ฟิคนี้ได้แรงบันดาลใจจากหมัดดาวเหนือและการ์ตูน k ดังนั้น ฟิคนี้เป็นฟิค k
................................................................................................................................................................................
\"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณคิล\"  เสียงหวานดังมาจากเรนอน  สาวสวยประจ้ำป้อม  คิลเงยหน้าขึ้นมาจากก็อกน้ำ  ร่างที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อทำให้เรนอนมองเห็นกล้ามท้องทั้งหกมัดภายใต้เสื้อบาง  พลางนึกเปรียบเทียบกับกล้ามเนื้อของครี้ดที่ได้เห็นเมื่อวันก่อน  โดยรวมแล้วคิลดูบอบบางกว่ามากแต่กล้ามเนื้อที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดีนั้นกระชับแข็งแกร่งกว่ากล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นจากการเพาะกายแบบลวกๆ 
              “อ่า  หวัดดี”  คิลตอบอย่างเขินๆ  เขาอายที่เรนอนมองเขาตรงๆจนกล้ามเนื้อคอเกร็งขึ้นเป็นลอน
              “วันนี้อากาศดีนะคะ”
              “อือ”
ทั้งสองพูดคุยกันได้เพียงไม่กี่ประโยค  เสียงเจ้าคนพูดมากก็ดังเจื้อยแจ้วเข้ามาใกล้
              “คิลลลลลลล”  เฟรินลากเสียงพร้อมกับวิ่งเข้ามาใกล้  กล้ามเนื้อขาของหัวขโมยปูดขึ้นมาเมื่อออกแรง  แสดงถึงชีวิตของเจ้าตัวที่ฝึกฝนการใช้ขามาอย่างดี
ปึด  ปึด  เสียงกล้ามเนื้อแขนของเฟรินดังขึ้นเมื่อเจ้าตัวยกดาบผ่าปฐพีขึ้นพาดบ่า  อกล่ำนูนขึ้นมาจนเห็นได้ชัด
              “ฮั่นแน่  แอบหลบเพื่อนมาจีบสาวอยู่นี่เอง  นายนี่ร้ายเหมือนกันนะ”  คำพูดหยอกทำเอาคิลหน้าขึ้นสี  เส้นเลือดที่ขมับปูดขึ้นมาจนเห็นเด่นชัด  ส่วนเรนอนก็เขินเสมองไปทางสนามกีฬาที่เพื่อนๆชาวป้อมอัศวินกำลังเล่นบาสเพื่อเผาไหม้พลังแห่งวัยรุ่นจนเหงื่อโชกกันอยู่
              “ไอ้บ้า”  คิลตอบด้วยอารมณ์กรุ่นๆ  ทีมของเขาเพิ่งแพ้ไปเมื่อกี้  ทำให้หงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย  เมื่อนึกถึงว่าอกแข็งแกร่งของเขา  สู้พลังถึกของ  โร  เซวาเรสไม่ได้  เขาถูกเจ้านั่นแท็กด้วยไหล่หนาจนล้มลงไปกอง  เสียโอกาสชู้ตลูกพลิกเกมไปอย่างน่าเสียดาย  แม้ว่าโรจะฟาล์ว  แต่ทีมเขาก็ต้องแพ้คะแนนไปในที่สุด 
แค่คิด  กล้ามเนื้อบนใบหน้าก็สั่นระริก  เฟรินซึ่งไม่ทันสังเกตอารมณ์ที่ไม่ปกติของเพื่อนก็ปากมากไปตามประสา
              “ฉันเห็นเมื่อกี้แล้ว  นายมันห่วยนี่หว่า  แสดงว่ายังฝึกฝนมาไม่พอ  นี่  ฉันสอนให้เอามั้ย  วิธีที่จะเอาชนะพลังของเจ้าโรมัน...”  ปากพล่อยๆพูดยังไม่ทันจบดี  หมัดแข็งที่เกร็งกำลังจนข้อนิ้วขึ้นสีขาวก็ลอยมากระทบกรามของผู้พูดจนแทบหลุดออกจากใบหน้า  ร่างชายหนุ่มกระเด็นลอยละลิ่วไปกระแทกกำแพงอิฐจนมันพังถล่มลงมา  ผ่าปฐพีลอยคว้างไปในอากาศจนไปปักฉึกอยู่กับต้นไม้  เฟรินที่ลุกขึ้นมาจากใต้กองอิฐถ่มเลือดออกมาจากปากพร้อมกับฟันกรามซี่หนึ่ง
              “มันจะมากไปหน่อยแล้วนะแก  ฉันแค่แหย่เล่นหนุกๆเห็นว่านายกำลังซึม  นายดันใช้พลังกับฉันถึงแปดส่วน”  ขมับของเฟรินกระตุกตุบๆ  ยามนี้ภายใต้แสงสลัวที่ส่องผ่านซากกำแพงทำให้แผลเป็นใต้ตาซ้ายของเขาดูเข้มเด่นชัด  เค้าหน้าที่เคยหวานกลับดูกร้านขึ้นมาทันที
            “นายมันปากพล่อยเอง”  คิลยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ  พลางถอดเสื้อเปียกๆของตัวเองออกพร้อมลุยเต็มที่  เมื่อเห็นเพื่อนปาก หมาตั้งท่าด้วยแววตาวาวโรจน์
            “ดี  ดีมาก  เพื่อนอย่างนาย”  ไม่ทันขาดคำ  เท้าหนักๆราวฟาดด้วยไม้เบสบอลของเฟรินก็เหวี่ยงเข้าที่ชายโครงของคิลอย่างเต็มเหนี่ยว  แม้นักฆ่าจะเกร็งแขนรับไว้ได้  แต่ก็สร้างแรงสะเทือนไม่น้อยเลย  คิลรู้สึกเจ็บแปลบที่เอ็นข้อศอกในทันที  สงสัยว่ามันอาจจะขาด  แต่เมื่อเฟรินชักเท้ากลับ  หมัดซ้ายตรงก็ตามมาอย่างไม่เว้นจังหวะหายใจ
คราวนี้คิลไม่ยอมตั้งรับอยู่เฉยๆ  เขาอาศัยความไวเกร็งข้อนิ้วฝังลึกลงไปบนแขนของเฟริน  ทำเอาแขนล่ำของหัวขโมยหมดแรงวูบห้อยตกลงข้างตัว  หัวโขมยถึงกับกัดฟันแน่น  ไม่นึกว่าเพื่อนร่วมห้องของเขาจะใช้วิชาปิดประตูจักราสะบั้นชีพจรของทริสทอร์ดีถึงเพียงนี้ 
ทีนี้  แขนข้างหนึ่งของทั้งคู่ก็ใช้การไม่ได้
เรนอนซึ่งยืนดูเหตุการณ์มาโดยตลอดได้แต่เลิ่กลั่กมองร่างของทั้งคู่สลับกันไปมาไม่รู้จะทำอย่างไรดี  ราชนิกูลสาวของคาโนวาลถูกสั่งสอนอยู่เสมอว่าอย่าเข้าไปขวางการต่อสู้ของลูกผู้ชาย  แม้ว่าพวกเขาจะฟัดกันจนดาวดิ้น  หรือฟาดฟันกันจนเลือดไหลออกจนหมดตัวก็ตาม
แต่เรนอนก็ทนดูเพื่อนทั้งสองแลกหมัดกันไม่ไหวแล้ว  ในที่สุด  หญิงสาวก็กัดฟันเดินไปตามคนที่คิดว่าจะห้ามทัพได้มา
คาโลวิ่งปราดเข้ามาตอนที่ทั้งสองวิ่งเข้าหากันแล้วต่างฝ่ายต่างก็ฟาดท่อนแขนแข็งแกร่งเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่าย 
ป๊าบ!  เลือดจมูกพุ่งออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย  คาโลยืนมองสถานการณ์อยู่ชั่วครู่ก็อ่านเกมได้ว่าถ้าเขาไม่ทุ่มเต็มที่คงหยุดทั้งคู่ไม่ได้แน่  คิดได้ดังนั้นคาโลจึงตัดสินใจเร่งพลังขึ้นมาจากท้องน้อย  แล้วแพร่กระจายต่อเนื่องผ่านไปตามจุดชีพจรต่างๆ
พลังเวทย์ที่ไหลเวียนไปทั่วร่างเร่งประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อออกมาถึงขีดสุดจนเสื้อของเจ้าชายแห่งคาโนวาลขาดออกเป็นริ้วๆ
ขณะที่คิลและเฟรินปราดเข้าปะทะกันอีกรอบ  ร่างแกร่งของคาโลซึ่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อมันวาวราวกับอัญมณีที่ถูกเจียระไนอย่างประณีตที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนก็ปรากฏขึ้นมาตรงกลางระหว่างคนทั้งคู่อย่างเฉียบพลัน
                “ตูม!”  กำปั้นอันแข็งแกร่งประดุจเหล็กไหลของเจ้าชายน้ำแข็งฟาดโครมลงบนพื้น  แรงสั่นสะเทือนที่ราวกับจะดังไปถึงเดมอสทำเอาเพื่อนร่วมห้องทั้งสองมิอาจทรงตัวอยู่ได้  ถึงกับกระเด็นลงไปอัดกับพื้น  ป้อมอัศวินสั่นครืน  ธงประจำป้อมล้มลงมาดังโครม  พลังจากคาโลแผ่ขยายออกไปทุกทิศ
ไฟแห่งความโกรธหายไปในพริบตา  มีแต่ความพิศวงงงงวยอยู่บนใบหน้าของสองหนุ่มที่นอนจมดินอยู่
เมื่อควันจางลง  ดวงตาของวัยรุ่นใจร้อนทั้งสองก็เห็นพื้นดินกลายเป็นหลุมลึกโดยมีเจ้าชายแห่งคาโนวาลเป็นศูนย์กลาง 
                  “หวังว่าหมัดนี้คงทำให้พวกนายสงบลงได้”  คาโลเอ่ยพลางปัดฝุ่นออกจากร่าง 
                  “หมัดอุดรเทวะ...”  เฟรินครางเบาๆ  ไอ้ก้อนน้ำแข็งบ้านี่ไปเรียนวิชานี้จากสโนวแลนด์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
คิลมองเจ้าชายที่อนาคตต้องผ่านศึกสายเลือดเพื่อขึ้นเป็นคิงแห่งคาโนวาล  แล้วก็นึกถึงคำสอนของบรรพบุรุษ
                “พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่”
คาโลฉุดมือเพื่อนทั้งสองให้ลุกขึ้น  เฟรินสบตากับคิลแล้วก็ยิ้มพรืดออกมา  คิลก็ยิ้มแฉ่งก่อนจะปล่อยก๊าก 
และแล้วทั้งสามคนก็วิ่งไปสู่แสงตะวัน
------------------------------------------------------------FIN---------------------------------------------------
ลืมใครไปรึเปล่า?
แต่งเอาขำๆ  คงไม่ถึงกับรับไม่ได้กันน้า
ชอบไม่ชอบก็ช่วยโพสกันหน่อยนะคะ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น