ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ฟิกบารามอส) ความรักนั้นมักเป็นเรื่องยาก

    ลำดับตอนที่ #9 : เรื่องราวของเรา

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ย. 48


    เสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว  แสงสีทองของยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง  เจ้าชายแห่งคาโนวาลกระพริบตาถี่ๆพลางลุกขึ้นมานั่ง  เมื่อดวงตาสีฟ้ากวาดมองไปรอบกายแล้วก็ต้องชะงัก



    ผู้หญิงคนนั้น  เฟลิโอน่า



    หล่อนนอนหลับอยู่ที่เตียงข้างๆด้วยท่าทางที่ไม่น่าเชื่อ  ศีรษะไม่ได้อยู่บนหมอน  ผ้าห่มตกลงไปข้างๆเตียง  แขนขาไปคนละทิศละทาง  ดูไม่เรียบร้อยจนเขาต้องขมวดคิ้ว  



    สายตาเย็นชาเหลือบไปเห็นแขนเสื้อที่เลิกขึ้นเผยให้เห็นต้นแขนขาวเนียนที่มีรอยช้ำเป็นจ้ำๆ  เรื่องเมื่อคืนผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  ใบหน้าคมคายขึ้นสีก่ำ



    เขาทำลงไปได้ยังไง  กับผู้หญิงที่ไม่เคยรู้จัก  เขาจับหล่อนกดลงกับพื้นโดยไม่สนใจการขัดขืน  ต่อจากนั้น...  



    จำไม่ได้



    เขาทำอะไรลงไปหรือเปล่า



    ยิ่งมองเห็นรอยแดงตามลำคอที่ยังไม่หายไปเขาก็ยิ่งอยากจะหนีไปจากที่นี่  



    ไวเท่าความคิด  ชายหนุ่มผลุนผลันลงจากเตียงหันกายเตรียมจะออกไปจากห้อง  แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงหวานพึมพำขึ้นมาเบาๆ



    “...ไอ้น้ำแข็งงี่เง่า...”



    ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้ว่าหล่อนหมายถึงเขา  ร่างสูงเดินมาหยุดมองหล่อนนิ่ง  มือใหญ่เอื้อมไปเลิกแขนเสื้ออีกข้างขึ้น



    แขนเล็กมีรอยช้ำอย่างที่คิด  ซ้ำยังเขียวเป็นรอยนิ้วยิ่งกว่าอีกข้างหนึ่งซะอีก  ท่าทางจะเจ็บไม่เบา



    เฟรินค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆที่ต้นแขนซ้าย  แสงสว่างนวลจ้ามาจากมือใหญ่ที่กำลังรักษารอยช้ำให้หล่อนจนจางลงไปมาก  แต่พอเห็นว่าหญิงสาวตื่นแล้วก็หยุดมือ  เตรียมลุกออกไปจากห้องแต่มือบางรีบคว้ามือขาวนั้นไว้เบาๆ



    “ขอบใจนะคาโล” ร่างบางลุกขึ้นนั่งช้าๆเมื่อเห็นร่างสูงหยุดฟังหล่อนก็ปล่อยมือนั้นออก “เมื่อคืนฉันขอโทษที่โวยวายใส่นาย  ฉันมันใจร้อนไปเอง  นายคงจะตกใจสินะ”



    รอยยิ้มของหล่อนแปลกประหลาด  เจือไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ดูไม่ออก  เจ้าชายน้ำแข็งขมวดคิ้วน้อยๆแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ



    “ฉันขอโทษ”



    “นายไม่ผิดหรอก ฉันเป็นฝ่ายเริ่มเอง” หน้าหวานที่เริ่มแดงเมินไปทางอื่น พอเห็นดวงหน้าคมคายยังแสดงความข้องใจเฟรินก็กัดฟันพูดเรื่องน่าอายออกมา “เมื่อคืนไม่มีอะไรหรอก นายไม่ต้องห่วง”



    หล่อนช่างกล้าพูดเสียเหลือเกิน  อย่างกับผู้ชาย



    ดวงตาสีฟ้าหรี่ลงอย่างฉงน  หรือว่าเขากับหล่อนเคยมีความสัมพันธ์กันถึงขั้นนั้น ไอ้อาคมที่เขาเคยคิดว่าไม่มีคงผลอะไรต่อชีวิตกำลังแสดงความร้ายกาจของมันออกมา  



    หรือเขาจะลืมคนรักของตัวเองไปจริงๆ



    ดวงตาสีฟ้าพิจารณาร่างบางตรงหน้าที่อยู่ภายใต้แสงแดดยามเช้า  ชุดผู้ชายหลวมโพลกพรางร่างหญิงสาวนุ่มนวลบอบบางที่เขาพิสูจน์แล้วด้วยมือตัวเองเอาไว้ ดวงหน้าหวานซูบซีดน้อยๆกับดวงตาสีน้ำตาลกลมโตที่แฝงรอยเศร้าไว้อย่างลึกล้ำ  แก้มนวลที่แดงระเรื่อด้วยพิษไข้  ริมฝีปากบางสีกุหลาบจิ้มลิ้มน่าทะนุถนอม  เป็นความงามแบบโศกซึ้งที่หาได้ยาก



    ถ้าหล่อนแย้มยิ้มคงจะน่าดูไปอีกแบบ



    “มองอะไรของนาย” สาวน้อยเอ่ยขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกอึดอัดกับสายตาของคนตรงหน้า



    เพียงวูบเดียวที่กระแสอันอ่อนโยนปรากฏขึ้นในดวงตาสีฟ้าสวยก่อนที่จะกลับมาเย็นชาไร้อารมณ์เหมือนเดิม



    “ฉันไม่อยากจะย้ำว่าฉันจำเธอไม่ได้ เพราะฉันรู้ว่าเธอจะเสียใจ” เสียงทุ้มเอ่ยหนักแน่นจนเฟรินต้องหันกลับมามอง “แต่ฉันขอถามเธอตรงๆ เราเป็นอะไรกัน”



    แม้สมองจะเข้าใจแต่อารมณ์อ่อนไหวกลับควบคุมไม่ได้  ดวงตาสีน้ำตาวาววับก่อนจะอ่อนแสงลง



    “เราเคยเป็นเพื่อนกัน”



    คิ้วเข้มเลิกขึ้นนิดๆ



    “เคย?...เธอหมายถึง  เฟริน  เดอเบอโรว์หรือตัวเธอ”



    “คนเดียวกัน ฉันโดนคำสาป” หญิงสาวอธิบายอย่างใจเย็น



    ก่อนที่คาโลจะถามต่อ  เฟรินก็สะดุ้งเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้



    “นายจำฉันตอนเป็นผู้ชายได้?”



    เจ้าชายแห่งคาโนวาลพยักหน้า



    “จำได้ว่าเคยมีเพื่อนร่วมห้องชื่อนั้นอย่างที่เธอว่า แต่พอขึ้นปีสามมันก็ย้ายออกไป” เมื่อรู้สึกว่าจะคุยกันยาว ร่างสูงก็นั่งลงบนเก้าอี้



    “นายรู้มั้ยว่าทำไมนายเฟรินถึงหายไป” ริมฝีปากบางเหยียดรอยยิ้ม “ฉันย้ายออกไปอยู่ห้องอื่นเพราะทุกคนรู้แล้วว่าฉันเป็นผู้หญิง ฉันยังอยู่ที่ป้อมอัศวิน แต่ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนของนาย”



    ดวงตาสีน้ำตาลแลสบกับดวงตาสีฟ้าที่บัดนี้มีแววของความสับสนฉายชัด  สมองหล่อนเริ่มวิเคราะห์



    หมอนี่ลืมแต่คนรักที่ชื่อเฟลิโอน่า เกรเดเวล



    “นายลืมเรื่องอะไรอีกรึเปล่า”



    “ฉันไม่รู้ ไม่เคยรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติจนถึงตอนนี้”



    “ของที่นายรัก พ่อ แม่”



    “ฉันจำได้”



    “งั้นนายจำได้มั้ยว่าไข่มุกแสงจันทร์ของนายอยู่ไหน”



    คำถามนี้ทำเอาร่างสูงนั่งนิ่ง  ไข่มุกแสงจันทร์ของเขา  ใช่  เขาเคยมีมันแต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว  เขาให้ใครบางคนไป  



    “ฉันให้เธอไป?”  เสียงพูดแสดงว่าต้องการหลักฐานเต็มที่



    เฟรินยิ้มนิดๆ  คงจะเอาให้ดูไม่ได้หรอกคาโล



    “นายให้ฉันกินมันเข้าไป”



    ดวงตาสีฟ้าจ้องอย่างใช้ความคิด  หล่อนพูดจริงหรือโกหกกันแน่



    “ตอนนั้นฉันโดนอาคมของแหวนแห่งปราชญ์หลับไม่ฟื้นไปหลายวัน ไข่มุกของนายโดนเอาไปทำเป็นยาให้ฉันกิน”



    คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงให้เล่าต่อ  เฟรินขยับตัวบิดขี้เกียจน้อยๆ  



    ความหลังครั้งนั้นช่างหวานในความรู้สึกทุกครั้งที่นึกถึง



    “หลังจากนั้นเราก็เลิกเป็นเพื่อนกัน”



    ประโยคนั้นไม่ได้ทำให้อะไรกระจ่างขึ้น  แต่ถ้าเป็นไปตามที่หล่อนว่า  เรื่องนั้นต้องเกิดขึ้นมาสิบปีแล้ว  แต่สาวน้อยตรงหน้ากลับดูอ่อนเยาว์ราวกับสาวรุ่น



    “เธออายุเท่าไหร่”



    “เท่ากับนายนั่นแหละ”



    เฟรินเหยียดยิ้มอย่างขมขื่น  คำถามนี้หล่อนรู้แน่ว่าจะมา  ดวงตาสีฟ้าฉายแววสงสัยอย่างปิดไม่มิด  



    มันจะรู้บ้างมั้ยว่าไอ้เรื่องที่สำคัญที่สุดที่ทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นแบบนี้ก็คือไอ้เรื่องนี้เอง



    “ฉันเป็นลูกจ้าวปีศาจเอวิเดส นายอย่าลืม”



    ดวงหน้าคมคายพยักน้อยๆแสดงอาการยอมรับ  



    ใช่  เขาเคยพบจ้าวปีศาจเอวิเดส  ใบหน้านั้นไม่บ่งบอกอายุ



    ทำไมเขาถึงเคยพบเจ้าปีศาจเอวิเดส?



    คำพูดของผู้หญิงตรงหน้าค่อยๆอุดช่องว่างที่หายไปในสมองเขา  แต่ก็เพิ่มก้อนความทรงจำที่สับสนอื่นๆต่อไปอีก



    “แล้วเรื่องหลังจากนั้น” คาโลเร่งเสียงเย็น



    เฟรินเริ่มมองอย่างรำคาญ  มันซักราวกับเธอเป็นนักโทษ  ไม่รู้หรือไงว่าเรื่องแบบนี้ผู้หญิงเขาเขิน



    “เราแต่งงานกันตอนเรียนจบ แล้วปีต่อมาฉันก็คลอดลูกสาวคนแรก”



    ตาสีฟ้าเบิกกว้าง



    “ลูก…” เสียงทุ้มพึมพำ



    “นายบอกโล่งอกที่เป็นลูกสาว เพราะนายยังไม่ได้ขึ้นเป็นคิง มีลูกเร็วไม่ดี”



    “แต่ปีต่อมาฉันดันคลอดลูกชาย เราก็เลยยกให้เป็นรัชทายาทแห่งบารามอสเพื่อตัดปัญหา”



    “ไม่น่า ทำไม...เรื่องสำคัญแบบนี้...” คิ้วเข้มขมวดมุ่น มือขาวสัมผัสริมฝีปากอย่างใช้ความคิด



    เฟรินมองอาการของคนตรงหน้าแล้วก็แอบขำ  มันยังเป็นคนจริงจังจนน่าแกล้งเหมือนเดิม



    “ฉันล้อเล่น” ว่าแล้วหญิงสาวก็ฉีกยิ้มกว้าง



    เขามองหน้าหล่อนเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ  ดวงตาสีฟ้าดุจนแทบจะลุกไหม้  ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายเมื่อหล่อนเริ่มหัวเราะแล้วเสมองออกไปนอกหน้าต่าง



    “มันเป็นเรื่องที่เราเคยคุยกัน”



    ****************************************************************************************

    คราวหน้าก็จะใจร้ายอีกรอบ เตรียมทิชชู่กันรึยัง (เช็ดเลือดที่ติดมือตอนต่อยคนเขียนทางกระแสจิต)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×