ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : สี่สาวแห่งป้อมอัศวิน
แฮ่กๆ 
หัวขโมยที่หน้าแดงเหมือนลูกตำลึงสุกทิ้งร่างลงนอนหอบอยู่บนเตียงอย่างหมดแรง  คราวนี้เจ้าตัวดีวิ่งหนีกลับเข้าห้อง
   
เผลออัดมันไปอีกแล้ว
ก็เธอกำลังสนุกกับเรื่องแหวน  มันดันมาขัดจังหวะทำไม
เธอก็เลยลืมตัวเอาตัวรอดตามสัญชาติญาณ
ไอ้คนงี่เง่านั่นก็ดูท่าทางจะโกรธเอาจริงๆจังๆ  เพราะเธอไปยั่วมันมากเกินไป
เจอมันคืนนี้ได้ถูกมันแช่แข็งเอากลับคาโนวาลไปทำมิดีมิร้ายแน่  เดี๋ยวนี้มันยิ่งชอบฉวยโอกาสอยู่
   
เสียงเปิดประตูทำให้เฟรินสะดุ้งรีบลุกขึ้นนั่งแต่พอเห็นว่าเป็นสาวน้อยเพื่อนร่วมห้องเจ้าตัวดีก็ถอนหายใจเฮือกยิ้มเผล่
   
“นึกว่าไอ้คาโลมันตามมาซะอีก  ตกใจแทบแย่”
คนชอบหาเรื่องมีชนักติดหลังจนต้องระแวงไปเรื่อย  แองเจลิน่ามองเพื่อนสาวแล้วก็ส่ายหน้า
“ฉันล่ะสงสารคาโลจริงๆที่ต้องมาชอบคนอย่างนาย  ดีแต่ทำปวดหัว  ไม่ได้มีความเป็นผู้หญิงสักนิด”
“ใช่สิ  ก็ฉันมันคนไร้มารยาทชอบก่อเรื่องนี่”   
มันดี  มันเก่ง  มันถูกทุกอย่าง  ส่วนเธอเอาแต่ทำผิดงี่เง่า
เฟรินเชิดจมูกขึ้นแล้วก็ทำเป็นเมินไปทางอื่น  แต่แล้วก็หันขวับกลับมาด้วยดวงตาวาววับ  มุมปากมีรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม  ก่อนหยิบแหวนเพื่อนรักออกมาเดาะเล่น
“นายรีบๆไปจัดของให้เสร็จๆซะดีกว่า  งานคืนนี้เลิกดึกคงไม่มีเวลาจะมาจัดอีก”  แม่มดสาวแห่งวิทซ์เปิดตู้เสื้อผ้าพลางถอดเสื้อเครื่องแบบชั้นนอกออกโดยไม่ทันสังเกตุเห็นเงามืดที่คืบคลานเข้ามาใกล้
อ้อมแขนแข็งแรงตวัดรัดรอบหล่อนจากด้านหลัง  แองเจลิน่าอุทานด้วยความตกใจพลางดิ้นสุดแรง  แต่เจ้าตัวแสบก็ยังไม่ปล่อยจนในที่สุดหล่อนก็เลิกดิ้น
ร่างต่อร่างแนบชิด
สัมผัสที่แผ่นของหลังแองเจลิน่าราบเรียบ
มันเอาแหวนมาเล่นอีกแล้ว
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะเฟริน  เล่นอะไรบ้าๆ”  เสียงสูงเหมือนตะคอก
“ไม่ ”  เสียงกรุ้มกริ่มกับลมหายใจอุ่นรดอยู่ที่ใบหู  หัวขโมยหนุ่มยิ้มร่าถึงแม้จะรู้สึกแปลกๆเพราะห่างเหินจากการจีบสาวมานาน
“ถอดแหวนนั่นออกเดี๋ยวนี้  ก่อนที่นายจะโดนดี”  ดวงหน้างามเริ่มแดงเป็นริ้วๆ  ร่างบางเริ่มดิ้นหนีอีกรอบ
“ความจริงเธอออกจะน่ารักนะ  แองจี้  เสียดายที่เอาแต่โมโห  ชั้นก็เลยเพิ่งรู้” 
ใบหูของหญิงสาวรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆที่ทำให้เลือดในกายเป็นน้ำแข็ง
มัน  เลีย  หู  เธอ
แองเจลิน่าชะงักกึก
อย่าไปฟังมัน  อย่าไปเคลิ้ม
เสียงในใจร้องเตือน  แต่สายสัมพันธ์ลึกๆในใจที่เธอพยายามสลัดทิ้งกลับทำให้แม่มดสาวหูอื้อ  สมองชา  ร่างกายขยับไม่ได้
“แองจี้”  ดวงหน้าหวานที่ดูอันตรายโน้มลงมาใกล้  เมื่อดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องดวงตาของหญิงสาวก็ปรือลงอย่างไร้การต่อต้าน
“...”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ  เฟริน!”
มือบางดันใบหน้าเจ้าชู้นั้นออกไปโดยแรงจนเฟรินหน้าหงาย
ในที่สุดสติของหญิงสาวก็ชนะ  คทาที่ถูกเรียกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ฟาดลงไปเต็มแรงบนหัวของเจ้าตัวดีอย่างไม่ยั้ง
“โอ้ย  ยัยผู้หญิงป่าเถื่อน”  ชายหนุ่มอุทานด้วยความเจ็บปวดพลางผงะถอยไปตั้งหลักหลายก้าว  แต่เมื่อแลสบกับดวงตาวาวโรจน์ของเพื่อนสาวก็ต้องหดคอกลืนน้ำลายเอื้อก  เมื่อดวงตานั้นฉายแววเอาจริงอย่างที่สุด
“ฉันจะบอกอะไรนายไว้นะ”  น้ำเสียงดุอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  “ถ้านายใส่แหวนนั่นในห้องนี้อีก  ฉันจะเชือดนายซะ”  เจ้าหล่อนพูดพลางกำคทาแน่น
เฟรินมองเพื่อนสาวตาปริบๆ  ก่อนจะถอดแหวนออกแล้วยิ้มประจบประแจง
“ถอดก็ถอด  เธออย่าโกรธเลยนะแองจี้  ฉันก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง”
ล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น  เลวที่สุด  ช่างไม่รู้ใจคนอื่นเขาบ้างเลย
“ทีนี้เธอก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกฉันแล้ว  ว่าทำไมฉันถึงต้องคอยหนีไอ้คาโลมัน”  เฟรินทิ้งตัวลงบนเตียงอีกรอบ
“ฉัน..มะไม่เข้าใจ  พะ..พวกนายเป็นคนรักกัน  เรื่องแบบนี้มันก็มีบ้างเป็นธะ...ธรรมดา”  แม่มดสาวพูดตะกุกตะกักด้วยความเขินเมื่อจินตนาการภาพของทั้งสองคน
“ธรรมดา!”  เฟรินเสียงแหว  “เธอว่ามีผู้ชายมาทำแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาเรอะ”  เจ้าตัวดีหน้าแดงก่ำ  ยังไงๆมันก็ขัดกับความรู้สึกแบบชายๆ  ถึงเธอจะรู้สึกดีเหมือนกันเวลาหมอนั่นมาหวานใส่ก็เถอะ
“ฉันไม่สนเรื่องนายกับคาโล  นายก่อเรื่องอะไรไว้ก็จัดการเอาเอง  แต่ฉันไม่ใช่คนรักของนายเพราะฉะนั้น  นายจะมาล่วงเกินฉันไม่ได้”
“แค่นี้ไม่เห็นเป็นไร  ผู้หญิงด้วยกัน  ทีพวกเธอยังชอบจับฉันแต่งตัวอยู่บ่อยๆ”  น้ำเสียงกลั้วหัวเราะแต่แล้วเฟรินก็ทำสีหน้าปุเลี่ยนๆเมื่อนึกถึงวันก่อนที่ลองชุดที่จะใช้ในงานเลี้ยงคืนนี้กัน  ไอ้ชุดจากพระเจ้าตาชามัลที่สุดแสนจะใส่ยากและชุดของท่านพ่อเอวิเดสที่ใส่ยากยิ่งกว่า  พอไอ้โกมเอาออกมาจากกล่องยัยสามสาวพวกนี้ก็พากันรุมใส่ให้  ทั้งจับใส่โน่นจับแต่งนี่  ทั้งจับเธอขัดสีฉวีวรรณทั้งตัวจนศักดิ์ศรีลูกผู้ชายไม่มีเหลือหลอ
แองเจลิน่าอยากเอาคทาตีมันให้ตายนัก 
ดูมัน  ทีเวลาแบบนี้ค่อยเอาความเป็นผู้หญิงมาอ้าง  หล่อนหงุดหงิดเป็นที่สุด 
“นายรีบๆไปเตรียมตัวสำหรับงานคืนนี้ได้แล้ว  มีอะไรต้องทำหลายอย่างไม่ใช่เหรอ  ฉันก็จะเตรียมตัวเหมือนกัน”
ใช่แล้ว  งานเลี้ยงจบปีการศึกษาควบงานเลี้ยงส่งพวกรุ่นพี่  ปีนี้รุ่นพี่โรเวนก็จบไปซะแล้ว  สาวๆทั้งหลายแหล่คงจะเหงาใจไปไม่น้อย  แต่ก็ไม่เกี่ยวกับเธอ  มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอตั้งตารอ
คืนนี้จะกินให้หนำใจ
“ทำไมต้องรีบขนาดนี้ด้วย  ตอนนี้มันเพิ่งจะบ่ายเอง  แต่งตัวอะไรนานนักหนา”  เฟรินเปรย  พลางยักไหล่ 
เป็นผู้หญิงนี่ยุ่งยาก
“ถามจริงๆเถอะเฟริน”  เพื่อนสาววางมือจากเสื้อผ้ากองโตแล้วก็หันมาทางเธอ  คิ้วเรียวเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม  “นายไม่เคยคิดจะสวยเพื่อให้คาโลดีใจบ้างเลยเหรอ”
คำตอบจริงจังที่ทำให้เจ้าตัวดีหน้าแดงก่ำก่อนจะหัวเราะแหะๆแก้เขิน
“อย่างงี้แหละดีแล้ว  ให้มันดีใจมากๆเดี๋ยวมันเหลิงแย่  ชั้นไปหาอาจารย์คิงชามัลก่อนดีกว่า”  เจ้าตัวแสบเปลี่ยนเรื่องแล้วก็เด้งตัวขึ้นมาจากที่นอน
“ไปทำไม”
“จะไปบอกว่าตกลงปิดเทอมนี้ฉันจะไปบารามอส”
เสียงประตูดังขึ้นก่อนร่างบางจะผลุบหายไป
พระอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนลงต่ำจนหายลับไปกับเส้นขอบฟ้า  ดวงไฟนับพันดวงถูกจุดขึ้นจนโรงเรียนพระราชาแห่งเอดินเบิร์กสว่างไสวแข่งกับแสงดาว  โต๊ะยาวปูผ้าขาวหลายตัววางเรียงรายประดับด้วยดอกไม้ที่ถูกจัดอย่างสวยงามโดยพวกรุ่นน้องปีนึ่ง  ล้อมรอบลานกว้างซึ่งเว้นไว้เพื่อทำกิจกรรมต่างๆในคืนนี้  สร้างบรรยากาศงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ดูเลิศหรูตระการตาให้ปรากฏ 
เสียงเอะอะโวยวายแหลมปรี๊ดที่ไม่เข้ากับบรรยากาศดังขึ้นมาจากห้องๆหนึ่งซึ่งมีเงาของคนสี่คนเคลื่อนไหวไปมาอย่างสับสนวุ่นวายราวกับมีกีฬาย่อมๆ
“โอ้ยแองจี้  พอซะที  ไส้ฉันจะปลิ้นอยู่แล้ว” เสียงนั้นดังมาจาก ‘คนที่คุณก็รู้ว่าใคร’
“นายก็อยู่นิ่งๆเซ่  มันจะได้เสร็จๆไปซะที”  แองเจลิน่ากระชากริบบิ้นที่ผูกไขว้ด้านหลังของชุดให้แน่นเข้าโดยมีเจ้าหญิงแห่งอเมซอนเป็นผู้จับกดกับเตียงให้  เรนอนฉวยโอกาสนี้เกล้าผมอย่างรวดเร็วและชำนาญ
“หนอย  พวกเธอคิดจะแกล้งให้ฉันหายใจไม่ออกตายใช่มั้ย”  เฟรินที่นอนคว่ำหน้าส่งเสียงอู้อี้  “ถึงจะไม่มีฉันก็อย่าคิดนะว่าพวกเธอสามคนจะเริ่ดที่สุดในงาน  อุ๊บ!”
แม่มดสาวแห่งวิทช์ผูกเงื่อนสุดท้ายเป็นโบว์ได้สำเร็จ  ชุดสีชมพูอ่อนโชว์แผ่นหลังขาวเนียนประดับด้วยริบบิ้นไหมเส้นเล็กๆไขว้ไปมาจึงไปอยู่บนตัวของเจ้าตัวแสบได้อย่างสวยงาม
ตกลงสามสาวเลือกชุดของเจ้าปีศาจเอวิเดสให้เพื่อน
“ผมด้านหลังก็เสร็จแล้วค่ะ”
สิ้นเสียงเรนอน  มาทิลด้าก็กระชากร่างบางขึ้นมานั่งตัวตรงพลางจับคางเธอให้หันหน้าไปทางเจ้าหญิงคนสวยจากคาโนวาล  แองเจลิน่ารีบคว้าอุปกรณ์อื่นๆขึ้นมาอย่างไม่รอช้า
“อยู่นิ่งๆ  ถ้าไม่อยากตาย”  เพื่อนร่วมห้องสาว (ซึ่งวันนี้) สวย (มาก) ขู่ฟ่อ  เฟรินหลือบมองคทาที่วางอยู่ใกล้แล้วก็ยิ้มเครียด
ผงแป้งหลากสีสันถูกระบายลงบนดวงหน้าขาวเนียนและเปลือกตาบางใส  สร้างแสงสว่างขับผิวนวลให้ส่องประกายมากกว่าเดิม  คิ้วเรียวถูกปัดให้เข้ารูป 
“โอ้ย  อ๊ะ  อุ๊  อูย!”
เฟรินน้ำตาเล็ด  ขนคิ้วที่ไม่เป็นระเบียบถูกดึงออกไปหลายเส้น  เจ้าหญิงเรนอนก็ซาดิสม์ไม่แพ้เพื่อนๆของเธอ
เธอไม่ผิดใช่มั้ยเนี่ยที่ไม่อยากเป็นผู้หญิง
เธอไม่ผิดใช่มั้ยเนี่ยที่ต่อสู้กับสามสาวมาตลอดเพื่อหนีจากเรื่องทรมานๆแบบนี้ (แม้ตอนนี้จะพ่ายแพ้ไปแล้วก็เถอะ)
ก่อนหน้านี้ในห้องเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดไม่แพ้หมากกระดานเกียรติยศ  ดูได้จากร่องรอยเละเทะของเตียงและข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น  เมื่อโจรสาวยืนยันจะไปแบบเคยๆ  ซึ่งสามสาวไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ทั้งชั้นปีมีผู้หญิงอยู่แค่สี่คน  ขอให้มันมีคุณภาพหน่อย  จะได้ไม่อายป้อมอื่นเขา
“อ้าปากนิดๆค่ะ  คุณเฟริน”
เรนอนค่อยๆลากพู่กันแต่งแต้มสีกุหลาบลงบนริมฝีปากบาง 
ปลายจมูกใกล้กันแค่เอื้อม  ดวงหน้าหวานที่กำลังมีสมาธิกับใบหน้าของหล่อนยิ่งดูใกล้ๆยิ่งสวยจนอดีตชายอกสามศอกใจเต้น  หน้าแดงขึ้นมาเป็นริ้วๆ
โธ่ว้อย  นี่ไงล่ะ  ถึงไม่อยากมาอยู่ร่วมห้องกับพวกผู้หญิง
“พอเถอะเรนอน”  เจ้าตัวดีก้มหน้าเขินขวิดขาไปมา  พยายามหลบสายตาคู่งามที่จับจ้อง  แต่เจ้าหญิงคนงามกลับฉวยโอกาสนี้เอาดินสอประหลาดขีดไปที่ขอบตาจนเจ้าตัวยุ่งแน่นิ่ง
ขืนพลาดมีหวังบอด
“เงยหน้าขึ้นแล้วเงียบ”  แองเจลิน่าสั่งพลางจัดปอยผมด้านหน้าให้เป็นไปตามที่หล่อนต้องการ  ดอกไม้สีขาวดอกเล็กหลายดอกถูกแซมลงบนมวยผมที่เกล้าไว้ข้างๆศีรษะ  ทิ้งปลายลงมาคลอเคลียอยู่ที่ไหล่มน
“เสร็จแล้วค่ะ”  เรนอนถอยออกมาชื่นชมผลงานของตัวเอง  มาทิลด้าที่เป็นหน่วยควบคุมความประพฤติก็พยักหน้าอย่างพอใจ
“ดูแบบนี้ก็เป็นผู้หญิงกะเค้านี่นะ”  แองเจลิน่าออกความเห็น
เฟรินเดินไปดูตัวเองในกระจก  ความอึดอัดทำให้เธอต้องดินตัวตรงเป๊ะ  ร้องเท้าส้นสูงก็ทำให้ก้าวไปได้อย่างลำบากลำบนเหมือนมนุษย์ไม้
ตุ๊กตาไขลานตัวโตชัดๆ
แต่ก็สวยชะมัดเลย  ยัยพวกนี้ไม่ได้จับเรามาทำบ้าๆเล่นๆ
เฟรินตะลึงชมตัวเองอยู่ในใจอย่างไม่อาย
ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตดูมีประกายวิบวับคมเข้มกว่าทุกวัน  แก้มใสดูมีเลือดฝาด  ริมฝีปากอิ่มเป็นสีชมพูระเรื่อหยาดเยิ้มน่าจุมพิต  ใบหน้ารูปใข่ถูกล้อมกรอบไปด้วยเส้นผมสีน้ำตาลดูนุ่มนวลอ่อนหวาน  ชุดฟูฟ่องที่ท่านพ่อเอวิเดสส่งมาให้ก็ช่างขับผิวให้ดูผุดผ่องนวลเนียน  ไม่เสียแรงที่วันก่อนโดนขัดเอาหนังแทบถลอก
หัวขโมยสาวยืนมองตัวเองในกระจกอย่างขัดเขิน
คืนนี้เธอดูสวยเหมือนท่านแม่อลิเซียนิดๆ
“อย่ามัวแต่ยิ้ม  เสร็จก่อนก็เก็บข้าวของให้เรียบร้อย  ดูสิว่านายทำห้องเละแค่ไหน”  แองเจลิน่าทำลายบรรยากาศป่นปิ้
“พวกเราเลยพลอยช้าไปด้วย”  มาทิลด้าสำทับ
พวกหล่อนตัดสินใจที่จะจัดการเจ้าตัวยุ่งก่อนเพราะรู้ว่าต้องออกแรงแน่ๆ  ตอนนี้จึงต้องรีบตกแต่งส่วนที่เสียหายเพราะหัวขโมยตัวแสบให้เรียบร้อย  ผมของแองจี้หลุดลุ่ย  ตุ้มหูข้างหนึ่งไม่รู้หายไปไหน  สร้อยคอของมาทิลด้าตกอยู่บนพื้น  ส่วนเรนอนที่ไม่ค่อยออกแรงก็หน้าลบไปเหมือนกัน
เฟรินเดินเก็บข้าวของไปพลางดูเพื่อนๆเสริมสวยไปพลาง
ถ้าไม่มีแม่เจ้าประคุณพวกนี้เธอคงเหงาเหมือนกัน
สังคมผู้หญิงมันก็จุ๊กจิ๊กดี  พอชินแล้วก็ไม่ได้น่ารำคาญเท่าไหร่
ที่สำคัญคืออบอุ่น  ใกล้ชิด  การดูแลที่ทำให้คิดถึงท่านแม่อลิเซียที่หาไม่ได้จากเพื่อนผู้ชาย
ขโมยสาวถอนหายใจเฮือก  ขโมยที่ควรมีอิสระดั่งสายลมบัดนี้มีห่วงมากเหลือเกิน  ภาพของชายร่างสูงที่มักทำให้ใจแกว่งผุดขึ้นมาในใจ
เธอคงกลับไปเป็นขโมยไม่ได้แล้วจริงๆ
รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“ไปกันเถอะ  ฉันหิวแล้ว”
“เดี๋ยวก่อนเฟริน”  แองจี้จับไหล่ของเจ้าตัวยุ่งไว้  มือของหล่อนยื่นออกมาด้านหน้า  เฟรินมองอย่างงงๆ
“นายคงไม่คิดจะเอาแหวนนั่นติดตัวไปด้วยหรอกนะ  ฉันยังไม่อยากเห็นนายทำขายหน้าป้อมอัศวินโดยการแปลงเป็นผู้ชายทั้งชุดนี้”
เฟรินยิ้มแหย
“เอามาฝากไว้ที่ฉัน”
“แต่...”
“เดี๋ยวงานเลิกแล้วจะคืนให้”
“ไม่ดีกว่า  ฉันก็ไม่อยากให้เธอทำขายหน้าป้อมอัศวินโดยการแปลงร่างเป็นผู้ชายทั้งชุดนี้เหมือนกันแองจี้”
เจ้าตัวแสบที่เล่นมุขไม่เป็นเวล่ำเวลารีบส่งแหวนให้แต่โดยดีก่อนที่จะถูกสายตาของแม่มดแห่งวิทช์เผาไหม้เป็นจุณไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น