ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : เรื่องที่เราเคยคุยกัน
    บานประตูถูกเปิดออกพร้อมกับสายลมเย็นของฤดูหนาวที่ลอดผ่านเข้ามาในห้อง  ดวงตาสีฟ้าคู่สวยเหลือบมองเล็กน้อยก่อนที่จะก้มลงอ่านกระดาษในมืออย่างไม่ใส่ใจ
    มาดน้ำแข็งแบบเดิมๆที่หล่อนเห็นจนชินตา
    มือบางโอบรอบคอจากด้านหลังอย่างสนิทสนม  ร่างนุ่มที่เบียดเข้ามาใกล้ทำให้ใจของเจ้าชายแห่งคาโนวาลอบอุ่นยิ่งกว่าเตาไฟใดๆ  แก้มเย็นๆที่มีกลิ่นขนมหวานแนบชิดกับแก้มขาวบนใบหน้าคมคาย
    “งานอีกแล้วเหรอ นายเอาแต่อ่านอะไรน่าเบื่อแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นง่อยหรอก”
    “จดหมายจากพ่อฉัน” เขาส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้หล่อนรับไปดูอย่างงงๆ
   
              ไปขอจากจ้าวเอวิเดสให้เรียบร้อย  แล้วกลับมาแต่งที่คาโนวาล 
                                                            บาโร  วาเนบลี  คิง ออฟ คาโนวาล
   
   
ช่างเป็นจดหมายที่บ่งบอกตัวตนของเจ้าของเสียเหลือเกิน
    รอยยิ้มบางๆปรากฏเมื่อเห็นแก้มของหญิงสาวเริ่มขึ้นสีเรื่อ  พอเจ้าตัวดีเห็นก็รีบคลายอ้อมแขนแกล้งเดินไปชมวิวที่นอกหน้าต่าง
    “จบแล้วแต่งเลยมั้ยเฟริน หรือนายอยากจะกลับไปอยู่กับพ่อก่อน”
    “ใครว่าฉันจะแต่งกับนาย” น้ำเสียงลุกลี้ลุกลน  สีแดงลามไปถึงใบหู
    “งั้น แสดงว่านายไม่แต่ง”
    “ไอ้บ้า ยังไม่ทันถามฉันนายก็เขียนจดหมายงี่เง่าไปบอกพ่อแล้วเรอะ นายนี่มันนักรักชั้นอนุบาลจริงๆ”
    “ฉันก็ว่าจะถามนายก่อน แต่เผอิญช่วงนี้ยุ่งๆ” สีหน้าเจ้าชายน้ำแข็งเรียบเฉย การเรียนปีหกยุ่งมาก เขาต้องรับหน้าที่หัวหน้าป้อมอีกตำแหน่ง ทำให้ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน
    “ยุ่งๆ?”
นี่มันเป็นเรื่องเล็กขนาดที่ลืมไปได้ด้วยคำว่า ‘ยุ่งๆ’ เชียวรึ
“นายนี่มัน...” คิ้วเรียวขมวดมุ่น ใบหน้าหวานหันมาจ้องอย่างเอาเรื่องก่อนที่จะหันกลับไปทางเดิม “ช่างเถอะ แบบนี้ก็สมกับเป็นนายแล้ว”
    “นายยังไม่ได้ตอบว่าจะเอายังไง”
    “ไม่แต่งโว้ย นายอยากแต่งก็แต่งไปคนเดียว”
    ร่างบางเตรียมกระทืบเท้าออกไปจากห้อง  แต่อ้อมแขนแข็งแรงกลับคว้าร่างหล่อนมากอดไว้เบาๆ  เฟรินออกแรงดิ้นอย่างเคืองๆก่อนจะสงบลงด้วยพ่ายแพ้ต่อความอบอุ่นที่ได้รับ
ผ่านไปหลายอึดใจ  เจ้าชายน้ำแข็งก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาจนเฟรินต้องลอบถอนหายใจเบาๆ
    ถ้าไม่ได้คบกันมานานคงต้องเจอซักหมัด  หมอนี่ปากหนักตามเคย 
              เธอเริ่มเองก็ได้
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราวกระซิบ
    “บอกฉันสิ ว่านายรักฉัน”
    “นายรักฉัน” เสียงทุ้มกระซิบริมหู
    มุขเก่า  เธอเลิกหงุดหงิดกับมันไปนานแล้ว
    “แต่ฉันรักนาย” เฟรินต่อโดยไม่รอ “นายจะขอฉันแต่งงานได้รึยัง”
    รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าคมคาย  อ้อมกอดค่อยๆคลายออกพลางหมุนร่างบางให้หันกลับมาเผชิญหน้า  ดวงตาสีฟ้าใสกระจ่างที่ดูอ่อนโยนสบกับดวงตากลมโตสีน้ำตาล  จ้องลึกราวกับจะสะกดหล่อนจนไม่อาจหลบเลี่ยง
ดวงตาคู่เดียวสื่อความหมายนับร้อยพัน
หญิงสาวรับรู้ความนัยจากดวงตาคู่นั้นจนหัวใจสั่นสะท้าน  ดวงหน้าหวานเป็นสีชมพูเรื่อๆ  ริมฝีปากแดงจัดด้วยโลหิตที่สูบฉีดและความเย็นของอากาศ
    “สาบานสิคาโล ว่านายจะรักฉันคนเดียวตลอดไป”  หล่อนพึมพำเหมือนละเมอ
    “ฉันสาบาน” 
    ราวกับทุกอย่างหยุดนิ่ง
    สรรพเสียงอื่นใดไม่สามารถล่องลอยมาเข้าหู
    มีแต่ถ้อยคำสั้นๆที่ประมาณค่ามิได้ในความรู้สึกของคนฟัง
    น้อยครั้งเหลือเกินที่คนตรงหน้าจะยอมแสดงความรู้สึกออกมาตรงๆให้เธอชื่นใจ  เรียกหยาดน้ำใสเป็นประกายวาววับกับรอยยิ้มหวานจากร่างนุ่มในอ้อมแขน
รอยยิ้มที่สว่างไสวราวกับอาทิตย์ที่ไม่เคยดับ  ดวงตาสีฟ้าพยายามซึมซับภาพตรงหน้าไว้ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ
“ฉันอยากอยู่กับนายตลอดไป” เสียงเข้มหนักแน่น ริมฝีปากอุ่นจุมพิตลงบนหน้าผากมนอย่างแสนรัก
“แต่งงานกับฉันนะ เฟริน”
คำพูดเบาๆแต่ก้องกังวานในความรู้สึก  กระแสบางอย่างที่อบอุ่นและอ่อนโยนหล่อรื้นขึ้นมาในหัวใจ  เธอรู้ในทันทีว่าตัวเองจะจดจำคำๆนี้ไปจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต
“ฉันจะแต่งกับนาย”    หล่อนซบหน้าลงกับอ้อมอกกว้างที่โอบกระชับตอบรับด้วยหัวใจที่อิ่มเอิบไปด้วยความสุขจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูด ดวงหน้าคมคายแนบชิดอยู่ข้างหู มือแกร่งลูบไล้เส้นผมนุ่มลื่นอย่างทะนุถนอม ก่อนจะดันร่างบางออกช้าๆ มือของคนตัวสูงขยับเชยคางมนให้ดวงหน้าหวานเงยขึ้นรับสัมผัสแผ่วเบา
จุมพิตจากเจ้าชายแห่งคาโนวาล
จุมพิตสาบานรักนิรันดร์
เท้าเหมือนจะลอยขึ้นจากพื้น  หัวใจเหมือนจะโบยบินไปไกลแสนไกล
เฟรินขืนตัวนิดๆเมื่อจูบนั้นเริ่มจะร้อน  อ้อมแขนเริ่มจะทำให้อึดอัด  คนตรงหน้ายังไม่ยอมปล่อยหล่อนง่ายๆ  ริมฝีปากอุ่นยังนัวเนียอยู่บนเรียวแก้ม  จนหญิงสาวต้องออกแรงดันใบหน้านั้นออกห่าง  ดวงหน้าเนียนซบลงบนแผ่นอกกว้างอีกครั้งจนรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงไม่แพ้กัน
“คาโล นายคิดจะมีลูกสักกี่คน”
ร่างสูงชะงักเล็กน้อย  รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากพลางก้มมองร่างบางในอ้อมแขนด้วยสายตากรุ้มกริ่มที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก
“นายอยากมีลูกแล้วเหรอ เฟริน”
คนความรู้สึกไวจับกระแสประหลาดในน้ำเสียงนั้นได้จึงรีบผลักคนตรงหน้าออกไปโดยแรง
“ไอ้ทะลึ่ง ฉันจริงจังนะโว้ย” เฟรินแผดเสียงทั้งๆที่หน้าแดงซ่าน “ไอ้ประเทศของแกมันบังคับให้พี่น้องต้องฆ่ากันแย่งบัลลังก์ไม่ใช่เหรอ”
ดวงตาสีฟ้ากลับสู่ความเฉยชาตามปกติ 
“ท่านอาของนายเคยบอกฉันว่าอย่าเพิ่งมีลูกจนกว่านายจะครองราชย์ งั้นรอให้นายเป็นคิงก่อนค่อยแต่งดีไหม”
“ฉันขี้เกียจรอ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบ
“ไอ้บ้า” นัยแห่งความนั้นทำเอาหน้าหวานแดงก่ำไปถึงใบหู “ถ้าฉันเกิดป่องขึ้นมาแล้วพ่อนายดันอยู่ไปจนลูกโต นายมิต้องสู้กับลูกตัวเองหรือไง”
“เรื่องนั้นฉันคิดไว้แล้ว”
“คิดไว้แล้ว?”  คิ้วเรียวขมวดมุ่น
นอกจากมันจะส่งจดหมายไปขอพ่อเรื่องแต่งงานแล้วยังวางแผนอนาคตไว้เสร็จสรรพโดยไม่เอ่ยปากถามหล่อนสักคำ  มันน่าชกสักเปรี้ยงมั้ยเนี่ย
“แม่นายตายเพราะพ่อฉัน ฉันคิดว่าลูกคนแรกของเราควรจะยกให้บารามอสเพื่อแสดงน้ำใจ”
ลูกคนแรก???
“ส่วนลูกคนที่สองค่อยเป็นของคาโนวาล แต่ถ้าอาจจะมีปัญหาเรื่องการชิงบัลลังก์ก็ยกให้เดมอสไปก่อน”
ยังมีอีก???
“ส่วนลูกคนที่สาม....” คาโลต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่คนฟังเฉยไม่ไหวแล้ว
“หยุดคาโล นายหยุด นี่นายคิดไว้ขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย”
“ก็ไม่เห็นจะแปลก เรื่องของเรามันมีปัญหาเยอะ ฉันก็เลยต้องรีบคิดวิธีแก้ไขไว้แต่เนิ่นๆ”
“นายคิดไว้ถึงลูกคนที่เท่าไหร่”
“สิบ”
“ฉันจะไปนอน”
ร่างบางถูกคว้าไปฉกความหอมจากแก้มนวลก่อนจะเดินปึงปังออกไป  ทิ้งให้คนผมสีเงินยืนหัวเราะอยู่คนเดียว
   
ริมฝีปากบางยิ้มน้อยๆให้กับความหลัง
จูบเฮงซวยนั่นไม่เห็นจะได้เรื่อง  นายเบี้ยวฉันหน้าตาเฉย
“ฉันจะกลับคาโนวาล” 
น้ำเสียงเย็นชาแบบเดิมๆออกมาจากใบหน้าไร้ความรู้สึก  แต่คนฟังกลับรู้สึกเหมือนมีเข็มเล่มใหญ่แทงลงกลางหัวใจ
*******************************************************************************
ใจดีใช่มั้ย ใจดีใช่มั้ย  นี่ใจดีแล้วใช่มั้ย  นั่งวาดรูปประกอบฟิคทั้งวันเลยค่ะ  อยากเอามาลงจัง  ควรจะโพสไว้ที่ไหนใครช่วยบอกหน่อยค่ะ
    มาดน้ำแข็งแบบเดิมๆที่หล่อนเห็นจนชินตา
    มือบางโอบรอบคอจากด้านหลังอย่างสนิทสนม  ร่างนุ่มที่เบียดเข้ามาใกล้ทำให้ใจของเจ้าชายแห่งคาโนวาลอบอุ่นยิ่งกว่าเตาไฟใดๆ  แก้มเย็นๆที่มีกลิ่นขนมหวานแนบชิดกับแก้มขาวบนใบหน้าคมคาย
    “งานอีกแล้วเหรอ นายเอาแต่อ่านอะไรน่าเบื่อแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นง่อยหรอก”
    “จดหมายจากพ่อฉัน” เขาส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้หล่อนรับไปดูอย่างงงๆ
   
              ไปขอจากจ้าวเอวิเดสให้เรียบร้อย  แล้วกลับมาแต่งที่คาโนวาล 
                                                            บาโร  วาเนบลี  คิง ออฟ คาโนวาล
   
   
ช่างเป็นจดหมายที่บ่งบอกตัวตนของเจ้าของเสียเหลือเกิน
    รอยยิ้มบางๆปรากฏเมื่อเห็นแก้มของหญิงสาวเริ่มขึ้นสีเรื่อ  พอเจ้าตัวดีเห็นก็รีบคลายอ้อมแขนแกล้งเดินไปชมวิวที่นอกหน้าต่าง
    “จบแล้วแต่งเลยมั้ยเฟริน หรือนายอยากจะกลับไปอยู่กับพ่อก่อน”
    “ใครว่าฉันจะแต่งกับนาย” น้ำเสียงลุกลี้ลุกลน  สีแดงลามไปถึงใบหู
    “งั้น แสดงว่านายไม่แต่ง”
    “ไอ้บ้า ยังไม่ทันถามฉันนายก็เขียนจดหมายงี่เง่าไปบอกพ่อแล้วเรอะ นายนี่มันนักรักชั้นอนุบาลจริงๆ”
    “ฉันก็ว่าจะถามนายก่อน แต่เผอิญช่วงนี้ยุ่งๆ” สีหน้าเจ้าชายน้ำแข็งเรียบเฉย การเรียนปีหกยุ่งมาก เขาต้องรับหน้าที่หัวหน้าป้อมอีกตำแหน่ง ทำให้ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน
    “ยุ่งๆ?”
นี่มันเป็นเรื่องเล็กขนาดที่ลืมไปได้ด้วยคำว่า ‘ยุ่งๆ’ เชียวรึ
“นายนี่มัน...” คิ้วเรียวขมวดมุ่น ใบหน้าหวานหันมาจ้องอย่างเอาเรื่องก่อนที่จะหันกลับไปทางเดิม “ช่างเถอะ แบบนี้ก็สมกับเป็นนายแล้ว”
    “นายยังไม่ได้ตอบว่าจะเอายังไง”
    “ไม่แต่งโว้ย นายอยากแต่งก็แต่งไปคนเดียว”
    ร่างบางเตรียมกระทืบเท้าออกไปจากห้อง  แต่อ้อมแขนแข็งแรงกลับคว้าร่างหล่อนมากอดไว้เบาๆ  เฟรินออกแรงดิ้นอย่างเคืองๆก่อนจะสงบลงด้วยพ่ายแพ้ต่อความอบอุ่นที่ได้รับ
ผ่านไปหลายอึดใจ  เจ้าชายน้ำแข็งก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาจนเฟรินต้องลอบถอนหายใจเบาๆ
    ถ้าไม่ได้คบกันมานานคงต้องเจอซักหมัด  หมอนี่ปากหนักตามเคย 
              เธอเริ่มเองก็ได้
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราวกระซิบ
    “บอกฉันสิ ว่านายรักฉัน”
    “นายรักฉัน” เสียงทุ้มกระซิบริมหู
    มุขเก่า  เธอเลิกหงุดหงิดกับมันไปนานแล้ว
    “แต่ฉันรักนาย” เฟรินต่อโดยไม่รอ “นายจะขอฉันแต่งงานได้รึยัง”
    รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าคมคาย  อ้อมกอดค่อยๆคลายออกพลางหมุนร่างบางให้หันกลับมาเผชิญหน้า  ดวงตาสีฟ้าใสกระจ่างที่ดูอ่อนโยนสบกับดวงตากลมโตสีน้ำตาล  จ้องลึกราวกับจะสะกดหล่อนจนไม่อาจหลบเลี่ยง
ดวงตาคู่เดียวสื่อความหมายนับร้อยพัน
หญิงสาวรับรู้ความนัยจากดวงตาคู่นั้นจนหัวใจสั่นสะท้าน  ดวงหน้าหวานเป็นสีชมพูเรื่อๆ  ริมฝีปากแดงจัดด้วยโลหิตที่สูบฉีดและความเย็นของอากาศ
    “สาบานสิคาโล ว่านายจะรักฉันคนเดียวตลอดไป”  หล่อนพึมพำเหมือนละเมอ
    “ฉันสาบาน” 
    ราวกับทุกอย่างหยุดนิ่ง
    สรรพเสียงอื่นใดไม่สามารถล่องลอยมาเข้าหู
    มีแต่ถ้อยคำสั้นๆที่ประมาณค่ามิได้ในความรู้สึกของคนฟัง
    น้อยครั้งเหลือเกินที่คนตรงหน้าจะยอมแสดงความรู้สึกออกมาตรงๆให้เธอชื่นใจ  เรียกหยาดน้ำใสเป็นประกายวาววับกับรอยยิ้มหวานจากร่างนุ่มในอ้อมแขน
รอยยิ้มที่สว่างไสวราวกับอาทิตย์ที่ไม่เคยดับ  ดวงตาสีฟ้าพยายามซึมซับภาพตรงหน้าไว้ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ
“ฉันอยากอยู่กับนายตลอดไป” เสียงเข้มหนักแน่น ริมฝีปากอุ่นจุมพิตลงบนหน้าผากมนอย่างแสนรัก
“แต่งงานกับฉันนะ เฟริน”
คำพูดเบาๆแต่ก้องกังวานในความรู้สึก  กระแสบางอย่างที่อบอุ่นและอ่อนโยนหล่อรื้นขึ้นมาในหัวใจ  เธอรู้ในทันทีว่าตัวเองจะจดจำคำๆนี้ไปจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต
“ฉันจะแต่งกับนาย”    หล่อนซบหน้าลงกับอ้อมอกกว้างที่โอบกระชับตอบรับด้วยหัวใจที่อิ่มเอิบไปด้วยความสุขจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูด ดวงหน้าคมคายแนบชิดอยู่ข้างหู มือแกร่งลูบไล้เส้นผมนุ่มลื่นอย่างทะนุถนอม ก่อนจะดันร่างบางออกช้าๆ มือของคนตัวสูงขยับเชยคางมนให้ดวงหน้าหวานเงยขึ้นรับสัมผัสแผ่วเบา
จุมพิตจากเจ้าชายแห่งคาโนวาล
จุมพิตสาบานรักนิรันดร์
เท้าเหมือนจะลอยขึ้นจากพื้น  หัวใจเหมือนจะโบยบินไปไกลแสนไกล
เฟรินขืนตัวนิดๆเมื่อจูบนั้นเริ่มจะร้อน  อ้อมแขนเริ่มจะทำให้อึดอัด  คนตรงหน้ายังไม่ยอมปล่อยหล่อนง่ายๆ  ริมฝีปากอุ่นยังนัวเนียอยู่บนเรียวแก้ม  จนหญิงสาวต้องออกแรงดันใบหน้านั้นออกห่าง  ดวงหน้าเนียนซบลงบนแผ่นอกกว้างอีกครั้งจนรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงไม่แพ้กัน
“คาโล นายคิดจะมีลูกสักกี่คน”
ร่างสูงชะงักเล็กน้อย  รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากพลางก้มมองร่างบางในอ้อมแขนด้วยสายตากรุ้มกริ่มที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก
“นายอยากมีลูกแล้วเหรอ เฟริน”
คนความรู้สึกไวจับกระแสประหลาดในน้ำเสียงนั้นได้จึงรีบผลักคนตรงหน้าออกไปโดยแรง
“ไอ้ทะลึ่ง ฉันจริงจังนะโว้ย” เฟรินแผดเสียงทั้งๆที่หน้าแดงซ่าน “ไอ้ประเทศของแกมันบังคับให้พี่น้องต้องฆ่ากันแย่งบัลลังก์ไม่ใช่เหรอ”
ดวงตาสีฟ้ากลับสู่ความเฉยชาตามปกติ 
“ท่านอาของนายเคยบอกฉันว่าอย่าเพิ่งมีลูกจนกว่านายจะครองราชย์ งั้นรอให้นายเป็นคิงก่อนค่อยแต่งดีไหม”
“ฉันขี้เกียจรอ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบ
“ไอ้บ้า” นัยแห่งความนั้นทำเอาหน้าหวานแดงก่ำไปถึงใบหู “ถ้าฉันเกิดป่องขึ้นมาแล้วพ่อนายดันอยู่ไปจนลูกโต นายมิต้องสู้กับลูกตัวเองหรือไง”
“เรื่องนั้นฉันคิดไว้แล้ว”
“คิดไว้แล้ว?”  คิ้วเรียวขมวดมุ่น
นอกจากมันจะส่งจดหมายไปขอพ่อเรื่องแต่งงานแล้วยังวางแผนอนาคตไว้เสร็จสรรพโดยไม่เอ่ยปากถามหล่อนสักคำ  มันน่าชกสักเปรี้ยงมั้ยเนี่ย
“แม่นายตายเพราะพ่อฉัน ฉันคิดว่าลูกคนแรกของเราควรจะยกให้บารามอสเพื่อแสดงน้ำใจ”
ลูกคนแรก???
“ส่วนลูกคนที่สองค่อยเป็นของคาโนวาล แต่ถ้าอาจจะมีปัญหาเรื่องการชิงบัลลังก์ก็ยกให้เดมอสไปก่อน”
ยังมีอีก???
“ส่วนลูกคนที่สาม....” คาโลต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่คนฟังเฉยไม่ไหวแล้ว
“หยุดคาโล นายหยุด นี่นายคิดไว้ขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย”
“ก็ไม่เห็นจะแปลก เรื่องของเรามันมีปัญหาเยอะ ฉันก็เลยต้องรีบคิดวิธีแก้ไขไว้แต่เนิ่นๆ”
“นายคิดไว้ถึงลูกคนที่เท่าไหร่”
“สิบ”
“ฉันจะไปนอน”
ร่างบางถูกคว้าไปฉกความหอมจากแก้มนวลก่อนจะเดินปึงปังออกไป  ทิ้งให้คนผมสีเงินยืนหัวเราะอยู่คนเดียว
   
ริมฝีปากบางยิ้มน้อยๆให้กับความหลัง
จูบเฮงซวยนั่นไม่เห็นจะได้เรื่อง  นายเบี้ยวฉันหน้าตาเฉย
“ฉันจะกลับคาโนวาล” 
น้ำเสียงเย็นชาแบบเดิมๆออกมาจากใบหน้าไร้ความรู้สึก  แต่คนฟังกลับรู้สึกเหมือนมีเข็มเล่มใหญ่แทงลงกลางหัวใจ
*******************************************************************************
ใจดีใช่มั้ย ใจดีใช่มั้ย  นี่ใจดีแล้วใช่มั้ย  นั่งวาดรูปประกอบฟิคทั้งวันเลยค่ะ  อยากเอามาลงจัง  ควรจะโพสไว้ที่ไหนใครช่วยบอกหน่อยค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น