ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : พระราชวังแห่งคาโนวาล
อัพรวด
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“แสบนักนะนังนี่”
มือใหญ่อุดทั้งปากและจมูกจนหล่อนแทบหายใจไม่ออก เจ้าหญิงคนงามถูกลากเข้าไปในตรอกแคบๆมืดทึบที่มีชายฉกรรจ์หลายคนรออยู่
โลเคชั่นยอดฮิตในการทำชั่ว
ทำไมทหารคาโนวาลมันไม่เข้ามาช่วยสาวน้อยอ่อนแอที่โดนอุ้มฟะ หรือที่นี่จะนิยมฉุดลากผู้หญิงแบบที่ไอ้เจ้าชายมาดมากนั่นชอบทำ
เฟรินคิดอย่างเซ็งๆ ขณะที่ร่างถูกเหวี่ยงไปกระแทกกำแพงจนแทบจุก
“จะเอาไงดี” เสียงแหบห้าวน่าขนลุกเปิดประเด็น
“ปาดคอมันเลยดีไหม” คนที่เคยถูกหล่อนซัดออกความเห็น
“เดี๋ยวๆ หน้าตาน่ารักแบบนี้เอามาเล่นให้สนุกก่อนแล้วค่อยฆ่าทิ้งดีกว่า”
ความเห็นนั้นทำเฟรินขนลุกซู่
หยะแหยงโว้ย
“งั้นข้าก่อน” ผู้เสียหายคนเดิมพูด
“ข้าต่างหาก แกสัญญาแล้ว”
“ข้าอาวุโสที่สุด ต้องข้าก่อนสิ”
ชายกลุ่มนั้นเถียงกันเหมือนกับว่าหล่อนไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย จนสาวน้อยผู้ถูกรุมแย่งเริ่มหมดความอดทน
“ไม่ต้องแย่งกันหรอกพี่ชาย เข้ามาพร้อมๆกันนั่นแหละ มันจะได้มีรสชาติหน่อย” ดวงตาคู่สีน้ำตาลตวัดมองไปยังเหยื่อรายเก่า แล้วก็ยิ้มเหยียด “หมอนั่นไม่ไหวเลย นกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำ”
หลายคนในกลุ่มหัวเราะไปกับคำพูดของเฟรินแต่ก็ต้องหุบลงทันควันเมื่อดาบเล่มโตโผล่มาในมือของสาวน้อยร่างบาง ซัดวูบเดียวคนที่อยู่ด้านหน้าหมอบไปแล้วสอง
“สองคนนี่ก็บ่มีไก๊เหมือนกันนี่”
คำพูดไม่สมหญิงและเรี่ยวแรงที่ไม่น่าเชื่อทำให้หนึ่งในคนที่เหลืออุทานออกมา
“หรือว่าแกเป็นกระเทย”
“ไอ้พวกบ้า ฉันไม่ใช่กระเทยโว้ย”
สิ้นคำ เฟรินก็ระบายความเครียดใส่เหล่านักเลงแห่งคาโนวาลจนหมอบกระแต นอนกองระเนระนาดเหมือนขยะกองโต เหลือเพียงคนสุดท้ายที่รับดาบของเธอเอาไว้ได้
แคร้ง! เสียงโลหะปะทะกันอีกรอบ
“ไม่เลวนี่นังหนู ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอยอดฝีมือในที่แบบนี้”
“ฉันก็คิดเหมือนแกนั่นแหละ”
เหงื่อของเฟรินไหลโซมกาย นักดาบตรงหน้าไม่ใช่จะเก่งมากมาย แต่เธอกำลังตาลายขึ้นเรื่อยๆ
“รับมือ!”
นักเลงแห่งคาโนวาลที่ดูเหมือนจะเคยเป็นนักรบตวาดลั่น เฟรินกัดฟันรวบรวมพลังเฮือกใหญ่วาดดาบออกไป กระแสพลังนั้นตัดทั้งดาบและคู่ต่อสู้จนกระเด็นไปกระแทกผนังแน่นิ่งไม่ไหวติง แต่ปลายดาบที่สวนเข้ามานั้นก็เรียกรอยเลือดซิบๆที่ไหล่ขวาของหล่อน
“เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับท่านเฟริน เดอเบอโรว์ คนนี้ ที่ไม่เอาถึงตายนี่นับว่าปราณีมากแล้วนะ” เฟรินเตะชายโครงของคนที่ทำท่าจะลุกขึ้นมาสู้ต่อจนต้องล้มลงไปนอนตามเดิม “จะบอกอะไรให้ ไอ้ดาบเล่มนี้น่ะฆ่ามาแล้วเป็นพันเป็นหมื่น”
พูดเองก็เจ็บเอง ความหลังอันน่าเจ็บปวดย้อนกลับมาให้จิตใจเศร้าหมอง เฟรินเดินออกมาที่ถนนใหญ่ที่เนืองแน่นด้วยผู้คนที่เริ่มมาตั้งร้านรวงเพื่อขายในงานฉลอง พลางกวาดสายตาไปทางพระราชวัง
ทำไมนายมันเจอยากเจอเย็นอย่างนี้วะคาโล
เลือดค่อยๆไหลย้อยจากต้นแขนลงมาจนหยดลงสู่พื้น แสงแดดจ้าทำให้ตาพร่าพราย ความเหนื่อยล้าทำให้รู้สึกปวดเมื่อย เหงื่อเย็นๆไหลโชกไปทั่วตัว
แล้วสาวน้อยในอาภรณ์อย่างชายที่ขาดวิ่นก็ล้มลงท่ามกลางฝูงชน
แพขนตางอนงามกระพริบเปิดขึ้นช้าๆ  ภาพแรกที่ปรากฏสู่สายตาคือม่านบางๆสีนวลที่พลิ้วไหวไปตามแรงลม
ทีนี่ที่ไหน?
หญิงสาวพยายามยันกายขึ้นแต่ก็ต้องทรุดลงเพราะรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่าง ไม่มีเรี่ยวแรง กล้ามเนื้อและกระดูกปวดเมื่อยไปหมด
ดวงตาสีน้ำตาลคู่โตกวาดมองไปรอบๆห้องที่สร้างความรู้สึกไม่คุ้นเคย
บ้านเศรษฐีใจบุญที่ไหนนี่
การตกแต่งหรูหราละเอียดลออและเต็มไปด้วยของล้ำค่า แต่กลับให้บรรยากาศเคร่งขรึมหนักแน่น มือบางค่อยๆรวบรวมกำลังเอื้อมไปเลิกผ้าม่านบางพลิ้วที่เกะกะสายตาออกเพื่อจะดูให้ชัดๆ แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือข้างนั้นถูกคว้าหมับ
“นายฟื้นแล้ว” เสียงที่คุ้นเคยของคนที่คิดถึง เรียกให้ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง
“คาโล...”
เจอซะที
ทำไมเหมือนน้ำตาจะไหลซะให้ได้
หญิงสาวรีบข่มความรู้สึกอ่อนไหวเอาไว้
“ฉันหิวน้ำ” เสียงที่ลอดออกมาจากลำคอเบาและแหบแห้ง
มือใหญ่คว้าเหยือกน้ำข้างเตียงมารินใส่แก้วให้หล่อนทันใด พลางค่อยๆพยุงร่างบางขึ้นนั่งพิงหมอน
เมื่อดื่มน้ำไปหลายอึกก็ค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นนิดหน่อย พอที่ปากพล่อยๆจะขยับอีกรอบ
“เจ็บไปทั้งตัวเลย” พูดพลางหลับตาลง “หรือฉันจะโดนไอ้พวกนั้นกลับมารุมยำตอนสลบ”
“พวกไหน?” คิ้วเข้มขมวดมุ่น “นายเจ็บตัวเพราะไข้ขึ้นสูง” เสียงตอบราบเรียบแต่แฝงด้วยความอ่อนโยนจนคนฟังแอบลอบยิ้ม “แผลที่ไหล่ไปโดนอะไรมา นายนี่มันขยันหาเรื่อง”
”แหะๆ นิดหน่อยน่ะ ฉันปราบเหล่าร้ายให้ประเทศแก ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน?”
“พระราชวังแห่งคาโนวาล”
“อืม...แล้วฉันมาอยู่นี่ได้ไง”
“ฉันต่างหากที่ต้องถามนาย” ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งพิงพนักเก้าอี้แล้วกอดอกวางมาดอย่างที่ถนัด
เขาต้องควบม้าไปตามเส้นทางระหว่างคาโนวาลกับบารามอสอยู่หลายวัน เพื่อตามหาแม่ตัวยุ่งตามที่คิงชามัลแจ้งมาอย่างลับๆ ว่าหนีออกจากวังไปแล้ว
แต่ชายหนุ่มมั่นใจว่าเธอต้องมาหาเขา
เอาปัญหามาโยนให้คนอื่นแก้ ทุกที
แต่หลายวันก็หาไม่พบ เมื่อเจ้าตัวดีเก่งนักหนาในการหลบซ่อน ครั้นกลับมาเห็นคนน่าสงสัยที่กำแพงวัง คาโลจึงตัดสินใจย้อนกลับมาดูให้แน่ใจ แล้วก็ให้ใจหายวาบเมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยนอนหมอบอยู่บนพื้น หมวกกระเด็นหลุดออก เส้นผมสีน้ำตาลยาวเหยียดแผ่สยาย
เสียงวี๊ดว้ายจากสาวๆดังลั่นเมื่อเจ้าชายคนดังเข้าไปช้อนร่างที่สลบไสลไม่ได้สติไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพาเข้าไปในวัง
“จะมาทำไมไม่บอกฉัน” เมื่อเห็นหญิงสาวเงียบ ชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายถาม
“ก็ถามยามหน้าบ้านนายสิ“นึกแล้วเฟรินก็ยังหงุดหงิดไม่หาย
“เขาทำตามหน้าที่” คาโลตอบนิ่งๆ
เฟรินทำเสียงครืดคราดในลำคออย่างไม่พอใจ แล้วก็ชะงักนิดหนึ่งเมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
“คาโล เรื่องหมั้น...”
ใช่  เรื่องหมั้น
ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างหันมามองคนที่จ้องมาอยู่ก่อนแล้ว  อะไรบางอย่างในดวงตานั้นที่ทำให้หล่อนกลืนน้ำลายเอื๊อกแต่ก็ต้องแข็งใจพูดออกมา
“ไม่มีแล้ว” ชายหนุ่มพูดพลางถอนหายใจเบาๆ
ไม่มีแล้ว! หมายความว่าไง  ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนี่หว่า
“ทำไม...”
“นายตั้งใจแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” คาโลประชดพลางแย้มรอยยิ้มเหยียด แต่พอเห็นคนป่วยทำตาปริบๆก็ต้องใจอ่อน “นายป่วยแบบนี้ งานก็เลยต้องยกเลิก”
บทจะง่ายก็ง่ายขึ้นมาเชียว ก่อนหน้านี้คิดแทบตายก็คิดไม่ออก
ไม่รู้จะทำยังไงให้หมอนี่ไม่เสียใจ
“นายคงหิว เดี๋ยวฉันไปบอกให้เค้าเอาอะไรมาให้กิน
“คาโล”
มือเล็กคว้ามือใหญ่เอาไว้จนเจ้าของต้องหันกลับมามอง
“อะไร”
“นายคิดถึงฉันไหม”
คำถามซื่อๆแต่จริงจังกับตาใสๆทำให้ใบหน้าของเจ้าชายแห่งคาโนวาลขึ้นสีเรื่อก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
“คิดจนปวดหัว เอาแต่ทำเรื่องยุ่ง”
แม้คำตอบจะไม่น่าพอใจนัก แต่เฟรินก็ยิ้มรับด้วยรู้ว่ามันแปลว่า
‘คิดถึงมาก’
“รู้ไหม ฉันก็คิดถึงนาย”
พูดเองเขินเอง เจ้าตัวจึงหน้าแดงระเรื่อ คำพูดเบาๆจากสาวน้อยเรียกรอยยิ้มบางขึ้นมาบนใบหน้าคมคาย มือใหญ่ลูบเบาๆที่หน้าผากมนอย่างรักใคร่แล้วจุมพิตเบาๆก่อนจะเดินออกไป
“คาโล” เสียงหวานยังรั้งไว้
“อะไร” คาโลรีบหยุดเผื่อจะได้ฟังอะไรหวานๆจากคนที่นานๆจะพูดอะไรดีๆอีก
“เอาแอปเปิ้ล”
ใบหน้ารูปสลักกลับสู่สภาพเดิมทันควัน  เสียงแผ่วๆยังคงดังตามหลังมา
“เย็นๆนะ”
คนป่วยช่างเอาแต่ใจจนน่าหมั่นไส้ เมื่อนางกำนัลเอามาให้ก็ทำท่าอิดออดไม่ยอมกิน
“ป้อนฉันหน่อย”
“ไม่ นายกินเอง”
เสียงหัวเราะคิกคักจากด้านหลังทำให้โหนกแก้มขาวๆเริ่มมีสีเรื่อ
“ฮื้อ ไม่เอา ฉันไม่มีแรงนะ นายนี่ชอบใจดำกับฉันอยู่เรื่อย”
เสียงคิกคักดังมาอีกระลอก เรียกให้สายตาดุๆต้องหันไปปรามจนเหล่าสาวๆต้องรีบเผ่นออกไปจากห้อง แล้วคนใจดำก็จำใจต้องป้อนผลไม้ในจานให้เจ้าตัวดีจนได้ เรียกรอยยิ้มขันและแววตาพราวระริกจากคนที่ไม่เจียมตัวว่าป่วย
“ฉันหลับไปกี่วันเนี่ย ทำไมไม่มีแรงเลย”
“สามวัน”
“แล้วงานวันเกิดนาย”
“เรียบร้อยแล้วตอนที่นายหลับอยู่”
“ไม่ใช่สามวันสามคืนหรือ”
“นั่นมันรวมงานหมั้นด้วย”
“อืม” เฟรินค่อยๆขยับตัวลงนอนโดยมีมือใหญ่ขยับผ้าห่มมาคลุมให้
“ฉันเป็นอะไร ทำไมมีไข้ตั้งสามวันแล้วไม่หาย”
ดวงตาสีฟ้าคู่สวยมองหล่อนนิ่ง คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างใช้ความคิด  จะว่าไปมันก็แปลกจริงๆ  หมอหลวงที่มาตรวจอาการก็หาสาเหตุไม่พบ  หรือว่ามันจะโดนอาคมอะไรเข้า  แต่เขาก็ไม่รู้สึกถึงกลิ่นไอเวทย์มนตร์อะไรเลย
หญิงสาวหลับไปโดยทิ้งให้คนเฝ้าเริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นเรื่อยๆอย่างระงับไม่อยู่
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
มาเม้นกันเยอะๆนะคะ เดี๋ยวตอนหน้ามีสมนาคุณพิเศษให้...................................................................................................คาโล
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“แสบนักนะนังนี่”
มือใหญ่อุดทั้งปากและจมูกจนหล่อนแทบหายใจไม่ออก เจ้าหญิงคนงามถูกลากเข้าไปในตรอกแคบๆมืดทึบที่มีชายฉกรรจ์หลายคนรออยู่
โลเคชั่นยอดฮิตในการทำชั่ว
ทำไมทหารคาโนวาลมันไม่เข้ามาช่วยสาวน้อยอ่อนแอที่โดนอุ้มฟะ หรือที่นี่จะนิยมฉุดลากผู้หญิงแบบที่ไอ้เจ้าชายมาดมากนั่นชอบทำ
เฟรินคิดอย่างเซ็งๆ ขณะที่ร่างถูกเหวี่ยงไปกระแทกกำแพงจนแทบจุก
“จะเอาไงดี” เสียงแหบห้าวน่าขนลุกเปิดประเด็น
“ปาดคอมันเลยดีไหม” คนที่เคยถูกหล่อนซัดออกความเห็น
“เดี๋ยวๆ หน้าตาน่ารักแบบนี้เอามาเล่นให้สนุกก่อนแล้วค่อยฆ่าทิ้งดีกว่า”
ความเห็นนั้นทำเฟรินขนลุกซู่
หยะแหยงโว้ย
“งั้นข้าก่อน” ผู้เสียหายคนเดิมพูด
“ข้าต่างหาก แกสัญญาแล้ว”
“ข้าอาวุโสที่สุด ต้องข้าก่อนสิ”
ชายกลุ่มนั้นเถียงกันเหมือนกับว่าหล่อนไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย จนสาวน้อยผู้ถูกรุมแย่งเริ่มหมดความอดทน
“ไม่ต้องแย่งกันหรอกพี่ชาย เข้ามาพร้อมๆกันนั่นแหละ มันจะได้มีรสชาติหน่อย” ดวงตาคู่สีน้ำตาลตวัดมองไปยังเหยื่อรายเก่า แล้วก็ยิ้มเหยียด “หมอนั่นไม่ไหวเลย นกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำ”
หลายคนในกลุ่มหัวเราะไปกับคำพูดของเฟรินแต่ก็ต้องหุบลงทันควันเมื่อดาบเล่มโตโผล่มาในมือของสาวน้อยร่างบาง ซัดวูบเดียวคนที่อยู่ด้านหน้าหมอบไปแล้วสอง
“สองคนนี่ก็บ่มีไก๊เหมือนกันนี่”
คำพูดไม่สมหญิงและเรี่ยวแรงที่ไม่น่าเชื่อทำให้หนึ่งในคนที่เหลืออุทานออกมา
“หรือว่าแกเป็นกระเทย”
“ไอ้พวกบ้า ฉันไม่ใช่กระเทยโว้ย”
สิ้นคำ เฟรินก็ระบายความเครียดใส่เหล่านักเลงแห่งคาโนวาลจนหมอบกระแต นอนกองระเนระนาดเหมือนขยะกองโต เหลือเพียงคนสุดท้ายที่รับดาบของเธอเอาไว้ได้
แคร้ง! เสียงโลหะปะทะกันอีกรอบ
“ไม่เลวนี่นังหนู ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอยอดฝีมือในที่แบบนี้”
“ฉันก็คิดเหมือนแกนั่นแหละ”
เหงื่อของเฟรินไหลโซมกาย นักดาบตรงหน้าไม่ใช่จะเก่งมากมาย แต่เธอกำลังตาลายขึ้นเรื่อยๆ
“รับมือ!”
นักเลงแห่งคาโนวาลที่ดูเหมือนจะเคยเป็นนักรบตวาดลั่น เฟรินกัดฟันรวบรวมพลังเฮือกใหญ่วาดดาบออกไป กระแสพลังนั้นตัดทั้งดาบและคู่ต่อสู้จนกระเด็นไปกระแทกผนังแน่นิ่งไม่ไหวติง แต่ปลายดาบที่สวนเข้ามานั้นก็เรียกรอยเลือดซิบๆที่ไหล่ขวาของหล่อน
“เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับท่านเฟริน เดอเบอโรว์ คนนี้ ที่ไม่เอาถึงตายนี่นับว่าปราณีมากแล้วนะ” เฟรินเตะชายโครงของคนที่ทำท่าจะลุกขึ้นมาสู้ต่อจนต้องล้มลงไปนอนตามเดิม “จะบอกอะไรให้ ไอ้ดาบเล่มนี้น่ะฆ่ามาแล้วเป็นพันเป็นหมื่น”
พูดเองก็เจ็บเอง ความหลังอันน่าเจ็บปวดย้อนกลับมาให้จิตใจเศร้าหมอง เฟรินเดินออกมาที่ถนนใหญ่ที่เนืองแน่นด้วยผู้คนที่เริ่มมาตั้งร้านรวงเพื่อขายในงานฉลอง พลางกวาดสายตาไปทางพระราชวัง
ทำไมนายมันเจอยากเจอเย็นอย่างนี้วะคาโล
เลือดค่อยๆไหลย้อยจากต้นแขนลงมาจนหยดลงสู่พื้น แสงแดดจ้าทำให้ตาพร่าพราย ความเหนื่อยล้าทำให้รู้สึกปวดเมื่อย เหงื่อเย็นๆไหลโชกไปทั่วตัว
แล้วสาวน้อยในอาภรณ์อย่างชายที่ขาดวิ่นก็ล้มลงท่ามกลางฝูงชน
แพขนตางอนงามกระพริบเปิดขึ้นช้าๆ  ภาพแรกที่ปรากฏสู่สายตาคือม่านบางๆสีนวลที่พลิ้วไหวไปตามแรงลม
ทีนี่ที่ไหน?
หญิงสาวพยายามยันกายขึ้นแต่ก็ต้องทรุดลงเพราะรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่าง ไม่มีเรี่ยวแรง กล้ามเนื้อและกระดูกปวดเมื่อยไปหมด
ดวงตาสีน้ำตาลคู่โตกวาดมองไปรอบๆห้องที่สร้างความรู้สึกไม่คุ้นเคย
บ้านเศรษฐีใจบุญที่ไหนนี่
การตกแต่งหรูหราละเอียดลออและเต็มไปด้วยของล้ำค่า แต่กลับให้บรรยากาศเคร่งขรึมหนักแน่น มือบางค่อยๆรวบรวมกำลังเอื้อมไปเลิกผ้าม่านบางพลิ้วที่เกะกะสายตาออกเพื่อจะดูให้ชัดๆ แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือข้างนั้นถูกคว้าหมับ
“นายฟื้นแล้ว” เสียงที่คุ้นเคยของคนที่คิดถึง เรียกให้ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง
“คาโล...”
เจอซะที
ทำไมเหมือนน้ำตาจะไหลซะให้ได้
หญิงสาวรีบข่มความรู้สึกอ่อนไหวเอาไว้
“ฉันหิวน้ำ” เสียงที่ลอดออกมาจากลำคอเบาและแหบแห้ง
มือใหญ่คว้าเหยือกน้ำข้างเตียงมารินใส่แก้วให้หล่อนทันใด พลางค่อยๆพยุงร่างบางขึ้นนั่งพิงหมอน
เมื่อดื่มน้ำไปหลายอึกก็ค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นนิดหน่อย พอที่ปากพล่อยๆจะขยับอีกรอบ
“เจ็บไปทั้งตัวเลย” พูดพลางหลับตาลง “หรือฉันจะโดนไอ้พวกนั้นกลับมารุมยำตอนสลบ”
“พวกไหน?” คิ้วเข้มขมวดมุ่น “นายเจ็บตัวเพราะไข้ขึ้นสูง” เสียงตอบราบเรียบแต่แฝงด้วยความอ่อนโยนจนคนฟังแอบลอบยิ้ม “แผลที่ไหล่ไปโดนอะไรมา นายนี่มันขยันหาเรื่อง”
”แหะๆ นิดหน่อยน่ะ ฉันปราบเหล่าร้ายให้ประเทศแก ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน?”
“พระราชวังแห่งคาโนวาล”
“อืม...แล้วฉันมาอยู่นี่ได้ไง”
“ฉันต่างหากที่ต้องถามนาย” ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งพิงพนักเก้าอี้แล้วกอดอกวางมาดอย่างที่ถนัด
เขาต้องควบม้าไปตามเส้นทางระหว่างคาโนวาลกับบารามอสอยู่หลายวัน เพื่อตามหาแม่ตัวยุ่งตามที่คิงชามัลแจ้งมาอย่างลับๆ ว่าหนีออกจากวังไปแล้ว
แต่ชายหนุ่มมั่นใจว่าเธอต้องมาหาเขา
เอาปัญหามาโยนให้คนอื่นแก้ ทุกที
แต่หลายวันก็หาไม่พบ เมื่อเจ้าตัวดีเก่งนักหนาในการหลบซ่อน ครั้นกลับมาเห็นคนน่าสงสัยที่กำแพงวัง คาโลจึงตัดสินใจย้อนกลับมาดูให้แน่ใจ แล้วก็ให้ใจหายวาบเมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยนอนหมอบอยู่บนพื้น หมวกกระเด็นหลุดออก เส้นผมสีน้ำตาลยาวเหยียดแผ่สยาย
เสียงวี๊ดว้ายจากสาวๆดังลั่นเมื่อเจ้าชายคนดังเข้าไปช้อนร่างที่สลบไสลไม่ได้สติไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพาเข้าไปในวัง
“จะมาทำไมไม่บอกฉัน” เมื่อเห็นหญิงสาวเงียบ ชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายถาม
“ก็ถามยามหน้าบ้านนายสิ“นึกแล้วเฟรินก็ยังหงุดหงิดไม่หาย
“เขาทำตามหน้าที่” คาโลตอบนิ่งๆ
เฟรินทำเสียงครืดคราดในลำคออย่างไม่พอใจ แล้วก็ชะงักนิดหนึ่งเมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
“คาโล เรื่องหมั้น...”
ใช่  เรื่องหมั้น
ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างหันมามองคนที่จ้องมาอยู่ก่อนแล้ว  อะไรบางอย่างในดวงตานั้นที่ทำให้หล่อนกลืนน้ำลายเอื๊อกแต่ก็ต้องแข็งใจพูดออกมา
“ไม่มีแล้ว” ชายหนุ่มพูดพลางถอนหายใจเบาๆ
ไม่มีแล้ว! หมายความว่าไง  ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนี่หว่า
“ทำไม...”
“นายตั้งใจแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” คาโลประชดพลางแย้มรอยยิ้มเหยียด แต่พอเห็นคนป่วยทำตาปริบๆก็ต้องใจอ่อน “นายป่วยแบบนี้ งานก็เลยต้องยกเลิก”
บทจะง่ายก็ง่ายขึ้นมาเชียว ก่อนหน้านี้คิดแทบตายก็คิดไม่ออก
ไม่รู้จะทำยังไงให้หมอนี่ไม่เสียใจ
“นายคงหิว เดี๋ยวฉันไปบอกให้เค้าเอาอะไรมาให้กิน
“คาโล”
มือเล็กคว้ามือใหญ่เอาไว้จนเจ้าของต้องหันกลับมามอง
“อะไร”
“นายคิดถึงฉันไหม”
คำถามซื่อๆแต่จริงจังกับตาใสๆทำให้ใบหน้าของเจ้าชายแห่งคาโนวาลขึ้นสีเรื่อก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
“คิดจนปวดหัว เอาแต่ทำเรื่องยุ่ง”
แม้คำตอบจะไม่น่าพอใจนัก แต่เฟรินก็ยิ้มรับด้วยรู้ว่ามันแปลว่า
‘คิดถึงมาก’
“รู้ไหม ฉันก็คิดถึงนาย”
พูดเองเขินเอง เจ้าตัวจึงหน้าแดงระเรื่อ คำพูดเบาๆจากสาวน้อยเรียกรอยยิ้มบางขึ้นมาบนใบหน้าคมคาย มือใหญ่ลูบเบาๆที่หน้าผากมนอย่างรักใคร่แล้วจุมพิตเบาๆก่อนจะเดินออกไป
“คาโล” เสียงหวานยังรั้งไว้
“อะไร” คาโลรีบหยุดเผื่อจะได้ฟังอะไรหวานๆจากคนที่นานๆจะพูดอะไรดีๆอีก
“เอาแอปเปิ้ล”
ใบหน้ารูปสลักกลับสู่สภาพเดิมทันควัน  เสียงแผ่วๆยังคงดังตามหลังมา
“เย็นๆนะ”
คนป่วยช่างเอาแต่ใจจนน่าหมั่นไส้ เมื่อนางกำนัลเอามาให้ก็ทำท่าอิดออดไม่ยอมกิน
“ป้อนฉันหน่อย”
“ไม่ นายกินเอง”
เสียงหัวเราะคิกคักจากด้านหลังทำให้โหนกแก้มขาวๆเริ่มมีสีเรื่อ
“ฮื้อ ไม่เอา ฉันไม่มีแรงนะ นายนี่ชอบใจดำกับฉันอยู่เรื่อย”
เสียงคิกคักดังมาอีกระลอก เรียกให้สายตาดุๆต้องหันไปปรามจนเหล่าสาวๆต้องรีบเผ่นออกไปจากห้อง แล้วคนใจดำก็จำใจต้องป้อนผลไม้ในจานให้เจ้าตัวดีจนได้ เรียกรอยยิ้มขันและแววตาพราวระริกจากคนที่ไม่เจียมตัวว่าป่วย
“ฉันหลับไปกี่วันเนี่ย ทำไมไม่มีแรงเลย”
“สามวัน”
“แล้วงานวันเกิดนาย”
“เรียบร้อยแล้วตอนที่นายหลับอยู่”
“ไม่ใช่สามวันสามคืนหรือ”
“นั่นมันรวมงานหมั้นด้วย”
“อืม” เฟรินค่อยๆขยับตัวลงนอนโดยมีมือใหญ่ขยับผ้าห่มมาคลุมให้
“ฉันเป็นอะไร ทำไมมีไข้ตั้งสามวันแล้วไม่หาย”
ดวงตาสีฟ้าคู่สวยมองหล่อนนิ่ง คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างใช้ความคิด  จะว่าไปมันก็แปลกจริงๆ  หมอหลวงที่มาตรวจอาการก็หาสาเหตุไม่พบ  หรือว่ามันจะโดนอาคมอะไรเข้า  แต่เขาก็ไม่รู้สึกถึงกลิ่นไอเวทย์มนตร์อะไรเลย
หญิงสาวหลับไปโดยทิ้งให้คนเฝ้าเริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นเรื่อยๆอย่างระงับไม่อยู่
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
มาเม้นกันเยอะๆนะคะ เดี๋ยวตอนหน้ามีสมนาคุณพิเศษให้...................................................................................................คาโล
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น