ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : คืนนี้มีลุ้น (3)
    ดวงหน้างามเครียดจัดด้วยความตั้งใจสุดขีด  เรียกรอยยิ้มละไมจากคนตรงหน้า
    “ขำอะไรวะ”  เฟรินหงุดหงิดใส่คู่เต้นด้วยเสียฟอร์มสุดๆ
    คนอย่างเธอต้องมาเกร็งเป็นมนุษย์ไม้กับการลีลาศ
    “ไม่ตั้งใจเต้น  เดี๋ยวก็พลาดหรอก”  พูดพลางกระชับอ้อมแขนให้แน่นเข้าเหมือนกระตุ้น  ใบหน้าหวานต้องเงยขึ้นตามปฏิกิริยาตอบโต้  ร่างเล็กที่หมุนไปตามจังหวะเพลงสบถอุบอิบ
    หลังจากเหยียบเท้าครั้งแรกและครั้งเดียวตอนเพลงจบ  ร่างบางก็เตรียมเผ่นแผลวลงจากเวทีจนร่างสูงต้องรีบจับแขนเล็กไว้
    อย่างน้อยมันก็พยายาม
    “นายไม่อยากเต้นแล้วเหรอ”
    “ง่า...ฉันขอโทษ”  หน้าหวานก้มงุด
    “ไม่เป็นไร”
    ความใจดีอย่างประหลาดนั้นทำให้หัวขโมยเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ
    “ไม่เป็นไรจริงอ่ะ  งั้นเต้นอีกเพลงนะ”
    “นายเหยียบเท้าฉันได้ตามสบาย  แล้วฉันจะคิดรวบยอดทีหลัง”
    รอยยิ้มกว้างเจื่อนลงทันใด
    “ไอ้ขี้งก”
    “นายชวนฉันมาเอง”
    ยังไม่ทันที่เจ้าหญิงคนสวยจะต่อล้อต่อเถียงกับคนตรงหน้าต่อ  ดนตรีก็ดังขึ้นอีกครั้ง  คาโลโค้งน้อยๆอย่างสง่างามเหมือนกับที่บุรุษอื่นบนฟลอร์โค้งให้กับคู่เต้นของตน  เฟรินจึงจำใจต้องย่อกายลงตอบรับตามธรรมเนียมเยี่ยงสตรีปกติ  ก่อนที่ร่างบางจะถูกแขนแข็งแกร่งรวบเข้าแนบชิดอีกครั้ง
    “มันไปเต้นกันจนได้”
    “ทำเป็นพูดโน่นพูดนี่  สุดท้ายมันก็ไปเต้นกับไอ้เฟริน  เอิ้ก...”
    ขี้เมาป้อมอัศวินนินทาเสียงอ้อแอ้  สภาพโต๊ะเริ่มดูไม่ได้  ขวดเปล่าหลายขวดกลิ้งระเนระนาด  อาหารหกเป็นหย่อมๆ  กว่าครึ่งที่หลับฟุบคาโต๊ะอยู่  มีอยู่สองสามคนที่พากันไปคายของเก่าในที่ลับตาคน
    นี่หรือ  ไอ้หนุ่มโรงเรียนพระราชา
    “คิล” โรเอ่ยเบาๆเป็นเชิงทัก  แต่นักฆ่าแห่งซาเรสก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว
    จำได้ว่าเห็นหมอนี่กินไวน์ไปแก้วเดียว  หรือมันเห็นโต๊ะอยู่ตรงหน้าเลยฟุบหลับเป็นนิสัย
    มีเพียงหญิงสาวสามคนแห่งป้อมอัศวินที่อยู่ในสภาพดีพอจะเป็นคู่สนทนาได้  พวกหล่อนช่างน่าสงสาร  มีผู้ชายล้อมอยู่เป็นฝูง  ดันไม่มีใครชวนเต้น
    เรนอน  ดูหล่อนจะพอใจกับการมองดูคนนั่งหลับ
    มาทิลด้า  คนนี้เริ่มซดเหล้าราวกับน้ำ  แถมท่าทางจะเมาแล้วโวยวายอีกด้วย
   
                แองจี้  ดูจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
    “เต้นกันมั้ย  แองจี้”
    ดวงตาสีฟ้าสบกับดวงตาสีเขียวอย่างแปลกใจนิดๆ  แต่พอมองไปรอบๆคำตอบก็ออกมาเอง
    “เหลือแต่ชั้นคนเดียวสินะ  นายเองก็นั่งมานานแล้ว  คงเบื่อแย่”
    “ชั้นชวนเพราะเธอสวยต่างหาก”
    “ขอบใจนะโร  แต่คราวหลังอย่าฝืน  คิ้วนายกระตุกอยู่”
   
    “สิบสองครั้ง”  น้ำเสียงเย็นๆสาดเข้าใส่หน้า
    หลังจากโดนรวนตอนจบเพลงแรก  หัวขโมยสาวก็น็อตหลุดไปเลย  พลาดแล้วพลาดอีกอย่างน่าเขกหัวตัวเองนัก  เจ้าคนตรงหน้านี่ก็ทนเหลือหลาย  ปล่อยให้เธอเหยียบไปได้ตั้งสิบสองครั้ง
    แถมพอเพลงที่สามจบ  เจ้าหมอนี่ยังพาเขามาในที่ลับตาคนอีกตะหาก  สวนด้านหลังของป้อมอัศวินตอนนี้ร้างไร้ผู้คน  มีแต่นกฮูกที่ส่งเสียงร้องเป็นเพื่อน  แต่อารมณ์ตอนนี้ทำให้ฟังดูชวนสยองซะมากกว่า
    มันจะมาไม้ไหน
    “ปิดเทอมนี้นายจะไปบารามอสหรือ”
    คำถามเรื่อยๆจากคนตรงหน้าที่ยืนกอดอกวางอำนาจอยู่  ทำให้คนที่จมอยู่กับความคิดตัวเองหันไปมองก่อนจะขยับรอยยิ้มเยาะ
   
    “ใช่  ความจริงฉันอยากไปที่อื่นแต่ไอ้เจ้าของบ้านมันไม่ต้อนรับฉันนี่”  เฟรินว่าพลางยักไหล่  “แถมมันยังเป็นถึงเจ้าชาย  ขืนไปเหยียบแผ่นดินมันโดยไม่ได้รับอนุญาตมีหวังโดนประกาศจับ”
    “นายงอนเหรอ”  ชายหนุ่มกระเซ้าหน้านิ่ง  ทำเอาหัวขโมยร้อนตัวรีบร้องเสียงสูง
    “เปล้า  ใครจะกล้าไปงอนเจ้าชายคนเก่งแห่งคาโนวาล” พูดพลางเชิดจมูกไปทางอื่น “แล้วไอ้ประกาศจับนั่นอย่าบอกนะว่าไม่เคยทำ”
    “นายคิดมากเรื่องนี้หรอกเหรอเฟริน”
    “ไอ้บ้า  ฉันไม่ได้คิดมาก  แค่เซ็งโว้ย  ถ้านายไม่มีธุระฉันก็จะไปหาอะไรกินแล้ว”  สาวน้อยขี้งอนหันกายเตรียมเดินไปทางซุ้มอาหาร  แล้วก็ชะงัก
    ธุระ  ใช่ ธุระ  มันว่ามันมีเรื่องจะคุยด้วยนี่  อย่าบอกนะว่าแค่นี้
    คาโลถอนหายใจเบาๆก่อนจะโอบเอวบางเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาพาเจ้าหล่อนไปนั่งที่ม้านั่ง  ดวงตากลมตาโตมองดูเขาอย่างงงๆ
    “นายเอามือของนายออกไปเดี๋ยวนี้”
    ร่างสูงไม่ต่อคำยอมเอามือออกตามที่คนรักสั่งแล้วเปลี่ยนมาโอบไหล่แทนเรียกเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอจากร่างบางในอ้อมแขน  เมื่อทั้งคู่นั่งลงบนม้าหินเฟรินก็มองเมินไปทางอื่นอย่างออกสาวเต็มที่  จนรอยยิ้มจากเจ้าชายแห่งคาโนวาลผุดขึ้นอย่างอดไม่อยู่
    “เดือนหน้าคาโนวาลจะมีงานเฉลิมฉลองใหญ่”
    “แล้วไง  นายก็จะบอกฉันว่าห้ามไปเที่ยวเดี๋ยวไอ้นิสัยขโมยของฉันมันจะทำให้นายเดือดร้อน”
    “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”  ถึงในใจจะคิดก็เถอะ
    “แล้วนายหมายความว่ายังไง”
    “งานเฉลิมฉลองนั่นเกี่ยวกับฉันโดยตรง  ถ้าฉันพานายไปด้วยนายก็คงหงุดหงิดเพราะฉันคงไม่มีเวลาดูแลนาย”
    “นายก็เลยบอกไม่ให้ฉันไป”  ดวงหน้าหวานยอมหันกลับมามอง  คาโลพยักหน้าแทนคำตอบ
    “แต่ถ้าฉันเชิญนายอย่างเป็นทางการในฐานะเจ้าหญิงแห่งบารามอส...”
    “อะไรๆก็ง่ายเข้า”  เฟรินดีดนิ้วเปาะหันมายิ้มกว้าง  พลางเขยิบร่างเข้ามากระแซะ “แล้วนายก็ไม่บอกฉันซะแต่ทีแรก  ให้ฉันหลงคิดว่านายใจดำ”
    “นายให้โอกาสฉันบอกหรือ”  คาโลมองหน้าแป้นแร้นของหญิงสาวที่คอยรบกวนจิตใจเขา  ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตเหลือบมองเขาอย่างเดาอารมณ์ไม่ถูก  ก่อนที่ริมฝีปากบางจะยิ้มเหยียด
    “ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างเลย  เวลาอยู่ด้วยกันนายก็เอาแต่ทะลึ่ง  นายน่ะไม่เคยตามใจฉันมีแต่เอาเปรียบลูกเดียว”
“นายก็เลยหนีฉัน”
ฉันนี่นะไม่ตามใจนาย  ฉันต้องถามนายต่างหากว่าขัดใจแค่ครั้งเดียวทำไมต้องงอนขนาดนี้
แต่คาโลก็ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดเพราะไม่อยากทำลายบรรยากาศที่เริ่มจะดี
“ฉันก็บอกนายไปแล้วนี่ว่าฉันเหงา  นายคงนึกว่าฉันล้อนายเล่นเอาตัวรอดไปวันๆ”  ว่าพลางร่างเล็กก็เบียดเข้าหาไออุ่นจากคนตัวใหญ่กว่าซึ่งโอบตอบอย่างเต็มใจแม้จะยังข้องใจ
ก็แล้วไม่ใช่รึไง
“ตอนแรกฉันก็ไม่อยากชวน  งานนั่นมันมีแต่พิธีการ  นายคงเบื่อ”  มือใหญ่ลูบเส้นผมนุ่มเล่นเบาๆ “แล้วนายยังอยากไปอยู่รึเปล่า”
“อยากไปสิ  นายคงเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง  ฉันอยากเที่ยวคาโนวาลไม่ใช่ไปร่วมงานงี่เง่านั่น”  ดวงหน้าหวานยังคงยิ้มระรื่นโดยไม่ทันสังเกตสีหน้าของคนข้างๆที่เริ่มเคร่ง
“งานวันเกิดฉันเอง”
“ฮ่าๆๆๆๆ”  หัวขโมยงี่เง่าพยายามหัวเราะกลบเกลื่อนพลางตบไหล่ชายคนรักดังป๊าบ  “โทษทีคาโล  ฉันไม่คิดว่างานที่ไม่น่าสนุกขนาดนั้นจะเป็นงานวันเกิดนาย”
คาโลต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่กับวาจาของสาวคนรัก 
“พระจันทร์สวยจังเลยคาโล”
คำกล่าวสมเป็นผู้หญิงทำให้ชายหนุ่มต้องแย้มรอยยิ้ม  ก่อนจะหุบแทบไม่ทัน
“มันทำให้ฉันคิดถึงลูกชิ้นไก่”
    “ขำอะไรวะ”  เฟรินหงุดหงิดใส่คู่เต้นด้วยเสียฟอร์มสุดๆ
    คนอย่างเธอต้องมาเกร็งเป็นมนุษย์ไม้กับการลีลาศ
    “ไม่ตั้งใจเต้น  เดี๋ยวก็พลาดหรอก”  พูดพลางกระชับอ้อมแขนให้แน่นเข้าเหมือนกระตุ้น  ใบหน้าหวานต้องเงยขึ้นตามปฏิกิริยาตอบโต้  ร่างเล็กที่หมุนไปตามจังหวะเพลงสบถอุบอิบ
    หลังจากเหยียบเท้าครั้งแรกและครั้งเดียวตอนเพลงจบ  ร่างบางก็เตรียมเผ่นแผลวลงจากเวทีจนร่างสูงต้องรีบจับแขนเล็กไว้
    อย่างน้อยมันก็พยายาม
    “นายไม่อยากเต้นแล้วเหรอ”
    “ง่า...ฉันขอโทษ”  หน้าหวานก้มงุด
    “ไม่เป็นไร”
    ความใจดีอย่างประหลาดนั้นทำให้หัวขโมยเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ
    “ไม่เป็นไรจริงอ่ะ  งั้นเต้นอีกเพลงนะ”
    “นายเหยียบเท้าฉันได้ตามสบาย  แล้วฉันจะคิดรวบยอดทีหลัง”
    รอยยิ้มกว้างเจื่อนลงทันใด
    “ไอ้ขี้งก”
    “นายชวนฉันมาเอง”
    ยังไม่ทันที่เจ้าหญิงคนสวยจะต่อล้อต่อเถียงกับคนตรงหน้าต่อ  ดนตรีก็ดังขึ้นอีกครั้ง  คาโลโค้งน้อยๆอย่างสง่างามเหมือนกับที่บุรุษอื่นบนฟลอร์โค้งให้กับคู่เต้นของตน  เฟรินจึงจำใจต้องย่อกายลงตอบรับตามธรรมเนียมเยี่ยงสตรีปกติ  ก่อนที่ร่างบางจะถูกแขนแข็งแกร่งรวบเข้าแนบชิดอีกครั้ง
    “มันไปเต้นกันจนได้”
    “ทำเป็นพูดโน่นพูดนี่  สุดท้ายมันก็ไปเต้นกับไอ้เฟริน  เอิ้ก...”
    ขี้เมาป้อมอัศวินนินทาเสียงอ้อแอ้  สภาพโต๊ะเริ่มดูไม่ได้  ขวดเปล่าหลายขวดกลิ้งระเนระนาด  อาหารหกเป็นหย่อมๆ  กว่าครึ่งที่หลับฟุบคาโต๊ะอยู่  มีอยู่สองสามคนที่พากันไปคายของเก่าในที่ลับตาคน
    นี่หรือ  ไอ้หนุ่มโรงเรียนพระราชา
    “คิล” โรเอ่ยเบาๆเป็นเชิงทัก  แต่นักฆ่าแห่งซาเรสก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว
    จำได้ว่าเห็นหมอนี่กินไวน์ไปแก้วเดียว  หรือมันเห็นโต๊ะอยู่ตรงหน้าเลยฟุบหลับเป็นนิสัย
    มีเพียงหญิงสาวสามคนแห่งป้อมอัศวินที่อยู่ในสภาพดีพอจะเป็นคู่สนทนาได้  พวกหล่อนช่างน่าสงสาร  มีผู้ชายล้อมอยู่เป็นฝูง  ดันไม่มีใครชวนเต้น
    เรนอน  ดูหล่อนจะพอใจกับการมองดูคนนั่งหลับ
    มาทิลด้า  คนนี้เริ่มซดเหล้าราวกับน้ำ  แถมท่าทางจะเมาแล้วโวยวายอีกด้วย
   
                แองจี้  ดูจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
    “เต้นกันมั้ย  แองจี้”
    ดวงตาสีฟ้าสบกับดวงตาสีเขียวอย่างแปลกใจนิดๆ  แต่พอมองไปรอบๆคำตอบก็ออกมาเอง
    “เหลือแต่ชั้นคนเดียวสินะ  นายเองก็นั่งมานานแล้ว  คงเบื่อแย่”
    “ชั้นชวนเพราะเธอสวยต่างหาก”
    “ขอบใจนะโร  แต่คราวหลังอย่าฝืน  คิ้วนายกระตุกอยู่”
   
    “สิบสองครั้ง”  น้ำเสียงเย็นๆสาดเข้าใส่หน้า
    หลังจากโดนรวนตอนจบเพลงแรก  หัวขโมยสาวก็น็อตหลุดไปเลย  พลาดแล้วพลาดอีกอย่างน่าเขกหัวตัวเองนัก  เจ้าคนตรงหน้านี่ก็ทนเหลือหลาย  ปล่อยให้เธอเหยียบไปได้ตั้งสิบสองครั้ง
    แถมพอเพลงที่สามจบ  เจ้าหมอนี่ยังพาเขามาในที่ลับตาคนอีกตะหาก  สวนด้านหลังของป้อมอัศวินตอนนี้ร้างไร้ผู้คน  มีแต่นกฮูกที่ส่งเสียงร้องเป็นเพื่อน  แต่อารมณ์ตอนนี้ทำให้ฟังดูชวนสยองซะมากกว่า
    มันจะมาไม้ไหน
    “ปิดเทอมนี้นายจะไปบารามอสหรือ”
    คำถามเรื่อยๆจากคนตรงหน้าที่ยืนกอดอกวางอำนาจอยู่  ทำให้คนที่จมอยู่กับความคิดตัวเองหันไปมองก่อนจะขยับรอยยิ้มเยาะ
   
    “ใช่  ความจริงฉันอยากไปที่อื่นแต่ไอ้เจ้าของบ้านมันไม่ต้อนรับฉันนี่”  เฟรินว่าพลางยักไหล่  “แถมมันยังเป็นถึงเจ้าชาย  ขืนไปเหยียบแผ่นดินมันโดยไม่ได้รับอนุญาตมีหวังโดนประกาศจับ”
    “นายงอนเหรอ”  ชายหนุ่มกระเซ้าหน้านิ่ง  ทำเอาหัวขโมยร้อนตัวรีบร้องเสียงสูง
    “เปล้า  ใครจะกล้าไปงอนเจ้าชายคนเก่งแห่งคาโนวาล” พูดพลางเชิดจมูกไปทางอื่น “แล้วไอ้ประกาศจับนั่นอย่าบอกนะว่าไม่เคยทำ”
    “นายคิดมากเรื่องนี้หรอกเหรอเฟริน”
    “ไอ้บ้า  ฉันไม่ได้คิดมาก  แค่เซ็งโว้ย  ถ้านายไม่มีธุระฉันก็จะไปหาอะไรกินแล้ว”  สาวน้อยขี้งอนหันกายเตรียมเดินไปทางซุ้มอาหาร  แล้วก็ชะงัก
    ธุระ  ใช่ ธุระ  มันว่ามันมีเรื่องจะคุยด้วยนี่  อย่าบอกนะว่าแค่นี้
    คาโลถอนหายใจเบาๆก่อนจะโอบเอวบางเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาพาเจ้าหล่อนไปนั่งที่ม้านั่ง  ดวงตากลมตาโตมองดูเขาอย่างงงๆ
    “นายเอามือของนายออกไปเดี๋ยวนี้”
    ร่างสูงไม่ต่อคำยอมเอามือออกตามที่คนรักสั่งแล้วเปลี่ยนมาโอบไหล่แทนเรียกเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอจากร่างบางในอ้อมแขน  เมื่อทั้งคู่นั่งลงบนม้าหินเฟรินก็มองเมินไปทางอื่นอย่างออกสาวเต็มที่  จนรอยยิ้มจากเจ้าชายแห่งคาโนวาลผุดขึ้นอย่างอดไม่อยู่
    “เดือนหน้าคาโนวาลจะมีงานเฉลิมฉลองใหญ่”
    “แล้วไง  นายก็จะบอกฉันว่าห้ามไปเที่ยวเดี๋ยวไอ้นิสัยขโมยของฉันมันจะทำให้นายเดือดร้อน”
    “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”  ถึงในใจจะคิดก็เถอะ
    “แล้วนายหมายความว่ายังไง”
    “งานเฉลิมฉลองนั่นเกี่ยวกับฉันโดยตรง  ถ้าฉันพานายไปด้วยนายก็คงหงุดหงิดเพราะฉันคงไม่มีเวลาดูแลนาย”
    “นายก็เลยบอกไม่ให้ฉันไป”  ดวงหน้าหวานยอมหันกลับมามอง  คาโลพยักหน้าแทนคำตอบ
    “แต่ถ้าฉันเชิญนายอย่างเป็นทางการในฐานะเจ้าหญิงแห่งบารามอส...”
    “อะไรๆก็ง่ายเข้า”  เฟรินดีดนิ้วเปาะหันมายิ้มกว้าง  พลางเขยิบร่างเข้ามากระแซะ “แล้วนายก็ไม่บอกฉันซะแต่ทีแรก  ให้ฉันหลงคิดว่านายใจดำ”
    “นายให้โอกาสฉันบอกหรือ”  คาโลมองหน้าแป้นแร้นของหญิงสาวที่คอยรบกวนจิตใจเขา  ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตเหลือบมองเขาอย่างเดาอารมณ์ไม่ถูก  ก่อนที่ริมฝีปากบางจะยิ้มเหยียด
    “ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างเลย  เวลาอยู่ด้วยกันนายก็เอาแต่ทะลึ่ง  นายน่ะไม่เคยตามใจฉันมีแต่เอาเปรียบลูกเดียว”
“นายก็เลยหนีฉัน”
ฉันนี่นะไม่ตามใจนาย  ฉันต้องถามนายต่างหากว่าขัดใจแค่ครั้งเดียวทำไมต้องงอนขนาดนี้
แต่คาโลก็ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดเพราะไม่อยากทำลายบรรยากาศที่เริ่มจะดี
“ฉันก็บอกนายไปแล้วนี่ว่าฉันเหงา  นายคงนึกว่าฉันล้อนายเล่นเอาตัวรอดไปวันๆ”  ว่าพลางร่างเล็กก็เบียดเข้าหาไออุ่นจากคนตัวใหญ่กว่าซึ่งโอบตอบอย่างเต็มใจแม้จะยังข้องใจ
ก็แล้วไม่ใช่รึไง
“ตอนแรกฉันก็ไม่อยากชวน  งานนั่นมันมีแต่พิธีการ  นายคงเบื่อ”  มือใหญ่ลูบเส้นผมนุ่มเล่นเบาๆ “แล้วนายยังอยากไปอยู่รึเปล่า”
“อยากไปสิ  นายคงเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง  ฉันอยากเที่ยวคาโนวาลไม่ใช่ไปร่วมงานงี่เง่านั่น”  ดวงหน้าหวานยังคงยิ้มระรื่นโดยไม่ทันสังเกตสีหน้าของคนข้างๆที่เริ่มเคร่ง
“งานวันเกิดฉันเอง”
“ฮ่าๆๆๆๆ”  หัวขโมยงี่เง่าพยายามหัวเราะกลบเกลื่อนพลางตบไหล่ชายคนรักดังป๊าบ  “โทษทีคาโล  ฉันไม่คิดว่างานที่ไม่น่าสนุกขนาดนั้นจะเป็นงานวันเกิดนาย”
คาโลต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่กับวาจาของสาวคนรัก 
“พระจันทร์สวยจังเลยคาโล”
คำกล่าวสมเป็นผู้หญิงทำให้ชายหนุ่มต้องแย้มรอยยิ้ม  ก่อนจะหุบแทบไม่ทัน
“มันทำให้ฉันคิดถึงลูกชิ้นไก่”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น