ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Memory Snow

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ : เริ่มต้นภารกิจ(แก้ไขและเพิ่มเติม)

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 58


    บทที่1 : เริ่มต้นภารกิจ

    ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา แต่ก็ไม่ได้มีแค่ยุคสมัยเท่านั้นจิตใจของสิ่งมีชีวิตเองก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเช่นกัน และนั่นก็เป็นความหวังอย่างหนึ่งของนักฆ่ารับจ้างอย่างฉันที่ได้แต่คิดว่าจะมีใครสักคนที่จะมาทำให้ชีวิตที่นี้ให้เปลี่ยนไปได้

    นี่คืองานของนายในคราวนี้ ไปจัดการให้เรียบร้อยนะชายวัยกลางคนที่ไว้หนวดโค้งดูมีฐานะนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ที่คงจะแพงสำหรับคนทั่วไปน่าดู แต่ไม่สำหรับเขา

    ในมือของชายคนนี้ถือซองเอกสารสีดำแล้ววางไว้บนโต๊ะทำงานด้านหน้าของเขา เพื่อให้นักฆ่ารับจ้างที่อยู่ตรงหน้าเขารับงานชิ้นต่อไป

    ... นักฆ่าที่ดูแล้วน่าจะยังเป็นเด็กอายุแค่สิบต้นๆ ธรรมดาแต่จะแตกต่างจากคนปกติทั่วไปคือหูเรียวยาวกับร่างกายที่มีขนสีขาวทั้งตัวแสดงถึงการเป็นเผ่ากระต่ายหรืออีกชื่อคือเผ่ารูก้า ซึ่งปกติจะไม่มีใครรู้เนื่องจากเสื้อสีดำตัดกับสีขนที่มีฮู้ดขนาดใหญ่พอจะปกปิดส่วนบนของเขาได้มิดชิดด้วยการพับหูลง กับกางเกงขายาวสีเดียวกันและรองเท้าบูทหนังคู่ใหญ่ พร้อมกับดาบยาวที่พาดอยู่กลางกลังบ่งบอกถึงการเป็นนักฆ่าอย่างแท้จริง

    ถึงในยุคนี้จะมีเผ่าอมนุษย์ที่เข้ามาใช้ชีวิตอย่างปกติต่างจากสมัยก่อนที่เป็นสงครามระหว่างเผ่ามนุษย์และอมนุษย์ประมาณสิบเปอร์เซ็นจากประชากรทั้งหมด แต่ก็มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ยังยึดติดที่จะไล่ล่าเหล่าเผ่าอมนุษย์ทั้งหลายที่เหลืออยู่ เพราะฉะนั้นกระต่ายหนุ่มตัวนี้จึงต้องระวังสักหน่อยโดยเฉพาะเขาที่ทำงานเป็นนักฆ่าแล้วด้วย

    อีกอย่าง...พวกชนชั้นสูงยิ่งเรื่องเยอะกับชลส่วนน้อยอยู่ด้วยสิ

    แล้วคราวนี้มีข้อระวังอะไรไหมกระต่ายหนุ่มถามถึงสิ่งที่ตัวเองต้องระวังในการทำภารกิจครั้งนี้

    ก็ไม่มีอะไรมากหรอกแค่...อย่าให้เป้าหมายตกไปอยู่ในมือของใครก็ตาม ก็เท่านั้นล่ะ นักฆ่าหนุ่มรู้ว่านายจ้างคนนี้เป็นคนที่ฉลาดแค่ไหน ทุกๆ ประโยคที่ออกมาจากปากเขาย่อมเต็มไปด้วยความหมาย

    แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากงานของเขาก็แค่ทำตามการว่าจ้างเท่านั้น

    แล้วมีกี่กลุ่มที่ฉันต้องกำจัดเพื่อเป้าหมายนักฆ่ายังถามต่อเพื่อความแน่ใจ

    เรื่องนี้ฉันบอกไม่ได้ แต่ฉันเชื่อใจนายว่านายจะกำจัดได้ทั้งหมด งั้นก็รีบไปทำงานได้แล้ว นายจ้างพยายามเร่งให้นักฆ่ารีบไปทำงานซะทีซึ่งนักฆ่าก็ไม่ได้สนใจอะไรกับท่าทีนั้นจึงหยิบเอกสารแล้วออกจากห้องไป

     

    อืม…” บนดาดฟ้าของตึกสูงแห่งหนึ่งนักฆ่าหนุ่มค่อยๆ อ่านรายละเอียดการว่าจ้างจากซองเอกสารที่ได้รับมา เขาไม่ชอบรู้ชื่อหรือข้อมูลอื่นของเป้าหมายนอกจากอาชีพฉะนั้นในใบว่าจ้างของเขาจึงไม่มีชื่อของเป้าหมายอยู่เลยสักงาน

    แต่ถึงอย่างนั้นเป้าหมายแต่ละคนก็มีแต่พวกที่เป็นที่รู้จักกันทั้งนั้น

    พออ่านข้อมูลทั้งหมดแล้วก็ตามด้วยการดูรูปของเป้าหมายแล้วหลังจากนี้ก็เป็นอันตามล่า

    เขาค่อยๆ ดึงรูปถ่ายขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากซองเอกสารในอุ้งมือแต่เมื่อเห็นรูปเขาก็ชะงักเล็กน้อย

    หญิงสาวที่ดูแล้วน่าจะอายุใกล้เคียงกับเขา เป็นคนที่ดูดีทีเดียว ด้วยใบหน้าเรียวสวยผิวขาวนวลผมยาวประบ่าสีขาวบนใบหน้าถูกประดับด้วยดวงตากลมโตนัยน์ตาสีขาวใสเป็นประกายราวกับเกร็ดหิมะ ริมฝีปากบางแก้มนวลอมชมพูใส่ชุดเดรสยาวสีครามแบบเรียบง่าย

    แต่สิ่งพวกนี้เขาไม่ค่อยสนใจนักแต่สิ่งที่ทำให้เขาสนใจคือเธอคนนี้เป็นคนของตระกูลช่างทำอาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่ช่างทำอาวุธทั้งมวล

    เรื่องนั้นเขาแน่ใจเพราะเขาก็ชอบอุดหนุนอาวุธจากร้านของตระกูลนี้บ่อยๆ เลยทำให้รู้ว่าสัญลักษณ์รูปหัวมังกรบนเสื้อของหญิงสาวในรูปจะมีเฉพาะทายาทของตระกูลนี้

    แต่ทำไมเขาถึงไม่เคยเห็นเธอคนนี้เลยล่ะ หรือว่าเธอจะเป็นลูกของช่างตีดาบคนสนิทของเขาที่เจ้านั่นเคยพูดถึง แต่จะยังไงก็ช่างภารกิจคือนำตัวกลับไปโดยไร้บาดแผล

     

     

     “สถานที่คือ...โกดังเก็บอาวุธร้างที่ 22 ทางตะวันออกสินะหลังจากอ่านแผนที่บอกสถานที่ที่แนบมาในซองเอกสารเสร็จเขาก็ไปตามทางโดยที่ไม่คิดจะผ่านตรอกซอยที่เป็นทางลัดแต่เลือกที่จะโดดตามหลังคาของสิ่งก่อสร้างแล้วไปในทางตรงจะเร็วกว่ามาก

    และแน่นอนนักฆ่าอย่างเขาย่อมมีศัตรูที่แค้นเคืองเขาอยู่แทบทุกที่แม้เขาจะไม่ค่อยสนใจพวกน่ารำคาญที่โผล่มาต่อหน้าอย่างไม่ขาดสายแต่บางครั้งก็ต้องปะทะกันบ้างเป็นธรรมดาและเป็นเรื่องชาชินสำหรับเขาไปแล้ว

    ไม่นานนักเขาก็เข้ามาในเขตของโกดังร้างแถบชานเมืองด้านตะวันออก

    มันเป็นสถานที่ที่ไม่น่าอยู่สำหรับคนทั่วไปเท่าไหร่นัก แต่สำหรับเขามันเป็นสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีอะไรมารบกวนเขาได้ เนื่องจากที่นี่เป็นที่รกร้างจึงมีแต่ความสงบเท่านั้นที่อยู่กับเขา

    แต่ว่านั่นก็ผ่านมาเดือนนึงแล้วมั้งที่เกิดสงครามขนาดย่อมขึ้นแล้วทำให้สถานที่รกร้างทั้งหลายแหล่กลายเป็นที่กบดานของคนหลายกลุ่ม จนทำให้เขาต้องจำใจย้ายไปอยู่ที่ตึกขนาดยักษ์ที่เขาเรียกกันว่าเรียลทาวเวอร์ตามคำเชิญจากผู้ว่าจ้างของเขา แต่ก็ไม่ได้รังเกียจสังคมแบบนั้นหรอกยังไงๆ เขาก็ทำงานให้กับสังคมแบบนั้นมาเสียตั้งนาน

    เขาได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นของคนกลุ่มใหญ่มาจากโกดันถัดไปแต่ไม่ได้ยินเสียงผู้หญิงอยู่เลย

    คงจะเป็นกลุ่มอื่นที่ผู้ว่าจ้างพูดถึงสินะ จะยังไงก็เถอะขอลับดาบก่อนไปทำภารกิจก็คงไม่เสียหายอะไร

    แต่พอเขามาถึงหลังคาโกดังที่ว่า แล้วชะโงกหน้าดูกลับมีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ยืนกันเป็นวงกลมล้อมผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูบอบบาง

    ผู้หญิงคนนั้นคือเป้าหมายของเขาไม่ผิดแน่ แต่ทำไมถึงไม่มีท่าทีตกใจกลัวอะไรเลยล่ะกลับกัน บางคนในกลุ่มคนพวกนั้นกลับมีท่าทีหวาดระแวงต่อผู้หญิงคนนั้นอย่างเห็นได้ชัด

    จะยังไงก็ช่างถ้ามีใครก็ตามที่พุ่งตัวเข้าไปตรงกลางของวงกลมนั่นเพื่อไปหาเป้าหมายของเขาละก็ เขาจะโดดลงไปทันที เขาคิดพลางกระชับดาบยาวที่อยู่กลางหลัง

    แล้วก็เป็นไปตามการคาดเดา มีชายคนวิ่งเข้าไปหาหญิงคนนั้น และแน่นอนว่าเมื่อมีคนนำก็ต้องมีคนตาม หลังจากนั้นไม่ถึงวินาทีกลุ่มคนทั้งหมดก็วิ่งกรูเข้าหาผู้หญิงคนนั้นอย่างบ้าคลั่ง

    ทำไมกัน ทำไมถึงไม่หนี ไม่ดิ้นรน ไม่ตกใจกลัวอะไรเลยล่ะ ทำไมถึงยังยืนเฉยได้ขนาดนั้น

    ไม่มีเวลาให้คิดแล้ว นักฆ่าตัดสินใจพุ่งตัวจากหลังคา ตรงใส่จุดที่ใกล้เคียงกับศูนย์กลางของวงกลมพร้อมกับชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว

    ยังไม่ทันที่นักฆ่าจะไปถึงที่หมายก็มีหนึ่งในกลุ่มคนไหวตัวทันแล้วตะโกนบอกคนอื่นๆ ทำให้ในเวลาที่นักฆ่าถึงพื้นเขาจึงฟันไม่ได้สักคนเดียว ถึงอย่างนั้นนักฆ่าก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรนอกจากเหลือบมองเป้าหมายของตนทียืนอยู่ด้านหลังของเขาแล้วหันกลับไปจ้องหน้าเหล่าคนที่จะทำให้เขาทำภารกิจพลาด

    ไม่ถึงนาทีนักฆ่าก็ฟาดฟันกลุ่มคนทั้งหมดในช่วงที่คนพวกนั้นกำลังแตกตื่นโดยที่ไม่มีใครสนใจผู้หญิงที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงอะไรเลย

    หลังจากจบทุกอย่างด้วยดาบยาวในเวลาอันสั้นแล้วนักฆ่าจึงเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น

    เขากะจะลองอะไรบางอย่างเพื่อความแน่ใจว่าทำไมเขาถึงสำผัสความรู้สึกการมีชีวิตของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลย เขาสัมผัสได้เพียงแค่ไอเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวเป้าหมายของเขาเท่านั้น

    นักฆ่าฟันดาบออกไปอย่างรวดเร็วแล้วหยุดกะทันหันตรงก่อนจะถึงลำคอของเป้าหมายเพียงเล็กน้อย

    ทำไมถึงไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาเลยล่ะ เพราะมั่นใจในพลังของตน...หรือเพราะยอมแพ้ไปแล้วล่ะเขาถามออกไปทั่งๆ ที่ดาบยังคงจ่ออยู่ที่เดิม

    หญิงสาวเงยหน้าเพียงเล็กน้อย แล้วยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับขยับริมฝีปากบางเปล่งเสียงที่เหมือนกระซิบออกมา

    เพราะฉันรู้ว่าคุณอยู่ตรงนั้นและจะเข้ามาช่วยฉันได้ทันเวลายังไงล่ะคำตอบของหญิงสาวทำให้นักฆ่ากดคิ้วลงเล็กน้อยแล้วนักฆ่าจึงถามคำถามต่อไป

    แล้วเธอคือใครกันแน่ สัญลักษณ์นั่น เป็นคนจากตระกูลคาตานะ ที่เป็นตระกูลช่างทำอาวุธสินะนักฆ่าถามออกไปพร้อมกับวิเคราะห์หญิงสาวทั่วทั้งร่าง

    ใช่จ๊ะ ฉันเป็นผู้นำตระกูลคาตานะคนปัจจุบันต่อจากแม่ที่เสียไป  ชื่อ คาตานะ ยูกิ จ๊ะยินดีที่รู้จักคุณสโนว์ หญิงสาวชื่อยูกิเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่ก็ทำให้นักฆ่าเปล่งเสียงเย็นชาออกมา

    เธอรู้ชื่อฉันได้ยังไงนักฆ่าถามพร้อมกับขยับคมดาบให้ใกล้กับลำคอของยูกิมากขึ้น

    เพราะพลังบางอย่างของฉันที่เป็นต้นเหตุของสงครามขนาดย่อมนี่ยังไงล่ะจึงทำให้ฉันรู้ว่าเธอคือใครหญิงสาวตอบความจริงออกไป

    นักฆ่าค่อยๆ เก็บดาบเข้าฝักแล้วอธิบายภารกิจของตนให้หญิงสาวได้รับทราบ

    จะยังไงก็ตาม งานของฉันคือปกป้องเธอ ฉะนั้นก็ตามมาซะ แล้วก็เราไม่ได้สนิทกันห้ามเรียกชื่อฉันห้วนๆ เข้าใจแล้วก็ตามมา หลังจากอธิบายเสร็จเรียบร้อย นักฆ่าจึงหันหลังแล้วเดินกลับไปหาผู้ว่าจ้างของเขา

    จ๊ะ คุณสโนว์บอลยูกิตอบรับเบาแล้วจึงเดินตามกระต่ายขาวไป

     

    ณ ชั้นบนสุดของเรียลทาวเวอร์เสียงของลิฟท์ดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับประตูลิฟท์ที่เปิดออกให้บุคคลผู้ซึ่งเป็นเจ้าของชั้นนี้ทั้งชั้นได้เข้าสู่ห้องพักส่วนตัวสุดหรูของตนที่ได้รับมาจากผู้ว่าจ้างของเขา

    เอ่อคือ...ทั้งๆ ที่เป็นตึกการค้าขนาดใหญ่แท้ๆ ทำไมชั้นนี้ถึงได้เงียบขนาดนี้งั้นเหรอยูกิถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะทั้งๆ ที่ชั้นบนสุดของตึกระฟ้าทั่วๆ ไปน่าจะเป็นที่วีไอพีสำหรับพวกคนมีตังแท้ๆ

    แต่เท่าที่เห็นนั้นทั้งชั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากประตูไม้แกะสลักบานเดียวที่อยู่ข้างหน้าเธอ พร้อมกับบุคคลที่เปรียบเสมือนบอดี้การ์ดของเธอกำลังใส่รหัสผ่านประตูบานนั้นอยู่

    ก็เพราะว่าชั้นนี้ทั้งชั้นมีฉันอยู่คนเดียวน่ะเขาไม่อยากจะตอบว่าเขาเป็นเจ้าของชั้นนี้ที่ได้จากผู้ว่าจ้างของเขาแล้วเพราะว่าเขาก็ไม่เต็มใจที่จะรับมันมาสักเท่าไร แต่ก็ต้องจำใจรับไว้ด้วยสาเหตุที่สำคัญมากสำหรับเขาอย่างนึง

    ยินดีต้อนรับกลับครับ คุณสโนว์บอล

    เสียงต้อนรับที่เป็นโทนเสียงเสียงของเด็กผู้ชายที่ดูร่าเริงดังขึ้นหลังจากที่ปลดล็อกประตูเรียบร้อยแล้ว

    อืม วันนี้มีข่าวอะไรบ้างนักฆ่าหนุ่มตอบรับเบาๆ แล้วจึงถามเรื่องข่าวรายวันจากสมองกลที่เลียกว่าเอไอของเขา

    ว้าว นายมีเอไอส่วนตัวด้วยหรอ เขาชื่ออะไรน่ะยูกิที่แสดงความตื่นเต้นจากที่เห็นบอดี้การ์ดของเธอมีเอไอส่วนตัวซึ้งมันเป็นของที่มีระดับแพงถึงขั้นเธอที่เป็นผู้นำตระกูลใหญ่ยังไม่กล้าซื้อมาใช้เลยถ้าไม่มีธุระสำคัญจริงๆ

    แต่พักหลังๆ มานี้ก็มีบริษัทที่ปล่อยเอไอให้เช่าออกมาแล้วในราคาย่อมเยา ซึ่งมันก็ดีเหมือนกัน

    แต่ก็นะ มันก็คงจะไม่น่าแปลกใจเท่าไรแล้วล่ะจากที่เห็นที่พักสุดหรูของเขาแล้วนี่...จะเป็นของแพงขนาดไหนเธอก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะ

    มันต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ ที่บ้านเธอไม่มีรึไงสโนว์บอลไม่ได้ตอบคำถามของเธอแต่กลับถามกลับไปด้วยความสงสัยว่าตระกูลใหญ่ขนาดนั้นจะไม่มีสักตัวเลยหรอ

    กะ ก็นะ ทางบ้านฉันไม่อนุญาตให้ใช้เอไอน่ะ แต่บางครั้งสมัยนี้แล้วก็มีลูกค้าบางคนก็มักจะติดต่อด้วยเอไอล่ะนะ เพราะฉะนั้นเลยมีเช่ามาสำหรับสื่อสารอยู่ตัวนึงน่ะยูกิตอบคำถามของสโนว์บอลอย่างตะกุกตะกัก เพราะว่าสมัยนี้แล้วถึงเอไอจะมีราคาแพงแต่ก็เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในความสะดวกสบายแถมยังเป็นเพื่อนกันได้อีกด้วยหากตั้งโปรแกรมดีๆ

    เคยมีบางครั้งเหมือนกันที่ผู้นำตระกูลที่เป็นเด็กผู้หญิงเหมือนเธอที่เคยมาพบปะกับเธอเคยบอกว่าตระกูลใหญ่ขนาดนี้ยังไม่มีอิเล็กทรอนิกซ์ที่ทันสมัยแถมสะดวกสบายใว้ใช้งานบ้างรึไง

    นั้นไม่เท่ากับคำๆ เดียวที่ได้ยินคือคำว่า เชยจากปากยัยพวกนั้นเลยนะ ในฐานะที่เธอก็เป็นวัยรุ่นอยู่การเจอคำๆ นี้นี่ช่างเจ็บปวดยิ่งนัก

    งั้นเหรอ เจ้านี่ชื่อเซเรนเป็นเอไอที่ได้มาพร้อมกับห้องนี้น่ะนักฆ่าตอบรับคำตอบของเธอแล้วจึงตอบคำถามก่อนหน้าให้หญิงสาวหายข้องใจ

    งั้นเหรอชื่อเซเรนงั้นสินะ แต่รู้สึกว่านายจะชอบอะไรๆ ในแถบเอเชียจังเลยนะ เป็นอะไรกับที่นั้นรึป่าวเพราะว่าตั้งแต่เดินเข้ามาเธอก็เจอแต่ของตกแต่งสไตน์เอเชียอยู่เต็มไปหมด ไม่แน่ที่เขาคนนี้เลือกที่จะอุดหนุนอาวุธร้านเธอก็คงเป็นเพราะความชอบรึป่าวนะ

    ฉันเรียนวิชาดาบจากเจแปนและใช้ชีวิตอยู่ที่ไทยแลนด์มาสามปีต่อด้วยไชน่า ถึงจะเป็นการถูกทิ้งให้อยู่ที่นั้นแต่ฉันก็ชอบที่นั้นนะเขาตอบกลับมาอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนมันเป็นคำถามธรรมดาที่เขาเคยเจออยู่ตลอด

    หรอหญิงสาวสงสัยเล็กน้อยเพราะจากที่เจอกันตอนแรกเธอไม่นึกว่านักฆ่าจะทำตัวเป็นธรรมชาติกับเธอได้เร็วขนาดนี้

    ซึ่งมันทำให้เธออึดอัดนิดหน่อยจากที่เธอปรับตัวตามไม่ทัน

    ในระหว่างที่สโนว์บอลพายูกิไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อที่จะรอคำสั่งต่อไป จากผู้ว่าจ้างของเขา ซากิที่เป็นเอไอส่วนตัวของเขาก็ทักขึ้นมา

    เอ่อคือว่า คุณสโนว์บอกครับ มีข้อความจากบอสส่งถึงคุณเมื่อสักครู่นี้ครับ เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับภารกิจลับ ต้องการที่จะเปิดเลยหรือไม่ครับเซเรนที่ได้รับข้อความที่ส่งถึงเจ้านายของตัวเอง เตือนว่าเขาได้รับภารกิจใหม่

    โดยปกติแล้วเขาจะเปิดให้ทันที แต่คราวนี้มีคนนอกอยู่ในห้องจึงต้องถามก่อนว่าคนนอกนั้นสามารถรู้เนื้อหาของภารกิจลับได้

    ภารกิจมีเป้าหมายคืออะไรสโนว์บอลถามก่อนว่าภารกิจนั้นสำคัญขนาดไหน

    เพราะเขาคิดว่าถึงผู้หญิงคนนี้จะรู้ภารกิจของเขาไปก็ไม่ส่งผลเสียอะไร อีกอย่างเธอก็เป็นพันธมิตรกับเขาด้านการค้าด้วย

    เป้าหมายคือ ทาร์เก็ทหมายเลขห้า ครับเซเรนตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อยเพราะสโนว์บอลค่อนข้างที่จะมีประวัติไม่ค่อยดีกับเป้าหมายนี้สักเท่าไรนัก

    งั้นหรอ ใกล้ถึงการแข่งที่เคยแจ้งมาแล้วสินะ สโนว์พูดด้วยน้ำเสียงปกติของเขา

    แต่ยูกิรับรู้ได้จากสายตาของเขาว่า เขาอึดอัดใจมากแค่ไหนกับเป้าหมายในครั้งนี้

    จะว่าไปเธอรู้สึกคุ้นๆ นะเกี่ยวกับการแข่งที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกไม่นานนี้ ถ้าเป็นการแข่งเดียวกับที่เธอรู้จักละก็งานนี้คงมันส์มิใช่น้อย

    งานนี้เคยลงไว้นานมาแล้วครับ เพราะไม่ว่างแต่งต่อ ตอนนี้ว่างแล้วเลยมาต่อครับ ตอนนี้ก็เพิ่งจะแก้และเพิ่มเติมบทนำครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×