ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC BARAMOS-ฟิกบารามอส] โกโดม อำมหิตไม่เงียบ The Series

    ลำดับตอนที่ #2 : RELOADED! I

    • อัปเดตล่าสุด 25 ส.ค. 49


    โกโดม อำมหิตไม่เงียบ RELOADED

    ช่วงเวลา หลังศึกหมากกระดานเกียรติยศ เอเดน-เดมอส (หลังเล่ม4)

    เหยื่อ เฟรินXคาโล

    บันทึก ทารุณราวซาตานจากนรก

    *****************************************************************************************





    กำแพงหินเก่าแก่สกปรกราวกับสร้างมาเป็นร้อยปีรายล้อมอยู่ทุกด้าน กลิ่นเหม็นอับชื้นโชยมากระแทกจมูก เสียงอะไรบางอย่างที่หนักและเชื่องช้าลากครืดคราดไปตามพื้นดังตามหลังใกล้เข้ามาทุกขณะจิต





        ไม่มีแรงจะก้าวต่อแม้เพียงก้าวเดียว  









    หัวขโมยสาวหลับตาลงอย่างช้าๆ ร่างบางทรุดลงนั่งพิงกำแพงเย็นเยียบ พลางยิ้มเย้ยหยันชะตาชีวิตต้องสาปของตน





        เธอช่างเป็นคนบาปหนานัก เรื่องซวยๆพรรค์นี้ถึงเข้ามาในชีวิตอยู่เรื่อย







    สงสารก็แต่เจ้าหมอนี่ เธอต้องพามันมาลำบากด้วยทุกทีๆ แม้มันจะชอบว่าโน่นบ่นนี่ แต่มันก็ไม่เคยปล่อยให้เธอเผชิญอันตรายเพียงลำพัง





    "ขอโทษนะ ฉันพานายมาซวยอีกแล้ว"





    มือของเธอถูกบีบเบาๆโดยมือนุ่มๆของคนข้างกาย





    เพื่อบอกให้รู้ว่ายังมีชีวิต...ยังมีเขาอยู่เคียงข้าง





    "นิสัยแบบนี้ของนาย ไม่ได้อยู่เหนือการคาดการณ์ของฉัน" เสียงนั้นแผ่วพร่า บ่งบอกว่าเจ้าตัวก็เหนื่อยหนักไม่แพ้เธอ





    แม้คำพูดจะฟังน่าหงุดหงิด แต่กลับทำให้อุ่นใจอย่างประหลาด





    "ไอ้บ้า เวลาแบบนี้ยังมาทำพูดจาวางมาดอยู่ได้"  เจ้าหญิงหัวขโมยพูดกลั้วหัวเราะ





    ว่าแล้วก็ให้นึกเสียใจไม่หาย





    ไม่ควรเลย ไม่ควรเลย ถ้าตอนนั้นไม่ใจร้อน เรื่องในวันนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น





















    ศึกหมากกระดานเกียรติยศ เอเดน-เดมอส ผ่านไปเดือนนึงแล้ว โรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์กก็กลับมาเปิดเรียนตามปกติ ทั้งๆที่ควรจะเป็นเวลาปิดเทอมแล้ว แต่ทุกคนก็ยังต้องมานั่งเรียนกันอยู่เพราะสงครามทำให้ทุกๆอย่างล่าช้ากว่ากำหนด





    เช้าวันนั้นเป็นวันที่อากาศมืดมัวเหมือนพายุจะเข้า ชาวป้อมอัศวินทั้งหลายพากันเดินเข้าห้องเรียนอย่างเกียจคร้านตามปกติ จะเว้นก็แต่เจ้าชายน้ำแข็งนักเรียนดีเด่นกับสามสาวนักจดทีมชาติเท่านั้น





    การที่สามหนุ่มแห่งห้องหัวหน้าชั้นปีสองป้อมอัศวินจะนั่งเรียงกันเป็นภาพที่ทุกคนเห็นจนชินตา แต่วันนี้สาวน้อยหัวขโมยตัวแสบแห่งบารามอสกลับเดินปึงปังกระแทกส้นเท้าไปนั่งข้างๆครี้ดซะอย่างนั้น แล้วเสือกไสไล่ส่งเจ้าชายอาชูร่าไปนั่งที่ตัวเองแทน





    "นายเป็นอะไรไปวะเฟริน" นักรบแห่งไนล์ถามอย่างแปลกใจ





    "ไม่เป็นไร" เฟรินตอบห้วน เสียงหวานใสพยายามดัดให้แปร่งและใหญ่ขึ้น





    "มันเป็นทอม" เสียงตะโกนของคิลทำให้หลายคนหัวเราะพรูด เฟรินหันกลับไปมองตาเขียวปั้ด พลางนึกคาดโทษในใจ





    กลับไปแกโดนหมกส้วมแน่ ไอ้คิล





    "คาโลมันทำอะไรนายหรือไง" คราวนี้คำถามมาจากขอทานจอมจุ้น





    "เปล่านี่ อย่างมันน่ะหรือจะทำอะไรฉันได้"





    ใช่ชัวร์





    ทุกคนคิดในใจเป็นเสียงเดียว





    "แล้ววันนี้ทำไมนายไม่ใส่เครื่องแบบผู้หญิง นายยอมใส่มาเป็นเดือนแล้วไม่ใช่หรือ"





    "ไม่เอาแล้ว ฉันไม่เป็นผู้หญิงแล้ว"





    "ฮ้า นายจะเป็นทอมจริงๆรึ"





    "ไอ้บ้า ฉันมันชายชาตรีอกสามศอก จะไปเป็นทอมแบบแม่พวกผู้หญิงวิปริตได้ยังไง"





    "งั้นนายหาวิธีกลับเป็นผู้ชายได้?"





    "ง่ายจะตาย" หัวขโมยว่าพลางยักไหล่ "ใครเคยสาปฉันไว้ยังไงก็ให้มันสาปใหม่สิวะ"





    ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลมโตแฝงรอยชั่วร้ายเหล่ไปทางคนต้นเรื่อง คนที่เมื่อเช้าทำกับเธออย่างไม่น่าให้อภัยที่สุด น่าเจ็บใจเสียจนอยากจะทิ้งความเป็นผู้หญิงให้รู้แล้วรู้รอด เจ้าคนที่บัดนี้ไม่มีแม้แต่ท่าทีสะทกสะท้าน ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง





    "ไอ้เจ้าชายบ้างี่เง่า"





































    "ใส่ซะ"





    ร่างสูงที่ยืนกร่างอยู่ปลายเตียงเอ่ยคำสั่งด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ โดยมีแองเจลีน่ายืนกอดอกมองอยู่ด้วยสีหน้าเอือมระอา เฟรินที่นั่งหน้าบูดตาขวางอยู่ปลายเตียงจ้องหน้าเจ้าชายแห่งคาโนวาลเขม็งพลางเหยียดยิ้มที่มุมปาก





    "แกก็ใส่เองสิวะ ไอ้วิปริต" เฟรินแกล้งเน้นเสียงคำหลังให้ดังฟังชัด





    คำตอบแทบจะทำให้คนที่ได้ฉายาว่าน้ำแข็งแห่งป้อมร่ายเวทแช่แข็งแม่สาวน้อยตรงหน้าซะ แล้วปล่อยให้แม่มดสาวแห่งวิทช์ทำกับมันตามใจชอบ





    "ดื้อ" น้ำเสียงและสายตากระด้างอย่างที่สุด





    เฟรินลุกทะลึ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วจนหัวแทบจะชนกับคนที่ยืนค้ำร่างอยู่ คาโลก็ยืนปักหลักนิ่งอย่างไม่คิดจะหลบ ทั้งคู่จ้องตากันอยู่ครู่ใหญ่โดยไม่มีใครยอมใคร ในที่สุดหัวขโมยสาวก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน





    "นายจะออกไปได้หรือยัง หรือจะรอดูฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า"





    "ฉันออกไปแน่"





    ยังไม่ทันที่เฟรินจะอ้าปากพูดต่อ นิ้วเรียวของคาโลก็จิ้มลงมากลางหน้าผากแล้วเกิดแสงสว่างวาบ เรี่ยวแรงหายไปสิ้น ร่างทั้งร่างชาดิกจนทรุดลงไปนอนกองอยู่บนเตียง





    "ตามสบายแองเจลีน่า"





    ร่างสูงหันหลังออกจากห้องไปโดยไม่แม้แต่จะหันมาสบกับสายตาเคืองแค้นราวกับจะกินเลือดกินเนื้อที่คนบนเตียงส่งมาให้แม้แต่น้อย ประตูห้องถูกปิดแล้วล็อคกลอนอย่างแน่นหนา เงาร่างของแม่มดสาวแห่งวิทช์คืบคลานมาอยู่เหนือร่างหล่อนพร้อมทั้งทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอพยายามต่อต้านด้วยกำลังทั้งหมดจนแหลกลาญ











    ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายตระกูลเดอเบอโรว์



















    "คุณเฟรินคะ ถ้าไม่ใส่พอแก่แล้วมันจะเสียรูปนะคะ" เจ้าหญิงคนสวยแห่งคาโนวาลพยายามปลอบ









    "เหมือนน้องผู้หญิงคนใหม่ ในเมื่อหมอนั่นมันไม่มีใครคอยสอน พวกเราก็ต้องดูแลกันหน่อย" มาทิลด้าเอ่ยกับอีกสองสาวก่อนจะเข้ามาในห้อง แล้วพบกับความจริงที่น่าสยอง









    นอกจากมันจะโนบราแล้ว มันยังใส่ชั้นในของผู้ชายอีกด้วย









    พอถามว่าทำไมใส่อะไรไม่สมตัวแบบนี้ มันก็ตอบว่าไม่มีเงินซื้อใหม่







    สามสาวมานั่งกลุ้มรุมเจ้าหญิงแห่งเดมอสและบารามอสที่ยังนั่งนิ่งด้วยอาการชาไม่หาย ก่อนจะช่วยกันหิ้วเจ้าหล่อนไปห้องเรียนด้วยกัน





    "ก็ช่างมันสิ ใครสนล่ะ แบนๆแบบนี้ไม่หย่อนง่ายหรอกน่า"





    "มันไม่แบนแล้วย่ะ" แองเจลีน่าเอ่ยอย่างหงุดหงิด





    "เธอมารู้ไซส์ฉันได้ยังไง"





    "ถ้ามันไม่เห็นชัด ใครเขาจะรู้ว่านายน่ะโนบราล่ะฮึ คิดว่าตัวเองจะเป็นเด็กตลอดไปหรือไง"





    คำแย้งของแองเจลีน่าทำให้เฟรินสะอึก แต่อารมณ์สาวที่พุ่งพล่านใช่ว่าจะสงบลงง่ายๆ ยิ่งมีบุคคลที่สามมาเกี่ยวข้องด้วยแบบนี้





    "แล้วทำไมเธอต้องไปบอกไอ้หมอนั่น"





    ทำไมใครๆจะต้องมาวุ่นวายกับไอ้ก้อนเนื้อนุ่มนิ่มนี่นักหนา ก็รู้อยู่หรอก ว่ามันใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อน เธอก็พยายามใส่เสื้อหลายๆชั้นแล้วไง ถึงช่วงนี้จะเผลอๆไปหน่อยเพราะมันร้อนก็เหอะ





    บ้าที่สุด ทั้งโกรธทั้งอาย ทำไมแม่พวกนี้ต้องไปตามคาโลมาบังคับเธอเรื่องใส่บราด้วย บัดซบ เฮงซวย เฮงซวยที่สุด เป็นผู้หญิงเหมือนกันเรื่องแค่นี้ทำไมไม่เข้าใจว่ามันน่าอายว้อย





    "แล้วนายฟังฉันไหมล่ะ ตัวเองเคยเป็นผู้ชายก็น่าจะรู้ว่ามันล่อเป้า"





    "ฉันก็ใส่หลายชั้นแล้วนี่"





    "แต่มันก็ยังเห็นนะคะ เครื่องแบบหน้าร้อนมันบาง" เรนอนแย้งเสียงเครียด





    "ไม่เห็นหรอกน่า ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นมีใครทัก"





        "ฉันนี่ไงทัก"





    "โรคจิต มองตรงไหนไม่มอง"





    "อีตาบ้า" ถ้าไม่ติดว่าต้องถือหนังสือให้เพื่อนทั้งสองที่หิ้วปีกมันอยู่ งานนี้มีละเลงเลือด





    "แต่คุณคิลกับคุณคาโลบอกว่า..."





    "โว้ย! พวกมันจะว่าไงก็ช่าง ฉันไม่อยากใส่ทำไมต้องใส่ด้วย" หัวขโมยสาวที่หน้าขึ้นสีแดงก่ำโวยลั่น





    "หุบปากก่อนที่ฉันจะเอานายไปทิ้งในบ่อน้ำ" มาทิลด้าที่หมดความอดทนเอ่ยเสียงเข้ม





    ได้ผล เฟรินยอมเงียบ เมื่อทั้งสี่มาถึงห้องเรียนพอดีกับเสียงกริ่งเตือนก่อนเข้าเรียนดัง อาการชาก็หายราวกับคำนวณไว้แล้ว เมื่อมองเห็นเจ้าชายน้ำแข็งนั่งอยู่ ดวงตาสีน้ำตาลก็วาววับอย่างอาฆาต









    ฉันจะยอมใส่ไอ้บรางี่เง่านี่ก็ได้ แต่อย่าหวังเลยว่าฉันจะใส่กระโปรงอีก ให้มันรู้กันไปว่าใครจะมาบังคับเฟริน เดอเบอโรว์คนนี้ได้







    และนาย คาโล วาเนบลี นายจะต้องชดใช้ที่เอาเวทบ้าๆนั่นมาข่มเหงน้ำใจฉัน











    และแล้วหัวขโมยจอมโอเว่อร์ก็กระแทกเท้าไปนั่งกับครี้ดพลางเหวี่ยงกระเป๋าไปฟาดหัวซีบิลที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่จนเขียวปูด







    ********************









    "เฟรินแต่งตัวไม่เรียบร้อย"







    "พี่ก็ไปบอกมันเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับผม"







    "ถ้าฉันขอร้องในฐานะรุ่นพี่ให้เธอช่วยดูแลความประพฤติของเพื่อน เธอจะว่ายังไง"







    "คนเราต้องรู้จักดูแลตัวเอง"







    "ดูแลกันหน่อยจะเป็นไรไป เฟรินก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน"







    "พี่ก็ไปดูแลมันเองสิ"







    "จะดีหรือ ถ้าจะให้ฉันไปคอยดูแลเฟริน ความจริงก็ไม่เลวนักหรอก เจ้าหญิงแห่งเดมอสและบารามอส หน้าตาก็น่ารักดี"







    ดวงตาสีน้ำเงินแฝงรอยขันที่ส่งให้เจ้าชายแห่งคาโนวาลทำให้เจ้าตัวหงุดหงิดยิ่งนัก







    ล้อกันเข้าไป







    เจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ด เสธ.คนสำคัญของป้อมเดินเข้ามาหาเขาเมื่อเห็นเจ้าหญิงหัวขโมยจอมเรื่องมากใส่ชุดนักเรียนชายตัวหลวมโคร่งเดินหน้าบูดถือถาดอาหารไปนั่งสวาปามคนเดียวในมุมมืด







    มาทิลด้าก็เดินมาสะกิดไหล่เขาอีกคน







    "เมื่อเช้านายก็ใจร้ายไปหน่อยนะ ไปง้อเฟรินซะสิ"









    พวกเธอไปตามฉันมาไม่ใช่เหรอ









    "ทะเลาะกันนาน เดี๋ยวก็มีคนมาคาบไปกินหรอก นายก็รู้ว่ามีคนรอเสียบอยู่" เสียงนั้นมาจากครี๊ด ธันเดอร์ผู้โชคร้าย ดวงตาข้างเดียวที่มีอยู่เหล่ไปทางโร เซวาเรส แล้วพบกับรอยยิ้มละไม







    นี่มันเม้าท์กันไปถึงไหนแล้ว ทำไมข่าวลึกวงในถึงรู้กันไปทั่วแบบนี้









    เจ้าชายแห่งคาโนวาลมีสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนที่เขาจะเอ่ยอะไรออกมาเสียงโครมดังลั่นก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน







    เจ้าหญิงผู้เป็นเป้าสนทนากระแทกถาดอาหารลงบนที่เก็บอย่างแรง ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหายเข้าไปในป้อม







    "มันโกรธแกว่ะ" นักฆ่าอธิบายภาพที่เห็น







    รู้แล้ว







    "ไอ้เฟรินมันงอนนายมากเลย" แม้แต่คนพูดน้อยไม่สนใจเรื่องชาวบ้านอย่างกัส โทนีย่า ก็ร่วมออกความเห็น









    เออ









    คู่รักคู่แรกของชั้นปีดูท่าจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เรื่องถูกเล่าปากต่อปากแพร่ไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง และที่เขาได้ยินคิลคาบมาเล่าให้ฟังล่าสุดก็น่าตกใจไม่ใช่น้อย









    "เค้าลือกันว่าพวกนายมีอะไรๆกันตั้งแต่เฟรินยังเป็นผู้ชาย ทีนี้พ่อนายไม่ยอม บุกไปต่อว่าเอวิเดส เฟรินมันก็เลยหาทางแปลงเพศจนสำเร็จ"









    ยังไม่นับข่าวลือกุ๊กกิ๊กที่โดนครี๊ดเอาไปแต่งเองเมื่อเห็นเขาเดินจับมือแม่ตัวดีกลับมาขึ้นเกวียนที่สกอร์ปิโอเมื่อเดือนก่อน และผสมกับเรื่องเล่าสองแง่สองง่ามของโรที่เอามาผูกกับสิ่งที่ตัวเองเห็นตอนปีหนึ่ง และมันก็โดนเฟรินย้อนโดยการเอาเรื่องราชบุตรเขยทริสทอร์มาเม้าท์โต้ ทำให้เกิดข่าวรักสามเส้าสุดอนาถอันนำไปสู่สงคราม









    เจ้าหล่อนดูจะไม่ยี่หระกับข่าวลือใดๆ แถมยังเอามาทำเป็นเรื่องสนุก







    ไอ้ความเขินอายที่เคยพอจะมีบ้างดูจะกลายเป็นอดีต









    "คาโล จัดการให้เรียบร้อยซะนะ"









    เขาไม่แน่ใจว่าโรเวนให้เขาจัดการเรื่องอะไร แต่ไอ้รอยยิ้มนั่นมันไม่น่าจะหมายความถึงเรื่องเครื่องแบบ









    ชายหนุ่มถอยหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินตามแม่ตัวยุ่งไปท่ามกลางเสียงเชียร์และแววตาหลายสิบคู่ที่ช่วยลุ้นแกมขบขัน

































    "เมื่อเช้าไอ้หมอนั่นมันเข้ามารังแกฉันถึงในห้อง องครักษ์อย่างแกมัวไปทำบ้าอะไรอยู่"







    ทันทีที่องครักษ์จากเดมอสที่พ่อทิ้งไว้ให้โผล่หัวเล็กๆที่มีเขาใหญ่ติดอยู่เข้ามาทางหน้าต่าง เฟรินก็ตวาดแว้ด









    "กระหม่อมไปส่งข่าวให้ท่านจ้าว เรื่องค่าขนมตามที่ฝ่าบาทขอไงพระเจ้าค่ะ" โกโดมตอบหน้าเหรอหรา







    "แล้วได้มาเยอะไหม...ไม่ใช่! แกรู้ไหมว่ามีคนมารังแกฉัน ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายฉันป่นปี้หมดแล้ว ไม่ได้เรื่องเลย เวลาไม่ต้องการก็จุ้นนัก ทีเวลาคับขันกลับหายหัว"







    วาจาเผ็ดร้อนทิ่มแทงจนผู้ได้รับมอบหมายให้เป็นองครักษ์นึกโทษตัวเองจนอยากจะเอาไม้จิ้มฟันมาคว้านท้องชดใช้ความผิด ดวงตาสีแดงวาวโรจน์ ก่อนจะหลุบลงอย่างเศร้าๆ







    "กระหม่อมผิดจริงๆ ฝ่าบาทได้โปรดให้กระหม่อมแก้ตัวด้วยเถิดพระเจ้าค่ะ ใครกันที่มันบังอาจรังแกฝ่าบาท"









    เมื่อโกโดมทำท่าจะทำตัวเป็นประโยชน์ เฟรินก็รีบใส่ไคล้







    "ก็จะใครซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่ไอ้น้ำแข็งงี่เง่านั่น"







    "ท่านราชบุตรเขย?"







    คำเรียกที่พาให้หน้าขึ้นสีทุกครั้งที่ได้ยิน ทำให้เจ้าตัวรีบกระชากโคมุสเข้ามาใกล้ๆ







    "เขยบ้าอะไรเล่า มัน..."







    หัวขโมยชะงักกึก หุบปากเงียบพลางวางโกโดมลงที่นอกหน้าต่าง ก่อนจะหันขวับไปที่ประตู









    เสียงเคาะดังขึ้นสองสามครั้ง เจ้าหล่อนเลือกที่จะเงียบ คราวนี้ประตูถูกเปิดเข้ามาอย่างถือวิสาสะ







    "ใครให้นายเข้ามา" น้ำเสียงบ่งบอกสภาวะอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด









    "แต่งเครื่องแบบซะ"







    น้ำเสียงไร้อารมณ์ของร่างสูงที่ก้าวเข้ามาในห้องทำให้แม่สาวที่ตั้งความหวังไว้นิดๆว่ามันจะมาง้อเกิดเดือดขึ้นมาอีกรอบ รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นมาที่มุมปาก







    "ฉันก็แต่งอยู่นี่ไง"









    "ฉันหมายถึงเครื่องแบบผู้หญิง หรือว่านายสติฟั่นเฟือนจนลืมไปแล้วว่าตัวเองเพศอะไร"









    ดู ดู๊ ดูมันพูดกับแฟน ใครสั่งใครสอนให้มันพูดแบบนี้กับผู้หญิง ไอ้น้ำแข็งงี่เง่า ไอ้นักรักชั้นเตรียมอนุบาล









    "ไม่จำเป็นต้องแต่งเป็นผู้หญิงแล้ว ในเมื่อฉันจะกลับไปเป็นผู้ชาย"









    คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างหงุดหงิด นี่มันจะตั้งแง่อะไรกับเขานักหนา ถ้ามาคิดดูดีๆ เขาก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันโกรธเขาเรื่องอะไร







    "นายเกิดมาเป็นผู้หญิง"











    "ฉันก็เป็นผู้ชายมาได้ตั้งสิบห้าปี เป็นต่ออีกจะเป็นไรไป ดีซะอีก จะได้ทิ้งชื่อธิดาแห่งความมืดคนดังซะ คนรู้จักเยอะมันไม่ถูกโรคกับขโมยอย่างฉัน"











    นายจะทิ้งแม้แต่ฉัน กับแค่ไอ้เรื่องงี่เง่าเมื่อเช้า











    เสียงนั้นดังแค่ในใจ สีหน้าเจ้าชายหนุ่มยังคงราบเรียบ









    "นายจะทำยังไงก็ช่าง เป็นเพศไหนก็ทำตัวให้ถูกเพศ รู้ไหมว่ามันต้องทำให้ฉันเดือดร้อนมาเตือนนาย"







    แล้งน้ำใจ แล้งน้ำใจจนน้ำตาแทบไหล เจ้าหญิงหัวขโมยรีบคว้าหน้ากากฟาโรห์มาสวมแล้วฉีกรอยยิ้มหวานบาดลึก









    "แล้วถ้าฉันไม่สนล่ะ นายจะทำไง"







    ใบหน้ารูปสลักมีร่องรอยหนักใจเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะก้าวเข้ามาประชิด







    ช่วยไม่ได้ เดี๋ยวค่อยไปเรียกพวกแองเจลีน่ามาจัดการ









    มือใหญ่ยกขึ้นเตรียมจะวางลงบนหน้าผากมน แต่ยังไม่ทันสัมผัสตัว มือเล็กที่แรงไม่เล็กไปด้วยก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเจ้าชายแดนนักรบ









    "นายคิดว่านายจะใช้วิธีเดิมกับฉันได้หรือ นายจะดูถูกหัวขโมยอย่างฉันไปหน่อยแล้ว"







    ให้ตายสิ เขาจะต้องมานั่งคิดมุขรับมือแม่ตัวยุ่งนี่ทุกวันหรือไง









    ไวเท่าความคิด มือข้างที่ว่างก็ยกขึ้นมาแทนแต่หัวขโมยสาวก็จับไว้ได้ทันอีก









    สภาพในห้องกลายเป็นการประลองกำลังภายในแบบย่อมๆ คนตัวสูงกับคนตัวเล็กจับมือกันไว้ทั้งสองข้างแล้วออกแรงดันกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร คิ้วเข้มขมวดมุ่น ดวงตาสีฟ้าจ้องหน้าหญิงสาวเขม็ง เฟรินก็ถลึงตาจ้องกลับอย่างไม่กลัวเกรง กัดฟันกรอดออกแรงสู้ไม่ถอย









    ถ้าเป็นหญิงอื่น อาจมีแรงสู้ผู้ชายไม่ได้ แต่ไม่ใช่หญิงจากเดมอส







    หลังจากวัดพลังกันจนเหงื่อตก เฟรินก็ตัดสินใจรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายพุ่งเข้าใส่ แต่แทนที่ชายหนุ่มจะต่อต้าน กลับผ่อนแรงลงปล่อยให้ร่างเล็กโถมเข้าปะทะอกกว้างเต็มแรง







    เฟรินปล่อยมือทั้งสองข้างออกทันทีด้วยความตกใจ หัวใจเต้นเร็วราวรัวกลอง ขณะที่พยายามยันกายออกให้พ้นร่างตรงหน้า แขนแข็งแกร่งก็โอบรัดร่างทั้งร่างไว้แน่น แน่นเสียจนดิ้นไม่หลุด







    เจ้าเล่ห์ที่สุด







    "ปล่อยฉัน ไอ้ทะลึ่ง"









    ใบหน้าถูกกดแนบกับอก จึงมองไม่เห็นสีหน้าของคนกอดที่ผ่อนคลายลงมาก เสียงนุ่มเจือกระแสเอ็นดูกระซิบข้างหูพาให้ใจอ่อน









    "ทำไมนายถึงดื้อนัก หือม์"







    เสียงแผ่วพร่ากับลมหายใจอุ่นๆที่คลอเคลียข้างหูทำให้รู้สึกจักจี้ อาการดิ้นหยุดชะงักไปทันใด เมื่ออ้อมกอดค่อยๆคลายลงเฟรินก็แหงนหน้ามองคนอุกอาจที่บังอาจมาบังคับใจเจ้าหญิงแห่งเดมอส







    ดวงตาสองคู่ประสาน แต่ยังไม่ทันที่ความนัยจะถูกถ่ายทอด นิ้วเรียวของคาโลก็วางเบาๆลงบนหน้าผากมนของเจ้าหญิงจอมดื้อ











    มารยาชาย















    ไอ้หมอนี่มันใช้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่











    เฟรินนอนตัวชากัดฟันกรอดๆอยู่บนเตียง เมื่อคาโลประคองร่างที่อ่อนเหลวของหล่อนให้นอนลงอย่างเรียบร้อย สามสาวแห่งป้อมอัศวินตามเข้ามาหลังจากร่างสูงออกไปไม่นานพลางจัดแจงทำในสิ่งที่เธอต่อต้าน









    ไอ้บ้าคาโล คนใจร้าย คนใจดำ คนงี่เง่า คนถ่อย คนผีทะเล จำไว้นะแก







    เจ้าหญิงแห่งเดมอสกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ























    โกโดมมองทุกอย่างอยู่นอกหน้าต่างด้วยดวงตากลมโตสีแดง









    สมองอันปราดเปรื่องของมันประมวลเรื่องราวจากสิ่งที่เห็นและสิ่งที่ได้ฟังทันใด









    พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขารู้หรอกน่าว่าคู่รักเขาอยู่ด้วยกันห้ามเข้าไปขัดจังหวะ









    แต่เจ้าหญิงบอกว่า ท่านราชบุตรเขยรังแกเจ้าหญิง ดูจากภาพที่ทั้งคู่วัดพลังกันแล้วก็ดูไม่เหมือนรังแกเท่าไหร่ ออกจะสูสีด้วยซ้ำ









    อ้าว กอดกันซะแล้ว พูดอะไร ฟังไม่ค่อยได้ยิน







    โอ้...ท่านราชบุตรเขยวางเจ้าหญิงลงบนเตียงแล้ว









    โคมุสผู้มากมารยาทรีบหันหลังให้ภาพที่เห็นทันที







    เจ้าหญิงยังบอกว่าโดนทำลายศักดิ์ศรีลูกผู้ชายป่นปี้



















    หรือว่า…ที่เจ้าหญิงว่ารังแกจะหมายถึง...





















    และแล้ว พ่อมดผู้มากฤทธิ์แห่งเดมอสก็กระโดดลงไปจากขอบหน้าต่างหายลับเข้าไปในสวนพร้อมกับจินตนาการลามกในหัว









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×