ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทแรก ก่อนปิดเทอมปีสาม
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่หัวขโมยตัวแสบโลดแล่นอย่างเริงร่าไปบนผืนแผ่นดินกว้างใหญ่แห่งเอเดน
คาโนวาล  คาโนวาล
เมืองที่อยู่ตรงหน้าทำให้เจ้าตัวแทบจะลอยละล่องเข้าไปเนื่องด้วยใจมันไปถึงก่อนตัว 
อู๊  ฮิฮุฮิฮุ  เสียงหัวเราะสุดสยองดังขึ้นเบาๆ  ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายวิบวับ  ร่างบางในชุดผู้ชายกระโดดหยองแหยงร้องเพลงหงุงหงิงไปตามถนนกว้างผ่านป่าใหญ่ของบารามอส
สู่คาโนวาล
*****************************************************************************************
“ปิดเทอมนี้พวกนายจะทำอะไร”
เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากหัวขโมยตัวแสบที่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าหญิง
“กลับบ้านไง” นักฆ่าหน้าเป็นตอบ
“กลับบ้าน” เสียงเย็นชาตามนิสัยตอบห้วนๆ
ทั้งสามนอนทอดกายเหยียดยาวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่บนเนินเขาเตี้ยๆ  สายลมเอื่อยๆพัดผ่านทำให้ปอยผมสีน้ำตาลพลิ้วปลิวมาปรกหน้า  เจ้าตัวยกมือขึ้นเสยอย่างเกียจคร้าน
บัดนี้ผมของเจ้าตัวดีเหยียดยาวจนถึงสะโพก  แม้ปากจะชอบบ่นว่าเกะกะทำอะไรก็ไม่ถนัด  เกี่ยวนู่นเกี่ยวนี่แถมยังชอบนั่งทับ  แต่ก็ไม่ได้ตัดเพราะดันไปหลงคารมไอ้คนพูดน้อยเอาซะได้
“ผมยาวแบบนี้ก็ดี”
คำพูดสั้นๆที่ทำให้คนยืนถือกรรไกรอยู่หน้ากระจกต้องหันไปมองตามร่างสูงที่เห็นเพียงเสี้ยวหน้าแดงระเรื่อที่เดินผ่านไปโดยไว  ทำเอาคนที่เริ่มจะรำคาญผมยาวๆของตนต้องเอากรรไกรเก็บเข้าที่เดิมโดยไม่ทันได้ใช้
ตอนนี้ผมสีน้ำตาลยาวสลวยจึงแผ่สยายอยู่บนพื้นหญ้าราวกับสาหร่ายน้ำลึก 
“ไม่คิดจะชวนฉันไปเที่ยวบ้านพวกนายบ้างเหรอ” เสียงเล็กยังคงรบเร้า ไม่ยอมปล่อยให้สองหนุ่มนอนชมธรรมชาติอย่างสงบ
“ไปบ้านฉันไม่สนุกหรอก ฉันอยากให้นายพาฉันเที่ยวมากกว่า” ดวงตาสีม่วงยังเหม่อมองไปที่ท้องฟ้า
“แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน แต่ฉันไม่ใช่ผู้ชายแล้ว ไปกับนายสองคนคงไม่ค่อยงาม” ว่าแล้วเจ้าตัวแสบก็หัวเราะกึก พลางเหล่ดวงตากลมโตไปทางคนผมสีเงินที่ยังนอนนิ่ง “นายว่าไงล่ะคาโล” 
“นายจะไปไหนก็เรื่องของนาย จะไปกับมันสองคนก็ไม่เกี่ยวกับฉัน” เสียงเย็นๆดังขึ้นโดยไม่ทันคิดว่าเสียรู้คนเจ้าเล่ห์ ดวงตาสีน้ำตาลพราวระยับด้วยความขบขัน
“ชั้นหมายถึงว่านายอยากให้ฉันพาเที่ยวเหมือนไอ้คิลรึเปล่าตะหาก ไม่ได้ถามว่านายเห็นด้วยมั้ยที่จะไปกับมันสองคน แต่ก็อย่างที่นายว่าน่ะแหละ ถึงชั้นจะไปกะไอ้คิลมันสองคนก็ไม่เกี่ยวกับนาย”
ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายวูบ  ดวงหน้าขาวหันมาอย่างเอาเรื่อง  แต่พอสบกับนัยน์ตาขี้เล่นที่รอท่าอยู่แล้วแก้มขาวๆก็พลันขึ้นสีเรื่อจนต้องหันไปทางอื่น 
“ฉันต้องกลับบ้าน” เสียงทุ้มไร้อารมณ์ตัดบัวไม่เหลือใย แต่เฟรินแสร้งทำเหมือนไม่ได้ยิน ขยับกายเอาหัวไปซบบ่ากว้างที่สะดุ้งวูบราวกับหล่อนเป็นตัวหนอนหรืออะไรสักอย่าง 
“อืม มาคิดๆดูแล้วนายก็พูดไม่ถูกเท่าไหร่นะคาโล นายจะว่านายไม่เกี่ยวข้องกับฉันซะทีเดียวก็ไม่ได้นะ” เจ้าตัวดีแกล้งทำเสียงเล็กเสียงน้อย เรียกความฮาให้เพื่อนซี้นักฆ่าจนต้องกลั้นหัวเราะกึกๆ
“ก็นายบอกว่ารักฉันนี่นา...ใช่ม้า” ไม่พูดเปล่ามือเล็กก็ขยับไปสัมผัสปลายคางของเจ้าชายคนเก่งแห่งคาโนวาลพลางรั้งใบหน้าคมให้หันกลับมา
คราวนี้หน้าขาวๆขึ้นสีจัดราวกับมะเขือเทศ  ในใจนึกอยากถีบร่างสาวน้อยปากดีนี่ออกไปให้ไกลที่สุด  เสียแต่เจ้าเพื่อนอีกคนที่ยังอยู่ตรงนี้  ถ้าทำอะไรรุนแรงไปก็จะเหมือนเขาเขินจนร้อนตัว  ดวงตาสีฟ้าวาวๆจึงได้แต่มองอย่างดุๆปรามเจ้าตัวแสบที่ยังอมยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้  แต่ดวงตาสีน้ำตาลหาได้มีแววสะทกสะท้านไม่
ก็หน้าแดงๆกับตาดุๆแบบนี้มันชวนขำมากกว่าน่ากลัว
เฟรินขยับทำท่าจะพล่ามต่อ  แต่ปาก หมาๆยังไม่ทันพูดก็โดนมือใหญ่ดันหน้าออกไปห่างๆ
“ตอนนั้นฉันคงนอนละเมอ” น้ำเสียงราบเรียบที่ทำให้เฟรินแยกเขี้ยว แล้วที่จูบฉันในที่สาธารณะก็ละเมอด้วยเรอะ ไอ้ทะลึ่ง ดวงหน้าหวานแดงนิดๆก่อนแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ถึงบอกว่าละเมอก็เถอะ นายเป็นเจ้าชายนะ จะถอนคำพูดไม่ได้ ไหนบอกว่าศักดิ์ศรีสำคัญมากฆ่าได้หยามไม่ได้ไง” ร่างบางไม่ยอมแพ้ลุกขึ้นนั่งบดบังภาพท้องฟ้าที่เจ้าชายขี้เก๊กพยายามเขม้นมองด้วยสีหน้าราบเรียบแก้เขินปนเคืองที่เจ้าตัวดีเอาเรื่องความจริงใจของเขามาปูดแบบสนุกปาก 
“ก็แล้วนายจะเอายังไง”
“พาฉันไปเที่ยวบ้านนายสิ  ฉันยังไม่เคยไปเลย”  เสียงพยายามให้หวานที่สุด  ดวงตาก็ให้เชื่อมที่สุด  ก็เธอยังไม่เคยไปคาโนวาลเลยนี่  เผลอๆจะได้คุยกับคิงบาโรที่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด  เธออยากจะรู้เรื่องแม่ให้มากกว่านี้  แต่แล้วความคิดก็สะดุดกึกด้วยท่าทีของคนตรงหน้า
“ไม่ได้” เสียงห้วนตัดบทฉับ
“ทำไมวะ”  เสียงออดอ้อนเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวในทันใด  รอยยิ้มหุบฟุ่บ  คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน  หล่อนแทบจะขึ้นคร่อมไปกระชากคอเสื้อถาม
หนอย ไหนบอกรักเค้าที่สุดไง  แค่นี้ให้กันไม่ได้  ตูอุตส่าห์ลงทุนอ้อนแล้วนะเฟ้ย
“นิสัยแบบนาย  ไปอยู่ที่วังมีหวังถูกตัดมือหรือไม่ก็ตัดลิ้น”
“นายก็ช่วยฉันสิ  หรือเส้นเจ้าชายไม่ใหญ่พอ”  ขโมยสาวยังไม่ยอมแพ้
“ถ้าพระราชาสั่ง  เจ้าชายก็ขัดไม่ได้”
หน้าบากๆสีทองแดงผุดพรายขึ้นมาในใจ  แม้จะคิดว่าไม่น่ากลัวเท่าไหร่แต่ถ้าโมโหคงอ่วม
คิลที่นอนตัวสั่นมานานหัวเราะก๊ากขึ้นมาอย่างสุดกลั้น  พอเห็นเพื่อนสาวทำหน้าแหยปุเลี่ยนๆบอกไม่ถูก  ตอนแรกเห็นบรรยากาศเริ่มเลี่ยนๆก็ว่าจะถอยฉากไม่อยู่เป็น ก.ข.ค. แล้วเชียว  แต่ไอ้เพื่อนนักรักชั้นอนุบาลที่เฟรินตั้งฉายาให้ก็ช่างทำลายบรรยากาศเก่งเหลือหลาย  ทำเอาเขาฮาแทบทุกช็อต
“ฉันเห็นด้วยกับคาโลมัน  นายพาฉันเที่ยวให้สนุกดีกว่า”
“เชอะ”  คนปากดีที่เถียงไม่ขึ้นล้มตัวลงนอนต่ออย่างเซ็งๆ 
“นายจะงอนไปทำไม  เดี๋ยวพอพวกนายแต่งงานกันนายก็ได้อยู่คาโนวาลยาว” คำพูดของคิลทำเอาขโมยตัวแสบสำลักน้ำลายแค่กๆ  หน้าแดงแปร้ด
“ไอ้บ้า  ”  ถ้อยคำที่ไม่ระบุความหมายทำให้เจ้าชายน้ำแข็งหันไปมองหน้าสาวคนรักอย่างเคืองๆ  “เจ้าชายผู้สูงศักดิ์อย่างมันมีหรือจะยอมแต่งกับโจรถ่อยอย่างฉัน”  เฟรินประชดพลางแกล้งโยนเรื่องน่าเขินไปให้เจ้าชายแห่งคาโนวาลรับแทน
“แต่งพรุ่งนี้เลยมั้ยล่ะ”  รอยยิ้มบางๆกับน้ำเสียงเรียบๆที่ไม่รู้ว่าเอาจริงหรือล้อเล่น  “ท่าทางพ่อฉันก็ถูกใจนายอยู่ไม่น้อย  ทีนี้นายจะไปบ้านฉันๆก็ไม่ขัด”
คำตอบที่ไม่คาดฝันทำให้หัวขโมยสาวต้องหันมามองตาปริบๆก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะแก้เขิน
“ฮะๆๆๆฮ่าๆๆๆ  พูดอะไรของนาย”
ทีตัวเองล่ะทำเป็นกลบเกลื่อน  คาโลได้แต่ถอนหายใจ  ก่อนที่บทสนทนาจะหันเหไปเรื่องอื่นซึ่งเรียกบรรยากาศสงบๆให้กลับคืนมา
คาโนวาล  คาโนวาล
เมืองที่อยู่ตรงหน้าทำให้เจ้าตัวแทบจะลอยละล่องเข้าไปเนื่องด้วยใจมันไปถึงก่อนตัว 
อู๊  ฮิฮุฮิฮุ  เสียงหัวเราะสุดสยองดังขึ้นเบาๆ  ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายวิบวับ  ร่างบางในชุดผู้ชายกระโดดหยองแหยงร้องเพลงหงุงหงิงไปตามถนนกว้างผ่านป่าใหญ่ของบารามอส
สู่คาโนวาล
*****************************************************************************************
“ปิดเทอมนี้พวกนายจะทำอะไร”
เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากหัวขโมยตัวแสบที่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าหญิง
“กลับบ้านไง” นักฆ่าหน้าเป็นตอบ
“กลับบ้าน” เสียงเย็นชาตามนิสัยตอบห้วนๆ
ทั้งสามนอนทอดกายเหยียดยาวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่บนเนินเขาเตี้ยๆ  สายลมเอื่อยๆพัดผ่านทำให้ปอยผมสีน้ำตาลพลิ้วปลิวมาปรกหน้า  เจ้าตัวยกมือขึ้นเสยอย่างเกียจคร้าน
บัดนี้ผมของเจ้าตัวดีเหยียดยาวจนถึงสะโพก  แม้ปากจะชอบบ่นว่าเกะกะทำอะไรก็ไม่ถนัด  เกี่ยวนู่นเกี่ยวนี่แถมยังชอบนั่งทับ  แต่ก็ไม่ได้ตัดเพราะดันไปหลงคารมไอ้คนพูดน้อยเอาซะได้
“ผมยาวแบบนี้ก็ดี”
คำพูดสั้นๆที่ทำให้คนยืนถือกรรไกรอยู่หน้ากระจกต้องหันไปมองตามร่างสูงที่เห็นเพียงเสี้ยวหน้าแดงระเรื่อที่เดินผ่านไปโดยไว  ทำเอาคนที่เริ่มจะรำคาญผมยาวๆของตนต้องเอากรรไกรเก็บเข้าที่เดิมโดยไม่ทันได้ใช้
ตอนนี้ผมสีน้ำตาลยาวสลวยจึงแผ่สยายอยู่บนพื้นหญ้าราวกับสาหร่ายน้ำลึก 
“ไม่คิดจะชวนฉันไปเที่ยวบ้านพวกนายบ้างเหรอ” เสียงเล็กยังคงรบเร้า ไม่ยอมปล่อยให้สองหนุ่มนอนชมธรรมชาติอย่างสงบ
“ไปบ้านฉันไม่สนุกหรอก ฉันอยากให้นายพาฉันเที่ยวมากกว่า” ดวงตาสีม่วงยังเหม่อมองไปที่ท้องฟ้า
“แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน แต่ฉันไม่ใช่ผู้ชายแล้ว ไปกับนายสองคนคงไม่ค่อยงาม” ว่าแล้วเจ้าตัวแสบก็หัวเราะกึก พลางเหล่ดวงตากลมโตไปทางคนผมสีเงินที่ยังนอนนิ่ง “นายว่าไงล่ะคาโล” 
“นายจะไปไหนก็เรื่องของนาย จะไปกับมันสองคนก็ไม่เกี่ยวกับฉัน” เสียงเย็นๆดังขึ้นโดยไม่ทันคิดว่าเสียรู้คนเจ้าเล่ห์ ดวงตาสีน้ำตาลพราวระยับด้วยความขบขัน
“ชั้นหมายถึงว่านายอยากให้ฉันพาเที่ยวเหมือนไอ้คิลรึเปล่าตะหาก ไม่ได้ถามว่านายเห็นด้วยมั้ยที่จะไปกับมันสองคน แต่ก็อย่างที่นายว่าน่ะแหละ ถึงชั้นจะไปกะไอ้คิลมันสองคนก็ไม่เกี่ยวกับนาย”
ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายวูบ  ดวงหน้าขาวหันมาอย่างเอาเรื่อง  แต่พอสบกับนัยน์ตาขี้เล่นที่รอท่าอยู่แล้วแก้มขาวๆก็พลันขึ้นสีเรื่อจนต้องหันไปทางอื่น 
“ฉันต้องกลับบ้าน” เสียงทุ้มไร้อารมณ์ตัดบัวไม่เหลือใย แต่เฟรินแสร้งทำเหมือนไม่ได้ยิน ขยับกายเอาหัวไปซบบ่ากว้างที่สะดุ้งวูบราวกับหล่อนเป็นตัวหนอนหรืออะไรสักอย่าง 
“อืม มาคิดๆดูแล้วนายก็พูดไม่ถูกเท่าไหร่นะคาโล นายจะว่านายไม่เกี่ยวข้องกับฉันซะทีเดียวก็ไม่ได้นะ” เจ้าตัวดีแกล้งทำเสียงเล็กเสียงน้อย เรียกความฮาให้เพื่อนซี้นักฆ่าจนต้องกลั้นหัวเราะกึกๆ
“ก็นายบอกว่ารักฉันนี่นา...ใช่ม้า” ไม่พูดเปล่ามือเล็กก็ขยับไปสัมผัสปลายคางของเจ้าชายคนเก่งแห่งคาโนวาลพลางรั้งใบหน้าคมให้หันกลับมา
คราวนี้หน้าขาวๆขึ้นสีจัดราวกับมะเขือเทศ  ในใจนึกอยากถีบร่างสาวน้อยปากดีนี่ออกไปให้ไกลที่สุด  เสียแต่เจ้าเพื่อนอีกคนที่ยังอยู่ตรงนี้  ถ้าทำอะไรรุนแรงไปก็จะเหมือนเขาเขินจนร้อนตัว  ดวงตาสีฟ้าวาวๆจึงได้แต่มองอย่างดุๆปรามเจ้าตัวแสบที่ยังอมยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้  แต่ดวงตาสีน้ำตาลหาได้มีแววสะทกสะท้านไม่
ก็หน้าแดงๆกับตาดุๆแบบนี้มันชวนขำมากกว่าน่ากลัว
เฟรินขยับทำท่าจะพล่ามต่อ  แต่ปาก หมาๆยังไม่ทันพูดก็โดนมือใหญ่ดันหน้าออกไปห่างๆ
“ตอนนั้นฉันคงนอนละเมอ” น้ำเสียงราบเรียบที่ทำให้เฟรินแยกเขี้ยว แล้วที่จูบฉันในที่สาธารณะก็ละเมอด้วยเรอะ ไอ้ทะลึ่ง ดวงหน้าหวานแดงนิดๆก่อนแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ถึงบอกว่าละเมอก็เถอะ นายเป็นเจ้าชายนะ จะถอนคำพูดไม่ได้ ไหนบอกว่าศักดิ์ศรีสำคัญมากฆ่าได้หยามไม่ได้ไง” ร่างบางไม่ยอมแพ้ลุกขึ้นนั่งบดบังภาพท้องฟ้าที่เจ้าชายขี้เก๊กพยายามเขม้นมองด้วยสีหน้าราบเรียบแก้เขินปนเคืองที่เจ้าตัวดีเอาเรื่องความจริงใจของเขามาปูดแบบสนุกปาก 
“ก็แล้วนายจะเอายังไง”
“พาฉันไปเที่ยวบ้านนายสิ  ฉันยังไม่เคยไปเลย”  เสียงพยายามให้หวานที่สุด  ดวงตาก็ให้เชื่อมที่สุด  ก็เธอยังไม่เคยไปคาโนวาลเลยนี่  เผลอๆจะได้คุยกับคิงบาโรที่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด  เธออยากจะรู้เรื่องแม่ให้มากกว่านี้  แต่แล้วความคิดก็สะดุดกึกด้วยท่าทีของคนตรงหน้า
“ไม่ได้” เสียงห้วนตัดบทฉับ
“ทำไมวะ”  เสียงออดอ้อนเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวในทันใด  รอยยิ้มหุบฟุ่บ  คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน  หล่อนแทบจะขึ้นคร่อมไปกระชากคอเสื้อถาม
หนอย ไหนบอกรักเค้าที่สุดไง  แค่นี้ให้กันไม่ได้  ตูอุตส่าห์ลงทุนอ้อนแล้วนะเฟ้ย
“นิสัยแบบนาย  ไปอยู่ที่วังมีหวังถูกตัดมือหรือไม่ก็ตัดลิ้น”
“นายก็ช่วยฉันสิ  หรือเส้นเจ้าชายไม่ใหญ่พอ”  ขโมยสาวยังไม่ยอมแพ้
“ถ้าพระราชาสั่ง  เจ้าชายก็ขัดไม่ได้”
หน้าบากๆสีทองแดงผุดพรายขึ้นมาในใจ  แม้จะคิดว่าไม่น่ากลัวเท่าไหร่แต่ถ้าโมโหคงอ่วม
คิลที่นอนตัวสั่นมานานหัวเราะก๊ากขึ้นมาอย่างสุดกลั้น  พอเห็นเพื่อนสาวทำหน้าแหยปุเลี่ยนๆบอกไม่ถูก  ตอนแรกเห็นบรรยากาศเริ่มเลี่ยนๆก็ว่าจะถอยฉากไม่อยู่เป็น ก.ข.ค. แล้วเชียว  แต่ไอ้เพื่อนนักรักชั้นอนุบาลที่เฟรินตั้งฉายาให้ก็ช่างทำลายบรรยากาศเก่งเหลือหลาย  ทำเอาเขาฮาแทบทุกช็อต
“ฉันเห็นด้วยกับคาโลมัน  นายพาฉันเที่ยวให้สนุกดีกว่า”
“เชอะ”  คนปากดีที่เถียงไม่ขึ้นล้มตัวลงนอนต่ออย่างเซ็งๆ 
“นายจะงอนไปทำไม  เดี๋ยวพอพวกนายแต่งงานกันนายก็ได้อยู่คาโนวาลยาว” คำพูดของคิลทำเอาขโมยตัวแสบสำลักน้ำลายแค่กๆ  หน้าแดงแปร้ด
“ไอ้บ้า  ”  ถ้อยคำที่ไม่ระบุความหมายทำให้เจ้าชายน้ำแข็งหันไปมองหน้าสาวคนรักอย่างเคืองๆ  “เจ้าชายผู้สูงศักดิ์อย่างมันมีหรือจะยอมแต่งกับโจรถ่อยอย่างฉัน”  เฟรินประชดพลางแกล้งโยนเรื่องน่าเขินไปให้เจ้าชายแห่งคาโนวาลรับแทน
“แต่งพรุ่งนี้เลยมั้ยล่ะ”  รอยยิ้มบางๆกับน้ำเสียงเรียบๆที่ไม่รู้ว่าเอาจริงหรือล้อเล่น  “ท่าทางพ่อฉันก็ถูกใจนายอยู่ไม่น้อย  ทีนี้นายจะไปบ้านฉันๆก็ไม่ขัด”
คำตอบที่ไม่คาดฝันทำให้หัวขโมยสาวต้องหันมามองตาปริบๆก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะแก้เขิน
“ฮะๆๆๆฮ่าๆๆๆ  พูดอะไรของนาย”
ทีตัวเองล่ะทำเป็นกลบเกลื่อน  คาโลได้แต่ถอนหายใจ  ก่อนที่บทสนทนาจะหันเหไปเรื่องอื่นซึ่งเรียกบรรยากาศสงบๆให้กลับคืนมา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น