ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC BARAMOS-ฟิกบารามอส] โกโดม อำมหิตไม่เงียบ The Series

    ลำดับตอนที่ #1 : โคมุสทมิฬ

    • อัปเดตล่าสุด 7 ม.ค. 49


    โกโดม *อำมหิตไม่เงียบ ภาคโคมุสทมิฬ

    ช่วงเวลา *เฟรินอยู่ปี1

    เหยื่อ *ทั้งป้อมอัศวิน

    บันทึก *ความอำมหิตแห่งความไร้เดียงสา

    *****************************************************************************************

    กลางดึกในค่ำคืนอันแสนสงบสุขแห่งเอดินเบิร์ก  ทุกคนกำลังนอนหลับสบาย   ไม่มีใครรู้ว่าโคมุสร่างเล็กจะทำสิ่งเลวร้ายอันยากจะแก้ไขลงไป  









    เสียงบริกรรมคาถางึมงำดังขึ้นมาจากซอกลึกของท่อน้ำสกปรกภายใต้ป้อมอัศวิน  เมฆดำทะมึนกลุ่มใหญ่ลอยปกคลุมปราสาทเอดินเบิร์ก เริ่มจากจุดเล็กๆ แล้วก็แผ่ขยายไปทุกทิศทุกทาง  แต่อนิจจา... ความมืดมิดในตอนกลางคืนทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นมัน





    “คอยดูเถอะพวกแกทุกคน ความแค้นนี้ ความเจ็บปวดนี้ ความอัปยศอดสูครั้งนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ” เสียงคำรามอย่างคั่งแค้นจากร่างเล็กเท่าฝ่ามือแหบปร่า ตามด้วยเสียงหัวเราะบ้าอำนาจที่มีแต่หนูกับแมลงสาบที่ได้ยิน





    คทาที่เล็กเท่าไม้จิ้มฟันปักฉึกลงบนพื้น   ร่างโคมุสลอยขึ้นในอากาศ สองมือยกขึ้นเหนือหัว  หมอกควันกลุ่มใหญ่พวยพุ่งขึ้นไปในอากาศและเล็ดลอดแทรกซึมเข้าไปทุกหนทุกแห่งในป้อมอัศวิน  















    เจ้าชายโรเวนแห่งเจมิไนผู้ตื่นยากตื่นเย็นแต่พลังฝีมือกล้าแข็งสัมผัสมันได้เป็นคนแรก  เมื่อพบว่าเป็นเพียงไอเวทมนตร์อันอ่อนจางก็นึกว่ามีรุ่นน้องคนใดเล่นสนุกจึงหลับต่อไปอย่างหงุดหงิด  





    และด้วยฤทธิ์ข่ายมนตร์ของเจ้าชายขี้เซานี่เองทำให้ควันประหลาดที่พวยพุ่งไม่สามารถออกจากป้อมอัศวินได้  มันจึงลอยตลบวนเวียนกลับไปมาจนเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆเห็นเป็นสีขาวจางๆราวกับสายหมอก





    ไม่มีใครรู้เลยว่าพรุ่งนี้  ชีวิตทุกคนกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง  ไม่มีใครรู้เลย...ๆๆๆ(เอ็คโค่)

























    เช้าวันใหม่เริ่มขึ้นอย่างสดใส  แสงแรกแห่งวันกำลังสาดส่องเข้ามาในห้อง  เด็กสาวกลับกลายเป็นเด็กหนุ่ม  เมฆหมอกเมื่อวานไม่มีเหลืออีกแล้ว มีแต่กลิ่นตุ่ยประหลาดที่ทำเอาหัวขโมยหนุ่มตื่นเร็วกว่าปกติมาก   เสียงท้องร้องทำให้ต้องลุกทั้งๆที่ไม่อยากลุก





    แต่ทันทีที่เขาลงจากเตียง  ร่างเล็กก็กลิ้งคะมำไม่เป็นท่าเนื่องจากกะระยะผิดพลาด  





    เฟรินลงไปนั่งเกาหัวแกรกๆอยู่ที่พื้น  ปกติเขาขาสั้นอย่างนี้เลยรึ  แต่เขาก็ไม่ใส่ใจลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ  แล้วก็สังเกตเห็นขากางเกงที่ยาวลากพื้นของตัวเอง  เอวกางเกงก็หลวมจนแทบหลุด  ส่วนคอเสื้อก็ลงมาห้องต่องแต่งอยู่ที่หัวไหล่  





    เฟรินมองสภาพตัวเองอย่างงงๆ  ปกติเขาจนขนาดที่ต้องใส่เสื้อผ้าที่ไม่พอดีขนาดนี้เชียวหรือ  พลางมองไปยังเพื่อนทั้งสองที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง  สองคนนี้ก็ใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่โคร่งเหมือนกัน  คิลเกาพุงก่อนจะงัวเงียขึ้นมาเพราะเกาไม่มัน  นิ้วเขาออกมาไม่พ้นแขนเสื้อ ต้องเอามืออีกข้างถกมันขึ้นมาก่อนเกาใหม่  ส่วนคาโลยังนอนนิ่งหลับตาพริ้มส่งเสียงหายใจฟรี้ๆ  แก้มขาวๆใสเนียนผ่องจนเฟรินนึกอยากจะหยิกเล่น





    อย่าดีกว่า เดี๋ยวมันตื่นมาทุบ  แต่เอ  ปกติหมอนั่นมันน่ารักแบบนี้เลยเรอะ





    เฟรินแก้ผ้าอยู่หน้าห้องน้ำก่อนที่จะคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไป  ทุกอย่างช่างดูใหญ่โตอย่างประหลาด  โถส้วมสูงจนต้องกระโดดขึ้นไปนั่ง  ที่วางแปรงสีฟันก็สูงจนเอื้อมไม่ถึง  จนต้องใช้วิชากระโดดสูง   คราวนี้ข้าวของบนชั้นอันประกอบไปด้วยมีดโกนหนวดของคิลและคาโล  ไหมขัดฟันของคาโล  โฟมล้างหน้าของคิล    ยาสีฟันของคาโล  หมวกกันแชมพูของคาโล  เป็ดของคิล  ฯลฯ   ต่างพากันร่วงลงมาระเนระนาดจนทำให้เกิดเสียงคร้องแคร้งดังลั่น  เฟรินเซ็งมาก  เก็บกลับวางคืนก็ไม่ถึง  







    เอาวะ  กองๆไว้แถวนี้ก่อน  







    เมื่อกระโดดแปรงฟันกับอ่างล้างหน้าที่สูงท่วมหัวจนสำเร็จ  ร่างบางก็เปิดก๊อกน้ำอาบซู่ซ่าจนเสร็จแล้วก็เอาผ้าห่อตัวเดินโทงๆออกมาโดยไม่อายฟ้าอายดิน  คิลกับคาโลตื่นแล้วเพราะเสียงเมื่อกี้  คาโลคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบต่อ  ส่วนคิลก็ยังคงนั่งหาวหวอดๆอยู่บนเตียง







    “เฟริน แกทำของตกแล้วทิ้งไว้ยังงี้ได้ยังไง ไอ้บ้า!”  คาโลเดินโทงๆออกมาอย่างหงุดหงิด พอเจ้าชายน้ำแข็งปราดเข้ามาถึงตัวหัวขโมยก็เขกหัวโป้กดังลั่น  เล่นเอาเฟรินเบะปากร้องไห้จ้า  ยกมือขึ้นปัดป้องพัลวัน





    “ง้า แกตีฉัน ไม่ยอมมมม ฉันจะฟ้องพ่อ!”    เฟรินเอาจอมปีศาจมาขู่  แต่คาโลไม่ใส่ใจขู่กลับซะอีก  





    “ฉันก็จะฟ้องมิสแรมเซิลว่านายทำห้องน้ำเละเทะ” พอคนผมสีเงินเขกจนหนำใจแล้วก็ไปอาบน้ำต่อ  





    “มันก็ซาดิสม์อย่างนี้แหละ  นายอย่าร้องน่า  พ่อฉันบอกว่าลูกผู้ชายเค้าไม่ร้องไห้กันหรอก”  คิลปลอบ  พอคาโลเดินออกมาจากห้องน้ำคิลก็รีบเข้าต่อ  ท่าทางจะมีบางอย่างที่อัดอั้นอยู่ภายใน  ทิ้งให้เฟรินนั่งจ้องคาโลตาเขม็งแล้วก็เมินไปมองกำแพง  สวนเจ้าชายแห่งคาโนวาลก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ  ห้องทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบ  ในที่สุดเฟรินก็ส่งเสียงสะอื้นออกมาเบาๆ  เจ้าชายน้ำแข็งจึงต้องยอมง้อก่อน





    “เมื่อกี้ขอโทษ เลิกงอนเหอะ แล้วฉันจะยกหมวกกันแชมพูให้นาย”





    “จริงง่ะ” หน้าเปื้อนขี้มูกหันมาทันที ดวงตาโตสีน้ำตาลบัดนี้ใสแจ๋วเป็นประกาย แม้จะมีคราบน้ำตาเกรอะกรังแต่รอยยิ้มก็วาดอยู่บนใบหน้า เฟรินแสนจะดีใจ หมวกที่เขาแอบใช้มาตลอด หมอนี่จะยกให้เขา แต่ความจริงเขาก็ใช้ทุกอย่างของเพื่อนอยู่แล้ว





    “ของดีจากคาโนวาลเชียวล่ะ มีแต่เจ้าชายเท่านั้นที่จะมีลายนี้   นายจะเอาไหมล่ะ”  





    เฟรินตาวาวพยักหน้าหงึก





    “ก็ได้ ครั้งนี้ยกโทษให้ แต่ถ้าคราวหน้าถ้านายเขกหัวฉันอีกฉันจะฟ้องพ่อ” เสียงแหลมเจื้อยแจ้ว





    พอเสียงน้ำเงียบลง  คิลก็เดินโทงๆออกมาแต่งตัวข้างนอกอีกคน  คำสาปของโคมุสช่างร้ายแรงเหลือเกิน  ทุกคนไม่มีใครรู้สึกถึงความผิดปกติเลย  





    “ไปกันเหอะ หิวจะตายชักแล้ว” พอทั้งสามคนแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินออกไปกินข้าวตามปกติ โดยลากเสื้อกับกางเกงที่หลวมโพรกไปตามทางเดิน





    ห้องอาหารดราก้อนคึกคักเจี๊ยวจ๊าวเพราะมีคนเข้ามากันมากแล้ว  ทั้งสามคนกำลังจะไปนั่งประจำที่ แต่พอดีรุ่นพี่เจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ดแห่งเจมิไนเดินเข้ามาทัก  





    “พวกนายได้กลิ่นอะไรแปลกๆบ้างไหม ฉันได้กลิ่นทั้งคืนเลย นอนแทบไม่หลับ”





    “กลิ่นเหม็นแปลกๆ เหมือนอะไรเน่ารึเปล่าฮะ” เฟรินเอียงคอถามตาแป๋ว





    “ใช่ๆ ผมว่าผมก็ได้กลิ่นเหมือนกัน” คิลสำทับ  





    “แล้วนายล่ะ คาโล”





    “ไม่ฮะ ผมไม่ได้กลิ่นอะไรเลย” คาโลหน้าเสียเมื่อเข้ากลุ่มไม่ได้





    “ยี้ ห่วยว่ะ นายนี่มันไม่ได้เรื่องเล้ย พวกเรารู้กันหมดเลยเนอะคิล” เฟรินยี้เข้าให้ ทำเอาหน้าขาวๆขึ้นสี  





    “แก ไอ้ขโมยปากหมา ฉันไม่ให้หมวกกันแชมพูแกแล้ว” เจ้าชายน้ำแข็งตะโกนใส่หน้า เฟรินเบะปากทำท่าจะร้องไห้อีก ส่วนคิลก็ทำท่าสนุกออกนอกหน้า โรเวนเห็นท่าไม่ดีจึงปรามรุ่นน้องทั้งสาม





    “พอๆ ถ้าพวกนายทะเลาะกันฉันจะให้อดกินขนมทั้งอาทิตย์เลย”





    ได้ผล  ทั้งสามเงียบไปทันที  





    เวทย์มนต์ของโคมุสทมิฬช่างร้ายแรงเหลือเกิน!







    ปังๆ! เสียงเคาะโต๊ะของมาทิลด้าทำเอาทุกคนอยู่ในความสงบ    สามหนุ่มในห้องหัวหน้าชั้นปีอันไร้ซึ่งอำนาจก็ปีนเก้าอี้ขึ้นไปนั่งเรียบร้อย





    “อรุณสวัสดิ์ทุกคน  วันนี้ฉันจะมาชี้แจงเรื่องการออกกายบริหารยามเช้า    เมื่อกี้ฉันได้ปรึกษากับมิสแรมเซลแล้วว่าจะจัดให้มีการออกกำลังกายทุกเช้าเพื่อความแข็งแรงของพวกเราทุกคน  โดยจะให้ทุกๆคนผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมานำการบริหารร่างกาย  ขอให้ทุกคนไปคิดมาว่าจะให้เพื่อนๆทำอะไร  เริ่มต้นตั้งแต่พรุ่งนี้  นายเฟริน  เดอเบอโรว์ เดอะ ทีฟ ออฟ  บารามอส  นายเป็นคนแรก  เรียงตามห้องไป  เข้าใจไหม”





    “คร้าบ   ค่ะ” ทุกคนรับคำอย่างว่าง่ายเป็นที่น่าฉงน





    “นายจะทำอะไร เฟริน” เพื่อนนักฆ่ามองมาอย่างสนใจ เจ้าตัวแสบที่ตอนแรกทำหน้าเหม็นเบื่อตอนนี้แยกเขี้ยวแสยะยิ้มอย่างน่าสะพรึงกลัว





    “เดี๋ยวพรุ่งนี้นายก็รู้”





    ป้อมอัศวินเพี้ยนกันไปหมดแล้ว  คำสาปอะไรกันนี่











    ชั่วโมงแรกของอาจารย์เจ้าชายชามัล เป็นชั่วโมงที่ทุกคนในโรงเรียนพระราชาต้องจดจำไปชั่วชีวิต เมื่อนักเรียนป้อมอัศวินทั้งชั้นพากันหายเกลี้ยง  มีแต่เด็กน้อยตัวเล็กอายุไม่เกินห้าขวบนั่งหน้าสลอนกันอยู่  เจ้าชายผู้ไร้อารมณ์ขันยังคิดว่ามีใครมาเล่นตลก  พลันมีเสียงตะโกนโหวกเหวกมาจากห้องเรียนอื่นๆใกล้เคียง  ดังขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ยกัน







    “นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย!”  เสียงอาจารย์คนอื่นร้องตะโกนพร้อมด้วยนักเรียนป้อมอื่นที่พรูกันเข้ามาในห้อง  คิลกับเฟรินมองไปที่ประตูอย่างสงสัย





    “คาโล นี่มันอะไรเหรอ” เฟรินสงสายตาแป๋วแหววไปที่เพื่อนผู้ที่มีแววงงๆในดวงตาเหมือนกัน





    “ไม่รู้เหมือนกัน”





    เหล่านักเรียนตัวจิ๋วแห่งป้อมอัศวินถูกเกณฑ์ไปรวมกันที่โรงอาหาร  มิสแรมเซิลที่หน้าตาเป็นสาวรุ่นทำหน้าเลิกลั่กด้วยความไม่เข้าใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น  เพราะตัวหล่อนเองก็โดนเวทย์มนต์เข้าไปด้วย  เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังลั่น  ก่อนที่เสียงตวาดจะกลบเสียงอื่นๆจนหมด





    “มีใครรู้บ้างว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”  เจ้าชายชามัลทุบโต๊ะปัง





    “ผมไม่เข้าใจว่ามีอะไรผิดปกติครับ”  เจ้าชายโรเวนซึ่งเป็นหนุ่มน้อยวัยกระเตาะแย้งขึ้น  





    “พวกเธอถูกเวทย์ย้อนเวลาที่ร้ายแรงมาก  ย้อนแม้แต่ความรู้สึกนึกคิด  แถมจิตยังสร้างความทรงจำลวงอีกด้วย”  เสียงเนิบๆที่แฝงอารมณ์กรุ่นพยายามอธิบาย แต่สีหน้าไม่เชื่อกับคิ้วที่เลิกน้อยๆของเสนาธิการฝ่ายซ้ายของป้อมทำเอาอาจารย์เจ้าชายควันออกหู





    “ไม่แปลกที่พวกเธอจะยอมรับไม่ได้  แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือ  มีคนร้ายอยู่ที่นี่”





    “คนร้ายอะไรครับ”  ไธนอสก็ยังคงไม่รับรู้





    “ก็ฉันบอกว่า  มีคนสาปพวกเธอ”





    “หา...”  คราวนี้เป็นเสียงมิสแรมเซิล  





    “พวกเธอถูกสาปเป็นเด็ก”





    “ไม่มั้งครับ  ผมไม่เห็นรู้สึกเลย”  ลูคัสว่าพลางขยับแว่น  หน้าขาวๆดูเอ๊าะ





    “...”





    เสียงค้านดังสลับกับเสียงอธิบายที่ค่อยๆกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ  บทสนทนายังคงวนเวียนไปมาไม่ก้าวหน้า  เพราะคนถูกสาปไม่รู้ตัวแถมยังมั่นใจจนไม่ยอมรับ  เจ้าชายชามัลอยากจะกัดลิ้นตัวเองตายสักหลายๆรอบ  





    “นี่ๆ  เรนอน  เธอว่าฉันกับมันใครหล่อกว่ากัน”  เสียงใสๆจากเฟรินน้อยร้องถามเพื่อนสาวเนื่องจากเบื่อกับคำพูดซ้ำๆซากๆของอาจารย์กับพวกรุ่นพี่





    “ใครคะคุณเฟริน”





    “ก็ฉันกับไอ้ขี้เก๊กนี่ไง”  นิ้วป้อมๆชี้ไปทางเด็กน้อยรูปงามผมสีเงิน





    “แหม  ก็ต้องเป็นคุณเฟรินอยู่แล้วล่ะค่ะ  ก็คุณคาโลไม่ยอมยิ้มเลยแบบนี้  คุณครูบอกว่าไม่น่ารัก”  คำตอบนี้ทำให้คาโลหันมาเหล่อย่างเคืองๆ  ก่อนที่จะเบือนหน้าหนีด้วยความสะเทือนใจ





    เขาไม่น่ารักหรือนี่  มิน่า  ท่านพ่อถึงเอาแต่ดุ  ไม่เคยโอ๋เขาเลย





    “ฮ่าๆๆ ตอบดีมากเรนอน  ฉันยกไอ้คิลให้เป็นรางวัล”  ไม่พูดเปล่าพลางขยับไปหอมแก้มเด็กสาวฟอดใหญ่  





    “อุ้ย  คุณเฟริน  มาหอมเค้าได้ไง”  แก้มใสๆของเรนอนแดงแปร๊ด





    เพื่อนซี้นักฆ่าน้อยเกิดไม่พอใจขึ้นมาตงิดๆ  ฟาดฝ่ามือลงบนหน้าผากเพื่อนเต็มแรงดังเผียะ





    “โอ้ย  เจ็บนะ”  เฟรินร้องลั่น  “แก  ไอ้ขี้หมา”  ว่าแล้วเจ้าตัวก็ควงกำปั้นเข้าแลกกับเพื่อนซึ่งตั้งท่ารออยู่แล้ว  คาโลที่กำลังจ่อมจมอยู่ในความเศร้าก็โดนศอกเข้าไปเต็มๆ





    “พวกแก...”  





    ทีนี้สามร่างก็เข้าตะลุมบอนกันจนแยกไม่ออก  เพื่อนๆที่อยู่ใกล้ๆก็พากันโดนลูกหลงกันถ้วนหน้า  ทั้งหมดจึงเข้าซัดกันโดยไม่มีใครยอมใครสมเป็นป้อมอัศวิน





    ห้องอาหารดรากอนจึงเกิดการจลาจลขนาดย่อม  พวกรุ่นพี่ก็ปรามไม่อยู่  อาจารย์เจ้าชายชามัลอยากจะกู่ร้องด้วยความปวดเศียรเวียนเกล้า  คนที่เคยพึ่งพาได้อย่างโรเวนหรือไธนอสก็พูดจาไม่รู้เรื่อง  เกิดมาเป็นอาจารย์สอนโรงเรียนพระราชาชีวิตไม่เคยต้องยากขนาดนี้  เสียงร้องไห้กระจองอแงดังลั่น  สถานการณ์ยุ่งเหยิงชนิดควบคุมไม่อยู่  





    เสียงฟ้าร้องกึกก้อง  ดวงอาทิตย์ดับแสง  เสียงหัวเราะบ้าอำนาจของใครบางคนดังขึ้น  ทำเอาห้องทั้งห้องเงียบไปถนัด





    “หรือว่า...เพราะของวิเศษของเอวิเดส”   เสียงใครบางคนรำพึง





    “ฮ่าๆๆๆๆๆ  เจ้าพวกมนุษย์ต่ำต้อย  พวกแกสำนึกรึยังที่บังอาจมาหยามข้า”  





    เสียงกระจกแตกพร้อมร่างเล็กที่พุ่งเข้ามาทำให้เด็กๆหวีดร้องด้วยความหวาดกลัว





    คนแคระเขากวางร่างเล็กจิ๋วลอยกร่างอยู่ในอากาศ  ทุกคนมองไปที่มันเป็นจุดเดียว คิ้วเรียวของโรเวนเลิกขึ้นด้วยความฉงน





    พ่อมดแห่งเดมอสนึกถึงความแค้นที่ตนถูกเหยียบย่ำอย่างโหดร้ายเมื่อย่างเข้าสู่ป้อมอัศวิน





    ทุกอย่างมันเริ่มต้นที่วันนั้น  วันที่เขาแน่ใจแล้วว่าท่านเฟรินคือเจ้าหญิงเฟลิโอน่านายที่เขารักยิ่ง เขารีบกลับมาที่ป้อมอัศวินโดยไว  พอดีนักเรียนคนหนึ่งเดินมาอย่างรีบร้อน  เตะเขาเข้าที่กลางลำตัวจนจุกแอ้กลงไปกองที่พื้น  







    ดวงตาสีแดงกวาดไปที่เด็กน้อยนาม  ครี้ด  ธันเดอร์





    เขายังไม่ทันลุกขึ้นมา คนที่เดินตามมาติดๆก็เหยียบเขาเข้าเต็มรักไส้แทบทะเล็ด  





    ดวงตาสีแดงกวาดไปที่เด็กน้อยนาม  โร  เซวาเรส





    เขาต้องนอนอยู่อย่างนั้นนานพอดูกว่าอาการบาดเจ็บจะทุเลา  แต่แค่นั้นมันยังน้อยไป  เมื่อนักเรียนอีกคนคิดว่าเขาเป็นหนูตายจึงเตะทิ้งลงไปในท่อระบายน้ำ





    ดวงตาสีแดงกวาดไปที่เด็กน้อยนาม  กัส  โทนีย่า





    เขาต้องทนกับสัตว์โสโครกและกลิ่นเหม็นร้ายกาจอยู่นานกว่าเรี่ยวแรงจะกลับคืน  ความแค้นนี้ ความเจ็บปวดนี้ ความอัปยศอดสูครั้งนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ





    ด้วยมนตร์วิเศษแห่งปีศาจ  ทุกคนจะต้องรับรู้ว่าหัวอกคนตัวเล็กที่ถูกเหยียบย่ำนั้นมันขมขื่นแค่ไหน





    เมื่อกวาดตาไปมา  โกโดมก็เริ่มมองเห็นความผิดพลาด  เมื่อเหล่าสิ่งมีชีวิตที่นั่งหน้าสลอนอยู่นี่คือ ‘เด็ก’ มิใช่ ’คนตัวเล็ก’  อีกทั้งยังรวมเจ้าหญิงของเขาเข้าไปด้วย





    “แกนี่เอง”  เสียงเรียบๆดังมาจากอาจารย์เจ้าชายชามัล





    อาจารย์แม่มดวิงกี้ตวัดมือวูบเดียว  ร่างเล็กก็ตกลงท่ามกลางดงเด็กเถื่อน  โคมุสทมิฬหมดสติไปหลายวินาที





    “เชิญเล่นกันตามสบาย”  อาจารย์ทั้งหลายพากันเดินออกไปจากห้อง  ปล่อยให้โกโดมเผชิญกับเหล่าเด็กมนุษย์ที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ด้วยดวงตาเป็นประกาย  แม้แต่เด็กโตๆอย่างหัวหน้าป้อม





    “ตัวนี้เหรอคนร้าย”  เสียงเย็นๆดังมาจากรุ่นพี่โรเวน  ฮาเวิร์ด





    “คงงั้นมั้งครับ  จะลงโทษไงดี”  คราวนี้เด็กน้อยนามซีบิลเอ่ย





    “ถอนขน”





    “ตัดลิ้น”





    “ผ่าดู”





    “ดึงเขาออก”





    เสียงเด็กทุกๆคนที่ช่วยกันออกความเห็นทำให้โกโดมเหงื่อแตกพลั่ก





    “เผา”





    เสียงเจื้อยแจ้วจากเจ้าหญิงของเขาเอง





    เมื่อมือนับสิบเอื้อมมาคว้าตัวเขา โกโดมก็แข็งใจไม่เป็นลมกระโดดหลบให้สูงที่สุด  แต่ขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศมือน้อยก็คว้าหมับเข้าที่กลางลำตัว





    “มัดไว้ก่อนดีกว่า  ท่าทางมันจะสู้”  คิลพูดพลางมองดูโคมุสผู้โชคร้ายในมือด้วยดวงตาสีม่วงเป็นประกายราวเห็นของเล่นที่ถูกใจ





    ร่างเล็กถูกมัดติดกับเสากลางห้อง  ถ้ามีกองไฟกับหน้ากากคนป่าด้วยคงจะครบสูตร  พวกเด็กยืนล้อมเขาอยู่พลางจ้องตาไม่กระพริบ





    “ผมอยากผ่า  นะฮะ  พี่โรเวน”  เด็กน้อยคิลส่งเสียงอ้อน





    “เอางั้นก็ได้  นายเป็นคนจับมันได้คนแรกนี่นา”  เด็กหนุ่มรูปงามเจ้าของดวงตาสีน้ำเงินเข้มพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต





    “เอาเลยคิล”  เจ้าหญิงของเขาออกมานั่งหน้าสุด





    คิลหันไปมองทุกๆคนที่ทำสายตาราวกับจะฝากความหวังทั้งมวลไว้ที่เขา  รอยยิ้มไร้เดียงสาผุดขึ้นมาพร้อมอาการเกาข้างแก้มอย่างอายๆ





    “งั้นเอาเลยนะฮะ”  มีดเล่มเล็กเรียวโผล่มาด้วยความกรุณาจากรุ่นพี่ลอเรนซ์





    “ไม่มมมมมมมมม”  โคมุสแห่งเดมอสร้องลั่น  มีดกำลังใกล้เข้ามาๆ  ชุดพ่อมดของเขาค่อยๆถูกเลาะออก  โกโดมกลั้นลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนสลบแก้คำสาปทั้งมวล





    เมฆดำทะมึนก้อนใหญ่ลอยปกคลุมทั่วปราสาทเอดินเบิร์ก  สายฝนเย็นชุ่มฉ่ำเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา  เสียงฟ้าผ่าสะเทือนเลือนลั่นหยุดมีดของคิลไว้อย่างหวุดหวิด





    ร่างกายเล็กๆทุกร่างส่องแสงออกมาแล้วก็ค่อยๆโตจนมีขนาดเท่าเดิม  ทุกคนแยกย้ายกันออกไปราวกับลืมเรื่องทั้งหมดไปจนสิ้น  เฟริน  คาโล  และคิลก็เหมือนกัน  ทั้งหมดพากันลุกขึ้นยืนจะไปเข้าห้องเรียนตามปกติ  พอดีสายตาของเฟรินเหลือบไปเห็นร่างเล็กที่ถูกมัดติดกับเสากลางห้องไว้





    “ทำอะไรของแกอยู่  เจ้ากวางโง่”





    ถามได้เจ็บปวดดีแท้









    และแล้วป้อมอัศวินก็คืนสู่ความสงบ ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายราวกับจะชำระล้างน้ำตาที่ตกในของโกโดม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×