ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ฟิกบารามอส) ยิ้มหน่อยน่า คาโล

    ลำดับตอนที่ #5 : สี่สาวแห่งป้อมอัศวิน

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ย. 48










    แฮ่กๆ  



    หัวขโมยที่หน้าแดงเหมือนลูกตำลึงสุกทิ้งร่างลงนอนหอบอยู่บนเตียงอย่างหมดแรง  คราวนี้เจ้าตัวดีวิ่งหนีกลับเข้าห้อง



        

    เผลออัดมันไปอีกแล้ว



    ก็เธอกำลังสนุกกับเรื่องแหวน  มันดันมาขัดจังหวะทำไม



    เธอก็เลยลืมตัวเอาตัวรอดตามสัญชาติญาณ



    ไอ้คนงี่เง่านั่นก็ดูท่าทางจะโกรธเอาจริงๆจังๆ  เพราะเธอไปยั่วมันมากเกินไป



    เจอมันคืนนี้ได้ถูกมันแช่แข็งเอากลับคาโนวาลไปทำมิดีมิร้ายแน่  เดี๋ยวนี้มันยิ่งชอบฉวยโอกาสอยู่





        

    เสียงเปิดประตูทำให้เฟรินสะดุ้งรีบลุกขึ้นนั่งแต่พอเห็นว่าเป็นสาวน้อยเพื่อนร่วมห้องเจ้าตัวดีก็ถอนหายใจเฮือกยิ้มเผล่

        

    “นึกว่าไอ้คาโลมันตามมาซะอีก  ตกใจแทบแย่”



    คนชอบหาเรื่องมีชนักติดหลังจนต้องระแวงไปเรื่อย  แองเจลิน่ามองเพื่อนสาวแล้วก็ส่ายหน้า



    “ฉันล่ะสงสารคาโลจริงๆที่ต้องมาชอบคนอย่างนาย  ดีแต่ทำปวดหัว  ไม่ได้มีความเป็นผู้หญิงสักนิด”



    “ใช่สิ  ก็ฉันมันคนไร้มารยาทชอบก่อเรื่องนี่”    



    มันดี  มันเก่ง  มันถูกทุกอย่าง  ส่วนเธอเอาแต่ทำผิดงี่เง่า



    เฟรินเชิดจมูกขึ้นแล้วก็ทำเป็นเมินไปทางอื่น   แต่แล้วก็หันขวับกลับมาด้วยดวงตาวาววับ  มุมปากมีรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม  ก่อนหยิบแหวนเพื่อนรักออกมาเดาะเล่น



    “นายรีบๆไปจัดของให้เสร็จๆซะดีกว่า  งานคืนนี้เลิกดึกคงไม่มีเวลาจะมาจัดอีก”  แม่มดสาวแห่งวิทซ์เปิดตู้เสื้อผ้าพลางถอดเสื้อเครื่องแบบชั้นนอกออกโดยไม่ทันสังเกตุเห็นเงามืดที่คืบคลานเข้ามาใกล้



    อ้อมแขนแข็งแรงตวัดรัดรอบหล่อนจากด้านหลัง  แองเจลิน่าอุทานด้วยความตกใจพลางดิ้นสุดแรง  แต่เจ้าตัวแสบก็ยังไม่ปล่อยจนในที่สุดหล่อนก็เลิกดิ้น



    ร่างต่อร่างแนบชิด



    สัมผัสที่แผ่นของหลังแองเจลิน่าราบเรียบ



    มันเอาแหวนมาเล่นอีกแล้ว



    “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะเฟริน  เล่นอะไรบ้าๆ”  เสียงสูงเหมือนตะคอก



    “ไม่ ”  เสียงกรุ้มกริ่มกับลมหายใจอุ่นรดอยู่ที่ใบหู  หัวขโมยหนุ่มยิ้มร่าถึงแม้จะรู้สึกแปลกๆเพราะห่างเหินจากการจีบสาวมานาน



    “ถอดแหวนนั่นออกเดี๋ยวนี้  ก่อนที่นายจะโดนดี”  ดวงหน้างามเริ่มแดงเป็นริ้วๆ  ร่างบางเริ่มดิ้นหนีอีกรอบ



    “ความจริงเธอออกจะน่ารักนะ   แองจี้  เสียดายที่เอาแต่โมโห  ชั้นก็เลยเพิ่งรู้”  



    ใบหูของหญิงสาวรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆที่ทำให้เลือดในกายเป็นน้ำแข็ง



    มัน  เลีย  หู  เธอ



    แองเจลิน่าชะงักกึก



    อย่าไปฟังมัน  อย่าไปเคลิ้ม



    เสียงในใจร้องเตือน  แต่สายสัมพันธ์ลึกๆในใจที่เธอพยายามสลัดทิ้งกลับทำให้แม่มดสาวหูอื้อ  สมองชา  ร่างกายขยับไม่ได้



    “แองจี้”  ดวงหน้าหวานที่ดูอันตรายโน้มลงมาใกล้  เมื่อดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องดวงตาของหญิงสาวก็ปรือลงอย่างไร้การต่อต้าน



    “...”



    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ  เฟริน!”



    มือบางดันใบหน้าเจ้าชู้นั้นออกไปโดยแรงจนเฟรินหน้าหงาย



    ในที่สุดสติของหญิงสาวก็ชนะ  คทาที่ถูกเรียกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ฟาดลงไปเต็มแรงบนหัวของเจ้าตัวดีอย่างไม่ยั้ง



    “โอ้ย  ยัยผู้หญิงป่าเถื่อน”  ชายหนุ่มอุทานด้วยความเจ็บปวดพลางผงะถอยไปตั้งหลักหลายก้าว  แต่เมื่อแลสบกับดวงตาวาวโรจน์ของเพื่อนสาวก็ต้องหดคอกลืนน้ำลายเอื้อก  เมื่อดวงตานั้นฉายแววเอาจริงอย่างที่สุด



    “ฉันจะบอกอะไรนายไว้นะ”  น้ำเสียงดุอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  “ถ้านายใส่แหวนนั่นในห้องนี้อีก  ฉันจะเชือดนายซะ”  เจ้าหล่อนพูดพลางกำคทาแน่น



    เฟรินมองเพื่อนสาวตาปริบๆ  ก่อนจะถอดแหวนออกแล้วยิ้มประจบประแจง



    “ถอดก็ถอด  เธออย่าโกรธเลยนะแองจี้  ฉันก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง”



    ล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น  เลวที่สุด  ช่างไม่รู้ใจคนอื่นเขาบ้างเลย



    “ทีนี้เธอก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกฉันแล้ว  ว่าทำไมฉันถึงต้องคอยหนีไอ้คาโลมัน”  เฟรินทิ้งตัวลงบนเตียงอีกรอบ



    “ฉัน..มะไม่เข้าใจ  พะ..พวกนายเป็นคนรักกัน  เรื่องแบบนี้มันก็มีบ้างเป็นธะ...ธรรมดา”  แม่มดสาวพูดตะกุกตะกักด้วยความเขินเมื่อจินตนาการภาพของทั้งสองคน



    “ธรรมดา!”  เฟรินเสียงแหว  “เธอว่ามีผู้ชายมาทำแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาเรอะ”  เจ้าตัวดีหน้าแดงก่ำ  ยังไงๆมันก็ขัดกับความรู้สึกแบบชายๆ  ถึงเธอจะรู้สึกดีเหมือนกันเวลาหมอนั่นมาหวานใส่ก็เถอะ



    “ฉันไม่สนเรื่องนายกับคาโล  นายก่อเรื่องอะไรไว้ก็จัดการเอาเอง  แต่ฉันไม่ใช่คนรักของนายเพราะฉะนั้น  นายจะมาล่วงเกินฉันไม่ได้”



    “แค่นี้ไม่เห็นเป็นไร  ผู้หญิงด้วยกัน  ทีพวกเธอยังชอบจับฉันแต่งตัวอยู่บ่อยๆ”  น้ำเสียงกลั้วหัวเราะแต่แล้วเฟรินก็ทำสีหน้าปุเลี่ยนๆเมื่อนึกถึงวันก่อนที่ลองชุดที่จะใช้ในงานเลี้ยงคืนนี้กัน  ไอ้ชุดจากพระเจ้าตาชามัลที่สุดแสนจะใส่ยากและชุดของท่านพ่อเอวิเดสที่ใส่ยากยิ่งกว่า  พอไอ้โกมเอาออกมาจากกล่องยัยสามสาวพวกนี้ก็พากันรุมใส่ให้  ทั้งจับใส่โน่นจับแต่งนี่  ทั้งจับเธอขัดสีฉวีวรรณทั้งตัวจนศักดิ์ศรีลูกผู้ชายไม่มีเหลือหลอ



    แองเจลิน่าอยากเอาคทาตีมันให้ตายนัก  



    ดูมัน  ทีเวลาแบบนี้ค่อยเอาความเป็นผู้หญิงมาอ้าง  หล่อนหงุดหงิดเป็นที่สุด  



    “นายรีบๆไปเตรียมตัวสำหรับงานคืนนี้ได้แล้ว  มีอะไรต้องทำหลายอย่างไม่ใช่เหรอ  ฉันก็จะเตรียมตัวเหมือนกัน”



    ใช่แล้ว  งานเลี้ยงจบปีการศึกษาควบงานเลี้ยงส่งพวกรุ่นพี่  ปีนี้รุ่นพี่โรเวนก็จบไปซะแล้ว  สาวๆทั้งหลายแหล่คงจะเหงาใจไปไม่น้อย   แต่ก็ไม่เกี่ยวกับเธอ  มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอตั้งตารอ



    คืนนี้จะกินให้หนำใจ



    “ทำไมต้องรีบขนาดนี้ด้วย  ตอนนี้มันเพิ่งจะบ่ายเอง  แต่งตัวอะไรนานนักหนา”  เฟรินเปรย  พลางยักไหล่  

    เป็นผู้หญิงนี่ยุ่งยาก



    “ถามจริงๆเถอะเฟริน”  เพื่อนสาววางมือจากเสื้อผ้ากองโตแล้วก็หันมาทางเธอ  คิ้วเรียวเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม  “นายไม่เคยคิดจะสวยเพื่อให้คาโลดีใจบ้างเลยเหรอ”



    คำตอบจริงจังที่ทำให้เจ้าตัวดีหน้าแดงก่ำก่อนจะหัวเราะแหะๆแก้เขิน



    “อย่างงี้แหละดีแล้ว  ให้มันดีใจมากๆเดี๋ยวมันเหลิงแย่  ชั้นไปหาอาจารย์คิงชามัลก่อนดีกว่า”  เจ้าตัวแสบเปลี่ยนเรื่องแล้วก็เด้งตัวขึ้นมาจากที่นอน



    “ไปทำไม”



    “จะไปบอกว่าตกลงปิดเทอมนี้ฉันจะไปบารามอส”



    เสียงประตูดังขึ้นก่อนร่างบางจะผลุบหายไป



    พระอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนลงต่ำจนหายลับไปกับเส้นขอบฟ้า  ดวงไฟนับพันดวงถูกจุดขึ้นจนโรงเรียนพระราชาแห่งเอดินเบิร์กสว่างไสวแข่งกับแสงดาว  โต๊ะยาวปูผ้าขาวหลายตัววางเรียงรายประดับด้วยดอกไม้ที่ถูกจัดอย่างสวยงามโดยพวกรุ่นน้องปีนึ่ง  ล้อมรอบลานกว้างซึ่งเว้นไว้เพื่อทำกิจกรรมต่างๆในคืนนี้  สร้างบรรยากาศงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ดูเลิศหรูตระการตาให้ปรากฏ  



    เสียงเอะอะโวยวายแหลมปรี๊ดที่ไม่เข้ากับบรรยากาศดังขึ้นมาจากห้องๆหนึ่งซึ่งมีเงาของคนสี่คนเคลื่อนไหวไปมาอย่างสับสนวุ่นวายราวกับมีกีฬาย่อมๆ



    “โอ้ยแองจี้  พอซะที  ไส้ฉันจะปลิ้นอยู่แล้ว” เสียงนั้นดังมาจาก ‘คนที่คุณก็รู้ว่าใคร’



    “นายก็อยู่นิ่งๆเซ่  มันจะได้เสร็จๆไปซะที”  แองเจลิน่ากระชากริบบิ้นที่ผูกไขว้ด้านหลังของชุดให้แน่นเข้าโดยมีเจ้าหญิงแห่งอเมซอนเป็นผู้จับกดกับเตียงให้  เรนอนฉวยโอกาสนี้เกล้าผมอย่างรวดเร็วและชำนาญ



    “หนอย  พวกเธอคิดจะแกล้งให้ฉันหายใจไม่ออกตายใช่มั้ย”  เฟรินที่นอนคว่ำหน้าส่งเสียงอู้อี้  “ถึงจะไม่มีฉันก็อย่าคิดนะว่าพวกเธอสามคนจะเริ่ดที่สุดในงาน  อุ๊บ!”



    แม่มดสาวแห่งวิทช์ผูกเงื่อนสุดท้ายเป็นโบว์ได้สำเร็จ  ชุดสีชมพูอ่อนโชว์แผ่นหลังขาวเนียนประดับด้วยริบบิ้นไหมเส้นเล็กๆไขว้ไปมาจึงไปอยู่บนตัวของเจ้าตัวแสบได้อย่างสวยงาม



    ตกลงสามสาวเลือกชุดของเจ้าปีศาจเอวิเดสให้เพื่อน



    “ผมด้านหลังก็เสร็จแล้วค่ะ”



    สิ้นเสียงเรนอน  มาทิลด้าก็กระชากร่างบางขึ้นมานั่งตัวตรงพลางจับคางเธอให้หันหน้าไปทางเจ้าหญิงคนสวยจากคาโนวาล  แองเจลิน่ารีบคว้าอุปกรณ์อื่นๆขึ้นมาอย่างไม่รอช้า



    “อยู่นิ่งๆ  ถ้าไม่อยากตาย”  เพื่อนร่วมห้องสาว (ซึ่งวันนี้) สวย (มาก) ขู่ฟ่อ  เฟรินหลือบมองคทาที่วางอยู่ใกล้แล้วก็ยิ้มเครียด



    ผงแป้งหลากสีสันถูกระบายลงบนดวงหน้าขาวเนียนและเปลือกตาบางใส  สร้างแสงสว่างขับผิวนวลให้ส่องประกายมากกว่าเดิม  คิ้วเรียวถูกปัดให้เข้ารูป  



    “โอ้ย  อ๊ะ  อุ๊  อูย!”



    เฟรินน้ำตาเล็ด  ขนคิ้วที่ไม่เป็นระเบียบถูกดึงออกไปหลายเส้น  เจ้าหญิงเรนอนก็ซาดิสม์ไม่แพ้เพื่อนๆของเธอ



    เธอไม่ผิดใช่มั้ยเนี่ยที่ไม่อยากเป็นผู้หญิง



    เธอไม่ผิดใช่มั้ยเนี่ยที่ต่อสู้กับสามสาวมาตลอดเพื่อหนีจากเรื่องทรมานๆแบบนี้ (แม้ตอนนี้จะพ่ายแพ้ไปแล้วก็เถอะ)



    ก่อนหน้านี้ในห้องเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดไม่แพ้หมากกระดานเกียรติยศ  ดูได้จากร่องรอยเละเทะของเตียงและข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น  เมื่อโจรสาวยืนยันจะไปแบบเคยๆ  ซึ่งสามสาวไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง



    ทั้งชั้นปีมีผู้หญิงอยู่แค่สี่คน  ขอให้มันมีคุณภาพหน่อย  จะได้ไม่อายป้อมอื่นเขา



    “อ้าปากนิดๆค่ะ  คุณเฟริน”



    เรนอนค่อยๆลากพู่กันแต่งแต้มสีกุหลาบลงบนริมฝีปากบาง  



    ปลายจมูกใกล้กันแค่เอื้อม  ดวงหน้าหวานที่กำลังมีสมาธิกับใบหน้าของหล่อนยิ่งดูใกล้ๆยิ่งสวยจนอดีตชายอกสามศอกใจเต้น  หน้าแดงขึ้นมาเป็นริ้วๆ



    โธ่ว้อย  นี่ไงล่ะ  ถึงไม่อยากมาอยู่ร่วมห้องกับพวกผู้หญิง



    “พอเถอะเรนอน”  เจ้าตัวดีก้มหน้าเขินขวิดขาไปมา  พยายามหลบสายตาคู่งามที่จับจ้อง  แต่เจ้าหญิงคนงามกลับฉวยโอกาสนี้เอาดินสอประหลาดขีดไปที่ขอบตาจนเจ้าตัวยุ่งแน่นิ่ง



    ขืนพลาดมีหวังบอด



    “เงยหน้าขึ้นแล้วเงียบ”  แองเจลิน่าสั่งพลางจัดปอยผมด้านหน้าให้เป็นไปตามที่หล่อนต้องการ  ดอกไม้สีขาวดอกเล็กหลายดอกถูกแซมลงบนมวยผมที่เกล้าไว้ข้างๆศีรษะ  ทิ้งปลายลงมาคลอเคลียอยู่ที่ไหล่มน



    “เสร็จแล้วค่ะ”  เรนอนถอยออกมาชื่นชมผลงานของตัวเอง  มาทิลด้าที่เป็นหน่วยควบคุมความประพฤติก็พยักหน้าอย่างพอใจ



    “ดูแบบนี้ก็เป็นผู้หญิงกะเค้านี่นะ”  แองเจลิน่าออกความเห็น



    เฟรินเดินไปดูตัวเองในกระจก  ความอึดอัดทำให้เธอต้องดินตัวตรงเป๊ะ  ร้องเท้าส้นสูงก็ทำให้ก้าวไปได้อย่างลำบากลำบนเหมือนมนุษย์ไม้



    ตุ๊กตาไขลานตัวโตชัดๆ



    แต่ก็สวยชะมัดเลย  ยัยพวกนี้ไม่ได้จับเรามาทำบ้าๆเล่นๆ



    เฟรินตะลึงชมตัวเองอยู่ในใจอย่างไม่อาย



    ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตดูมีประกายวิบวับคมเข้มกว่าทุกวัน  แก้มใสดูมีเลือดฝาด  ริมฝีปากอิ่มเป็นสีชมพูระเรื่อหยาดเยิ้มน่าจุมพิต  ใบหน้ารูปใข่ถูกล้อมกรอบไปด้วยเส้นผมสีน้ำตาลดูนุ่มนวลอ่อนหวาน  ชุดฟูฟ่องที่ท่านพ่อเอวิเดสส่งมาให้ก็ช่างขับผิวให้ดูผุดผ่องนวลเนียน  ไม่เสียแรงที่วันก่อนโดนขัดเอาหนังแทบถลอก



    หัวขโมยสาวยืนมองตัวเองในกระจกอย่างขัดเขิน



    คืนนี้เธอดูสวยเหมือนท่านแม่อลิเซียนิดๆ



    “อย่ามัวแต่ยิ้ม  เสร็จก่อนก็เก็บข้าวของให้เรียบร้อย  ดูสิว่านายทำห้องเละแค่ไหน”  แองเจลิน่าทำลายบรรยากาศป่นปิ้



    “พวกเราเลยพลอยช้าไปด้วย”  มาทิลด้าสำทับ



    พวกหล่อนตัดสินใจที่จะจัดการเจ้าตัวยุ่งก่อนเพราะรู้ว่าต้องออกแรงแน่ๆ  ตอนนี้จึงต้องรีบตกแต่งส่วนที่เสียหายเพราะหัวขโมยตัวแสบให้เรียบร้อย  ผมของแองจี้หลุดลุ่ย  ตุ้มหูข้างหนึ่งไม่รู้หายไปไหน  สร้อยคอของมาทิลด้าตกอยู่บนพื้น  ส่วนเรนอนที่ไม่ค่อยออกแรงก็หน้าลบไปเหมือนกัน



    เฟรินเดินเก็บข้าวของไปพลางดูเพื่อนๆเสริมสวยไปพลาง



    ถ้าไม่มีแม่เจ้าประคุณพวกนี้เธอคงเหงาเหมือนกัน



    สังคมผู้หญิงมันก็จุ๊กจิ๊กดี  พอชินแล้วก็ไม่ได้น่ารำคาญเท่าไหร่



    ที่สำคัญคืออบอุ่น  ใกล้ชิด  การดูแลที่ทำให้คิดถึงท่านแม่อลิเซียที่หาไม่ได้จากเพื่อนผู้ชาย



    ขโมยสาวถอนหายใจเฮือก  ขโมยที่ควรมีอิสระดั่งสายลมบัดนี้มีห่วงมากเหลือเกิน  ภาพของชายร่างสูงที่มักทำให้ใจแกว่งผุดขึ้นมาในใจ



    เธอคงกลับไปเป็นขโมยไม่ได้แล้วจริงๆ



    รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นที่มุมปาก



    “ไปกันเถอะ  ฉันหิวแล้ว”



    “เดี๋ยวก่อนเฟริน”  แองจี้จับไหล่ของเจ้าตัวยุ่งไว้  มือของหล่อนยื่นออกมาด้านหน้า  เฟรินมองอย่างงงๆ



    “นายคงไม่คิดจะเอาแหวนนั่นติดตัวไปด้วยหรอกนะ  ฉันยังไม่อยากเห็นนายทำขายหน้าป้อมอัศวินโดยการแปลงเป็นผู้ชายทั้งชุดนี้”



    เฟรินยิ้มแหย



    “เอามาฝากไว้ที่ฉัน”



    “แต่...”



    “เดี๋ยวงานเลิกแล้วจะคืนให้”



    “ไม่ดีกว่า  ฉันก็ไม่อยากให้เธอทำขายหน้าป้อมอัศวินโดยการแปลงร่างเป็นผู้ชายทั้งชุดนี้เหมือนกันแองจี้”



    เจ้าตัวแสบที่เล่นมุขไม่เป็นเวล่ำเวลารีบส่งแหวนให้แต่โดยดีก่อนที่จะถูกสายตาของแม่มดแห่งวิทช์เผาไหม้เป็นจุณไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×