ลำดับตอนที่ #17
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่สิบเอ็ด- ไปลักจำ...การต่อสู้ของคนอื่นเขา (100%แล้ว เย้~!)
ตอนที่สิบเอ็ด- การฝึกซ้อมของคู่หู
"โอ๊ย!!" ข้าร้องพลางทำหน้าเบ้...กับสำลีชุบแอลกอฮอลล์ที่แปะลงบนแผลที่ลึกไปถึงเส้นเลือดของข้า
"เย็นหน่อยได้มั้ยหาเจ้าปลาไหล ร้องอยู่ได้ รำคาญเฟ้ย!" วัลเดอราลผู้ทำแผลให้ข้าเริ่มฟิวส์ขาดหลังจากที่ข้าโอดครวญนับครั้งไม่ ถ้วน...ทำไมข้าถึงไม่ไปให้นักบวชรักษาให้เหรอ?
พวกเจ้าคิดว่าสนามแข่งมีที่เดียวรึไงกัน! มีเยอะจะตาย แถมคนบาดเจ็บก็เยอะด้วย นักบวชบางคนดันกลายเป็นผู้ป่วยซะเองเพราะใช้พลังสว่างจนเกลี้ยงไม่เหลือหลอด้วยซ้ำตอนข้าไปถึง แถมตอนไปหา นักบวชแห่งแสงก็แค่ยื่นแอลกอฮอลล์กับก้อนสำลีนับสิบก้อนให้ข้า แล้วพูดยิ้มๆ ว่า "เจ้ารักษาตัวเองได้ใช่มั้ย ช่วยทำเองหน่อยนะ เพราะตอนนี้...นักบวชกลายเป็นผู้ป่วยหลายรายแล้วล่ะ"
วัลเดอราลเลยต้องรับมาซะเอง ก่อนที่จะลากข้ามาข้างนอก หาที่นั่งดีๆ สักที่ แล้วทำแผลให้ข้าตรงนั้นล่ะ
แปะ.....
ข้างับปากตัวเองไม่ให้โอดครวญ...
แปะๆๆ....
ข้าหลับตาปี๋ แสบโว้ย!!
แปะ!
"อ๊ากกก! เจ้าจะฆ่าข้าใช่มั้ยหา!" ข้าชักมือกลับพลางโวยวาย แต่ก็ต้องมาคิดอีกรอบว่าที่ข้าทำน่ะมันผิดเต็มๆ เพราะ....แผลมันเปิดอีกแล้วน่ะเซ่!! เจ็บโว้่ยยยย!!
"ฮะๆๆ เอาน่าวินซ์ ทำใจซะเถอะ พลังสว่างเจ้าน้อยเองช่วยไม่ได้นี่" ขอบคุณที่อุตส่าห์ลูบหลัีงแล้วมาตบหัวข้า่นะยูลิซิส ข้าชัีกรู้สึกคันเท้าขึ้นมาตงิดๆ แล้วล่ะ
ข้าแยกเขี้ยวใส่ "แล้วใครสั่งให้เจ้าฟันข้าไม่ทราบ ถ้ามันไม่ลึกเกินไปป่านนี้ข้าก็รักษาเองได้แล้ว!"
"ข้าก็แค่อยากกระตุ้นต่อมอยากเอาชนะคนอื่นของเจ้าเพื่อให้เจ้าสู้กับข้าก็เท่านั้นเอง ไม่เห็นผิดอะไรตรงไหน" ข้าที่ได้ยินคำตอบของเจ้ายูลิซิสก็แทบอยากจะลุกไปกระทืบให้ตายคามือ...และด้วยสุภาษิตอันไม่ดีที่ว่า 'ทำก่อนคิด' ข้าก็เลยจัดการเตะเขาไปอีกรอบ...
พลั่ก!! โครม!!!!
...แต่ก็ซวยสุดชีพ เพราะข้าลืมดูว่าคู่หูของเจ้าบ้านั่นกำลังนั่งเหม่ออยู่ แถมห่างกันเพียงไม่กี่ช่องกระเบื้องเท่านั้น ดังนั้นพอข้าเตะเจ้ายูลิซิสกระเด็น เขาก็เลยได้ลูกหลงไปด้วย
"อูยส์...ทำกันด....เอ๋?" ยูลิซิสครวญคราง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อข้ากับเจ้าเม่นทองวัลเดอราลได้จัดการเดินไปข้างหลัง ทีละนิด ซ้ำยังทำหน้าซีดราวกับเจอผีอีกต่างหาก เมื่อเห็นแบบนี้เขาก็เลยหันไปดูบ้าง แล้วก็รู้สึกเหมือนอาเบลได้ปล่อยรังสีสังหาร แถมมีเขาซาตานงอกออกมาอย่างน่ากลัว
ว่าก็ว่าเถอะ แต่ที่นี่มันห่างจากอารามเทพเจ้าแห่งแสงสว่างไปไม่กี่เมตรเองนะเฮ้ย พวกเจ้าคิดดูสิ อารามเทพมีกลิ่นอายของความดี ความเมตตาแผ่ออกมา แต่ในมุมเล็กๆ กลับมีความอาฆาตแผ่ซ่าน...โชคดีที่ข้าเพียงสมมติเท่านั้น ไม่อย่างนั้นคงมีเทพอัศวินมาจับอาเบลฐานเป็นอมนุษย์บุกเมืองไปแล้วล่ะ
"พวกเจ้ารู้ใช่มั้ย ว่าการทะเลาะวิวาทกันเป็นเรื่องผิดกฏหมาย...."
เฮือก!! ส...เสียงโหดเป็นบ้า โหดพอๆ กับพ่อข้าตอนที่ข้าเรียนเวทไม่สำเร็จเลยล่ะ ข้ารู้ทันที สามคำสั้นๆ ที่ข้าจะได้รับหลังจากนี้...
ข้าตายแน่...ตายแน่ๆ และอาจไม่เหลือซากด้วย ฮือๆๆ
พอคิดได้อย่างนี้ก็ออกเกียร์หมาวิ่งเซ่! ใครจะบ้าอยู่กัน!?
ว่าแล้วข้าก็รีบวิ่งด้วยความเร็วของข้าเองโดยมีวัลเดอราลตามมาติดๆ ส่วนยูลิซิสวิ่งไปอีกทาง...และอาเบล...กำลังวิ่งตามพวกข้า! ชะเฮ้ยย ใครก็ได้ช่วยข้าที๊!!!!!
แฮ่ก...แฮ่ก....เหนื่อยเป็นบ้า...
ข้าหอบแฮกๆ อย่างหมดแรงพลางลากสังขารให้ไปนั่งใต้ต้นไม้ โดยมีวัลเดอราลตามมาติดๆ
หวังว่าเจ้าอาเบลคงเลิกตามพวกเราแล้วนะ ข้ายังไม่อยากหอบตาย!
"เอ้า" วัลเดอราลว่าเสร็จก็โยนขวดน้ำมาให้ โดยที่มีข้ารับได้อย่างแม่นยำ...เกือบโดนหัวข้าแล้วมั้ยเล่า เฉียดไปนิดเดียวเอง "แล้วก็ยื่นแผลมาด้วย เจ้าปลาไหล ถ้าไม่หายเจ้านั่นล่ะได้ซวยตาย"
"รู้แล้วน่ะๆ" ข้าพูดส่งๆ พลางยื่นแขนให้ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีอะไรบางอย่างมากระโดดเกาะข้าจากข้างหลัง!
องค์มหาเทพ...คงไม่ใช่ว่าอาเบลยังคงไม่เลิกราแล้วมาไล่ฆ่าข้าต่อหรอกนะ!
แต่พอหันไป จากสีหน้าตกใจก็กลายเป็นละเหี่ยใจทันที
"ยูซิส...ข้าล่ะนึกว่าอาเบลซะอีก"
"ก็นะ..." เขาว่าพลางนั่งลง "พวกเจ้าวิ่งเร็วเกินจนอาเบลเขาตามไม่ทัน เลยหนีไปดูการต่อสู้ของคู่ต่อไปแล้ว"
"ใครปะทะใครอ่ะๆๆๆ" ข้าตาวาวทันที เผื่อการต่อสู้มันออกมาดี ข้าจะได้ไปลอกเขามาบ้างไง!
"จะบอกต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ?" ยูลิซิสว่าพลางยิ้ม...อย่างเจ้าเล่ห์ ข้าเลยทำหน้างง ก่อนที่จะยั้งใจไม่ให้เตะคนเพราะประโยคต่อมา "ไปซื้อเอแคลร์มาให้ข้าสักห้าชิ้นสิ แล้วข้าจะบอก อ้อ ต้องมาจากร้านขนมที่แพงที่สุดด้วยนะ"
...พูดอย่างกับว่าข้ามีเงินมากเลยงั้นสิ ขอเถอะ เงินข้าเหลืออยู่ไม่กี่เหรียญเงินเองนะ!
"เอ้า เสร็จแล้ว" วัลเดอราลว่าพลางลุกขึ้น "ไปดูกัน จะได้เตรียมตัวสู้ต่อด้วย"
ข้าขอแค่อย่างแรกได้รึเปล่า ข้าไม่ได้อยากเป็นเทพอัศวินครีอุสนะ ให้ตาย...แล้วถ้าหากว่าข้าผ่านครั้งนี้ล่ะก็ ก็ต้องผ่านสัมภาษณ์อีกใช่มั้ย คอยดูสิ ถึงตอนนั้นข้าจะตอบอะไรที่มันกวนบาทาที่สุดเลย!
เจ้ายูลิซิสหัวเราะร่าทันที่ที่ข้าทำหน้าบูด "เอาน่าๆ ทำใจซะ อีกอย่าง เลิกทำหน้าอย่างนั้นซะทีเถอะ มัน...ฮ่าๆๆๆๆ!!"
"หน้าอย่างกับตูดหมึก" วัลเดอราลว่าบ้าง
"...ช่างข้าเถอะ"
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงลานประลองกับเขาสักที ข้าจึงได้ที่บิดขี้เกียจ "ว่าแต่ใครปะทะใครกันแน่เหรอ?" ถามพลางหันไปทางสองคนที่เหลือ...แล้วก็ต้องแอบกลั้นหัวเราะสุดชีวิต
จะไม่ให้ข้าหัวเราะได้ยังไงล่ะ ดูยูลิซิส...รอยเท้าเต็มหน้าเลยล่ะ ฮ่าๆๆๆ!!
อะไรนะ ทำไมงั้นเหรอ ข้าจะตอบเพื่อเอาบุญก็ได้...ก็ตอนที่ข้าจะเขกกบาลเพื่อให้เขาหยุดหัวเราะ (ง่ายๆ แก้แค้นนั่นเอง) ใครสั่งให้หลบล่ะ ซ้ำยังจะมายุ่งกับแผลของข้าอีก ข้าก็เลยจัดการประเคนฝ่าเท้าให้ซะ ผลที่ได้ก็อย่างที่พูดไปข้างบนนั่นแหละน่า
ส่วนวัลเดอราล...เอาเป็นว่าแค่เขามาคู่กับข้าก็ซวยเกินพอแล้ว เขาอยากเป็นเทพอัศวินเอกอน ข้าไม่อยากเป็นเทพอัศวินครีอุส ดังนั้นข้าเลยไม่ได้ทำอะไรเขา แถมต้องมาคิดวิธีต่อสู้ชนิดที่ให้ข้าแพ้ เขาชนะตลอดอีก ขอปวดสมองตายดีกว่า
หรือถ้าให้ข้าสรุปเพิ่มก็คือ ข้าไม่ได้ทำอะไรเขา เพราะแค่นี้ก็รู้สึกผิดจะตายแล้ว
เอ...หวังว่าจะมาทันการต่อสู้นะ
"การประลองบนเวทีนี้จะมีเทพอัศวินไอซอท เทพอัศวินเทอร์มิส..." ตรงนี้หลายๆ คนทำหน้าผวา สูดหายใจเฮือก "...เทพอัศวินฮาเดส และเทพอัศวินไทรอนมาให้คะแนน และผู้ที่จะมาประลองในวันนี้มีเฮมเดลลัส ครูเซอร์ ผู้สมัครเป็นว่าที่เทพอัศวินไอซอท คู่กับ ซีวาส เจเนซิส ผู้สมัครเป็นว่าที่เทพอัศวินฮาเดส ปะทะ เซรุซาเอล ดราซอเรียล เคลดาเลียต ผู้สมัครเป็นว่าที่เทพอัศวินเทอร์มิส คู่กับ อัลเทม โฟรวิวริช ผู้สมัครเป็นว่าที่เทพอัศวินไทรอน"
ว้าว! ซีวาสประลองด้วยเหรอเนี่ย
อะไรนะ แค่นี้ทำไมต้องตกใจ? โธ่เอ๋ย...พวกเจ้ารู้ใช่ไหมว่าสกิลหลงทางของซีวาสน่ะสูงเสียดฟ้าแค่ไหน เป็นพวกเจ้าจะตกใจมั้ยล่ะ ว่าเขาเดินไปมาในวิหารเทพแห่งแสงสว่างยังไงแล้วไม่หลงน่ะ
ข้าคิดพลางหันไปมองคู่หูของเขาด้วยสายตานับถือ แต่แล้วก็ต้องชะงัก แล้วเผลอโพล่งออกมาซะงั้น "ผู้หญิง...สมัครเป็นว่าที่เทพอัศวินไอซอทน่ะนะ!?"
_____________________
ชิ้ง.....และทุกอย่าง จากที่เงียบอยู่แล้วก็เงียบหนักเข้าไปอีก ซ้ำยังมีลมหนาวพัดผ่าน อีการ้อง 'ก๊าๆๆ' ดังขึ้นในหัว ก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกเมื่อมีคมหอกอันหนึ่งจ่อที่กะโหลกข้า!
"ถ้าหากว่าเจ้าบอกว่าข้าเป็นผู้หญิงอีกล่ะก็..." พูดถึงตรงนี้ นัยน์ตาสีฟ้าประกายเย็นเยียบก็หรี่ตาลงทำให้ดูหนาวเข้าไปใหญ่ "...ถึงตอนนั้นข้าจะเอาหอกของข้าเฉาะหัวเจ้าซะ"
พอได้ยินอย่างนี้ ข้าก็ยิ้มสู้เสือ เอามือเสมอกับไหล่ประมาณบอกให้หยุด "ข้าขอโทษๆ ไม่ได้ตั้งใจ"
หลังจากนั้นเขาก็เอาส่วนคมของหอกออกไป ก่อนที่จะเหลือบมองไปอีกทาง ซึ่งก็คือข้างๆ ข้า แล้วจัดการเมินทันที
"หึ เจ้าปากพล่อยจริงๆ เลยนะ" วัลเดอราลกัดข้าทันทีที่สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ แต่เฮ้ ไม่ใช่ความผิดข้าสักหน่อยนะ! ความผิดของคู่หูของเจ้าซีวาสต่างหากเล่า!
"คนๆ นั้นอยู่กับซีวาสสินะ ข้าล่ะนับถือจริงๆ ที่หาซีวาสจนเจอได้ แถมยังคุมซะจั๋งหนับอีกต่างหาก" ยูลิซิสว่าขึ้น โดยมีข้าและวัลเดอราลพยักหน้าเห็นด้วยสุดฤทธิ์
แต่เอ๊ะ ข้างๆ ข้า...ยูลิซิสกับวัลเดอราล แถมวัลเดอราลก็อยู่ฝั่งที่เฮมเดลลัสเขาเหลือบมองอีกต่างหาก อย่างนี้แสดงว่า...
"นี่ วัล เจ้าเคยไปบอกเขาตอนไหนรึเปล่าว่าเขาเป็นผู้หญิง" ข้าหันหน้าไปถามทันที
วัลเดอราลชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่จะพยักหน้าพลางพูดเสียงกระซิบ "ทำไงได้ล่ะ ก็เขาดันโดนคนแกล้ง ประมาณว่าโดนกันไม่ให้ไป ซ้ำยังตัวอ้วนเผละอีกต่างหาก ข้าเลยไปช่วย แล้วก็...ไปบอกว่าอย่าแกล้งเด็กผู้หญิง..."
เอ่อ...เพราะหวังดีสินะเลยหลุดปาก มิน่าล่ะถึงมีเหลือบมองแบบแอบแค้น
______________________
เอาล่ะ ข้าว่าข้าคงได้เพื่อนร่วมอุดมการณ์หนีคนแล้วสินะ แต่ก็ไม่เข้าใจ ทำไมเจ้ายูลิซิสถึงได้โชคดีตลอดศกด้วย ไม่ยุติธรรม! อะไรนะ? พวกเจ้าบอกว่าข้าทำตัวเองเองอย่างนั้นเหรอ มันใช่ที่ไหนกัน! ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดนะ!
โอเคๆ ข้าผิดเองก็ได้ที่ไปมองเขาเป็นผู้หญิง แต่เจ้าลองคิดภาพตามข้าดูนะ...ผมสีเงินอ่อนยาวจนแทบจะถึงข้อเท้า แถมยังใส่เสื้อคลุมแบบปิดสัดส่วนมิดชิด เล่นเอามองเพศไม่ออกอย่างนั้น ใครบ้างเล่าจะบอกว่าเขาเป็นผู้ชาย!
“การต่อสู้...เริ่มได้!”
พอได้ยินอย่างนี้ ตาข้าก็หันไปจดจ่ออยู่กับการต่อสู้เบื้องหน้าทันที ก่อนที่จะอ้าปากค้าง ซ้ำยังได้ยินยูลิซิสพึมพำเบาๆ ด้วยว่า “เจ้าซีวาสนั่น...คนเดียวกับที่ชอบหลงทางตลอดศกจริงรึเปล่าเนี่ย”
แหงล่ะ ตอนนี้มันไม่เหมือนเลยสักนิดเดียว
นัยน์ตาสีฟ้าเทาของซีวาสน่ะ ปกติจะเรียบเฉย ดูเบลอๆ เหมือนจะหลับแหล่มิหลับแหล่...ถ้าให้ขยายความก็คือเหมือนคนเดินละเมอไปไหนมา ไหน แต่ตอนนี้ฉายแต่แววจริงจังกับ...สนุก? นึกคึกที่ได้ประลอง?
เอาเถอะ จะเป็นแววตาแบบไหนก็ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย แต่...
...ลมหนาวพัดผ่าน
แต่เมื่อไหร่พวกเจ้าทั้งหลายจะเริ่มสู้กันสักทีเนี่ยหา!? ข้าจะดูนะ ไม่ใช่มายืนเฉยๆ!
วัลเดอราลเบะปาก “เจ้าพวกนี้เป็นปลากัดรึไงนะ จ้องตากันจนจะท้องอยู่แล้ว” ปกติข้าจะรู้สึกหัวเสียนิดหน่อยกับปากเสียๆ แต่คราวนี้ข้าเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยล่ะ!
ในเมื่อมันเงียบสงัดขนาดนี้ ข้าเองก็เริ่มเบื่อเหมือนกัน จนมีใครก็ไม่รู้ทักขึ้นว่า “เจ้าเด็กผมดำเทาขยับแล้ว!” ข้าก็ได้สติทันที
ซีวาสวิ่งไปหาเด็กที่มีผมสีน้ำเงินเข้ม แล้วก็ฟันด้วยความเร็วสูง เสียแต่เขาหลบได้ แล้วยังใช้สันดาบยาวฟันที่ต้นคอของอีกฝ่าย
เคร้ง!
เสียงดาบของทั้งสองคนปะทะกันดังลั่น ก่อนที่จะตามด้วยอีกหลายกระบวนท่าโดยมีซีวาสเป็นฝ่ายรุก เสียงดาบกระทบกันดังสนั่น
ฝ่ายเฮมเดลลัสกับอัลเทม ตอนนี้กลายเป็นศึกประลองแท๊กติกกันไปซะแล้ว...หอกปะทะหอก เฮ้อ น่าเสียดายจังที่ข้าไม่ค่อยชอบใช้หอกเท่าไหร่...แต่เอ๊ะ ‘เธอคนนั้น’ ชอบใช้เป็นอาวุธนี่นา งั้นข้าจะศึกษาเพื่อไปสอนนางดีกว่า
เอาละวา...แล้วข้าจะเลือกดูของใครก่อนดีล่ะเนี่ย! ดาบก็วิชาของข้า หอกก็เป็นวิชาของเธอคนนั้นอีก...ฮือๆๆ ข้าเลือกไม่ถูกเลย!
และด้วยเหตุนี้ข้าถึงหันไปถามยูลิซิสเพื่อขอคำแนะนำด้วย...
“นี่ๆ ยูซิส เจ้าว่าข้าดูของใครดีอ่ะ?”
“ไม่รู้สิ เจ้าว่าอันไหนน่าสนกว่ากันล่ะ ดาบมันก็ตีเช้งๆ ส่วนหอก...แต่ละคนก็มีแทกติกเป็นของตัวเอง เจ้าว่าอันไหนก็อันนั้นล่ะ” เขาว่ากลับยิ้มๆ ได้ยินแบบนี้ ข้าว่าหอกน่าสนกว่าแฮะ
ถึงจะเสียดายวิชาไปสักหน่อย แต่ความสนใจแบบนี้ หอกปะทะหอกไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ นะ!
ข้าดูหอกดีกว่า
พอคิดได้อย่างนี้ ข้าก็เลยจัดการเบนสายตาไปที่หอก แล้วก็พบว่า...
พบว่าไอ้สองคนนี้มันกำลังทำสงครามเย็นกันไม่รู้จักจบจักสิ้น...ข้าก็เลยจัดการรวมวงจ้องสายตากับเขาบ้าง อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่มีใครสนใจข้าอยู่แล้วล่ะ
ผ่านไปประมาณครึ่งนาที เฮมเดลลัสก็สะกิดปลายเท้าตัวเอง แล้วออกวิ่ง แล้วข้าจะไม่ว่าอะไรเลยสักนิด ถ้าไม่ติดว่าหมอนั่นมันวิ่งไปทั้งๆ ที่ไม่มีหอก!
หอกมันไปไหนล่ะนั่น...?
และในวินาทีต่อมาก็ได้พบคำตอบ ระหว่างที่เขาวิ่งเข้าหาอีกฝ่าย เขาก็ได้พึมพำเบาๆ จนข้าแทบจะไม่ได้ยิน ได้ยินเป็นอะไรๆ บุตรแห่งสายน้ำนี่ล่ะ...เฮ้ย เดี๋ยวสิ คำเรียกอาวุธแบบนี้มัน...
อย่าให้เป็นแบบนั้นเลย สาธุ
อะไรนะ พวกเจ้ากำลังสงสัย? แต่ขอล่ะ เรื่องพวกนี้มันก็เกี่ยวพันกับตระกูลข้าเหมือนกัน บอกเจ้าไม่ได้เด็ดขาด ทำไมน่ะเหรอ...ถ้าข้าบอกพวกเจ้าไป ข้าก็จะได้โดนครอบครัวรุมทึ้งน่ะสิ!
กำไลที่ข้อมือขวาของเฮมเดลลัสเปล่งแสง แล้วหอกสีฟ้ากระจ่างก็โผล่ออกมา ก่อนที่จะแทงไปทางอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ
เคร้ง!
อีกฝ่ายยกด้ามขึ้นเพื่อสกัดกับคมหอก...ไม่สิ ไม่ใช่คม แต่เป็นสันมันต่างหาก ก่อนที่จะใช้สองมือหมุนหอกเป็นวงกลม เพื่อให้เจ้าของหอกสีฟ้าเซเพราะควบคุมวิถีหอกของตัวเองไม่ได้
...แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อเฮมเดลลัสละหอกของตนออกมาอย่างรู้ทัน...
_________________
หลังจากที่เฮมเดลลัสได้ละออกมาก็กระโดดไปทางด้านหลังเพื่อตั้งตัว แต่ตอนนั้นเองที่อัลเทมได้จัดการกระโดดไปข้างหน้าตามพร้อมกับหอกที่ตวัดลงมา!
เคร้ง เคร้ง เคร้ง!!
เสียงหอกสีฟ้าใสปะทะกับหอกเหล็กดังสนั่น หากแต่เสีัยงที่กระทบกันกลับน่าฟังเสียยิ่งกว่ากระดิ่งจนข้าฟังเพลิน แต่ในขณะที่ข้ากำลังดู (และฟัง) อย่างเพลินๆ อยู่นั้น จู่ๆ ก็มีจดหมายลอยมาหาข้า
ได้ยินไม่ผิดหรอก 'จดหมายลอยมา' นั่นล่ะถูกแล้ว เพราะมันเป็นจดหมายเวทส่งตรงจากพ่อของข้า...นักเวทที่มีสังกัดเป็นหนึ่งในสามของกลุ่มภารกิจที่แข็งแกร่งที่สุด...ฟานิล อาลานาส
แน่นอนว่าจดหมายที่ส่งมาจากพ่อข้ามันค่อนข้างพิเศษหน่อยตรงที่ผู้รับเห็นมันได้คนเดียว เหมาะกับการส่งความลับหรืออะไรทำนองนี้จริงๆ
ข้าคว้ามันมาอ่าน พออ่านจบก็ทำสะเก็ดไฟเผามันทิ้งโดยที่ไม่มีใครหันมามองเพราะกำลังดูการต่อสู้ที่แสนดุเดือดนั่น
ฮือๆๆ ข้าเองก็เสียดายนะ! พ่อนะพ่อ มาเรียกทำไมตอนนี้ ข้ากำลังดูอยู่เชียว!!
บ่นไปก็เท่านั้นล่ะ ข้าเลยได้แต่ย่องไปเงียบๆ
"เฮ้ วินซ์ ดูตรงนี้สิ...อ้าว ไปไหนซะแล้วล่ะเนี่ย...?"
ข้าใช้สกิลย่องเงียบบวกกับความเร็วที่ใช้ในการวิ่งอย่างไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่...ก็ข้าเพิ่งฝึกวิชานี้ได้ไม่กี่เดือนนี่นา! ไม่ต้องมามองข้าแบบนั้นเลยนะ!
อีกอย่าง...พ่อเรียกข้าไปตรงนั้นแบบด่วนๆ ทำไมกันทั้งๆ ที่มันไม่ค่อยจะจำเป็นเท่าไหร่
ข้าคิดพลางใช้ความเร็วของตัวเองวิ่งผ่านหลายๆ ที่ โดยเฉพาะที่มีคนมาก วิ่งตัดหน้าเกวียนจนม้าร้องลั่นบ้าง บางครั้งก็ไปชนคนอื่นจนคนๆ นั้น...เอ่อ เรียกว่าปลิวเข้าขอบฟ้าก็คงได้ล่ะมั้ง
______________________
แต่เรื่องพวกนั้นน่ะช่างมันเถอะ ทำไมวิหารเทพฯ ต้องตั้งที่ฝั่งตะวันออกของเมือง แล้วพ่อข้าก็เรียกข้าไปที่เขตระหว่างเมืองกับชนบททิศตะวัีนตก...หรือที่พวกเราเรียกกันว่าป่าช้าของแคว้นวอลเลซด้วยล่ะเนี่ย?
โธ่เอ้ย! รู้รึเปล่าว่าตรงนั้นน่ะไม่มีใครกล้าไปย่างกรายนอกจากเทพอัศวินครีอุสน่ะ!
แต่พวกเจ้าคงจะลืมมันไปแล้ว เอาเถอะ ข้าจะอธิบายให้ฟังอีกรอบเอง
รอบทิศทั้งสี่จะมีเขตระหว่างชนบทกับตัวเมืองเพื่อที่จะขยายเมืองได้อย่างสะดวกโดยที่ไม่ต้องขับไล่ชาวบ้าน ถือเป็นการดีอย่างยิ่งที่ทำแบบนั้น เพราะไม่อย่างนั้นชาวเมืองที่อยู่นอกกำแพงเมืองจะเดือดร้อน แต่กลับมีที่ๆ หนึ่งที่ไม่ว่าจะขยายตัวเมืองหรือไม่ ก็จะมีปัญหาเสมอ
นั่นคือเขตระหว่างชนบทกับตัวเมืองทิศตะวันตก
เพราะว่าที่นั่นคือที่ฝังศพของเหล่านักโทษประหารในรูปแบบต่างๆ ทำให้มีวิญญาณแค้นเป็นจำนวนมาก และระหว่างที่เดินผ่านหรืออยู่ตรงนั้นก็สามารถตายได้ทุกเวลาโดยไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนเพราะโดนพวกวิญญาณสาปแช่ง...หรือถ้าเอาจริงๆ ก็คือโดนพวกวิญญาณฆ่าจนตายนั่นล่ะ
พอถึงตรงนี้ข้าขอสารภาพตนสักนิด...ข้ากลัวผีที่สุดเลยล่ะ...ฮือ! พ่อนะพ่อ! เรียกแบบนี้ไปก็เหมือนกับสั่งข้าให้ไปอยู่หน้าประตูนรกชัดๆ!
แต่ไม่ไปก็ไม่ได้อยู่ดี เพราะไม่งั้นข้าอาจโดนพ่อข้าฆ่าตายก็เป็นได้ แถมเรียกตัวด่วนแบบนี้ก็ต้องเป็นเรื่องสำคัญแหง...
_________________________
ข้าใช้ความเร็วของตัวเองไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะชะลอลงเมื่อบรรยากาศมันเริ่มจะวังเวงขึ้นมาตงิดๆ
...หลุมศพที่เขียนว่า R.I.P ที่ดูผุๆ พังๆ เป็นจำนวนมาก บางหลุมก็ถูกขุดออก ไม้กางเขนบางอันก็เอียงกะเท่เร่เหมือนกับโดนอะไรบางอย่างกระแทกอย่างแรง ไหนจะบรรยากาศทะมึนๆ นี่อีก...
ขอเถอะ! นี่มันตอนกลางวันนะ...ฮือๆๆ ข้าอยากร้องไห้ ทำไมทั้งๆ ที่เป็นตอนกลางวัน แต่ดวงอาทิตย์ดันไม่ส่องแสงอะไรเพราะโดนเมฆบัง ยิ่งเสริมบรรยากาศที่ทะมึนอยู่แล้วเป็นทะมึนเป็นห้าเท่า
ข้าจะบ้าตาย...ว่าแล้วข้าก็สูดหายใจเฮือก ทำใจกล้าแล้วค่อยๆ ย่องไปมาระหว่างสุสานอย่างชำนาญ แต่ท่าทางเหมือน เอ่อ...เหมือนกำลังจะไปปล้นบ้านคน น่าเศร้าชะมัด
วูบ!
"อึ๋ย.." ข้าเผลอส่งเสียงออกมาอย่างหวาดๆ เมื่อรู้สึกเหมือนมีเงาสายหนึ่งแล่นผ่านข้าไป แต่พอหันไปด้านหลังก็ดันไม่มีใครซะงั้น
ข้าหน้าซีดเผือด ก่อนที่จะสะบัดหัวตัวเองแรงๆ "เอาน่า...เจ้าคิดฝันเฟื่องไปเองนะวินเซนเทียส ผีไม่มีจริงสักหน่อ..." ข้าปลอบใจตัวเองเบาๆ แต่ยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องกลืนเสียงที่เหลือลงคอ
มือเหี่ยวย่นหยาบกร้าน ซ้ำยังเล็บยาวแถมเต็มไปด้วยเลือดแห้งกรังมาจับไหล่ข้า เล่นเอาตัวข้าแข็งทื่อ ตัวสั่นไม่หยุด
"หือ...ดูเสะ..." เจ้าของเสียงพูดเสียงฟ่อ "มีเหยื่อใหม่โผล่มาอีกแล้ว..."
ข้าพยายามหันหลังไปดูอย่างยากลำบากราวกับมีอะไรที่มองไม่เห็นมาล๊อกคอไว้ แต่พอมองไปข้าก็แทบจะสลบ
ผิวของเจ้าของมือเป็นสีเขียวอื๋อ ใส่ชุดแบบขวาทับซ้ายสีขาวเลอะเลือด ตาซ้ายของมันโดนแท่งเหล็กแทงเข้าไปและยังค้างไว้อยู่ตรงนั้น ตาขวาถลนออกมานอกเบ้า...และที่สำคัญ...
เจ้าบ้านั่นมันไม่มีขา!!
วิญญาณหลอกหลอนแล้วเจ้าข้าเอ้ยยย~!!!!!
"แย๊กกกกกกกกกก!!!" ข้ากรีดร้องลั่นอย่างไม่คิดชีวิต แล้วก็เตรียมจะใช้สกิลเกียร์หมาทันที แต่ที่คิดไม่ถึงคือเจ้าผีบ้าตนนั้นมันยังอุตส่าห์แยกหัวออกจากตัว ลอยมาเกยไหล่ข้าอีกต่างหาก!
ไอ้เจ้านี่มันเป็นอะไรเนี่ย!? คุบินาชิ (ผีหัวขาด) วิญญาณ กับซากศพเดินได้รวมร่างกันรึไงฟะหา!?
ไม่ว่าจะเป็นอะไรมันก็ไม่สำคัญ แต่ที่แน่ๆ...ไอ้เจ้านี่มันจะกินข้าแล้วอ่ะ อ๊ากก!
ข้าตัวสั่นจนขยับไปไหนไม่ได้ หน้าซีด หลับตาปี๋พร้อมรับชะตากรรมที่จะโดนกินทั้งเป็น..
ลาก่อนนะท่านพ่อ ลาก่อนนะท่านแม่ ข้ารักพวกท่าน ลาเจ้ายูซิส ลาเจ้าวัล ถึงแม้จะคบกันได้ไม่กี่วัน แต่พวกเจ้าดีกับข้ามากๆ ลาเจ้าซีส หวังว่าเจ้าจะลดสกิลหลงทางของเจ้าลงหน่อยนะ...เหมือนว่าครั้งนี้ข้าจะรู้สึก ดีใจอย่างเดียวตรงที่ข้าไม่ได้เป็นว่าที่เทพอัศวินครีอุสล่ะนะ...
"ไม่ได้เจอกันตั้งสองปี ยังกลัวผีเหมือนเดิมเลยน้า~"
...เสียงมันแอบคุ้นแฮะ...ข้ากะพริบตาปริบๆ อย่างงงงวย ก่อนที่จะหันไปตามความเคยชิน แล้วจากสีหน้าหวาดกลัวก็เปลี่ยนเป็นเซ็งอย่างเห็นได้ชัดทันที
"ท่านพ่อ! ท่านแกล้งข้าได้ยังไงกัน!?"
"โฮ่...ดูเหมือนว่าไม่ได้เจอกันสองปีจะทำให้เจ้าสมองเลอะเลือนไปนะเจ้าลูก ตัวดี..." ท่านพ่อว่าพลางยีหัวข้าจนมันยุ่ง "...มีวันไหนบ้างเล่า ที่ข้าอยู่กับเจ้าแล้วไม่แกล้งเจ้าน่ะ"
ถ้าจำไม่ผิด...ก็ไม่มี ข้าตอบในใจอย่างเสร็จสรรพ
"ว่าแต่...ท่านพ่อเรียกข้ามา มีเรื่องอะไรเหรอขอรับ" ข้าสลัดหัวออกจากมือของท่านพ่อฟานิล อาลานาส แล้วจัดผมตัวเองให้เข้าที่
ท่านพ่อยิ้มอย่างอ่อนโยน "ข้าจะให้ของสิ่งนั้นกับเจ้า"
"หา!? ต..แต่ท่านพ่อขอรับ ไอ้เจ้าสายห้อยเอวนั่น..." ต้องให้ผู้ปกปักษ์มันอายุสิบแปดเป็นอย่างน้อยก่อนไม่ใช่เรอะ
"ช่วยไม่ได้นี่นา เอาเป็นว่าลูกช่วยพ่อหน่อยละกันเนอะ~" ว่าแล้วก็ยัดสายห้อยเอวที่เป็นโซ่ที่เรืองแสงสีเขียวจางๆ พร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง พร้อมกำชับไว้ว่า "ไอ้สายห้อยเอวน่ะ ใส่ได้ตามสบาย แต่กระดาษ...ข้าขอสั่งให้เจ้าอ่านหลังจากเจ้าเป็นว่าที่เทพอัศวินครีอุสแล้ว นะเจ้าลูกชาย"
อ...เอ๋? อีแบบนี้อย่าบอกนะว่า...
"(ไอ้) ท่านพ่อขอรับ ท่านเป็นคนบอกให้ท่านแม่ลากหูข้าไปสมัครเป็นว่าที่เทพอัศวินครีอุสสินะขอรับ..." ข้ากัดฟันถามอย่างโกรธๆ
"ผ...ผ.....ถูกต้องนะคร้าบ~! แหมๆ ลูกชายของข้าช่างเก่งจริงๆ แบบนี้ต้อง..."
"ไม่ต้องมาว่านู่นนี่เลยนะไอ้พ่อบ้า!!"
_________________________
จบไปกับอีกหนึ่งตอนน~
เชื่อว่าหลายๆ คนคงเริ่มคิดถึงเกรเซียสกันแล้วแหงๆ
ดังนั้นคราวนี้...ตอนหน้าจะแต่งเกรเซียสบ้างแล้วล่ะค่ะ!! ><
"โอ๊ย!!" ข้าร้องพลางทำหน้าเบ้...กับสำลีชุบแอลกอฮอลล์ที่แปะลงบนแผลที่ลึกไปถึงเส้นเลือดของข้า
"เย็นหน่อยได้มั้ยหาเจ้าปลาไหล ร้องอยู่ได้ รำคาญเฟ้ย!" วัลเดอราลผู้ทำแผลให้ข้าเริ่มฟิวส์ขาดหลังจากที่ข้าโอดครวญนับครั้งไม่ ถ้วน...ทำไมข้าถึงไม่ไปให้นักบวชรักษาให้เหรอ?
พวกเจ้าคิดว่าสนามแข่งมีที่เดียวรึไงกัน! มีเยอะจะตาย แถมคนบาดเจ็บก็เยอะด้วย นักบวชบางคนดันกลายเป็นผู้ป่วยซะเองเพราะใช้พลังสว่างจนเกลี้ยงไม่เหลือหลอด้วยซ้ำตอนข้าไปถึง แถมตอนไปหา นักบวชแห่งแสงก็แค่ยื่นแอลกอฮอลล์กับก้อนสำลีนับสิบก้อนให้ข้า แล้วพูดยิ้มๆ ว่า "เจ้ารักษาตัวเองได้ใช่มั้ย ช่วยทำเองหน่อยนะ เพราะตอนนี้...นักบวชกลายเป็นผู้ป่วยหลายรายแล้วล่ะ"
วัลเดอราลเลยต้องรับมาซะเอง ก่อนที่จะลากข้ามาข้างนอก หาที่นั่งดีๆ สักที่ แล้วทำแผลให้ข้าตรงนั้นล่ะ
แปะ.....
ข้างับปากตัวเองไม่ให้โอดครวญ...
แปะๆๆ....
ข้าหลับตาปี๋ แสบโว้ย!!
แปะ!
"อ๊ากกก! เจ้าจะฆ่าข้าใช่มั้ยหา!" ข้าชักมือกลับพลางโวยวาย แต่ก็ต้องมาคิดอีกรอบว่าที่ข้าทำน่ะมันผิดเต็มๆ เพราะ....แผลมันเปิดอีกแล้วน่ะเซ่!! เจ็บโว้่ยยยย!!
"ฮะๆๆ เอาน่าวินซ์ ทำใจซะเถอะ พลังสว่างเจ้าน้อยเองช่วยไม่ได้นี่" ขอบคุณที่อุตส่าห์ลูบหลัีงแล้วมาตบหัวข้า่นะยูลิซิส ข้าชัีกรู้สึกคันเท้าขึ้นมาตงิดๆ แล้วล่ะ
ข้าแยกเขี้ยวใส่ "แล้วใครสั่งให้เจ้าฟันข้าไม่ทราบ ถ้ามันไม่ลึกเกินไปป่านนี้ข้าก็รักษาเองได้แล้ว!"
"ข้าก็แค่อยากกระตุ้นต่อมอยากเอาชนะคนอื่นของเจ้าเพื่อให้เจ้าสู้กับข้าก็เท่านั้นเอง ไม่เห็นผิดอะไรตรงไหน" ข้าที่ได้ยินคำตอบของเจ้ายูลิซิสก็แทบอยากจะลุกไปกระทืบให้ตายคามือ...และด้วยสุภาษิตอันไม่ดีที่ว่า 'ทำก่อนคิด' ข้าก็เลยจัดการเตะเขาไปอีกรอบ...
พลั่ก!! โครม!!!!
...แต่ก็ซวยสุดชีพ เพราะข้าลืมดูว่าคู่หูของเจ้าบ้านั่นกำลังนั่งเหม่ออยู่ แถมห่างกันเพียงไม่กี่ช่องกระเบื้องเท่านั้น ดังนั้นพอข้าเตะเจ้ายูลิซิสกระเด็น เขาก็เลยได้ลูกหลงไปด้วย
"อูยส์...ทำกันด....เอ๋?" ยูลิซิสครวญคราง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อข้ากับเจ้าเม่นทองวัลเดอราลได้จัดการเดินไปข้างหลัง ทีละนิด ซ้ำยังทำหน้าซีดราวกับเจอผีอีกต่างหาก เมื่อเห็นแบบนี้เขาก็เลยหันไปดูบ้าง แล้วก็รู้สึกเหมือนอาเบลได้ปล่อยรังสีสังหาร แถมมีเขาซาตานงอกออกมาอย่างน่ากลัว
ว่าก็ว่าเถอะ แต่ที่นี่มันห่างจากอารามเทพเจ้าแห่งแสงสว่างไปไม่กี่เมตรเองนะเฮ้ย พวกเจ้าคิดดูสิ อารามเทพมีกลิ่นอายของความดี ความเมตตาแผ่ออกมา แต่ในมุมเล็กๆ กลับมีความอาฆาตแผ่ซ่าน...โชคดีที่ข้าเพียงสมมติเท่านั้น ไม่อย่างนั้นคงมีเทพอัศวินมาจับอาเบลฐานเป็นอมนุษย์บุกเมืองไปแล้วล่ะ
"พวกเจ้ารู้ใช่มั้ย ว่าการทะเลาะวิวาทกันเป็นเรื่องผิดกฏหมาย...."
เฮือก!! ส...เสียงโหดเป็นบ้า โหดพอๆ กับพ่อข้าตอนที่ข้าเรียนเวทไม่สำเร็จเลยล่ะ ข้ารู้ทันที สามคำสั้นๆ ที่ข้าจะได้รับหลังจากนี้...
ข้าตายแน่...ตายแน่ๆ และอาจไม่เหลือซากด้วย ฮือๆๆ
พอคิดได้อย่างนี้ก็ออกเกียร์หมาวิ่งเซ่! ใครจะบ้าอยู่กัน!?
ว่าแล้วข้าก็รีบวิ่งด้วยความเร็วของข้าเองโดยมีวัลเดอราลตามมาติดๆ ส่วนยูลิซิสวิ่งไปอีกทาง...และอาเบล...กำลังวิ่งตามพวกข้า! ชะเฮ้ยย ใครก็ได้ช่วยข้าที๊!!!!!
แฮ่ก...แฮ่ก....เหนื่อยเป็นบ้า...
ข้าหอบแฮกๆ อย่างหมดแรงพลางลากสังขารให้ไปนั่งใต้ต้นไม้ โดยมีวัลเดอราลตามมาติดๆ
หวังว่าเจ้าอาเบลคงเลิกตามพวกเราแล้วนะ ข้ายังไม่อยากหอบตาย!
"เอ้า" วัลเดอราลว่าเสร็จก็โยนขวดน้ำมาให้ โดยที่มีข้ารับได้อย่างแม่นยำ...เกือบโดนหัวข้าแล้วมั้ยเล่า เฉียดไปนิดเดียวเอง "แล้วก็ยื่นแผลมาด้วย เจ้าปลาไหล ถ้าไม่หายเจ้านั่นล่ะได้ซวยตาย"
"รู้แล้วน่ะๆ" ข้าพูดส่งๆ พลางยื่นแขนให้ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีอะไรบางอย่างมากระโดดเกาะข้าจากข้างหลัง!
องค์มหาเทพ...คงไม่ใช่ว่าอาเบลยังคงไม่เลิกราแล้วมาไล่ฆ่าข้าต่อหรอกนะ!
แต่พอหันไป จากสีหน้าตกใจก็กลายเป็นละเหี่ยใจทันที
"ยูซิส...ข้าล่ะนึกว่าอาเบลซะอีก"
"ก็นะ..." เขาว่าพลางนั่งลง "พวกเจ้าวิ่งเร็วเกินจนอาเบลเขาตามไม่ทัน เลยหนีไปดูการต่อสู้ของคู่ต่อไปแล้ว"
"ใครปะทะใครอ่ะๆๆๆ" ข้าตาวาวทันที เผื่อการต่อสู้มันออกมาดี ข้าจะได้ไปลอกเขามาบ้างไง!
"จะบอกต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ?" ยูลิซิสว่าพลางยิ้ม...อย่างเจ้าเล่ห์ ข้าเลยทำหน้างง ก่อนที่จะยั้งใจไม่ให้เตะคนเพราะประโยคต่อมา "ไปซื้อเอแคลร์มาให้ข้าสักห้าชิ้นสิ แล้วข้าจะบอก อ้อ ต้องมาจากร้านขนมที่แพงที่สุดด้วยนะ"
...พูดอย่างกับว่าข้ามีเงินมากเลยงั้นสิ ขอเถอะ เงินข้าเหลืออยู่ไม่กี่เหรียญเงินเองนะ!
"เอ้า เสร็จแล้ว" วัลเดอราลว่าพลางลุกขึ้น "ไปดูกัน จะได้เตรียมตัวสู้ต่อด้วย"
ข้าขอแค่อย่างแรกได้รึเปล่า ข้าไม่ได้อยากเป็นเทพอัศวินครีอุสนะ ให้ตาย...แล้วถ้าหากว่าข้าผ่านครั้งนี้ล่ะก็ ก็ต้องผ่านสัมภาษณ์อีกใช่มั้ย คอยดูสิ ถึงตอนนั้นข้าจะตอบอะไรที่มันกวนบาทาที่สุดเลย!
เจ้ายูลิซิสหัวเราะร่าทันที่ที่ข้าทำหน้าบูด "เอาน่าๆ ทำใจซะ อีกอย่าง เลิกทำหน้าอย่างนั้นซะทีเถอะ มัน...ฮ่าๆๆๆๆ!!"
"หน้าอย่างกับตูดหมึก" วัลเดอราลว่าบ้าง
"...ช่างข้าเถอะ"
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงลานประลองกับเขาสักที ข้าจึงได้ที่บิดขี้เกียจ "ว่าแต่ใครปะทะใครกันแน่เหรอ?" ถามพลางหันไปทางสองคนที่เหลือ...แล้วก็ต้องแอบกลั้นหัวเราะสุดชีวิต
จะไม่ให้ข้าหัวเราะได้ยังไงล่ะ ดูยูลิซิส...รอยเท้าเต็มหน้าเลยล่ะ ฮ่าๆๆๆ!!
อะไรนะ ทำไมงั้นเหรอ ข้าจะตอบเพื่อเอาบุญก็ได้...ก็ตอนที่ข้าจะเขกกบาลเพื่อให้เขาหยุดหัวเราะ (ง่ายๆ แก้แค้นนั่นเอง) ใครสั่งให้หลบล่ะ ซ้ำยังจะมายุ่งกับแผลของข้าอีก ข้าก็เลยจัดการประเคนฝ่าเท้าให้ซะ ผลที่ได้ก็อย่างที่พูดไปข้างบนนั่นแหละน่า
ส่วนวัลเดอราล...เอาเป็นว่าแค่เขามาคู่กับข้าก็ซวยเกินพอแล้ว เขาอยากเป็นเทพอัศวินเอกอน ข้าไม่อยากเป็นเทพอัศวินครีอุส ดังนั้นข้าเลยไม่ได้ทำอะไรเขา แถมต้องมาคิดวิธีต่อสู้ชนิดที่ให้ข้าแพ้ เขาชนะตลอดอีก ขอปวดสมองตายดีกว่า
หรือถ้าให้ข้าสรุปเพิ่มก็คือ ข้าไม่ได้ทำอะไรเขา เพราะแค่นี้ก็รู้สึกผิดจะตายแล้ว
เอ...หวังว่าจะมาทันการต่อสู้นะ
"การประลองบนเวทีนี้จะมีเทพอัศวินไอซอท เทพอัศวินเทอร์มิส..." ตรงนี้หลายๆ คนทำหน้าผวา สูดหายใจเฮือก "...เทพอัศวินฮาเดส และเทพอัศวินไทรอนมาให้คะแนน และผู้ที่จะมาประลองในวันนี้มีเฮมเดลลัส ครูเซอร์ ผู้สมัครเป็นว่าที่เทพอัศวินไอซอท คู่กับ ซีวาส เจเนซิส ผู้สมัครเป็นว่าที่เทพอัศวินฮาเดส ปะทะ เซรุซาเอล ดราซอเรียล เคลดาเลียต ผู้สมัครเป็นว่าที่เทพอัศวินเทอร์มิส คู่กับ อัลเทม โฟรวิวริช ผู้สมัครเป็นว่าที่เทพอัศวินไทรอน"
ว้าว! ซีวาสประลองด้วยเหรอเนี่ย
อะไรนะ แค่นี้ทำไมต้องตกใจ? โธ่เอ๋ย...พวกเจ้ารู้ใช่ไหมว่าสกิลหลงทางของซีวาสน่ะสูงเสียดฟ้าแค่ไหน เป็นพวกเจ้าจะตกใจมั้ยล่ะ ว่าเขาเดินไปมาในวิหารเทพแห่งแสงสว่างยังไงแล้วไม่หลงน่ะ
ข้าคิดพลางหันไปมองคู่หูของเขาด้วยสายตานับถือ แต่แล้วก็ต้องชะงัก แล้วเผลอโพล่งออกมาซะงั้น "ผู้หญิง...สมัครเป็นว่าที่เทพอัศวินไอซอทน่ะนะ!?"
_____________________
ชิ้ง.....และทุกอย่าง จากที่เงียบอยู่แล้วก็เงียบหนักเข้าไปอีก ซ้ำยังมีลมหนาวพัดผ่าน อีการ้อง 'ก๊าๆๆ' ดังขึ้นในหัว ก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกเมื่อมีคมหอกอันหนึ่งจ่อที่กะโหลกข้า!
"ถ้าหากว่าเจ้าบอกว่าข้าเป็นผู้หญิงอีกล่ะก็..." พูดถึงตรงนี้ นัยน์ตาสีฟ้าประกายเย็นเยียบก็หรี่ตาลงทำให้ดูหนาวเข้าไปใหญ่ "...ถึงตอนนั้นข้าจะเอาหอกของข้าเฉาะหัวเจ้าซะ"
พอได้ยินอย่างนี้ ข้าก็ยิ้มสู้เสือ เอามือเสมอกับไหล่ประมาณบอกให้หยุด "ข้าขอโทษๆ ไม่ได้ตั้งใจ"
หลังจากนั้นเขาก็เอาส่วนคมของหอกออกไป ก่อนที่จะเหลือบมองไปอีกทาง ซึ่งก็คือข้างๆ ข้า แล้วจัดการเมินทันที
"หึ เจ้าปากพล่อยจริงๆ เลยนะ" วัลเดอราลกัดข้าทันทีที่สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ แต่เฮ้ ไม่ใช่ความผิดข้าสักหน่อยนะ! ความผิดของคู่หูของเจ้าซีวาสต่างหากเล่า!
"คนๆ นั้นอยู่กับซีวาสสินะ ข้าล่ะนับถือจริงๆ ที่หาซีวาสจนเจอได้ แถมยังคุมซะจั๋งหนับอีกต่างหาก" ยูลิซิสว่าขึ้น โดยมีข้าและวัลเดอราลพยักหน้าเห็นด้วยสุดฤทธิ์
แต่เอ๊ะ ข้างๆ ข้า...ยูลิซิสกับวัลเดอราล แถมวัลเดอราลก็อยู่ฝั่งที่เฮมเดลลัสเขาเหลือบมองอีกต่างหาก อย่างนี้แสดงว่า...
"นี่ วัล เจ้าเคยไปบอกเขาตอนไหนรึเปล่าว่าเขาเป็นผู้หญิง" ข้าหันหน้าไปถามทันที
วัลเดอราลชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่จะพยักหน้าพลางพูดเสียงกระซิบ "ทำไงได้ล่ะ ก็เขาดันโดนคนแกล้ง ประมาณว่าโดนกันไม่ให้ไป ซ้ำยังตัวอ้วนเผละอีกต่างหาก ข้าเลยไปช่วย แล้วก็...ไปบอกว่าอย่าแกล้งเด็กผู้หญิง..."
เอ่อ...เพราะหวังดีสินะเลยหลุดปาก มิน่าล่ะถึงมีเหลือบมองแบบแอบแค้น
______________________
เอาล่ะ ข้าว่าข้าคงได้เพื่อนร่วมอุดมการณ์หนีคนแล้วสินะ แต่ก็ไม่เข้าใจ ทำไมเจ้ายูลิซิสถึงได้โชคดีตลอดศกด้วย ไม่ยุติธรรม! อะไรนะ? พวกเจ้าบอกว่าข้าทำตัวเองเองอย่างนั้นเหรอ มันใช่ที่ไหนกัน! ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดนะ!
โอเคๆ ข้าผิดเองก็ได้ที่ไปมองเขาเป็นผู้หญิง แต่เจ้าลองคิดภาพตามข้าดูนะ...ผมสีเงินอ่อนยาวจนแทบจะถึงข้อเท้า แถมยังใส่เสื้อคลุมแบบปิดสัดส่วนมิดชิด เล่นเอามองเพศไม่ออกอย่างนั้น ใครบ้างเล่าจะบอกว่าเขาเป็นผู้ชาย!
“การต่อสู้...เริ่มได้!”
พอได้ยินอย่างนี้ ตาข้าก็หันไปจดจ่ออยู่กับการต่อสู้เบื้องหน้าทันที ก่อนที่จะอ้าปากค้าง ซ้ำยังได้ยินยูลิซิสพึมพำเบาๆ ด้วยว่า “เจ้าซีวาสนั่น...คนเดียวกับที่ชอบหลงทางตลอดศกจริงรึเปล่าเนี่ย”
แหงล่ะ ตอนนี้มันไม่เหมือนเลยสักนิดเดียว
นัยน์ตาสีฟ้าเทาของซีวาสน่ะ ปกติจะเรียบเฉย ดูเบลอๆ เหมือนจะหลับแหล่มิหลับแหล่...ถ้าให้ขยายความก็คือเหมือนคนเดินละเมอไปไหนมา ไหน แต่ตอนนี้ฉายแต่แววจริงจังกับ...สนุก? นึกคึกที่ได้ประลอง?
เอาเถอะ จะเป็นแววตาแบบไหนก็ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย แต่...
...ลมหนาวพัดผ่าน
แต่เมื่อไหร่พวกเจ้าทั้งหลายจะเริ่มสู้กันสักทีเนี่ยหา!? ข้าจะดูนะ ไม่ใช่มายืนเฉยๆ!
วัลเดอราลเบะปาก “เจ้าพวกนี้เป็นปลากัดรึไงนะ จ้องตากันจนจะท้องอยู่แล้ว” ปกติข้าจะรู้สึกหัวเสียนิดหน่อยกับปากเสียๆ แต่คราวนี้ข้าเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยล่ะ!
ในเมื่อมันเงียบสงัดขนาดนี้ ข้าเองก็เริ่มเบื่อเหมือนกัน จนมีใครก็ไม่รู้ทักขึ้นว่า “เจ้าเด็กผมดำเทาขยับแล้ว!” ข้าก็ได้สติทันที
ซีวาสวิ่งไปหาเด็กที่มีผมสีน้ำเงินเข้ม แล้วก็ฟันด้วยความเร็วสูง เสียแต่เขาหลบได้ แล้วยังใช้สันดาบยาวฟันที่ต้นคอของอีกฝ่าย
เคร้ง!
เสียงดาบของทั้งสองคนปะทะกันดังลั่น ก่อนที่จะตามด้วยอีกหลายกระบวนท่าโดยมีซีวาสเป็นฝ่ายรุก เสียงดาบกระทบกันดังสนั่น
ฝ่ายเฮมเดลลัสกับอัลเทม ตอนนี้กลายเป็นศึกประลองแท๊กติกกันไปซะแล้ว...หอกปะทะหอก เฮ้อ น่าเสียดายจังที่ข้าไม่ค่อยชอบใช้หอกเท่าไหร่...แต่เอ๊ะ ‘เธอคนนั้น’ ชอบใช้เป็นอาวุธนี่นา งั้นข้าจะศึกษาเพื่อไปสอนนางดีกว่า
เอาละวา...แล้วข้าจะเลือกดูของใครก่อนดีล่ะเนี่ย! ดาบก็วิชาของข้า หอกก็เป็นวิชาของเธอคนนั้นอีก...ฮือๆๆ ข้าเลือกไม่ถูกเลย!
และด้วยเหตุนี้ข้าถึงหันไปถามยูลิซิสเพื่อขอคำแนะนำด้วย...
“นี่ๆ ยูซิส เจ้าว่าข้าดูของใครดีอ่ะ?”
“ไม่รู้สิ เจ้าว่าอันไหนน่าสนกว่ากันล่ะ ดาบมันก็ตีเช้งๆ ส่วนหอก...แต่ละคนก็มีแทกติกเป็นของตัวเอง เจ้าว่าอันไหนก็อันนั้นล่ะ” เขาว่ากลับยิ้มๆ ได้ยินแบบนี้ ข้าว่าหอกน่าสนกว่าแฮะ
ถึงจะเสียดายวิชาไปสักหน่อย แต่ความสนใจแบบนี้ หอกปะทะหอกไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ นะ!
ข้าดูหอกดีกว่า
พอคิดได้อย่างนี้ ข้าก็เลยจัดการเบนสายตาไปที่หอก แล้วก็พบว่า...
พบว่าไอ้สองคนนี้มันกำลังทำสงครามเย็นกันไม่รู้จักจบจักสิ้น...ข้าก็เลยจัดการรวมวงจ้องสายตากับเขาบ้าง อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่มีใครสนใจข้าอยู่แล้วล่ะ
ผ่านไปประมาณครึ่งนาที เฮมเดลลัสก็สะกิดปลายเท้าตัวเอง แล้วออกวิ่ง แล้วข้าจะไม่ว่าอะไรเลยสักนิด ถ้าไม่ติดว่าหมอนั่นมันวิ่งไปทั้งๆ ที่ไม่มีหอก!
หอกมันไปไหนล่ะนั่น...?
และในวินาทีต่อมาก็ได้พบคำตอบ ระหว่างที่เขาวิ่งเข้าหาอีกฝ่าย เขาก็ได้พึมพำเบาๆ จนข้าแทบจะไม่ได้ยิน ได้ยินเป็นอะไรๆ บุตรแห่งสายน้ำนี่ล่ะ...เฮ้ย เดี๋ยวสิ คำเรียกอาวุธแบบนี้มัน...
อย่าให้เป็นแบบนั้นเลย สาธุ
อะไรนะ พวกเจ้ากำลังสงสัย? แต่ขอล่ะ เรื่องพวกนี้มันก็เกี่ยวพันกับตระกูลข้าเหมือนกัน บอกเจ้าไม่ได้เด็ดขาด ทำไมน่ะเหรอ...ถ้าข้าบอกพวกเจ้าไป ข้าก็จะได้โดนครอบครัวรุมทึ้งน่ะสิ!
กำไลที่ข้อมือขวาของเฮมเดลลัสเปล่งแสง แล้วหอกสีฟ้ากระจ่างก็โผล่ออกมา ก่อนที่จะแทงไปทางอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ
เคร้ง!
อีกฝ่ายยกด้ามขึ้นเพื่อสกัดกับคมหอก...ไม่สิ ไม่ใช่คม แต่เป็นสันมันต่างหาก ก่อนที่จะใช้สองมือหมุนหอกเป็นวงกลม เพื่อให้เจ้าของหอกสีฟ้าเซเพราะควบคุมวิถีหอกของตัวเองไม่ได้
...แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อเฮมเดลลัสละหอกของตนออกมาอย่างรู้ทัน...
_________________
หลังจากที่เฮมเดลลัสได้ละออกมาก็กระโดดไปทางด้านหลังเพื่อตั้งตัว แต่ตอนนั้นเองที่อัลเทมได้จัดการกระโดดไปข้างหน้าตามพร้อมกับหอกที่ตวัดลงมา!
เคร้ง เคร้ง เคร้ง!!
เสียงหอกสีฟ้าใสปะทะกับหอกเหล็กดังสนั่น หากแต่เสีัยงที่กระทบกันกลับน่าฟังเสียยิ่งกว่ากระดิ่งจนข้าฟังเพลิน แต่ในขณะที่ข้ากำลังดู (และฟัง) อย่างเพลินๆ อยู่นั้น จู่ๆ ก็มีจดหมายลอยมาหาข้า
ได้ยินไม่ผิดหรอก 'จดหมายลอยมา' นั่นล่ะถูกแล้ว เพราะมันเป็นจดหมายเวทส่งตรงจากพ่อของข้า...นักเวทที่มีสังกัดเป็นหนึ่งในสามของกลุ่มภารกิจที่แข็งแกร่งที่สุด...ฟานิล อาลานาส
แน่นอนว่าจดหมายที่ส่งมาจากพ่อข้ามันค่อนข้างพิเศษหน่อยตรงที่ผู้รับเห็นมันได้คนเดียว เหมาะกับการส่งความลับหรืออะไรทำนองนี้จริงๆ
ข้าคว้ามันมาอ่าน พออ่านจบก็ทำสะเก็ดไฟเผามันทิ้งโดยที่ไม่มีใครหันมามองเพราะกำลังดูการต่อสู้ที่แสนดุเดือดนั่น
ฮือๆๆ ข้าเองก็เสียดายนะ! พ่อนะพ่อ มาเรียกทำไมตอนนี้ ข้ากำลังดูอยู่เชียว!!
บ่นไปก็เท่านั้นล่ะ ข้าเลยได้แต่ย่องไปเงียบๆ
"เฮ้ วินซ์ ดูตรงนี้สิ...อ้าว ไปไหนซะแล้วล่ะเนี่ย...?"
ข้าใช้สกิลย่องเงียบบวกกับความเร็วที่ใช้ในการวิ่งอย่างไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่...ก็ข้าเพิ่งฝึกวิชานี้ได้ไม่กี่เดือนนี่นา! ไม่ต้องมามองข้าแบบนั้นเลยนะ!
อีกอย่าง...พ่อเรียกข้าไปตรงนั้นแบบด่วนๆ ทำไมกันทั้งๆ ที่มันไม่ค่อยจะจำเป็นเท่าไหร่
ข้าคิดพลางใช้ความเร็วของตัวเองวิ่งผ่านหลายๆ ที่ โดยเฉพาะที่มีคนมาก วิ่งตัดหน้าเกวียนจนม้าร้องลั่นบ้าง บางครั้งก็ไปชนคนอื่นจนคนๆ นั้น...เอ่อ เรียกว่าปลิวเข้าขอบฟ้าก็คงได้ล่ะมั้ง
______________________
แต่เรื่องพวกนั้นน่ะช่างมันเถอะ ทำไมวิหารเทพฯ ต้องตั้งที่ฝั่งตะวันออกของเมือง แล้วพ่อข้าก็เรียกข้าไปที่เขตระหว่างเมืองกับชนบททิศตะวัีนตก...หรือที่พวกเราเรียกกันว่าป่าช้าของแคว้นวอลเลซด้วยล่ะเนี่ย?
โธ่เอ้ย! รู้รึเปล่าว่าตรงนั้นน่ะไม่มีใครกล้าไปย่างกรายนอกจากเทพอัศวินครีอุสน่ะ!
แต่พวกเจ้าคงจะลืมมันไปแล้ว เอาเถอะ ข้าจะอธิบายให้ฟังอีกรอบเอง
รอบทิศทั้งสี่จะมีเขตระหว่างชนบทกับตัวเมืองเพื่อที่จะขยายเมืองได้อย่างสะดวกโดยที่ไม่ต้องขับไล่ชาวบ้าน ถือเป็นการดีอย่างยิ่งที่ทำแบบนั้น เพราะไม่อย่างนั้นชาวเมืองที่อยู่นอกกำแพงเมืองจะเดือดร้อน แต่กลับมีที่ๆ หนึ่งที่ไม่ว่าจะขยายตัวเมืองหรือไม่ ก็จะมีปัญหาเสมอ
นั่นคือเขตระหว่างชนบทกับตัวเมืองทิศตะวันตก
เพราะว่าที่นั่นคือที่ฝังศพของเหล่านักโทษประหารในรูปแบบต่างๆ ทำให้มีวิญญาณแค้นเป็นจำนวนมาก และระหว่างที่เดินผ่านหรืออยู่ตรงนั้นก็สามารถตายได้ทุกเวลาโดยไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนเพราะโดนพวกวิญญาณสาปแช่ง...หรือถ้าเอาจริงๆ ก็คือโดนพวกวิญญาณฆ่าจนตายนั่นล่ะ
พอถึงตรงนี้ข้าขอสารภาพตนสักนิด...ข้ากลัวผีที่สุดเลยล่ะ...ฮือ! พ่อนะพ่อ! เรียกแบบนี้ไปก็เหมือนกับสั่งข้าให้ไปอยู่หน้าประตูนรกชัดๆ!
แต่ไม่ไปก็ไม่ได้อยู่ดี เพราะไม่งั้นข้าอาจโดนพ่อข้าฆ่าตายก็เป็นได้ แถมเรียกตัวด่วนแบบนี้ก็ต้องเป็นเรื่องสำคัญแหง...
_________________________
ข้าใช้ความเร็วของตัวเองไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะชะลอลงเมื่อบรรยากาศมันเริ่มจะวังเวงขึ้นมาตงิดๆ
...หลุมศพที่เขียนว่า R.I.P ที่ดูผุๆ พังๆ เป็นจำนวนมาก บางหลุมก็ถูกขุดออก ไม้กางเขนบางอันก็เอียงกะเท่เร่เหมือนกับโดนอะไรบางอย่างกระแทกอย่างแรง ไหนจะบรรยากาศทะมึนๆ นี่อีก...
ขอเถอะ! นี่มันตอนกลางวันนะ...ฮือๆๆ ข้าอยากร้องไห้ ทำไมทั้งๆ ที่เป็นตอนกลางวัน แต่ดวงอาทิตย์ดันไม่ส่องแสงอะไรเพราะโดนเมฆบัง ยิ่งเสริมบรรยากาศที่ทะมึนอยู่แล้วเป็นทะมึนเป็นห้าเท่า
ข้าจะบ้าตาย...ว่าแล้วข้าก็สูดหายใจเฮือก ทำใจกล้าแล้วค่อยๆ ย่องไปมาระหว่างสุสานอย่างชำนาญ แต่ท่าทางเหมือน เอ่อ...เหมือนกำลังจะไปปล้นบ้านคน น่าเศร้าชะมัด
วูบ!
"อึ๋ย.." ข้าเผลอส่งเสียงออกมาอย่างหวาดๆ เมื่อรู้สึกเหมือนมีเงาสายหนึ่งแล่นผ่านข้าไป แต่พอหันไปด้านหลังก็ดันไม่มีใครซะงั้น
ข้าหน้าซีดเผือด ก่อนที่จะสะบัดหัวตัวเองแรงๆ "เอาน่า...เจ้าคิดฝันเฟื่องไปเองนะวินเซนเทียส ผีไม่มีจริงสักหน่อ..." ข้าปลอบใจตัวเองเบาๆ แต่ยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องกลืนเสียงที่เหลือลงคอ
มือเหี่ยวย่นหยาบกร้าน ซ้ำยังเล็บยาวแถมเต็มไปด้วยเลือดแห้งกรังมาจับไหล่ข้า เล่นเอาตัวข้าแข็งทื่อ ตัวสั่นไม่หยุด
"หือ...ดูเสะ..." เจ้าของเสียงพูดเสียงฟ่อ "มีเหยื่อใหม่โผล่มาอีกแล้ว..."
ข้าพยายามหันหลังไปดูอย่างยากลำบากราวกับมีอะไรที่มองไม่เห็นมาล๊อกคอไว้ แต่พอมองไปข้าก็แทบจะสลบ
ผิวของเจ้าของมือเป็นสีเขียวอื๋อ ใส่ชุดแบบขวาทับซ้ายสีขาวเลอะเลือด ตาซ้ายของมันโดนแท่งเหล็กแทงเข้าไปและยังค้างไว้อยู่ตรงนั้น ตาขวาถลนออกมานอกเบ้า...และที่สำคัญ...
เจ้าบ้านั่นมันไม่มีขา!!
วิญญาณหลอกหลอนแล้วเจ้าข้าเอ้ยยย~!!!!!
"แย๊กกกกกกกกกก!!!" ข้ากรีดร้องลั่นอย่างไม่คิดชีวิต แล้วก็เตรียมจะใช้สกิลเกียร์หมาทันที แต่ที่คิดไม่ถึงคือเจ้าผีบ้าตนนั้นมันยังอุตส่าห์แยกหัวออกจากตัว ลอยมาเกยไหล่ข้าอีกต่างหาก!
ไอ้เจ้านี่มันเป็นอะไรเนี่ย!? คุบินาชิ (ผีหัวขาด) วิญญาณ กับซากศพเดินได้รวมร่างกันรึไงฟะหา!?
ไม่ว่าจะเป็นอะไรมันก็ไม่สำคัญ แต่ที่แน่ๆ...ไอ้เจ้านี่มันจะกินข้าแล้วอ่ะ อ๊ากก!
ข้าตัวสั่นจนขยับไปไหนไม่ได้ หน้าซีด หลับตาปี๋พร้อมรับชะตากรรมที่จะโดนกินทั้งเป็น..
ลาก่อนนะท่านพ่อ ลาก่อนนะท่านแม่ ข้ารักพวกท่าน ลาเจ้ายูซิส ลาเจ้าวัล ถึงแม้จะคบกันได้ไม่กี่วัน แต่พวกเจ้าดีกับข้ามากๆ ลาเจ้าซีส หวังว่าเจ้าจะลดสกิลหลงทางของเจ้าลงหน่อยนะ...เหมือนว่าครั้งนี้ข้าจะรู้สึก ดีใจอย่างเดียวตรงที่ข้าไม่ได้เป็นว่าที่เทพอัศวินครีอุสล่ะนะ...
"ไม่ได้เจอกันตั้งสองปี ยังกลัวผีเหมือนเดิมเลยน้า~"
...เสียงมันแอบคุ้นแฮะ...ข้ากะพริบตาปริบๆ อย่างงงงวย ก่อนที่จะหันไปตามความเคยชิน แล้วจากสีหน้าหวาดกลัวก็เปลี่ยนเป็นเซ็งอย่างเห็นได้ชัดทันที
"ท่านพ่อ! ท่านแกล้งข้าได้ยังไงกัน!?"
"โฮ่...ดูเหมือนว่าไม่ได้เจอกันสองปีจะทำให้เจ้าสมองเลอะเลือนไปนะเจ้าลูก ตัวดี..." ท่านพ่อว่าพลางยีหัวข้าจนมันยุ่ง "...มีวันไหนบ้างเล่า ที่ข้าอยู่กับเจ้าแล้วไม่แกล้งเจ้าน่ะ"
ถ้าจำไม่ผิด...ก็ไม่มี ข้าตอบในใจอย่างเสร็จสรรพ
"ว่าแต่...ท่านพ่อเรียกข้ามา มีเรื่องอะไรเหรอขอรับ" ข้าสลัดหัวออกจากมือของท่านพ่อฟานิล อาลานาส แล้วจัดผมตัวเองให้เข้าที่
ท่านพ่อยิ้มอย่างอ่อนโยน "ข้าจะให้ของสิ่งนั้นกับเจ้า"
"หา!? ต..แต่ท่านพ่อขอรับ ไอ้เจ้าสายห้อยเอวนั่น..." ต้องให้ผู้ปกปักษ์มันอายุสิบแปดเป็นอย่างน้อยก่อนไม่ใช่เรอะ
"ช่วยไม่ได้นี่นา เอาเป็นว่าลูกช่วยพ่อหน่อยละกันเนอะ~" ว่าแล้วก็ยัดสายห้อยเอวที่เป็นโซ่ที่เรืองแสงสีเขียวจางๆ พร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง พร้อมกำชับไว้ว่า "ไอ้สายห้อยเอวน่ะ ใส่ได้ตามสบาย แต่กระดาษ...ข้าขอสั่งให้เจ้าอ่านหลังจากเจ้าเป็นว่าที่เทพอัศวินครีอุสแล้ว นะเจ้าลูกชาย"
อ...เอ๋? อีแบบนี้อย่าบอกนะว่า...
"(ไอ้) ท่านพ่อขอรับ ท่านเป็นคนบอกให้ท่านแม่ลากหูข้าไปสมัครเป็นว่าที่เทพอัศวินครีอุสสินะขอรับ..." ข้ากัดฟันถามอย่างโกรธๆ
"ผ...ผ.....ถูกต้องนะคร้าบ~! แหมๆ ลูกชายของข้าช่างเก่งจริงๆ แบบนี้ต้อง..."
"ไม่ต้องมาว่านู่นนี่เลยนะไอ้พ่อบ้า!!"
_________________________
จบไปกับอีกหนึ่งตอนน~
เชื่อว่าหลายๆ คนคงเริ่มคิดถึงเกรเซียสกันแล้วแหงๆ
ดังนั้นคราวนี้...ตอนหน้าจะแต่งเกรเซียสบ้างแล้วล่ะค่ะ!! ><
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น