ลำดับตอนที่ #14
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : เม้าท์แฟนบนรถม้า
กลับมาแล้วค่า เรื่องโน้นก็จะอัพภายในอาทิตย์นี้ ส่วนเรื่องนี้ก็ใกล้จะจบแล้ว อีกนิดเดียว ต่อเลยดีกว่า ไม่เสียเวลาพูดแล้ว
ฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝ
ข่าวงานหมั้นยังไม่ได้ถูกประกาศออกไปอย่างที่เธอกลัว  มีเพียงป้ายประกาศงานฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบสิบแปดปีของเจ้าชายคาโล วาเนบลี ที่ถูกติดตั้งไปทั่วเมืองแห่งนักรบ
แสงอาทิตย์ยามอัสดงสาดส่องไปทั่ว ย้อมอาคารบ้านเรือนให้กลายเป็นสีส้มไปทั้งเมือง หญิงสาวในชุดรัดกุมหรูหราแบบผู้ชายมีอันจะกิน สวมหมวกผ้าไหมเก็บผมสลวยไว้มิดชิดเดินผ่านประตูเมืองเข้าสู่นครหลวงแห่งคาโนวาลในตอนใกล้ค่ำ
ดีนะที่ไม่ได้แต่งตัวโทรมๆ พอเจอรถม้าผ่านมากลางเขาถึงยอมให้ขึ้น  ไม่งั้นคงต้องค้างแรมในป่าอีกหลายคืน แม้ว่าไอ้เสื้อขุนนางนี่มันจะเกี่ยวหนามมาจนรุ่งริ่งก็เถอะ
“พวกท่านเป็นชาวคาโนวาลหรือฮะ”
เฟรินลองแยบๆ ถามคู่รักเศรษฐีหนุ่มสาวตรงหน้าเอาไว้เผื่อมีข้อมูลอะไรเป็นประโยชน์
ทั้งคู่แต่งกายดี ประดับประดาด้วยของล้ำค่าล่อตาโจร รถม้าที่นั่งมาก็หรูหราอย่างยิ่ง แต่กลับมีน้ำใจรับคนเดินทางที่โบกเอามั่วๆอย่างหล่อนขึ้นรถ
สงสัยอ่อนต่อโลก ไม่ก็ฝีมือแน่จริง
“ใช่แล้ว พวกเราเป็นชาวคาโนวาล แล้วแม่หนูล่ะ”
แม่หนูเลยรึ ไอ้ร่างนี้
“บารามอสฮะ”
“แล้วมาทำอะไรที่คาโนวาล” ชายหนุ่มผู้เป็นสามีถาม
“เอ่อ...”
จะบอกได้ไง ว่ามาล้มงานหมั้นของเจ้าชายคนสำคัญ
“มาเยี่ยมญาติฮะ” เฟรินตอบไปส่งๆ
ภรรยาสาวเลิกคิ้วนิดๆพลางยิ้มอย่างเอ็นดูกับคำพูดแบบเด็กผู้ชายของเฟริน
แม่หนูนี่คงกลัวจะไม่ปลอดภัยเลยทำตัวเป็นเด็กผู้ชาย  ดูๆไปก็หน้าตาน่ารักไม่เบา แถมเสื้อผ้าที่ใส่ก็ดูดีมีราคา คงจะเป็นลูกสาวผู้ดีมีเงินที่ไหนสักแห่งแน่ น่าแปลกที่ต้องมาเดินทางคนเดียวโดยไม่มีผู้ติดตาม
หรือว่าหนีออกจากบ้านมา
“แหม น่าสงสารจัง เป็นผู้หญิงแต่ต้องเดินทางคนเดียว ญาติของแม่หนูชื่ออะไรหรือ เผื่อพวกเรารู้จักจะได้ไปส่งที่บ้านให้”
“ไม่เป็นไรหรอกฮะ ญาติผมเป็นแค่พ่อค้าเล็กๆ พวกท่านคงไม่รู้จักหรอก” เมื่อเริ่มรู้สึกว่าต้องโกหกมากขึ้น เฟรินก็รีบออกตัวแล้วถามกลับเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจออกไปจากเรื่องของตน “คาโนวาลจะมีงานอะไรหรือฮะ” ดวงตาสีน้ำตาลแกล้งกวาดมองไปรอบๆเหมือนอยากรู้อยากเห็น
“พิธีสู่ความเป็นผู้ใหญ่ของเจ้าชายคาโล” เศรษฐีหนุ่มเป็นฝ่ายตอบ
“หนูเคยเห็นท่านไหมล่ะ รูปงามสุดๆ” แม่สาวตรงหน้าแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าเคลิ้มฝันให้ผู้เป็นสามีต้องเขม่นมอง เฟรินจึงแยกเขี้ยวยิ้มแหย
ต้องยอมรับว่ามันหล่อจนน่าหมั่นไส้
“เคยฮะ”
“จริงหรือ!” หล่อนจับไหล่เฟรินเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน
“ก็ที่โรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก”
“จริงด้วย ถ้าไปดูหมากกระดานเกียรติยศก็ต้องได้เห็นแน่ๆอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่เคยนึกมาก่อนนะ“หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่ระงับความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ได้ “รู้ไหม พระมารดาของเจ้าชายเป็นชาวสโนวแลนด์ เจ้าชายท่านก็เลยผิวขาวรูปหล่อยังกะเทพบุตร แถมสายตาคมๆนั่นก็บาดใจเหลือเกิน”
ฮึ ไอ้สายตาที่ชอบเอามาแช่แข็งคนอื่นนั่นน่ะเรอะ
“แต่ผมว่า คาโล เอ้ย! เจ้าชายคาโลดูหยิ่งๆออกนะฮะ ท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตร”
“แหม ก็ท่านเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ต้องมาปกครองคนอื่นจะให้ยิ้มร่าทำหน้าทะเล้นแบบเด็กผู้ชายทั่วไปได้ยังไงล่ะจ๊ะ” แฟนคลับแถวหน้าแก้ตัวให้คอเป็นเอ็น
“เป็นที่นิยมจังนะฮะ” เฟรินเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันตอบ
“แน่นอนสิจ๊ะ ว่าแต่หนูเรียนที่เอดินเบิร์กใช่มั้ย เคยคุยกับท่านบ้างหรือเปล่าล่ะ”
“ก็มีบ้างฮะ”
“แสดงว่ารู้จักท่านน่ะสิ”
“ก็...”
“ว่าไงล่ะ”
“รู้จักใช่ไหมจ๊ะ” ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายวิบวับ
“รู้จักฮะ” หญิงสาวไม่สามารถโกหกได้อย่างที่ไม่รู้ว่าทำไม
บางที ผู้หญิงคนนี้อาจน่าจะน่ากลัวกว่า โร เซวาเรส
“ยอดไปเลย เธอพอจะรู้ไหมจ๊ะว่าท่านมีคนรักแล้วหรือยัง”
ดวงตาของหัวขโมยมีประกายระริกขึ้นมาวูบหนึ่งแต่แล้วกลับเปลี่ยนเป็นลำบากใจ ซึ่งก็ไม่รอดพ้นจากสายตาคมกริบอยากรู้อยากเห็นของภรรยาสาวไปได้
หรือว่าแม่สาวน้อยนี่จะแอบหลงรักเจ้าชายคาโล
แหมๆ ถึงกับหนีออกจากบ้านมาตามที่หัวใจเรียกร้อง
เศรษฐีณีด่วนสรุป ซึ่งก็แม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อ พลาดไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น
“ไม่ทราบฮะ แต่ผมว่ามาดอย่างมัน เอ้ย ท่านคงหาแฟนไม่ได้หรอกฮะ”
น่ารักจริง ทำเป็นไก๋
คิดแล้วแม่เศรษฐีสาวก็ส่งรอยยิ้มอบอุ่นทำเอาคนตอบร้อนๆหนาวๆ
“ไม่จริงหรอก สาวๆที่นี่ใครๆก็อยากเป็นพระชายาของเจ้าชายคาโลทั้งนั้น”
มาแล้ว เฟรินได้โอกาสวกเข้าเรื่องที่อยากถามซะที
“ท่านยังไม่มีคู่หมายหรือฮะ”
“ไม่มีหรอกจ๊ะ”
“แน่ใจนะฮะ”
“แน่ใจสิจ๊ะ ถ้ายังไม่ได้แต่งงานฉันเองก็อยากจะลองสมัครดูสักที”
เอาเป็นว่าแฟนคลับแถวหน้ายังไม่รู้  คงยังไม่มีการประกาศอะไรออกไป
เสียงกระแอมอย่างจงใจดังมาจากสามีผู้ทนฟังมานานจนหน้าเริ่มบูด
“แหมที่รัก ฉันแค่ล้อเล่นจ้ะ”
“อย่าเลย ที่เธอแอบเก็บรูปเจ้าชายไว้ในตู้เสื้อผ้า ทำไมฉันจะไม่รู้”
“แหม ความสุขเล็กๆน้อยๆ”
“ทีเธอยังให้ฉันเอารูปสาวๆไปทิ้งหมด”
“ก็ดีแล้วนี่ เธอจะเก็บเอาไว้บูชารึไง”
“แล้วเธอล่ะ...”
“เอ่อ ผมลงตรงนี้ก็ได้ฮะ”
เมื่อบรรยากาศบนรถเริ่มจะตุ่ย อีกทั้งยังมองเห็นตึกใหญ่หรูหราที่น่าจะเป็นพระราชวังอยู่หลังกำแพงตรงหน้า เฟรินก็รีบถอบฉากก่อนจะโดนดึงเข้าไปร่วมจนเผลอพูดอะไรออกไปมากกว่านี้
เมื่อกล่าวขอบคุณเศรษฐีใจดีสองผัวเมียที่ยอมให้เธอโดยสารมาด้วย สาวน้อยก็รีบพุ่งไปไม่เหลียวหลัง แม้ว่าฝ่ายหญิงจะทำท่าอยากพูดอะไรอีกมาก แถมยังเชื้อเชิญเธอไปพักที่บ้านก็ตาม
   
เสียงควบม้าดังมาจากทิศทางที่เป็นที่ตั้งของพระราชวัง เสียงฝีเท้าของม้าหลายตัวใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วจนหัวขโมยต้องรีบเผ่นลงไปหลบข้างทาง แล้วก็แทบหลุดปากร้องจ๊ากออกมา
    เจ็บเป็นบ้า
    เพราะรีบมากเกินไปเลยไม่ทันดูหน้าดูหลังให้ดี ดันพุ่งเข้าพงหนาม
    กลุ่มชายฉกรรจ์ในผ้าคลุมสีดำสี่ห้าคนควบม้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว
    ทหารคาโนวาล
    คงไม่ใช่ว่ารู้ข่าวแล้วออกมาตามจับเธอหรอกนะ
    ป่านนี้พระเจ้าตาคงรู้เรื่องที่เธอหนีออกมาแล้วไม่รู้ว่าจะมีคนออกมาตามหรือเปล่า
    ต้องมีแหงๆ มีหรือคิงชามัลจอมโหดจะยอมปล่อยให้เธอลอยนวลหนีไปง่ายๆ
    เมื่อเห็นว่าคนกลุ่มนั้นเลยไปไกลแล้วเฟรินก็ตะเกียกตะกายออกมาจากพุ่มไม้ ตามเนื้อตัวมีรอยข่วนเป็นริ้วๆเลือดออกซิบๆ เสื้อผ้าขาดวิ่น โดยเฉพาะที่หลังที่รู้สึกว่าโดนตำเข้าไปเต็มรัก
ไอ้ต้นไม้บ้านี่!
ดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองถนนเบื้องหน้าอย่างไม่ไว้ใจ  สัญชาติญาณของคนที่ชินกับการหลบหนีมาตลอดชีวิตสั่งให้เธอพยายามหลบสายตาคนให้มากที่สุด  หญิงสาวจึงเลือกเดินทางลัดเลาะชายป่าโดยไม่ขึ้นไปเดินบนถนนอีก
ดูเหมือนว่างานฉลองของเจ้าชายแห่งคาโนวาลจะเป็นที่นิยมไม่ใช่น้อย แม้โรงแรมเล็กๆใกล้ๆพระราชวังก็มีแขกมาพักจนเต็ม หล่อนจึงจำใจต้องหาร้านนั่งสั่งอาหารกินไปก่อนเนื่องจากหิวจัดจนไม่มีแรงจะเดินอีกแม้แต่ก้าวเดียว
ความเคยชินทำให้หัวขโมยเลือกเข้าร้านเหล้าเล็กๆที่สว่างไสวและท่าทางครึกครื้น
เสียงเอะอะของคนเมาดังลั่น แม้จะระคายหูแต่ก็ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆสมัยยังเร่ร่อน
ตอนนี้พ่อจะอยู่ที่ไหนกันนะ
ดวงตาสีน้ำตาลเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
ลูกสาวทั้งคนกำลังจะโดนจับหมั้นยังไม่รีบมาออกหน้า
คิดแล้วก็ถอนหายใจเฮือกพลางหันไปสั่งอะไรหนักๆมาดับเครียด
คาโล
ใบหน้าคมคายผุดขึ้นมาในห้วงสำนึกให้คนคิดนึกอายรีบปัดออกไปจากหัว
ไอ้การหมั้นนั่นมันน่ารังเกียจขนาดนั้นจริงหรือ
เธอไม่อยากหมั้นกับมันขนาดต่องถ่อมาถึงนี่จริงหรือ
แล้วทำไมต้องคอยคิดถึงมันทุกวันทั้งยามหลับยามตื่น ยิ่งมีเรื่องให้กลุ้มก็ยิ่งมาวนเวียนอยู่ในหัวแทบตลอดเวลา
คิดวนไปวนมาหลายวันก็หาคำตอบไม่ได้ ให้รู้สึกสับสนในใจนัก
“น้องมานั่งคนเดียวไม่เหงาหรือจ๊ะ”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หน้าตาไม่เลวแต่งกายแบบนักรบเข้ามากระแซะตามประสาคนหน้าตาดีที่มานั่งร้านเหล้าเพียงลำพัง
ไอ้ร่างสาวน้อยนี่มันช่างน่ารำคาญ ขนาดแต่งชุดผู้ชายยังมีไอ้หนุ่มมาสีให้คลื่นไส้
เฟรินคิดอย่างนึกเคือง พลางตอบไปส่งๆโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย
“ไม่เหงาหรอกพี่ชาย รอแฟนอยู่”
“เห็นนั่งมานานไม่เห็นจะมาเลย ไปนั่งกับพวกพี่ๆไปพลางๆดีไหมจ๊ะน้อง” ชายคนนั้นยังไม่ละความพยายาม “น่านะ” มือใหญ่ตะปบลงไปบนข้อมือเรียว คนรอแฟนจึงฉุนกึกขึ้นมา
เป็นผู้ชายอย่าริมาแต๊ะอั๋งตูนะว้อย
เฟรินลุกพรืดอย่างรวดเร็วจนคนจีบผงะ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มแยกเขี้ยวที่คนมองคิดว่าคือยิ้มหวานก็ลืมตัวไปกับสาวน้อยคนงามทันที
“แหม พี่ชายใจดีแบบนี้ น้องว่าเราไปข้างนอกด้วยกันดีกว่า”
“โห น้องใจถึงแบบนี้ พี่จะปฏิเสธให้เสียเชิงชายได้ยังไง”
แล้วเฟรินก็ลากแขนชายคนนั้นออกไปนอกร้าน
“บ้านพี่ชายอยู่ไหนหรือ”
“ตรงโน้นเองจ้ะ”
“ผ่าปฐพี!”
ร่างใหญ่กองอยู่ปนกับขยะหลังร้าน หลังจากเล่นงานเหยื่ออารมณ์จนสาแก่ใจแล้วก็ตรงยึดบ้านนอนคืนนี้เป็นของแถม
ไม่ใช่ขโมยแล้ว แบบนี้มันมหาโจร
ถ้าพ่อรู้เข้ามีหวังบ่นยับ ฐานทำเสียชื่อตระกูลเดอเบอโรว์
คิดแล้วก็หัวเราะหึๆก่อนที่จะผล็อยหลับไปอย่างอ่อนเพลีย
หล่อนถูกเตะโด่งออกมาเป็นรอบที่สามหลังจากพยายามใช้เส้นนักเรียนโรงเรียนพระราชาเพื่อขอเข้าไปในวัง
“ก็บอกว่าเป็นพระสหายมาจากเอดินเบิร์กไงเล่า”
หนอย อุตส่าห์ใส่เสื้อผ้าดีๆดูมีกะตังค์มาแล้วนะ
“แกเป็นคนที่สิบที่พูดแบบนี้”
ไอ้พวกนักต้มตุ๋นปลายแถว ทำมุขนี้เกร่อหมด
“ฉันพูดจริง ทำไมน้าไม่เชื่อ”
“ทำไมฉันจะต้องเชื่อแก ถ้าพูดจริงก็เอาหลักฐานมาพิสูจน์สิ”
เฟรินลังเลวูบ ก่อนจะตัดสินใจล้วงของในกระเป๋ากุกกัก
“เอ้า บัตรนักเรียนโรงเรียนพระราชา ของแท้แน่นอนมีไอเวทย์ของมหาปราชญ์เลโมธีด้วย”
ทหารหน้าวังรับไปดูแล้วก็เบ้ปาก
“ไม่เห็นจะหายากตรงไหน หลานข้าก็มี”
อุวะ
ถ้าไม่ติดว่าไอ้พระราชวังเมืองนักรบนี่มันแน่นหนาสมชื่อแล้วยังมีข่ายมนต์กางซ้ำอยู่อีก เธอจะไม่เสียเวลามาพูดอยู่นี่เลย
หัวขโมยมาแอบจดๆจ้องๆอยู่หลายวันแต่ก็ยังหาทางเล็ดลอดเข้าไปไม่ได้
คิงบาโรนี่แน่จริง
ถ้าแบบนี้คงจะล้มไอ้งานบ้าๆนั่นไม่ทัน อีกแค่สามวันเท่านั้นเอง แดดก็ร้อนแบบนี้ ชักจะตาลายแล้วนะว้อย จะว่าไปก็เหมือนจะป่วยๆมาหลายวันแล้ว แต่วันนี้ชักจะแย่ลง
“น้าไปเรียกคาโลออกมาสิ เดี๋ยวก็รู้ว่าฉันพูดจริง”
“บังอาจ! กล้าเรียกพระนามของเจ้าชายเฉยๆได้ยังไง ถึงเป็นผู้หญิงข้าก็ไม่ละเว้นหรอกนะอีหนู”
“ขอโทษครับ น้องสาวผมมันเพี้ยนๆ”
ยังไม่ทันที่ทหารยามหน้าพระราชวังจะจับเฟรินเข้าซังเต ชายหนุ่มร่างสูงที่เจ้าหล่อนเคยหมกกองขยะไว้ก็ปราดเข้ามากระชากร่างบางออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับการมาถึงของกลุ่มชายในชุดผ้าคลุมสีดำห้าคนที่เฟรินจำได้ว่าเคยพบในป่า หนึ่งในนั้นหันมามองชายร่างใหญ่ที่กำลังอุ้มหญิงสาวที่ดิ้นพราดๆส่งเสียงร้องอู้อี้ออกห่างไป
เฟริน?
ไม่น่าใช่ หมอนั่นมันไม่ชอบแต่งตัวดีแบบนั้น
“คนบ้าพระเจ้าค่ะ มาอ้างว่ารู้จักกับฝ่าบาท พี่ชายมันมาลากกลับไปแล้วพระเจ้าค่ะ” ทหารยามเอ่ยเมื่อเห็นเจ้าชายมีท่าทีสนใจ
“อืม” คำตอบราบเรียบตามนิสัย
แล้วเจ้าชายแห่งคาโนวาลก็หายลับเข้าไปหลังประตูบานใหญ่แห่งพระราชวัง
ฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝฝ
ข่าวงานหมั้นยังไม่ได้ถูกประกาศออกไปอย่างที่เธอกลัว  มีเพียงป้ายประกาศงานฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบสิบแปดปีของเจ้าชายคาโล วาเนบลี ที่ถูกติดตั้งไปทั่วเมืองแห่งนักรบ
แสงอาทิตย์ยามอัสดงสาดส่องไปทั่ว ย้อมอาคารบ้านเรือนให้กลายเป็นสีส้มไปทั้งเมือง หญิงสาวในชุดรัดกุมหรูหราแบบผู้ชายมีอันจะกิน สวมหมวกผ้าไหมเก็บผมสลวยไว้มิดชิดเดินผ่านประตูเมืองเข้าสู่นครหลวงแห่งคาโนวาลในตอนใกล้ค่ำ
ดีนะที่ไม่ได้แต่งตัวโทรมๆ พอเจอรถม้าผ่านมากลางเขาถึงยอมให้ขึ้น  ไม่งั้นคงต้องค้างแรมในป่าอีกหลายคืน แม้ว่าไอ้เสื้อขุนนางนี่มันจะเกี่ยวหนามมาจนรุ่งริ่งก็เถอะ
“พวกท่านเป็นชาวคาโนวาลหรือฮะ”
เฟรินลองแยบๆ ถามคู่รักเศรษฐีหนุ่มสาวตรงหน้าเอาไว้เผื่อมีข้อมูลอะไรเป็นประโยชน์
ทั้งคู่แต่งกายดี ประดับประดาด้วยของล้ำค่าล่อตาโจร รถม้าที่นั่งมาก็หรูหราอย่างยิ่ง แต่กลับมีน้ำใจรับคนเดินทางที่โบกเอามั่วๆอย่างหล่อนขึ้นรถ
สงสัยอ่อนต่อโลก ไม่ก็ฝีมือแน่จริง
“ใช่แล้ว พวกเราเป็นชาวคาโนวาล แล้วแม่หนูล่ะ”
แม่หนูเลยรึ ไอ้ร่างนี้
“บารามอสฮะ”
“แล้วมาทำอะไรที่คาโนวาล” ชายหนุ่มผู้เป็นสามีถาม
“เอ่อ...”
จะบอกได้ไง ว่ามาล้มงานหมั้นของเจ้าชายคนสำคัญ
“มาเยี่ยมญาติฮะ” เฟรินตอบไปส่งๆ
ภรรยาสาวเลิกคิ้วนิดๆพลางยิ้มอย่างเอ็นดูกับคำพูดแบบเด็กผู้ชายของเฟริน
แม่หนูนี่คงกลัวจะไม่ปลอดภัยเลยทำตัวเป็นเด็กผู้ชาย  ดูๆไปก็หน้าตาน่ารักไม่เบา แถมเสื้อผ้าที่ใส่ก็ดูดีมีราคา คงจะเป็นลูกสาวผู้ดีมีเงินที่ไหนสักแห่งแน่ น่าแปลกที่ต้องมาเดินทางคนเดียวโดยไม่มีผู้ติดตาม
หรือว่าหนีออกจากบ้านมา
“แหม น่าสงสารจัง เป็นผู้หญิงแต่ต้องเดินทางคนเดียว ญาติของแม่หนูชื่ออะไรหรือ เผื่อพวกเรารู้จักจะได้ไปส่งที่บ้านให้”
“ไม่เป็นไรหรอกฮะ ญาติผมเป็นแค่พ่อค้าเล็กๆ พวกท่านคงไม่รู้จักหรอก” เมื่อเริ่มรู้สึกว่าต้องโกหกมากขึ้น เฟรินก็รีบออกตัวแล้วถามกลับเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจออกไปจากเรื่องของตน “คาโนวาลจะมีงานอะไรหรือฮะ” ดวงตาสีน้ำตาลแกล้งกวาดมองไปรอบๆเหมือนอยากรู้อยากเห็น
“พิธีสู่ความเป็นผู้ใหญ่ของเจ้าชายคาโล” เศรษฐีหนุ่มเป็นฝ่ายตอบ
“หนูเคยเห็นท่านไหมล่ะ รูปงามสุดๆ” แม่สาวตรงหน้าแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าเคลิ้มฝันให้ผู้เป็นสามีต้องเขม่นมอง เฟรินจึงแยกเขี้ยวยิ้มแหย
ต้องยอมรับว่ามันหล่อจนน่าหมั่นไส้
“เคยฮะ”
“จริงหรือ!” หล่อนจับไหล่เฟรินเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน
“ก็ที่โรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก”
“จริงด้วย ถ้าไปดูหมากกระดานเกียรติยศก็ต้องได้เห็นแน่ๆอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่เคยนึกมาก่อนนะ“หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่ระงับความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ได้ “รู้ไหม พระมารดาของเจ้าชายเป็นชาวสโนวแลนด์ เจ้าชายท่านก็เลยผิวขาวรูปหล่อยังกะเทพบุตร แถมสายตาคมๆนั่นก็บาดใจเหลือเกิน”
ฮึ ไอ้สายตาที่ชอบเอามาแช่แข็งคนอื่นนั่นน่ะเรอะ
“แต่ผมว่า คาโล เอ้ย! เจ้าชายคาโลดูหยิ่งๆออกนะฮะ ท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตร”
“แหม ก็ท่านเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ต้องมาปกครองคนอื่นจะให้ยิ้มร่าทำหน้าทะเล้นแบบเด็กผู้ชายทั่วไปได้ยังไงล่ะจ๊ะ” แฟนคลับแถวหน้าแก้ตัวให้คอเป็นเอ็น
“เป็นที่นิยมจังนะฮะ” เฟรินเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันตอบ
“แน่นอนสิจ๊ะ ว่าแต่หนูเรียนที่เอดินเบิร์กใช่มั้ย เคยคุยกับท่านบ้างหรือเปล่าล่ะ”
“ก็มีบ้างฮะ”
“แสดงว่ารู้จักท่านน่ะสิ”
“ก็...”
“ว่าไงล่ะ”
“รู้จักใช่ไหมจ๊ะ” ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายวิบวับ
“รู้จักฮะ” หญิงสาวไม่สามารถโกหกได้อย่างที่ไม่รู้ว่าทำไม
บางที ผู้หญิงคนนี้อาจน่าจะน่ากลัวกว่า โร เซวาเรส
“ยอดไปเลย เธอพอจะรู้ไหมจ๊ะว่าท่านมีคนรักแล้วหรือยัง”
ดวงตาของหัวขโมยมีประกายระริกขึ้นมาวูบหนึ่งแต่แล้วกลับเปลี่ยนเป็นลำบากใจ ซึ่งก็ไม่รอดพ้นจากสายตาคมกริบอยากรู้อยากเห็นของภรรยาสาวไปได้
หรือว่าแม่สาวน้อยนี่จะแอบหลงรักเจ้าชายคาโล
แหมๆ ถึงกับหนีออกจากบ้านมาตามที่หัวใจเรียกร้อง
เศรษฐีณีด่วนสรุป ซึ่งก็แม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อ พลาดไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น
“ไม่ทราบฮะ แต่ผมว่ามาดอย่างมัน เอ้ย ท่านคงหาแฟนไม่ได้หรอกฮะ”
น่ารักจริง ทำเป็นไก๋
คิดแล้วแม่เศรษฐีสาวก็ส่งรอยยิ้มอบอุ่นทำเอาคนตอบร้อนๆหนาวๆ
“ไม่จริงหรอก สาวๆที่นี่ใครๆก็อยากเป็นพระชายาของเจ้าชายคาโลทั้งนั้น”
มาแล้ว เฟรินได้โอกาสวกเข้าเรื่องที่อยากถามซะที
“ท่านยังไม่มีคู่หมายหรือฮะ”
“ไม่มีหรอกจ๊ะ”
“แน่ใจนะฮะ”
“แน่ใจสิจ๊ะ ถ้ายังไม่ได้แต่งงานฉันเองก็อยากจะลองสมัครดูสักที”
เอาเป็นว่าแฟนคลับแถวหน้ายังไม่รู้  คงยังไม่มีการประกาศอะไรออกไป
เสียงกระแอมอย่างจงใจดังมาจากสามีผู้ทนฟังมานานจนหน้าเริ่มบูด
“แหมที่รัก ฉันแค่ล้อเล่นจ้ะ”
“อย่าเลย ที่เธอแอบเก็บรูปเจ้าชายไว้ในตู้เสื้อผ้า ทำไมฉันจะไม่รู้”
“แหม ความสุขเล็กๆน้อยๆ”
“ทีเธอยังให้ฉันเอารูปสาวๆไปทิ้งหมด”
“ก็ดีแล้วนี่ เธอจะเก็บเอาไว้บูชารึไง”
“แล้วเธอล่ะ...”
“เอ่อ ผมลงตรงนี้ก็ได้ฮะ”
เมื่อบรรยากาศบนรถเริ่มจะตุ่ย อีกทั้งยังมองเห็นตึกใหญ่หรูหราที่น่าจะเป็นพระราชวังอยู่หลังกำแพงตรงหน้า เฟรินก็รีบถอบฉากก่อนจะโดนดึงเข้าไปร่วมจนเผลอพูดอะไรออกไปมากกว่านี้
เมื่อกล่าวขอบคุณเศรษฐีใจดีสองผัวเมียที่ยอมให้เธอโดยสารมาด้วย สาวน้อยก็รีบพุ่งไปไม่เหลียวหลัง แม้ว่าฝ่ายหญิงจะทำท่าอยากพูดอะไรอีกมาก แถมยังเชื้อเชิญเธอไปพักที่บ้านก็ตาม
   
เสียงควบม้าดังมาจากทิศทางที่เป็นที่ตั้งของพระราชวัง เสียงฝีเท้าของม้าหลายตัวใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วจนหัวขโมยต้องรีบเผ่นลงไปหลบข้างทาง แล้วก็แทบหลุดปากร้องจ๊ากออกมา
    เจ็บเป็นบ้า
    เพราะรีบมากเกินไปเลยไม่ทันดูหน้าดูหลังให้ดี ดันพุ่งเข้าพงหนาม
    กลุ่มชายฉกรรจ์ในผ้าคลุมสีดำสี่ห้าคนควบม้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว
    ทหารคาโนวาล
    คงไม่ใช่ว่ารู้ข่าวแล้วออกมาตามจับเธอหรอกนะ
    ป่านนี้พระเจ้าตาคงรู้เรื่องที่เธอหนีออกมาแล้วไม่รู้ว่าจะมีคนออกมาตามหรือเปล่า
    ต้องมีแหงๆ มีหรือคิงชามัลจอมโหดจะยอมปล่อยให้เธอลอยนวลหนีไปง่ายๆ
    เมื่อเห็นว่าคนกลุ่มนั้นเลยไปไกลแล้วเฟรินก็ตะเกียกตะกายออกมาจากพุ่มไม้ ตามเนื้อตัวมีรอยข่วนเป็นริ้วๆเลือดออกซิบๆ เสื้อผ้าขาดวิ่น โดยเฉพาะที่หลังที่รู้สึกว่าโดนตำเข้าไปเต็มรัก
ไอ้ต้นไม้บ้านี่!
ดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองถนนเบื้องหน้าอย่างไม่ไว้ใจ  สัญชาติญาณของคนที่ชินกับการหลบหนีมาตลอดชีวิตสั่งให้เธอพยายามหลบสายตาคนให้มากที่สุด  หญิงสาวจึงเลือกเดินทางลัดเลาะชายป่าโดยไม่ขึ้นไปเดินบนถนนอีก
ดูเหมือนว่างานฉลองของเจ้าชายแห่งคาโนวาลจะเป็นที่นิยมไม่ใช่น้อย แม้โรงแรมเล็กๆใกล้ๆพระราชวังก็มีแขกมาพักจนเต็ม หล่อนจึงจำใจต้องหาร้านนั่งสั่งอาหารกินไปก่อนเนื่องจากหิวจัดจนไม่มีแรงจะเดินอีกแม้แต่ก้าวเดียว
ความเคยชินทำให้หัวขโมยเลือกเข้าร้านเหล้าเล็กๆที่สว่างไสวและท่าทางครึกครื้น
เสียงเอะอะของคนเมาดังลั่น แม้จะระคายหูแต่ก็ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆสมัยยังเร่ร่อน
ตอนนี้พ่อจะอยู่ที่ไหนกันนะ
ดวงตาสีน้ำตาลเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
ลูกสาวทั้งคนกำลังจะโดนจับหมั้นยังไม่รีบมาออกหน้า
คิดแล้วก็ถอนหายใจเฮือกพลางหันไปสั่งอะไรหนักๆมาดับเครียด
คาโล
ใบหน้าคมคายผุดขึ้นมาในห้วงสำนึกให้คนคิดนึกอายรีบปัดออกไปจากหัว
ไอ้การหมั้นนั่นมันน่ารังเกียจขนาดนั้นจริงหรือ
เธอไม่อยากหมั้นกับมันขนาดต่องถ่อมาถึงนี่จริงหรือ
แล้วทำไมต้องคอยคิดถึงมันทุกวันทั้งยามหลับยามตื่น ยิ่งมีเรื่องให้กลุ้มก็ยิ่งมาวนเวียนอยู่ในหัวแทบตลอดเวลา
คิดวนไปวนมาหลายวันก็หาคำตอบไม่ได้ ให้รู้สึกสับสนในใจนัก
“น้องมานั่งคนเดียวไม่เหงาหรือจ๊ะ”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หน้าตาไม่เลวแต่งกายแบบนักรบเข้ามากระแซะตามประสาคนหน้าตาดีที่มานั่งร้านเหล้าเพียงลำพัง
ไอ้ร่างสาวน้อยนี่มันช่างน่ารำคาญ ขนาดแต่งชุดผู้ชายยังมีไอ้หนุ่มมาสีให้คลื่นไส้
เฟรินคิดอย่างนึกเคือง พลางตอบไปส่งๆโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย
“ไม่เหงาหรอกพี่ชาย รอแฟนอยู่”
“เห็นนั่งมานานไม่เห็นจะมาเลย ไปนั่งกับพวกพี่ๆไปพลางๆดีไหมจ๊ะน้อง” ชายคนนั้นยังไม่ละความพยายาม “น่านะ” มือใหญ่ตะปบลงไปบนข้อมือเรียว คนรอแฟนจึงฉุนกึกขึ้นมา
เป็นผู้ชายอย่าริมาแต๊ะอั๋งตูนะว้อย
เฟรินลุกพรืดอย่างรวดเร็วจนคนจีบผงะ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มแยกเขี้ยวที่คนมองคิดว่าคือยิ้มหวานก็ลืมตัวไปกับสาวน้อยคนงามทันที
“แหม พี่ชายใจดีแบบนี้ น้องว่าเราไปข้างนอกด้วยกันดีกว่า”
“โห น้องใจถึงแบบนี้ พี่จะปฏิเสธให้เสียเชิงชายได้ยังไง”
แล้วเฟรินก็ลากแขนชายคนนั้นออกไปนอกร้าน
“บ้านพี่ชายอยู่ไหนหรือ”
“ตรงโน้นเองจ้ะ”
“ผ่าปฐพี!”
ร่างใหญ่กองอยู่ปนกับขยะหลังร้าน หลังจากเล่นงานเหยื่ออารมณ์จนสาแก่ใจแล้วก็ตรงยึดบ้านนอนคืนนี้เป็นของแถม
ไม่ใช่ขโมยแล้ว แบบนี้มันมหาโจร
ถ้าพ่อรู้เข้ามีหวังบ่นยับ ฐานทำเสียชื่อตระกูลเดอเบอโรว์
คิดแล้วก็หัวเราะหึๆก่อนที่จะผล็อยหลับไปอย่างอ่อนเพลีย
หล่อนถูกเตะโด่งออกมาเป็นรอบที่สามหลังจากพยายามใช้เส้นนักเรียนโรงเรียนพระราชาเพื่อขอเข้าไปในวัง
“ก็บอกว่าเป็นพระสหายมาจากเอดินเบิร์กไงเล่า”
หนอย อุตส่าห์ใส่เสื้อผ้าดีๆดูมีกะตังค์มาแล้วนะ
“แกเป็นคนที่สิบที่พูดแบบนี้”
ไอ้พวกนักต้มตุ๋นปลายแถว ทำมุขนี้เกร่อหมด
“ฉันพูดจริง ทำไมน้าไม่เชื่อ”
“ทำไมฉันจะต้องเชื่อแก ถ้าพูดจริงก็เอาหลักฐานมาพิสูจน์สิ”
เฟรินลังเลวูบ ก่อนจะตัดสินใจล้วงของในกระเป๋ากุกกัก
“เอ้า บัตรนักเรียนโรงเรียนพระราชา ของแท้แน่นอนมีไอเวทย์ของมหาปราชญ์เลโมธีด้วย”
ทหารหน้าวังรับไปดูแล้วก็เบ้ปาก
“ไม่เห็นจะหายากตรงไหน หลานข้าก็มี”
อุวะ
ถ้าไม่ติดว่าไอ้พระราชวังเมืองนักรบนี่มันแน่นหนาสมชื่อแล้วยังมีข่ายมนต์กางซ้ำอยู่อีก เธอจะไม่เสียเวลามาพูดอยู่นี่เลย
หัวขโมยมาแอบจดๆจ้องๆอยู่หลายวันแต่ก็ยังหาทางเล็ดลอดเข้าไปไม่ได้
คิงบาโรนี่แน่จริง
ถ้าแบบนี้คงจะล้มไอ้งานบ้าๆนั่นไม่ทัน อีกแค่สามวันเท่านั้นเอง แดดก็ร้อนแบบนี้ ชักจะตาลายแล้วนะว้อย จะว่าไปก็เหมือนจะป่วยๆมาหลายวันแล้ว แต่วันนี้ชักจะแย่ลง
“น้าไปเรียกคาโลออกมาสิ เดี๋ยวก็รู้ว่าฉันพูดจริง”
“บังอาจ! กล้าเรียกพระนามของเจ้าชายเฉยๆได้ยังไง ถึงเป็นผู้หญิงข้าก็ไม่ละเว้นหรอกนะอีหนู”
“ขอโทษครับ น้องสาวผมมันเพี้ยนๆ”
ยังไม่ทันที่ทหารยามหน้าพระราชวังจะจับเฟรินเข้าซังเต ชายหนุ่มร่างสูงที่เจ้าหล่อนเคยหมกกองขยะไว้ก็ปราดเข้ามากระชากร่างบางออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับการมาถึงของกลุ่มชายในชุดผ้าคลุมสีดำห้าคนที่เฟรินจำได้ว่าเคยพบในป่า หนึ่งในนั้นหันมามองชายร่างใหญ่ที่กำลังอุ้มหญิงสาวที่ดิ้นพราดๆส่งเสียงร้องอู้อี้ออกห่างไป
เฟริน?
ไม่น่าใช่ หมอนั่นมันไม่ชอบแต่งตัวดีแบบนั้น
“คนบ้าพระเจ้าค่ะ มาอ้างว่ารู้จักกับฝ่าบาท พี่ชายมันมาลากกลับไปแล้วพระเจ้าค่ะ” ทหารยามเอ่ยเมื่อเห็นเจ้าชายมีท่าทีสนใจ
“อืม” คำตอบราบเรียบตามนิสัย
แล้วเจ้าชายแห่งคาโนวาลก็หายลับเข้าไปหลังประตูบานใหญ่แห่งพระราชวัง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น