ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ฟิกบารามอส) ยิ้มหน่อยน่า คาโล

    ลำดับตอนที่ #3 : เมื่อคู่รักหักเหลี่ยมเฉือนคมกันอยู่ใต้ต้นไม้

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 48


    ตอนนี้นะ  หึหึ

    *****************************************************************************************



    กลับบ้านเกิดแม่  เยี่ยมญาติ  พอนึกถึงว่าต้องเก๊กสาวตลอดสองเดือนแล้วหล่อนก็ขนลุกซู่  ตอนอยู่เดมอสก็ว่าแย่แล้ว  ขนาดท่านพ่อไม่ได้บังคับอะไรมาก  ถ้าต้องไปอยู่ต่อหน้าอาจารย์คิงชามัลตลอดสองเดือนมีหวังเขาคงเกร็งจนเส้นเลือดแตกตายสุดอนาถเป็นแน่แท้



    เมื่อสมองอยู่ในห้วงวิตก  สายตาจึงไม่ทันเห็นเจ้าของสายตาเย็นชากระหายเลือดที่ยืนดักรออยู่ในมุมมืด  เมื่อเห็นร่างบางเดินเหม่อผ่านมาโดยไม่ทันระวังตัว  มือใหญ่จึงคว้าจับเหยื่อกระชากต้นแขนเล็กลากถูลู่ถูกังออกไปที่สวนโดยไม่สนใจเสียงร้องโวยวาย



    “ปล่อยนะ  ไอ้บ้า  ไอ้เถื่อน  ไอ้วิปริต  แกจะทำอะไรชั้น  หยุดสิโว้ย”  



    “ทำอะไรของนายวะ  มันเจ็บนะเฟ้ย”  คนตัวเล็กกว่าสะบัดแขนจนหลุดจากการเกาะกุม  เมื่อร่างสูงหยุดออกแรงลากหล่อน “ลืมไปแล้วรึไงว่าตอนนี้ชั้นมันเป็นแค่ผู้หญิงบอบบาง”  เสียงเล็กแหวขึ้นมาพลางคลำดูแขนตัวเองที่เจ็บแปล้บๆอย่างทะนุถนอม  



    แรงวัวแรงค วายจริงๆ  น่าจะไปไถนามากกว่าเป็นเจ้าชาย



    เมื่อคนตัวโตหันกลับมา  ดวงตาสีน้ำตาลก็ช้อนขึ้นสบมองดวงตาสีฟ้าอย่างเอาเรื่อง  แต่ก็ต้องหดคอกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อดวงตานั้นดุจัดจนเรียกได้ว่าวาวโรจน์  ทำเอาคนปากดีต้องหุบปากก่อนจะกลายเป็นศพแช่แข็ง



    “นาย  พูด  อะไร  กับ  พวก  ผู้หญิง”  เสียงทุ้มเย็นเยียบเอ่ยช้า  ชัด  เพื่อให้คนสมองน้อยได้ยินชัดๆ



    “หมายถึงอะไร”  ดวงตาสีน้ำตาลเสมองไปทางอื่นแล้วแคะหูอย่างยียวน  ความกลัวตายหายเกลี้ยงเมื่อเริ่มเข้าใจเรื่องเลาๆ  ความสนุกที่ได้แหย่ชายคนรักเข้ามาแทนที่



    “เมื่อเช้ามาทิลด้ามาถามฉันเรื่องที่นายเล่าเมื่อคืน”  ดวงหน้าคมคายเห็นได้ชัดว่าพยายามอดทนอย่างยิ่ง



    ยัยปากเปราะมาทิลด้า!



    “ไม่รุ”  เฟรินยังทำไก๋



    “ฉันขอบอกอะไรนายไว้อย่าง”  เสียงเข้มเย็นลงใกล้ถึงจุดเยือกแข็ง  “นายควรจะเลิกเอาเรื่องของเราไปเที่ยวพูดมากได้แล้ว”  



    แถมยังใส่ไข่ซะเละเทะ  เรื่องที่เขาฟังมาจากมาทิลด้าทำเอาไม่รู้จะเอาหน้าหล่อๆไปไว้ไหน  จะปฏิเสธก็ไม่เต็มปากเพราะมันก็มีบางอันที่จริง  แม้ว่าตอนนั้นจะทำนิ่งๆก็เถอะ  แต่ฉันอายว้อย  อายมาก



    “เรื่องของเรา?”  เฟรินเป่าขี้หูออกไปจากนิ้ว  “เรื่องอะไร”  

        

    ฉับพลันบรรยากาศรอบตัวก็เย็นลงต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง   คิ้วเข้มกระตุกนิดๆ  มุมปากมีรอยยิ้มเย็นชา  เจ้าตัวแสบเห็นท่าไม่ดีก็รีบคว้าหน้ากากฟาโรห์ขึ้นมาสวมทันใด  ดวงหน้าหวานๆก้มงุดดวงตาฉายแววเศร้า



    “ฉันขอโทษ  ฉันไม่รู้ว่านายไม่ชอบ  นายก็รู้ว่าฉันมันปากไม่ดี ฉันมันคนไม่ได้เรื่อง”  เสียงหวานสั่นเครือ



    ไม่รู้อะไรกัน  จงใจชัดๆ  



    คิ้วเข้มเลิกขึ้นนิดๆอย่างแสดงว่าฟังไม่ขึ้นแม้แต่น้อย  พอคนปากพล่อยเหลือบตามองเห็นดวงหน้าคมยังเข้มอยู่  เจ้าตัวดีก็เลิกลั่กรีบหาเหตผลข้างๆคูๆมาอ้างต่อ



    “ก็ฉันไม่แน่ใจนี่”  ดวงตาสีน้ำตาลพราวระยับด้วยหยาดน้ำคลอ  ความกลัวคนตรงหน้าทำให้เขาเค้นมันออกมาได้ไม่ยากนัก



    “อะไร”  เสียงเข้มยังห้วน



    “ก็นายน่ะบอกว่ารักฉันแล้ว  แต่นายก็ไม่เห็นมีท่าทีอะไรเลยนี่นา  ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าตกลงเรื่องของเรามันยังมีอยู่รึเปล่า”



    “หา”  ความโกรธลด  ความงงเพิ่ม  ความเขินเข้ามาแทรก  ประกายฉงนฉายชัดในดวงตาสีฟ้าคู่คม  



    เทคนิกการเบี่ยงประเด็นของเจ้าหัวขโมยจะดูถูกไม่ได้เลย  



    “แทนที่นายจะใจดีกับฉันหน่อย  พูดหวานๆกับฉันสักนิด  นายก็ยังทำกับฉันเหมือนฉันเป็นแค่ขโมยบ้าๆอยู่เหมือนเดิม”  เจ้าหล่อนพยายามทำท่ากระเง้ากระงอดให้น่ารัก  “แถมยังขับไล่ไสส่งฉันออกมาจากห้องอีก”



    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน  ฉันนึกว่าเราคุยเรื่องนั้นกันเข้าใจดีแล้ว”  พอคาโลนึกถึงเรื่องเมื่อตอนต้นปี  หน้าขาวๆก็แดงขึ้นมา  



    เขาบอกมันไปว่า  ถ้าไม่ยอมไปคงจะรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น  แล้วก็ส่งสายตาวิบวับไปให้เจ้าหล่อนร้อนๆหนาวๆเล่น  ซึ่งเขาเองก็เสียววาบๆอยู่ว่าถ้ามันตอบว่า โอเคได้เลย  ในฐานะเพื่อนฉันจะสอนนายเอง  เขาจะทำยังไงดี



    มีหวังท้องก่อนแต่งให้งามหน้าไปทั่วทั้งเดมอสและเอเดน



    แต่เจ้าตัวยุ่งยังไม่หมดมุข



    “มีไอ้คิลอยู่ทั้งคน  ใจคอนายจะไม่สนมันเลยเหรอ”



    “ไล่มันไปง่ายนิดเดียว”



    “อุวะ  ฉันมีแหวนนี่”  เฟรินงัดไม้ตายออกมา  ควักแหวนวงใหม่จากเดมอสที่ได้มาสดๆร้อนๆออกมาอวด  พลางสวมฉึบกลายเป็นชายอกสามศอกขึ้นมาทันใด  “ดูสิ  หนุ่มน้อยนามเฟรินกลับมาแล้ว…”  เจ้าตัวพูดพลางยื่นมือกร้านที่สวมแหวนออกมาโชว์  แต่พูดยังไม่ทันขาดคำ  ร่างสูงก็ย่างสามขุมเข้ามาดึงแหวนออกไปอย่างง่ายดายและรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ



    “เฮ้ย...”  พอริมฝีปากบางเผยออุทานริมฝีปากอุ่นก็ประกบลงทันใด  หล่อนดิ้นขัดขืนพลางส่งเสียงอู้อี้แต่วงแขนแข็งแรงกลับตวัดรัดร่างบางให้เข้ามาแนบชิด  สักพักร่างที่ดิ้นขลุกขลักก็นิ่ง  แขนเล็กขยับขึ้นโอบรอบคอคนตัวสูง  แลกเปลี่ยนความอ่อนหวานกันอยู่หลายอึดใจ  



    คนหัวทึบพูดดีๆไม่เข้าใจ  ต้องให้เจอของจริง  พอถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานไอ้แหวนกระจอกนั่นจะไปช่วยอะไรได้  ไม่ว่าจะร่างผู้หญิงหรือร่างผู้ชายก็สู้แรงเขาไม่ได้อยู่ดี



    เฟรินพยายามผละออกมาหลายครั้ง  แต่คนตรงหน้าก็ยังตามมารุกรานจนหล่อนแทบเข่าอ่อนถ้าไม่ได้อ้อมแขนแข็งแกร่งโอบไว้แนบแน่น  หลังจากสั่งสอนคนงี่เง่าเรื่องเส้นบางๆแห่งความอันตรายระหว่างชายกับหญิงจนหนำใจแล้ว  ร่างสูงก็ยอมให้เจ้าตัวแสบพักหายใจ  แต่ยังไม่ยอมคลายอ้อมกอด  ดวงหน้าจิ้มลิ้มแดงระเรื่อ  หายใจหอบเล็กน้อย  ดวงตาสีน้ำตาลเสมองไปทางอื่นไม่ยอมสบกับดวงตาสีฟ้าที่มองมาอย่างมีความหมาย



    “ฉันไปก่อนนะ”  เฟรินขืนตัวอยู่สองสามครั้งกว่าจะหลุดออกไปได้



    โชคดีที่มันเขินสมเป็นผู้หญิงแล้วก็ยอมเก็บข้าวของไปโดยดี







    “ยังไงมันก็ไม่ใช่ความเต็มใจของฉัน” เสียงอ่อยๆดึงเขากลับมาสู่เหตุการณ์เบื้องหน้า  “นายน่ะมันเย็นชา  ตลอดปีที่ผ่านมาก็เอาแต่ทำหน้าตายๆ   นิ่งๆ  ฉันก็เลยเริ่มไม่แน่ใจว่านายรักฉันจริงหรือแค่นอนละเมอ”  เฟรินเหลือบตาดูท่าทีของอีกฝ่าย  คาโลยกมือขึ้นกอดอกแบบวางอำนาจอย่างที่เจ้าตัวทำเป็นประจำ  แต่สายตาดูอ่อนแสงลงมาก  



    “ว่าต่อไป”  



    ใกล้จะรอดตัวแล้ว  อีกนิดเดียว  



    “ฉันก็เลยต้องพูดย้ำบ่อยๆให้ตัวเองแน่ใจ  นายเองก็จะได้ไม่ลืม”





    \"...\"



    มันเอามาโยงกันจนได้



    เขาน่าจะรู้สึกตัวตั้งนานแล้วว่าไม่มีทางไล่ต้อนเจ้านี่ให้จนมุมได้อย่างเด็ดขาด   ตอนนี้ความโกรธไม่รู้หายไปไหน  แต่ถ้าไม่ลงโทษเอาซะเลยจะทำให้มันยิ่งกำเริบเสิบสาน  คิดแล้วร่างสูงก็งัดหน้ากากฟาโรห์ออกมาสวมบ้าง



    “แต่นายก็ไม่สมควรเอาไปบอกคนอื่นไปทั่ว”  ดวงตาสีฟ้าส่องแสงดุๆออกมาอีก  เจ้าชายแห่งคาโนวาลตีบทโหดแตกกระจุย  ซึ่งเขาก็ตีบทนี้แตกกระจุยมานานแล้ว  



    แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  เมื่อน้ำตาใสๆร่วงเผลาะออกมาจากดวงตาสีน้ำตาล  เจ้าตัวแกล้งปาดทิ้งทำเหมือนไม่อยากให้เห็น



    “ทำไมนายถึงไม่เข้าใจนะ  ว่าฉันก็แค่เหงา”



    เปรี้ยง  เสียงหน้ากากฟาโรห์ของเจ้าชายน้ำแข็งแตกกระจุย  



    “อย่าบอกนะ  ว่านายเรียกร้องความสนใจจากฉัน” เสียงทุ้มนุ่มนวล  ดวงหน้าคมเปลี่ยนจากดุกลายเป็นอ่อนโยนขึ้นมาทันใด    รอยยิ้มที่หาได้ยากประดับอยู่บนใบหน้าขาว  ดวงหน้าหวานๆแดงเป็นริ้วๆด้วยความเขิน



    รอดแล้ว  



    เฟรินแอบกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ  แม้จะเขินจริงๆให้ตายเถอะ



    หมอนั่นมันหลุดประเด็นไปแล้ว  ยกนี้เธอชนะขาดลอย  ที่เหลือก็แค่  ชิ่ง  ออกไปจากตรงนี้



    “ในเมื่อนายไม่พอใจ  ฉันก็จะไม่พูดถึงมันอีก”  เจ้าตัวปาดน้ำตาอีกรอบก่อนจะหันกายออกวิ่งหนีไปราวกับสาวน้อยผู้ช้ำรัก  กะว่าจังหวะที่มันกำลังอึ้งอยู่นี่แหละ  แล้วหลังจากนี้เขาก็จะไปป่วนต่อให้สนุกเลยเชียว



    ความคิดแผลงๆต้องสะดุดเมื่อวิ่งเท่าไหร่ก็ไม่ไป  ไม่ใช่ว่าเท้าถูกแช่แข็งแต่มือของหล่อนต่างหากที่ถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้



    “ขอโทษนะเฟริน”



    “เอ๋อ”  



    ทำไมหมอนี่กลายเป็นฝ่ายขอโทษไปได้



    “ที่ทำให้นายคิดมากจนต้องทำอะไรบ้าๆ”



    “เอ๋อ”



    ร่างอรชรถูกรวบจากด้านหลังเข้าสู่อ้อมอกกว้างอย่างนุ่มนวล  สองแขนโอบเอวบางไว้หลวมๆ  



    ผิดแผน  ถอยด่วน  เสียงร้องเตือนดังลั่นมาจากที่ไกลๆ  แต่ร่างกายก็ขยับไม่ได้ซะงั้น  เมื่อไอ้แขนที่โอบไว้หลวมๆไม่มีท่าทีว่าจะปล่อย



    “นายอยากให้ฉันทำยังไงล่ะ  เคยบอกว่าจะสอนฉันไม่ใช่เหรอ”  เสียงทุ้มนุ่มนวลกระซิบข้างหู  ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดข้างแก้ม  



    มันจะแกล้งทำหรือไม่ก็ช่างเถอะ  มันดันแกล้งได้น่ารักเกินไปจนเขาอดใจไม่อยู่



    “คาโล”  เรี่ยวแรงที่จะหนีหายไปหมด  คำพูดเมื่อกี้ทำให้ดีใจน้อยอยู่ซะเมื่อไหร่  “ก็..ดีกับฉันมากๆ”



    “อืม”



    “ตามใจฉันอีกนิด”



    “อืม”



    “แล้วก็...”



    “แบบนี้รึเปล่า”  



    คนผมสีเงินโน้มใบหน้าคมลงมาทำท่าจะจูบ  จังหวะนั้นเอง  เฟรินรีบสวมแหวนอย่างรวดเร็ว  เมื่อดวงหน้ายียวนปรากฏ  ร่างสูงก็ชะงักกึก  เฟรินได้โอกาสผลักชายตรงหน้าจนล้มลงไปกอง  แล้วนายเฟริน  เดอเบอโรว์ก็วิ่งหายลับไป  ทิ้งให้เจ้าชายทั้งอารมณ์ค้าง  ทั้งแค้นจนบอกไม่ถูก



    แหวนนั่นต้องถูกจัดการก่อนเพื่อน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×