ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 แผนถล่มสนามบินดอนเมือง พลังพิเศษของแต่ละคน!
Chapter 5 แผนถล่มสนามบินดอนเมือง
เมื่อตะวันเริ่มจะลับขอบฟ้า ทอแสงสีเหลืองทองทาบนท้องฟ้า ก็ปรากฏรถ 4 คันบริเวณสถานีรถไฟดอนเมือง คนจำนวน 24 คนก้าวลงมาจากรถพร้อมถุงย่ามใบโตอีกราง 6-7 ถุง
“ทุกคนครบนะ” พีทชี้นิ้วนับจำนวนคน
“โอเค แน่นอนว่าเราต้องมีแผน”  อิ๊กคิวเอ่ยขึ้น
“เอาล่ะทุกคน นี่คือข้อมูลเบื้องต้นของสนามบินดอนเมือง” ก้องซึ่งเคยพักอยู่แถวนี้ดูจะรู้ดีเป็นพิเศษ
“มีประตูทางเข้าออกใหญ่ 3 ทาง มีตึก 10 ตึก เทอร์มินอลขาเข้าขาออก หอควบคุม โรงอะไหล่ โรงเก็บเครื่องบิน ตึกลานจอดรถ ตึกสำนักงาน แล้วก็รันเวย์อีกเป็นบริเวณกว้าง”
“เราจะแบ่งกันเป็น 2 ทีม” ก้องกล่าวต่อ “ทีมของเราจะไปทางประตูฝั่งตะวันออก ส่วนทีมของเรแล้วก็หลิวไปทางประตูฝั่งตะวันตก หรือตรงข้ามเราตอนนี้น่ะแหละ”
ก้องชี้นิ้วไปยังฝั่งตรงข้ามถนน มีทางให้รถเข้าออกอยู่กว้างพอสมควร
“แล้วเมื่อเราทุกคนเข้าไปได้แล้ว .....ยังไงต่อดีล่ะ” ตั้นขัดขึ้น
“อันดับแรก จะให้ใครเห็นหน้าเราไม่ได้” แอนออกความเห็น “มีกล้องเป็นสิบๆตัวจับภาพพวกเราได้นะ”
หลิวจึงต่อทันที “อย่างที่สอง เราควรหลีกเลี่ยงการกระทำอันจะทำให้เกิดอันตรายแก่พวกเรา”
“งั้นอย่างที่สาม เราควรทำลายหลักฐาน รอยนิ้วมือทั้งหมดทิ้ง” ตั้นปิดท้าย
“นั่นหมายความว่ายังไงรู้มั้ยทุกคน?” หมิวเพิ่งเซ็ตวอล์กกี้ทอร์คกี้เสร็จถามขึ้นมา
“ระเบิดโลด” ตั้น อิ๊กคิวตอบพร้อมกัน
“นายว่ามันแปลกๆมั้ย” พีทกระซิบถามเร
“มันก็แน่นอนล่ะ แค่นี้ก็ต้องทำลายกันแล้ว” เขาตอบกลับ
“ทำไงได้ คนเขียนเค้าอยากให้เป็นยังงี้ จะว่าไม่มีเหตุผลก็ไม่ได้ซะด้วย มันอุตส่าห์ยกมาอ้างตั้งสามข้อ” ซีซึ่งอยู่ใกล้ๆเอ่ยขึ้นมา
“แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเราจะระเบิด แผนการเราคงต้องรัดกุมกว่าเดิมหลายเท่าเลย” การพูดคุยดำเนินต่อ
ปอนด์นั่งยองๆลงเช็คจำนวนระเบิด ซึ่งมีอยู่ 1 ถุงย่ามเต็มๆ ในนั้นมีทั้งระเบิดพวง ระเบิดแบตเตอรี่ ระเบิดซีโฟร์ ระเบิดสลัก หรือแม้แต่ใช้โทรศัพมือถือสั่งการก็มี
“ด้วยปริมาณขนาดนี้ เราสร้างสงครามย่อยๆได้สบายๆเลย” ปอนด์เงยหน้าขึ้นบอกทุกคน
“เราต้องอยู่ห่างจากรันเวย์ให้มากที่สุด ไม่งั้นเอาเครื่องขึ้นไม่ได้ก็จบเห่ จริงมั้ย”
แป้งซึ่งฟังการสนทนาอยู่กล่าวขึ้น “....ที่ต้องระวังก็มีแค่นั้นเองนี่?”
“นั่นสิ ใครจะเป็นจะตายยังไงเราไม่สนอยู่แล้ว” ซีเสริม
“เพราะฉะนั้น เราจะวางระเบิดรีโมตที่โครงสร้างหลักของตึกทั้ง 10 ตึก ส่วนระเบิดแบบใช้มือถือสั่งการ เราวางไว้ประปรายได้ ระเบิดมือทั้งหลายเราคงต้องแยกกันปา แต่อยากให้ปาใส่ระเบิดแบตเตอรี่ที่วางอยู่ก่อนแล้ว เพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้น โอเคมั้ย?” ภูมิพูดขึ้นมาบ้าง
“ตกลงตามนั้นแหละนะ เราไม่น่าใช้เวลาเกิน 30 นาทีในการแยกกันวางระเบิด เมื่อทุกคนเซ็ตระเบิดเสร็จแล้ว มารวมกันที่ข้างรันเวย์ฝั่งลานจอดรถ” หลิวตอบรับ ทุกคนเห็นด้วย
เรวิ่งข้ามถนนไปทางประตูตะวันตก ผลักประตูกระจกเข้าไป แอร์เย็นเบาๆพัดมาประหน้า เขาหยิบระเบิดซึ่งมีลักษณะภายนอกเป็นกล่องป๊อกกี้ออกมาแล้วแกล้งเป็นทำหล่น
ประตูผู้โดยสารขาออกที่ 4 พีทเอาก้อนหินก้อนโต ซึ่งแน่นอนว่าข้างในเป็นระเบิดแอบฝั่งไว้ในกระถางต้นไม้ เขาทำยังงั้นอีกหลายที
ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ซีแกล้งเดินเข้าไปถามทาง และฝากกระเป๋านักเรียนจาค็อบสีดำมันวาวไว้กับพนักงาน
ก้องเข้าไปในห้องน้ำ และโยนระเบิดมือถือลงในโถส้วมทุกห้อง
หอควบคุมที่มีการรักษาการณ์และอนุญาตให้เข้าได้เฉพาะพนักงาน หลิวกับแอนช่วยกันยกระเบิดที่มีขนาดเท่ากับยางล้อรถยนต์ไปไว้บริเวณหลังตึก
ปอนด์และแป้งขึ้นมาบริเวณลานจอดรถ และติดระเบิดนับเวลาถอยหลังไว้แบบสุ่มคันรถ เวลาที่หน้าปัดเซ็ตไว้ที่ 20 นาที
ที่โรงเก็บเครื่องบิน ตั้นซึ่งลอบเข้ามาเอาระเบิดซีโฟร์จำนวนหลายลูกวางไว้บริเวณใต้ถังน้ำมันของเครื่องบินพอดี
ภูมิกับอิ๊กคิวนำระเบิดซึ่งมีขนาดเท่าน็อตตัวโตๆเข้าไปโยนปะปนกับอะไหล่ในโรงอะไหล่
หมิวเข้าไปในห้องน้ำหญิงของตึกผู้โดยสารขาเข้า และนำระเบิดวางเช่นเดียวกับที่ก้องทำ
หลังจากนั้นทุกคนมากันที่บริเวณข้างรันเวย์ ดวงอาทิตย์แทบจะลับขอบฟ้าแล้วเมื่อพวกเขาปฏิบัติตามแผนสำเร็จ
“ที่เหลือก็แค่ยึดเครื่องบินสักลำนึง” ซีปาดเหงื่อที่คางแล้วพูดขึ้นมา
“แฮ่ก ก็ ก็นั่นแหละ จุดที่ยากที่สุดแล้ว” ภูมิตอบไปหอบไป
“หลิว คงต้องใช้ความสามารถของเธอแล้วล่ะ” แป้งหันไปมองหน้าหลิว
“ได้อยู่แล้ว” หลิวตอบแล้วเงียบไปสักพัก ยกมือขึ้นประนมประสานกัน “เนตรจาบจ้วง!!!” เธอตะโกน แล้วแววตาของเธอก็หายไป ราวกับคนไร้ชีวิต
พื้นที่คนเขียนอย่างแรง
อ่านกันมา 5 ตอนแล้ว อยากให้ทุกคนรู้ว่าตัวละครทุกตัวมีพลังพิเศษเป็นของตัวเองคร้าบบบ พูดง่ายๆก็คือเก่งกันเหนือมนุษย์อีก พลังของหลิวคือเนตรจาบจ้วง ซึ่งสามารถมองทะลุสิ่งต่างๆได้
สักพักเธอก็สะดุ้งและขยับตัวอีกครั้ง ซีถามถึงสิ่งที่เธอเห็น
“ในเครื่องบินนั่นมีใครบ้างหลิว”
“ก็ มีคนแต่งตัวคล้ายๆพนักงาน 2 คน” หลิวตอบ “แล้วก็สจ๊วตอีก 1 ไม่มีผู้โดยสารอยู่เลย ท่าทางเพิ่งจะเอาเครื่องลง”
“หวานเราล่ะทีนี้ เข้าไปกันเถอะ” พีทพูดแล้ววิ่งนำไป
“เดี๋ยวก่อน” อิ๊กคิวตะโกน “บาเรียล่องหน!!!” เมื่อสิ้นคำพูดก็มีแสงสว่างจางๆห่อล้อมพวกเขาทั้ง 12 คนไว้ พวกเขามองเห็นภายนอกได้แต่ไม่มีใครมองเห็นพวกเขา
“จะทำอะไรอย่าบุ่มบ่ามเด้พีท” เรเข้าไปตบหัวแล้ววิ่งหนี
“ใช่ อยู่กลางรันเวย์พวกเราเด่นกันขนาดไหนก็น่าจะรู้กัน”
“เดี๊ยวเหอะเมิง รู้อยู่แล้วน่าว่าอิ๊กคิวมันต้องใช้พลังนี้” พีทวิ่งตาม
อิ๊กคิวซึ่งประสานมือกันไว้ที่หน้าอกกล่าวขึ้น “เฮ้ย อย่าไปกันเร็ว บาเรียมีขอบเขตของมันนะ”
เมื่อพวกเขาเคลื่อนขบวนมาถึงรถบันไดขึ้นตัวเครื่อง เรก็นำหน้าขึ้นไปก่อน
“หมัดสลาตัน!!!” เขาตะโกน หลังจากนั้นก็มีควันลุกขึ้นมาจากมือทั้งสองข้าง เรสามารถต่อยพวกสจ๊วตและพนักงานได้แม้จะยังไม่ประชิดตัวด้วยซ้ำ
หลังจากพวกพนักงานสลบเหมือดแล้ว พวกเขาก็ช่วยกันลากลงไปกองไว้ที่ข้างรันเวย์
“เมมโมรี่ ดีลีท!!!” แอนใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางแตะที่ขมับของพวกพนักงานทั้ง 3 คน “แค่นี้พวกเขาก็จำอะไรเกี่ยวกับเราไม่ได้แล้ว”
กลับขึ้นมาบนเครื่อง ดูเหมือนพวกเขาจะเจอปัญหาใหม่ซะแล้ว
“ใครขับเครื่องบินเป็นบ้าง” ตั้นถามแล้วกวาดสายตามองทุกคน
“ภูมิ ใช้วิชานั้นลุยเลย” อิ๊กคิวสะกิด
“ศึกษาสายฟ้า!!!” แววตาภูมิหายไปและเขาหมุนตัวไปรอบๆห้องกัปตัน มือสัมผัสกับแผงควบคุม ทั้งๆที่ไร้สติ หลังจากนั้นอีกครู่ใหญ่เขาก็รู้สึกตัวขึ้นมาและเสียหลักล้มลง ปอนด์กับหมิวช่วยกันรับไว้ทัน
“อะไรกัน ขับเครื่องบินทำไมมันหมูอย่างนี้” ภูมิรีบกระโดดขึ้นนั่งเก้าอี้กัปตัน และเปิดแผงทำงานต่างๆ พร้อมจะนำเครื่องขึ้น “เอาล่ะทุกคน ไปนั่งห้องผู้โดยสารได้แล้ว คาดเข็มขัดด้วย”
“ภูมิมันเรียนรู้เร็วดีเนอะ” แอนพูดกับแป้งเมื่อทั้งหมดนั่งรัดเข็มขัดแล้ว
“วิชาหมอนั่นไม่ใช่เล่นๆนะ”
และเสียงดังกระหึ่มก็คำรามขึ้น เป็นเสียงของเครื่องบินโบอิ้งด้านข้างลำสลักตราการบินไทย ลมแรงพัดไปมารอบๆเครื่อง ซึ่งค่อยๆขยับลำอย่างช้าๆ ก่อนที่ล้อจะขึ้นเหนือพื้นในที่สุด ในขณะนั้น ทุกคนก็หยิบมือถือ และรีโมตสั่งการระเบิดทั้งหมดขึ้นมา ก่อนจะกดเพื่อทำลายสิ่งที่อยู่เบื้องล่างจนไม่เหลือชิ้นดี
บริเวณโดยรอบที่แทบจะมืดสนิทด้วยบรรยากาศตอนค่ำ ต้องสว่างจ้าขึ้นอีกครั้งด้วยเปลวไฟมากมายซึ่งสาดทั่วไปทั้งบริเวณ เสียงระเบิดดังสนั่นจนทำให้เครื่องบินของพวกเขาสั่นน้อยๆ แรงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะๆ โดยเฉพาะบริเวณโรงเก็บเครื่องบินที่ระเบิดต่อกันเป็นทอดๆ ตึกผู้โดยสารถล่มลงมาทับกันกองสูง รถจำนวนมากกระเด็นขึ้นสู่ท้องฟ้า เมื่อระเบิดที่ติดตั้งไว้บริเวณลานจอดรถทำงาน ใบพัดของเครื่องบินปลิวว่อนไปเสียบคากับต้นไม้บ้าง ซากศพคนบ้าง ควันดำโขมงลอยขึ้นเหนือบริเวณ เปลวไฟกระจายเป็นวงกลมแผ่รัศมีออกไปเรื่อยๆ ลามมาถึงถนนวิภาวดี จนทำให้โทลเวย์ต้องพังทลายลงมาทับถนนเบื้องล่างทั้งหมด
“เวรละ” ภูมิเอ่ยทางอินเตอร์โฟน “ดูท่าเราจะเจอปัญหานิดหน่อยแล้ว
To be Continued
เมื่อตะวันเริ่มจะลับขอบฟ้า ทอแสงสีเหลืองทองทาบนท้องฟ้า ก็ปรากฏรถ 4 คันบริเวณสถานีรถไฟดอนเมือง คนจำนวน 24 คนก้าวลงมาจากรถพร้อมถุงย่ามใบโตอีกราง 6-7 ถุง
“ทุกคนครบนะ” พีทชี้นิ้วนับจำนวนคน
“โอเค แน่นอนว่าเราต้องมีแผน”  อิ๊กคิวเอ่ยขึ้น
“เอาล่ะทุกคน นี่คือข้อมูลเบื้องต้นของสนามบินดอนเมือง” ก้องซึ่งเคยพักอยู่แถวนี้ดูจะรู้ดีเป็นพิเศษ
“มีประตูทางเข้าออกใหญ่ 3 ทาง มีตึก 10 ตึก เทอร์มินอลขาเข้าขาออก หอควบคุม โรงอะไหล่ โรงเก็บเครื่องบิน ตึกลานจอดรถ ตึกสำนักงาน แล้วก็รันเวย์อีกเป็นบริเวณกว้าง”
“เราจะแบ่งกันเป็น 2 ทีม” ก้องกล่าวต่อ “ทีมของเราจะไปทางประตูฝั่งตะวันออก ส่วนทีมของเรแล้วก็หลิวไปทางประตูฝั่งตะวันตก หรือตรงข้ามเราตอนนี้น่ะแหละ”
ก้องชี้นิ้วไปยังฝั่งตรงข้ามถนน มีทางให้รถเข้าออกอยู่กว้างพอสมควร
“แล้วเมื่อเราทุกคนเข้าไปได้แล้ว .....ยังไงต่อดีล่ะ” ตั้นขัดขึ้น
“อันดับแรก จะให้ใครเห็นหน้าเราไม่ได้” แอนออกความเห็น “มีกล้องเป็นสิบๆตัวจับภาพพวกเราได้นะ”
หลิวจึงต่อทันที “อย่างที่สอง เราควรหลีกเลี่ยงการกระทำอันจะทำให้เกิดอันตรายแก่พวกเรา”
“งั้นอย่างที่สาม เราควรทำลายหลักฐาน รอยนิ้วมือทั้งหมดทิ้ง” ตั้นปิดท้าย
“นั่นหมายความว่ายังไงรู้มั้ยทุกคน?” หมิวเพิ่งเซ็ตวอล์กกี้ทอร์คกี้เสร็จถามขึ้นมา
“ระเบิดโลด” ตั้น อิ๊กคิวตอบพร้อมกัน
“นายว่ามันแปลกๆมั้ย” พีทกระซิบถามเร
“มันก็แน่นอนล่ะ แค่นี้ก็ต้องทำลายกันแล้ว” เขาตอบกลับ
“ทำไงได้ คนเขียนเค้าอยากให้เป็นยังงี้ จะว่าไม่มีเหตุผลก็ไม่ได้ซะด้วย มันอุตส่าห์ยกมาอ้างตั้งสามข้อ” ซีซึ่งอยู่ใกล้ๆเอ่ยขึ้นมา
“แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเราจะระเบิด แผนการเราคงต้องรัดกุมกว่าเดิมหลายเท่าเลย” การพูดคุยดำเนินต่อ
ปอนด์นั่งยองๆลงเช็คจำนวนระเบิด ซึ่งมีอยู่ 1 ถุงย่ามเต็มๆ ในนั้นมีทั้งระเบิดพวง ระเบิดแบตเตอรี่ ระเบิดซีโฟร์ ระเบิดสลัก หรือแม้แต่ใช้โทรศัพมือถือสั่งการก็มี
“ด้วยปริมาณขนาดนี้ เราสร้างสงครามย่อยๆได้สบายๆเลย” ปอนด์เงยหน้าขึ้นบอกทุกคน
“เราต้องอยู่ห่างจากรันเวย์ให้มากที่สุด ไม่งั้นเอาเครื่องขึ้นไม่ได้ก็จบเห่ จริงมั้ย”
แป้งซึ่งฟังการสนทนาอยู่กล่าวขึ้น “....ที่ต้องระวังก็มีแค่นั้นเองนี่?”
“นั่นสิ ใครจะเป็นจะตายยังไงเราไม่สนอยู่แล้ว” ซีเสริม
“เพราะฉะนั้น เราจะวางระเบิดรีโมตที่โครงสร้างหลักของตึกทั้ง 10 ตึก ส่วนระเบิดแบบใช้มือถือสั่งการ เราวางไว้ประปรายได้ ระเบิดมือทั้งหลายเราคงต้องแยกกันปา แต่อยากให้ปาใส่ระเบิดแบตเตอรี่ที่วางอยู่ก่อนแล้ว เพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้น โอเคมั้ย?” ภูมิพูดขึ้นมาบ้าง
“ตกลงตามนั้นแหละนะ เราไม่น่าใช้เวลาเกิน 30 นาทีในการแยกกันวางระเบิด เมื่อทุกคนเซ็ตระเบิดเสร็จแล้ว มารวมกันที่ข้างรันเวย์ฝั่งลานจอดรถ” หลิวตอบรับ ทุกคนเห็นด้วย
เรวิ่งข้ามถนนไปทางประตูตะวันตก ผลักประตูกระจกเข้าไป แอร์เย็นเบาๆพัดมาประหน้า เขาหยิบระเบิดซึ่งมีลักษณะภายนอกเป็นกล่องป๊อกกี้ออกมาแล้วแกล้งเป็นทำหล่น
ประตูผู้โดยสารขาออกที่ 4 พีทเอาก้อนหินก้อนโต ซึ่งแน่นอนว่าข้างในเป็นระเบิดแอบฝั่งไว้ในกระถางต้นไม้ เขาทำยังงั้นอีกหลายที
ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ซีแกล้งเดินเข้าไปถามทาง และฝากกระเป๋านักเรียนจาค็อบสีดำมันวาวไว้กับพนักงาน
ก้องเข้าไปในห้องน้ำ และโยนระเบิดมือถือลงในโถส้วมทุกห้อง
หอควบคุมที่มีการรักษาการณ์และอนุญาตให้เข้าได้เฉพาะพนักงาน หลิวกับแอนช่วยกันยกระเบิดที่มีขนาดเท่ากับยางล้อรถยนต์ไปไว้บริเวณหลังตึก
ปอนด์และแป้งขึ้นมาบริเวณลานจอดรถ และติดระเบิดนับเวลาถอยหลังไว้แบบสุ่มคันรถ เวลาที่หน้าปัดเซ็ตไว้ที่ 20 นาที
ที่โรงเก็บเครื่องบิน ตั้นซึ่งลอบเข้ามาเอาระเบิดซีโฟร์จำนวนหลายลูกวางไว้บริเวณใต้ถังน้ำมันของเครื่องบินพอดี
ภูมิกับอิ๊กคิวนำระเบิดซึ่งมีขนาดเท่าน็อตตัวโตๆเข้าไปโยนปะปนกับอะไหล่ในโรงอะไหล่
หมิวเข้าไปในห้องน้ำหญิงของตึกผู้โดยสารขาเข้า และนำระเบิดวางเช่นเดียวกับที่ก้องทำ
หลังจากนั้นทุกคนมากันที่บริเวณข้างรันเวย์ ดวงอาทิตย์แทบจะลับขอบฟ้าแล้วเมื่อพวกเขาปฏิบัติตามแผนสำเร็จ
“ที่เหลือก็แค่ยึดเครื่องบินสักลำนึง” ซีปาดเหงื่อที่คางแล้วพูดขึ้นมา
“แฮ่ก ก็ ก็นั่นแหละ จุดที่ยากที่สุดแล้ว” ภูมิตอบไปหอบไป
“หลิว คงต้องใช้ความสามารถของเธอแล้วล่ะ” แป้งหันไปมองหน้าหลิว
“ได้อยู่แล้ว” หลิวตอบแล้วเงียบไปสักพัก ยกมือขึ้นประนมประสานกัน “เนตรจาบจ้วง!!!” เธอตะโกน แล้วแววตาของเธอก็หายไป ราวกับคนไร้ชีวิต
พื้นที่คนเขียนอย่างแรง
อ่านกันมา 5 ตอนแล้ว อยากให้ทุกคนรู้ว่าตัวละครทุกตัวมีพลังพิเศษเป็นของตัวเองคร้าบบบ พูดง่ายๆก็คือเก่งกันเหนือมนุษย์อีก พลังของหลิวคือเนตรจาบจ้วง ซึ่งสามารถมองทะลุสิ่งต่างๆได้
สักพักเธอก็สะดุ้งและขยับตัวอีกครั้ง ซีถามถึงสิ่งที่เธอเห็น
“ในเครื่องบินนั่นมีใครบ้างหลิว”
“ก็ มีคนแต่งตัวคล้ายๆพนักงาน 2 คน” หลิวตอบ “แล้วก็สจ๊วตอีก 1 ไม่มีผู้โดยสารอยู่เลย ท่าทางเพิ่งจะเอาเครื่องลง”
“หวานเราล่ะทีนี้ เข้าไปกันเถอะ” พีทพูดแล้ววิ่งนำไป
“เดี๋ยวก่อน” อิ๊กคิวตะโกน “บาเรียล่องหน!!!” เมื่อสิ้นคำพูดก็มีแสงสว่างจางๆห่อล้อมพวกเขาทั้ง 12 คนไว้ พวกเขามองเห็นภายนอกได้แต่ไม่มีใครมองเห็นพวกเขา
“จะทำอะไรอย่าบุ่มบ่ามเด้พีท” เรเข้าไปตบหัวแล้ววิ่งหนี
“ใช่ อยู่กลางรันเวย์พวกเราเด่นกันขนาดไหนก็น่าจะรู้กัน”
“เดี๊ยวเหอะเมิง รู้อยู่แล้วน่าว่าอิ๊กคิวมันต้องใช้พลังนี้” พีทวิ่งตาม
อิ๊กคิวซึ่งประสานมือกันไว้ที่หน้าอกกล่าวขึ้น “เฮ้ย อย่าไปกันเร็ว บาเรียมีขอบเขตของมันนะ”
เมื่อพวกเขาเคลื่อนขบวนมาถึงรถบันไดขึ้นตัวเครื่อง เรก็นำหน้าขึ้นไปก่อน
“หมัดสลาตัน!!!” เขาตะโกน หลังจากนั้นก็มีควันลุกขึ้นมาจากมือทั้งสองข้าง เรสามารถต่อยพวกสจ๊วตและพนักงานได้แม้จะยังไม่ประชิดตัวด้วยซ้ำ
หลังจากพวกพนักงานสลบเหมือดแล้ว พวกเขาก็ช่วยกันลากลงไปกองไว้ที่ข้างรันเวย์
“เมมโมรี่ ดีลีท!!!” แอนใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางแตะที่ขมับของพวกพนักงานทั้ง 3 คน “แค่นี้พวกเขาก็จำอะไรเกี่ยวกับเราไม่ได้แล้ว”
กลับขึ้นมาบนเครื่อง ดูเหมือนพวกเขาจะเจอปัญหาใหม่ซะแล้ว
“ใครขับเครื่องบินเป็นบ้าง” ตั้นถามแล้วกวาดสายตามองทุกคน
“ภูมิ ใช้วิชานั้นลุยเลย” อิ๊กคิวสะกิด
“ศึกษาสายฟ้า!!!” แววตาภูมิหายไปและเขาหมุนตัวไปรอบๆห้องกัปตัน มือสัมผัสกับแผงควบคุม ทั้งๆที่ไร้สติ หลังจากนั้นอีกครู่ใหญ่เขาก็รู้สึกตัวขึ้นมาและเสียหลักล้มลง ปอนด์กับหมิวช่วยกันรับไว้ทัน
“อะไรกัน ขับเครื่องบินทำไมมันหมูอย่างนี้” ภูมิรีบกระโดดขึ้นนั่งเก้าอี้กัปตัน และเปิดแผงทำงานต่างๆ พร้อมจะนำเครื่องขึ้น “เอาล่ะทุกคน ไปนั่งห้องผู้โดยสารได้แล้ว คาดเข็มขัดด้วย”
“ภูมิมันเรียนรู้เร็วดีเนอะ” แอนพูดกับแป้งเมื่อทั้งหมดนั่งรัดเข็มขัดแล้ว
“วิชาหมอนั่นไม่ใช่เล่นๆนะ”
และเสียงดังกระหึ่มก็คำรามขึ้น เป็นเสียงของเครื่องบินโบอิ้งด้านข้างลำสลักตราการบินไทย ลมแรงพัดไปมารอบๆเครื่อง ซึ่งค่อยๆขยับลำอย่างช้าๆ ก่อนที่ล้อจะขึ้นเหนือพื้นในที่สุด ในขณะนั้น ทุกคนก็หยิบมือถือ และรีโมตสั่งการระเบิดทั้งหมดขึ้นมา ก่อนจะกดเพื่อทำลายสิ่งที่อยู่เบื้องล่างจนไม่เหลือชิ้นดี
บริเวณโดยรอบที่แทบจะมืดสนิทด้วยบรรยากาศตอนค่ำ ต้องสว่างจ้าขึ้นอีกครั้งด้วยเปลวไฟมากมายซึ่งสาดทั่วไปทั้งบริเวณ เสียงระเบิดดังสนั่นจนทำให้เครื่องบินของพวกเขาสั่นน้อยๆ แรงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะๆ โดยเฉพาะบริเวณโรงเก็บเครื่องบินที่ระเบิดต่อกันเป็นทอดๆ ตึกผู้โดยสารถล่มลงมาทับกันกองสูง รถจำนวนมากกระเด็นขึ้นสู่ท้องฟ้า เมื่อระเบิดที่ติดตั้งไว้บริเวณลานจอดรถทำงาน ใบพัดของเครื่องบินปลิวว่อนไปเสียบคากับต้นไม้บ้าง ซากศพคนบ้าง ควันดำโขมงลอยขึ้นเหนือบริเวณ เปลวไฟกระจายเป็นวงกลมแผ่รัศมีออกไปเรื่อยๆ ลามมาถึงถนนวิภาวดี จนทำให้โทลเวย์ต้องพังทลายลงมาทับถนนเบื้องล่างทั้งหมด
“เวรละ” ภูมิเอ่ยทางอินเตอร์โฟน “ดูท่าเราจะเจอปัญหานิดหน่อยแล้ว
To be Continued
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น