ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2 : เซนต์แห่งอาธีน่า (ตอนที่ 2.3)
2.3
ห้องของเคียวโกอยู่ใกล้กับทางเข้าวิหารอาธีน่า สถานที่นี้อยู่หลังวิหาร 12 ราศี เคียวโกเป็นผู้นำสูงสุดของเหล่าเซนต์ เป็นข้าบริวารที่สำคัญที่สุดของอาธีน่า
“คุณยูริถูกลักพาตัวไป?” ชุนกลับมายังแซงค์ทัวรี่หลังจากเกิดเหตุการณ์โกลาหลที่โรงละครในอะโครโพลิส ตอนนี้เขาอยู่ในชุดของคลอธอันโดรเมด้า ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องประกายสีของดอกกุหลาบ ซึ่งมันดูคล้ายกับชุดแต่งกายของผู้หญิงมากกว่าชุดเกราะของนักรบทั่วไป
“บ้าจริง! I ฉันอยู่ที่นั่นแต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลย!” เซย่ากำหมัดของเขาไว้แน่น รู้สึกโกรธที่ปล่อยให้ศัตรูหลบหนีไปได้ เขายังคงใส่ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายที่สำคัญในการรบ การที่เซนต์สวมใส่ชุดเกราะของพวกเขานั้นเป็นสัญญาณว่าสงครามครั้งใหม่กำลังกลับมาหาพวกเขาอีกครั้ง “คุณนิโคล คุณบาดเจ็บหรือ?”
“ฉันไม่เป็นไร รู้สึกตกใจนิดหน่อย คาดไม่ถึงว่าจะถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว”
นิโคลก็เป็นเซนต์ของอาธีน่าเช่นเดียวกับเซย่าและชุน
ห้องของเคียวโกล้อมรอบไปด้วยเสาโดริคที่เรียงรายเป็นแถว และประดับด้วยม่าน ที่ตรงกลางห้องมีพื้นยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย คลุมด้วยพรม มีบังลังค์ของเคียวโกอยู่บนนั้น แต่ไม่มีใครประทับอยู่บนบังลังค์
ตำแหน่งเคียวโกยังคงว่าง ตอนนี้นิโคลได้เป็นผู้นำ และเป็นผู้ที่คอยดูแลความเรียบร้อยภายในแซงค์ทัวรี่
ท่านผู้อ่านคงจะจำกันได้ถึงจำนวนกลุ่มดาวที่อยู่บนท้องฟ้า? ซึ่งนักดาราศาสตร์เห็นพ้องกันว่ามีอยู่ 88 กลุ่มดาว
แต่นี่ไม่ใช่จำนวนที่สรุปชัดแน่นอน, ในแง่ทางวิทยาศาสตร์ ยังไม่มีความคิดเห็นที่ถูกต้องตายตัวเกี่ยวกับชนิดของกลุ่มดาวอย่างแน่ชัด ในความจริง จำนวนกลุ่มดาวทั้ง 88 ได้ถูกจดทะเบียนโดยสภาที่ประชุมสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ในปี 1930 และมีพื้นฐานรูปแบบจากความคิดดั้งเดิมของนักดาราศาสตร์ ปโตเลมี โดยเริ่มนับอย่างเป็นทางการ โดยอาศัยจากความรู้ในอารยธรรมโบราณและยังผสมผสานกับการค้นพบที่ผ่านมาในอดีต ทั้งนี้ก็มาจากการสังเกตดวงดาวในกลุ่มดาวทางเหนือ
แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถหาข้อมูลอธิบายการมีอยู่ของตำนานของชุดเกราะในยุคสมัยของเทพเจ้าได้
บุคคลที่จะมาเป็นเซนต์ เขาหรือเธอจะถูกเลือกโดยกลุ่มดาวประจำตัว นักรบเหล่านี้จะต้องต่อสู้เพื่อปกป้องโลกจากการรุกรานของปีศาจ ยามเมื่อพลังของพวกเขามีไม่เพียงพอ พวกเขาจะหันไปสวมใส่ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับพรจากเทพเจ้า พวกเขาหรือเธอจะมีกลุ่มดาวคอยปกป้องคุ้มครอง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มดาวจากทางเหนือ กลุ่มดาวทางใต้หรือกลุ่มดาวในจักรราศี (ตามทฤษฎี จะแบ่งออกเป็น 24, 48 และ 12 ตามลำดับ)
เซนต์มี 3 ระดับ โกลด์ ซิลเวอร์ และบรอนซ์
โกลด์เซนต์เป็นระดับที่สูงที่สุด และเป็นตัวแทนของวิหาร 12 ราศี (กลุ่มดาวทางดาราศาตร์ได้แทนสัญลักษณ์ อย่างเช่น แอเรียส ทอรัส และเจมินี่) ซิลเวอร์เซนต์เป็นระดับรองลงมา และท้ายสุดคือบรอนซ์เซนต์ นักรบระดับล่างสุด
เคียวโกมีหน้าที่รับผิดชอบคอยบัญชาการสั่งการเหล่าเซนต์ โดยโกลด์เซนต์เท่านั้นจะเป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกให้มารับตำแหน่งนี้ ส่วนนักบวชสามารถเป็นได้ซิลเวอร์เซนต์หรือบรอนซ์เซนต์ มีหน้าที่รับผิดชอบพยากรณ์การเคลื่อนไหวของดวงดาว คอยจับตาเฝ้าดูสัญญาณร้ายจากปีศาจ บันทึกเรื่องประวัติศาสตร์และถ่ายทอดมรดกเรื่องราวที่เป็นความลับอันน่าอัศจรรย์ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ให้กับคนรุ่นหลังสืบทอดต่อไป
บางคนเชื่อกันว่าซิลเวอร์เซนต์มีอยู่ 24 คน และมี 48 คนที่เป็นบรอนซ์เซนต์ ส่วนโกลด์เซนต์จะมีแค่ 12 คน เท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าจำนวนนักรบที่แท้จริงจะมีตามจำนวนตามที่กล่าวมา แม้แต่เคียวโกก็ยังไม่ทราบถึงการมีอยู่ของจำนวนชุดเกราะที่แท้จริง
ในประวัติศาสตร์ของแซงค์ทัวรี่ แม้จะมีข้อมูลค่อนข้างใหม่แต่ก็ไม่มีคำตอบตายตัวที่แน่นอน ตามรายงานล่าสุด จำนวนของชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์เท่าที่จะเป็นไปได้น่ามีอยู่ 78 จากจำนวน 88 กลุ่มดาวที่ได้ทำการจดบันทึกไว้ ปัจจุบันนี้นักดาราศาสตร์ ต่างก็ใช้การคำนวณของกลุ่มดาวที่ได้ทำการบันทึกไว้อย่างเป็นทางการมาตลอด อย่างไรก็ตามก็ไม่มีหลักฐานว่าทฤษฎีนี้ถูกต้อง ยังมีข้อขัดแย้ง ตัวอย่างเช่น เรารู้ถึงของการมีตัวตนของเซนต์แห่งเซอร์เบอรัส ซึ่งเขาไม่มีกลุ่มดาวตามบันทึกที่เป็นทางการของนักดาราศาสตร์ที่ได้กล่าวอ้างไว้ ไม่มีกลุ่มดาวเซอร์เบอรัส มีเพียงสิ่งเดียวที่ยอมรับตามทฤษฎีนี้ว่า ชุดคลอธเหล่านี้ไม่ได้ถือกำเนิดในช่วงเวลานั้น
ในความจริงเราไม่ควรลืมไปว่าจักรวาลนี้ไม่หยุดนิ่ง แผนที่ดวงดาวมักมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาดวงดาวต่างๆพากันเผาไหม้และระเบิด ยกเว้นแต่ดาวเหนือที่ยังคงหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวมาเป็นเวลาล้านปีหรือพันล้านปี
ทุกคนเกิดและตายภายใต้ลิขิตของดวงดาว ท้องฟ้าและโลกที่เราอาศัยอยู่ต่างก็สะท้อนตัวตนซึ่งกันและกันถ้าโลกมีการเปลี่ยนแปลง ดวงดาวและรูปแบบกลุ่มดาวบนท้องฟ้าก็จะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งนี้ก็เป็นการก่อกำเนิดชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาใหม่ ดังนั้นชุดคลอธของเซนต์จะมีการเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอนตามกลุ่มดาวที่เกิดขึ้นใหม่ในขณะนั้น และนักรบศักดิ์สิทธิ์ต่างก็รู้กันดี
อย่างไรก็ตาม จำนวน 88 ต่างก็เป็นมาตรฐานของจำนวนกลุ่มดาวและการมีอยู่ของเหล่าเซนต์ ในช่วงเวลานี้ เรื่องราวในอดีตได้กลับมา มีเซนต์ของอาธีน่าจำนวนไม่ถึงครึ่งปรากฏตัวบนโลกใบนี้
ห้องของเคียวโกอยู่ใกล้กับทางเข้าวิหารอาธีน่า สถานที่นี้อยู่หลังวิหาร 12 ราศี เคียวโกเป็นผู้นำสูงสุดของเหล่าเซนต์ เป็นข้าบริวารที่สำคัญที่สุดของอาธีน่า
“คุณยูริถูกลักพาตัวไป?” ชุนกลับมายังแซงค์ทัวรี่หลังจากเกิดเหตุการณ์โกลาหลที่โรงละครในอะโครโพลิส ตอนนี้เขาอยู่ในชุดของคลอธอันโดรเมด้า ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องประกายสีของดอกกุหลาบ ซึ่งมันดูคล้ายกับชุดแต่งกายของผู้หญิงมากกว่าชุดเกราะของนักรบทั่วไป
“บ้าจริง! I ฉันอยู่ที่นั่นแต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลย!” เซย่ากำหมัดของเขาไว้แน่น รู้สึกโกรธที่ปล่อยให้ศัตรูหลบหนีไปได้ เขายังคงใส่ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายที่สำคัญในการรบ การที่เซนต์สวมใส่ชุดเกราะของพวกเขานั้นเป็นสัญญาณว่าสงครามครั้งใหม่กำลังกลับมาหาพวกเขาอีกครั้ง “คุณนิโคล คุณบาดเจ็บหรือ?”
“ฉันไม่เป็นไร รู้สึกตกใจนิดหน่อย คาดไม่ถึงว่าจะถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว”
นิโคลก็เป็นเซนต์ของอาธีน่าเช่นเดียวกับเซย่าและชุน
ห้องของเคียวโกล้อมรอบไปด้วยเสาโดริคที่เรียงรายเป็นแถว และประดับด้วยม่าน ที่ตรงกลางห้องมีพื้นยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย คลุมด้วยพรม มีบังลังค์ของเคียวโกอยู่บนนั้น แต่ไม่มีใครประทับอยู่บนบังลังค์
ตำแหน่งเคียวโกยังคงว่าง ตอนนี้นิโคลได้เป็นผู้นำ และเป็นผู้ที่คอยดูแลความเรียบร้อยภายในแซงค์ทัวรี่
ท่านผู้อ่านคงจะจำกันได้ถึงจำนวนกลุ่มดาวที่อยู่บนท้องฟ้า? ซึ่งนักดาราศาสตร์เห็นพ้องกันว่ามีอยู่ 88 กลุ่มดาว
แต่นี่ไม่ใช่จำนวนที่สรุปชัดแน่นอน, ในแง่ทางวิทยาศาสตร์ ยังไม่มีความคิดเห็นที่ถูกต้องตายตัวเกี่ยวกับชนิดของกลุ่มดาวอย่างแน่ชัด ในความจริง จำนวนกลุ่มดาวทั้ง 88 ได้ถูกจดทะเบียนโดยสภาที่ประชุมสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ในปี 1930 และมีพื้นฐานรูปแบบจากความคิดดั้งเดิมของนักดาราศาสตร์ ปโตเลมี โดยเริ่มนับอย่างเป็นทางการ โดยอาศัยจากความรู้ในอารยธรรมโบราณและยังผสมผสานกับการค้นพบที่ผ่านมาในอดีต ทั้งนี้ก็มาจากการสังเกตดวงดาวในกลุ่มดาวทางเหนือ
แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถหาข้อมูลอธิบายการมีอยู่ของตำนานของชุดเกราะในยุคสมัยของเทพเจ้าได้
บุคคลที่จะมาเป็นเซนต์ เขาหรือเธอจะถูกเลือกโดยกลุ่มดาวประจำตัว นักรบเหล่านี้จะต้องต่อสู้เพื่อปกป้องโลกจากการรุกรานของปีศาจ ยามเมื่อพลังของพวกเขามีไม่เพียงพอ พวกเขาจะหันไปสวมใส่ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับพรจากเทพเจ้า พวกเขาหรือเธอจะมีกลุ่มดาวคอยปกป้องคุ้มครอง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มดาวจากทางเหนือ กลุ่มดาวทางใต้หรือกลุ่มดาวในจักรราศี (ตามทฤษฎี จะแบ่งออกเป็น 24, 48 และ 12 ตามลำดับ)
เซนต์มี 3 ระดับ โกลด์ ซิลเวอร์ และบรอนซ์
โกลด์เซนต์เป็นระดับที่สูงที่สุด และเป็นตัวแทนของวิหาร 12 ราศี (กลุ่มดาวทางดาราศาตร์ได้แทนสัญลักษณ์ อย่างเช่น แอเรียส ทอรัส และเจมินี่) ซิลเวอร์เซนต์เป็นระดับรองลงมา และท้ายสุดคือบรอนซ์เซนต์ นักรบระดับล่างสุด
เคียวโกมีหน้าที่รับผิดชอบคอยบัญชาการสั่งการเหล่าเซนต์ โดยโกลด์เซนต์เท่านั้นจะเป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกให้มารับตำแหน่งนี้ ส่วนนักบวชสามารถเป็นได้ซิลเวอร์เซนต์หรือบรอนซ์เซนต์ มีหน้าที่รับผิดชอบพยากรณ์การเคลื่อนไหวของดวงดาว คอยจับตาเฝ้าดูสัญญาณร้ายจากปีศาจ บันทึกเรื่องประวัติศาสตร์และถ่ายทอดมรดกเรื่องราวที่เป็นความลับอันน่าอัศจรรย์ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ให้กับคนรุ่นหลังสืบทอดต่อไป
บางคนเชื่อกันว่าซิลเวอร์เซนต์มีอยู่ 24 คน และมี 48 คนที่เป็นบรอนซ์เซนต์ ส่วนโกลด์เซนต์จะมีแค่ 12 คน เท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าจำนวนนักรบที่แท้จริงจะมีตามจำนวนตามที่กล่าวมา แม้แต่เคียวโกก็ยังไม่ทราบถึงการมีอยู่ของจำนวนชุดเกราะที่แท้จริง
ในประวัติศาสตร์ของแซงค์ทัวรี่ แม้จะมีข้อมูลค่อนข้างใหม่แต่ก็ไม่มีคำตอบตายตัวที่แน่นอน ตามรายงานล่าสุด จำนวนของชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์เท่าที่จะเป็นไปได้น่ามีอยู่ 78 จากจำนวน 88 กลุ่มดาวที่ได้ทำการจดบันทึกไว้ ปัจจุบันนี้นักดาราศาสตร์ ต่างก็ใช้การคำนวณของกลุ่มดาวที่ได้ทำการบันทึกไว้อย่างเป็นทางการมาตลอด อย่างไรก็ตามก็ไม่มีหลักฐานว่าทฤษฎีนี้ถูกต้อง ยังมีข้อขัดแย้ง ตัวอย่างเช่น เรารู้ถึงของการมีตัวตนของเซนต์แห่งเซอร์เบอรัส ซึ่งเขาไม่มีกลุ่มดาวตามบันทึกที่เป็นทางการของนักดาราศาสตร์ที่ได้กล่าวอ้างไว้ ไม่มีกลุ่มดาวเซอร์เบอรัส มีเพียงสิ่งเดียวที่ยอมรับตามทฤษฎีนี้ว่า ชุดคลอธเหล่านี้ไม่ได้ถือกำเนิดในช่วงเวลานั้น
ในความจริงเราไม่ควรลืมไปว่าจักรวาลนี้ไม่หยุดนิ่ง แผนที่ดวงดาวมักมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาดวงดาวต่างๆพากันเผาไหม้และระเบิด ยกเว้นแต่ดาวเหนือที่ยังคงหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวมาเป็นเวลาล้านปีหรือพันล้านปี
ทุกคนเกิดและตายภายใต้ลิขิตของดวงดาว ท้องฟ้าและโลกที่เราอาศัยอยู่ต่างก็สะท้อนตัวตนซึ่งกันและกันถ้าโลกมีการเปลี่ยนแปลง ดวงดาวและรูปแบบกลุ่มดาวบนท้องฟ้าก็จะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งนี้ก็เป็นการก่อกำเนิดชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาใหม่ ดังนั้นชุดคลอธของเซนต์จะมีการเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอนตามกลุ่มดาวที่เกิดขึ้นใหม่ในขณะนั้น และนักรบศักดิ์สิทธิ์ต่างก็รู้กันดี
อย่างไรก็ตาม จำนวน 88 ต่างก็เป็นมาตรฐานของจำนวนกลุ่มดาวและการมีอยู่ของเหล่าเซนต์ ในช่วงเวลานี้ เรื่องราวในอดีตได้กลับมา มีเซนต์ของอาธีน่าจำนวนไม่ถึงครึ่งปรากฏตัวบนโลกใบนี้
“เซย่าบอกกับเราว่าคนที่โจมตีผมในโรงละครและผู้บุกรุกที่ลักพาตัวยูริไปน่าจะเกี่ยวข้องกัน” นิโคลกำลังอธิบายพลางเอามือจับที่ใบหน้า ดูเหมือนว่าหน้าของเขายังคงเจ็บอยู่นิดหน่อย
“คุณเป็นถึงซิลเวอร์เซนต์ คุณจะไม่หาทางทำอะไรสักอย่างเลยหรือ?”
“เซย่า ผมไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี!” นิโคลยังคงรู้สึกสับสนและอับอาย “ผมรู้สึกเสียใจจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับยูริๆ”
ยูริเป็นนักบวชหญิงบรอนซ์เซนต์ แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแต่เธอมีระดับชั้นและพลังเทียบเท่ากับชุน
ในขณะเดียวกันเซย่าได้แสดงให้เห็นว่าการต่อสู้กับอากริออสนั้น เทคนิคการต่อสู้ของเซนต์แถบจะไม่สามารถต่อกรกับพลังอันป่าเถื่อนหรือร่างกายที่ทรงพลังนั้นได้เลย
“มันเกิดอะไรขึ้น? พวกศัตรูมันต้องการอะไร?”
“แต่อย่างน้อยอาธีน่าก็ปลอดภัย โชคดีจริงๆ!”
“คุณพูดว่า โชคดี คุณแน่ใจกับสิ่งที่คุณพูดจริงๆหรือ คุณนิโคล?” เสียงอ่อนหวานแว่วเข้ามาในห้องมันเป็นเสียงที่รู้สึกได้ถึงความรักและความเมตตา
ผ้าม่านได้ถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างของเด็กสาวคนหนึ่ง เธอคือเทพีแห่งสงครามและปัญญา ผู้ถือครองพรมจรรย์ชั่วนิรันดร์
ซุส เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า โปเซดอนผู้ปกครองแห่งท้องทะเล ฮาเดสผู้คุมกฎในยมโลก อาธีน่าผู้ปกป้องพื้นพิภพ ผู้ซึ่งมีพลังเท่าเทียมกับเทพเจ้าสูงสุดทั้งสาม
“อาธีน่า” นิโคลคุกเข่าลงด้วยความเคารพด้วยความเคยชิน
“ตอนนี้เรายังพูดว่าโชคดีไม่ได้หรอก ตราบใดที่ชีวิตของเซนต์อันเป็นที่รักของฉันกำลังตกอยู่ในอันตราย” อาธีน่าแสดงท่าทีที่แน่แน่วออกมา
เทพีอาธีน่าเป็นหญิงสาวที่มีความงดงามหาใครเปรียบ เธอมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเซย่าและชุน เธอมีผมยาวงามสีน้ำตาล เส้นผมยาวถึงสะโพก และสวมใส่ชุดสีขาวที่ดูสง่างาม โดยรวมๆถึงแม้ว่าเธอจะมีความงดงามที่พิเศษกว่าใคร แต่ดูแล้วเธอก็ไม่ต่างอะไรไปกับเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง
“ผมเผลอพูดพลั้งปากไปโดยไม่ทันคิด โปรดอภัยให้ผมด้วย ท่านอาธีน่า” นิโคลพูดด้วยความยำเกรง
“อย่าไปใส่ใจเลย โปรดลุกขึ้นเถิด” อาธีน่ายื่นมือไปหานิโคลเพื่ออนุญาตให้เขาลุกขึ้น ชายผู้นี้อายุน่าจะมากกว่าเธอ และดูเหมือนว่าคงไม่ห่างกันมาก
“คุณเป็นถึงซิลเวอร์เซนต์ คุณจะไม่หาทางทำอะไรสักอย่างเลยหรือ?”
“เซย่า ผมไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี!” นิโคลยังคงรู้สึกสับสนและอับอาย “ผมรู้สึกเสียใจจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับยูริๆ”
ยูริเป็นนักบวชหญิงบรอนซ์เซนต์ แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแต่เธอมีระดับชั้นและพลังเทียบเท่ากับชุน
ในขณะเดียวกันเซย่าได้แสดงให้เห็นว่าการต่อสู้กับอากริออสนั้น เทคนิคการต่อสู้ของเซนต์แถบจะไม่สามารถต่อกรกับพลังอันป่าเถื่อนหรือร่างกายที่ทรงพลังนั้นได้เลย
“มันเกิดอะไรขึ้น? พวกศัตรูมันต้องการอะไร?”
“แต่อย่างน้อยอาธีน่าก็ปลอดภัย โชคดีจริงๆ!”
“คุณพูดว่า โชคดี คุณแน่ใจกับสิ่งที่คุณพูดจริงๆหรือ คุณนิโคล?” เสียงอ่อนหวานแว่วเข้ามาในห้องมันเป็นเสียงที่รู้สึกได้ถึงความรักและความเมตตา
ผ้าม่านได้ถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างของเด็กสาวคนหนึ่ง เธอคือเทพีแห่งสงครามและปัญญา ผู้ถือครองพรมจรรย์ชั่วนิรันดร์
ซุส เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า โปเซดอนผู้ปกครองแห่งท้องทะเล ฮาเดสผู้คุมกฎในยมโลก อาธีน่าผู้ปกป้องพื้นพิภพ ผู้ซึ่งมีพลังเท่าเทียมกับเทพเจ้าสูงสุดทั้งสาม
“อาธีน่า” นิโคลคุกเข่าลงด้วยความเคารพด้วยความเคยชิน
“ตอนนี้เรายังพูดว่าโชคดีไม่ได้หรอก ตราบใดที่ชีวิตของเซนต์อันเป็นที่รักของฉันกำลังตกอยู่ในอันตราย” อาธีน่าแสดงท่าทีที่แน่แน่วออกมา
เทพีอาธีน่าเป็นหญิงสาวที่มีความงดงามหาใครเปรียบ เธอมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเซย่าและชุน เธอมีผมยาวงามสีน้ำตาล เส้นผมยาวถึงสะโพก และสวมใส่ชุดสีขาวที่ดูสง่างาม โดยรวมๆถึงแม้ว่าเธอจะมีความงดงามที่พิเศษกว่าใคร แต่ดูแล้วเธอก็ไม่ต่างอะไรไปกับเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง
“ผมเผลอพูดพลั้งปากไปโดยไม่ทันคิด โปรดอภัยให้ผมด้วย ท่านอาธีน่า” นิโคลพูดด้วยความยำเกรง
“อย่าไปใส่ใจเลย โปรดลุกขึ้นเถิด” อาธีน่ายื่นมือไปหานิโคลเพื่ออนุญาตให้เขาลุกขึ้น ชายผู้นี้อายุน่าจะมากกว่าเธอ และดูเหมือนว่าคงไม่ห่างกันมาก
"กิกัส…”
“ใช่แล้ว ฉันเคยได้ยินชื่อนี้…” น้ำเสียงของเธอทุกๆคำที่เปล่งออกช่างน่าหลงใหลราวกับเสียงของเทพธิดา สาวน้อยที่อยู่ตรงนี้เป็นร่างจุติของอาธีน่าในยุคปัจจุบัน
“เจ้าพวกนี้คือใคร และทำไมถึงเรียกว่ากิกัส?”
“พวกนี้คือยักษ์ในตำนานกรีกไงละ เซย่า” นิโคลตอบกลับไป
“หา… ตำนาน…”
“คงต้องหาเวลาสักวันให้คุณมากับผมที่ห้องสมุด เพื่อให้คุณได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับการกำเนิดของท้องฟ้าและผืนดิน”
“โอ้… ผมไม่คิดอยากจะไปที่นั่นเลยนะ” เซย่าพูด พลางแตะใบหน้าของเขาแสดงท่าทางลำบากใจ
“คำว่า ‘ยักษ์’ มันมีรากศัพท์มาจาก กิกัส” นิโคลอธิบายถึงพวกศัตรูได้อย่างเชี่ยวชาญแทบไม่น่าเชื่อ
“ยักษ์ ที่มีแต่ในนิทานก่อนนอนหรือ? โอเค แม้ว่าเจ้าพวกนั้นจะตัวใหญ่ก็จริง แต่เราก็ไม่สามารถบอกได้ว่าพวกนั้นเป็นยักษ์จริงๆหรือเปล่า”
“ผมจะเล่าถึงเรื่องราวของกิกัส” นิโคลพูดต่อไปท่าทางของเขาตอนนี้ดูเหมือนกับศาสตราจารย์เลยทีเดียว“มันเริ่มต้นมาจากยุคของเทพเจ้า เรื่องราวการก่อกำเนิดของเซนต์และการต่อสู้ครั้งแรกของพวกเขาในสงครามระหว่างกองทัพของโปเซดอนที่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนอัตติก้า”
ในห้องมีแต่เสียงของนิโคลเท่านั้นในขณะที่คนอื่นๆกำลังนั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“ซึ่งมันเป็นเวลาเดียวกับที่กิกัสปรากฏตัวขึ้นเพื่อทำสงครามกับเหล่าเซนต์ ซึ่งเป้าหมายของมันก็คือการยึดครองโลก ศัตรูที่เก่าแก่พวกนี้มีเชื้อสายต่างจากวงศ์ของโอลิมปัส ไม่เหมือนอย่างโปเซดอนหรือฮาเดส พวกมันเรียกตัวเองว่า ‘บุตรของพระแม่ธรณีไกอา’ และได้รับการคุ้มครองโดยชุดเกราะอาดามัสมีความทนทานกว่าโอริคัลคุม ทำให้พวกเขามีพละกำลังที่แข็งแกร่งหาใครเทียบ และการต่อสู้ระหว่างกิกัสและพวกเหล่าเซนต์ได้กลายเป็นมหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่ การต่อสู้กับกิกัสเป็นไปอย่างยากลำบาก ชัยชนะของพวกเราถือเป็นบทเรียนราคาแพง เราได้รับชัยชนะเพราะการปรากฏตัวของอาธีน่าในสนามรบ แต่เซนต์ส่วนใหญ่แทบไม่มีใครรอดชีวิต”
“ผมไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่ามันเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากแค่ไหน”
“แม้ว่าจะได้รับชัยชนะในสงคราม แต่อาธีน่าไม่สามารถทำลายปีศาจเหล่านี้ลงได้ นั่นก็เพราะศัตรูเหล่านี้ต่างก็เป็นเทพเจ้าที่มีร่างกายอมตะเหมือนกับอาธีน่า อาธีน่าไม่มีทางเลือกจึงส่งพวกศัตรูให้ถูกจองจำในหุบเหวลึกทาร์ทารัส ความชั่วร้ายจึงถูกกักขังไม่มีวันได้ออกมาสู่พื้นพิภพนี้อีกเลย และนี่ก็คือเรื่องราวของตำนานกิกันโตมาเชีย”
“ใช่แล้ว ฉันเคยได้ยินชื่อนี้…” น้ำเสียงของเธอทุกๆคำที่เปล่งออกช่างน่าหลงใหลราวกับเสียงของเทพธิดา สาวน้อยที่อยู่ตรงนี้เป็นร่างจุติของอาธีน่าในยุคปัจจุบัน
“เจ้าพวกนี้คือใคร และทำไมถึงเรียกว่ากิกัส?”
“พวกนี้คือยักษ์ในตำนานกรีกไงละ เซย่า” นิโคลตอบกลับไป
“หา… ตำนาน…”
“คงต้องหาเวลาสักวันให้คุณมากับผมที่ห้องสมุด เพื่อให้คุณได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับการกำเนิดของท้องฟ้าและผืนดิน”
“โอ้… ผมไม่คิดอยากจะไปที่นั่นเลยนะ” เซย่าพูด พลางแตะใบหน้าของเขาแสดงท่าทางลำบากใจ
“คำว่า ‘ยักษ์’ มันมีรากศัพท์มาจาก กิกัส” นิโคลอธิบายถึงพวกศัตรูได้อย่างเชี่ยวชาญแทบไม่น่าเชื่อ
“ยักษ์ ที่มีแต่ในนิทานก่อนนอนหรือ? โอเค แม้ว่าเจ้าพวกนั้นจะตัวใหญ่ก็จริง แต่เราก็ไม่สามารถบอกได้ว่าพวกนั้นเป็นยักษ์จริงๆหรือเปล่า”
“ผมจะเล่าถึงเรื่องราวของกิกัส” นิโคลพูดต่อไปท่าทางของเขาตอนนี้ดูเหมือนกับศาสตราจารย์เลยทีเดียว“มันเริ่มต้นมาจากยุคของเทพเจ้า เรื่องราวการก่อกำเนิดของเซนต์และการต่อสู้ครั้งแรกของพวกเขาในสงครามระหว่างกองทัพของโปเซดอนที่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนอัตติก้า”
ในห้องมีแต่เสียงของนิโคลเท่านั้นในขณะที่คนอื่นๆกำลังนั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“ซึ่งมันเป็นเวลาเดียวกับที่กิกัสปรากฏตัวขึ้นเพื่อทำสงครามกับเหล่าเซนต์ ซึ่งเป้าหมายของมันก็คือการยึดครองโลก ศัตรูที่เก่าแก่พวกนี้มีเชื้อสายต่างจากวงศ์ของโอลิมปัส ไม่เหมือนอย่างโปเซดอนหรือฮาเดส พวกมันเรียกตัวเองว่า ‘บุตรของพระแม่ธรณีไกอา’ และได้รับการคุ้มครองโดยชุดเกราะอาดามัสมีความทนทานกว่าโอริคัลคุม ทำให้พวกเขามีพละกำลังที่แข็งแกร่งหาใครเทียบ และการต่อสู้ระหว่างกิกัสและพวกเหล่าเซนต์ได้กลายเป็นมหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่ การต่อสู้กับกิกัสเป็นไปอย่างยากลำบาก ชัยชนะของพวกเราถือเป็นบทเรียนราคาแพง เราได้รับชัยชนะเพราะการปรากฏตัวของอาธีน่าในสนามรบ แต่เซนต์ส่วนใหญ่แทบไม่มีใครรอดชีวิต”
“ผมไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่ามันเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากแค่ไหน”
“แม้ว่าจะได้รับชัยชนะในสงคราม แต่อาธีน่าไม่สามารถทำลายปีศาจเหล่านี้ลงได้ นั่นก็เพราะศัตรูเหล่านี้ต่างก็เป็นเทพเจ้าที่มีร่างกายอมตะเหมือนกับอาธีน่า อาธีน่าไม่มีทางเลือกจึงส่งพวกศัตรูให้ถูกจองจำในหุบเหวลึกทาร์ทารัส ความชั่วร้ายจึงถูกกักขังไม่มีวันได้ออกมาสู่พื้นพิภพนี้อีกเลย และนี่ก็คือเรื่องราวของตำนานกิกันโตมาเชีย”
“กิกันโตมาเชีย?”
“มันคือชื่อของสงครามระหว่างกิกัสในเทพนิยาย” นิโคลตอบกลับไปด้วยท่าทีที่เข้มขรึม “ตามที่นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก อะพอลโลโดรัส ได้กล่าวถึงตำนานกิกันโตมาเชียไว้ว่า อาธีน่าส่งพวกกิกัสลงไปในภูเขาไฟในเอตน่า ที่ซิชิลี เพื่อทำการกักขังเอาไว้”
“เฮ้ คุณพูดว่าซิชิลีหรือ?” เซย่าถามกลับไป “อาธีน่า… พวกกิกัสที่บุกรุกเข้ามายังแซงค์ทัวรี่ได้บอกกับผมว่า พวกมันได้จับตัวยูริไปที่ซิชิลี”
“แต่ฉันก็ยังไมเข้าใจ…”น้ำเสียงของอาธีน่าแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดและหวาดกลัวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับยูริ “ทำไมพวกเขาถึงไม่โจมตีที่ฉันโดยตรง?”
“พวกเราทั้งหมดต่างก็กังวลถึงความปลอดภัยของยูริ แต่สิ่งแรกที่เราจะต้องต้องทำก็คือ สืบว่าทำไมพวกกิกัสถึงได้กลับมาบนพื้นพิภพในยุคนี้ได้ พวกกิกัสถูกกักขังมาเป็นเวลานานจนแทบจะไม่มีใครจะจำเรื่องนี้ได้”
“ฉันจะไปซิชิลี!” อาธีน่ากล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ น้ำเสียงของเธอตอนนี้ดูจริงจังมาก
“อาธีน่า ท่านจะไปเพียงลำพังหรือ?! ผมไม่อนุญาตให้คุณทำอย่างนั้น!”
“นิโคล…” อาธีน่าเปล่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจ “ฉันดีใจมากที่คุณเป็นห่วงฉัน แต่ฉันไม่สามารถทอดทิ้งเซนต์ของฉันได้ มันก็เหมือนกับมารดาที่ไม่สามารถทอดทิ้งลูกตัวเองไปได้?”
ภาพของเด็กสาว ที่แสดงให้เห็นว่าเหล่าเซนต์ก็เปรียบเสมือนลูกของเธอมันน่าชื่นชม เธอแสดงการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวว่าจะปกป้องพวกเขา เทพีที่ต่อสู้เพื่อบุคคลที่เธอรัก
“และผมจะตามอาธีน่าไป…!” เซย่าขึ้นเสียงแทรกบทสนทนาที่ตอนนี้ดูท่าทางตรึงเครียด “ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าพวกกิกัสมันต้องการอะไร ฉันจะไม่นั่งอยู่ที่นี่ในขณะที่ฉันรู้แล้วว่าจะหาพวกมันพบได้ที่ไหน ฉันจะไปที่นั่น !”
“ฉันก็จะไปกับนายด้วย!” ชุนมีความคิดเช่นเดียวกับเซย่า
อย่างไรก็ตามความเป็นห่วงในความปลอดภัยของอาธีน่าก็ยังมีอยู่ นิโคลจึงตัดสินใจใช้ตำแหน่งรักษาการณ์แทนเคียวโกสั่งการภารกิจออกไป
“ผมจะส่งคุณทั้งสองคนไป!” และภารกิจที่มอบให้นี้ เซย่าและชุน จงทำภารกิจด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่ “สิ่งแรกที่ต้องทำคือตรวจสอบกองกำลังของศัตรู” นิโคลเสริมเข้าไปอีกว่า “เมื่อทราบแล้วก็จงนำเรื่องนี้มาบอกกับอาธีน่า เพื่อที่จะให้อาธีน่าคอยสั่งการว่าจะทำอะไรต่อไป”
“แต่ว่า…!”
“ทุกอย่างได้ทำการตัดสินใจและต้องทำตามแผนครับ ท่าน” นิโคลตัดสินใจที่ปฎิเสธต่อคำขอของอาธีน่า
“ฉันมาแล้วววว...!” มีเสียงแหลมมาจากข้างนอก กิกิเข้ามาสมทบในห้องของเคียวโกอีกคน
“ทำงานได้ดีมาก กิกิ”
“มันคือชื่อของสงครามระหว่างกิกัสในเทพนิยาย” นิโคลตอบกลับไปด้วยท่าทีที่เข้มขรึม “ตามที่นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก อะพอลโลโดรัส ได้กล่าวถึงตำนานกิกันโตมาเชียไว้ว่า อาธีน่าส่งพวกกิกัสลงไปในภูเขาไฟในเอตน่า ที่ซิชิลี เพื่อทำการกักขังเอาไว้”
“เฮ้ คุณพูดว่าซิชิลีหรือ?” เซย่าถามกลับไป “อาธีน่า… พวกกิกัสที่บุกรุกเข้ามายังแซงค์ทัวรี่ได้บอกกับผมว่า พวกมันได้จับตัวยูริไปที่ซิชิลี”
“แต่ฉันก็ยังไมเข้าใจ…”น้ำเสียงของอาธีน่าแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดและหวาดกลัวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับยูริ “ทำไมพวกเขาถึงไม่โจมตีที่ฉันโดยตรง?”
“พวกเราทั้งหมดต่างก็กังวลถึงความปลอดภัยของยูริ แต่สิ่งแรกที่เราจะต้องต้องทำก็คือ สืบว่าทำไมพวกกิกัสถึงได้กลับมาบนพื้นพิภพในยุคนี้ได้ พวกกิกัสถูกกักขังมาเป็นเวลานานจนแทบจะไม่มีใครจะจำเรื่องนี้ได้”
“ฉันจะไปซิชิลี!” อาธีน่ากล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ น้ำเสียงของเธอตอนนี้ดูจริงจังมาก
“อาธีน่า ท่านจะไปเพียงลำพังหรือ?! ผมไม่อนุญาตให้คุณทำอย่างนั้น!”
“นิโคล…” อาธีน่าเปล่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจ “ฉันดีใจมากที่คุณเป็นห่วงฉัน แต่ฉันไม่สามารถทอดทิ้งเซนต์ของฉันได้ มันก็เหมือนกับมารดาที่ไม่สามารถทอดทิ้งลูกตัวเองไปได้?”
ภาพของเด็กสาว ที่แสดงให้เห็นว่าเหล่าเซนต์ก็เปรียบเสมือนลูกของเธอมันน่าชื่นชม เธอแสดงการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวว่าจะปกป้องพวกเขา เทพีที่ต่อสู้เพื่อบุคคลที่เธอรัก
“และผมจะตามอาธีน่าไป…!” เซย่าขึ้นเสียงแทรกบทสนทนาที่ตอนนี้ดูท่าทางตรึงเครียด “ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าพวกกิกัสมันต้องการอะไร ฉันจะไม่นั่งอยู่ที่นี่ในขณะที่ฉันรู้แล้วว่าจะหาพวกมันพบได้ที่ไหน ฉันจะไปที่นั่น !”
“ฉันก็จะไปกับนายด้วย!” ชุนมีความคิดเช่นเดียวกับเซย่า
อย่างไรก็ตามความเป็นห่วงในความปลอดภัยของอาธีน่าก็ยังมีอยู่ นิโคลจึงตัดสินใจใช้ตำแหน่งรักษาการณ์แทนเคียวโกสั่งการภารกิจออกไป
“ผมจะส่งคุณทั้งสองคนไป!” และภารกิจที่มอบให้นี้ เซย่าและชุน จงทำภารกิจด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่ “สิ่งแรกที่ต้องทำคือตรวจสอบกองกำลังของศัตรู” นิโคลเสริมเข้าไปอีกว่า “เมื่อทราบแล้วก็จงนำเรื่องนี้มาบอกกับอาธีน่า เพื่อที่จะให้อาธีน่าคอยสั่งการว่าจะทำอะไรต่อไป”
“แต่ว่า…!”
“ทุกอย่างได้ทำการตัดสินใจและต้องทำตามแผนครับ ท่าน” นิโคลตัดสินใจที่ปฎิเสธต่อคำขอของอาธีน่า
“ฉันมาแล้วววว...!” มีเสียงแหลมมาจากข้างนอก กิกิเข้ามาสมทบในห้องของเคียวโกอีกคน
“ทำงานได้ดีมาก กิกิ”
“คุณนิโคล ดูเหมือนว่าคุณจะชอบทรมานเด็กจริงๆเลยนะ?” เด็กชายที่ดูท่าทางกวนประสาทพูดด้วยน้ำเสียงที่มีชีวิตชีวา
“โอเค ซิชิลีอยู่ห่างจากที่นี่ไป 800 กิโลเมตร แต่มันลำบากตรงที่จะต้องข้ามทะเลไอโอเนียนและคาบสมุทรอิตาลีก่อน!”
“กิกิ นายไปซิชิลีแล้วก็กลับภายในวันเดียวหรือ?”
“นายเข้าใจถูกต้อง!” กิกิขยิบตาให้เซย่า
“ท่าทางคุณยังคงดูสดชื่นอยู่นะ!” นิโคลพูดด้วยรอยยิ้ม. “ก็คุณยังมีแรงที่ที่จะบ่นอยู่เลย…”
“การเทเลพอร์ตมันเหนื่อยตรงที่ต้องใช้พลังจิตเป็นจำนวนมาก ฉันใช้พลังทั้งไปและกลับแทบไม่ได้พักผ่อนเลย”
“ฉันใช้ให้กิกิไปหาคนนำทางให้เรา” นิโคลอธิบาย
“และฉันขอบอกเลยนะ การเทเลพอร์ตคนโดยต้องเดินทางถึงสองครั้งมันเหนื่อยมากเลยรู้ไหม!” กิกิยังคงไม่หยุดพูดแล้วเขาก็นั่งลงไปกับพื้น “ไม่สิ สี่ครั้งต่างหาก”
“คนนำทางหรือ?” เซย่าทำหน้างงๆ
“นายต้องหาใครสักคนมาคอยบอกทางนะ” ตอนนี้จู่ๆก็มีเสียงของใครบางคนแทรกเข้ามา “ซิชิลีเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในเมดิเตอร์เรเนียน นายคงไม่อยากไปหลงทางอยู่ที่นั่น จริงไหมเซย่า?”
เด็กหนุ่มที่มาใหม่พูดด้วยน้ำเสียงที่เหน็บแนม เขาเดินไปโอบไหล่เซย่าด้วยความสนิทสนมเหมือนคนรู้จักกันมานาน ตอนนี้ดูเหมือนว่าเซนต์เปกาซัสจะจำไม่ได้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คือใคร คนแปลกหน้าที่สูงกว่าเซย่าประมาณสามนิ้วและดูเหมือนว่าจะแก่กว่าเซย่าประมาณสองหรือสามปี เขามีรอยสักอยู่ที่แขนและสวมเสื้อผ้าขาดๆเหมือนเด็กข้างถนน ผมของเขาย้อมด้วยสีเงินปัดไปข้างหลัง เลยทำให้เขาดูคล้ายกับหมาป่า
“นายเป็นใคร?”
“อะฮ้า อย่าทำหน้างงอย่างนั้นสิ! นายยังจำตอนที่นายเป็นเด็กได้หรือเปล่า เด็กที่ชอบใช้กำลัง เจ้าเด็กบ้าเลือดร้อน ” เขาพูดตลกกับเซย่าด้วยความเป็นมิตร น้ำเสียงของเขารับรู้ได้ถึงความนุ่มนวล
“เมื่อตอนฉันยังเป็นเด็กหรือ… ? เอ๊ะ หรือนายคือเมย์!”
การพบกันในครั้งนี้ทำให้เซย่า ชุน และอาธีน่า ต้องย้อนกลับไประลึกถึงความทรงจำในอดีต การปรากฏตัวของเพื่อนในวัยเด็ก เรียกความทรงจำเก่าๆกลับคืนมา สีหน้าของพวกเขากลายเป็นยินดี และดูเหมือนว่าการจุติของเทพีอาธีน่าจะทำให้เขากลับมาพบกันอีกครั้ง
“นั่นนายจริงหรือเมย์?”
“นายนี่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะเซย่าและชุน นายยังเป็นเด็กขี้แยเหมือนเดิมหรือเปล่า.! แล้วก็…” ใบหน้าเด็กหนุ่มผมสีเงินเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่จริงจังเมื่อเขาได้พบอาธีน่า “รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบคุณอีกครั้งครับ คุณซาโอริ”
“โอเค ซิชิลีอยู่ห่างจากที่นี่ไป 800 กิโลเมตร แต่มันลำบากตรงที่จะต้องข้ามทะเลไอโอเนียนและคาบสมุทรอิตาลีก่อน!”
“กิกิ นายไปซิชิลีแล้วก็กลับภายในวันเดียวหรือ?”
“นายเข้าใจถูกต้อง!” กิกิขยิบตาให้เซย่า
“ท่าทางคุณยังคงดูสดชื่นอยู่นะ!” นิโคลพูดด้วยรอยยิ้ม. “ก็คุณยังมีแรงที่ที่จะบ่นอยู่เลย…”
“การเทเลพอร์ตมันเหนื่อยตรงที่ต้องใช้พลังจิตเป็นจำนวนมาก ฉันใช้พลังทั้งไปและกลับแทบไม่ได้พักผ่อนเลย”
“ฉันใช้ให้กิกิไปหาคนนำทางให้เรา” นิโคลอธิบาย
“และฉันขอบอกเลยนะ การเทเลพอร์ตคนโดยต้องเดินทางถึงสองครั้งมันเหนื่อยมากเลยรู้ไหม!” กิกิยังคงไม่หยุดพูดแล้วเขาก็นั่งลงไปกับพื้น “ไม่สิ สี่ครั้งต่างหาก”
“คนนำทางหรือ?” เซย่าทำหน้างงๆ
“นายต้องหาใครสักคนมาคอยบอกทางนะ” ตอนนี้จู่ๆก็มีเสียงของใครบางคนแทรกเข้ามา “ซิชิลีเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในเมดิเตอร์เรเนียน นายคงไม่อยากไปหลงทางอยู่ที่นั่น จริงไหมเซย่า?”
เด็กหนุ่มที่มาใหม่พูดด้วยน้ำเสียงที่เหน็บแนม เขาเดินไปโอบไหล่เซย่าด้วยความสนิทสนมเหมือนคนรู้จักกันมานาน ตอนนี้ดูเหมือนว่าเซนต์เปกาซัสจะจำไม่ได้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คือใคร คนแปลกหน้าที่สูงกว่าเซย่าประมาณสามนิ้วและดูเหมือนว่าจะแก่กว่าเซย่าประมาณสองหรือสามปี เขามีรอยสักอยู่ที่แขนและสวมเสื้อผ้าขาดๆเหมือนเด็กข้างถนน ผมของเขาย้อมด้วยสีเงินปัดไปข้างหลัง เลยทำให้เขาดูคล้ายกับหมาป่า
“นายเป็นใคร?”
“อะฮ้า อย่าทำหน้างงอย่างนั้นสิ! นายยังจำตอนที่นายเป็นเด็กได้หรือเปล่า เด็กที่ชอบใช้กำลัง เจ้าเด็กบ้าเลือดร้อน ” เขาพูดตลกกับเซย่าด้วยความเป็นมิตร น้ำเสียงของเขารับรู้ได้ถึงความนุ่มนวล
“เมื่อตอนฉันยังเป็นเด็กหรือ… ? เอ๊ะ หรือนายคือเมย์!”
การพบกันในครั้งนี้ทำให้เซย่า ชุน และอาธีน่า ต้องย้อนกลับไประลึกถึงความทรงจำในอดีต การปรากฏตัวของเพื่อนในวัยเด็ก เรียกความทรงจำเก่าๆกลับคืนมา สีหน้าของพวกเขากลายเป็นยินดี และดูเหมือนว่าการจุติของเทพีอาธีน่าจะทำให้เขากลับมาพบกันอีกครั้ง
“นั่นนายจริงหรือเมย์?”
“นายนี่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะเซย่าและชุน นายยังเป็นเด็กขี้แยเหมือนเดิมหรือเปล่า.! แล้วก็…” ใบหน้าเด็กหนุ่มผมสีเงินเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่จริงจังเมื่อเขาได้พบอาธีน่า “รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบคุณอีกครั้งครับ คุณซาโอริ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น