ผู้เข้าชมรวม
2,334
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ประวัติ
ชื่อเล่น : โอ้
ชื่อนามสกุล : มาริโอ้ เมาเร่อ
ฉายาที่เพื่อนๆ เรียก : ไอ้แว่น
วันเดือนปีเกิด : 4 ธ.ค.2531
บิดามารดา : โรแลนด์-วรัญญา
พี่น้อง : มีพี่ชาย 1 คน มาร์โค
การศึกษา : อนุบาล อนุบาลลีนา, ประถมศึกษา-มัธยมศึกษา ร.ร.เซนต์ดอมินิก, ปริญญาตรี ปี 1 คณะมนุษยศาสตร์ เอกสื่อสารมวลชน ม.รามคำแหง
งานอดิเรก : เล่นสเก็ต
ความสามารถพิเศษ : ร้องแร็พ
มาริโอ้ หนุ่มหน้าฝรั่งวัยละอ่อนในเรื่อง รักแห่งสยาม เป็นใครมาจากไหน เอาเป็นว่าไปทำความรู้จักกับหนุ่มหน้าใสกิ๊ก โอ้ มาริโอ้ ก่อนไป ดูหนัง รักแห่งสยาม กันดีกว่า
โดดเด่นสะดุดตาอยู่ในจอหนังเรื่อง "รักแห่งสยาม" จนหลายคนถามไถ่ว่าหนุ่มหน้าฝรั่งวัยละอ่อนในเรื่องนี้เป็นใคร ถามไถ่กันเข้ามามากๆ เลยสนองตอบแฟนๆ ด้วยการคว้าหนุ่มหน้าใสกิ๊ก "โอ้" มาริโอ้ เมาเร่อ มาพูดคุย
ชื่อน่ารักจัง ใครตั้งให้?
มาริโอ้ : ขอบคุณครับ พ่อเป็นคนตั้งชื่อให้ ชื่อนี้ไม่มีความหมาย โอ้เคยถามเหมือนกัน แต่พ่อบอกว่าเขาเปิดหนังสือตั้งชื่อแล้ว ชอบชื่อนี้ มันออกแนวอิตาเลี่ยนดี โอ้เองก็ชอบชื่อนี้มาก ทุกวันนี้จะโดนเพื่อนล้อ เพราะชื่อเรามันไปพ้องกับชื่อเกมมาริโอ้
มีชื่อไทยมั้ย?
มาริโอ้ : มีครับ ชื่อ "ณัฐวุฒิ"(หัวเราะ) เพราะมั้ยครับ มีชื่อไทยแต่ไม่เคยได้ใช้ คุณแม่ตั้งให้เนื่องจากว่าตอนโอ้เด็กๆ จะเข้าร.ร.เซนต์ดอมินิก สมัยก่อนถ้าเป็นชื่อฝรั่งทางร.ร.จะไม่ค่อยรับ แล้วพี่ชายโอ้ชื่อ "มาร์โค" ก็เปลี่ยนเป็น "ณัฐพล" ร.ร.ก็รับ โอ้เลยเป็น "ณัฐวุฒิ" ที่ขำคือพอเข้าไปเรียนก็ไม่เห็นว่าใครจะแอนตี้ฝรั่ง สรุปคือเพื่อนก็เรียก "มาริโอ้" นอกจากเพื่อนสนิทจริงๆ ถึงรู้ว่ามีชื่อ "ณัฐวุฒิ" แล้วพวกมันก็จะล้อกัน"
พื้นเพโอ้เกิดที่ไหน?
มาริโอ้ : โอ้เกิดและโตที่เมืองไทยครับ โอ้เป็นลูกครึ่งไทย-จีน-เยอรมัน คุณพ่อเป็นเยอรมัน คุณแม่เป็นไทย-จีน คุณพ่อเปิดโรงงานทำสารส้มส่งออกอยู่ที่จ.นครนายก คุณแม่เป็นนักธุรกิจหญิงที่ช่วยคุณพ่อ ครอบครัวโอ้ค่อนข้างมีปัญหาเรื่องเงิน ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ แต่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนถือว่าดีขึ้น เลยเป็นจุดนึงที่ทำให้โอ้ต้องทำงานและเรียนไปด้วยตั้งแต่อายุ 16
ถือว่าโชคดีนะที่ตอนนั้นเดินอยู่สยาม มีโมเดลลิ่งมาติดต่อก็เลยได้งานถ่ายโฆษณา ซึ่งจริงๆ แล้วโอ้เป็นคนขี้อาย แต่พอเห็นตรงนี้เป็นโอกาสก็อยากคว้าไว้ เป็นโอกาสที่ดีและหาเงินไปช่วยที่บ้านด้วย โอ้เริ่มจากงานถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา ถ่ายมิวสิคฯ แล้วก็มาเล่นหนัง ทุกอย่างมันท้าทายตัวเอง ตอนได้รับเงินก้อนแรกดีใจมาก โชคดีที่โฆษณาชิ้นแรกได้เล่นเป็นตัวหลักก็ได้เงินมา 7 หมื่น ดีใจมาก เอาเงินให้แม่หมดเลย
ชีวิตวัยเด็กเป็นอย่างไร?
มาริโอ้ : โอ้ถูกเลี้ยงดูมาแบบฝรั่งและไทย ตั้งแต่เกิดมาโอ้ไม่เคยได้ไปไหนเลย อยู่แต่เมืองไทย เชื่อมั้ยว่าลูกครึ่งอย่างโอ้เคยขึ้นเครื่องบินแค่ครั้งเดียวตอนไปเที่ยวกระบี่ (หัวเราะ) พ่อแม่จะตามใจเป็นบางเรื่อง อะไรที่นอกกรอบไปคุณแม่ก็ดุ
ด้วยความที่เป็นลูกชายคนเล็กจะโดนหวงมากหน่อย โอ้ไม่ใช่คนซนมากแต่จะดื้อเงียบ โอ้จะคุยกับพ่อเป็นภาษาอังกฤษ นานๆ จะเจอพ่อที เพราะพ่ออยู่นครนายก พอเจอกันก็คุยเยอะแยะไปหมด ด้วยความที่เราชอบธรรมชาติเหมือนกันก็คุยกันได้ลื่นไหล ส่วนแม่นี่โอ้จะถามเรื่องการทำงานของเค้า
มาเป็นส่วนหนึ่งของ "รักแห่งสยาม" ได้ยังไง?
มาริโอ้ : พี่ที่โมเดลลิ่งพาไปแคสติ้ง จากนั้นพี่มะเดี่ยว (ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล) ผกก.ก็เรียกตัวไป โอ้ก็เล่นให้เขาดู ตอนนั้นไม่คิดว่าตัวเองจะได้ ลึกๆ โอ้เป็นคนขี้เกียจ มีโลกส่วนตัวสูง ชอบอยู่กับเพื่อนสนิท แต่พอได้มาเล่นหนังก็คิดมากเลย ความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงตามมาทันที เดินไปไหนเหมือนมีอะไรมาแบกไว้ แต่โชคดีที่หนังเรื่องนี้ทีมงานมืออาชีพมาก ช่วยโอ้ได้เยอะ ตอนแรกกลัวมากว่าจะไปทำงานเขาเสีย"
พอได้มาแสดงหนังแล้วชอบการแสดงหรือเปล่า?
มาริโอ้ : ชอบครับ ที่บ้านให้การสนับสนุนด้วย เขาอยากเห็นโอ้ถ่ายหนัง ที่บ้านเห่อกันทุกคน ตัวโอ้เองยังเห่อเลย มีรูปตัวเองลงหนังสือเล่มไหนซื้อเก็บหมดเลย (หัวเราะ) เมื่อก่อนเราเห็นแต่คนอื่นลงปก แต่เดี๋ยวนี้นั่งแท็กซี่แล้วเห็นหน้าตัวเองติดตามรถไฟฟ้าก็มีเขินๆ นะ เพื่อนในกลุ่มก็จะโทร.มาแซวว่าไปไหนเจอแต่หน้าแกว่ะ
คิดว่าตัวเองหล่อมั้ย?
มาริโอ้ : เอาจริงๆ นะ คิดว่าตัวเองหน้าตาเฉยๆ แถมตอนเด็กหน้าตาตลกออกไปทางขี้เหร่ ตัวผอม หัวลีบเป็นถั่วเพราะตัดผมสกินเฮดแถมใส่แว่นอีกต่างหาก ตอนอยู่ที่ร.ร.ก็มีคนรู้จักเยอะนะ แต่ไม่ใช่ว่ารู้จักเพราะหน้าตาดี แต่จะรู้จักเพราะชื่อแปลก
เสน่ห์ของมาริโอ้อยู่ตรงไหน?
มาริโอ้ : พี่มะเดี่ยวบอกว่าที่โอ้ได้มาเล่นหนัง "รักแห่งสยาม" เพราะเขาเหมือนเห็นอะไรในแววตาโอ้ ตาเด็กคนนี้เล่าเรื่องอะไรได้สื่ออารมณ์ทางแววตาได้ดี ซึ่งตรงกับโอ้เลยเพราะโอ้ชอบตาตัวเองมาก บางทีก็นั่งดูตาตัวเองในกระจกว่าตาตัวเองแปลกดีเหมือนใส่คอนแท็กต์เลนส์เลยแต่ไม่ได้ใส่
ถ้าจะแนะนำคนที่ชื่อ "มาริโอ้" ให้คนอื่นได้รู้จัก?
มาริโอ้ : โอ้เป็นคนพูดน้อยแต่ต่อยหนักนะครับ(หัวเราะ) บางทีพูดอะไรออกมาคนฟังก็อึ้งไปเหมือนกัน นิสัยโอ้เป็นคนที่ถ้าไม่สนิทด้วยจะไม่ค่อยคุยเท่าไร แต่ถ้าสนิทนะคุยไม่หยุดเลย เป็นคนคิดเยอะคิดไกลกว่าคนวัยเดียวคิดกัน อาจเพราะโอ้โตมาแบบที่ไม่ได้สบายมากนักบางอย่างก็สอนให้เราต้องคิดมากหน่อย
คิดยังไงกับวงการ?
มาริโอ้ : โอ้เข้าวงการไม่ใช่เพราะอยากเท่ สำหรับโอ้นักแสดงก็คืออาชีพหนึ่งในสังคม จริงอยู่ว่างานนี้อาจจะได้เงินเยอะแต่เราก็ต้องเหนื่อยและยอมแลกกับอะไรหลายอย่าง เงินก็เป็นส่วนหนึ่ง เป็นรางวัลจากการทำงาน โอ้คิดอย่างเดียวว่าโอกาสแบบนี้ไม่ได้มาง่ายๆ วันนี้ถ้าเราปฏิเสธไปอาจจะไม่มีโอกาสนี้อีกเลยก็ได้ ตอนนั้นโอ้ก็ไม่ได้คิดว่าจะยึดทางนี้ เพราะโอ้ชอบช่วยพ่อทำงานมากกว่า ชอบไปนั่งฟังพ่อพูดเกี่ยวกับงานของพ่อ สนุกกว่าเยอะเลย เพราะโอ้อยากทำตามพ่อ แต่ตอนนี้เริ่มสนุกกับการทำงานในวงการแล้ว ได้เจออะไรใหม่ๆ ทุกวัน"
เตรียมรับกับความไม่เป็นส่วนตัวบ้างหรือยัง?
มาริโอ้ : ก็พยายามเป็นตัวเองให้มากที่สุด ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องคิดว่าเราดังแล้ว สำหรับโอ้คิดว่ายิ่งเป็นที่รู้จักเรายิ่งต้องถ่อมตัว อย่าไปคิดว่าเรายิ่งใหญ่มาจากไหน เรามาจากเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จัก เพียงแต่วันนี้เรามีโอกาสที่ดีเท่านั้นเอง
คนมักพูดว่าพอ "ดัง" แล้วจะเปลี่ยนไป คิดว่าตัวเองจะเป็นอย่างนั้นมั้ย?
มาริโอ้ : โอ้ไม่มีทางเปลี่ยน โอ้ว่าคนที่ดังแล้วเปลี่ยนไปเขาน่าสงสารเหมือนกันนะ คือเขาคงต้องปรับตัวว่าเขาดังแล้วจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ดีมั้ย แต่ถ้าเราเป็นตัวเองมากที่สุดแล้วคนมาชอบเราที่เป็นแบบนี้ก็จะดีที่สุดครับ
รู้สึกยังไงที่บอกว่าเด็กรุ่นใหม่เข้าวงการง่าย แล้วก็ออกจากวงการง่ายเหมือนกัน?
มาริโอ้ : มันอยู่ที่คน ถ้าคนนั้นหลงแสงสีและคิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่นเหนือกว่าคนอื่น แบบนั้นก็ไปเร็ว แต่ถ้าเขารู้จักคิด รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ รู้จักถ่อมตัว เขาก็จะอยู่ได้ไปอีกนาน เพราะเดี๋ยวนี้ก็จะมีคนที่เข้ามาเพื่อเก็บเกี่ยวเรื่องเงินอย่างเดียว อย่างนี้ไปเร็วเพราะเขาเห็นเงินเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด จริงอยู่ว่าเราทำงานก็อยากได้เงิน แต่เงินมันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต ถ้ามาทำงานแล้วไม่คำนึงถึงคุณภาพเลย คนดูเขารู้สึกได้และสุดท้ายก็เป็นผลเสียกับตัวเราเอง
วางตัวเองบนเส้นทางบันเทิงยังไงบ้าง?
มาริโอ้ : ถ้ามีงานหนังเข้ามาอีกโอ้ก็อยากทำ แต่ตอนนี้อยากพักมากครับ(หัวเราะ) อยากไปอยู่กับพ่อบ้าง เพราะรู้สึกว่าตัวเองช่วงนี้ทำงานเยอะแล้วเหมือนกัน
ต้นแบบของมาริโอ้คือใคร?
มาริโอ้ : พ่อ แม่ และพี่ชายครับ(ตอบฉะฉานมาก) อย่างแม่โอ้เห็นเขาทำงานหนักมาตั้งแต่โอ้เป็นเด็กแล้ว ส่วนพ่อเป็นคนใจเย็นและน่ารัก สอนโอ้เยอะมาก เป็นคนที่โอ้คุยกับเขาแล้วสนุกที่สุด เวลาฟังเรื่องราวชีวิตพ่อ โอ้จะรู้สึกว่าเกิดมาเป็นลูกของพ่อคนนี้ดีใจมากเลย ส่วนพี่ชายโอ้เป็นคนที่ช่วยโอ้ทุกอย่าง ตอนเด็กเวลาโอ้มีเรื่องแถวบ้าน พี่ชายก็จะมาปกป้องโอ้ตลอด โอ้รักครอบครัวมากๆ และอ่อนไหวมากกับครอบครัว
นิยามการทำงานของมาริโอ้คืออะไร?
มาริโอ้ : ต้องตรงต่อเวลาครับ รู้ว่าเวลาไหนเราควรทำอะไร
หล่ออย่างนี้ จะเหลือเหรอที่จะไม่มีแฟน?
มาริโอ้ : ไม่เรียกว่าแฟน เพราะโอ้ยังเด็กอยู่ โอ้ยังไม่ได้คิดมากว่าจะต้องเป็นแฟนหรือว่าอะไร แต่ยอมรับว่ามีผู้หญิงที่สนิท เป็นคนที่โอ้รู้จักมาตั้งแต่เด็ก เขาก็รู้ว่าเขาเป็นคนสนิทของโอ้ ที่บ้านโอ้และบ้านเขาก็ทราบว่าสนิทกัน แต่เขาไม่ได้อะไรมาก เพราะรู้ว่าโอ้ยังเด็กอยู่ ยังไม่คิดอะไรกับเรื่องนี้ คือในช่วงวัยรุ่นโอ้เข้าใจว่าบางคนอาจจะเตลิดไปกับเรื่องความรัก แต่โอ้ว่าตัวเราเองต้องรู้ขอบเขต อย่าไปทุ่มเทกับความรักมากเกิน มันจะเสียเวลาไปเปล่าๆ
เข้าวงการมาแบบนี้ แน่ล่ะว่าต้องมีสาวๆ มากรี๊ด ว่าแต่สาวคนสนิทเขามีอาการหึงบ้างมั้ย?
มาริโอ้ : ไม่มีนะ เขาเข้าใจว่าโอ้ทำงานแบบนี้ก็ต้องมีคนชื่นชอบผลงานเราและเข้ามาแสดงความยินดีกับเรา เขาไม่คิดมากเรื่องพวกนี้ครับ"
ประทับใจเขาตรงไหน?
มาริโอ้ : เขาเป็นคนดี ช่วยเหลือโอ้มาตลอดเลย
เวลามีความรัก "มาริโอ้" เป็นยังไง ติดแฟนมั้ย?
มาริโอ้ : ไม่ติดแฟนนะ ยิ่งตอนนี้โอ้ทำงานทั้งวันด้วยเวลาจะได้เจอยังแทบไม่มีเลย ว่างๆ ก็โทร.คุยกัน คุยทุกอย่างที่เราเจอมาในวันๆ นึง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
"มาริโอ้" มีสเป๊กหรือเปล่า?
มาริโอ้ : สเป๊กแบบเป๊ะๆ เลยไม่มี คร่าวๆ ก็ชอบคนนิสัยดี เป็นคนดี และน่ารัก คนที่สนิทอยู่ก็มีบ้างที่ใช่ เขาน่ารักครับ
ความรักของ "มาริโอ้" คืออะไร?
มาริโอ้ : คือการเข้าใจกัน ไว้ใจกัน แค่นี้พอแล้วครับ
ผ่านงานโฆษณา ถ่ายมิวสิควิดีโอ มาหลายต่อหลายเรื่อง แต่ผลงานที่หนุ่ม "มาริโอ้ เมาเร่อ" เลือกให้เป็นชิ้นโบแดง คือผลงานแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก "รักแห่งสยาม"
โดยหนุ่มโอ้ขยายความว่า "รักแห่งสยาม เป็นหนังเรื่องแรกของโอ้ด้วย แล้วพี่มะเดี่ยว(ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล) เก่งมาก อายุยังน้อยอยู่เลยแต่การทำงานมืออาชีพมาก โอ้ไว้ใจว่าเขาจะไม่พาโอ้ไปในทางที่แย่ แล้วเรื่องนี้โอ้ได้ร่วมงานกับนักแสดงมืออาชีพอย่างพี่กบ(ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี), พี่นก(สินจัย เปล่งพานิช) และพี่พลอย(เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์)
ตอนแรกกดดันมาก ตอนแรกที่รู้ว่าพี่กบเล่นเป็นพ่อโอ้ก็ตกใจ เพราะดูละครพี่เขาตั้งแต่ตอน "3 หนุ่ม 3 มุม" พอมาเจอตัวจริงก็น่ารักมาก พี่นกก็เหมือนกันเวลาอยู่ในกองเหมือนแม่คนนึงเลย ส่วนพี่พลอยเล่นเป็นพี่สาว แรกๆ โอ้ก็เขิน แต่พี่พลอยก็สอนอะไรเยอะ ไม่ได้ถือตัวเลย โอ้พอใจกับหนังเรื่องแรกมาก อยากให้มาดูกันเยอะๆ"
ผลงานอื่นๆ ของ 0_o เพพี่ *-* ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ 0_o เพพี่ *-*
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น