูดอย่างชื่นชมในตัวเขา
“เปล่า นึกแล้วเชียวที่ว่าผมหมายถึงคุณ ดูท่าแค่สัมผัสคุณคงก็อ่านความสามารถไอเท็มได้หมดเลยใช่ไหม”
“อ๊ะ...”เธอนิ่งไม่ไวติงอยู่ครู่หนึ่ง “ใช่แล้วค่ะ มันเป็นพลังพิเศษที่มีมาตั้งแต่เกิดแล้ว บางทีฉันก็คุยกับเครื่องจักรหรือสิ่งของได้ราวกับว่ามันมีชีวิต”
“จริงเหรอเนี่ยที่เธอเป็น...”เปลวฟ้ากล่าวไม่ทันจบก็ถอนหายใจ “เอาละยังไงก็ตามเรื่องแผนการร่วมมือนี้ฉันคงต้องปรึกษากับเพื่อนๆดู ยังไงฉันคนเดียวคงทำไม่สำเร็จหรอก”
“สรุปว่าคุณเชื่อจริงๆแล้วสินะคะ”
“ขอโทษนะใจจริงฉันก็อยากบอกอย่างงั้นแต่บางอย่างมันก็ต้องใช้เวลา จะให้ยอมรับง่ายๆน่ะมันไม่ได้หรอกสำหรับคนในอีกโลกน่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ฉันก็ดีใจแล้วละค่ะ”เธอยิ้มอย่างสดใสกับความพอใจเล็กน้อยจนเปลวฟ้ารู้สึกจนใจ แต่เขาก็ไม่ได้ค้านอะไรเธอ
ทันใดนั้นจู่ๆ พื้นห้องก็สั่นสะเทือนไม่หยุด มันเริ่มจากเบาๆและสั่นไหวถี่แรงขึ้น แล้วก็เงียบไป
“เกิดอะไรขึ้น !!!”เปลวฟ้ากล่าวออกมาด้วยสีหน้ากังวล
ตึง !!!
มีเสียงกระแทกดังหนึ่งครั้ง ทำให้พื้นสะเทือนอีกครั้งในระยะสั้น แต่ก็แรงที่สุดจนพวกเขาถึงกับล้มลง จากนั้นเสียงหวีดร้องของผู้คนก็ดังก้องไปทั่ว ตามด้วยเสียงหวูดเตือนภัยและเสียงตีระฆังที่กังวานไปทั้งเมืองราวกับการแจ้งถึงภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่สุดของเกาะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
อยากอ่านต่อแล้ววววววววววววววววววววววววววว
เร็วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
โครตชอบบบบบบบบบบบบบบ
มากกกกกกกกกกกกก
ปล. คำแนะนำนักอ่าน ทุกครั้งที่ท่านอ่านเจอเสียงหัวเราะทำนองว่า "ฮ่า ฮ่า ฮ่า" กรุณานึกถึงพี่ลูฯ และเสียงหัวเราะของเขา (Sound track นะ) จะสามารถเพิ่มอรรถรสในการอ่านได้อีก 1 เลเวล (เหอๆ)
เราว่า "เปลวฟ้าที่ยุงคงปั้นหน้าด้วยความทึ่ง.." มันแปลกๆอ่ะค่ะ น่าจะประมาณ "...ปั้นหน้าทึ่ง..." หรือ "..ยังคงแสร้งปั้นหน้าทึ่ง" ประโยคนี้เป็นประโยคแรกในย่อหน้าที่10 ในparagrephที่2 ใกล้ด้านใต้ของประโยค "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใช่ๆ แกต้องป็นเหยื่อล่อให้ฉัน" ทาวาระพูดอย่างพออกพอใจ
ชอบภาคเก่า เปลวฟ้าโคตรโหดเลย โดยเฉพาะตอนฆ่าGM และยังแฝงไว้ด้วยบรรยากาศที่ลึกลับกว่า
เปลวฟ้าจะไหวป่าวเนี่ย
เร็ววววววววววววววววววววววววววววววววว
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วววววววววววววววววววววววววววว
รีบๆๆมาอัพเร็วววววววววววววววววววววววววววววว
นี่สิ...เปลวฟ้าที่ผมรู้จัก!!
อ่านแล้ว งง กะเปลวฟ้า อารมณ์ แปรปรวน สับสนในตัวเอง พิกล
รอตอนต่อไปนะคะ
อย่างนี้พวกมี ID CODE 23 คงต้องพูดว่า "งานเข้า" เหอๆ
แต่เขาเคยเป็นคนร่าเริงและนิสัยดีนี่ ก็ขอให้เพิ่มความพูกพันระหว่างพระเอกก็คงจะดีไม่ได้หมายความว่าจะให้มีความรู้สึกเสียสละแห่งมิตรภาพโอเว่อร์ขนาดนั้น แต่ยังไงจิตใจมนุษย์ก็เปลี่ยนแปลงไปทุกเมื่อใช่ไหม
ถ้าโกรธตอนมีคนเสียสละให้ไม่ว่าจะเป็นความทะนงตัวหรือไม่อยากพึ่งพาก็เถอะ แสดงว่า เปลวฟ้าก็คงจะมีด้านดีๆอยู้เหมือนกัน
แต่อย่าให้เปลวฟ้าเลวเว่อร์นะ ระวังนักอ่านจะพากันเกลียดพระเอก 555+
จะติดตามชมนะ แม้การบรรยายบางครั้งอาจผิดพลาดหรือให้ความรู้สึกไม่สมจริง
แต่เนื้อเรื่องและการวางคาเเร็คเตอร์น่าสนใจมากเลยทีเดียว
ปล.อีกอย่างข้าพเจ้าก็สาวกลูลูจ ตัวยงเลยล่ะ
จะติดตามและรอดูการพัฒนาของเรื่องนี้นะอย่าทำให้ผิดหวังสู้ๆๆๆ
เหอๆรู้สึกว่าจะได้กลิ่นจิตสังหารนิดๆแล้วแฮะ
ต่อคะต่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เฮ้อ สยอง~
มาตัดบทซะ มาอัพต่อนะค่ะ กำลังมันส์ อิอิ
กะลังมันเลย
มาแล้วววววว