ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Saint Seiya Gigantomachia

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : เซนต์แห่งอาธีน่า (ตอนที่ 2.2)

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 57


    2.2


    วิหาร 12 ราศี




    “เฮ้ย!!! อะไรกันเนี่ย”


    ชายที่นั่งสัปหงกอยู่บนขั้นบันไดหินถูกเตะเข้าที่กลางหลังอย่างไม่ได้ทันตั้งตัว ส่งผลให้เขากลิ้งตกบันไดลงไปลงไปชั้นล่างสุด


    “อากาศตอนกลางคืนกำลังน่านอนเลย มาปลุกข้าทำไมกัน....”

    “หือ? ว่าไงน่ะ อากาศน่านอนมากนักหรือ”


    สีหน้าและน้ำเสียงของชายผู้นั้นเปลี่ยนไปทันที เขาวิ่งไปเขย่าตัวเพื่อนทั้งสองคนของเขาที่แอบหลับ พอทั้งคู่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาก็แสดงอาการออกมาเช่นเดียวกับเขา เมื่อได้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่ยืนพูดด้วย ทั้งสามคนแต่งกายด้วยชุดเกราะที่ทำจากหนังซึ่งบ่งบอกให้รู้กันว่าพวกเขาคือทหารยามของแซงค์ทัวรี่


    “คะ..คะ..คุณเซย่า” ชายคนนั้นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนคนติดอ่าง

    “พวกนายนี่ เป็นคนหรือเป็นลิงกันน่ะ? ต้องให้ฉันบอกกันสักกี่ครั้งกันน่ะ พวกนายถึงจะเข้าใจ” เซย่าพูดตักเตือนทหารยาม


    เซย่ารูปร่างดูเหมือนค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับทหารยามที่ร่างกายกำยำ เขาสวมใส่เสื้อผ้าและรองเท้าที่ดูเหมือนกับเครื่องแต่งกายของเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่น หากตอนนี้เขาเรียนอยู่ก็คงอยู่ในช่วงมัธยม ผมของเขาออกสีแดงเล็กน้อยและลักษณะของเขาเป็นคนที่ดูค่อนข้างเป็นคนที่กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา  ความมุ่งมั่นของเขาถูกแสดงออกมาให้เห็นทางแววตาและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่วัยรุ่นมักจะมีกัน


    “ฉันเคยบอกพวกนายไปว่าให้หาอะไรทำไปก็ได้แก้เซ็ง ตอนที่เข้าเวรยาม แต่ขออยู่เรื่องเดียวห้ามนอนหลับในขณะที่กำลังตรวจตราแซงค์ทัวรี่!!”

    “คะ..ครับ..พวกเราทราบแล้วครับ” ทหารยามตอบเซย่ากลับออกไป

    “เข้าใจ แต่ทำไมถึงได้แอบหลับยาม เจ้าพวกงี่เง่า!”


    เซย่าพูดจาตักเตือนเหมือนกับผู้บังคับบัญชาที่คอยสั่งการทหารให้มีความเป็นระเบียบวินัย


    “พวกนายทำงานกันอย่างหละหลวมมาก ถึงแม้ตอนนี้ที่นี่จะดูเหมือนมีความสงบสุขแต่ศัตรูก็อาจจะปรากฏตัวได้ทุกเมื่อ”

    “พวกนายก็คงจะเป็นทหารชั้นล่างสุดไม่ได้เลื่อนขั้นอยู่อย่างนี้ต่อไป หากยังทำพฤติกรรมเช่นนี้ออกมาอีก” เซย่าพูดตักเตือนต่อไป


    เมื่อการตักเตือนได้จบลงแล้วเซย่าก็เดินจากทหารยามไป  เซย่าทำหน้าที่ของเขาและเดินตรวจตราดูรอบๆแซงค์ทัวรี่ต่อไป 


    “ก็จริงอย่างที่เจ้าพวกนั้นพูดแหะ อากาศตอนกลางคืนนี้ช่างชวนให้ง่วงนอนจริงๆ” เซย่าคิดอยู่ในใจ


    เซย่ารู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายที่เลือกมาเฝ้ายาม  เขาน่าจะตอบรับคำเชิญชวนของชุนที่ชวนเขาไปดูการแสดงละครและออกไปสนุกกับค่ำคืนที่งดงามในเมืองเอเธนส์


    “แต่ว่า...ไปดูการแสดงละครโบราณมันสนุกตรงไหนกันน่ะ...ไม่รู้ว่าเจ้าชุนทนดูไปได้ยังไง” เซย่าบ่นพึมพำออกมา


     เซย่าหาวออกมาด้วยความเบื่อออกมาอย่างช้าๆ ในขณะที่สายตาจ้องมองไปที่หมู่ดาวในท้องฟ้า โดยลืมไปว่าสิ่งที่เขาตำหนิทหารยามไปเมื่อครู่นี้กำลังเกิดขึ้นกับเขา
     
    แต่ทันใดนั้นเซย่าอยู่ๆก็หยุดเดินขึ้นมา (“ฉันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ...มันคืออะไรกันแน่น่ะ”)


    หัวใจของเขาเต้นแรงแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอก เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเมื่อเขาหันไปมองบนหอสังเกตุการณ์ดวงดาวที่อยู่บนด้านบนของภูเขา


    “อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”


    จู่ๆก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา เซย่าถึงกับตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้อง เขาวิ่งกลับไปหาทหารยามที่เขาเดินจากมาอย่างรวดเร็ว ด้วยการกระโดดข้ามแค่เพียงสี่ถึงห้าครั้งเขาก็พาเขาไปถึงที่หมายได้แล้ว


    “นะ...นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นนี้”


    เซย่าได้กลิ่นคาวเลือดและเขาได้เห็นพื้นดินที่อยู่หน้าเต็มไปด้วยเลือด


    “หือ? ดูสิ..ยังมีเจ้าหนอนแมลงหลงเหลืออีกตัวหนึ่ง” 


    มีเสียงพูดขึ้นมาจากเงามืด พร้อมกับมีร่างของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายถูกโยนออกมา


    “นี่มันอะไรกัน..เกิดอะไรขึ้นกับพวกนี้”


    ร่างของทหารคนหนึ่งกระดูกถูกบดเป็นชิ้นๆ ด้วยแรงที่มหาศาล ส่วนร่างที่สองถูกอะไรบางอย่างเจาะเข้าไปที่ร่างกาย ส่วนร่างที่สามนั้นน่าสยดสยองเพราะร่างกายถูกฉีกออกมาเผยให้เห็นเนื้อแดงๆข้างใน ผิวหนังของเขาถูกลอกออกมาเหมือนกับส้มที่ถูกปอกเปลือก


    “ฮี่ฮี่ฮิ่! ฮี่ฮี่ฮี่!” ปีศาจร้ายหัวเราะออกมาให้ได้ยินจากเงามืด


    ชายทั้งสามคนที่เสียชีวิตนี้ก็คือทหารยามที่แอบหลับยามที่เซย่าได้ตักเตือนเมื่อก่อนหน้านี้ ทหารของอาธีน่าถูกฆ่าตายในเขตของแซงค์ทัวรี่


    “พวกแกเป็นใคร!!” เซย่าตะโกนออกไปหาศัตรูที่ซ่อนอยู่ในเงามืด ศัตรูผู้ที่อาจหาญทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ต้องเปื้อนเลือด


    และศัตรูผู้ที่อยู่ในเงามืดก็ได้แสดงตัวออกมา


    “ข้าคือ บรูท ฟอร์ซ ,อากริออส”  




    ศัตรูร่างยักษ์ปรากฏตัวออกมาให้เห็นแค่มือขนาดยักษ์ ที่ใหญ่พอที่จะบดบังดวงดาวบนท้องฟ้าไว้ทั้งหมดได้


    “ข้าคือ ธันเดอร์โบลท์  , โธอัส“ 





     ศัตรูคนที่เอ่ยชื่อคนที่สองนี้ก็มีร่างกายที่สูงใหญ่เหมือนกัน แต่ก็ไม่สูงใหญ่เท่ากับศัตรูร่างยักษ์ที่เอ่ยชื่อเป็นคนแรกก่อนหน้านี้


    “และข้า สตูปิด สปิริต , พัลลัส  ฮี่ฮี่ฮี่”




    เสียงของโลหะดังขึ้นมาในขณะที่ศัตรูคนที่สามเอ่ยนามของเขาออกมา น้ำเสียงของเขาเป็นเสียงโทนต่ำและแฝงไปด้วยความชั่วร้าย 
     

    เซย่าถึงกับตกตะลึงเมื่อได้เห็นหน้าของศัตรูคนที่สาม แสงจากดวงดาวเผยร่างปีศาจออกมาให้เขาเห็น ศัตรูที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าเหมือนกับสัตว์ประหลาดน่าเกลียดน่ากลัว ไม่มีผิด


    พัลลัสมี่สัดส่วนแขนที่ยาวผิดปกติและมีหลังที่ค่อม เหมือนกับตัวเอกนิทานเรื่องคนค่อมแห่งนอสเตอร์ดามของยุโรป ลำตัวของเขาพับไปข้างหน้า  ร่างกายของเขาดูไม่สมดุลกัน มีใบหน้าที่เล็กมาก และดูเหมือนมีร่างกายที่อ่อนแอเหมือนผีดิบที่หิวโซ 

     
    พัลลัสเงยหน้าขึ้นไปมอง สายตาของเขาจ้องมองไปที่เซย่า
     
     
    “นี่มันชุดเกราะอะไรกันนี่ “ เซย่ารู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เห็นชุดเกราะที่เห็นอยู่ตรงหน้า

    “เจ้าโง่ แกไม่รู้จักชุดเกราะนี้หรือยังไง นี่คือ อดามัส ชุดเกราะที่ได้รับพลังมาจากพระแม่ธรณีไกอา” พัลลัสรู้สึกโมโหกับสิ่งที่เซย่าสงสัย เขากางแขนออกมาขู่เซย่า ท่าทางที่พัลลัสแสดงออกมาทำให้เขาดูคล้ายกับแมงมุมไม่มีผิด


    เซย่ามองไปที่ผู้บุกรุกสองคนพวกเขาต่างก็สวมใส่ชุดเกราะที่เหมือนกับพัลลัส


    “ชุดเกราะที่แข็งแกร่งดุจอย่างเพชรที่พวกเราเหล่ากิกัสสวมใส่อยู่นี้มีนามว่า อดามัส มันคือชุดเกราะที่ถูกสร้างขึ้นจากอัญมณีที่สุกไสวจากใต้พื้นพิภพ  จำใส่หัวไว้ซะ”


    “กิกัสอะไร? มันคืออะไรหรือ” เซย่ายังคงสงสัยต่อไป


    “ว่าไงน่ะ” อากริออสรู้สึกโกรธเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เขาได้ยินจากเซย่า

    “เซนต์ของอาธีน่า พวกแกกล้าดียังไงถึงได้ลืมนามของกิกัส?!”

    “ควบคุมสติหน่อย อากริออส” โธอัสพูดเตือนอากริออสให้หยุดวู่วาม

    “แต่โธอัส...!”

    “คงต้องยอมรับอย่างเลี่ยงไม่ได้สินะว่ายุคกิกันโตมาเซีย ได้จบไปแล้ว พวกเจ้าคงจะลืมเลือนชื่อของพวกเราไป” กิกัสที่มีนามว่าโธอัสกล่าวออกมา 

    “พวกเราคือกิกัส ยักษ์ที่ถูกจองจำโดยเทพีอาธีน่า  พวกเราถูกกักขังอยู่ในระหว่างพื้นโลกและทาร์ทารัส  ลองจินตนาการถึงใต้พื้นดินทีมีพวกเราเดินอยู่กันเพ่นพ่านดูสิ”

    ”พวกเราคอยเฝ้ามองท้องฟ้าจากใต้พื้นพิภพมาตลอด คอยเวลาที่ดวงดาวนับล้านที่สว่างไสวบนท้องฟ้าค่อยๆพากันทยอยดับไป  เมื่อถึงเวลานั้นแล้วพวกเราจะจะออกมาบนผืนโลกอีกครั้ง


    “คิคิคิ พอได้แล้วโธอัส หยุดการพูดพร่ำพรรณนาอันยาวเหยียดของเจ้าเถิด” พัลลัสพูดออกมาพร้อมกับชี้กรงเล็บไปที่เซย่า


    กรงเล็บของพัลลัสมีขนาดยาวและใหญ่ ทุกๆการเคลื่อนไหวของกรงเล็บก่อให้เกิดการเสียดสีกันระหว่างนิ้วมือ ชุดเกราะอาดามัสสีแดงส่องแสงเป็นประกายน่ากลัว มันทำให้แขนของพัลลัสดูคล้ายกับแมงมุมพิษ


    “แกเองหรือที่เป็นคนใช้กรงเล็บสังหารพวกทหารยาม” 

    “ใช่ แกเข้าใจถูกต้องแล้ว ต่อไปนี้ผิวหนังอันบอบบางของแกก็จะเหมือนกับเจ้าพวกนี้” พัลลัสพูดตอบเซย่ากลับไปพร้อมกับส่งเสียงคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง


    “อะไรกัน”


    “พัพเพ็ท คลอว์ (Puppet Claw)” พัลลัสยกแขนของเขาขึ้นมาแล้วฟาดกรงเล็บเข้าไปหาเซย่า


    เซย่าหลบการโจมตีของพัลลัสได้อย่างฉิวเฉียด ปลายของกงเล็บเฉี่ยวจมูกเขาไปแค่เพียงไม่กี่มิล และผมของเขาถูกหั่นออกไปบางส่วน


    แต่อากริออสไม่ปล่อยให้เซย่าได้ทันตั้งตัว เขาพุ่งเขาไปหาเซย่าเหมือนสัตว์ป่าที่บ้าคลั่ง คว้าตัวเซย่าแล้วจับเหวี่ยงขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว


    “อ้าก” เซย่าร่วงลงลงมากระแทกกับพื้นด้วยแรงที่มหาศาล “เจ้านั่นทำไมแรงมันถึงได้เยอะขนาดนี้”


    “โอ้ ยังไม่ตายอีกหรือนี่ ดูเหมือนว่าแกจะแกร่งกว่าเจ้าพวกซากศพที่นอนอยู่บนพื้นนี่สินะ”

    “หุบปาก ของแกซะ เจ้ายักษ์” เซย่าลุกขึ้นมาจากพื้นพร้อมกับตะคอกเสียงใส่อากริออส 

    “แกคิดหรือว่าแกจะจัดการฉันได้เหมือนกับทหารพวกนี้หรือ  อย่ามาทำอวดเก่งนักเลยเจ้ายักษ์ขี้อวด!!!”


    “เซย่า!”


    ทันใดนั้นก็มีเสียงของใครบางคนที่ไม่ใช่พวกกิกัสเข้ามาแทรกบทสนทนาระหว่างเซย่าและอากริออส


    “กิกิ! นั่นนายเองหรือ?”


     
    เด็กชายผมสั้นหยักศกจ้องมองผู้บุกรุกด้วยสายตาที่หวาดกลัว เขาน่าจะมีอายุน้อยกว่าเซย่าประมาณ 5 ปี คิ้วของเขาถูกโกนออกไปเป็นบางส่วน ทำให้ลักษณะของเขาเหมือนกับนักบวช


    “ที่ฉันมาที่นี่เพราะฉันสัมผัสอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล นี่มันเกิดอะไรขึ้น! แล้วเจ้าพวกนั้นเป็นใครกัน”


    ใบหน้าของกิกิดูเหมือนจะผสมผสานมาจากคนหลายๆเชื้อชาติ ซึ่งไม่อาจจำแนกแน่ชัดว่าเป็นใบหน้าของคนเชื้อชาติแถบตะวันออกหรือตะวันตกได้  และไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้กิกิกำลังลอยตัวขึ้นท่ามกลางอากาศโดยปราศจากเครื่องมือช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น 


    “มันลอยกลางอากาศได้ เจ้าเตี้ยนี่มันมีพลังจิต!”

    “ใช่ พวกแกเข้าใจถูกต้องแล้ว” กิกิตอบผู้บุกรุกกลับไป

    “ เซย่าเดี๋ยวฉันจะใช้พลังเทเลคิเนซิสช่วยนายเอง” กิกิร้องบอกโดยที่เซย่าไม่ต้องพูดขอความช่วยเหลืออะไรออกมา


    ทันใดนั้นก็มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นที่บนท้องฟ้า มีแสงสว่างส่องสว่างอยู่เหนือศีรษะของเซย่า ประกายแห่งแสงถึงกับทำให้เหล่ากิกัสผู้รุกรานถึงกลับต้องหลับตาเพื่อหลีกเลี่ยงแสงนั่นทีเดียว

    สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือกล่องบรอนซ์ที่ตกแต่งด้วยรูปสลักรอยนูนภาพอาชามีปีก บางส่วนของกล่องเปิดขึ้นมาแล้วกำลังยิงลำแสงขนาดใหญ่ขึ้นมา

    เหล่าผู้บุกรุกต่างพากันตกตะลึงกับการปรากฏของชุดเกราะที่ถูกล้อมรอบไปด้วยแสงสีขาวและฟ้า ซึ่งก่อรูปร่างคล้ายกับม้ามีปีกในเทพนิยาย การปรากฏตัวของเจ้าสิ่งนี้สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่ามีเซนต์ผู้ทรงพลังอำนาจอยู่บนโลกใบนี้จริง  


    “เปกาซัส!” เซย่าร้องเรียกชื่อชุดเกราะที่อยู่ตรงหน้า


    เสียงร้องของเซย่าทำให้ชุดเกราะที่รวมร่างเป็นรูปเปกาซัสเกิดการเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต จากนั้นมันก็กระจายตัวออกเป็นชิ้นส่วน เข้ามาสวมอยู่บนร่างกายของเขา 

    ส่วนหัว ส่วนไหล่ ส่วนเอว ส่วนแขน  เข็มขัด และส่วนขา



    “อ้าก!” ร่างยักษ์ของอากริออส กระเด็นเข้าไปกระแทกกับภูเขา แรงกระแทกทำให้หินแตกกระจายออกเป็นเสี่ยง เขาลุกขึ้นมาไอด้วยเสียงที่แหบแห้ง ใช้มือข้างหนึ่งจับท้องแสดงอาการราวกับจะอาเจียนออกมา 


    “นี่มันเกิดอะไรขึ้น  ทำไมเราไม่เห็นการโจมตีของมัน”

    “นี่คือการสั่งสอน เจ้ายักษ์”
     
     
    ถึงแม้ว่าศิลปะการต่อสู้มือเปล่าอย่างคาราเต้ มวยสากลหรือมวยไทย ที่สามารถล้มคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว จะเป็นศิลปะการต่อสู้ทีดีที่สุด

    แต่การโจมตีเซย่าต่างไปจากนั้น เขาต่อสู้เพื่อปกป้องอาธีน่า หมัดของเขาตัดผ่าอากาศผ่านเข้าไปใกล้ศีรษะของอากริออส เกิดเป็นคลื่นช็อกเวฟ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหมัดของเขามีความเร็วที่เร็วกว่าเสียง

    และนี่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเขาคือนักรบที่ถูกเลือกโดยกลุ่มดาวที่อยู่บนท้องฟ้า


    “แก เจ้าเด็กเหลือขอ” อากริออสควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาสูดอากาศเข้าไปในปอด มันทำให้กล้ามเนื้อของเขาดูเหมือนจะขยายตัวขึ้นและร่างกายของเขาก็ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก

    “แกเป็นเซนต์นั้นหรือ!”

    “เซย่า! ฉันคือเปกาซัส เซย่า”


    นี่คือเด็กหนุ่มที่ได้รับพลังจากในตำนาน พลังของชุดเกราะเปกาซัส ที่มาจากกล่องบรอนซ์ และชุดเกราะนั่นสามารถแยกเป็นชิ้นส่วนเพื่อกลายเป็นเกราะป้องกัน

    ปีกของเปกาซัสที่ดูคล้ายกับพัดที่กางออกคลุมไปที่ด้านหลังของของ ส่วนหัวของเปกาซัสกลายเป็นชุดเกราะส่วนศีรษะ ส่วนตัวของเปกาซัสกลายเป็นเกราะส่วนหน้าอก ส่วนที่คล้ายลำคอมาก่อนกลายเป็นเกราะส่วนแขนขวาของเซย่า ในขณะที่ส่วนหางกลายเป็นชุดเกราะส่วนแขนซ้ายและอกของเปกาซัสกลายเป็นเข็มขัด ขาหน้าและขาหลังกลายเป็นเกราะปกป้องขาทั้งสองข้างของเขาไว้ตั้งแต่นิ้วเท้าจนถึงโคนขา ละอองแห่งดาวดาวกระจายออกไประยิบระยับในอากาศ

    ชุดเกราะของเซย่าบัดนี้ได้สวมร่างของเขาเรียบร้อย มันคือชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ที่อาธีน่าจะมอบแก่ผู้ที่ได้รับเลือก


    “ฉันจะบอกอะไรบางอย่างให้แกรู้” เด็กหนุ่มแผดเสียงออกมา “ว่าฉันเก่งมากแค่ไหน!”


    แสงสีฟ้าขาวก่อเกิดขึ้นบนชุดเกราะเปกาซัสของเซย่าและระเบิดพลังงานออกมา


    “เปกาซัส หมัดดาวตก!”

    “อะไรกัน? ทำไมหมัดของมันถึงได้มีมากมายมหาศาลเช่นนี้?” สัตว์ร้ายอย่างอากริออสได้ร้องถามในขณะที่ลำแสงจำนวนมากกำลังพุ่งตรงมาที่เขา 


    ทันใดนั้น เสียงหมัดระดับซุปเปอร์โซนิคของเซย่าก็ถูกอะไรบางอย่างยับยั้งไว้ มันหยุดลงโดยโธอัส (the Fast Thunderbolt) กิกัสผู้ที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ห่างๆ


     “ใจเย็นหน่อย, อากริออส!” ยักษ์ตนที่สองพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ขึ้นมาตรงหน้าของเซย่า “เจ้าคงไม่รู้สินะว่าหมัดที่เจ้าปล่อยออกมาจำนวนมหาศาลเช่นนี้มันทำอะไรข้าไม่ได้! สำหรับข้าทุกๆหมัดที่เจ้าปล่อยออกมามันช้าเหมือนกลับหอยทากคลานเลยทีเดียว”

    “ทำไมเจ้านั่นถึงได้เร็วอย่างนี้…? ”เซย่ารู้สึกประหลาดใจและสับสน โธอัสสามารถหลบพลังจากหมัดของเขา หนำซ้ำยังจับหมัดของเขาไว้ได้อีก

    “มันก็จริงของเจ้า ว่าข้าไม่ควรจะไปดูถูกพลังของนักรบที่สวมใส่ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์!” โธอัสยังคงกำหมัดของเซย่าไว้แน่น “เดี๋ยวข้ามีอะไรบางอย่างจะให้เจ้าดู เจ้าหนุ่ม!”

    “คิคิคิ...! วิเคราะห์ได้ดี ”พัลลัสพูดจายั่วยุกวนประสาท “แต่เจ้าคิดหรือว่าไอ้เจ้าเซนต์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเราจะมาต่อกรกับพวกเราทั้งสามตนได้?”

    “แย่แล้ว!” เซย่าถูกกดดันจากพลังในวงล้อมของศัตรู


    กิกัสทั้งสามตนได้ปล่อยพลังกดดันที่มองไม่เห็นออกมา ทำให้กิกิที่ลอยตัวอยู่เสียการทรงตัวและร่วงหล่นลงบนพื้น


    “โอ๊ย! นี่มันพลังจิตอะไรกันเนี่ย?” ก่อนที่จะได้รับคำตอบ สายตาของเขาก็พลันไปเห็นผู้บุกรุกที่ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่อีกคนอย่างงวยงง ดูเหมือนว่าที่ไหล่ของผู้บุกรุกมีร่างของ เซ็กแทนซ์ ยูริ นอนไม่ได้สติอยู่

    “คุณยูริ?!” กิกิเมื่อได้เห็นเส้นผมสีเงินและเครื่องแต่งกายสีแดงสดที่สวมใส่กันภายในแซงทัวรี่ ก็รู้ได้ว่าเป็นเธอ ไม่มีการตอบรับใดๆเมื่อเรียกชื่อของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะหมดสติไป


    เซย่าไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่รู้สึกตัวว่ามีผู้บุกรุกคนที่สี่อยู่ใกล้ๆตัวเขา มันยากที่จะเชื่อ คนๆนั้นจะต้องเป็นคนที่เก่งกาจเป็นอย่างมากที่สามารถเข้าใกล้ตัวเซนต์ได้โดยที่เขาไม่รู้สึกตัว

    ผู้บุกรุกคนใหม่ได้หายตัวไปอย่างรวดเร็วและไร้ร่องรอย แถมยังได้นำตัวของยูริไปด้วย


    “เจ้านั่นหายไปได้อย่างไร?” เซย่ารู้สึกสับสนในสิ่งที่เขาได้เห็น

    “เอาละพอได้แล้ว อากริออส พัลลัส เลิกเล่นสนุกได้แล้ว” โธอัสได้บอกกับพรรคพวกของเขา “พวกเจ้าลืมจุดมุ่งหมายของเราไปแล้วหรือ?”

    “ไม่ ข้ายังไม่ลืม!”

    “บ้าจริง ให้ตายเถอะ…เจ้าพูดถูก”


    กิกัสทั้งสองหยุดการโจมตี ทำให้เซย่าแปลกใจ


    “ไอ้หนุ่ม เดี๋ยวค่อยเจอกันใหม่”

    “คิคิคิ ครั้งนี้เราจะปล่อยแกไปก่อน แต่อีกไม่นานเราคงจะได้พบกันอีก”


    เมื่อพูดจบอากริออสและพัลลัส ห่อหุ้มร่างของตนเองไว้ด้วยเงามืดแล้วทั้งคู่ก็หายตัวไปในความมืดของราตรี

    ส่วนโธอัสยังคงยืนอยู่สักครู่ เพื่อที่จะบอกอะไรบางอย่างให้เซย่าได้รับรู้


    “เปกาซัส เซย่า! ครั้งนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า เจ้าจงนำนามของพวกเราไปบอกแก่อาธีน่า! บอกนางให้มายังซิชิลีถ้านางต้องการตัวผู้หญิงคนนี้กลับไป พวกเรา กิกัส จะอยู่ที่นั่น! และเราคือลูกหลานของเทพเจ้าอันเก่าแก่ ผู้ก่อกำเนิดจากพระแม่ธรณี ผู้ที่ถูกจองจำในเงามืดของขุมนรก!”


    หลังจากนั้นภาพของผู้บุกรุกก็ค่อยๆหายไปในเงามืดและไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็นอีกเลย


    “อะไรกัน… แกเป็นใคร…?”เสียงของเซย่าที่ตะโกนออกไปดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆจากผู้บุกรุก


    เด็กหนุ่มดูเหมือนคนที่ตื่นจากฝันร้าย ถ้าตรงนี้ไม่มีศพของทหารยาม และกลิ่นสาปของศัตรูประหลาด เขาก็คงจะมั่นใจว่าที่นี่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น


    “กิกัส… ที่หลบหนีออกมาจากเงามืดในขุมนรกหรือ…?”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×