ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Saint Seiya Gigantomachia

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2 : เซนต์แห่งอาธีน่า (ตอนที่ 2.3)

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 57


    2.3




    ห้องของเคียวโกอยู่ใกล้กับทางเข้าวิหารอาธีน่า สถานที่นี้อยู่หลังวิหาร 12 ราศี เคียวโกเป็นผู้นำสูงสุดของเหล่าเซนต์ เป็นข้าบริวารที่สำคัญที่สุดของอาธีน่า


    “คุณยูริถูกลักพาตัวไป?” ชุนกลับมายังแซงค์ทัวรี่หลังจากเกิดเหตุการณ์โกลาหลที่โรงละครในอะโครโพลิส ตอนนี้เขาอยู่ในชุดของคลอธอันโดรเมด้า ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องประกายสีของดอกกุหลาบ ซึ่งมันดูคล้ายกับชุดแต่งกายของผู้หญิงมากกว่าชุดเกราะของนักรบทั่วไป



    “บ้าจริง! I ฉันอยู่ที่นั่นแต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลย!” เซย่ากำหมัดของเขาไว้แน่น รู้สึกโกรธที่ปล่อยให้ศัตรูหลบหนีไปได้ เขายังคงใส่ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายที่สำคัญในการรบ การที่เซนต์สวมใส่ชุดเกราะของพวกเขานั้นเป็นสัญญาณว่าสงครามครั้งใหม่กำลังกลับมาหาพวกเขาอีกครั้ง “คุณนิโคล คุณบาดเจ็บหรือ?”

    “ฉันไม่เป็นไร รู้สึกตกใจนิดหน่อย คาดไม่ถึงว่าจะถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว”


    นิโคลก็เป็นเซนต์ของอาธีน่าเช่นเดียวกับเซย่าและชุน 

    ห้องของเคียวโกล้อมรอบไปด้วยเสาโดริคที่เรียงรายเป็นแถว และประดับด้วยม่าน ที่ตรงกลางห้องมีพื้นยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย คลุมด้วยพรม มีบังลังค์ของเคียวโกอยู่บนนั้น แต่ไม่มีใครประทับอยู่บนบังลังค์

    ตำแหน่งเคียวโกยังคงว่าง ตอนนี้นิโคลได้เป็นผู้นำ และเป็นผู้ที่คอยดูแลความเรียบร้อยภายในแซงค์ทัวรี่

    ท่านผู้อ่านคงจะจำกันได้ถึงจำนวนกลุ่มดาวที่อยู่บนท้องฟ้า? ซึ่งนักดาราศาสตร์เห็นพ้องกันว่ามีอยู่ 88 กลุ่มดาว
    แต่นี่ไม่ใช่จำนวนที่สรุปชัดแน่นอน, ในแง่ทางวิทยาศาสตร์  ยังไม่มีความคิดเห็นที่ถูกต้องตายตัวเกี่ยวกับชนิดของกลุ่มดาวอย่างแน่ชัด ในความจริง จำนวนกลุ่มดาวทั้ง 88  ได้ถูกจดทะเบียนโดยสภาที่ประชุมสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ในปี 1930 และมีพื้นฐานรูปแบบจากความคิดดั้งเดิมของนักดาราศาสตร์ ปโตเลมี โดยเริ่มนับอย่างเป็นทางการ โดยอาศัยจากความรู้ในอารยธรรมโบราณและยังผสมผสานกับการค้นพบที่ผ่านมาในอดีต ทั้งนี้ก็มาจากการสังเกตดวงดาวในกลุ่มดาวทางเหนือ

    แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถหาข้อมูลอธิบายการมีอยู่ของตำนานของชุดเกราะในยุคสมัยของเทพเจ้าได้

    บุคคลที่จะมาเป็นเซนต์ เขาหรือเธอจะถูกเลือกโดยกลุ่มดาวประจำตัว นักรบเหล่านี้จะต้องต่อสู้เพื่อปกป้องโลกจากการรุกรานของปีศาจ ยามเมื่อพลังของพวกเขามีไม่เพียงพอ พวกเขาจะหันไปสวมใส่ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับพรจากเทพเจ้า พวกเขาหรือเธอจะมีกลุ่มดาวคอยปกป้องคุ้มครอง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มดาวจากทางเหนือ กลุ่มดาวทางใต้หรือกลุ่มดาวในจักรราศี (ตามทฤษฎี จะแบ่งออกเป็น 24, 48 และ 12 ตามลำดับ)

    เซนต์มี 3 ระดับ โกลด์ ซิลเวอร์ และบรอนซ์

    โกลด์เซนต์เป็นระดับที่สูงที่สุด และเป็นตัวแทนของวิหาร 12 ราศี (กลุ่มดาวทางดาราศาตร์ได้แทนสัญลักษณ์ อย่างเช่น แอเรียส ทอรัส และเจมินี่) ซิลเวอร์เซนต์เป็นระดับรองลงมา และท้ายสุดคือบรอนซ์เซนต์ นักรบระดับล่างสุด

    เคียวโกมีหน้าที่รับผิดชอบคอยบัญชาการสั่งการเหล่าเซนต์  โดยโกลด์เซนต์เท่านั้นจะเป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกให้มารับตำแหน่งนี้ ส่วนนักบวชสามารถเป็นได้ซิลเวอร์เซนต์หรือบรอนซ์เซนต์ มีหน้าที่รับผิดชอบพยากรณ์การเคลื่อนไหวของดวงดาว คอยจับตาเฝ้าดูสัญญาณร้ายจากปีศาจ บันทึกเรื่องประวัติศาสตร์และถ่ายทอดมรดกเรื่องราวที่เป็นความลับอันน่าอัศจรรย์ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ให้กับคนรุ่นหลังสืบทอดต่อไป

    บางคนเชื่อกันว่าซิลเวอร์เซนต์มีอยู่ 24 คน และมี 48 คนที่เป็นบรอนซ์เซนต์ ส่วนโกลด์เซนต์จะมีแค่ 12 คน เท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าจำนวนนักรบที่แท้จริงจะมีตามจำนวนตามที่กล่าวมา แม้แต่เคียวโกก็ยังไม่ทราบถึงการมีอยู่ของจำนวนชุดเกราะที่แท้จริง

    ในประวัติศาสตร์ของแซงค์ทัวรี่ แม้จะมีข้อมูลค่อนข้างใหม่แต่ก็ไม่มีคำตอบตายตัวที่แน่นอน ตามรายงานล่าสุด จำนวนของชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์เท่าที่จะเป็นไปได้น่ามีอยู่ 78 จากจำนวน 88 กลุ่มดาวที่ได้ทำการจดบันทึกไว้ ปัจจุบันนี้นักดาราศาสตร์ ต่างก็ใช้การคำนวณของกลุ่มดาวที่ได้ทำการบันทึกไว้อย่างเป็นทางการมาตลอด อย่างไรก็ตามก็ไม่มีหลักฐานว่าทฤษฎีนี้ถูกต้อง ยังมีข้อขัดแย้ง ตัวอย่างเช่น เรารู้ถึงของการมีตัวตนของเซนต์แห่งเซอร์เบอรัส ซึ่งเขาไม่มีกลุ่มดาวตามบันทึกที่เป็นทางการของนักดาราศาสตร์ที่ได้กล่าวอ้างไว้ ไม่มีกลุ่มดาวเซอร์เบอรัส มีเพียงสิ่งเดียวที่ยอมรับตามทฤษฎีนี้ว่า ชุดคลอธเหล่านี้ไม่ได้ถือกำเนิดในช่วงเวลานั้น



    ในความจริงเราไม่ควรลืมไปว่าจักรวาลนี้ไม่หยุดนิ่ง แผนที่ดวงดาวมักมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาดวงดาวต่างๆพากันเผาไหม้และระเบิด ยกเว้นแต่ดาวเหนือที่ยังคงหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวมาเป็นเวลาล้านปีหรือพันล้านปี

    ทุกคนเกิดและตายภายใต้ลิขิตของดวงดาว ท้องฟ้าและโลกที่เราอาศัยอยู่ต่างก็สะท้อนตัวตนซึ่งกันและกันถ้าโลกมีการเปลี่ยนแปลง ดวงดาวและรูปแบบกลุ่มดาวบนท้องฟ้าก็จะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งนี้ก็เป็นการก่อกำเนิดชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาใหม่ ดังนั้นชุดคลอธของเซนต์จะมีการเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอนตามกลุ่มดาวที่เกิดขึ้นใหม่ในขณะนั้น และนักรบศักดิ์สิทธิ์ต่างก็รู้กันดี

    อย่างไรก็ตาม จำนวน 88 ต่างก็เป็นมาตรฐานของจำนวนกลุ่มดาวและการมีอยู่ของเหล่าเซนต์ ในช่วงเวลานี้ เรื่องราวในอดีตได้กลับมา มีเซนต์ของอาธีน่าจำนวนไม่ถึงครึ่งปรากฏตัวบนโลกใบนี้
     
    “เซย่าบอกกับเราว่าคนที่โจมตีผมในโรงละครและผู้บุกรุกที่ลักพาตัวยูริไปน่าจะเกี่ยวข้องกัน” นิโคลกำลังอธิบายพลางเอามือจับที่ใบหน้า ดูเหมือนว่าหน้าของเขายังคงเจ็บอยู่นิดหน่อย

    “คุณเป็นถึงซิลเวอร์เซนต์ คุณจะไม่หาทางทำอะไรสักอย่างเลยหรือ?”

    “เซย่า ผมไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี!” นิโคลยังคงรู้สึกสับสนและอับอาย “ผมรู้สึกเสียใจจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับยูริๆ”


    ยูริเป็นนักบวชหญิงบรอนซ์เซนต์ แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแต่เธอมีระดับชั้นและพลังเทียบเท่ากับชุน


    ในขณะเดียวกันเซย่าได้แสดงให้เห็นว่าการต่อสู้กับอากริออสนั้น เทคนิคการต่อสู้ของเซนต์แถบจะไม่สามารถต่อกรกับพลังอันป่าเถื่อนหรือร่างกายที่ทรงพลังนั้นได้เลย 


    “มันเกิดอะไรขึ้น? พวกศัตรูมันต้องการอะไร?”

    “แต่อย่างน้อยอาธีน่าก็ปลอดภัย โชคดีจริงๆ!”

    “คุณพูดว่า โชคดี คุณแน่ใจกับสิ่งที่คุณพูดจริงๆหรือ คุณนิโคล?” เสียงอ่อนหวานแว่วเข้ามาในห้องมันเป็นเสียงที่รู้สึกได้ถึงความรักและความเมตตา 


    ผ้าม่านได้ถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างของเด็กสาวคนหนึ่ง เธอคือเทพีแห่งสงครามและปัญญา ผู้ถือครองพรมจรรย์ชั่วนิรันดร์


    ซุส เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า  โปเซดอนผู้ปกครองแห่งท้องทะเล ฮาเดสผู้คุมกฎในยมโลก  อาธีน่าผู้ปกป้องพื้นพิภพ ผู้ซึ่งมีพลังเท่าเทียมกับเทพเจ้าสูงสุดทั้งสาม


    “อาธีน่า” นิโคลคุกเข่าลงด้วยความเคารพด้วยความเคยชิน

    “ตอนนี้เรายังพูดว่าโชคดีไม่ได้หรอก ตราบใดที่ชีวิตของเซนต์อันเป็นที่รักของฉันกำลังตกอยู่ในอันตราย” อาธีน่าแสดงท่าทีที่แน่แน่วออกมา




    เทพีอาธีน่าเป็นหญิงสาวที่มีความงดงามหาใครเปรียบ เธอมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเซย่าและชุน  เธอมีผมยาวงามสีน้ำตาล เส้นผมยาวถึงสะโพก และสวมใส่ชุดสีขาวที่ดูสง่างาม โดยรวมๆถึงแม้ว่าเธอจะมีความงดงามที่พิเศษกว่าใคร แต่ดูแล้วเธอก็ไม่ต่างอะไรไปกับเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง


    “ผมเผลอพูดพลั้งปากไปโดยไม่ทันคิด โปรดอภัยให้ผมด้วย ท่านอาธีน่า” นิโคลพูดด้วยความยำเกรง

    “อย่าไปใส่ใจเลย โปรดลุกขึ้นเถิด” อาธีน่ายื่นมือไปหานิโคลเพื่ออนุญาตให้เขาลุกขึ้น ชายผู้นี้อายุน่าจะมากกว่าเธอ และดูเหมือนว่าคงไม่ห่างกันมาก
     
    "กิกัส…”

    “ใช่แล้ว ฉันเคยได้ยินชื่อนี้…” น้ำเสียงของเธอทุกๆคำที่เปล่งออกช่างน่าหลงใหลราวกับเสียงของเทพธิดา สาวน้อยที่อยู่ตรงนี้เป็นร่างจุติของอาธีน่าในยุคปัจจุบัน

    “เจ้าพวกนี้คือใคร และทำไมถึงเรียกว่ากิกัส?”

    “พวกนี้คือยักษ์ในตำนานกรีกไงละ เซย่า” นิโคลตอบกลับไป

    “หา… ตำนาน…”

    “คงต้องหาเวลาสักวันให้คุณมากับผมที่ห้องสมุด เพื่อให้คุณได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับการกำเนิดของท้องฟ้าและผืนดิน”

    “โอ้… ผมไม่คิดอยากจะไปที่นั่นเลยนะ” เซย่าพูด พลางแตะใบหน้าของเขาแสดงท่าทางลำบากใจ

    “คำว่า ‘ยักษ์’ มันมีรากศัพท์มาจาก กิกัส” นิโคลอธิบายถึงพวกศัตรูได้อย่างเชี่ยวชาญแทบไม่น่าเชื่อ

    “ยักษ์ ที่มีแต่ในนิทานก่อนนอนหรือ? โอเค แม้ว่าเจ้าพวกนั้นจะตัวใหญ่ก็จริง แต่เราก็ไม่สามารถบอกได้ว่าพวกนั้นเป็นยักษ์จริงๆหรือเปล่า”

    “ผมจะเล่าถึงเรื่องราวของกิกัส” นิโคลพูดต่อไปท่าทางของเขาตอนนี้ดูเหมือนกับศาสตราจารย์เลยทีเดียว“มันเริ่มต้นมาจากยุคของเทพเจ้า เรื่องราวการก่อกำเนิดของเซนต์และการต่อสู้ครั้งแรกของพวกเขาในสงครามระหว่างกองทัพของโปเซดอนที่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนอัตติก้า”


    ในห้องมีแต่เสียงของนิโคลเท่านั้นในขณะที่คนอื่นๆกำลังนั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ


    “ซึ่งมันเป็นเวลาเดียวกับที่กิกัสปรากฏตัวขึ้นเพื่อทำสงครามกับเหล่าเซนต์ ซึ่งเป้าหมายของมันก็คือการยึดครองโลก ศัตรูที่เก่าแก่พวกนี้มีเชื้อสายต่างจากวงศ์ของโอลิมปัส ไม่เหมือนอย่างโปเซดอนหรือฮาเดส พวกมันเรียกตัวเองว่า ‘บุตรของพระแม่ธรณีไกอา’ และได้รับการคุ้มครองโดยชุดเกราะอาดามัสมีความทนทานกว่าโอริคัลคุม ทำให้พวกเขามีพละกำลังที่แข็งแกร่งหาใครเทียบ และการต่อสู้ระหว่างกิกัสและพวกเหล่าเซนต์ได้กลายเป็นมหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่ การต่อสู้กับกิกัสเป็นไปอย่างยากลำบาก ชัยชนะของพวกเราถือเป็นบทเรียนราคาแพง เราได้รับชัยชนะเพราะการปรากฏตัวของอาธีน่าในสนามรบ แต่เซนต์ส่วนใหญ่แทบไม่มีใครรอดชีวิต”

    “ผมไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่ามันเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากแค่ไหน”

    “แม้ว่าจะได้รับชัยชนะในสงคราม แต่อาธีน่าไม่สามารถทำลายปีศาจเหล่านี้ลงได้ นั่นก็เพราะศัตรูเหล่านี้ต่างก็เป็นเทพเจ้าที่มีร่างกายอมตะเหมือนกับอาธีน่า อาธีน่าไม่มีทางเลือกจึงส่งพวกศัตรูให้ถูกจองจำในหุบเหวลึกทาร์ทารัส ความชั่วร้ายจึงถูกกักขังไม่มีวันได้ออกมาสู่พื้นพิภพนี้อีกเลย และนี่ก็คือเรื่องราวของตำนานกิกันโตมาเชีย”
     
    “กิกันโตมาเชีย?”

    “มันคือชื่อของสงครามระหว่างกิกัสในเทพนิยาย” นิโคลตอบกลับไปด้วยท่าทีที่เข้มขรึม “ตามที่นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก อะพอลโลโดรัส ได้กล่าวถึงตำนานกิกันโตมาเชียไว้ว่า อาธีน่าส่งพวกกิกัสลงไปในภูเขาไฟในเอตน่า ที่ซิชิลี เพื่อทำการกักขังเอาไว้”

    “เฮ้ คุณพูดว่าซิชิลีหรือ?” เซย่าถามกลับไป “อาธีน่า… พวกกิกัสที่บุกรุกเข้ามายังแซงค์ทัวรี่ได้บอกกับผมว่า พวกมันได้จับตัวยูริไปที่ซิชิลี”

    “แต่ฉันก็ยังไมเข้าใจ…”น้ำเสียงของอาธีน่าแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดและหวาดกลัวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับยูริ “ทำไมพวกเขาถึงไม่โจมตีที่ฉันโดยตรง?”

    “พวกเราทั้งหมดต่างก็กังวลถึงความปลอดภัยของยูริ แต่สิ่งแรกที่เราจะต้องต้องทำก็คือ สืบว่าทำไมพวกกิกัสถึงได้กลับมาบนพื้นพิภพในยุคนี้ได้ พวกกิกัสถูกกักขังมาเป็นเวลานานจนแทบจะไม่มีใครจะจำเรื่องนี้ได้”

    “ฉันจะไปซิชิลี!” อาธีน่ากล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ น้ำเสียงของเธอตอนนี้ดูจริงจังมาก 

    “อาธีน่า ท่านจะไปเพียงลำพังหรือ?! ผมไม่อนุญาตให้คุณทำอย่างนั้น!”

    “นิโคล…” อาธีน่าเปล่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจ “ฉันดีใจมากที่คุณเป็นห่วงฉัน แต่ฉันไม่สามารถทอดทิ้งเซนต์ของฉันได้  มันก็เหมือนกับมารดาที่ไม่สามารถทอดทิ้งลูกตัวเองไปได้?”


    ภาพของเด็กสาว ที่แสดงให้เห็นว่าเหล่าเซนต์ก็เปรียบเสมือนลูกของเธอมันน่าชื่นชม เธอแสดงการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวว่าจะปกป้องพวกเขา เทพีที่ต่อสู้เพื่อบุคคลที่เธอรัก 


    “และผมจะตามอาธีน่าไป…!” เซย่าขึ้นเสียงแทรกบทสนทนาที่ตอนนี้ดูท่าทางตรึงเครียด “ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าพวกกิกัสมันต้องการอะไร ฉันจะไม่นั่งอยู่ที่นี่ในขณะที่ฉันรู้แล้วว่าจะหาพวกมันพบได้ที่ไหน ฉันจะไปที่นั่น !”

    “ฉันก็จะไปกับนายด้วย!” ชุนมีความคิดเช่นเดียวกับเซย่า


    อย่างไรก็ตามความเป็นห่วงในความปลอดภัยของอาธีน่าก็ยังมีอยู่ นิโคลจึงตัดสินใจใช้ตำแหน่งรักษาการณ์แทนเคียวโกสั่งการภารกิจออกไป 


    “ผมจะส่งคุณทั้งสองคนไป!” และภารกิจที่มอบให้นี้ เซย่าและชุน จงทำภารกิจด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่ “สิ่งแรกที่ต้องทำคือตรวจสอบกองกำลังของศัตรู” นิโคลเสริมเข้าไปอีกว่า “เมื่อทราบแล้วก็จงนำเรื่องนี้มาบอกกับอาธีน่า เพื่อที่จะให้อาธีน่าคอยสั่งการว่าจะทำอะไรต่อไป”

    “แต่ว่า…!”

    “ทุกอย่างได้ทำการตัดสินใจและต้องทำตามแผนครับ ท่าน” นิโคลตัดสินใจที่ปฎิเสธต่อคำขอของอาธีน่า

    “ฉันมาแล้วววว...!” มีเสียงแหลมมาจากข้างนอก กิกิเข้ามาสมทบในห้องของเคียวโกอีกคน

    “ทำงานได้ดีมาก กิกิ”
     
    “คุณนิโคล ดูเหมือนว่าคุณจะชอบทรมานเด็กจริงๆเลยนะ?” เด็กชายที่ดูท่าทางกวนประสาทพูดด้วยน้ำเสียงที่มีชีวิตชีวา

     “โอเค ซิชิลีอยู่ห่างจากที่นี่ไป 800 กิโลเมตร แต่มันลำบากตรงที่จะต้องข้ามทะเลไอโอเนียนและคาบสมุทรอิตาลีก่อน!”

    “กิกิ นายไปซิชิลีแล้วก็กลับภายในวันเดียวหรือ?”

    “นายเข้าใจถูกต้อง!” กิกิขยิบตาให้เซย่า

    “ท่าทางคุณยังคงดูสดชื่นอยู่นะ!” นิโคลพูดด้วยรอยยิ้ม. “ก็คุณยังมีแรงที่ที่จะบ่นอยู่เลย…”

    “การเทเลพอร์ตมันเหนื่อยตรงที่ต้องใช้พลังจิตเป็นจำนวนมาก ฉันใช้พลังทั้งไปและกลับแทบไม่ได้พักผ่อนเลย”

    “ฉันใช้ให้กิกิไปหาคนนำทางให้เรา” นิโคลอธิบาย

    “และฉันขอบอกเลยนะ การเทเลพอร์ตคนโดยต้องเดินทางถึงสองครั้งมันเหนื่อยมากเลยรู้ไหม!” กิกิยังคงไม่หยุดพูดแล้วเขาก็นั่งลงไปกับพื้น “ไม่สิ สี่ครั้งต่างหาก”

    “คนนำทางหรือ?” เซย่าทำหน้างงๆ

    “นายต้องหาใครสักคนมาคอยบอกทางนะ” ตอนนี้จู่ๆก็มีเสียงของใครบางคนแทรกเข้ามา “ซิชิลีเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในเมดิเตอร์เรเนียน นายคงไม่อยากไปหลงทางอยู่ที่นั่น จริงไหมเซย่า?”


    เด็กหนุ่มที่มาใหม่พูดด้วยน้ำเสียงที่เหน็บแนม เขาเดินไปโอบไหล่เซย่าด้วยความสนิทสนมเหมือนคนรู้จักกันมานาน ตอนนี้ดูเหมือนว่าเซนต์เปกาซัสจะจำไม่ได้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คือใคร คนแปลกหน้าที่สูงกว่าเซย่าประมาณสามนิ้วและดูเหมือนว่าจะแก่กว่าเซย่าประมาณสองหรือสามปี  เขามีรอยสักอยู่ที่แขนและสวมเสื้อผ้าขาดๆเหมือนเด็กข้างถนน  ผมของเขาย้อมด้วยสีเงินปัดไปข้างหลัง เลยทำให้เขาดูคล้ายกับหมาป่า


    “นายเป็นใคร?”

    “อะฮ้า อย่าทำหน้างงอย่างนั้นสิ! นายยังจำตอนที่นายเป็นเด็กได้หรือเปล่า เด็กที่ชอบใช้กำลัง เจ้าเด็กบ้าเลือดร้อน ” เขาพูดตลกกับเซย่าด้วยความเป็นมิตร น้ำเสียงของเขารับรู้ได้ถึงความนุ่มนวล

    “เมื่อตอนฉันยังเป็นเด็กหรือ… ? เอ๊ะ หรือนายคือเมย์!”

    การพบกันในครั้งนี้ทำให้เซย่า ชุน และอาธีน่า ต้องย้อนกลับไประลึกถึงความทรงจำในอดีต การปรากฏตัวของเพื่อนในวัยเด็ก เรียกความทรงจำเก่าๆกลับคืนมา สีหน้าของพวกเขากลายเป็นยินดี  และดูเหมือนว่าการจุติของเทพีอาธีน่าจะทำให้เขากลับมาพบกันอีกครั้ง


    “นั่นนายจริงหรือเมย์?”

    “นายนี่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะเซย่าและชุน นายยังเป็นเด็กขี้แยเหมือนเดิมหรือเปล่า.! แล้วก็…” ใบหน้าเด็กหนุ่มผมสีเงินเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่จริงจังเมื่อเขาได้พบอาธีน่า “รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบคุณอีกครั้งครับ คุณซาโอริ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×