ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ขว้างงูไม่พ้นคิล
    จากแค่อดเที่ยวบานปลายกลายเป็นงานหมั้นสุดสยอง
    “ไม่มีทางอื่นแล้วคิล”
    นักฆ่าหนุ่มก้มลงมองเพื่อนสาวที่นอนแผ่หราอยู่บนโซฟาอย่างหมดแรง
    วันนี้เป็นวันที่สิบสามที่หัวขโมยตัวแสบถูกเคี่ยวกรำทั้งการเดิน การนั่ง การพูด จากญาติทั้งสองที่น่ากลัวเหมือนกิ้งก่าตากแห้งอย่างที่เจ้าตัวว่าไว้จนหมดแรงแม้แต่จะก้าว  แถมยังถูกลดปริมาณอาหารลงอีกเพื่อให้สมหญิง
    แรกๆเจ้าตัวก็โวยลั่นแต่ก็ต้องหุบปากเมื่อถูกขู่ว่าถ้าบ่นมากจะงดอาหารเย็นไปเลย
    พอขู่ว่าจะหนีก็โดนกักบริเวณด้วยเขตอาคมจนออกไปนอกวังไม่ได้
    ดื้อปุ๊บ  โดนลงโทษปั๊บ  คิงชามัลไม่ปราณีหลานสาวจอมดื้อคนนี้เลยสักนิดเดียวจนคิลเริ่มสงสัยว่าแอบแก้แค้นที่เจ้านี่มันชอบป่วนชั้นเรียนหรือเปล่า
   
                ไม่น่ามาที่นี่เลยๆๆๆๆ
    เจ้าหญิงแห่งบารามอสที่ยังเหลือแรงมากเกินคาดตะโกนซ้ำๆจนเขาแทบหูชา  ว่าจะหนีกลับบ้านไปให้รู้แล้วรู้รอดถ้าไม่ติดว่าสงสารถ้าปล่อยให้มันอยู่นี่คนเดียว  แต่เพื่อนที่ไม่คยรู้สำนึกอย่างมันก็เริ่มจะขอให้เขาทำอะไรยากๆอีกแล้ว
    “นายจะให้ฉันไปเอาแหวนจากแองจี้ไกลถึงวิทซ์นี่นะ”
    “โธ่  คิล ถ้าฉันไม่กลับเป็นผู้ชายแล้วรีบหนีๆไปซะมีหวังโดนหมั้นแน่ๆ”
    “แล้วมันไม่ดีตรงไหน  แค่หมั้นไม่ได้แต่งงานซะหน่อย”
    “ไอ้บ้า  ฉันเพิ่งจะอายุสิบเจ็ดเองนะเฟ้ย  จะให้มีห่วงคล้องคอแล้วเรอะ  แถมยังเป็นไอ้ห่วงน้ำแข็งเย็นยะเยือกอีก เสียดายชีวิตโสดตาย”
   
                “แล้วมันต่างกันตรงไหนกับตอนนี้ ไหนๆนายก็มีแค่คาโลมันคนเดียวอยู่ดี”
    คำแย้งนั้นทำให้หน้าหวานๆขึ้นสีวูบก่อนจะแสร้งทำเป็นโมโห
“นายไม่เห็นหรือคิล แค่นี้มันก็สั่งโน่นสั่งนี่จนฉันอึดอัดจะแย่ ถ้าเป็นคู่หมั้นกันมีหวังมันคงไม่ให้ฉันทำโน่นทำนี่จนหมดสนุกตาย”
“ยังกะนายจะยอมให้มันสั่ง” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“ก็ต้องไม่ยอมแน่อยู่แล้ว ชีวิตฉันก็เป็นของฉันสิ แต่ถ้าต้องมาแบกยี่ห้อพระคู่หมั้นของไอ้เจ้าชายมาดมากนั่นเดินไปเดินมา แค่คิดก็อายเค้า
ตายชัก”
“จะว่าไปก็แปลก”  คิลนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ “คาโลมันทำเรื่องนี้โดยไม่ปรึกษานายได้ไง  ไหนคิงชามัลบอกว่าพวกนายตกลงกันเรียบร้อยดีแล้ว”  ดวงตาสีม่วงเหลือบมองเพื่อนสาวอย่างสงสัย
หัวขโมยหลบตาวูบ  จะบอกไปได้ไงว่าเธอเมาแล้วขอมันแต่งงาน 
แต่ไอ้เจ้าชายบ้านั่นก็ไม่ตอบเธอแต่ดันเอาไปตอบตาเธอแทน
อย่างนี้เค้าเรียก  ผิดทั้งคู่...รึเปล่า
“ไอ้ที่ตกลงกันมันเรื่องไปเที่ยวคาโนวาล ไม่ใช่ไอ้เรื่องหมั้นบ้าบอนี่” เฟรินตัดสินใจไม่ยอมบอกรายละเอียดแก่เพื่อนซี้
“งั้นรึ”  นักฆ่าขมวดคิ้ว
ทำแบบนี้ไม่เห็นสมกับเป็นไอ้คาโลเลย 
“ว่าแต่นายจะไม่ยอมไปเอาแหวนให้ฉันจริงๆหรือคิล เรื่องมันคอขาดบาดตายขนาดนี้เชียวนะ”
“ไม่ มันไกลเกิน”
“คิลลลลลลล!” ร่างเล็กดีดตัวขึ้นมาเขย่าแขนเพื่อนโดยแรงจนหัวสั่นหัวคลอน
“อย่าพยายามเลยเฟริน เหลือเวลาอีกแค่สองอาทิตย์  ถึงฉันจะยอมไปก็กลับมาไม่ทันอยู่ดี”
“แกไม่สงสารฉันเหรอวะ”
ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตเป็นประกายวิบๆเหมือนลูกหมาถูกทิ้งทั้งขอร้องทั้งบังคับ  ให้นักฆ่านึกสงสารคนที่อยู่ไกลแทนเจ้าหญิงจอมเอาแต่ใจตรงหน้า
นายอยากหมั้นกับมันจริงๆหรือคาโล
“หมั้นได้ก็ถอนได้” คิลเปรยเรียบ
“แกทำเป็นไม่รู้นิสัยมันไปได้ ไอ้คนบ้าศักดิ์ศรีนั่น ขืนไปถอนหมั้นมันมีหวังมันโกรธตาย  เผลอๆพ่อมันจะยั๊วะจัดยกทัพมาบุกบารามอสโทษฐานทำลูกชายสุดที่รักหน้าแตก”
“อย่างนั้นหรือ” คิลพยักหน้าเนิบๆอย่างเริ่มจะเห็นด้วย “จะว่าไปก็จริงของแก”
คำรับซื่อๆของเพื่อนนักฆ่าทำให้เฟรินเริ่มรู้สึกละอาย  เธอก็อ้างไปอย่างนั้นเอง  เธอไม่ได้ไร้หัวคิดขนาดที่จะไม่รู้ว่าถ้าเธอล้มงานหมั้นนั่นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ไอ้น้ำแข็งเดินได้นั่นมันคงเสียใจ
แค่คิดเฟรินก็ถอนหายใจเฮือก
มันคงทำให้หัวขโมยสลดยิ่งกว่าการที่มันจะโกรธหรืออะไรทั้งสิ้น
ทำไมเธอจะไม่รู้ว่ามันรักเธอมากจนต้องหวั่นไหวไปกับการกระทำของเธอ
ดังนั้น  วิธีที่ดีที่สุดคือ  ต้องไปคุยกับมันให้รู้เรื่องก่อนจะมีการประกาศอะไรออกไป 
แต่ถ้าไปด้วยร่างผู้หญิงก็กลัวจะไม่สำเร็จ
คิดแล้วก็ให้หน้าร้อนวาบ
ไอ้บ้านั่น  นับวันยิ่งเอาใหญ่  ถ้ามันเกิดถือว่าไหนๆก็จะแต่งงานกันแล้วจัดการรวบรัดเธอซะ เธอจะหนีมันรอดหรือเปล่าก็ยังไม่แน่
ถึงจะหนีมันพ้น  ก็ใช่ว่าจะหนีใจตัวเองพ้น
ถึงจะเมาแต่ก็จำได้แม่น  เรื่องคืนนั้น
เป็นของฉันนะคาโล
พูดออกไปด้ายยยย!!!
เพราะเมาทำให้ขาดสติ  ขาดสติแต่ก็ใช่ว่าจะฝืนใจ แต่ขาดสติจนเผลอบอกความในใจที่เพียรเก็บซ่อนไว้เพราะกลัวคนรับมันจะย้อนกลับมาเอาเปรียบ
ก็คนมันเคยแต่เป็นฝ่ายรุก  พอต้องมารับก็อดหนีไม่ได้ทุกที
ก็มันน่ารักน้อยอยู่ซะเมื่อไหร่ คนปากแข็งแต่ใจอ่อน  แถมยังใจดี
ในเมื่อหัวขโมยรักขนาดนั้น  ไม่อยากได้ก็แปลกแล้ว  หัวใจลึกๆมันเรียกร้อง  อยากเป็นเจ้าของมันซะให้รู้แล้วรู้รอด
“ฉันไปก็ได้”
เสียงเปรยปนถอนหายใจของคนข้างๆเรียกสติของคนที่จมอยู่ในห้วงความคิดกลับมา 
“จริงหรือคิล  ขอบใจนะ  ฉันนึกแล้วว่านายพึ่งได้เสมอ”  ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างดีใจเหมือนเด็กๆ  ทำให้คิลอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นขยี้หัวเพื่อนอย่างเอ็นดูปนเหนื่อยหน่าย
“ถ้าขี่ม้าไปคงราวๆหกวัน กลับอีกหกวัน ตอนนั้นนายก็คงออกเดินทางแล้ว เอางี้  เราไปเจอกันที่คาโนวาลเลยดีกว่า”
“อืม” เจ้าตัวแสบพยักหน้าอย่างหนักใจ
ต้องไปคุยกับมันในร่างผู้หญิงสินะ
“แต่ฉันไม่รับปากนะว่าจะทัน ไม่แน่ว่าจะเจอแองเจลิน่าทันทีด้วย แล้วก็ไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนจะยอมคืนแหวนนายดีๆหรือเปล่า”
    “ต้องทันสิ นายทำได้อยู่แล้วใช่ไหม” เฟรินเขย่าแขนเพื่อนอย่างกังวล จะว่าไปเธอก็เคยมีคดีเรื่องแหวนกับแองจี้ 
คิลไม่ยอมสบตาด้วย  จนหัวขโมยเริ่มหงุดหงิด
    เอาวะ  เก็บแหวนไว้เป็นไม้ตาย  อย่างน้อยก็เอาไว้ขู่หนีตอนท้ายถ้าไอ้เจ้าชายมาดมากนั่นมันไม่ยอมยกเลิกพิธีหมั้น
    “นายไปเดี๋ยวนี้เลยคิล”
    “เออๆ” คิลลุกขึ้นบิดกายอย่างเกียจคร้านแล้วก็เดินบ่นงึมงำออกไปจากห้อง
    ท้องฟ้าเป็นสีส้มแสบตา  นกบินกลับรัง  แสดงถึงเวลาว่าจะค่ำลงในไม่ช้า
    “เร็วๆสิคิล เดี๋ยวไม่ทัน”
    คำเร่งที่นักฆ่าอยากจะหันไปฆ่า
มันไม่ได้เกรงใจเพื่อนสักนิด เห็นๆอยู่ว่าฟ้าจะมืดยังจะเ สือกไสไล่ส่งเขาไปเข้าป่า มันน่าเลิกคบไหม
เจ้าหญิงแห่งเดมอสได้แต่นั่งกลุ้มรออนาคตที่จะมาถึงพลางนึกหาทางหนีทีไล่เพิ่มตามวิสัยคนไม่ชอบจนมุม
“เจ้าหญิงเฟลิโอน่าเพคะ ทูตจากเดมอสมาขอพบ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากคิลจากไปไม่ถึงสิบนาที  เมื่อเธอลุกไปเปิดก็ต้องงงเมื่อไม่เห็นมีใคร  แต่พอจะก้าวออกไปก็ต้องชะงักเมื่อเสียงจากพื้นร้องลั่น
“ฝ่าบาท  กระหม่อมอยู่นี่  อย่าเพิ่งเหยียบพระเจ้าค่ะ”
โกโดม  โคมุส
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นทันทีที่เป็นสิ่งมีชีวิตตรงหน้า  มือเล็กขยับช้อนร่างเล็กจิ๋วขึ้นมาอย่างอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน  พลางพยักหน้าไล่เหล่านางกำนัลกลับไป
มาแล้ว  แผนสำรอง
    “ไม่มีทางอื่นแล้วคิล”
    นักฆ่าหนุ่มก้มลงมองเพื่อนสาวที่นอนแผ่หราอยู่บนโซฟาอย่างหมดแรง
    วันนี้เป็นวันที่สิบสามที่หัวขโมยตัวแสบถูกเคี่ยวกรำทั้งการเดิน การนั่ง การพูด จากญาติทั้งสองที่น่ากลัวเหมือนกิ้งก่าตากแห้งอย่างที่เจ้าตัวว่าไว้จนหมดแรงแม้แต่จะก้าว  แถมยังถูกลดปริมาณอาหารลงอีกเพื่อให้สมหญิง
    แรกๆเจ้าตัวก็โวยลั่นแต่ก็ต้องหุบปากเมื่อถูกขู่ว่าถ้าบ่นมากจะงดอาหารเย็นไปเลย
    พอขู่ว่าจะหนีก็โดนกักบริเวณด้วยเขตอาคมจนออกไปนอกวังไม่ได้
    ดื้อปุ๊บ  โดนลงโทษปั๊บ  คิงชามัลไม่ปราณีหลานสาวจอมดื้อคนนี้เลยสักนิดเดียวจนคิลเริ่มสงสัยว่าแอบแก้แค้นที่เจ้านี่มันชอบป่วนชั้นเรียนหรือเปล่า
   
                ไม่น่ามาที่นี่เลยๆๆๆๆ
    เจ้าหญิงแห่งบารามอสที่ยังเหลือแรงมากเกินคาดตะโกนซ้ำๆจนเขาแทบหูชา  ว่าจะหนีกลับบ้านไปให้รู้แล้วรู้รอดถ้าไม่ติดว่าสงสารถ้าปล่อยให้มันอยู่นี่คนเดียว  แต่เพื่อนที่ไม่คยรู้สำนึกอย่างมันก็เริ่มจะขอให้เขาทำอะไรยากๆอีกแล้ว
    “นายจะให้ฉันไปเอาแหวนจากแองจี้ไกลถึงวิทซ์นี่นะ”
    “โธ่  คิล ถ้าฉันไม่กลับเป็นผู้ชายแล้วรีบหนีๆไปซะมีหวังโดนหมั้นแน่ๆ”
    “แล้วมันไม่ดีตรงไหน  แค่หมั้นไม่ได้แต่งงานซะหน่อย”
    “ไอ้บ้า  ฉันเพิ่งจะอายุสิบเจ็ดเองนะเฟ้ย  จะให้มีห่วงคล้องคอแล้วเรอะ  แถมยังเป็นไอ้ห่วงน้ำแข็งเย็นยะเยือกอีก เสียดายชีวิตโสดตาย”
   
                “แล้วมันต่างกันตรงไหนกับตอนนี้ ไหนๆนายก็มีแค่คาโลมันคนเดียวอยู่ดี”
    คำแย้งนั้นทำให้หน้าหวานๆขึ้นสีวูบก่อนจะแสร้งทำเป็นโมโห
“นายไม่เห็นหรือคิล แค่นี้มันก็สั่งโน่นสั่งนี่จนฉันอึดอัดจะแย่ ถ้าเป็นคู่หมั้นกันมีหวังมันคงไม่ให้ฉันทำโน่นทำนี่จนหมดสนุกตาย”
“ยังกะนายจะยอมให้มันสั่ง” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“ก็ต้องไม่ยอมแน่อยู่แล้ว ชีวิตฉันก็เป็นของฉันสิ แต่ถ้าต้องมาแบกยี่ห้อพระคู่หมั้นของไอ้เจ้าชายมาดมากนั่นเดินไปเดินมา แค่คิดก็อายเค้า
ตายชัก”
“จะว่าไปก็แปลก”  คิลนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ “คาโลมันทำเรื่องนี้โดยไม่ปรึกษานายได้ไง  ไหนคิงชามัลบอกว่าพวกนายตกลงกันเรียบร้อยดีแล้ว”  ดวงตาสีม่วงเหลือบมองเพื่อนสาวอย่างสงสัย
หัวขโมยหลบตาวูบ  จะบอกไปได้ไงว่าเธอเมาแล้วขอมันแต่งงาน 
แต่ไอ้เจ้าชายบ้านั่นก็ไม่ตอบเธอแต่ดันเอาไปตอบตาเธอแทน
อย่างนี้เค้าเรียก  ผิดทั้งคู่...รึเปล่า
“ไอ้ที่ตกลงกันมันเรื่องไปเที่ยวคาโนวาล ไม่ใช่ไอ้เรื่องหมั้นบ้าบอนี่” เฟรินตัดสินใจไม่ยอมบอกรายละเอียดแก่เพื่อนซี้
“งั้นรึ”  นักฆ่าขมวดคิ้ว
ทำแบบนี้ไม่เห็นสมกับเป็นไอ้คาโลเลย 
“ว่าแต่นายจะไม่ยอมไปเอาแหวนให้ฉันจริงๆหรือคิล เรื่องมันคอขาดบาดตายขนาดนี้เชียวนะ”
“ไม่ มันไกลเกิน”
“คิลลลลลลล!” ร่างเล็กดีดตัวขึ้นมาเขย่าแขนเพื่อนโดยแรงจนหัวสั่นหัวคลอน
“อย่าพยายามเลยเฟริน เหลือเวลาอีกแค่สองอาทิตย์  ถึงฉันจะยอมไปก็กลับมาไม่ทันอยู่ดี”
“แกไม่สงสารฉันเหรอวะ”
ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตเป็นประกายวิบๆเหมือนลูกหมาถูกทิ้งทั้งขอร้องทั้งบังคับ  ให้นักฆ่านึกสงสารคนที่อยู่ไกลแทนเจ้าหญิงจอมเอาแต่ใจตรงหน้า
นายอยากหมั้นกับมันจริงๆหรือคาโล
“หมั้นได้ก็ถอนได้” คิลเปรยเรียบ
“แกทำเป็นไม่รู้นิสัยมันไปได้ ไอ้คนบ้าศักดิ์ศรีนั่น ขืนไปถอนหมั้นมันมีหวังมันโกรธตาย  เผลอๆพ่อมันจะยั๊วะจัดยกทัพมาบุกบารามอสโทษฐานทำลูกชายสุดที่รักหน้าแตก”
“อย่างนั้นหรือ” คิลพยักหน้าเนิบๆอย่างเริ่มจะเห็นด้วย “จะว่าไปก็จริงของแก”
คำรับซื่อๆของเพื่อนนักฆ่าทำให้เฟรินเริ่มรู้สึกละอาย  เธอก็อ้างไปอย่างนั้นเอง  เธอไม่ได้ไร้หัวคิดขนาดที่จะไม่รู้ว่าถ้าเธอล้มงานหมั้นนั่นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ไอ้น้ำแข็งเดินได้นั่นมันคงเสียใจ
แค่คิดเฟรินก็ถอนหายใจเฮือก
มันคงทำให้หัวขโมยสลดยิ่งกว่าการที่มันจะโกรธหรืออะไรทั้งสิ้น
ทำไมเธอจะไม่รู้ว่ามันรักเธอมากจนต้องหวั่นไหวไปกับการกระทำของเธอ
ดังนั้น  วิธีที่ดีที่สุดคือ  ต้องไปคุยกับมันให้รู้เรื่องก่อนจะมีการประกาศอะไรออกไป 
แต่ถ้าไปด้วยร่างผู้หญิงก็กลัวจะไม่สำเร็จ
คิดแล้วก็ให้หน้าร้อนวาบ
ไอ้บ้านั่น  นับวันยิ่งเอาใหญ่  ถ้ามันเกิดถือว่าไหนๆก็จะแต่งงานกันแล้วจัดการรวบรัดเธอซะ เธอจะหนีมันรอดหรือเปล่าก็ยังไม่แน่
ถึงจะหนีมันพ้น  ก็ใช่ว่าจะหนีใจตัวเองพ้น
ถึงจะเมาแต่ก็จำได้แม่น  เรื่องคืนนั้น
เป็นของฉันนะคาโล
พูดออกไปด้ายยยย!!!
เพราะเมาทำให้ขาดสติ  ขาดสติแต่ก็ใช่ว่าจะฝืนใจ แต่ขาดสติจนเผลอบอกความในใจที่เพียรเก็บซ่อนไว้เพราะกลัวคนรับมันจะย้อนกลับมาเอาเปรียบ
ก็คนมันเคยแต่เป็นฝ่ายรุก  พอต้องมารับก็อดหนีไม่ได้ทุกที
ก็มันน่ารักน้อยอยู่ซะเมื่อไหร่ คนปากแข็งแต่ใจอ่อน  แถมยังใจดี
ในเมื่อหัวขโมยรักขนาดนั้น  ไม่อยากได้ก็แปลกแล้ว  หัวใจลึกๆมันเรียกร้อง  อยากเป็นเจ้าของมันซะให้รู้แล้วรู้รอด
“ฉันไปก็ได้”
เสียงเปรยปนถอนหายใจของคนข้างๆเรียกสติของคนที่จมอยู่ในห้วงความคิดกลับมา 
“จริงหรือคิล  ขอบใจนะ  ฉันนึกแล้วว่านายพึ่งได้เสมอ”  ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างดีใจเหมือนเด็กๆ  ทำให้คิลอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นขยี้หัวเพื่อนอย่างเอ็นดูปนเหนื่อยหน่าย
“ถ้าขี่ม้าไปคงราวๆหกวัน กลับอีกหกวัน ตอนนั้นนายก็คงออกเดินทางแล้ว เอางี้  เราไปเจอกันที่คาโนวาลเลยดีกว่า”
“อืม” เจ้าตัวแสบพยักหน้าอย่างหนักใจ
ต้องไปคุยกับมันในร่างผู้หญิงสินะ
“แต่ฉันไม่รับปากนะว่าจะทัน ไม่แน่ว่าจะเจอแองเจลิน่าทันทีด้วย แล้วก็ไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนจะยอมคืนแหวนนายดีๆหรือเปล่า”
    “ต้องทันสิ นายทำได้อยู่แล้วใช่ไหม” เฟรินเขย่าแขนเพื่อนอย่างกังวล จะว่าไปเธอก็เคยมีคดีเรื่องแหวนกับแองจี้ 
คิลไม่ยอมสบตาด้วย  จนหัวขโมยเริ่มหงุดหงิด
    เอาวะ  เก็บแหวนไว้เป็นไม้ตาย  อย่างน้อยก็เอาไว้ขู่หนีตอนท้ายถ้าไอ้เจ้าชายมาดมากนั่นมันไม่ยอมยกเลิกพิธีหมั้น
    “นายไปเดี๋ยวนี้เลยคิล”
    “เออๆ” คิลลุกขึ้นบิดกายอย่างเกียจคร้านแล้วก็เดินบ่นงึมงำออกไปจากห้อง
    ท้องฟ้าเป็นสีส้มแสบตา  นกบินกลับรัง  แสดงถึงเวลาว่าจะค่ำลงในไม่ช้า
    “เร็วๆสิคิล เดี๋ยวไม่ทัน”
    คำเร่งที่นักฆ่าอยากจะหันไปฆ่า
มันไม่ได้เกรงใจเพื่อนสักนิด เห็นๆอยู่ว่าฟ้าจะมืดยังจะเ สือกไสไล่ส่งเขาไปเข้าป่า มันน่าเลิกคบไหม
เจ้าหญิงแห่งเดมอสได้แต่นั่งกลุ้มรออนาคตที่จะมาถึงพลางนึกหาทางหนีทีไล่เพิ่มตามวิสัยคนไม่ชอบจนมุม
“เจ้าหญิงเฟลิโอน่าเพคะ ทูตจากเดมอสมาขอพบ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากคิลจากไปไม่ถึงสิบนาที  เมื่อเธอลุกไปเปิดก็ต้องงงเมื่อไม่เห็นมีใคร  แต่พอจะก้าวออกไปก็ต้องชะงักเมื่อเสียงจากพื้นร้องลั่น
“ฝ่าบาท  กระหม่อมอยู่นี่  อย่าเพิ่งเหยียบพระเจ้าค่ะ”
โกโดม  โคมุส
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นทันทีที่เป็นสิ่งมีชีวิตตรงหน้า  มือเล็กขยับช้อนร่างเล็กจิ๋วขึ้นมาอย่างอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน  พลางพยักหน้าไล่เหล่านางกำนัลกลับไป
มาแล้ว  แผนสำรอง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น