(Fic บารามอส) พลังแห่งวัยรุ่นที่เคล้าไปด้วยเลือดและน้ำตา - (Fic บารามอส) พลังแห่งวัยรุ่นที่เคล้าไปด้วยเลือดและน้ำตา นิยาย (Fic บารามอส) พลังแห่งวัยรุ่นที่เคล้าไปด้วยเลือดและน้ำตา : Dek-D.com - Writer

    (Fic บารามอส) พลังแห่งวัยรุ่นที่เคล้าไปด้วยเลือดและน้ำตา

    พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่(โดยปีเตอร์ ปาร์กเกอร์) บทแอคชั่นเล็กๆที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของเหล่าเด็กหนุ่มแห่งชะตากรรม

    ผู้เข้าชมรวม

    5,610

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    5.61K

    ความคิดเห็น


    43

    คนติดตาม


    14
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 ม.ค. 49 / 20:43 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ฟิคนี้ได้แรงบันดาลใจจากหมัดดาวเหนือและการ์ตูน k ดังนั้น ฟิคนี้เป็นฟิค k
      ................................................................................................................................................................................


      \"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณคิล\"  เสียงหวานดังมาจากเรนอน  สาวสวยประจ้ำป้อม  คิลเงยหน้าขึ้นมาจากก็อกน้ำ  ร่างที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อทำให้เรนอนมองเห็นกล้ามท้องทั้งหกมัดภายใต้เสื้อบาง  พลางนึกเปรียบเทียบกับกล้ามเนื้อของครี้ดที่ได้เห็นเมื่อวันก่อน  โดยรวมแล้วคิลดูบอบบางกว่ามากแต่กล้ามเนื้อที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดีนั้นกระชับแข็งแกร่งกว่ากล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นจากการเพาะกายแบบลวกๆ  

                     “อ่า  หวัดดี”  คิลตอบอย่างเขินๆ  เขาอายที่เรนอนมองเขาตรงๆจนกล้ามเนื้อคอเกร็งขึ้นเป็นลอน

                     “วันนี้อากาศดีนะคะ”

                    “อือ”


      ทั้งสองพูดคุยกันได้เพียงไม่กี่ประโยค  เสียงเจ้าคนพูดมากก็ดังเจื้อยแจ้วเข้ามาใกล้


                     “คิลลลลลลล”  เฟรินลากเสียงพร้อมกับวิ่งเข้ามาใกล้  กล้ามเนื้อขาของหัวขโมยปูดขึ้นมาเมื่อออกแรง  แสดงถึงชีวิตของเจ้าตัวที่ฝึกฝนการใช้ขามาอย่างดี


      ปึด  ปึด  เสียงกล้ามเนื้อแขนของเฟรินดังขึ้นเมื่อเจ้าตัวยกดาบผ่าปฐพีขึ้นพาดบ่า  อกล่ำนูนขึ้นมาจนเห็นได้ชัด


                     “ฮั่นแน่  แอบหลบเพื่อนมาจีบสาวอยู่นี่เอง  นายนี่ร้ายเหมือนกันนะ”  คำพูดหยอกทำเอาคิลหน้าขึ้นสี  เส้นเลือดที่ขมับปูดขึ้นมาจนเห็นเด่นชัด  ส่วนเรนอนก็เขินเสมองไปทางสนามกีฬาที่เพื่อนๆชาวป้อมอัศวินกำลังเล่นบาสเพื่อเผาไหม้พลังแห่งวัยรุ่นจนเหงื่อโชกกันอยู่


                     “ไอ้บ้า”  คิลตอบด้วยอารมณ์กรุ่นๆ  ทีมของเขาเพิ่งแพ้ไปเมื่อกี้  ทำให้หงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย  เมื่อนึกถึงว่าอกแข็งแกร่งของเขา  สู้พลังถึกของ  โร  เซวาเรสไม่ได้  เขาถูกเจ้านั่นแท็กด้วยไหล่หนาจนล้มลงไปกอง  เสียโอกาสชู้ตลูกพลิกเกมไปอย่างน่าเสียดาย   แม้ว่าโรจะฟาล์ว  แต่ทีมเขาก็ต้องแพ้คะแนนไปในที่สุด  


      แค่คิด  กล้ามเนื้อบนใบหน้าก็สั่นระริก  เฟรินซึ่งไม่ทันสังเกตอารมณ์ที่ไม่ปกติของเพื่อนก็ปากมากไปตามประสา




                     “ฉันเห็นเมื่อกี้แล้ว  นายมันห่วยนี่หว่า  แสดงว่ายังฝึกฝนมาไม่พอ  นี่  ฉันสอนให้เอามั้ย  วิธีที่จะเอาชนะพลังของเจ้าโรมัน...”  ปากพล่อยๆพูดยังไม่ทันจบดี  หมัดแข็งที่เกร็งกำลังจนข้อนิ้วขึ้นสีขาวก็ลอยมากระทบกรามของผู้พูดจนแทบหลุดออกจากใบหน้า  ร่างชายหนุ่มกระเด็นลอยละลิ่วไปกระแทกกำแพงอิฐจนมันพังถล่มลงมา  ผ่าปฐพีลอยคว้างไปในอากาศจนไปปักฉึกอยู่กับต้นไม้  เฟรินที่ลุกขึ้นมาจากใต้กองอิฐถ่มเลือดออกมาจากปากพร้อมกับฟันกรามซี่หนึ่ง


                    “มันจะมากไปหน่อยแล้วนะแก  ฉันแค่แหย่เล่นหนุกๆเห็นว่านายกำลังซึม  นายดันใช้พลังกับฉันถึงแปดส่วน”  ขมับของเฟรินกระตุกตุบๆ   ยามนี้ภายใต้แสงสลัวที่ส่องผ่านซากกำแพงทำให้แผลเป็นใต้ตาซ้ายของเขาดูเข้มเด่นชัด  เค้าหน้าที่เคยหวานกลับดูกร้านขึ้นมาทันที


                   “นายมันปากพล่อยเอง”  คิลยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ  พลางถอดเสื้อเปียกๆของตัวเองออกพร้อมลุยเต็มที่  เมื่อเห็นเพื่อนปาก หมาตั้งท่าด้วยแววตาวาวโรจน์


                  “ดี  ดีมาก  เพื่อนอย่างนาย”  ไม่ทันขาดคำ  เท้าหนักๆราวฟาดด้วยไม้เบสบอลของเฟรินก็เหวี่ยงเข้าที่ชายโครงของคิลอย่างเต็มเหนี่ยว  แม้นักฆ่าจะเกร็งแขนรับไว้ได้  แต่ก็สร้างแรงสะเทือนไม่น้อยเลย  คิลรู้สึกเจ็บแปลบที่เอ็นข้อศอกในทันที  สงสัยว่ามันอาจจะขาด  แต่เมื่อเฟรินชักเท้ากลับ  หมัดซ้ายตรงก็ตามมาอย่างไม่เว้นจังหวะหายใจ


      คราวนี้คิลไม่ยอมตั้งรับอยู่เฉยๆ  เขาอาศัยความไวเกร็งข้อนิ้วฝังลึกลงไปบนแขนของเฟริน  ทำเอาแขนล่ำของหัวขโมยหมดแรงวูบห้อยตกลงข้างตัว  หัวโขมยถึงกับกัดฟันแน่น  ไม่นึกว่าเพื่อนร่วมห้องของเขาจะใช้วิชาปิดประตูจักราสะบั้นชีพจรของทริสทอร์ดีถึงเพียงนี้  



      ทีนี้  แขนข้างหนึ่งของทั้งคู่ก็ใช้การไม่ได้



      เรนอนซึ่งยืนดูเหตุการณ์มาโดยตลอดได้แต่เลิ่กลั่กมองร่างของทั้งคู่สลับกันไปมาไม่รู้จะทำอย่างไรดี  ราชนิกูลสาวของคาโนวาลถูกสั่งสอนอยู่เสมอว่าอย่าเข้าไปขวางการต่อสู้ของลูกผู้ชาย  แม้ว่าพวกเขาจะฟัดกันจนดาวดิ้น  หรือฟาดฟันกันจนเลือดไหลออกจนหมดตัวก็ตาม


      แต่เรนอนก็ทนดูเพื่อนทั้งสองแลกหมัดกันไม่ไหวแล้ว  ในที่สุด  หญิงสาวก็กัดฟันเดินไปตามคนที่คิดว่าจะห้ามทัพได้มา


      คาโลวิ่งปราดเข้ามาตอนที่ทั้งสองวิ่งเข้าหากันแล้วต่างฝ่ายต่างก็ฟาดท่อนแขนแข็งแกร่งเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่าย  
      ป๊าบ!  เลือดจมูกพุ่งออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย  คาโลยืนมองสถานการณ์อยู่ชั่วครู่ก็อ่านเกมได้ว่าถ้าเขาไม่ทุ่มเต็มที่คงหยุดทั้งคู่ไม่ได้แน่  คิดได้ดังนั้นคาโลจึงตัดสินใจเร่งพลังขึ้นมาจากท้องน้อย  แล้วแพร่กระจายต่อเนื่องผ่านไปตามจุดชีพจรต่างๆ


      พลังเวทย์ที่ไหลเวียนไปทั่วร่างเร่งประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อออกมาถึงขีดสุดจนเสื้อของเจ้าชายแห่งคาโนวาลขาดออกเป็นริ้วๆ


      ขณะที่คิลและเฟรินปราดเข้าปะทะกันอีกรอบ  ร่างแกร่งของคาโลซึ่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อมันวาวราวกับอัญมณีที่ถูกเจียระไนอย่างประณีตที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนก็ปรากฏขึ้นมาตรงกลางระหว่างคนทั้งคู่อย่างเฉียบพลัน


                      “ตูม!”  กำปั้นอันแข็งแกร่งประดุจเหล็กไหลของเจ้าชายน้ำแข็งฟาดโครมลงบนพื้น  แรงสั่นสะเทือนที่ราวกับจะดังไปถึงเดมอสทำเอาเพื่อนร่วมห้องทั้งสองมิอาจทรงตัวอยู่ได้  ถึงกับกระเด็นลงไปอัดกับพื้น  ป้อมอัศวินสั่นครืน  ธงประจำป้อมล้มลงมาดังโครม   พลังจากคาโลแผ่ขยายออกไปทุกทิศ



      ไฟแห่งความโกรธหายไปในพริบตา  มีแต่ความพิศวงงงงวยอยู่บนใบหน้าของสองหนุ่มที่นอนจมดินอยู่



      เมื่อควันจางลง  ดวงตาของวัยรุ่นใจร้อนทั้งสองก็เห็นพื้นดินกลายเป็นหลุมลึกโดยมีเจ้าชายแห่งคาโนวาลเป็นศูนย์กลาง  



                        “หวังว่าหมัดนี้คงทำให้พวกนายสงบลงได้”  คาโลเอ่ยพลางปัดฝุ่นออกจากร่าง  


                        “หมัดอุดรเทวะ...”  เฟรินครางเบาๆ  ไอ้ก้อนน้ำแข็งบ้านี่ไปเรียนวิชานี้จากสโนวแลนด์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

      คิลมองเจ้าชายที่อนาคตต้องผ่านศึกสายเลือดเพื่อขึ้นเป็นคิงแห่งคาโนวาล  แล้วก็นึกถึงคำสอนของบรรพบุรุษ


                       “พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่”


      คาโลฉุดมือเพื่อนทั้งสองให้ลุกขึ้น  เฟรินสบตากับคิลแล้วก็ยิ้มพรืดออกมา  คิลก็ยิ้มแฉ่งก่อนจะปล่อยก๊าก  






      และแล้วทั้งสามคนก็วิ่งไปสู่แสงตะวัน




      ------------------------------------------------------------FIN---------------------------------------------------
      ลืมใครไปรึเปล่า?



      แต่งเอาขำๆ  คงไม่ถึงกับรับไม่ได้กันน้า
      ชอบไม่ชอบก็ช่วยโพสกันหน่อยนะคะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×