ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : เรื่องราวของเรา
เสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว  แสงสีทองของยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง  เจ้าชายแห่งคาโนวาลกระพริบตาถี่ๆพลางลุกขึ้นมานั่ง  เมื่อดวงตาสีฟ้ากวาดมองไปรอบกายแล้วก็ต้องชะงัก
ผู้หญิงคนนั้น  เฟลิโอน่า
หล่อนนอนหลับอยู่ที่เตียงข้างๆด้วยท่าทางที่ไม่น่าเชื่อ  ศีรษะไม่ได้อยู่บนหมอน  ผ้าห่มตกลงไปข้างๆเตียง  แขนขาไปคนละทิศละทาง  ดูไม่เรียบร้อยจนเขาต้องขมวดคิ้ว 
สายตาเย็นชาเหลือบไปเห็นแขนเสื้อที่เลิกขึ้นเผยให้เห็นต้นแขนขาวเนียนที่มีรอยช้ำเป็นจ้ำๆ  เรื่องเมื่อคืนผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  ใบหน้าคมคายขึ้นสีก่ำ
เขาทำลงไปได้ยังไง  กับผู้หญิงที่ไม่เคยรู้จัก  เขาจับหล่อนกดลงกับพื้นโดยไม่สนใจการขัดขืน  ต่อจากนั้น... 
จำไม่ได้
เขาทำอะไรลงไปหรือเปล่า
ยิ่งมองเห็นรอยแดงตามลำคอที่ยังไม่หายไปเขาก็ยิ่งอยากจะหนีไปจากที่นี่ 
ไวเท่าความคิด  ชายหนุ่มผลุนผลันลงจากเตียงหันกายเตรียมจะออกไปจากห้อง  แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงหวานพึมพำขึ้นมาเบาๆ
“...ไอ้น้ำแข็งงี่เง่า...”
ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้ว่าหล่อนหมายถึงเขา  ร่างสูงเดินมาหยุดมองหล่อนนิ่ง  มือใหญ่เอื้อมไปเลิกแขนเสื้ออีกข้างขึ้น
แขนเล็กมีรอยช้ำอย่างที่คิด  ซ้ำยังเขียวเป็นรอยนิ้วยิ่งกว่าอีกข้างหนึ่งซะอีก  ท่าทางจะเจ็บไม่เบา
เฟรินค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆที่ต้นแขนซ้าย  แสงสว่างนวลจ้ามาจากมือใหญ่ที่กำลังรักษารอยช้ำให้หล่อนจนจางลงไปมาก  แต่พอเห็นว่าหญิงสาวตื่นแล้วก็หยุดมือ  เตรียมลุกออกไปจากห้องแต่มือบางรีบคว้ามือขาวนั้นไว้เบาๆ
“ขอบใจนะคาโล” ร่างบางลุกขึ้นนั่งช้าๆเมื่อเห็นร่างสูงหยุดฟังหล่อนก็ปล่อยมือนั้นออก “เมื่อคืนฉันขอโทษที่โวยวายใส่นาย  ฉันมันใจร้อนไปเอง  นายคงจะตกใจสินะ”
รอยยิ้มของหล่อนแปลกประหลาด  เจือไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ดูไม่ออก  เจ้าชายน้ำแข็งขมวดคิ้วน้อยๆแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ
“ฉันขอโทษ”
“นายไม่ผิดหรอก ฉันเป็นฝ่ายเริ่มเอง” หน้าหวานที่เริ่มแดงเมินไปทางอื่น พอเห็นดวงหน้าคมคายยังแสดงความข้องใจเฟรินก็กัดฟันพูดเรื่องน่าอายออกมา “เมื่อคืนไม่มีอะไรหรอก นายไม่ต้องห่วง”
หล่อนช่างกล้าพูดเสียเหลือเกิน  อย่างกับผู้ชาย
ดวงตาสีฟ้าหรี่ลงอย่างฉงน  หรือว่าเขากับหล่อนเคยมีความสัมพันธ์กันถึงขั้นนั้น ไอ้อาคมที่เขาเคยคิดว่าไม่มีคงผลอะไรต่อชีวิตกำลังแสดงความร้ายกาจของมันออกมา 
หรือเขาจะลืมคนรักของตัวเองไปจริงๆ
ดวงตาสีฟ้าพิจารณาร่างบางตรงหน้าที่อยู่ภายใต้แสงแดดยามเช้า  ชุดผู้ชายหลวมโพลกพรางร่างหญิงสาวนุ่มนวลบอบบางที่เขาพิสูจน์แล้วด้วยมือตัวเองเอาไว้ ดวงหน้าหวานซูบซีดน้อยๆกับดวงตาสีน้ำตาลกลมโตที่แฝงรอยเศร้าไว้อย่างลึกล้ำ  แก้มนวลที่แดงระเรื่อด้วยพิษไข้  ริมฝีปากบางสีกุหลาบจิ้มลิ้มน่าทะนุถนอม  เป็นความงามแบบโศกซึ้งที่หาได้ยาก
ถ้าหล่อนแย้มยิ้มคงจะน่าดูไปอีกแบบ
“มองอะไรของนาย” สาวน้อยเอ่ยขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกอึดอัดกับสายตาของคนตรงหน้า
เพียงวูบเดียวที่กระแสอันอ่อนโยนปรากฏขึ้นในดวงตาสีฟ้าสวยก่อนที่จะกลับมาเย็นชาไร้อารมณ์เหมือนเดิม
“ฉันไม่อยากจะย้ำว่าฉันจำเธอไม่ได้ เพราะฉันรู้ว่าเธอจะเสียใจ” เสียงทุ้มเอ่ยหนักแน่นจนเฟรินต้องหันกลับมามอง “แต่ฉันขอถามเธอตรงๆ เราเป็นอะไรกัน”
แม้สมองจะเข้าใจแต่อารมณ์อ่อนไหวกลับควบคุมไม่ได้  ดวงตาสีน้ำตาวาววับก่อนจะอ่อนแสงลง
“เราเคยเป็นเพื่อนกัน”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นนิดๆ
“เคย?...เธอหมายถึง  เฟริน  เดอเบอโรว์หรือตัวเธอ”
“คนเดียวกัน ฉันโดนคำสาป” หญิงสาวอธิบายอย่างใจเย็น
ก่อนที่คาโลจะถามต่อ  เฟรินก็สะดุ้งเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“นายจำฉันตอนเป็นผู้ชายได้?”
เจ้าชายแห่งคาโนวาลพยักหน้า
“จำได้ว่าเคยมีเพื่อนร่วมห้องชื่อนั้นอย่างที่เธอว่า แต่พอขึ้นปีสามมันก็ย้ายออกไป” เมื่อรู้สึกว่าจะคุยกันยาว ร่างสูงก็นั่งลงบนเก้าอี้
“นายรู้มั้ยว่าทำไมนายเฟรินถึงหายไป” ริมฝีปากบางเหยียดรอยยิ้ม “ฉันย้ายออกไปอยู่ห้องอื่นเพราะทุกคนรู้แล้วว่าฉันเป็นผู้หญิง ฉันยังอยู่ที่ป้อมอัศวิน แต่ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนของนาย”
ดวงตาสีน้ำตาลแลสบกับดวงตาสีฟ้าที่บัดนี้มีแววของความสับสนฉายชัด  สมองหล่อนเริ่มวิเคราะห์
หมอนี่ลืมแต่คนรักที่ชื่อเฟลิโอน่า เกรเดเวล
“นายลืมเรื่องอะไรอีกรึเปล่า”
“ฉันไม่รู้ ไม่เคยรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติจนถึงตอนนี้”
“ของที่นายรัก พ่อ แม่”
“ฉันจำได้”
“งั้นนายจำได้มั้ยว่าไข่มุกแสงจันทร์ของนายอยู่ไหน”
คำถามนี้ทำเอาร่างสูงนั่งนิ่ง  ไข่มุกแสงจันทร์ของเขา  ใช่  เขาเคยมีมันแต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว  เขาให้ใครบางคนไป 
“ฉันให้เธอไป?”  เสียงพูดแสดงว่าต้องการหลักฐานเต็มที่
เฟรินยิ้มนิดๆ  คงจะเอาให้ดูไม่ได้หรอกคาโล
“นายให้ฉันกินมันเข้าไป”
ดวงตาสีฟ้าจ้องอย่างใช้ความคิด  หล่อนพูดจริงหรือโกหกกันแน่
“ตอนนั้นฉันโดนอาคมของแหวนแห่งปราชญ์หลับไม่ฟื้นไปหลายวัน ไข่มุกของนายโดนเอาไปทำเป็นยาให้ฉันกิน”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงให้เล่าต่อ  เฟรินขยับตัวบิดขี้เกียจน้อยๆ 
ความหลังครั้งนั้นช่างหวานในความรู้สึกทุกครั้งที่นึกถึง
“หลังจากนั้นเราก็เลิกเป็นเพื่อนกัน”
ประโยคนั้นไม่ได้ทำให้อะไรกระจ่างขึ้น  แต่ถ้าเป็นไปตามที่หล่อนว่า  เรื่องนั้นต้องเกิดขึ้นมาสิบปีแล้ว  แต่สาวน้อยตรงหน้ากลับดูอ่อนเยาว์ราวกับสาวรุ่น
“เธออายุเท่าไหร่”
“เท่ากับนายนั่นแหละ”
เฟรินเหยียดยิ้มอย่างขมขื่น  คำถามนี้หล่อนรู้แน่ว่าจะมา  ดวงตาสีฟ้าฉายแววสงสัยอย่างปิดไม่มิด 
มันจะรู้บ้างมั้ยว่าไอ้เรื่องที่สำคัญที่สุดที่ทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นแบบนี้ก็คือไอ้เรื่องนี้เอง
“ฉันเป็นลูกจ้าวปีศาจเอวิเดส นายอย่าลืม”
ดวงหน้าคมคายพยักน้อยๆแสดงอาการยอมรับ 
ใช่  เขาเคยพบจ้าวปีศาจเอวิเดส  ใบหน้านั้นไม่บ่งบอกอายุ
ทำไมเขาถึงเคยพบเจ้าปีศาจเอวิเดส?
คำพูดของผู้หญิงตรงหน้าค่อยๆอุดช่องว่างที่หายไปในสมองเขา  แต่ก็เพิ่มก้อนความทรงจำที่สับสนอื่นๆต่อไปอีก
“แล้วเรื่องหลังจากนั้น” คาโลเร่งเสียงเย็น
เฟรินเริ่มมองอย่างรำคาญ  มันซักราวกับเธอเป็นนักโทษ  ไม่รู้หรือไงว่าเรื่องแบบนี้ผู้หญิงเขาเขิน
“เราแต่งงานกันตอนเรียนจบ แล้วปีต่อมาฉันก็คลอดลูกสาวคนแรก”
ตาสีฟ้าเบิกกว้าง
“ลูก ” เสียงทุ้มพึมพำ
“นายบอกโล่งอกที่เป็นลูกสาว เพราะนายยังไม่ได้ขึ้นเป็นคิง มีลูกเร็วไม่ดี”
“แต่ปีต่อมาฉันดันคลอดลูกชาย เราก็เลยยกให้เป็นรัชทายาทแห่งบารามอสเพื่อตัดปัญหา”
“ไม่น่า ทำไม...เรื่องสำคัญแบบนี้...” คิ้วเข้มขมวดมุ่น มือขาวสัมผัสริมฝีปากอย่างใช้ความคิด
เฟรินมองอาการของคนตรงหน้าแล้วก็แอบขำ  มันยังเป็นคนจริงจังจนน่าแกล้งเหมือนเดิม
“ฉันล้อเล่น” ว่าแล้วหญิงสาวก็ฉีกยิ้มกว้าง
เขามองหน้าหล่อนเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ  ดวงตาสีฟ้าดุจนแทบจะลุกไหม้  ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายเมื่อหล่อนเริ่มหัวเราะแล้วเสมองออกไปนอกหน้าต่าง
“มันเป็นเรื่องที่เราเคยคุยกัน”
****************************************************************************************
คราวหน้าก็จะใจร้ายอีกรอบ เตรียมทิชชู่กันรึยัง (เช็ดเลือดที่ติดมือตอนต่อยคนเขียนทางกระแสจิต)
ผู้หญิงคนนั้น  เฟลิโอน่า
หล่อนนอนหลับอยู่ที่เตียงข้างๆด้วยท่าทางที่ไม่น่าเชื่อ  ศีรษะไม่ได้อยู่บนหมอน  ผ้าห่มตกลงไปข้างๆเตียง  แขนขาไปคนละทิศละทาง  ดูไม่เรียบร้อยจนเขาต้องขมวดคิ้ว 
สายตาเย็นชาเหลือบไปเห็นแขนเสื้อที่เลิกขึ้นเผยให้เห็นต้นแขนขาวเนียนที่มีรอยช้ำเป็นจ้ำๆ  เรื่องเมื่อคืนผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  ใบหน้าคมคายขึ้นสีก่ำ
เขาทำลงไปได้ยังไง  กับผู้หญิงที่ไม่เคยรู้จัก  เขาจับหล่อนกดลงกับพื้นโดยไม่สนใจการขัดขืน  ต่อจากนั้น... 
จำไม่ได้
เขาทำอะไรลงไปหรือเปล่า
ยิ่งมองเห็นรอยแดงตามลำคอที่ยังไม่หายไปเขาก็ยิ่งอยากจะหนีไปจากที่นี่ 
ไวเท่าความคิด  ชายหนุ่มผลุนผลันลงจากเตียงหันกายเตรียมจะออกไปจากห้อง  แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงหวานพึมพำขึ้นมาเบาๆ
“...ไอ้น้ำแข็งงี่เง่า...”
ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้ว่าหล่อนหมายถึงเขา  ร่างสูงเดินมาหยุดมองหล่อนนิ่ง  มือใหญ่เอื้อมไปเลิกแขนเสื้ออีกข้างขึ้น
แขนเล็กมีรอยช้ำอย่างที่คิด  ซ้ำยังเขียวเป็นรอยนิ้วยิ่งกว่าอีกข้างหนึ่งซะอีก  ท่าทางจะเจ็บไม่เบา
เฟรินค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆที่ต้นแขนซ้าย  แสงสว่างนวลจ้ามาจากมือใหญ่ที่กำลังรักษารอยช้ำให้หล่อนจนจางลงไปมาก  แต่พอเห็นว่าหญิงสาวตื่นแล้วก็หยุดมือ  เตรียมลุกออกไปจากห้องแต่มือบางรีบคว้ามือขาวนั้นไว้เบาๆ
“ขอบใจนะคาโล” ร่างบางลุกขึ้นนั่งช้าๆเมื่อเห็นร่างสูงหยุดฟังหล่อนก็ปล่อยมือนั้นออก “เมื่อคืนฉันขอโทษที่โวยวายใส่นาย  ฉันมันใจร้อนไปเอง  นายคงจะตกใจสินะ”
รอยยิ้มของหล่อนแปลกประหลาด  เจือไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ดูไม่ออก  เจ้าชายน้ำแข็งขมวดคิ้วน้อยๆแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ
“ฉันขอโทษ”
“นายไม่ผิดหรอก ฉันเป็นฝ่ายเริ่มเอง” หน้าหวานที่เริ่มแดงเมินไปทางอื่น พอเห็นดวงหน้าคมคายยังแสดงความข้องใจเฟรินก็กัดฟันพูดเรื่องน่าอายออกมา “เมื่อคืนไม่มีอะไรหรอก นายไม่ต้องห่วง”
หล่อนช่างกล้าพูดเสียเหลือเกิน  อย่างกับผู้ชาย
ดวงตาสีฟ้าหรี่ลงอย่างฉงน  หรือว่าเขากับหล่อนเคยมีความสัมพันธ์กันถึงขั้นนั้น ไอ้อาคมที่เขาเคยคิดว่าไม่มีคงผลอะไรต่อชีวิตกำลังแสดงความร้ายกาจของมันออกมา 
หรือเขาจะลืมคนรักของตัวเองไปจริงๆ
ดวงตาสีฟ้าพิจารณาร่างบางตรงหน้าที่อยู่ภายใต้แสงแดดยามเช้า  ชุดผู้ชายหลวมโพลกพรางร่างหญิงสาวนุ่มนวลบอบบางที่เขาพิสูจน์แล้วด้วยมือตัวเองเอาไว้ ดวงหน้าหวานซูบซีดน้อยๆกับดวงตาสีน้ำตาลกลมโตที่แฝงรอยเศร้าไว้อย่างลึกล้ำ  แก้มนวลที่แดงระเรื่อด้วยพิษไข้  ริมฝีปากบางสีกุหลาบจิ้มลิ้มน่าทะนุถนอม  เป็นความงามแบบโศกซึ้งที่หาได้ยาก
ถ้าหล่อนแย้มยิ้มคงจะน่าดูไปอีกแบบ
“มองอะไรของนาย” สาวน้อยเอ่ยขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกอึดอัดกับสายตาของคนตรงหน้า
เพียงวูบเดียวที่กระแสอันอ่อนโยนปรากฏขึ้นในดวงตาสีฟ้าสวยก่อนที่จะกลับมาเย็นชาไร้อารมณ์เหมือนเดิม
“ฉันไม่อยากจะย้ำว่าฉันจำเธอไม่ได้ เพราะฉันรู้ว่าเธอจะเสียใจ” เสียงทุ้มเอ่ยหนักแน่นจนเฟรินต้องหันกลับมามอง “แต่ฉันขอถามเธอตรงๆ เราเป็นอะไรกัน”
แม้สมองจะเข้าใจแต่อารมณ์อ่อนไหวกลับควบคุมไม่ได้  ดวงตาสีน้ำตาวาววับก่อนจะอ่อนแสงลง
“เราเคยเป็นเพื่อนกัน”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นนิดๆ
“เคย?...เธอหมายถึง  เฟริน  เดอเบอโรว์หรือตัวเธอ”
“คนเดียวกัน ฉันโดนคำสาป” หญิงสาวอธิบายอย่างใจเย็น
ก่อนที่คาโลจะถามต่อ  เฟรินก็สะดุ้งเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“นายจำฉันตอนเป็นผู้ชายได้?”
เจ้าชายแห่งคาโนวาลพยักหน้า
“จำได้ว่าเคยมีเพื่อนร่วมห้องชื่อนั้นอย่างที่เธอว่า แต่พอขึ้นปีสามมันก็ย้ายออกไป” เมื่อรู้สึกว่าจะคุยกันยาว ร่างสูงก็นั่งลงบนเก้าอี้
“นายรู้มั้ยว่าทำไมนายเฟรินถึงหายไป” ริมฝีปากบางเหยียดรอยยิ้ม “ฉันย้ายออกไปอยู่ห้องอื่นเพราะทุกคนรู้แล้วว่าฉันเป็นผู้หญิง ฉันยังอยู่ที่ป้อมอัศวิน แต่ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนของนาย”
ดวงตาสีน้ำตาลแลสบกับดวงตาสีฟ้าที่บัดนี้มีแววของความสับสนฉายชัด  สมองหล่อนเริ่มวิเคราะห์
หมอนี่ลืมแต่คนรักที่ชื่อเฟลิโอน่า เกรเดเวล
“นายลืมเรื่องอะไรอีกรึเปล่า”
“ฉันไม่รู้ ไม่เคยรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติจนถึงตอนนี้”
“ของที่นายรัก พ่อ แม่”
“ฉันจำได้”
“งั้นนายจำได้มั้ยว่าไข่มุกแสงจันทร์ของนายอยู่ไหน”
คำถามนี้ทำเอาร่างสูงนั่งนิ่ง  ไข่มุกแสงจันทร์ของเขา  ใช่  เขาเคยมีมันแต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว  เขาให้ใครบางคนไป 
“ฉันให้เธอไป?”  เสียงพูดแสดงว่าต้องการหลักฐานเต็มที่
เฟรินยิ้มนิดๆ  คงจะเอาให้ดูไม่ได้หรอกคาโล
“นายให้ฉันกินมันเข้าไป”
ดวงตาสีฟ้าจ้องอย่างใช้ความคิด  หล่อนพูดจริงหรือโกหกกันแน่
“ตอนนั้นฉันโดนอาคมของแหวนแห่งปราชญ์หลับไม่ฟื้นไปหลายวัน ไข่มุกของนายโดนเอาไปทำเป็นยาให้ฉันกิน”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงให้เล่าต่อ  เฟรินขยับตัวบิดขี้เกียจน้อยๆ 
ความหลังครั้งนั้นช่างหวานในความรู้สึกทุกครั้งที่นึกถึง
“หลังจากนั้นเราก็เลิกเป็นเพื่อนกัน”
ประโยคนั้นไม่ได้ทำให้อะไรกระจ่างขึ้น  แต่ถ้าเป็นไปตามที่หล่อนว่า  เรื่องนั้นต้องเกิดขึ้นมาสิบปีแล้ว  แต่สาวน้อยตรงหน้ากลับดูอ่อนเยาว์ราวกับสาวรุ่น
“เธออายุเท่าไหร่”
“เท่ากับนายนั่นแหละ”
เฟรินเหยียดยิ้มอย่างขมขื่น  คำถามนี้หล่อนรู้แน่ว่าจะมา  ดวงตาสีฟ้าฉายแววสงสัยอย่างปิดไม่มิด 
มันจะรู้บ้างมั้ยว่าไอ้เรื่องที่สำคัญที่สุดที่ทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นแบบนี้ก็คือไอ้เรื่องนี้เอง
“ฉันเป็นลูกจ้าวปีศาจเอวิเดส นายอย่าลืม”
ดวงหน้าคมคายพยักน้อยๆแสดงอาการยอมรับ 
ใช่  เขาเคยพบจ้าวปีศาจเอวิเดส  ใบหน้านั้นไม่บ่งบอกอายุ
ทำไมเขาถึงเคยพบเจ้าปีศาจเอวิเดส?
คำพูดของผู้หญิงตรงหน้าค่อยๆอุดช่องว่างที่หายไปในสมองเขา  แต่ก็เพิ่มก้อนความทรงจำที่สับสนอื่นๆต่อไปอีก
“แล้วเรื่องหลังจากนั้น” คาโลเร่งเสียงเย็น
เฟรินเริ่มมองอย่างรำคาญ  มันซักราวกับเธอเป็นนักโทษ  ไม่รู้หรือไงว่าเรื่องแบบนี้ผู้หญิงเขาเขิน
“เราแต่งงานกันตอนเรียนจบ แล้วปีต่อมาฉันก็คลอดลูกสาวคนแรก”
ตาสีฟ้าเบิกกว้าง
“ลูก ” เสียงทุ้มพึมพำ
“นายบอกโล่งอกที่เป็นลูกสาว เพราะนายยังไม่ได้ขึ้นเป็นคิง มีลูกเร็วไม่ดี”
“แต่ปีต่อมาฉันดันคลอดลูกชาย เราก็เลยยกให้เป็นรัชทายาทแห่งบารามอสเพื่อตัดปัญหา”
“ไม่น่า ทำไม...เรื่องสำคัญแบบนี้...” คิ้วเข้มขมวดมุ่น มือขาวสัมผัสริมฝีปากอย่างใช้ความคิด
เฟรินมองอาการของคนตรงหน้าแล้วก็แอบขำ  มันยังเป็นคนจริงจังจนน่าแกล้งเหมือนเดิม
“ฉันล้อเล่น” ว่าแล้วหญิงสาวก็ฉีกยิ้มกว้าง
เขามองหน้าหล่อนเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ  ดวงตาสีฟ้าดุจนแทบจะลุกไหม้  ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายเมื่อหล่อนเริ่มหัวเราะแล้วเสมองออกไปนอกหน้าต่าง
“มันเป็นเรื่องที่เราเคยคุยกัน”
****************************************************************************************
คราวหน้าก็จะใจร้ายอีกรอบ เตรียมทิชชู่กันรึยัง (เช็ดเลือดที่ติดมือตอนต่อยคนเขียนทางกระแสจิต)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น