คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [OneShot] Somewhere in the Hospital
OneShot : Somewhere in the Hospital
############
ตามทางเดินขาวสะอาดที่เจือไปด้วยกลิ่นของยาและแอลกอฮอล์ ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังสับขาวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต เม็ดเหงื่อเกาะพราวตามใบหน้าทั้งที่โรงพยาบาลเปิดแอร์เย็นเฉียบ เขาเสยเส้นผมสีดำที่ตกลงมาระใบหน้าขึ้นไปอย่างลวกๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจางจนเกือบคล้ายสีทองเหลียวมองไปข้างหลัง ก่อนจะตระหนักได้ว่าไม่น่าทำแบบนั้นเลย
เพราะภาพของ ‘ไฮยีน่า’ ฝูงใหญ่แบกกล้องใบโตที่วิ่งไล่ตามเขามาติดๆอย่างไม่ลดละ ทำเอากำลังขาคล้ายจะลดอย่างฮวบฮาบลงอย่างไร้สาเหตุ
โอเค...การเปรียบเทียบเหล่านักข่าวหรือปาปารัสซี่ว่าเป็นไฮยีน่าคงจะฟังดูโอเว่อร์เกินไปหน่อย แต่ในความคิดของ ‘จักร จักรพรรดิ วรปรัชญ์ ’ นักแสดงหนุ่มดาวรุ่งวัยใกล้เลขสามนำหน้า เขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นลูกกวางเพิ่งคลอดที่แม่ไม่ใยดีจะเลี้ยงดูและปล่อยให้ไฮยีน่าฝูงใหญ่มาแทะกินเขาได้ตามใจชอบก็ไม่ปาน
และไอ้อาการปวดท้องจนทำให้ต้องมาหาหมอที่โรงพยาบาลนี่ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยซักนิด มีแต่จะทำให้เขาช้าไปกว่าเดิมจนแทบจะโดนตะครุบได้อยู่ร่อมร่อ
แน่นอนว่าถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงยิ้มหวานจนเห็นลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้าง แล้วเดินอกผ่ายไล่ผึงไปให้เหล่านักข่าวรุมสัมภาษณ์และถ่ายรูปจนหน้ำใจแน่นอน แต่อารมณ์ในตอนนี้ทำให้เขาไม่อยากเจอใครมากกว่าหมอหรือพยาบาลเพื่อรักษาอาการปวดท้องบ้าๆนี่ให้หายขาดไปซักที
รวมทั้งเขาไม่อยากมานั่งอธิบายซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึง ‘เรื่องนั้น’ ด้วย
กล้ามเนื้อขาเริ่มกรีดร้องขอการพักผ่อน แต่สมองของเขาปฏิเสธที่จะรับรู้ถึงการโวยวายนั้นทำให้การไล่ล่าในทุ่งหญ้าสะวันนานามโรงพยาบาลยังคงดำเนินต่อไป
แต่ตอนที่เลี้ยวหักศอกอย่างกะทันหัน จักรก็เกือบชนเข้ากับร่างบางในเสื้อกาวน์ที่กำลังเดินมาพอดี เขาเบรกตัวเองได้ทัน แต่การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเขาคงทำให้เธอค่อนข้างตกใจอยู่ดีเพราะร่างบางถึงกับหยุดชะงักไป เขาเหลียวมองเธอเพียงเล็กน้อยแต่ไม่มีเวลาจะขอโทษเพราะไฮยีน่าแบกกล้องกำลังตามมาติดๆ
จักรตั้งท่าจะออกวิ่งต่อแต่ร่างบางกลับเอื้อมมือมาคว้าคอเสื้อของเขาไว้
“เฮ้ย!”
อุทานประท้วงได้แค่นั้นก่อนร่างในเสื้อกาวน์จะเหวี่ยงเขาเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดที่อยู่ใกล้ๆกัน แล้วปิดประตูดังปังโดยไร้คำอธิบาย
จักรอ้าปากจะตะโกนถามแต่เสียงตึกตักของฝีเท้าจำนวนมากทำให้เขายั้งตนเองไว้ได้ทัน
“หายไปไหนแล้ว”
แว่วเสียงคนตะโกนถาม
“ทางนั้นแน่ๆ ฉันเห็นหลังอยู่ไวๆ”
อีกคนตอบอย่างคาดเดา
แล้วเสียงฝีเท้าก็ค่อยๆดังห่างออกไปเรื่อยๆ วินาทีนั้นเองที่ชายหนุ่มตระหนักได้ว่าร่างบางในเสื้อกาวน์เพิ่งจะช่วยให้เขารอดจากการโดนนักข่าวรุมทึ้งมาหมาดๆ
ไม่นานประตูก็เปิดออก ผู้ช่วยชีวิตเขายืนอยู่ตรงนั้น คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันน้อยๆแต่สีหน้ากลับราบเรียบไร้ความรู้สึก ดูเหมือนการที่เธอขมวดคิ้วจะเป็นกริยาตามธรรมชาติมากกว่าจะเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกอย่างที่คนทั่วไปมักเป็นกัน
“ออกมาได้แล้ว” เสียงใสบอกแกมบังคับ “ไปกันหมดแล้ว”
จักรก้าวออกมาแล้วเอ่ยขอบคุณอีกฝ่าย ขณะเดียวกันก็ลอบสังเกตไปด้วย หญิงสาวร่างเล็กบางที่ส่วนสูงเพียงแค่อกของเขามีผิวขาวซีดจนแทบจะทำให้เธอจมหายไปกับเสื้อกาวน์ที่สวมอยู่ ดูแล้วอายุคงพอๆกันหรืออาจอ่อนกว่าเขานิดหน่อย ผมสีน้ำตาลเข้มรวบเป็นหางม้าอย่างง่ายๆแต่ยังมีปอยผมสองสามปอยที่รวบไปไม่หมดบ่งบอกว่าเธอเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจเรื่องทรงผม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนิ่งเรียบไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆเหมือนกันสีหน้าของเธอในขณะนี้
จากท่าทางแล้วเธอคนนี้เป็นหมออย่างไม่ต้องสงสัย แต่คำถามคือเธอรู้ได้ยังไงว่าเขาโดนนักข่าวไล่ตามอยู่??
แน่นอนว่านักข่าวพวกนั้นไล่ตามเขามาติดๆ แต่อย่าลืมสิว่าเขาเพิ่งจะวิ่งเลี้ยวพ้นมุมมาเองนะ คนทั่วไปน่าจะคิดว่าเขาเป็นแค่คนไข้ผู้รีบร้อนที่กำลังผิดนัดหมอซะมากกว่า ใช่...คนทั่วไปคงไม่จับยัดคนที่เพิ่งเจอหน้าใส่ในตู้ที่เต็มไปด้วยไม้ถูพื้นหรอก
“ฉันได้ยินเสียงแฟลช”
อยู่ๆเธอก็พูดขึ้นมา จักรเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยกว่าเดิมก่อนจะอุทานอย่างลืมตัว
“ห๊า?”
“นายกำลังสงสัยอยู่ว่าฉันรู้ได้ไงว่านายโดนนักข่าวไล่ตาม มันแสดงออกมาทางสีหน้านายหมดเลยว่ากำลังคิดอะไร นายคงเล่นโป๊กเกอร์แพ้ตลอดเลยสินะถ้าให้ทาย โอ้ไม่เดี๋ยว คำว่าทายคงไม่ถูกต้องเท่าไหร่เพราะมันเป็นการคาดเดาแบบเอนเอียงไปทางสุ่มมัว แต่เพราะฉันรู้ว่านายเล่นไพ่แพ้ตลอด เอาเป็นว่าใช้คำว่าฉันรู้แล้วกัน...นายชอบเล่นไพ่กับญาติหรือพี่น้อง มันปลอดภัยกับสวัสดิภาพของเงินในกระเป๋านายมากกว่าเพราะตอนจบเกมกลังจากเยาะเย้ยนายจนพอใจแล้วพวกเขาจะคืนเงินให้นายเสมอ”
ยังไม่ทันที่จักรจะอ้าปากถามต่อว่ารู้ได้ยังไง ร่างในเสื้อกาวน์ก็วกกลับไปหัวข้อเดิมเรื่องที่นักข่าวไล่ตามเขามา
“เชิ้ตนายเรียบกริบมีกลิ่นน้ำหอมของ CK แต่นายกลับเหงื่อออกทั้งที่ยังไม่แปดโมงเช้า แน่นอนว่านายคงไม่ไปวิ่งออกกำลังกายทั้งชุดแบบนี้แน่ๆ แปลว่าคงต้องวิ่งหนีใครมา เมื่อรวมเข้ากับเสียงแฟลชรัวๆที่ฉันได้ยินตอนที่เจอนายแปลว่านายวิ่งหนีนักข่าวมา”
ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยชมความช่างสังเกตของเธอ ร่างบางก็พูดต่อทันที
“มีคนอยู่สามประเภทที่โดนนักข่าววิ่งไล่ หนึ่งคือฆาตกรโรคจิต แต่นายไม่มีกุญแจมือและนักโทษคงไม่ใส่เชิ้ต ralph lauren ราคาห้าพันอย่างนายแน่ๆ สองคือนักการเมือง แต่หน้าตานายดูไม่น่าฉลาดพอจะเล่นการเมืองและนายอายุน้อยไป จึงเหลือแค่ข้อสามคือดารานักร้อง หน้าตานายเข้ากฎสัดส่วนทองคำแปลว่าคงทำอาชีพที่ใช้หน้าตาแบบนี้ได้ ตอนที่พูดขอบคุณฉันเสียงนายยังโอเคอยู่ไม่มีปัญหาเรื่อง Vocal Cord อย่างที่นักร้องมักเป็นกัน สรุปว่านายเป็นดาราที่โดนนักข่าววิ่งไล่ แต่เพราะไม่อยากให้สัมภาษณ์เลยวิ่งหนีมา”
ว้าว...คำนี้ตรงตัวที่สุดแล้วจริงๆสำหรับเหตุการณ์ที่จักรเจอในตอนนี้..ว้าว...ผู้หญิงส่วนมากจำเขาได้เพราะหน้าตาและรอยยิ้ม ไม่ใช่สรุปว่าเขาเป็นดาราจากการสังเกตท่าทางและเสื้อผ้าแบบนี้ ชายหนุ่มยอมรับเลยว่าอีโก้ในตัวเจ็บปวดมากที่หน้าตาอันหล่อเหลาของเขาไม่ได้มีผลใดๆกับเธอเลยแม้แต่น้อย เธอไม่กรี๊ดกร๊าด ไม่หน้าแดง ไม่มีแม้แต่ท่าทีเขินอายให้เห็นเลยด้วยซ้ำ ทั้งหมดที่มีคือใบหน้านิ่งเรียบและน้ำเสียงติดจะเย้ยหยันนิดๆที่พูดวิเคราะห์เขาเป็นส่วนๆเหมือนกำลังแยกชิ้นส่วนวิทยุออกมาดูก็ไม่ปาน
เขารู้สึกเหมือนถูกด่าว่าโง่ และถูกชมว่าหล่อตามกฎเรขาคณิตไปด้วยในเวลาเดียวกัน
แต่ถึงอย่างนั้น จักรก็ประทับใจในความช่างสังเกตและความฉลาดของอีกฝ่ายมากพอที่จะรู้สึกดีมากกว่ารู้สึกแย่เมื่อถูกวิจารณ์ออกมาตรงๆเช่นนั้น อีกอย่างเธอคนนี้เพิ่งช่วยเขาไว้จากฝูงไฮยีน่าแบกกล้องเชียวนะ
บางทีเขาน่าจะถามชื่อเธอไว้
แค่ถามชื่อเอง ไม่ได้คิดจะจีบซักหน่อย ใช่แล้ว...แค่ถามชื่อเท่านั้น รู้จักคนฉลาดๆน่าสนใจแบบนี้ไว้ไม่เสียหายซักหน่อย หรืออย่างน้อยเขาก็น่าจะตอบแทนที่เธอช่วยด้วยการเลี้ยงกาแฟก็ยังดี พวกหมอน่าจะชอบดื่มกาแฟไม่ใช่หรอ...เขาคิด
แต่ยังไม่ทันไรกระดาษสีขาวที่มีตัวอักษรตัวโตเขียนไว้ที่หัวว่าใบสั่งยาก็ถูกยื่นมาให้เขาซะก่อน
“ห๊ะ?!” รอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ได้เจอเธอที่จักรต้องอุทานเช่นนี้
“นายกุมท้องอยู่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้มาโรงพยาบาลด้วยสินะและดูท่าคงไม่ใช่ครั้งแรกด้วย” สีหน้าเธอเรียบเฉยไม่ต่างจากเดิม “รีบไปรับยาและกลับไปทำงานซะ มือถือนายสั่นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วผู้จัดการนายคงอยากให้ไปแคสบทจะแย่”
เพราะมัวแต่เหม่อคิดว่าจะทำยังไงดีให้สามารถรู้จักกับร่างบางตรงหน้าได้มากกว่านี้โดยไม่ดูน่าเกลียดหรือกะลิ้มกะเลี่ยเกินไปนัก จักรจึงไม่ทันสังเกตว่ามือถือในกระเป๋ากางเกงของตนสั่นอยู่จนคนตรงหน้าทักขึ้นมา เขาล้วงหยิบสมาร์ทโฟนราคาแพงขึ้นมาพร้อมกับรับใบสั่งยามาจากอีกฝ่ายในเวลาเดียวกัน
“ฮะ เฮ้ เดี๋ยวสิ” จักรร้องทักขึ้นเมื่อเห็นร่างบางหมุนตัวเดินจากไป “คุณชื่ออะไร อย่างน้อยบอกชื่อให้ผมรู้หน่อยสิ หรือไม่ก็ให้ผมเลี้ยงกาแฟตอบแทนคุณก็ได้”
แต่เพียงประโยคถัดมาก็เหมือนจะตัดรอนความหวังเขาได้อย่างสิ้นเชิง
“ฉันเกลียดกาแฟ”
เธอตอบอย่างเรียบง่าย
“นายนี่โง่กว่าที่คิดอีกนะ”
แถมท้ายด้วยคำด่าที่มาพร้อมกับรอยยิ้มบางเบาที่มุมปากก่อนจะเดินจากไป รอยยิ้มอันเรียบง่ายที่ไม่ได้มีความอ่อนหวานและติดจะดูขำขันในคำถามของเขาด้วยซ้ำ ถึงกระนั้นมันก็ทำให้หัวใจของเขากระตุกอย่างแรงตามด้วยอาการหน้าแดงแปร๊ดจนรู้สึกได้ ให้ตายสิ...นี่เขากลายเป็นสาวน้อยผู้แสนอ่อนไหวอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ดาราหนุ่มได้แต่ยืนหน้าแดงโดยมีโทรศัพท์ที่กำลังสั่นในมือขวาและใบสั่งยาในมือซ้าย ถ้านักข่าวพวกนั้นวกกลับมาเก็บภาพเขาในตอนนี้ได้ละก็ มันคงเป็นภาพที่ดูโง่มากอย่างที่ร่างบางในชุดกาวน์ว่าไว้แน่
ใช้เวลาหลังจากนั้นพักใหญ่กว่าเขาจะได้รู้ชื่อเธอ และได้รู้ว่าทำไมเธอจึงด่าเขาว่าโง่เป็นการทิ้งท้าย
เพราะใบสั่งยาจะต้องมีชื่อของแพทย์เซ็นต์กำกับไว้ด้วยเสมอ การถามชื่อเธอทั้งๆที่กระดาษในมือมีชื่อเธอโชว์หราอยู่มันทำให้เขาดูเป็นคนโง่จริงๆด้วย แม้ในตอนแรกจะอ่านลายมือหวัดๆและยุ่งเหยิงของเธอไม่ออก แต่พอได้ยามาแล้วฉลากข้างๆที่เป็นตัวพิมพ์ของมันก็ให้คำตอบที่เขาต้องการได้เป็นอย่างดี
...แพทย์หญิง ชาลิสา โฮป...
และจากการพูดคุยกับประชาสัมพันธ์สาวที่เป็นแฟนละครตัวยงของเขา จักรก็ได้รู้เพิ่มเติมว่าชื่อเล่นของเธอคือชาร์ ลูกครึ่งที่มีพ่อเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกา และเป็นหลานสาว ซึ่งลุงของเธอเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้
อาการปวดท้องยังคงอยู่ แถมเพิ่มมาด้วยความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อจากการวิ่ง แต่จักรกลับรู้สึกอารมณ์ดีมากจนเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว รอยยิ้มนั้นมาพร้อมกับความคิดที่ว่า...ดูท่าทางว่าเขาอาจต้องมาโรงพยาบาลนี้อีกหลายครั้งเลยก็เป็นได้
############
TalK : จริงๆมันไม่ใช่วันช็อตหรอกค่ะ เหมือนบทนำของนิยายอีกเรื่องที่อยากแต่งมากกว่า แต่ไม่มีเวลาและสมองมากพอจะแต่ง(ตอนนี้ในหัวมีแต่มังกรบินไปบินมา 55) เลยระบายออกมาเป็นตอนสั้นๆจบในตอนมาให้ได้อ่านกันไปก่อน ถ้ามังกรจบอาจแต่งเรื่องนี้ต่อก็ได้นะคะ (#แค่อาจ)
นางเอกได้แรงบันดาลใจมากจากเชอร์ล็อค โฮล์มค่ะ :) ตอนเจอวัตสันทีแรกเชอร์ลี่ก็พูดเอาๆ ปล่อยให้หมอวัตสันงงอยู่นั้นแหละว่ารู้เยอะขนาดนี้ได้ไง ชอบอารมณ์ของฉากประมาณอย่างงั้นมากเลยค่ะ เลยออกมาเป็นเรื่องสั้นเรื่องนี้เฉยเลย 55
ความคิดเห็น