ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7 บุกอย่างชาญฉลาด ทีมออสเตรเลียออกโรง!
Chapter 7 บุกอย่างชาญฉลาด ทีมออสเตรเลียออกโรง!
หลังจากแยกจากพวกเพื่อนๆมา ทีมออสเตรเลียซึ่งประกอบด้วยจ๊ะโอ๋ เพื่อน แป้ง(แว่น) และโอ๋ ก็เดินทางไปยังท่าเรือคลองเตย ท่าเรือแห่งเดียวในสมองพวกเขาที่พอจะหาได้ในกรุงเทพ เป็นเวลาบ่ายคล้อยก่อนตะวันตกดิน พวกเขาคงมาถึงที่นี่ก่อนที่ทีมอื่นจะเริ่มลงมือด้วยซ้ำ
“เอาล่ะ เรามีกันน้อยคน เห็นได้ชัดว่าเราต้องใช้สมองแทนกำลัง” แป้งพูดขึ้นคนแรกเมื่อทุกคนไปถึงบริเวณทางเข้าใหญ่
“งั้นก็เลือกเรือก่อนเลย” จ๊ะโอ๋ตอบรับแล้ววิ่งเลียบรั้วไป จนเธอสามารถมองเห็นเรือได้ทุกลำ “เอาอะไรดีล่ะ เรือสำราญ เรือสินค้า เรือบรรทุกน้ำมัน เรือพาย เรือหางยาว เรือถีบ”
“เอาเรือถีบน่าจะดีนะ” เพื่อนรับมุข
แต่แป้งจ้องหน้าเขม็ง ทำเอาทุกคนขนลุก “ก็นะ งั้นเราเอาเรือสำราญละกัน จะไปก็ให้มันสบายๆหน่อย ดีมั้ย”
“งั้นมาเริ่มกันเลย เรามีกันสี่คน คงทำอะไรไม่ได้มาก ที่เราต้องการมีแค่ยึดเรือแล้วไปอย่างเงียบๆ ทุกคนเข้าใจตรงกันนะ” โอ๋เริ่มเสนอแผนการ ทั้งหมดพยักหน้ารับ
“ในความคิดของเรา” เธอพูดต่อ “คงต้องให้แป้งใช้วิชาปลอมตัวแล้วเข้าไปในเรือ โดยพาพวกเราไปด้วย ที่เหลือเดี๋ยวเรากับเพื่อนจัดการเอง”
“แน่ใจนะโอ๋” แป้งถามกลับอย่างแคลงใจ
“เอาน่า แล้วจะเห็นเอง”
แป้งเดินแยกตัวไปเพื่อปลอมตัวเป็นพนักงานสักคน ส่วนที่เหลือไปช่วยกันวางกับระเบิดบริเวณลานขนถ่ายสินค้า ซึ่งเต็มไปด้วยตู้คอนเทนเนอร์ จากตรงนั้นพวกเขาสามารถเห็นเรือเป้าหมายที่ชื่อ เจเจเจเจเจเจเจเจเจ ได้ชัดเจน เจ้าหน้าที่อู่ต่อเรือเดินผ่านพวกเธอหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีใครเอะใจอะไร
หลังจากนั้นไม่นานก็มีชายในชุดสีกรมท่า เสื้อแขนยาวกางเกงขายาว ใส่หมวกวิศวกร แต่ตัวกลับไม่สูงเท่าไหร่ เดินอาดๆมาทางพวกจ๊ะโอ๋
“เรียบร้อยแล้ว เราเองแป้ง” ชายคนนั้นพูดออกมาแต่เสียงเล็กและแหลมอย่างเหลือเชื่อ
“โอเค ทางริมตู้คอนเทนเนอร์ตรงนั้นมีรถเข็นอยู่ พวกเราจะเข้าไปในนั้นนะ” เพื่อนพูดแล้วชี้ไปทางตู้คอนเทนเนอร์สีเขียวๆ
“ย่อร่าง!!!”
แล้วร่างกายของทั้งสามคนก็ค่อยๆหดเล็กลง จนมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของตัวจริง น่าแปลกที่เสื้อผ้านั้นหดตามไปด้วย
“ว้าว เจ๋งดีนะ ดูหนังมากี่เรื่องๆมีแต่ตัวหดเสื้อไม่หด” จ๊ะโอ๋ชมคาถาของเพื่อน
“ก็แหงล่ะ พวกนั้นมันเสี่ยวมันลาวกันหมดแล้ว ของจริงมันต้องย่อขยายลดเพิ่มโมเลกุลได้ด้วย”
“เรือเราชื่ออะไรนะ” แป้งก้มลงถามทุกเมื่อที่เหลือลงไปอยู่ในรถเข็นซึ่งทึบสนิทแล้ว
“เอ่อ....เจเจเจเจเจเจเจเจเจ” โอ๋ตะโกนตอบ
“อะไรนะ เจเจเจเจเจ” แป้งทำหน้าเหยเกในความพิลึกพิลั่นของชื่อ
“ไม่ใช่ เจเจเจเจเจเจเจเจเจ 9 เจ”
“เฮ่ย ไม่ใช่ เจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจ หรอกเหรอ 10 เจนะ” เพื่อนเถียง
“ไม่ใช่นะ แล้วที่เธอพูดตะกี๊มันก็มีตั้ง 11 เจ ด้วย”
“ตกลงเอายังไงกันแน่ เรางงนะ” น้ำเสียงแป้งดูจะเข้าใกล้ขั้นสติแตกเต็มที
“เอ๋า จะยากอะไรกันแป้ง เรือลำไหนชื่อเจหลายๆตัวมันก็ลำนั้นแหละ” จะโอ๋ตอบขึ้นมาบ้าง
แป้งอุ้มจ๊ะโอ๋ขึ้นมาแล้วให้มองรอบ “ลองมาดูเองสิ”
ไม่แปลกที่แป้งจะงง เพราะเรือลำซ้ายสุด มีชื่อ เจเจเจเจเจเจเจเจ สลักอยู่บริเวณหัวเรือดำสนิทด้วยตัวอักษรสีขาว ตัดกันเป็นมันวาว ส่วนถัดมา ก็ชื่อ เจเจเจเจเจเจเจเจเจ ถัดมาอีกก็ เจเจเจเจเจเจเจเจเจเจ และ เจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจ ไล่กันไปจนถึง เจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจ
“นี่มันบ้าบออะไรกันเนี่ย” จ๊ะโอ๋พูดแบบติดตลกเมื่อกลับลงไปในรถเข็นแล้ว
“สรุป 9 เจใช่มั้ย จะได้ไปทางลำนั้น” แป้งถามอีกครั้ง
“ใช่ๆ ลำนั้นล่ะ” เพื่อนตอบ “คราวนี้มันจะได้รู้ซึ้งถึงการตั้งชื่อเรือแบบกวนส้นตีน”
แป้งปิดฝารถเข็นแล้วค่อยๆเข็นไปทางเรือ 9 เจ รถเข็นผ่านสะพานเชื่อมต่อสีขาวทำด้วยเหล็กกล้าเพื่อขึ้นไปยังกาบเรือ ทันใดนั้นกัปตันเรือซึ่งทราบได้เพราะตำแหน่งที่อกมันบอก ในชุดเต็มยศ หนวดเฟิ้ม ดูมีอายุ ก็โผล่พรวดมาจากห้องที่แป้งกำลังจะเข็นผ่าน
“อ้าวว่าไง บิลลี่ ไหนบอกวันนี้จะกลับก่อน” ชายแก่ทักทาย
“เอ่อ ผมลืมของน่ะครับ” แป้งพยายามดัดเสียงเป็นผู้ชาย ไม่กล้าสบตากับกัปตันมีเสียงกึงกังมาจากในรถเข็น คาดว่าน่าจะเป็นเสียงคนข้างในหัวเราะเพราะได้ยินแป้งดัดเสียง
“อ้อเรอะ งั้นโชคดี” เขาตบบ่าแป้งแล้วเดินลงจากเรือไป
แป้งเข็นต่อไปสักพักก็แง้มฝาขึ้นมา “ถ้ามีเสียงแบบตะกี้อีกจับโยนลงทะเลหมดแน่”
“เอาน่า ขำขำ เราถึงตรงไหนของเรือแล้วแป้ง” เพื่อนถามจากในเงามืด
“ก็...ตรงกลางๆเรือได้แล้วล่ะ” แป้งมองไปรอบๆ
“ดีมาก เอาพวกเราออกที” แล้วแป้งก็อุ้มทั้งสามคนขึ้นมา เพื่อนทำให้ร่างกายของจ๊ะโอ๋และโอ๋ขยายขึ้นมาเท่าเดิม แต่เธอกลับเพิ่มขนาดตัวเองขึ้นเรื่อยๆ
“เอ้ย ทำอะไรน่ะ”
“คอยดูแล้วกันน่า” ตัวเธอขยายขึ้นเรื่อยๆจนหัวเลยดาดฟ้า เรือเริ่มโคลงเคลงเมื่อน้ำหนักไม่สมดุลกัน
แล้วแผนการก็เริ่มสัมฤทธิ์ผล เจ้าหน้าที่หลายคนสามารถเห็นเพื่อนได้ชัดเจนจากบริเวณที่เธอวางกับระเบิด ต่างวิ่งกรูกันมาเพื่อจะดูว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด
“เฮ้ยนั่นอะไรบนเรือน่ะ แจ้งกัปตันเร็ว” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งชี้นิ้วไปทางเรือ เจเจเจเจเจเจเจเจเจเจ แล้ววิ่งผ่านกับระเบิด ซึ่งทำงานทันทีทำให้บริเวณนั้นไฟลุกท่วม
“เวรที่สุด ตามกฎข้อที่ 3 หน้า 45 ย่อหน้าที่ 2 วรรค ก ถ้าเกิดเหตุการณ์ณ์เช่นนี้ให้สันนิษฐานว่าเป็นการโจรกรรม ไปแจ้งตึกบัญชาการเร็ว” กัปตันซึ่งวิ่งมาแต่ถูกกองเพลิงขวางหน้าไว้ทำให้ไปต่อไม่ได้ตะโกนขึ้นมา
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่อยู่บนเรือ เมื่อเห็นไฟไหม้ด้านล่าง ก็วิ่งลงมาหวังจะช่วยดับไฟ โดยไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งที่อยู่บนเรือก่อนอยู่แล้วเลย
“ประกาศด่วน ประกาศด่วน มีการปล้นเรือ เจเจเจเจเจเจเจเจเจ หน่วยปฏิบัติการลับทั้งหมดไปรวมตัวกันที่นั่นทันที ประกาศซ้ำอีกครั้ง มีการปล้น...”
ในตู้คอนเทนเนอร์เล็กๆ ห่างออกไปราว 500 เมตร ถูกดัดแปลงให้คนสามารถเข้าไปอยู่ได้ ปรากฏชายในชุดสูทสีดำ ราว 5 คน ด้านหลังเสื้อสลักว่า Secret Force สภาพอาวุธครบมือ ใส่แว่นเรแบนด์ เปิดประตูออกมา
“เฮ้ย มันบอกเรืออะไรนะ” ชายที่เตี้ยที่สุดถาม
“เจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจ ไปเร็ว” อีกคนหนึ่งตอบ แล้ววิ่งไปทางทิศใต้
“ไม่ใช่โว้ย เจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจ ตะหาก นายฟังเกินไปได้ยังไงตั้งหลายเจ” อีกคนหนึ่งดึงแขนเขาไว้
“เอาไงดี เอาไงดี กุว่ากุได้ยิน 10 เจนะ”
“แล้วใครมันตั้งชื่อเรืออุบาทว์จิตยังงี้วะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“Attention please Attention please, JJJJJJJJJ is being hijacked. All SF please assembly at  that position immediately. Attention please .”
“ไอ้คนอ่านมันจะออกเสียงเจให้ฟังยากทำไมวะ” ชายคนเดิมพูดขึ้นมา
“แล้วคนงานที่นี่มีใครเป็นฝรั่งมั้ย ไอ้เจี้ยยยยย เมิงไม่เอาอาหรับมาพูดเลยเล่า”
“เวร ฟังยังไงมันก็ 10 เจนะ”
“เอ้า งั้นทุกคนไปยังท่าเรือ เจเจเจเจ เอ่อ 10 เจนั่นแหละ ตามมาเร็วเข้า!!”
หน่วยปฏิบัติการลับทั้ง 5 คนย่องไปทางทิศใต้ในลักษณะสปายแบบยิ่งยวด คาดว่าอีกไม่กี่ปีก็คงถึง จนกระทั่งหน่วยลับคนหนึ่งสะดุดเชือกรองเท้าตัวเองแล้วหงายท้องนอนแผ่หราอยู่บนพื้น
“ไอ้.......เมิงแหกตาดูบนท้องฟ้าซีโว้ยยยยยยยย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
ควันไฟหนาลอยห่างจากพวกเขาไปจนเรียกได้ว่าไกลโคตรๆ ทั้ง 5 คนรู้สึกว่าตัวเองโง่เง่าขึ้นมาในทันที
“ยังไงเราก็ต้องไป ไปช้าดีกว่าไม่ไปนะเว้ย”
อีกสัก 10 นาทีต่อมา ด้วยความวกวนเนื่องจากเขาวงกตตู้คอนเทนเนอร์บริเวณท่าเรือ หน่วยลับทั้ง 5 คนก็มาถึงท่าจอดเรือ เจเจเจเจเจเจเจเจเจ ซึ่งตอนนี้ว่างเปล่าแล้ว...แต่ปรากฎภาพของเรือลำดังกล่าวแล่นอยู่ไกลออกไปแทน
To be Continued
หลังจากแยกจากพวกเพื่อนๆมา ทีมออสเตรเลียซึ่งประกอบด้วยจ๊ะโอ๋ เพื่อน แป้ง(แว่น) และโอ๋ ก็เดินทางไปยังท่าเรือคลองเตย ท่าเรือแห่งเดียวในสมองพวกเขาที่พอจะหาได้ในกรุงเทพ เป็นเวลาบ่ายคล้อยก่อนตะวันตกดิน พวกเขาคงมาถึงที่นี่ก่อนที่ทีมอื่นจะเริ่มลงมือด้วยซ้ำ
“เอาล่ะ เรามีกันน้อยคน เห็นได้ชัดว่าเราต้องใช้สมองแทนกำลัง” แป้งพูดขึ้นคนแรกเมื่อทุกคนไปถึงบริเวณทางเข้าใหญ่
“งั้นก็เลือกเรือก่อนเลย” จ๊ะโอ๋ตอบรับแล้ววิ่งเลียบรั้วไป จนเธอสามารถมองเห็นเรือได้ทุกลำ “เอาอะไรดีล่ะ เรือสำราญ เรือสินค้า เรือบรรทุกน้ำมัน เรือพาย เรือหางยาว เรือถีบ”
“เอาเรือถีบน่าจะดีนะ” เพื่อนรับมุข
แต่แป้งจ้องหน้าเขม็ง ทำเอาทุกคนขนลุก “ก็นะ งั้นเราเอาเรือสำราญละกัน จะไปก็ให้มันสบายๆหน่อย ดีมั้ย”
“งั้นมาเริ่มกันเลย เรามีกันสี่คน คงทำอะไรไม่ได้มาก ที่เราต้องการมีแค่ยึดเรือแล้วไปอย่างเงียบๆ ทุกคนเข้าใจตรงกันนะ” โอ๋เริ่มเสนอแผนการ ทั้งหมดพยักหน้ารับ
“ในความคิดของเรา” เธอพูดต่อ “คงต้องให้แป้งใช้วิชาปลอมตัวแล้วเข้าไปในเรือ โดยพาพวกเราไปด้วย ที่เหลือเดี๋ยวเรากับเพื่อนจัดการเอง”
“แน่ใจนะโอ๋” แป้งถามกลับอย่างแคลงใจ
“เอาน่า แล้วจะเห็นเอง”
แป้งเดินแยกตัวไปเพื่อปลอมตัวเป็นพนักงานสักคน ส่วนที่เหลือไปช่วยกันวางกับระเบิดบริเวณลานขนถ่ายสินค้า ซึ่งเต็มไปด้วยตู้คอนเทนเนอร์ จากตรงนั้นพวกเขาสามารถเห็นเรือเป้าหมายที่ชื่อ เจเจเจเจเจเจเจเจเจ ได้ชัดเจน เจ้าหน้าที่อู่ต่อเรือเดินผ่านพวกเธอหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีใครเอะใจอะไร
หลังจากนั้นไม่นานก็มีชายในชุดสีกรมท่า เสื้อแขนยาวกางเกงขายาว ใส่หมวกวิศวกร แต่ตัวกลับไม่สูงเท่าไหร่ เดินอาดๆมาทางพวกจ๊ะโอ๋
“เรียบร้อยแล้ว เราเองแป้ง” ชายคนนั้นพูดออกมาแต่เสียงเล็กและแหลมอย่างเหลือเชื่อ
“โอเค ทางริมตู้คอนเทนเนอร์ตรงนั้นมีรถเข็นอยู่ พวกเราจะเข้าไปในนั้นนะ” เพื่อนพูดแล้วชี้ไปทางตู้คอนเทนเนอร์สีเขียวๆ
“ย่อร่าง!!!”
แล้วร่างกายของทั้งสามคนก็ค่อยๆหดเล็กลง จนมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของตัวจริง น่าแปลกที่เสื้อผ้านั้นหดตามไปด้วย
“ว้าว เจ๋งดีนะ ดูหนังมากี่เรื่องๆมีแต่ตัวหดเสื้อไม่หด” จ๊ะโอ๋ชมคาถาของเพื่อน
“ก็แหงล่ะ พวกนั้นมันเสี่ยวมันลาวกันหมดแล้ว ของจริงมันต้องย่อขยายลดเพิ่มโมเลกุลได้ด้วย”
“เรือเราชื่ออะไรนะ” แป้งก้มลงถามทุกเมื่อที่เหลือลงไปอยู่ในรถเข็นซึ่งทึบสนิทแล้ว
“เอ่อ....เจเจเจเจเจเจเจเจเจ” โอ๋ตะโกนตอบ
“อะไรนะ เจเจเจเจเจ” แป้งทำหน้าเหยเกในความพิลึกพิลั่นของชื่อ
“ไม่ใช่ เจเจเจเจเจเจเจเจเจ 9 เจ”
“เฮ่ย ไม่ใช่ เจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจ หรอกเหรอ 10 เจนะ” เพื่อนเถียง
“ไม่ใช่นะ แล้วที่เธอพูดตะกี๊มันก็มีตั้ง 11 เจ ด้วย”
“ตกลงเอายังไงกันแน่ เรางงนะ” น้ำเสียงแป้งดูจะเข้าใกล้ขั้นสติแตกเต็มที
“เอ๋า จะยากอะไรกันแป้ง เรือลำไหนชื่อเจหลายๆตัวมันก็ลำนั้นแหละ” จะโอ๋ตอบขึ้นมาบ้าง
แป้งอุ้มจ๊ะโอ๋ขึ้นมาแล้วให้มองรอบ “ลองมาดูเองสิ”
ไม่แปลกที่แป้งจะงง เพราะเรือลำซ้ายสุด มีชื่อ เจเจเจเจเจเจเจเจ สลักอยู่บริเวณหัวเรือดำสนิทด้วยตัวอักษรสีขาว ตัดกันเป็นมันวาว ส่วนถัดมา ก็ชื่อ เจเจเจเจเจเจเจเจเจ ถัดมาอีกก็ เจเจเจเจเจเจเจเจเจเจ และ เจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจ ไล่กันไปจนถึง เจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจ
“นี่มันบ้าบออะไรกันเนี่ย” จ๊ะโอ๋พูดแบบติดตลกเมื่อกลับลงไปในรถเข็นแล้ว
“สรุป 9 เจใช่มั้ย จะได้ไปทางลำนั้น” แป้งถามอีกครั้ง
“ใช่ๆ ลำนั้นล่ะ” เพื่อนตอบ “คราวนี้มันจะได้รู้ซึ้งถึงการตั้งชื่อเรือแบบกวนส้นตีน”
แป้งปิดฝารถเข็นแล้วค่อยๆเข็นไปทางเรือ 9 เจ รถเข็นผ่านสะพานเชื่อมต่อสีขาวทำด้วยเหล็กกล้าเพื่อขึ้นไปยังกาบเรือ ทันใดนั้นกัปตันเรือซึ่งทราบได้เพราะตำแหน่งที่อกมันบอก ในชุดเต็มยศ หนวดเฟิ้ม ดูมีอายุ ก็โผล่พรวดมาจากห้องที่แป้งกำลังจะเข็นผ่าน
“อ้าวว่าไง บิลลี่ ไหนบอกวันนี้จะกลับก่อน” ชายแก่ทักทาย
“เอ่อ ผมลืมของน่ะครับ” แป้งพยายามดัดเสียงเป็นผู้ชาย ไม่กล้าสบตากับกัปตันมีเสียงกึงกังมาจากในรถเข็น คาดว่าน่าจะเป็นเสียงคนข้างในหัวเราะเพราะได้ยินแป้งดัดเสียง
“อ้อเรอะ งั้นโชคดี” เขาตบบ่าแป้งแล้วเดินลงจากเรือไป
แป้งเข็นต่อไปสักพักก็แง้มฝาขึ้นมา “ถ้ามีเสียงแบบตะกี้อีกจับโยนลงทะเลหมดแน่”
“เอาน่า ขำขำ เราถึงตรงไหนของเรือแล้วแป้ง” เพื่อนถามจากในเงามืด
“ก็...ตรงกลางๆเรือได้แล้วล่ะ” แป้งมองไปรอบๆ
“ดีมาก เอาพวกเราออกที” แล้วแป้งก็อุ้มทั้งสามคนขึ้นมา เพื่อนทำให้ร่างกายของจ๊ะโอ๋และโอ๋ขยายขึ้นมาเท่าเดิม แต่เธอกลับเพิ่มขนาดตัวเองขึ้นเรื่อยๆ
“เอ้ย ทำอะไรน่ะ”
“คอยดูแล้วกันน่า” ตัวเธอขยายขึ้นเรื่อยๆจนหัวเลยดาดฟ้า เรือเริ่มโคลงเคลงเมื่อน้ำหนักไม่สมดุลกัน
แล้วแผนการก็เริ่มสัมฤทธิ์ผล เจ้าหน้าที่หลายคนสามารถเห็นเพื่อนได้ชัดเจนจากบริเวณที่เธอวางกับระเบิด ต่างวิ่งกรูกันมาเพื่อจะดูว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด
“เฮ้ยนั่นอะไรบนเรือน่ะ แจ้งกัปตันเร็ว” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งชี้นิ้วไปทางเรือ เจเจเจเจเจเจเจเจเจเจ แล้ววิ่งผ่านกับระเบิด ซึ่งทำงานทันทีทำให้บริเวณนั้นไฟลุกท่วม
“เวรที่สุด ตามกฎข้อที่ 3 หน้า 45 ย่อหน้าที่ 2 วรรค ก ถ้าเกิดเหตุการณ์ณ์เช่นนี้ให้สันนิษฐานว่าเป็นการโจรกรรม ไปแจ้งตึกบัญชาการเร็ว” กัปตันซึ่งวิ่งมาแต่ถูกกองเพลิงขวางหน้าไว้ทำให้ไปต่อไม่ได้ตะโกนขึ้นมา
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่อยู่บนเรือ เมื่อเห็นไฟไหม้ด้านล่าง ก็วิ่งลงมาหวังจะช่วยดับไฟ โดยไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งที่อยู่บนเรือก่อนอยู่แล้วเลย
“ประกาศด่วน ประกาศด่วน มีการปล้นเรือ เจเจเจเจเจเจเจเจเจ หน่วยปฏิบัติการลับทั้งหมดไปรวมตัวกันที่นั่นทันที ประกาศซ้ำอีกครั้ง มีการปล้น...”
ในตู้คอนเทนเนอร์เล็กๆ ห่างออกไปราว 500 เมตร ถูกดัดแปลงให้คนสามารถเข้าไปอยู่ได้ ปรากฏชายในชุดสูทสีดำ ราว 5 คน ด้านหลังเสื้อสลักว่า Secret Force สภาพอาวุธครบมือ ใส่แว่นเรแบนด์ เปิดประตูออกมา
“เฮ้ย มันบอกเรืออะไรนะ” ชายที่เตี้ยที่สุดถาม
“เจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจ ไปเร็ว” อีกคนหนึ่งตอบ แล้ววิ่งไปทางทิศใต้
“ไม่ใช่โว้ย เจเจเจเจเจเจเจเจเจเจเจ ตะหาก นายฟังเกินไปได้ยังไงตั้งหลายเจ” อีกคนหนึ่งดึงแขนเขาไว้
“เอาไงดี เอาไงดี กุว่ากุได้ยิน 10 เจนะ”
“แล้วใครมันตั้งชื่อเรืออุบาทว์จิตยังงี้วะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“Attention please Attention please, JJJJJJJJJ is being hijacked. All SF please assembly at  that position immediately. Attention please .”
“ไอ้คนอ่านมันจะออกเสียงเจให้ฟังยากทำไมวะ” ชายคนเดิมพูดขึ้นมา
“แล้วคนงานที่นี่มีใครเป็นฝรั่งมั้ย ไอ้เจี้ยยยยย เมิงไม่เอาอาหรับมาพูดเลยเล่า”
“เวร ฟังยังไงมันก็ 10 เจนะ”
“เอ้า งั้นทุกคนไปยังท่าเรือ เจเจเจเจ เอ่อ 10 เจนั่นแหละ ตามมาเร็วเข้า!!”
หน่วยปฏิบัติการลับทั้ง 5 คนย่องไปทางทิศใต้ในลักษณะสปายแบบยิ่งยวด คาดว่าอีกไม่กี่ปีก็คงถึง จนกระทั่งหน่วยลับคนหนึ่งสะดุดเชือกรองเท้าตัวเองแล้วหงายท้องนอนแผ่หราอยู่บนพื้น
“ไอ้.......เมิงแหกตาดูบนท้องฟ้าซีโว้ยยยยยยยย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
ควันไฟหนาลอยห่างจากพวกเขาไปจนเรียกได้ว่าไกลโคตรๆ ทั้ง 5 คนรู้สึกว่าตัวเองโง่เง่าขึ้นมาในทันที
“ยังไงเราก็ต้องไป ไปช้าดีกว่าไม่ไปนะเว้ย”
อีกสัก 10 นาทีต่อมา ด้วยความวกวนเนื่องจากเขาวงกตตู้คอนเทนเนอร์บริเวณท่าเรือ หน่วยลับทั้ง 5 คนก็มาถึงท่าจอดเรือ เจเจเจเจเจเจเจเจเจ ซึ่งตอนนี้ว่างเปล่าแล้ว...แต่ปรากฎภาพของเรือลำดังกล่าวแล่นอยู่ไกลออกไปแทน
To be Continued
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น