คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ : เริ่มต้นภารกิจ(แก้ไขและเพิ่มเติม)
บทที่1 : เริ่มต้นภารกิจ
ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา แต่ก็ไม่ได้มีแค่ยุคสมัยเท่านั้นจิตใจของสิ่งมีชีวิตเองก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเช่นกัน และนั่นก็เป็นความหวังอย่างหนึ่งของนักฆ่ารับจ้างอย่างฉันที่ได้แต่คิดว่าจะมีใครสักคนที่จะมาทำให้ชีวิตที่นี้ให้เปลี่ยนไปได้
“นี่คืองานของนายในคราวนี้ ไปจัดการให้เรียบร้อยนะ” ชายวัยกลางคนที่ไว้หนวดโค้งดูมีฐานะนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ที่คงจะแพงสำหรับคนทั่วไปน่าดู แต่ไม่สำหรับเขา
ในมือของชายคนนี้ถือซองเอกสารสีดำแล้ววางไว้บนโต๊ะทำงานด้านหน้าของเขา เพื่อให้นักฆ่ารับจ้างที่อยู่ตรงหน้าเขารับงานชิ้นต่อไป
“...” นักฆ่าที่ดูแล้วน่าจะยังเป็นเด็กอายุแค่สิบต้นๆ ธรรมดาแต่จะแตกต่างจากคนปกติทั่วไปคือหูเรียวยาวกับร่างกายที่มีขนสีขาวทั้งตัวแสดงถึงการเป็นเผ่ากระต่ายหรืออีกชื่อคือเผ่ารูก้า ซึ่งปกติจะไม่มีใครรู้เนื่องจากเสื้อสีดำตัดกับสีขนที่มีฮู้ดขนาดใหญ่พอจะปกปิดส่วนบนของเขาได้มิดชิดด้วยการพับหูลง กับกางเกงขายาวสีเดียวกันและรองเท้าบูทหนังคู่ใหญ่ พร้อมกับดาบยาวที่พาดอยู่กลางกลังบ่งบอกถึงการเป็นนักฆ่าอย่างแท้จริง
ถึงในยุคนี้จะมีเผ่าอมนุษย์ที่เข้ามาใช้ชีวิตอย่างปกติต่างจากสมัยก่อนที่เป็นสงครามระหว่างเผ่ามนุษย์และอมนุษย์ประมาณสิบเปอร์เซ็นจากประชากรทั้งหมด แต่ก็มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ยังยึดติดที่จะไล่ล่าเหล่าเผ่าอมนุษย์ทั้งหลายที่เหลืออยู่ เพราะฉะนั้นกระต่ายหนุ่มตัวนี้จึงต้องระวังสักหน่อยโดยเฉพาะเขาที่ทำงานเป็นนักฆ่าแล้วด้วย
อีกอย่าง...พวกชนชั้นสูงยิ่งเรื่องเยอะกับชลส่วนน้อยอยู่ด้วยสิ
“แล้วคราวนี้มีข้อระวังอะไรไหม” กระต่ายหนุ่มถามถึงสิ่งที่ตัวเองต้องระวังในการทำภารกิจครั้งนี้
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกแค่...อย่าให้เป้าหมายตกไปอยู่ในมือของใครก็ตาม ก็เท่านั้นล่ะ” นักฆ่าหนุ่มรู้ว่านายจ้างคนนี้เป็นคนที่ฉลาดแค่ไหน ทุกๆ ประโยคที่ออกมาจากปากเขาย่อมเต็มไปด้วยความหมาย
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากงานของเขาก็แค่ทำตามการว่าจ้างเท่านั้น
“แล้วมีกี่กลุ่มที่ฉันต้องกำจัดเพื่อเป้าหมาย” นักฆ่ายังถามต่อเพื่อความแน่ใจ
“เรื่องนี้ฉันบอกไม่ได้ แต่ฉันเชื่อใจนายว่านายจะกำจัดได้ทั้งหมด งั้นก็รีบไปทำงานได้แล้ว” นายจ้างพยายามเร่งให้นักฆ่ารีบไปทำงานซะทีซึ่งนักฆ่าก็ไม่ได้สนใจอะไรกับท่าทีนั้นจึงหยิบเอกสารแล้วออกจากห้องไป
“อืม…” บนดาดฟ้าของตึกสูงแห่งหนึ่งนักฆ่าหนุ่มค่อยๆ อ่านรายละเอียดการว่าจ้างจากซองเอกสารที่ได้รับมา เขาไม่ชอบรู้ชื่อหรือข้อมูลอื่นของเป้าหมายนอกจากอาชีพฉะนั้นในใบว่าจ้างของเขาจึงไม่มีชื่อของเป้าหมายอยู่เลยสักงาน
แต่ถึงอย่างนั้นเป้าหมายแต่ละคนก็มีแต่พวกที่เป็นที่รู้จักกันทั้งนั้น
พออ่านข้อมูลทั้งหมดแล้วก็ตามด้วยการดูรูปของเป้าหมายแล้วหลังจากนี้ก็เป็นอันตามล่า
เขาค่อยๆ ดึงรูปถ่ายขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากซองเอกสารในอุ้งมือแต่เมื่อเห็นรูปเขาก็ชะงักเล็กน้อย
หญิงสาวที่ดูแล้วน่าจะอายุใกล้เคียงกับเขา เป็นคนที่ดูดีทีเดียว ด้วยใบหน้าเรียวสวยผิวขาวนวลผมยาวประบ่าสีขาวบนใบหน้าถูกประดับด้วยดวงตากลมโตนัยน์ตาสีขาวใสเป็นประกายราวกับเกร็ดหิมะ ริมฝีปากบางแก้มนวลอมชมพูใส่ชุดเดรสยาวสีครามแบบเรียบง่าย
แต่สิ่งพวกนี้เขาไม่ค่อยสนใจนักแต่สิ่งที่ทำให้เขาสนใจคือเธอคนนี้เป็นคนของตระกูลช่างทำอาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่ช่างทำอาวุธทั้งมวล
เรื่องนั้นเขาแน่ใจเพราะเขาก็ชอบอุดหนุนอาวุธจากร้านของตระกูลนี้บ่อยๆ เลยทำให้รู้ว่าสัญลักษณ์รูปหัวมังกรบนเสื้อของหญิงสาวในรูปจะมีเฉพาะทายาทของตระกูลนี้
แต่ทำไมเขาถึงไม่เคยเห็นเธอคนนี้เลยล่ะ หรือว่าเธอจะเป็นลูกของช่างตีดาบคนสนิทของเขาที่เจ้านั่นเคยพูดถึง แต่จะยังไงก็ช่างภารกิจคือนำตัวกลับไปโดยไร้บาดแผล
“สถานที่คือ...โกดังเก็บอาวุธร้างที่ 22 ทางตะวันออกสินะ” หลังจากอ่านแผนที่บอกสถานที่ที่แนบมาในซองเอกสารเสร็จเขาก็ไปตามทางโดยที่ไม่คิดจะผ่านตรอกซอยที่เป็นทางลัดแต่เลือกที่จะโดดตามหลังคาของสิ่งก่อสร้างแล้วไปในทางตรงจะเร็วกว่ามาก
และแน่นอนนักฆ่าอย่างเขาย่อมมีศัตรูที่แค้นเคืองเขาอยู่แทบทุกที่แม้เขาจะไม่ค่อยสนใจพวกน่ารำคาญที่โผล่มาต่อหน้าอย่างไม่ขาดสายแต่บางครั้งก็ต้องปะทะกันบ้างเป็นธรรมดาและเป็นเรื่องชาชินสำหรับเขาไปแล้ว
ไม่นานนักเขาก็เข้ามาในเขตของโกดังร้างแถบชานเมืองด้านตะวันออก
มันเป็นสถานที่ที่ไม่น่าอยู่สำหรับคนทั่วไปเท่าไหร่นัก แต่สำหรับเขามันเป็นสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีอะไรมารบกวนเขาได้ เนื่องจากที่นี่เป็นที่รกร้างจึงมีแต่ความสงบเท่านั้นที่อยู่กับเขา
แต่ว่านั่นก็ผ่านมาเดือนนึงแล้วมั้งที่เกิดสงครามขนาดย่อมขึ้นแล้วทำให้สถานที่รกร้างทั้งหลายแหล่กลายเป็นที่กบดานของคนหลายกลุ่ม จนทำให้เขาต้องจำใจย้ายไปอยู่ที่ตึกขนาดยักษ์ที่เขาเรียกกันว่าเรียลทาวเวอร์ตามคำเชิญจากผู้ว่าจ้างของเขา แต่ก็ไม่ได้รังเกียจสังคมแบบนั้นหรอกยังไงๆ เขาก็ทำงานให้กับสังคมแบบนั้นมาเสียตั้งนาน
เขาได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นของคนกลุ่มใหญ่มาจากโกดันถัดไปแต่ไม่ได้ยินเสียงผู้หญิงอยู่เลย
คงจะเป็นกลุ่มอื่นที่ผู้ว่าจ้างพูดถึงสินะ จะยังไงก็เถอะขอลับดาบก่อนไปทำภารกิจก็คงไม่เสียหายอะไร
แต่พอเขามาถึงหลังคาโกดังที่ว่า แล้วชะโงกหน้าดูกลับมีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ยืนกันเป็นวงกลมล้อมผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูบอบบาง
ผู้หญิงคนนั้นคือเป้าหมายของเขาไม่ผิดแน่ แต่ทำไมถึงไม่มีท่าทีตกใจกลัวอะไรเลยล่ะกลับกัน บางคนในกลุ่มคนพวกนั้นกลับมีท่าทีหวาดระแวงต่อผู้หญิงคนนั้นอย่างเห็นได้ชัด
จะยังไงก็ช่างถ้ามีใครก็ตามที่พุ่งตัวเข้าไปตรงกลางของวงกลมนั่นเพื่อไปหาเป้าหมายของเขาละก็ เขาจะโดดลงไปทันที เขาคิดพลางกระชับดาบยาวที่อยู่กลางหลัง
แล้วก็เป็นไปตามการคาดเดา มีชายคนวิ่งเข้าไปหาหญิงคนนั้น และแน่นอนว่าเมื่อมีคนนำก็ต้องมีคนตาม หลังจากนั้นไม่ถึงวินาทีกลุ่มคนทั้งหมดก็วิ่งกรูเข้าหาผู้หญิงคนนั้นอย่างบ้าคลั่ง
ทำไมกัน ทำไมถึงไม่หนี ไม่ดิ้นรน ไม่ตกใจกลัวอะไรเลยล่ะ ทำไมถึงยังยืนเฉยได้ขนาดนั้น
ไม่มีเวลาให้คิดแล้ว นักฆ่าตัดสินใจพุ่งตัวจากหลังคา ตรงใส่จุดที่ใกล้เคียงกับศูนย์กลางของวงกลมพร้อมกับชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว
ยังไม่ทันที่นักฆ่าจะไปถึงที่หมายก็มีหนึ่งในกลุ่มคนไหวตัวทันแล้วตะโกนบอกคนอื่นๆ ทำให้ในเวลาที่นักฆ่าถึงพื้นเขาจึงฟันไม่ได้สักคนเดียว ถึงอย่างนั้นนักฆ่าก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรนอกจากเหลือบมองเป้าหมายของตนทียืนอยู่ด้านหลังของเขาแล้วหันกลับไปจ้องหน้าเหล่าคนที่จะทำให้เขาทำภารกิจพลาด
ไม่ถึงนาทีนักฆ่าก็ฟาดฟันกลุ่มคนทั้งหมดในช่วงที่คนพวกนั้นกำลังแตกตื่นโดยที่ไม่มีใครสนใจผู้หญิงที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงอะไรเลย
หลังจากจบทุกอย่างด้วยดาบยาวในเวลาอันสั้นแล้วนักฆ่าจึงเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น
เขากะจะลองอะไรบางอย่างเพื่อความแน่ใจว่าทำไมเขาถึงสำผัสความรู้สึกการมีชีวิตของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลย เขาสัมผัสได้เพียงแค่ไอเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวเป้าหมายของเขาเท่านั้น
นักฆ่าฟันดาบออกไปอย่างรวดเร็วแล้วหยุดกะทันหันตรงก่อนจะถึงลำคอของเป้าหมายเพียงเล็กน้อย
“ทำไมถึงไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาเลยล่ะ เพราะมั่นใจในพลังของตน...หรือเพราะยอมแพ้ไปแล้วล่ะ” เขาถามออกไปทั่งๆ ที่ดาบยังคงจ่ออยู่ที่เดิม
หญิงสาวเงยหน้าเพียงเล็กน้อย แล้วยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับขยับริมฝีปากบางเปล่งเสียงที่เหมือนกระซิบออกมา
“เพราะฉันรู้ว่าคุณอยู่ตรงนั้นและจะเข้ามาช่วยฉันได้ทันเวลายังไงล่ะ” คำตอบของหญิงสาวทำให้นักฆ่ากดคิ้วลงเล็กน้อยแล้วนักฆ่าจึงถามคำถามต่อไป
“แล้วเธอคือใครกันแน่ สัญลักษณ์นั่น เป็นคนจากตระกูลคาตานะ ที่เป็นตระกูลช่างทำอาวุธสินะ” นักฆ่าถามออกไปพร้อมกับวิเคราะห์หญิงสาวทั่วทั้งร่าง
“ใช่จ๊ะ ฉันเป็นผู้นำตระกูลคาตานะคนปัจจุบันต่อจากแม่ที่เสียไป ชื่อ คาตานะ ยูกิ จ๊ะยินดีที่รู้จักคุณสโนว์ ” หญิงสาวชื่อยูกิเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่ก็ทำให้นักฆ่าเปล่งเสียงเย็นชาออกมา
“เธอรู้ชื่อฉันได้ยังไง” นักฆ่าถามพร้อมกับขยับคมดาบให้ใกล้กับลำคอของยูกิมากขึ้น
“เพราะพลังบางอย่างของฉันที่เป็นต้นเหตุของสงครามขนาดย่อมนี่ยังไงล่ะจึงทำให้ฉันรู้ว่าเธอคือใคร” หญิงสาวตอบความจริงออกไป
นักฆ่าค่อยๆ เก็บดาบเข้าฝักแล้วอธิบายภารกิจของตนให้หญิงสาวได้รับทราบ
“จะยังไงก็ตาม งานของฉันคือปกป้องเธอ ฉะนั้นก็ตามมาซะ แล้วก็เราไม่ได้สนิทกันห้ามเรียกชื่อฉันห้วนๆ เข้าใจแล้วก็ตามมา” หลังจากอธิบายเสร็จเรียบร้อย นักฆ่าจึงหันหลังแล้วเดินกลับไปหาผู้ว่าจ้างของเขา
“จ๊ะ คุณสโนว์บอล” ยูกิตอบรับเบาแล้วจึงเดินตามกระต่ายขาวไป
ณ ชั้นบนสุดของเรียลทาวเวอร์เสียงของลิฟท์ดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับประตูลิฟท์ที่เปิดออกให้บุคคลผู้ซึ่งเป็นเจ้าของชั้นนี้ทั้งชั้นได้เข้าสู่ห้องพักส่วนตัวสุดหรูของตนที่ได้รับมาจากผู้ว่าจ้างของเขา
“เอ่อคือ...ทั้งๆ ที่เป็นตึกการค้าขนาดใหญ่แท้ๆ ทำไมชั้นนี้ถึงได้เงียบขนาดนี้งั้นเหรอ” ยูกิถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะทั้งๆ ที่ชั้นบนสุดของตึกระฟ้าทั่วๆ ไปน่าจะเป็นที่วีไอพีสำหรับพวกคนมีตังแท้ๆ
แต่เท่าที่เห็นนั้นทั้งชั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากประตูไม้แกะสลักบานเดียวที่อยู่ข้างหน้าเธอ พร้อมกับบุคคลที่เปรียบเสมือนบอดี้การ์ดของเธอกำลังใส่รหัสผ่านประตูบานนั้นอยู่
“ก็เพราะว่าชั้นนี้ทั้งชั้นมีฉันอยู่คนเดียวน่ะ” เขาไม่อยากจะตอบว่าเขาเป็นเจ้าของชั้นนี้ที่ได้จากผู้ว่าจ้างของเขาแล้วเพราะว่าเขาก็ไม่เต็มใจที่จะรับมันมาสักเท่าไร แต่ก็ต้องจำใจรับไว้ด้วยสาเหตุที่สำคัญมากสำหรับเขาอย่างนึง
‘ยินดีต้อนรับกลับครับ คุณสโนว์บอล’
เสียงต้อนรับที่เป็นโทนเสียงเสียงของเด็กผู้ชายที่ดูร่าเริงดังขึ้นหลังจากที่ปลดล็อกประตูเรียบร้อยแล้ว
“อืม วันนี้มีข่าวอะไรบ้าง” นักฆ่าหนุ่มตอบรับเบาๆ แล้วจึงถามเรื่องข่าวรายวันจากสมองกลที่เลียกว่าเอไอของเขา
“ว้าว นายมีเอไอส่วนตัวด้วยหรอ เขาชื่ออะไรน่ะ” ยูกิที่แสดงความตื่นเต้นจากที่เห็นบอดี้การ์ดของเธอมีเอไอส่วนตัวซึ้งมันเป็นของที่มีระดับแพงถึงขั้นเธอที่เป็นผู้นำตระกูลใหญ่ยังไม่กล้าซื้อมาใช้เลยถ้าไม่มีธุระสำคัญจริงๆ
แต่พักหลังๆ มานี้ก็มีบริษัทที่ปล่อยเอไอให้เช่าออกมาแล้วในราคาย่อมเยา ซึ่งมันก็ดีเหมือนกัน
แต่ก็นะ มันก็คงจะไม่น่าแปลกใจเท่าไรแล้วล่ะจากที่เห็นที่พักสุดหรูของเขาแล้วนี่...จะเป็นของแพงขนาดไหนเธอก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะ
“มันต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ ที่บ้านเธอไม่มีรึไง” สโนว์บอลไม่ได้ตอบคำถามของเธอแต่กลับถามกลับไปด้วยความสงสัยว่าตระกูลใหญ่ขนาดนั้นจะไม่มีสักตัวเลยหรอ
“กะ ก็นะ ทางบ้านฉันไม่อนุญาตให้ใช้เอไอน่ะ แต่บางครั้งสมัยนี้แล้วก็มีลูกค้าบางคนก็มักจะติดต่อด้วยเอไอล่ะนะ เพราะฉะนั้นเลยมีเช่ามาสำหรับสื่อสารอยู่ตัวนึงน่ะ” ยูกิตอบคำถามของสโนว์บอลอย่างตะกุกตะกัก เพราะว่าสมัยนี้แล้วถึงเอไอจะมีราคาแพงแต่ก็เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในความสะดวกสบายแถมยังเป็นเพื่อนกันได้อีกด้วยหากตั้งโปรแกรมดีๆ
เคยมีบางครั้งเหมือนกันที่ผู้นำตระกูลที่เป็นเด็กผู้หญิงเหมือนเธอที่เคยมาพบปะกับเธอเคยบอกว่าตระกูลใหญ่ขนาดนี้ยังไม่มีอิเล็กทรอนิกซ์ที่ทันสมัยแถมสะดวกสบายใว้ใช้งานบ้างรึไง
นั้นไม่เท่ากับคำๆ เดียวที่ได้ยินคือคำว่า ‘เชย’ จากปากยัยพวกนั้นเลยนะ ในฐานะที่เธอก็เป็นวัยรุ่นอยู่การเจอคำๆ นี้นี่ช่างเจ็บปวดยิ่งนัก
“งั้นเหรอ เจ้านี่ชื่อเซเรนเป็นเอไอที่ได้มาพร้อมกับห้องนี้น่ะ” นักฆ่าตอบรับคำตอบของเธอแล้วจึงตอบคำถามก่อนหน้าให้หญิงสาวหายข้องใจ
“งั้นเหรอชื่อเซเรนงั้นสินะ แต่รู้สึกว่านายจะชอบอะไรๆ ในแถบเอเชียจังเลยนะ เป็นอะไรกับที่นั้นรึป่าว” เพราะว่าตั้งแต่เดินเข้ามาเธอก็เจอแต่ของตกแต่งสไตน์เอเชียอยู่เต็มไปหมด ไม่แน่ที่เขาคนนี้เลือกที่จะอุดหนุนอาวุธร้านเธอก็คงเป็นเพราะความชอบรึป่าวนะ
“ฉันเรียนวิชาดาบจากเจแปนและใช้ชีวิตอยู่ที่ไทยแลนด์มาสามปีต่อด้วยไชน่า ถึงจะเป็นการถูกทิ้งให้อยู่ที่นั้นแต่ฉันก็ชอบที่นั้นนะ” เขาตอบกลับมาอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนมันเป็นคำถามธรรมดาที่เขาเคยเจออยู่ตลอด
“หรอ” หญิงสาวสงสัยเล็กน้อยเพราะจากที่เจอกันตอนแรกเธอไม่นึกว่านักฆ่าจะทำตัวเป็นธรรมชาติกับเธอได้เร็วขนาดนี้
ซึ่งมันทำให้เธออึดอัดนิดหน่อยจากที่เธอปรับตัวตามไม่ทัน
ในระหว่างที่สโนว์บอลพายูกิไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อที่จะรอคำสั่งต่อไป จากผู้ว่าจ้างของเขา ซากิที่เป็นเอไอส่วนตัวของเขาก็ทักขึ้นมา
‘เอ่อคือว่า คุณสโนว์บอกครับ มีข้อความจากบอสส่งถึงคุณเมื่อสักครู่นี้ครับ เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับภารกิจลับ ต้องการที่จะเปิดเลยหรือไม่ครับ’ เซเรนที่ได้รับข้อความที่ส่งถึงเจ้านายของตัวเอง เตือนว่าเขาได้รับภารกิจใหม่
โดยปกติแล้วเขาจะเปิดให้ทันที แต่คราวนี้มีคนนอกอยู่ในห้องจึงต้องถามก่อนว่าคนนอกนั้นสามารถรู้เนื้อหาของภารกิจลับได้
“ภารกิจมีเป้าหมายคืออะไร” สโนว์บอลถามก่อนว่าภารกิจนั้นสำคัญขนาดไหน
เพราะเขาคิดว่าถึงผู้หญิงคนนี้จะรู้ภารกิจของเขาไปก็ไม่ส่งผลเสียอะไร อีกอย่างเธอก็เป็นพันธมิตรกับเขาด้านการค้าด้วย
“เป้าหมายคือ ทาร์เก็ทหมายเลขห้า ครับ” เซเรนตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อยเพราะสโนว์บอลค่อนข้างที่จะมีประวัติไม่ค่อยดีกับเป้าหมายนี้สักเท่าไรนัก
“งั้นหรอ ใกล้ถึงการแข่งที่เคยแจ้งมาแล้วสินะ” สโนว์พูดด้วยน้ำเสียงปกติของเขา
แต่ยูกิรับรู้ได้จากสายตาของเขาว่า เขาอึดอัดใจมากแค่ไหนกับเป้าหมายในครั้งนี้
จะว่าไปเธอรู้สึกคุ้นๆ นะเกี่ยวกับการแข่งที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกไม่นานนี้ ถ้าเป็นการแข่งเดียวกับที่เธอรู้จักละก็งานนี้คงมันส์มิใช่น้อย
งานนี้เคยลงไว้นานมาแล้วครับ เพราะไม่ว่างแต่งต่อ ตอนนี้ว่างแล้วเลยมาต่อครับ ตอนนี้ก็เพิ่งจะแก้และเพิ่มเติมบทนำครับ
ความคิดเห็น