ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : เผชิญหน้า
ดวงตาสีน้ำตาลปรือขึ้นช้าๆ  หล่อนมองไม่เห็นอะไรจนสายตาค่อยๆปรับเข้าสู่ความมืด 
ที่นี่... 
หุบเขาหัวกระโหลก
ตอนนี้...
มืดแล้ว
คาโล!
ภาพเมื่อเช้าผุดขึ้นมาในหัว  ความร้อนรุ่มภายในใจทำให้หล่อนพยายามรีบยันกายขึ้น
ต้องไปคุยกับหมอนั่นให้รู้เรื่อง  ไอ้ท่าทางห่างเหินนั่นมันอะไรกัน  หรือมันจงใจแกล้งหล่อน
เดินไปได้ไม่เท่าไหร่เฟรินก็หน้ามืดอีก  สองขาไร้เรี่ยวแรง  ก่อนที่หญิงสาวจะทรุดฮวบลงกับพื้น  มือแข็งแรงก็คว้าร่างบางเอาไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรรึเปล่า นายลุกขึ้นมาทำไม” พูดพลางก็พาเพื่อนสาวไปนั่งที่เตียง 
“คิล ฉัน...”
“นายฟื้นแล้วก็ดี ฉันจะไปบอกให้เค้าเอาอะไรมาให้กิน วันนี้นายก็ไม่ได้กินอะไรทั้งวันอีกแล้ว” 
เฟรินยังไม่ทันอ้าปากว่าอะไรแล้วเจ้าของดวงตาสีม่วงก็ผลุบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
   
“หมอนั่นบอกว่าเธอเป็นคนรักของฉัน”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้หล่อนสะดุ้งเฮือก  เฟรินไม่ทันสังเกตว่ามีอีกคนอยู่ในห้อง  หญิงสาวหันไปมองต้นเสียงก็เห็นร่างสูงที่คุ้นเคยนั่งอยู่ในความมืด
   
“แต่ดูยังไงมันก็เป็นห่วงเธอมาก  พวกเธอไม่ใช่คู่รักกันหรอกรึ”
คิ้วเรียวขมวดเข้ากัน  มันพูดอะไรของมัน  หล่อนงงไปหมดแล้ว  หรือว่ามันหึงไอ้คิล 
บ้ารึเปล่า  อยู่กันมาสิบกว่าปีก็น่าจะรู้ว่ามันกับเธอสนิทกันแค่ไหน  ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นมันหึงด้วยซ้ำไป 
ห้องทั้งห้องสว่างขึ้นมากะทันหันจนเฟรินต้องหลับตาลง  ร่างสูงเดินไปเปิดไฟแล้วก็กลับมานั่งที่เดิม  ดวงตาสีฟ้ามองหล่อนอย่างพิจารณาแล้วก็เมินไปทางอื่น  สร้างความหงุดหงิดใจให้หญิงสาวเป็นอย่างยิ่ง 
“ฉันกำลังถามเธออยู่  เจ้าหญิงเฟลิโอน่า”
เจ้าหญิงแห่งเดมอสกัดฟันกรอด 
ฉันต่างหากที่มีเรื่องต้องถามนาย  ไอ้น้ำแข็งงี่เง่า
หล่อนหันไปจ้องคนที่นั่งอยู่เขม็ง  ริมฝีปากขยับรอยยิ้มเหยียด
“นายจะทำไม่รู้ไม่ชี้ยังไงมันก็เรื่องของนาย  แต่อย่ามาพูดงี่เง่าแบบนี้อีก  ฉันกับไอ้คิลไม่มีอะไรกัน...”
วาจาไม่สมหญิงทำให้เขาแปลกใจยิ่งกว่าเนื้อหาของมัน  แต่เฟรินยังพูดไม่จบ
“ในเมื่อเราเลิกกันแล้ว  นายจะทำเย็นชากับฉันก็ช่าง  ถ้านายไม่อยากกลับมาเป็นเพื่อนกับฉันก็ไม่เป็นไร  แต่ไอ้การทำเป็นไม่รู้เรื่องแบบนี้ฉันรับไม่ได้  บอกตรงๆมันทุ เรศ”
   
ดวงตาของเจ้าชายน้ำแข็งวาววับด้วยความโกรธ  ผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้กล่าวหาเขาอย่างไร้มารยาท  คาโลจ้องหน้าหล่อนเขม็งแต่ดวงตาสีน้ำตาลก็จ้องตอบอย่างไม่กริ่งเกรงจนเขาแปลกใจเล็กน้อย
   
“เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เธอพูดอะไรฉันไม่เข้าใจ” น้ำเสียงเรียบแบบพยายามข่มอารมณ์แต่คำพูดนั้นกระตุ้นเพลิงโทสะของธิดาแห่งความมืดจนลุกโชน
“คาโล  แกยังจะ...!”
   
หญิงสาวรวบรวมกำลังพุ่งปราดเข้าไปกระแทกคนที่นั่งไม่ทันระวังตัวอยู่จนล้มลงไปกับพื้น  ร่างบางคร่อมอยู่เหนือร่างสูง  กระชากคอเสื้อคนตรงหน้าให้มองหน้าหล่อนตรงๆ  ดวงตาของเฟรินเบิกกว้างด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน 
“ปล่อยฉัน” เสียงนั้นเย็นยะเยือกยิ่งกว่าน้ำแข็ง  ชายหนุ่มพยายามแกะมือออกแต่หล่อนก็จับไว้แน่นด้วยแรงที่ไม่น่าเชื่อ
“ไม่ จนกว่านายจะบอกว่านายจะเอายังไงกันแน่”
“เราไม่เคยพบกันมาก่อน ฉันไม่รู้จักเธอ”
“เลิกล้อเล่นซะที  นายบอกเหตุผลที่ทิ้งฉันมาเดี๋ยวนี้”  สองแขนที่ขยุ้มคอเสื้อของชายหนุ่มเขย่าจนมันหลุดรุ่ย  “ถ้าฟังไม่ขึ้นฉันจะฆ่าแกซะเดี๋ยวนี้”
“เธอต่างหากที่เลิกล้อเล่นได้แล้ว  ฉันจำไม่ได้ว่าเคยทิ้งเธอ”  เสียงเข้มเบาแต่เฉียบขาด  “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้  ฉันไม่อยากทำร้ายผู้หญิง”  มือแข็งราวกับคีมบีบต้นแขนเล็กอย่างหนักหน่วง  แต่ราวกับหล่อนไม่รู้สึก  ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายกร้าวราวกับไฟที่ลุกโชน
“คาโล!”  เฟรินตวาดลั่น  กระชากแขนจนหลุดจากการเกาะกุม  เงื้อหมัดไปด้านหลังเตรียมซัดคนตรงหน้าให้สาแก่ใจ  คาโลหลับตาแน่นกัดฟันรอรับหมัดที่จะลอยมา
หล่อนไม่ได้ตามหามันจนเจอเพื่อให้มันมาพูดแบบนี้  ไอ้บ้า  ทำไม่รู้ไม่ชี้หน้าด้านๆ  ไอ้คนงี่เง่า  คนใจดำ  คน...
ร่างกายที่อ่อนแรงไม่ยอมทำตามคำสั่ง  เรี่ยวแรงที่เค้นขึ้นมาชั่ววูบหมดลง  มือน้อยตกลงข้างตัว  ร่างเล็กทิ้งกายซบหน้าลงบนแผ่นอกกว้าง  ไหล่บอบบางสั่นสะท้าน  เสียงสะอื้นเบาๆดังมาจากเจ้าหญิงแห่งเดมอส
“อย่าทำแบบนี้กับฉัน คาโล” น้ำตาอุ่นๆซึมชื้นบนอกของเจ้าชายแห่งคาโนวาล
‘นายจะหายไปจากชีวิตฉัน’
ประโยคที่เคยสาปหล่อนจนแทบกลายเป็นหินผุดขึ้นมาในใจ 
“ฉันขอร้อง อย่าทำเหมือนชีวิตนายไม่เคยมีฉัน” 
เสียงเล็กแผ่วหายไปในลำคออย่างหมดแรง  มือขาวที่บีบแขนเล็กคลายออก  คาโลถอนหายใจเบาๆ  ค่อยๆลืมตามองหญิงสาวที่ร้องไห้อยู่บนร่างเขา
ทำไมผู้หญิงที่ไม่เคยรู้จักถึงทำเหมือนรักเขามากขนาดนี้ 
และทำไมหล่อนถึงดูปวดร้าวมากขนาดนี้
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาสีฟ้าที่ทอดมองมา  ในนั้นมีคำถามอยู่มากมายแต่ก็ไม่ได้เย็นชาเหมือนตอนแรก  เฟรินค่อยๆขยับตัวจนมองเห็นใบหน้านั้นชัด  ดวงหน้าขาวคมคายที่หล่อนไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนาน  มันมีร่องรอยอิดโรยจากการเดินทางรอนแรมแต่ก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้ารูปสลักนี้ลดความดึงดูดใจลงไปได้  ดวงตาสีน้ำตาลเกิดประกายประหลาด  หล่อนโน้มใบหน้าลงไปใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจของคนข้างล่าง  มือน้อยลูบเบาๆไปตามเรียวแก้มแต่ก็ต้องหยุดกึกเมื่อมือแกร่งยึดแขนของหล่อนไว้อีกครั้ง  ดวงตาทั้งสองคู่จ้องอีกฝ่ายนิ่งราวกับจะสื่อแทนคำพูด
“ไม่ได้” เสียงทุ้มเอ่ยนุ่ม  “จุมพิตของคาโนวาลจะต้องมอบแด่...”
ริมฝีปากอ่อนนุ่มเบียดลงมาหยุดคำพูดนั้นไว้อย่างแผ่วเบา  หญิงสาวค่อยๆบรรจงไล้ริมฝีปากบางไปตามริมฝีปากอุ่นที่หล่อนโหยหาอย่างนุ่มนวลก่อนจะประกบแนบแน่น  ถ่ายทอดความอ่อนหวานและความคิดถึงให้ชายหนุ่มสะท้านไปถึงหัวใจ  ความคิดจะผลักร่างบางออกชะงักนิ่ง  ก่อนที่มือของเขาจะเลื่อนมาโอบกระชับหล่อนไว้ในอ้อมแขน 
สรรพเสียงรอบกายเหมือนจะหายไปหมด  มีแต่ความหอมหวานลึกล้ำที่พาสติให้หลุดลอย
มือขาวลูบไล้ไปตามเส้นผมนุ่มลื่นและแผ่นหลังบอบบาง  ก่อนจะสอดเข้าไปใต้เสื้อ  สัมผัสจากมือร้อนที่ถูกผิวเนื้อโดยตรงทำให้เฟรินสะดุ้งเฮือกรู้สึกตัวรีบผละออกมาทันที  แต่อ้อมแขนแข็งแกร่งกลับรัดร่างหล่อนไว้แน่น  ร่างสูงพลิกกายขึ้นทาบทับร่างบาง  หลังของหญิงสาวรู้สึกถึงความเย็นเยียบของพื้นห้อง  ดวงตาสีฟ้าสวยเพ่งลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลที่เริ่มจะตื่นๆของหล่อนอย่างมีความหมาย
“เธอจูบฉัน  รู้มั้ยว่ามันหมายความว่าอะไร”  เสียงทุ้มเอ่ย ช้า  ชัด
เขาไม่ต้องการคำตอบ  ดวงหน้าคมคายโน้มลงมาอีกครั้งเพื่อควานหาความหวานจากริมฝีปากของหญิงสาวตรงหน้า  แล้วจูบร้อนที่หนักหน่วงก็ไล่ไปตามแก้มเนียนและลำคอขาวผ่อง  มือกร้านเลิกกระโปรงยาวของหล่อนขึ้นมาถึงต้นขา  เสียงหายใจของทั้งคู่เริ่มกรัชั้นถี่ขึ้นทุกที
“อย่า!”  เสียงเล็กสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้  ความกลัวเริ่มเกาะกุมหัวใจ
มือเล็กดันร่างชายตรงหน้าออกไปแต่ไม่เป็นผล  เมื่อมือใหญ่ตอบโต้โดยการกดข้อมือขาวเรียวลงบนพื้น  สิ่งที่หล่อนทำไปโดยไม่คิดได้ไปกระตุ้นสัญชาติญาณบางอย่างจนเจ้าชายแห่งคาโนวาลเสียการควบคุม 
   
“เฟริน!” 
เสียงเปิดประตูพร้อมด้วยเสียงตะโกนของโรเรียกสติของคาโลให้กลับคืนมา  เขารีบผละจากร่างตรงหน้า
“นายทำอะไร  คาโล”
คิลวิ่งหน้าตาตื่นมาเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของโร  ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาเขาตะลึงค้าง  ใบหน้าขาวขึ้นสีเรื่อ
เฟรินนอนหอบหายใจอยู่บนพื้น  ผมเผ้ายุ่งเหยิง  หยดน้ำคลออยู่ในดวงตากลมโต  กระโปรงเลิกขึ้นจนขาขาวเรียวปรากฏแก่สายตา  เสื้อถูกปลดกระดุมไปหลายเม็ดเผยให้เห็นลำคอและเนินอกขาวผ่องที่มีรอยแดงเป็นจ้ำๆ  เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมา  หล่อนก็รีบขยี้ตาลุกขึ้นนั่งพลางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย  ใบหน้าขาวกลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความอาย
“ขอโทษ...”  คาโลพึมพำเสียงเครียดก่อนใบหน้าราวรูปสลักจะแสดงสีหน้าเจ็บปวด  เขายกมือขึ้นกุมบริเวณหัวใจแน่น  ร่างสูงทรุดตัวลงกับพื้นก่อนจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด  รังสีมืดทะมึนแผ่ออกมาจากใต้มือข้างนั้น
“นายเป็นอะไร” 
คิลได้สติรีบปราดเข้าไปดูเพื่อน  คาโลพูดไม่ออกได้แต่กัดฟันกรอด  เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดพรายขึ้นมาทั่วใบหน้า  หลังจากประคองเฟรินขึ้นไปนั่งที่เตียงแล้ว  โรก็รีบเข้ามาจับคาโลล็อคไว้แน่น 
“คิล  ถอดเสื้อหมอนี่ออกเร็ว!” น้ำเสียงของขอทานแห่งทริสทอร์ร้อนรน  คิลจึงรีบทำตามอย่างไม่รอช้า
อักขระสีดำตัวหนึ่งสลักอยู่บนแผ่นอกกว้างของเจ้าชายแห่งคาโนวาลเหนือตำแหน่งหัวใจพอดี  รอบๆนูนออกมาเหมือนถูกฝังอยู่ใต้ผิวเนื้อ  มันเต้นระริกราวกับมีชีวิต  ขณะที่เจ้าของร่างกำลังดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด  ท่ามกลางสายตาที่ตื่นตะลึงของคนอีกสามคนในห้อง
************************************************************************************
อ่านมาหลายตอนรู้สึกไหมว่าคนแต่งชอบคิลอย่างออกนอกหน้า
แมนที่สุด >_<
ที่นี่... 
หุบเขาหัวกระโหลก
ตอนนี้...
มืดแล้ว
คาโล!
ภาพเมื่อเช้าผุดขึ้นมาในหัว  ความร้อนรุ่มภายในใจทำให้หล่อนพยายามรีบยันกายขึ้น
ต้องไปคุยกับหมอนั่นให้รู้เรื่อง  ไอ้ท่าทางห่างเหินนั่นมันอะไรกัน  หรือมันจงใจแกล้งหล่อน
เดินไปได้ไม่เท่าไหร่เฟรินก็หน้ามืดอีก  สองขาไร้เรี่ยวแรง  ก่อนที่หญิงสาวจะทรุดฮวบลงกับพื้น  มือแข็งแรงก็คว้าร่างบางเอาไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรรึเปล่า นายลุกขึ้นมาทำไม” พูดพลางก็พาเพื่อนสาวไปนั่งที่เตียง 
“คิล ฉัน...”
“นายฟื้นแล้วก็ดี ฉันจะไปบอกให้เค้าเอาอะไรมาให้กิน วันนี้นายก็ไม่ได้กินอะไรทั้งวันอีกแล้ว” 
เฟรินยังไม่ทันอ้าปากว่าอะไรแล้วเจ้าของดวงตาสีม่วงก็ผลุบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
   
“หมอนั่นบอกว่าเธอเป็นคนรักของฉัน”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้หล่อนสะดุ้งเฮือก  เฟรินไม่ทันสังเกตว่ามีอีกคนอยู่ในห้อง  หญิงสาวหันไปมองต้นเสียงก็เห็นร่างสูงที่คุ้นเคยนั่งอยู่ในความมืด
   
“แต่ดูยังไงมันก็เป็นห่วงเธอมาก  พวกเธอไม่ใช่คู่รักกันหรอกรึ”
คิ้วเรียวขมวดเข้ากัน  มันพูดอะไรของมัน  หล่อนงงไปหมดแล้ว  หรือว่ามันหึงไอ้คิล 
บ้ารึเปล่า  อยู่กันมาสิบกว่าปีก็น่าจะรู้ว่ามันกับเธอสนิทกันแค่ไหน  ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นมันหึงด้วยซ้ำไป 
ห้องทั้งห้องสว่างขึ้นมากะทันหันจนเฟรินต้องหลับตาลง  ร่างสูงเดินไปเปิดไฟแล้วก็กลับมานั่งที่เดิม  ดวงตาสีฟ้ามองหล่อนอย่างพิจารณาแล้วก็เมินไปทางอื่น  สร้างความหงุดหงิดใจให้หญิงสาวเป็นอย่างยิ่ง 
“ฉันกำลังถามเธออยู่  เจ้าหญิงเฟลิโอน่า”
เจ้าหญิงแห่งเดมอสกัดฟันกรอด 
ฉันต่างหากที่มีเรื่องต้องถามนาย  ไอ้น้ำแข็งงี่เง่า
หล่อนหันไปจ้องคนที่นั่งอยู่เขม็ง  ริมฝีปากขยับรอยยิ้มเหยียด
“นายจะทำไม่รู้ไม่ชี้ยังไงมันก็เรื่องของนาย  แต่อย่ามาพูดงี่เง่าแบบนี้อีก  ฉันกับไอ้คิลไม่มีอะไรกัน...”
วาจาไม่สมหญิงทำให้เขาแปลกใจยิ่งกว่าเนื้อหาของมัน  แต่เฟรินยังพูดไม่จบ
“ในเมื่อเราเลิกกันแล้ว  นายจะทำเย็นชากับฉันก็ช่าง  ถ้านายไม่อยากกลับมาเป็นเพื่อนกับฉันก็ไม่เป็นไร  แต่ไอ้การทำเป็นไม่รู้เรื่องแบบนี้ฉันรับไม่ได้  บอกตรงๆมันทุ เรศ”
   
ดวงตาของเจ้าชายน้ำแข็งวาววับด้วยความโกรธ  ผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้กล่าวหาเขาอย่างไร้มารยาท  คาโลจ้องหน้าหล่อนเขม็งแต่ดวงตาสีน้ำตาลก็จ้องตอบอย่างไม่กริ่งเกรงจนเขาแปลกใจเล็กน้อย
   
“เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เธอพูดอะไรฉันไม่เข้าใจ” น้ำเสียงเรียบแบบพยายามข่มอารมณ์แต่คำพูดนั้นกระตุ้นเพลิงโทสะของธิดาแห่งความมืดจนลุกโชน
“คาโล  แกยังจะ...!”
   
หญิงสาวรวบรวมกำลังพุ่งปราดเข้าไปกระแทกคนที่นั่งไม่ทันระวังตัวอยู่จนล้มลงไปกับพื้น  ร่างบางคร่อมอยู่เหนือร่างสูง  กระชากคอเสื้อคนตรงหน้าให้มองหน้าหล่อนตรงๆ  ดวงตาของเฟรินเบิกกว้างด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน 
“ปล่อยฉัน” เสียงนั้นเย็นยะเยือกยิ่งกว่าน้ำแข็ง  ชายหนุ่มพยายามแกะมือออกแต่หล่อนก็จับไว้แน่นด้วยแรงที่ไม่น่าเชื่อ
“ไม่ จนกว่านายจะบอกว่านายจะเอายังไงกันแน่”
“เราไม่เคยพบกันมาก่อน ฉันไม่รู้จักเธอ”
“เลิกล้อเล่นซะที  นายบอกเหตุผลที่ทิ้งฉันมาเดี๋ยวนี้”  สองแขนที่ขยุ้มคอเสื้อของชายหนุ่มเขย่าจนมันหลุดรุ่ย  “ถ้าฟังไม่ขึ้นฉันจะฆ่าแกซะเดี๋ยวนี้”
“เธอต่างหากที่เลิกล้อเล่นได้แล้ว  ฉันจำไม่ได้ว่าเคยทิ้งเธอ”  เสียงเข้มเบาแต่เฉียบขาด  “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้  ฉันไม่อยากทำร้ายผู้หญิง”  มือแข็งราวกับคีมบีบต้นแขนเล็กอย่างหนักหน่วง  แต่ราวกับหล่อนไม่รู้สึก  ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายกร้าวราวกับไฟที่ลุกโชน
“คาโล!”  เฟรินตวาดลั่น  กระชากแขนจนหลุดจากการเกาะกุม  เงื้อหมัดไปด้านหลังเตรียมซัดคนตรงหน้าให้สาแก่ใจ  คาโลหลับตาแน่นกัดฟันรอรับหมัดที่จะลอยมา
หล่อนไม่ได้ตามหามันจนเจอเพื่อให้มันมาพูดแบบนี้  ไอ้บ้า  ทำไม่รู้ไม่ชี้หน้าด้านๆ  ไอ้คนงี่เง่า  คนใจดำ  คน...
ร่างกายที่อ่อนแรงไม่ยอมทำตามคำสั่ง  เรี่ยวแรงที่เค้นขึ้นมาชั่ววูบหมดลง  มือน้อยตกลงข้างตัว  ร่างเล็กทิ้งกายซบหน้าลงบนแผ่นอกกว้าง  ไหล่บอบบางสั่นสะท้าน  เสียงสะอื้นเบาๆดังมาจากเจ้าหญิงแห่งเดมอส
“อย่าทำแบบนี้กับฉัน คาโล” น้ำตาอุ่นๆซึมชื้นบนอกของเจ้าชายแห่งคาโนวาล
‘นายจะหายไปจากชีวิตฉัน’
ประโยคที่เคยสาปหล่อนจนแทบกลายเป็นหินผุดขึ้นมาในใจ 
“ฉันขอร้อง อย่าทำเหมือนชีวิตนายไม่เคยมีฉัน” 
เสียงเล็กแผ่วหายไปในลำคออย่างหมดแรง  มือขาวที่บีบแขนเล็กคลายออก  คาโลถอนหายใจเบาๆ  ค่อยๆลืมตามองหญิงสาวที่ร้องไห้อยู่บนร่างเขา
ทำไมผู้หญิงที่ไม่เคยรู้จักถึงทำเหมือนรักเขามากขนาดนี้ 
และทำไมหล่อนถึงดูปวดร้าวมากขนาดนี้
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาสีฟ้าที่ทอดมองมา  ในนั้นมีคำถามอยู่มากมายแต่ก็ไม่ได้เย็นชาเหมือนตอนแรก  เฟรินค่อยๆขยับตัวจนมองเห็นใบหน้านั้นชัด  ดวงหน้าขาวคมคายที่หล่อนไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนาน  มันมีร่องรอยอิดโรยจากการเดินทางรอนแรมแต่ก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้ารูปสลักนี้ลดความดึงดูดใจลงไปได้  ดวงตาสีน้ำตาลเกิดประกายประหลาด  หล่อนโน้มใบหน้าลงไปใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจของคนข้างล่าง  มือน้อยลูบเบาๆไปตามเรียวแก้มแต่ก็ต้องหยุดกึกเมื่อมือแกร่งยึดแขนของหล่อนไว้อีกครั้ง  ดวงตาทั้งสองคู่จ้องอีกฝ่ายนิ่งราวกับจะสื่อแทนคำพูด
“ไม่ได้” เสียงทุ้มเอ่ยนุ่ม  “จุมพิตของคาโนวาลจะต้องมอบแด่...”
ริมฝีปากอ่อนนุ่มเบียดลงมาหยุดคำพูดนั้นไว้อย่างแผ่วเบา  หญิงสาวค่อยๆบรรจงไล้ริมฝีปากบางไปตามริมฝีปากอุ่นที่หล่อนโหยหาอย่างนุ่มนวลก่อนจะประกบแนบแน่น  ถ่ายทอดความอ่อนหวานและความคิดถึงให้ชายหนุ่มสะท้านไปถึงหัวใจ  ความคิดจะผลักร่างบางออกชะงักนิ่ง  ก่อนที่มือของเขาจะเลื่อนมาโอบกระชับหล่อนไว้ในอ้อมแขน 
สรรพเสียงรอบกายเหมือนจะหายไปหมด  มีแต่ความหอมหวานลึกล้ำที่พาสติให้หลุดลอย
มือขาวลูบไล้ไปตามเส้นผมนุ่มลื่นและแผ่นหลังบอบบาง  ก่อนจะสอดเข้าไปใต้เสื้อ  สัมผัสจากมือร้อนที่ถูกผิวเนื้อโดยตรงทำให้เฟรินสะดุ้งเฮือกรู้สึกตัวรีบผละออกมาทันที  แต่อ้อมแขนแข็งแกร่งกลับรัดร่างหล่อนไว้แน่น  ร่างสูงพลิกกายขึ้นทาบทับร่างบาง  หลังของหญิงสาวรู้สึกถึงความเย็นเยียบของพื้นห้อง  ดวงตาสีฟ้าสวยเพ่งลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลที่เริ่มจะตื่นๆของหล่อนอย่างมีความหมาย
“เธอจูบฉัน  รู้มั้ยว่ามันหมายความว่าอะไร”  เสียงทุ้มเอ่ย ช้า  ชัด
เขาไม่ต้องการคำตอบ  ดวงหน้าคมคายโน้มลงมาอีกครั้งเพื่อควานหาความหวานจากริมฝีปากของหญิงสาวตรงหน้า  แล้วจูบร้อนที่หนักหน่วงก็ไล่ไปตามแก้มเนียนและลำคอขาวผ่อง  มือกร้านเลิกกระโปรงยาวของหล่อนขึ้นมาถึงต้นขา  เสียงหายใจของทั้งคู่เริ่มกรัชั้นถี่ขึ้นทุกที
“อย่า!”  เสียงเล็กสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้  ความกลัวเริ่มเกาะกุมหัวใจ
มือเล็กดันร่างชายตรงหน้าออกไปแต่ไม่เป็นผล  เมื่อมือใหญ่ตอบโต้โดยการกดข้อมือขาวเรียวลงบนพื้น  สิ่งที่หล่อนทำไปโดยไม่คิดได้ไปกระตุ้นสัญชาติญาณบางอย่างจนเจ้าชายแห่งคาโนวาลเสียการควบคุม 
   
“เฟริน!” 
เสียงเปิดประตูพร้อมด้วยเสียงตะโกนของโรเรียกสติของคาโลให้กลับคืนมา  เขารีบผละจากร่างตรงหน้า
“นายทำอะไร  คาโล”
คิลวิ่งหน้าตาตื่นมาเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของโร  ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาเขาตะลึงค้าง  ใบหน้าขาวขึ้นสีเรื่อ
เฟรินนอนหอบหายใจอยู่บนพื้น  ผมเผ้ายุ่งเหยิง  หยดน้ำคลออยู่ในดวงตากลมโต  กระโปรงเลิกขึ้นจนขาขาวเรียวปรากฏแก่สายตา  เสื้อถูกปลดกระดุมไปหลายเม็ดเผยให้เห็นลำคอและเนินอกขาวผ่องที่มีรอยแดงเป็นจ้ำๆ  เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมา  หล่อนก็รีบขยี้ตาลุกขึ้นนั่งพลางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย  ใบหน้าขาวกลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความอาย
“ขอโทษ...”  คาโลพึมพำเสียงเครียดก่อนใบหน้าราวรูปสลักจะแสดงสีหน้าเจ็บปวด  เขายกมือขึ้นกุมบริเวณหัวใจแน่น  ร่างสูงทรุดตัวลงกับพื้นก่อนจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด  รังสีมืดทะมึนแผ่ออกมาจากใต้มือข้างนั้น
“นายเป็นอะไร” 
คิลได้สติรีบปราดเข้าไปดูเพื่อน  คาโลพูดไม่ออกได้แต่กัดฟันกรอด  เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดพรายขึ้นมาทั่วใบหน้า  หลังจากประคองเฟรินขึ้นไปนั่งที่เตียงแล้ว  โรก็รีบเข้ามาจับคาโลล็อคไว้แน่น 
“คิล  ถอดเสื้อหมอนี่ออกเร็ว!” น้ำเสียงของขอทานแห่งทริสทอร์ร้อนรน  คิลจึงรีบทำตามอย่างไม่รอช้า
อักขระสีดำตัวหนึ่งสลักอยู่บนแผ่นอกกว้างของเจ้าชายแห่งคาโนวาลเหนือตำแหน่งหัวใจพอดี  รอบๆนูนออกมาเหมือนถูกฝังอยู่ใต้ผิวเนื้อ  มันเต้นระริกราวกับมีชีวิต  ขณะที่เจ้าของร่างกำลังดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด  ท่ามกลางสายตาที่ตื่นตะลึงของคนอีกสามคนในห้อง
************************************************************************************
อ่านมาหลายตอนรู้สึกไหมว่าคนแต่งชอบคิลอย่างออกนอกหน้า
แมนที่สุด >_<
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น