คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความรู้สึกที่เก็บงำไว้
กลับมาอัพแล้วค่ะ!! หายไปนานมว๊ากกกกกก
+5 55
...............................
'“เอลไลย่า เป็นอย่างไรบ้างล่ะลูก สงครามก็จบแล้วเนอะ เกือบตายเชียวนะเรา แต่อย่าลืม
นะ ว่าพ่อยังคอยอยู่ดูแลลูกอยู่เสมอ...” เสียงกล่าวจากชายผู้หนึ่งดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม'
“พ่อ!!!!” เอลไลย่าสะดุ้งตื่นขึ้นมานั่ง เฮ้อ...ฝันไปหรอเนี่ย ตอนนี้ภายในห้องยังมืดอยู่ คิด
แล้วเจ้าตัวก็ล้มตัวลงนอนต่อ
แต่นอนยังไงก็นอนไม่หลับแฮะ สงสัยกลางวันจะนอนเยอะเกินไป เลยมาตื่นเอากลางคืน
แสงจันทร์ส่องลอดเข้ามาในห้องอันหรูหรา เอลไลย่าลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่างออกดู เห็นดวง
จันทร์กลมโตลอยเด่นทอแสงสีนวล มันทำให้เธอนึกถึงใครบางคนที่ชอบจ้องมองพระจันทร์ด้วย
ความเศร้าทุกครั้งไป
เอลไลย่าเปิดประตูห้องเดินออกมาข้างนอก ไปยังระเบียงที่เคยมานั่งเล่นคราวที่แล้ว
ระเบียงว่างเปล่า ไร้วี่แววของคนที่เธอคาดว่าจะได้พบ เอลไลย่าเดินไปนั่งบนระเบียง แล้วพาดขา
ออกไปข้างนอก พลางส่งเสียงกังวานใสกับตัวเอง
'จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ส่องแสงพราวกลบดาวบนฟ้า
บนนภาอันไร้ซึ่งเมฆา แสงดวงจันทร์โอบอุ้มดารา
สายลมช่วยกล่อมกายให้คลายเหงา
ค่ำคืนนี้มีเพียงตัวเรา กลับความเหงาเปล่าเปลี่ยวและเดียวดาย...'
“ไปนั่งตรงนั้นเดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก” เสียงทุ้มๆดังขึ้น เอลไลย่าสะดุ้งสุดตัวพลางหันกลับไป
สบกับนัยน์ตาสีน้ำเงินคู่สวยที่ทอดมองมาอย่างอบอุ่น
........................................
เมอลินด้านอนพลิกตัวไปมา นอนยังไงก็นอนไม่หลับ ลองไปเดินเล่นหน่อยดีกว่า เผื่อจะได้
กลับมาหลับสบายขึ้น เธอคิดพลางผลักประตูออกไปข้างนอก
.
“ฉันจะตกลงไปก็เพราะนายทักนั้นแหละ แล้วมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย” เอลไลย่าทัก
พลางกระโดดลงจากระเบียงมายืนข้างล่าง
“มาตั้งแต่เธอเริ่มร้องเพลงแล้ว เพราะดีนะ” เจมิไนกล่าวชม ใบหน้างามเริ่มขึ้นสีจางๆ
“ก็งั้นๆแหละ ใครๆก็ร้องได้หรอกน่า” พูดแก้เขิน
“แล้วแผลนายเป็นยังไงมั่งล่ะ เห็นไอ้บ้านั่นแทงลึกน่าดู” เอลไลย่าถาม
“ก็ดี” คำตอบสั้นๆดังจากเจมิไน
“ไอ้ก็ดีของนายน่ะ มันหมายความว่ายังไงล่ะ” เอลไลย่าซักอย่างหมดความอดทน
“.......”
“งั้นฉันขอดูแผลนายหน่อยสิ”
“ไม่ได้ หมอห้ามเอาผ้าพันแผลออก” เจมิไนสวนขึ้นทันควัน
“ฮ่าๆๆๆ ฉันล้อเล่นหรอกน่า” เอลไลย่าขำกิ๊กกับมาดหวงตัวของคุณชาย
“..........”
“...........”
“..........” ต่างฝ่ายต่างเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไร
“นี่!/นี่” เอลไลย่ากับเจมิไนเริ่มขึ้นพร้อมกัน
“เธอก่อน” เจมิไนบอก
“ไม่อ่ะ นายก่อนเถอะ” เอลไลย่าบอก
“ไม่ เธอก่อน” เอลไลย่าส่ายหน้าน้อยๆ
“อ่ะๆ ฉันก่อนก็ได้ นายจะเป็นสุภาพบุรุษไปถึงไหนเนี่ย” เจ้าตัวแซว
“คือว่า....เอ่อ....ตอนที่..ที่ฉันตื่นขึ้นมาอ่ะ เอ่อนายคงรู้นะ ฉันเห็นนายนั่งตากหิมะอยู่ นาย
นั่งตรงนั้นอยู่นานไหม? ไม่กลัวจะเป็นหวัดหรอ?” เอลไลย่าตะกุกตะกัก หน้าขาวๆเริ่มขึ้นสีจางๆ
“ไม่หรอก ฉันก็แค่..เอ่อ...คิดว่าเธอน่าจะฟื้นน่ะ เลยนั่งเฝ้าไว้ เผื่อไว้..” เจมิไนพูด เป็นห่วงก็
บอกมาตรงๆเถอะน่า
“อ๋อหรอ ขอบคุณมากนะ แต่คราวหน้าไม่ต้องก็ได้นะ นาย
ใหญ่” เอลไลย่าบอก
“หมายความว่ายังไง คราวหน้า?” เจมิไนถาม
“อ๋อ เปล่าหรอก ไม่มีหรอก ฉันคิดไปเองน่ะ แหะๆ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ปล่อยให้มีคราวหน้าแน่นอน” เจมิไนบอกพลางยิ้มน้อยๆ ทำเอา
หน้างามๆขึ้นสีก่ำสุก ก่อนที่อะไรบางอย่างจะวิ่งวูบเข้าหัวใจของคุณชายแสนสงัด ทำให้เขาคว้าเอว
บางๆเข้ามากอด
“จะ..เจมิไน นายทำอะไรน่ะ” เอลไลย่าตะกุกตะกัก ขณะที่ใบหน้าแดงเถือก
“อยู่นิ่งๆเถอะ ขอกอดหน่อยนะ” เจมิไนบอกเบาๆ พลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา
เสียงร้องเพลงอันไพเราะของเธอ เสียงเธอเล่านิทานที่ทำให้ชีวิตของเขามีค่าขึ้นมา เสียงเธอบอก
เล่าชีวิตของตัวเองที่กำพร้า เสียงเธอหัวเราะอย่างสดใสแม้ความเจ็บปวดจะอยู่ตรงหน้า หาก
...หากเจ้าหล่อนตายไปจริงๆ ชีวิตอันสดใสของเขาก็คงจะกลับมาทุกข์และมืดหม่นเหมือนเดิม
เอลไลย่าดิ้นขลุกขลักอยู่สักพัก ก่อนจะเลิกดิ้น แต่แปลกที่เธอรู้สึกดีอย่างประหลาด อ้อม
กอดของเขาให้ความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย ทำให้เธอเอื้อมมือไปกอดเขาบ้าง
บนท้องฟ้าของเดอะฟิฟท์มูน ดวงจันทร์ก็ยังคงทอแสงอ่อนโยน ให้คนทั้งคู่มีความสุข เสียง
นกร้องแว่วมาเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ดังไปกว่าเสียงของหัวใจสองดวงที่เต้นพร้อมกัน โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว
เลยว่า การกระทำของพวกเขานั้น มีดวงตามีสองคู่ซึ่งบังเอิญเข้าไปเห็นพอดี
............
เมอลินด้าเดินไปเรื่อยๆ ก่อนจะเจอเข้ากับนาธานโดยบังเอิญ ทั้งคู่หยุดคุยกันเล็กน้อย
ก่อนที่นาธานจะชวนเธอไปคุยต่อที่ระเบียง แต่เมื่อเดินไปถึง ดวงตาสองคู่ถึงกับเบิกกว้าง!!~
เอลไลย่ากับเจมิไนยืนอยู่ตรงนั้น! เหมือนว่ากำลังคุยกันอยู่ จู่ๆเจมิไนก็ดึงตัวเอลไลย่าเข้า
ไปกอด ท่ามกลางความพรั่นพรึงของเมอลินด้าและนาธาน
“นาธาน..เอ่อ ฉันขอตัวก่อนนะ” เมอลินด้ากระซิบเบาๆแล้วหันหลังออกวิ่งไปในทันที
“เดี๋ยวซิ เมอลินด้า... “นาธานหันกลับไปมองเอลไลย่ากับเจมิไนแวบหนึ่งก่อนออกวิ่งตามเมอลินด้าไปทันที
เมอลินด้าวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด ในหัวของเธอมีภาพหลายภาพเวียนสลับไปมา ภาพเจ
มิไนชี้ให้เธอดูกลุ่มดาวด้วยแววตาอบอุ่น ภาพเขากำลังยิ้มอย่างมีความสุข ภาพเขามองดวงจันทร์
ด้วยแววตาเศร้าสร้อย ภาพเขาอุ้มเอลไลย่าออกไปจากห้องบัลลังค์ และภาพที่คนทั้งคู่กอดกัน เธอ
หยุดวิ่งพลางพิงผนังข้างหนึ่งไว้ ก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น น้ำตาที่สู้กัดฟันกลั้นไว้ตลอดทาง
ค่อยๆไหลรินออกมา
“อย่าร้องไห้เลยนะ เมอลินด้า” เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนเอ่ยชื่อเขาออกไปโดยไม่ต้องคิด
“นาธาน..”
“ฟ้าลิขิตมาให้เขาคู่กัน ฉันเชื่อว่าเธอเองก็มีคนที่ฟ้าลิขิตมาให้เช่นกัน” นาธานเอ่ยพลาง
ทรุดตัวลงนั่งข้างหน้าหญิงสาว
“นาธาน
.” เมอลินด้าสะอื้น นาธานจับไหล่เธอไว้ พลางออกแรงดึงเล็กน้อย เมอลินด้า
ถลามาซบอกเขา พลางปล่อยโฮออกมาทันที
หลังจากนั้น เมอลินด้าก็กลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง พลางถามตนเองว่า ทำไมเธอต้อง
ไปชอบเจมิไน คนอื่นที่ห่วงใยเธอ คอยดูแลเธอก็มีอีกมากมาย แล้วเธอก็นึกถึงนาธานขึ้นมา
นาธานที่คอยเป็นห่วงเธอ นาธานที่ถอดเสื้อคลุมของตนเองให้ยามที่เธอหนาว นาธานที่เอาใบไม้
มาพัดให้ยามที่เธอร้อน นาธานที่เป่าใบไม้เป็นเสียงเพลงอันเพราะพริ้งเพื่อกล่อมให้เธอนอนหลับ
เขาไม่ใช่หรอที่เธอควรจะมีใจให้ แล้วจิตใจที่อ่อนโยนของเมอลินด้าก็เริ่มเอนเอียงไปยังนาธาน
เมอลินด้าตัดสินใจได้แล้ว เธอจะเลิกชอบเจมิไน สิ่งที่เธอจะมีให้เขาต่อไปคือความเป็น
เพื่อนแท้และความชื่นชมเท่านั้น ในเมื่อฟ้าส่งนาธานลงมาให้แล้ว เมอลินด้าก็จะขอบคุณฟ้าและ
เดินตามเส้นทางอันสวยงามที่ถูกลิขิตไว้อย่างมีความสุข
..
..................
ความคิดเห็น