ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคบารามอสbaramos] A Midsummer Night's Dream

    ลำดับตอนที่ #2 : ภาคต้น Night-01

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 49




    ...เธอไม่มีตัวตนอีกต่อไปแล้ว แต่ความรู้สึกของฉันกลับไม่ได้จางหายไปตามกาลเวลา


    อาจเพราะฉันหลงรักไปถึงวิญญาณของเธอ จึงโหยหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด


    ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งรุนแรง ราวพายุคลั่งที่โหมกระหน่ำจิตใจจนรวดร้าว


    ฉันทนไม่ได้ ฉันไม่อาจทน...


    ฉันรักเธอ





    เหมือนขึ้นสวรรค์ เหมือนตกนรก...เฟลิโอน่า เธอจะทรมานฉันไปถึงเมื่อไหร่


    เธอไม่มีตัวตนอีกต่อไปแล้ว แต่เขาก็ยังพบร่อยรอยของเธออยู่ในตัวมัน ร่องรอยนั้นมากมายและทรงพลังจนบดขยี้หัวใจของเขาจนแทบหายใจไม่ออก


    บางครั้งก็เหมือนแส้โบยเฆี่ยน บางครั้งก็เหมือนหยาดน้ำใส


    จะปฏิเสธได้หรือว่าเขาไม่มีความสุขเมื่ออยู่ข้างๆมัน ความสนิทสนมฉันมิตรสหายที่รู้ใจ และความผูกพันใกล้ชิดทำให้หัวใจอบอุ่น เขามักจะเผลอปล่อยใจให้ดื่มด่ำไปกับความรู้สึกนั้น


    แต่ความเศร้าอันสุดจะหยั่งก็จะตามมาหลังจากนั้นเสมอ


    เขาเฝ้าคิดถึงแต่มันจนแทบคลั่ง คิดถึงอย่างอ่อนหวาน คิดถึงอย่างเร่าร้อน คิดถึงอย่างเกลียดชัง...


    แต่มันกลับไม่มีเขาอยู่แม้ในเศษเสี้ยวของหัวใจ


    มันมีความสุขทุกวัน มันเกี้ยวสาวต่อหน้าเขา มันเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ที่ทรมานจิตใจเขา ตีซี้สาวสวยในบาร์ จีบสาวน้อยปราสาทขุนนาง ชนะใจเพื่อนเก่าอย่างแองเจลีน่า แผนการดามอกจักรพรรดินีวิเวียนนานีย่า


    ตกหลุมรักครั้งแล้วครั้งแล้ว...


    คิลเองก็เริ่มชินกับการเป็นเพื่อนชายกับมันอีกครั้ง


    คิลทำได้ แต่ทำไมเขาทำไม่ได้


    เงาของเฟลิโอน่าที่ซ้อนทับกับร่างเฟรินค่อยๆจางหาย นานวันก็แทบจะลืมเลือน แต่ความรู้สึกของเขากลับยิ่งรุนแรงกว่าเก่า


    ถ้าเฟรินสังเกตเห็นสายตาของเขา สายตาที่ผู้เชี่ยวชาญเกมรักอย่างมันคงเดาออกได้ไม่ยาก เขาเองก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น มันจะดูถูกเหยียดหยามเขา มันจะเห็นใจเขา หรือมันจะเอามาเป็นช่องทางล่อลวงหาประโยชน์จากเขาตามวิสัยรักสนุกของมัน เขาก็ไม่อาจรู้ได้


    ขโมยเสเพล บ้าผู้หญิง


    ท่านพ่อและท่านแม่มอบรูปโฉมอันไร้ที่ติให้เขา แต่มันกลับสูญเปล่าเมื่อสิ่งที่เขาปรารถนาไม่อาจใช้มันล่อลวงได้


    โอกาสที่มันจะรักตอบเขานั้นมีแค่หนึ่งในล้าน เขาไม่ปรารถนาร่างชายหนุ่มหน้าหวานนามเฟริน เดอเบอโรว์ เช่นเดียวกับที่มันเองก็คงไม่อาจรักเจ้าชายผู้สง่างามคาโล วาเนบลีได้


    แต่เหตุใดยามเขามองมัน กระแสประหลาดที่บางครั้งก็อุ่นระอุอ่อนโยน บางครั้งเกรี้ยวกราดจนแทบมอดไหม้ มักจะโหมกระหน่ำจิตใจเขาเสมอ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะสงบนิ่งฉันเพื่อนสนิทธรรมดาได้เหมือนในอดีต


    เฟริน...ฉันเกลียดนาย


    การอยู่เคียงข้างนายคือนรกของฉัน



    ร่างเพรียวของอดีตหัวขโมยนอนหลับอยู่ที่โคนต้นไม้ในสวน เขามองเห็นมันจากหน้าต่างห้อง เมื่อนึกได้ว่ามันกำลังหลับไม่รู้เรื่องเขาก็รีบรุดลงมา พอรู้ตัวอีกที เขาก็ย่อกายลงนั่งข้างๆมันแล้ว



    มันยังอยู่ในห้วงนิทราอันลึกล้ำ ดวงหน้าขาวดูหล่อเหลาแบบเด็กหนุ่มรูปงาม ริมฝีปากสวยได้รูปออกสีแดงจัดอย่างคนสุขภาพดี ดวงตาคู่โตซ่อนอยู่ใต้เปลือกตาบางใส


    แม้จะงามเพียงไร แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความหยาบกระด้างแบบบุรุษเพศ แผลเป็นใต้ตาซ้ายและคิ้วสีน้ำตาลเข้มส่งให้ดวงหน้าหวานดูกร้านแกร่งคมคาย จมูกเชิดรั้นเสริมเสน่ห์ให้แลดูอันตราย ร่างกายที่สูงขึ้นและกำยำขึ้นตามวัยทำให้เริ่มจะดูเป็นชายหนุ่มเต็มตัว...เพียงมันปรารถนา มันคงจะหาผู้หญิงมาเคียงข้างได้อย่างไม่ยากเย็น


    แล้วเขาล่ะ


    สักวันมันจะมีความสุข สักวันมันจะมีคนรักมาแนบข้าง แต่เขายังต้องจ่อมจมอยู่กับผู้หญิงที่ไม่มีตัวตน


    ดวงหน้าหวานผุดขึ้นมาในห้วงความคิด หัวใจร้อนผ่าวราวกับถูกลวก เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังขบกรามกรอด มือของเขาเหยียดยื่นออกไปเหนือใบหน้ามัน


    เขาจะทำอะไร


    ไม่รู้ว่าเขาปรารถนาจะลูบไล้แก้มมันอย่างแผ่วเบา หรือจะตะปบเค้นลำคอของมันกันแน่


    แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือมือของเขาวางลงบนไหล่มันแผ่วเบา ดวงตาสีน้ำตาลกระพริบลืมขึ้น แล้วค่อยๆลุกขึ้นนั่ง เมื่อเห็นเขากำลังมองอยู่ มันก็ยิ้มให้เขาทั้งปากและนัยน์ตา


    “กี่โมงแล้วนี่คาโล ฉันมานอนตั้งแต่เที่ยง”


    “ใกล้ค่ำแล้ว” เขาเสมองไปทางอื่น ทำเหมือนดูนักเรียนคนอื่น


    “มิน่าล่ะ หิวชะมัด นายมาเรียกฉันใช่ไหม ขอบใจหลายว่ะ”


    ว่าแล้วมันก็ตบไหล่เขาป๊าบๆ


    เขาไม่ได้มาเรียกมัน แต่เป็นมันต่างหากที่เรียกเขามา มันนอนนิ่งอยู่ท่ามกลางผืนหญ้าสีเขียวชอุ่ม ดูเกียจคร้านและน่าสบาย ดุจดั่งเทพบุตรที่ต้องมนตร์ให้หลับใหล งดงามเย้ายวนให้เหล่าปีศาจมาลักพา


    เขาต้องรีบลงมา เพราะกลัวว่ามันจะถูกใครขโมยไป





    อากาศร้อนอบอ้าว


    หยาดเหงื่อเม็ดเล็กๆไหลซึมออกมาแม้ยามนั่งอยู่ในร่ม แม้แสงแดดจะแผดกล้า แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถจะกลบรัศมีแห่งความมีชีวิตชีวาที่เรืองรองออกจากตัวหมอนั่น


    แก้มของมันเปล่งปลั่งแดงใส ดวงตาสีน้ำตาลที่ดูเป็นหนึ่งเดียวกับผืนดินพราวระยับอย่างร่าเริง


    ไม่รู้ว่าอากาศร้อนจนเขาเพ้อ หรือว่าคนอื่นก็เห็นเช่นเดียวกับเขา


    วิชาดาบวันนี้เรียนร่วมกับปราการปราชญ์ การฝึกซ้อมดาบเป็นไปอย่างครึกครื้น ด้วยธรรมชาติของป้อมอัศวินที่นิยมการประลองอยู่แล้ว ทำให้ทุกคนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เสียงโห่และเสียงเชียร์ดังขึ้นเป็นพักๆ สลับกับเสียงปรบมือจากนักเรียนทั้งสองหอ


    ดวงตาสีน้ำตาลของมันจับจ้องไปในทิศทางเดิมๆอยู่หลายครั้ง เมื่อเขามองตาม ก็เห็นสาวน้อยหน้าใส ร่างเล็กบอบบางอรชร เจ้าหล่อนมีเส้นผมสีน้ำตาลเหมือนมัน แต่มีดวงตาเรียวรีสีดำสนิท ริมฝีปากจิ้มลิ้มแดงจัด ดูเป็นความงามแปลกตา


    เขาเห็นมันพยักเพยิดกับคิล เขาเห็นคิลพยักหน้ายิ้มๆก่อนที่มันจะเดินไปขันอาสาสอนดาบให้เจ้าหล่อน


    เขาก้าวตามมันไปในทันที และด้วยความไวจนแทบมองไม่เห็น ดาบของเขาก็ชี้พาดไปที่คอมัน


    “ประลองกับฉัน เฟริน ฟาโรเวล”


    มันมีสีหน้างุนงงก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง มันคงคิดว่าจะได้โอกาสแสดงฝีมืออวดผู้หญิง ในเมื่อฝีมือดาบของเขาไม่เหนือกว่ามัน การเอาชนะเจ้าชายแดนนักรบผู้หยิ่งยโสอย่างเขาได้ คงจะทำให้สาวน้อยคนนั้นนิยมในตัวมันไม่น้อย
    เขารู้ทันมันอย่างง่ายดาย เขาจึงปรารถนาจะดับความหวังนั่นซะ


    ดาบแรกฟาดฟันไปอย่างโหดเหี้ยมไร้ความปรานี ดาบสองหนักหน่วงหมายเอาชีวิต ส่วนดาบสามนั้นทรงพลังราวจะบดขยี้ให้เป็นผุยผง


    มันหลบได้ทั้งสามดาบ แต่บนแก้มปรากฏริ้วสีแดงจางๆ แต่เมื่อมันเอามือลูบ เลือดก็ติดมือออกมา


    “แกเล่นแรงไปหน่อยหรือเปล่าวะ”


    “ซ้อมดาบล้อเล่นได้หรือ” น้ำเสียงเรียบกริบเย็นชา


    คิ้วสีน้ำตาลขมวดอย่างเคร่งเครียด มันยกดาบในมือขึ้นตั้งท่า มันเอาจริง ด้วยฝีมือดาบของเขาคงไม่อาจเอาชนะมัน


    แต่เขาจะไม่แพ้


    สองร่างกระโจนเข้าหากันอย่างดุร้าย ฝุ่นผงบนพื้นดินลอยฟุ้งกระจายไปทั่ว ดาบสองเล่มปะทะอย่างรุนแรงจนกันเกิดประกายไฟแปลบปลาบ


    ยิ่งนานไปเขาก็ยิ่งเสียเปรียบ เมื่อสัญชาตญาณนักดาบของมันถูกปลุก ดาบของเฟรินเร็วและพลิกแพลงมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด เขาก็หลบดาบที่แทงมายังลำคอได้เพียงฉิวเฉียด ก่อนที่ดาบเล่มนั้นจะตวัดกลับมาพาดอยู่ที่ปลายคางของเขา


    “นายแพ้แล้วคาโล”


    “อย่าตัดสินอะไรเร็วเกินไปนัก”


    “แก...!”


    เขาเดินเข้าหาคมดาบอย่างไม่กลัวเกรง ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นเบิกกว้างอย่างตกใจก่อนจะรีบชักดาบกลับ เปิดโอกาสให้เขาตวัดดาบขึ้นจ่อที่คอมันได้


    “นายแพ้แล้ว เฟริน ฟาโรเวล”


    รอบสนามมีแต่ความเงียบ ผู้คนรอบข้างกำลังอ้าปากส่งเสียงและตบมือไชโยโห่ร้องเป็นปกติ แต่ความเงียบในใจของเขานั้นทรงพลังเหนือเสียงอื่นใด เขาไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ในสมองมีเพียงภาพใบหน้าซีดขาวที่ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นกรุ่นโกรธและริมฝีปากได้รูปที่เริ่มขยับ


    “แกทำบ้าอะไรของแก อยากตายหรือไง แกอยากเอาชนะฉันขนาดนั้นเชียว”


    “ใช่”


    “เฮงซวย!”


    มันสบถออกมาแล้วขว้างดาบผ่าปฐพีไปทางอื่น ก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่เหลียวหลัง


    หลังจากวันนั้น มันก็แทบไม่มองหน้าเขา เวลาเขากลับมาที่ห้อง มันก็ทำเป็นมองไม่เห็น


    เขายังรักษาสีหน้าสงบได้ดีอย่างเคย แต่หัวใจนั้นกลับไม่เหมือนหน้ากากที่แสดงออก มันเริ่มจะโหยหาหนทางที่จะกลับไปใกล้ชิดหมอนั่น


    ผ่านไปหลายวัน เขาก็เริ่มสังเกตเห็นว่ามันเหลือบมองเขาอยู่หลายครั้ง พอเขาหายไปจากสายตามัน มันก็รีบชะเง้อชำเลืองตามหา และเขายิ่งแน่ใจมากขึ้นเมื่อแกล้งเดินหลบมันให้มันคอยตามเขาอยู่ตลอดบ่าย


    มันคงจะหายโกรธแล้ว และพยายามเข้ามาง้อเขา


    คิดได้ดังนั้น ใจหนึ่งก็อยากจะรีบแสดงตัวออกไปซะเดี๋ยวนั้น แต่อีกใจก็ห้ามไว้ กลัวว่าจะดีใจจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ เผลอแสดงความในใจออกไปให้มันจับได้


    เจ้าชายวิปริตแห่งคาโนวาล


    ท่านพ่อคงไม่มีวันอภัยให้เขา ประชาชนคงไม่มีวันอภัยให้เขา และไม่มีอะไรรับประกันว่าเขาจะไม่สูญเสียมันไป


    เขายังพบมันไม่ได้



    จากวันเป็นเดือน เขายังหลบหน้ามัน พูดคุยเฉพาะเท่าที่จำเป็น เฟรินดูหงุดหงิดหัวเสียอย่างมาก มันพยายามหาโอกาสคุยกับเขา แต่เขาก็เป็นฝ่ายหลีกเลี่ยง


    สายตาของมันทำให้เขาโศกเศร้า ความเหินห่างทำให้เขาใจหาย


    ทำไมโชคชะตาจึงเล่นตลกกับเขาถึงเพียงนี้ เพียงแต่มันจะเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา


    ผู้หญิงธรรมดา...


    เขาค้นหาจนทั่วห้องสมุด ค้นจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน วันหยุดเขาก็ออกไปหาหนังสือที่ร้านในเอดินเบิร์ก หรือแม้แต่ห้องสมุดในปราสาทแห่งคาโนวาล


    ทั้งเหนื่อยทั้งสิ้นหวัง แต่เขาพบก็ว่าการหมกมุ่นกับงานก็ทำให้เขาลืมมันไปได้ชั่วขณะ


    คิดได้ดังนั้น เขาก็แทบจะไม่กลับไปที่ห้อง จะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ต่อเมื่อมันไปกินข้าว เขาแทบไม่พบกับเพื่อนร่วมห้องจนคิลต้องเอ่ยปากถามเขาว่าหายไปไหนได้ตลอด


    เขาอยากจะถามกลับเหลือเกินว่าเฟรินถามถึงเขาบ้างหรือไม่ แต่ก็สู้อดกลั้นเอาไว้


    เขาอาจจะลืมมันได้ เร็วๆนี้ เร็วๆนี้...อีกไม่นาน เขาจะกลับเป็นคนเดิม เขาจะกลับไปเป็นเพื่อนกับมัน


    ความหวังที่เหมือนแสงเจิดจ้าที่ฉายวาบในใจเพียงชั่วขณะถูกลืมเลือนแทบจะในทันทีที่เขานึกวิธีออกอย่างเฉียบพลัน


    ล้างคำสาปไม่ได้ แต่ถ้าสาปซ้ำลงไป...


    วิธีสาปให้กลายเป็นผู้หญิงนั้นหาได้ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ


    เขาตื่นเต้นยินดีจนแทบกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ แต่เมื่ออ่านแต่ละวิธีอย่างละเอียดแล้วก็ต้องขมวดคิ้วอย่างหนักใจ


    ส่วนใหญ่จะเป็นการสาปชั่วคราว หรือบางทีก็มีผลข้างเคียงร้ายแรง วิธีที่จะทำให้กลายเป็นผู้หญิงถาวรนั้นไม่ง่ายนัก ส่วนใหญ่ต้องใช้ยาช่วยและต้องร่ายคาถาอยู่นาน สรุปแล้ว ทุกวิธีต้องอาศัยความยินยอมพร้อมใจของเจ้าตัว มิฉะนั้นก็ยากที่จะสำเร็จ


    เขาคัดเอาตัวยาที่หาส่วนผสมได้ง่ายที่สุด แล้วรีบเขียนจดหมายส่งให้ทางคาโนวาลหาตัวยาให้ คาถายาวเหยียดและวงเวทสลับซับซ้อนนั่นไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา


    ปัญหาอยู่ที่ตัวหมอนั่น



    “ถ้ามีวิธีที่จะถอนคำสาปได้ นายจะกลับเป็นผู้หญิงไหม”


    ตัวยาถูกผสมจนเสร็จ คาถาถูกท่องจำจนขึ้นใจ วงเวทนั้นก็ถูกเขียนไว้แล้วบนดาดฟ้า


    เขาจะรีรออะไรอีก


    หลังจากทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ลองเอ่ยปากถามมันดู มันดูดีใจจนออกนอกหน้าเมื่อเขาเป็นฝ่ายเข้ามาพูดกับมันก่อน แต่คำถามของเขาก็ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร


    “ฮึ้ย ไม่เอา” มันโพล่งออกมาโดยไม่ต้องคิด “นายจะคิดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ทำไม”


    “แล้วถ้าเป็นไปได้”


    “นายจะหาวิธีให้ฉัน”


    ใช่ ต่อให้ต้องให้เขายอมสละแขนสักข้างหรือดวงตา เขาก็จะลอง


    “อาจจะ”


    ดวงตาคู่สีน้ำตาลวาวระยับ ก่อนที่เจ้าตัวจะขยับเข้ามาใกล้เขา


    “ฉันชักจะสงสัยแล้วสิคาโล รู้สึกว่านายจะอยากแก้คำสาปให้ฉันซะเหลือเกิน”


    “ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นอันตรายในอนาคต”


    “ไม่ใช่หรอก” มันก้มหน้าแล้วยิ้ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับเขา “ฉันว่านายตกหลุมรักร่างสาวน้อยของฉันซะมากกว่า จริงไหม”


    เหมือนเข็มเล่มเล็กๆที่แทงลงกลางใจ น้ำเสียงของมันหนักแน่น ชัดเจน ราวกับมันมั่นใจเสียเต็มประดา จนเขาหายใจติดขัดไปชั่วขณะ มันยังคงจ้องตาเขาราวกับจะค้นหาความจริง ดวงหน้าหวานคมคายยังคงขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ


    แล้วมันล่ะ ในเมื่อมันเคยแสดงออกขนาดนั้นว่ามันก็สนใจเขา ถึงกับเคยใช้คำว่า ”คนของฉัน” กับเขา ทำไมมันถึงลืมได้ง่ายดายนัก พอกลับมาเป็นผู้ชายก็ทิ้งความรู้สึกนั้นไปได้ง่ายๆเลยหรือ


    ถ้าเขาตอบว่าใช่ มันจะยอมกลับเป็นผู้หญิงไหม มันจะรักตอบเขาหรือเปล่า


    “ไร้สาระ ถ้านายมีเวลาจะมาคิดเรื่องบ้าๆ นายน่าจะหัดตั้งใจเรียนให้ไฮคิงดีใจซะบ้าง” น้ำเสียงดุกระด้าง เก็บซ่อนร่องรอยแห่งความหวั่นไหวไว้จนมิดชิด


    “ฉันก็แค่ล้อนายเล่น อย่าทำตาดุนักสิ” มันยักไหล่แล้วก็กระโดดผลุงลงไปนั่งที่เตียง “นายไม่ต้องลำบากหรอกคาโล ฉันไม่อยากเป็นผู้หญิงหรอกว่ะ”


    เขาลอบถอนหายใจ มันต้องใช้พลังอย่างมากในการควบคุมตัวเองให้ไม่แสดงสีหน้าอะไรออกไปได้สำเร็จ แต่การที่มันทำลายความหวังน้อยนิดที่เขาเค้นมันออกมาอย่างยากลำบากทำให้เขาอดน้อยใจไม่ได้


    “นายรังเกียจร่างผู้หญิงของตัวเองขนาดนั้น?”


    สิ่งที่เขาหลุดปากออกไปแทบจะทำให้ตัวเองต้องกลั้นหายใจอีกรอบ เฟรินหันกลับมามองเขาแล้วก็ขมวดคิ้วเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง


    “ทำใจรับยากว่ะ ฉันชอบเป็นฝ่ายจับกดมากกว่าจะโดนกด”


    ว่าแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะร่วน คำสารภาพแฝงความนัยของมันทำให้เขาเลือดขึ้นหน้า ดวงตาสีฟ้าจึงขึ้นสีเข้มจัด ทอประกายวาววับ


    รู้ไหมว่าเป็นผู้ชายก็โดนกดได้


    มันยังคงนอนยิ้มระรื่น ขณะที่เขาย่างสามขุมเข้าไปที่เตียงมัน ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเขาวางมือลงข้างๆใบหน้ามัน


    “เฮ้ๆ...” ดวงตาสีน้ำตาลคู่โตเริ่มมีแววตื่นตระหนก เมื่อใบหน้าเขาโน้มลงไปใกล้ มือขยับวางบนอกเขาแล้วออกแรงดัน แต่เขาก็ฝืนกดตัวลงเรื่อยๆจนปลายจมูกอยู่ห่างกันแค่คืบ


    “ฉันเสียใจแทนแม่นายจริงๆ”


    ดวงตาของมันวาววับขึ้นมาทันที


    “แม่ฉันมาเกี่ยวอะไรด้วยวะ ถ้าแม่รักฉันจริง แม่คงไม่สนหรอกว่าฉันจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”


    พอเห็นมันเริ่มโมโห เขาก็รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก อดที่จะยั่วต่อไม่ได้


    “เกิดมาเป็นผู้หญิง แต่จิตใจวิปริตอยากเป็นผู้ชาย”


    “มันจะมากไปแล้วนะแก ฉันเป็นผู้ชายมาสิบห้าปี ใครจะอยากเป็นผู้หญิงได้ลงวะ”


    “อ้อ วิปริตมาสิบห้าปี” ว่าแล้วมุมปากก็กระตุกรอยยิ้มเหยียด “สมกับที่มีสายเลือดของพวกปีศาจ”


    “แก คาโล วาเนบลี!”


    มันกระชากคอเสื้อเขาลงบนเตียงแล้วตวัดตัวเองขึ้นคร่อม เขาหลับตาแน่น รอรับหมัดที่จะกระแทกใบหน้า


    คำที่เขาพูดออกไป ย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเองจนชาไปทั้งร่าง


    ต่อยมาเลย เอาให้เจ็บมากๆ


    ฉันจะได้เกลียดนาย จะได้ลืมนาย


    เขาหลับตารออยู่ครู่ใหญ่แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อรู้สึกว่าน้ำหนักที่กดทับหายไป เขาจึงลืมตาขึ้นมอง


    มันยืนอยู่ข้างเตียง ดวงหน้าสวยเบือนออกไปนอกหน้าต่าง เขาเห็นประกายระยิบระยับคลออยู่ที่หางตาของมัน


    พอเห็นเขากำลังจ้อง มันก็รีบเอามือปาดออก ให้กระแสแห่งความอาทรแล่นวาบเข้าในหัวใจ


    “ฉันขอโทษ”


    เขายื่นมือออกไปหมายจะจับไหล่มัน แต่มันปัดมือเขาออกแล้วถอยห่างไปหลายก้าว


    “นายทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกอกตัญญู ทั้งๆที่มันไม่ใช่ความผิดของฉันสักนิด”


    “เฟริน”


    “ฉันเกลียดนาย”


    เขาไม่ได้รั้งร่างที่กำลังวิ่งออกไปจากห้อง ได้แต่จมอยู่กับคำพูดสุดท้ายของมัน



    จากสายกลายเป็นเที่ยง จากเที่ยงกลายเป็นเย็น จนในที่สุดความมืดมิดก็มาเยือน มันก็ยังคงไม่กลับมาที่ห้อง


    “เฟรินไปไหนน่ะ”


    “ไม่รู้”


    เขาตอบคิลแล้วก็ก้มลงอ่านหนังสือต่อ พยายามซ่อนความเจ็บแปลบลึกๆไว้ใต้ท่าทางสงบเฉยเมย


    “ฉันจะไปคุยเรื่องรายงานกับเจค อาจจะนอนที่นั่น เลยแวะมาบอกนายก่อน”


    “อืม นายไปเถอะ”


    นอนคนเดียวก็ดี เขาไม่มั่นใจว่าจะทำท่าปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ตลอดรอดฝั่ง ในเมื่อภาพใบหน้าของหมอนั่นยังตามหลอกหลอนไม่เลิกรา


    อากาศในห้องร้อนอบอ้าว ไม่รู้ว่าเขานอนกระสับกระส่ายพลิกไปพลิกมาอยู่นานเท่าไหร่ จนแล้วจนรอดก็ยังนอนไม่หลับ ภาพใบหน้าเปื้อนน้ำตานั้นยังฝังอยู่ในหัว ในที่สุด เขาก็ลุกขึ้นมาล้างหน้า แล้วไปยืนเหม่ออยู่ข้างหน้าต่าง


    ใบไม้ทุกใบนิ่งไม่ไหวติง ไม่มีลมเลยแม้แต่น้อย เขากวาดสายตามองไปรอบๆด้วยหวังว่าอาจจะเห็นคนที่ค้นหา แต่จนแล้วจนรอด มันก็ไม่มาให้เห็นแม้แต่เงา


    เหลือบตามองเห็นยอดไม้กระดิก ที่สูงๆคงพอมีลมบ้าง เห็นดังนั้นเขาก็คว้าเสื้อคลุมมาสวมแล้วเดินออกจากห้องไป


    สายลมอ่อนๆที่โชยมาให้เหงื่อระเหยคลายความร้อนได้ไม่เลวนัก เขาค่อยๆสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปจนชุ่มปอด แล้วปิดประตูอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดัง สองขาเดินก้าวข้ามวงเวทสีขาวสลับซับซ้อนที่ไม่ได้ใช้งานโดยไม่เหลือบมองมันแม้แต่น้อย


    มือใหญ่วางบนราวกันตกแล้วแหงนเงยหน้าขึ้นให้สายลมซอกซอนเข้าไปในเสื้อผ้าลูบไล้ผิวกาย เส้นผมสีเงินปลิวไสว เขาค่อยๆหลับตาลงเพื่อให้ความง่วงเข้าครอบงำได้ง่ายดายที่สุด แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างแล้วกวาดมองลงไปข้างล่างเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะอันแสนคุ้นเคย


    เฟริน


    เขาเผลอยิ้มออกมาอย่างยินดี แต่เมื่อมองเห็นอะไรๆได้ชัด รอยยิ้มก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว


    มันนอนหัวเราะร่วนอยู่บนตักผู้หญิงที่เขาจำได้ว่าเคยเห็นในชั่วโมงฝึกดาบ ผู้หญิงจากปราการปราชญ์คนที่เฟรินเคยเข้าไปอาสาสอนดาบนั่นเอง


    มันยังคงแน่สมราคาคุย ไม่นานมานี้เธอคนนั้นยังมีท่าทางไม่สนใจมันอยู่ ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ทั้งคู่สนิทกันถึงขนาดนี้ ถึงขนาดเฟรินขโมยจูบหล่อนที่แก้มแล้วก็ยังไม่โกรธ เธอคนนั้นยังขยับรอยยิ้มแล้วเอามือลูบผมมันเสียอีก


    ทั้งคู่ยังคลอเคลียกันให้เขาดู แต่เมื่อเห็นเฟรินค่อยๆลุกขึ้นแล้วโน้มหน้าเข้าใกล้หล่อน มือเขาก็เกร็งแน่นอย่างเฉียบพลัน หากราวระเบียงนั้นอ่อนนุ่มกว่านี้ เขาก็คงออกแรงกดจนมันแหลกคามือไปแล้ว ทันทีที่มันวางมือลงรอบลำคอของผู้หญิงคนนั้นแล้วหลับตาลงดั่งกำลังดื่มด่ำกับรสจูบนั้น เขาก็ต้องกัดฟันกรอดแล้วเบือนหน้าหนี


    ร่างสูงค่อยๆนั่งลงกับพื้น เขาเจ็บปวดเข้าไปถึงขั้วหัวใจ อึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก ร้อนเร่าเหมือนอยู่ในนรก ภาพที่เห็นทำให้เขาเหมือนตายทั้งเป็น


    อย่าจูบผู้หญิงคนนั้น อย่าให้หล่อนกอด อย่าให้หล่อนสัมผัสเส้นผมของนาย


    หัวใจของเขากรีดร้องอย่างเจ็บปวด หวนโหย ร่ำไห้ ประหนึ่งว่าจะขาดใจตายเสียเดี๋ยวนั้น ความหวงแล่นขึ้นมาให้ดวงตาร้อนผ่าว เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดหน้าแล้วก็ต้องรู้สึกแสบ เพราะความเค็มของน้ำตาแทรกซึมลงไปในรอยแผลอันเกิดเพราะเขาเผลอกำมือแน่นแล้วเล็บจิกลงในเนื้อ


    ไอ้ขโมยเสเพล หล่อนเป็นผู้หญิงคนที่เท่าไหร่ของนาย


    ฉันน่าจะขู่นาย ล่อลวงนาย หรือแม้แต่ใช้กำลังบังคับนายให้ยอมเป็นผู้หญิงซะ อย่างน้อยก็ให้ฉันมีโอกาสได้ต่อสู้บ้าง คงไม่อึดอัดคับข้องเหมือนจะขาดใจแบบนี้


    ทำไมนะ ตั้งแต่เด็กแล้ว อะไรที่ต้องการจากใจจริง เขาจะไม่เคยได้ไว้ในมือ แม้ความอบอุ่นครอบครัวเยี่ยงเด็กชาวบ้านสามัญ เขาก็ยังไม่เคยได้


    ผู้หญิงที่เกือบจะได้ไว้ในอ้อมแขน ก็หายวับไปพร้อมๆกับความรักครั้งแรก


    เขาซบหน้าลงกับฝ่ามือ หวนกลับไปนึกถึงครั้งไปยังเดมอส พิธีแก้อาคมไม่สำเร็จ จิ้งจอกเก้าหางตัวสุดท้ายตายไป แม้คิลจะแอบเก็บเลือดไว้แต่ก็ไม่เพียงพอ


    ร่างที่ไม่ใช่มนุษย์ ไม่อาจพูดได้ ทำให้เขาเจ็บปวดนัก จวบจนวินาทีที่ได้เห็นมันกลับร่างเป็นคนได้ด้วยฝีมือจ้าวปีศาจ เขาก็นึกขอบคุณสวรรค์และรู้สึกว่าชาตินี้จะไม่ขออะไรอีก


    แต่มันก็ผิด มนุษย์นั้นเต็มไปด้วยความโลภ


    เขาควรจะพอใจที่อย่างน้อยก็ได้มันกลับมา เขาควรจะพอใจที่โลกนี้ไม่มีธิดาแห่งความมืดอีกแล้ว แต่เขาก็ยังไม่พอใจ


    จ้าวเอวิเดสเอ่ยปากว่าจะลองหาวิธีแก้คำสาปอีก โกโดมก็ยืนยันหนักแน่นว่ามีทาง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ เขาคิดว่าเพียงได้มันคืนมาก็เป็นโชคที่มากเกินกว่าที่คนอาภัพอย่างเขาจะได้พบแล้ว เขากลับเอเดนมาอย่างโล่งใจ ไม่ได้ระแคะระคายถึงความเศร้าที่ค่อยๆมาเยือนเหมือนเมฆฝนที่กำลังตั้งเค้า


    ความคิดถึงกลายเป็นความทุรนทุราย ความรักกลายเป็นความเคืองแค้นและหม่นเศร้า เขาแทบจะนับถอยหลังรอคอยให้เวลาเปิดเทอมมาถึงเร็วๆ


    เหลือบมองขวดแก้วเจียระไนที่บรรจุของเหลวสีใสในมือ


    เขารอมาหลายเดือนเพื่อจะเจ็บปวด วันนี้เขารอมันทั้งวันเพื่อที่จะเจ็บลึกลงไปอีก รอจนในที่สุดก็ตัดสินใจได้ว่า ต่อให้ต้องบังคับ ก็จะทำให้มันกลายเป็นผู้หญิงให้ได้


    เขาก็รู้ดีอยู่แล้ว วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะล่อลวงมัน


    ฝาขวดถูกเปิดออกแล้วเขาก็กระดกน้ำใสลงคอรวดเดียวหมด รสชาติของมันร้อนแรงบาดคอจนวูบวาบ เขารู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรงทันทีจนเหงื่อไหลซึม แต่ก็ยังแข็งใจคลานเข้าไปในวงเวทแล้วค่อยๆร่ายเวทอย่างช้าๆ ไม่ให้ผิดพลาดแม้แต่คำเดียว


    แสงสีนวลสว่างวาบ ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะทรุดลงกองอยู่ที่พื้นด้วยความเจ็บปวด สติหลุดลอย มีเพียงภาพใบหน้าสุดท้ายที่ผุดขึ้นมาอย่างลางเลือนก่อนความรู้สึกทั้งมวลจะดับวูบ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×