ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ฟิกบารามอส) ความรักนั้นมักเป็นเรื่องยาก

    ลำดับตอนที่ #5 : ฝันร้าย

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 48


    กลับมาอัพแล้ว  ทิ้งช่วงไปเพราะอะไรในหัวมันขยุกขยุยไม่เป็นรูปเป็นร่าง  ตอนนี้น้ำถูกปั้นเป็นตัวแล้ว  คงอัพได้อย่างต่อเนื่องค่ะ



    ความโหดจะทวี



    *****************************************************************************************





    “นายเจออะไรอีกมั้ยคิล”

        

    “ไม่เลย  มีแต่รอยต้นไม้ล้ม  กับหลุมลึกเหมือนถูกพลังบางอย่างกระแทก  ก่อนหน้านี้ฝนตกหนัก  ถ้ามีรอยเลือดก็คงหายไปหมดแล้ว”



    เบาะแสใหม่ที่มีมาต่อความหวังก็พลันชะงักค้างไปอีก



    สองเพื่อนซี้มองหน้ากันต่างฝ่ายต่างเก็บซ่อนความสิ้นหวังไว้ในใจ  หวังไม่ให้อีกฝ่ายรู้

        

    “ใกล้ค่ำแล้ว  กลับไปที่พักก่อนเถอะ  แล้วค่อยคุยกันว่าจะเอาไงต่อไป”  นักฆ่าเสนอความเห็น  

        

    “แวะพักที่หุบเขาหัวกระโหลกเถอะ เผื่อจะมีเบาะแสอะไรบ้าง”  



    คิลมองหน้าเพื่อนสาวด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย  มันยอมเหยียบเข้าไปในเมืองที่มันแสนจะขยาด  ตอนนี้ใจมันคงร้อนเป็นไฟ



    เงาร่างของทั้งคู่หายลับไปกับท้องฟ้าสีแดงฉาน







    เจ้าชายน้ำแข็งเพ่งสายตามองฝ่าความมืดออกไป  ก็ได้เห็นคนที่ไม่คาดคิด



    “แก...” ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างด้วยความแปลกใจ



    “ไม่เจอกันนานนะเจ้าชายคาโล” ผมสีชาเป็นประกายเห็นได้ชัดในความสลัวราง  ดวงตาสีมรกตที่คุ้นเคยจ้องมองมาอย่างสงบ  ริมฝีปากมีรอยยิ้มนิดๆอย่างไม่บ่งบอกอารมณ์

        

    “แกทำแบบนี้ทำไม”  คำถามพุ่งเป้าไม่เสียเวลา  การปะทะกันเมื่อกี้มากเกินพอสำหรับคำทักทาย  แต่ไหนแต่ไรมาสิ่งที่อยู่ระหว่างเขากับคนๆนี้ก็ไม่ใช่มิตรภาพอยู่แล้ว  

        

    “นายไม่จำเป็นต้องรู้”  ดวงตาโหดเ หี้ยมราวกับปีศาจไม่มีแววล้อเล่น  บรรยากาศหนักทึบแผ่พุ่งออกมาจากร่างนั้น  กระแทกร่างสูงจนหายใจติดขัด

        

    “แก...”  คทาในมือขาวเริ่มเปล่งแสงอีกครั้ง   อุณหภูมิของอากาศลดลงจนต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง  ฉากของการต่อสู้กลายเป็นสีขาวโพลน



    “ได้ข่าวว่านายเลิกกับเฟรินแล้ว”  เจ้าของดวงตาสีเขียวพูดไปพลางสู้ไปพลาง



    “แกรู้...”  ดวงตาสีฟ้าฉายแววฉงน  เรื่องเมื่อสามวันก่อน  ถึงคนๆนี้มักจะรู้มาก  แต่นี้รู้เร็วเกินไปแล้ว



    หรือว่าจ้าวเอวิเดส…



    รอยยิ้มบนใบหน้าของโร  เซวาเรสไม่ได้ให้ความกระจ่างใดๆ  นอกจากเร่งอารมณ์ของเขาให้ขุ่นมัวลงไปอีก



    “ฉันจะพานายไปที่แห่งนึง”



    “อะไรนะ”



    หรือว่าเฟริน...



    เพียงวูบเดียวที่สมาธิขาด  พลังคุกคามจากโรก็ทำให้เขาอึดอัดราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบหัวใจ  ร่างสูงล้มลงบนพื้นก่อนจะหมดสติไป



    นายทำฉันลำบากอีกแล้วเฟริน  หมอนี่ไม่ได้ตัวเล็กๆเลย



    ขอทานแห่งทริสทอร์แบกร่างเจ้าชายแห่งคาโนวาลหายเข้าไปในป่าลึกอย่างทุลักทุเล







    “นายกินไปนิดเดียว”  เสียงเตือนจากเพื่อนนักฆ่าทำให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์  มือขยับเขี่ยอาหารตรงหน้าไปมาอย่างไม่สนใจจะกินนัก



    “ไม่อยากกิน”  คำพูดเรียบดังขึ้นจากเจ้าตัวดีที่บัดนี้กลายเป็นสาวอ้อนแอ้นรูปร่างผอมเพรียวไปแล้ว



    “ไม่อยากก็ต้องกิน  พรุ่งนี้ยังต้องไปอีกหลายที่  เดี๋ยวนายจะไม่มีแรงนะ”



    “อืม”  เจ้าตัวรับคำแต่ก็ไม่ยอมตักอาหารเข้าปาก  คิลได้แต่มองแล้วก็ส่ายหน้า



    ค่ำคืนที่เงียบเหงามาถึงอีกครั้ง  เฟรินยากจะข่มตาหลับลงได้   ทั้งความเศร้า  ทั้งความเหงา  ทั้งความกังวล  คนที่ไม่เคยรู้จักความเครียดอย่างเธอไม่รู้จะรับมือกับความรู้สึกพวกนี้ยังไง  จะเอาแต่รบกวนคิลก็ไม่ได้  เจ้านั่นก็เหนื่อยมาทั้งวันเหมือนกัน



    ใครก็ได้  ช่วยด้วย



    เสียงกรีดร้องอย่างเงียบงันดังขึ้นมาในใจ





    กลีบดอกไม้ในสวนสมเด็จพระราชินีปลิวไสว  ดวงดาวนับล้านที่พร่างพรายอยู่บนท้องฟ้าส่องแสงให้เฟรินมองเห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่ลิบๆ



    “คาโล”  เสียงหวานร้องเรียก  แต่ร่างสูงก็ยังเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมา  เจ้าตัวอยากวิ่งตามแต่ร่างกายกลับขยับไม่ได้  เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นคอยฉุดไว้



    “นายจะไปไหนน่ะคาโล  รอก่อน”   หญิงสาวตะโกนลั่น



    คราวนี้ร่างนั้นชะงัก  แต่ฉับพลันก็เกิดแสงสว่างวาบพุ่งเข้าตาจนหล่อนมองไม่เห็นไปชั่วขณะ  เมื่อหล่อนลืมตาขึ้น  ร่างสูงก็สลายเป็นฝุ่นผงหายลับไปจากสายตา



    “คาโล!”  



    เสียงกรีดร้องออกมาไม่พ้นคอ



    บรรยากาศทุ่งดอกไม้สลายวับ  กลายเป็นห้วงเหวลึกร้างที่ไร้ก้น



    หล่อนกำลังตกลงไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด



    เฟรินพยายามกรีดร้องแต่ก็ไม่มีสรรพเสียงใดๆหลุดลอดออกมาจากลำคอแห้งผาก







    ร่างบางผวาขึ้นมาจากห้วงนิทรา  หล่อนเพิ่งผลอยหลับไปตอนใกล้เช้า  หญิงสาวรีบเข้าห้องน้ำชำระล้างร่างกายที่โชกไปด้วยเหงื่อ   แต่พอออกมาจากห้องน้ำร่างบางก็เซวูบจนต้องถลาไปเกาะขอบโต๊ะ



    วันนี้รู้สึกมึนๆหัวชอบกล  ร่างกายก็ฝืดๆ  ไม่มีเรี่ยวมีแรง



    อดนอน  ไม่ก็ขาดอาหาร  เจ้าตัวสรุป



    เสียงเคาะประตูดังขึ้น



    “เฟริน  ตื่นได้แล้ว  เช้า...แล้ว”



    ประตูเปิดออกโดยเพื่อนสาวของเขาที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว  ยังความประหลาดใจให้นักฆ่าหนุ่มยิ่งนัก  



    “อรุณสวัสดิ์  คิล”



    “อ่า  อรุณสวัสดิ์”  ดวงตาสีม่วงสังเกตเห็นเจ้าตัวดีวันนี้หน้าซีดๆ  แต่หมู่นี้หน้ามันก็ซีดทุกวันจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร



    “ทำไมนายถึงตื่นเช้าได้ล่ะ”



    “ฉันฝันร้าย”  หญิงสาวตอบสั้นๆ



    “นายคิดมาก”



    “ก็คงงั้น”



    “รีบลงไปกินข้างเช้าเถอะ”



    “อืม”  



    ทั้งสองเดินจากหน้าห้องพักมาที่บันได  พอเฟรินได้กลิ่นอาหารที่โชยมาก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมากระทันหันต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดปากวิ่งกลับห้อง



    โอ้ก  



    สิ่งที่ออกมามีแต่ของเหลว  เจ้าหญิงแห่งเดมอสทรุดกายหมดแรงพับไปกับพื้นห้องโดยมีเพื่อนนักฆ่าคอยประคองด้วยสายตาเป็นห่วง





    “แกท้องเหรอ”



    ดวงตาสีน้ำตาลโรยๆหันมาค้อนขวับ



    “ไอ้บ้า  แกเห็นฉันเอาเวลาไหนไปทำลูก”



    “ก็ใครจะไปรู้ล่ะ  อาจเป็นลูกไอ้คาโลมันก็ได้  ฉันก็ไม่รู้นี่ว่าคนท้องกี่เดือนมันถึงจะปูดออกมา  อย่างนายอาจจะนานกว่าชาวบ้านเค้าก็ได้  เพราะเพิ่งจะมาเป็นผู้หญิงทีหลัง”



    เหตุผลของคิลพิลึกสิ้นดี



    “หึ  ถ้าท้องก็ท้องกับแกนั่นแหละ  พ่อฉันต้องว่างั้นแน่เพราะวันๆอยู่แต่กับแก”  เสียงเนือยๆไม่วายกวนประสาทจนคนฟังอยากจะเหวี่ยงร่างบางทิ้งออกไปทางหน้าต่าง



    ไม่ได้ทำอะไรให้ท้องสักนิด  คนนะไม่ใช่ปลากัด  มองหน้ากันเฉยๆจะท้องได้



    “ฉันแค่พูดเล่นเฟ้ย  ก็บอกให้กินเยอะๆ  เห็นไหมนายป่วยจนได้”น้ำเสียงระอาแต่แฝงความเป็นห่วงชัด  สองมือรู้สึกว่าร่างในอ้อมแขนร้อนกว่าปกติ  “นายมีไข้ด้วย  นอนพักที่นี่ดีกว่า  เดี๋ยวค่อยให้เขายกอาหารมาให้”



    “ไม่เป็นไร  ฉันจะลงไปกินข้างล่าง  ต้องออกแรงเรียกเหงื่อไข้จะได้หาย”



    เพื่อนสาวผู้ดื้อรั้นยันกายลุกขึ้น  คิลรู้อยู่เต็มอกว่ามันคงจะร้อนใจอยากรีบออกไปตามหาแฟนมัน  ถึงขัดมันก็คงไม่ฟัง  เพราะรู้ๆนิสัยกันอยู่  ร่างบางค่อยๆเดินโซเซออกจากห้อง  แล้วก็ถลาเกาะราวระเบียงเพื่อทรงตัว   กลิ่นของอาหารคาวทำเอาหล่อนคลื่นไส้อีกแล้ว



    “คิล  บอกเขาหน่อยว่าฉันเอาแต่ผลไม้  แล้วก็ให้หยุดย่างเนื้อซะที”  



    แม้จะเฟรินจะเรื่องมาก  แต่คนแคระที่หุบเขาหัวกระโหลกก็ตามใจแขกเสมอ



    “อืม  นายรออยู่ตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน”  นักฆ่าล่วงหน้าเดินลงบันไดไปก่อน  



    ระหว่างที่คิลคุยกับพ่อบ้านอยู่  ดวงตาสีเปลือกไม้ก็กวาดมองลงไปชั้นล่าง  พลันเหลือบไปเห็นผมสีชาที่ดูคุ้นๆตาจึงรีบชะโงกตัวออกไปดูชัดๆ  แต่หล่อนกลับหน้ามืดวูบไปกะทันหัน  ร่างบางเสียหลักล้มข้ามราวระเบียงตกลงมาจากชั้นสอง



    ทำไมเราถึงซุ่มซ่ามอย่างงี้  หญิงสาวหลับตาแน่น  กัดฟันกรอด



    ตุบ



    การกระแทกกับพื้นไม่เจ็บอย่างที่คิด  



    ดวงตาสีน้ำตาลค่อยๆลืมมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า  ดวงตาสีมรกตที่ดูตกใจนิดๆที่แสนคุ้นเคยของ โร  เซวาเรส ปรากฏแก่สายตา   บัดนี้เขาไม่ได้แต่งตัวเป็นขอทานแล้ว  ร่างสันทัดดูภูมิฐานยืนอมยิ้มอยู่ตรงหน้าหล่อน



    “โร” ความดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าเรียกรอยยิ้มจากหน้าเซียวๆ



    “สวัสดี  เจ้าหญิงเฟลิโอน่า”  โรทักตอบ  ดวงหน้าปรากฏรอยยิ้มบางๆ



    “นายมาอยู่นี่ได้ไง  ไม่ใช่ว่ากลับทริสทอร์ไปเป็นคิงแล้วเหรอ”



    “มันก็  มีเรื่องโน้นเรื่องนี้หลายอย่าง”



    หึ  มันเปลี่ยนไปมาก   ผมยาวขึ้น  ตัวสูงขึ้น  แล้วก็ท่าทางมีลับลมคมในมากกว่าเดิม



    หญิงสาวเอาแต่ดีใจจนไม่ทันสนใจมองคนที่ช่วยหล่อนไว้  อ้อมแขนแข็งแกร่งขยับเล็กน้อยทำให้หล่อนรู้สึกตัว  



    “เจ้าหญิงเฟลิโอน่า”  



    แม้ว่าพิษไข้จะทำให้ร่างทั้งร่างร้อนรุ่ม  แต่เสียงทุ้มเย็นชาที่ได้ยินทำให้เฟรินรู้สึกว่าเลือดในกายจับกำลังตัวเป็นน้ำแข็ง  



    ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา  ดวงตาสีฟ้าคู่เดิมจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหล่อนอย่างเย็นชา



    “คาโล...”



    เสียงอุทานแผ่วหายไปในลำคอ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×