ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Saint Seiya Gigantomachia

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 : เซนต์แห่งอาธีน่า (ตอนที่ 2.1)

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 57


    บทที่ 2 : เซนต์แห่งอาธีน่า

    2.1

    แซงค์ทัวรี่

    สถานที่แห่งนี้เป็นที่ประทับของเทพีอาธีน่า ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากเอเธนส์เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศกรีซสักเท่าไรนัก สถานที่แห่งนี้ไม่มีปรากฎอยู่บนแผนทีใดๆเลย มันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่แม้แต่ดาวเทียมสอดแนมที่มีความละเอียดและล้ำสมัยที่สุด ก็ยังไม่สามารถค้นพบแซงค์ทัวรี่แห่งนี้ได้ สถานที่แห่งนี้ถูกคุ้มครองด้วยพลังคอสโม่ของเทพเจ้าจึงทำให้แซงค์ทัวรี่ปลอดภัยจากสิ่งรบกวนจากภายนอก

    วิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อยู่เหนือตรรกะความเป็นจริงและความเข้าใจของมนุษย์  การเดินทางเสาะหาสถานที่แห่งนี้ก็เหมือนกับการเดินทางไปค้นหาเทพเจ้าซึ่งเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยภยันอันตราย

    ช่วงเวลายามค่ำคืน




     “คืนนี้ทำไมดวงดาวต่างๆถึงได้ดูผิดปกติไป” ยูริบ่นพึมพำออกมา พร้อมกับเอามือลูบผมสีเงินไปมาอย่างเบาๆ


    คำถามของยูริยากที่จะหาคำตอบ ตอนนี้เธออยู่คนเดียวบนหอสังเกตการณ์ดวงดาว พื้นที่วงกลมที่อยู่บนยอดเขาที่ท้องฟ้าที่เปิดโล่ง ท้องฟ้าในค่ำคืนเหมือนกับท้องฟ้าจำลองซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวต่างๆที่ส่องไสวทั่วท้องฟ้า ซึ่งเมืองในเอเธนส์ที่มีแต่มลพิษจะไม่สามารถมองเห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวแบบนี้ได้ 


    บนพื้นใต้เท้าของเธอ เป็นกระเบื้องโมเสกหินอ่อนที่ถูกออกแบบเป็นรูปแผนที่ดาราศาสตร์ซึ่งมีสัญลักษณ์ของกลุ่มดาวจักรราศี

    ยูริเฝ้าสังเกตกลุ่มดาว ราศีเมษ ราศีพฤษภ ราศีเมถุน ราศีกรกฎ  ไปอย่างต่อเนื่อง


    “มีดาวร่วงหล่นลงมาจากทางช้างเผือก!!”


    ยูริกำลังยืนสังเกตการณ์ดวงดาวบนแท่นสังเกตการณ์ เธอแต่งตัวด้วยชุดที่เหมือนกับชาวกรีกโบราณ สวมชุดสีขาวที่คลุมทับชุดเกราะสีแดงที่สวมใส่อยู่ข้างใน พาดผ้าบนไหล่ขวาสวมเข็มขัดทับ สวมใส่หน้ากาก ที่ไม่ใช่หน้ากากที่พบกันทั่วไปตามงานเทศกาล หรือตามโรงละคร  มันเป็นหน้ากากที่แสดงสีหน้าที่นิ่งเงียบ เพื่อซุกซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงของผู้ที่สวมใส่



    “อีกแล้วหรือนี่!!..” ยูริอุทานออกมาเมื่อเห็นดาวอีกดวงร่วงหล่นไปทางทิศตะวันออก
     
    การเกิดและตายของมนุษย์ทุกคนนั้นเกี่ยวข้องกับดวงดาว จึงต้องมีผู้ที่คอยสังเกตดวงดาวเพื่อทราบความเป็นไปของโลก ยูริจ้องมองท้องฟ้าสังเกตการณ์ด้วยความระมัดระวัง


    “ท่านนิโคลน่าจะอยู่ที่นี่ตอนนี้ แต่ตอนนี้ท่านไปชมละครกับคนอื่นอยู่” ยูริพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ


    ยูริมองขึ้นไปที่พื้นที่ที่เรียกกันว่า”สามเหลี่ยมแห่งสวรรค์”ที่ ประกอบไปด้วย กลุ่มดาวเดเนปที่สุกไสว เวก้าและอัลท้าร์ (กลุ่มดาวหงส์ขาว กลุ่มดาวพิณ และกลุ่มดาวอินทรีย์)  จากนั้นยูริมองผ่านไปทางกลุ่มดาวราศีกันย์แล้วพบว่าพื้นที่ข้างล่างกลุ่มดาวมีแต่พื้นที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า ยูริเห็นดวงดาวร่วงหล่นจากท้องฟ้าเป็นจำนวนมาก


    “เกิดเรื่องใหญ่แล้วสิ เราต้องรีบไปเตือนเทพีอาธีน่า” ยูริเป็นนักบวชหญิงในแซงค์ทัวรี่และนี้คือหน้าที่ของเธอ เธอต้องไปรายงานกับเทพีอาธีน่าถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้


    อาธีน่าที่มีเลือดเนื้อมีตัวตนจริงๆ เทพีแห่งความรักและสันติภาพในโลกซึ่งสถิตอยู่ในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้


    แต่ทันใดนั้นยูริกลับรู้สึกสั่นไปทั่วร่าง เธอมีความรู้สึกว่าร่างกายของเธอเหมือนมีใครเอามีดมาจ่อที่หลังคอ ศัตรูได้เข้ามาทางด้านหลังของเธอโดยที่เธอไม่ทันรู้สึกตัว 

    ยูริกำลังตกเป็นเป้าโจมตี


    “เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเราไม่ทันได้สังเกตเห็น”  ยูริกำลังสับสนกับการปรากฎตัวของศัตรู

    “เจ้าคือนักบวชหญิงใช่ไหม” ผู้บุกรุกพูดกับยูริ

    “ใช่ ข้าคือ เซ็กแทนท์ ยูริ “ ยูริอยู่ในสภาพที่ขยับตัวไม่ได้  เธอตอบชายแปลกหน้าที่อยู่ข้างหลังเธอ

    “แกไม่รู้เลยหรืออย่างไรว่าได้บุกรุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเทพีอาธีน่า”



    ผู้บุกรุกไม่ตอบอะไรกลับไป ยูริรู้สึกไม่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

    ยูริรู้ดีว่ามันเป็นคำถามที่ออกจะงี่เง่าไปสักหน่อย ไม่มีใครเข้ามายังแซงค์ทัวรี่นี้ได้ด้วยเหตุบังเอิญ 


    “ใครส่งแกมา”

    “ผู้หญิงที่กลายเป็นเซนต์ทุกคนจะต้องสวมใส่หน้ากากเพื่อแสดงให้เห็นว่าได้ละทิ้งความเป็นหญิงไปแล้ว และมีกฎว่าห้ามเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมาให้ใครเห็น  ข้าพูดถูกต้องใช่ไหม เซนต์หญิง”


    แล้วจู่ๆยูริก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมา มีเสียงแหวกอากาศเข้ามาปะทะกับหน้ากากของเธอ 

    หน้ากากของยูริร่วงหล่นไปบนพื้นดินแล้วแตกออกเป็นสองเสี่ยง


    “นี่น่ะหรือใบหน้าที่แท้จริงของเจ้า เซนต์หญิง ช่างเป็นใบหน้าที่งดงามยิ่งนัก”


    ยูริเอามือปกปิดใบหน้าของเธอเอาไว้ด้วยสัญชาตญาณ ศัตรูใช้จังหวะนี้ชกเข้าไปที่หน้าท้องของยูริอย่างแรง 

    ยูริหมดสติไปจากแรงโจมตีที่หนักหน่วง 

    ศัตรูได้แบกร่างของยูริขึ้นเอาไว้บนบ่า

    ผู้บุกรุกจ้องมองไปที่พื้นโมเสค พร้อมกับหัวเราะเยาะเย้ยอย่างดูแคลน  จากนั้นจึงรวบรวมพลัง ปล่อยพลังอันมหาศาลระเบิดพื้นโมเสคที่อยู่ตรงหน้ากลายเป็นหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่

    พื้นโมเสคบนหอสังเกตการณ์ที่แสดงแผนที่ของจักรราศีได้สลายหายไปกลายเป็นผงธุลี
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×