ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ดวงดาวที่มองไม่เห็น - เอม
เปรียบเสมือนดวงดาวที่เธอมองไม่เห็น...
อยู่กับเธอทุกช่วงเวลาที่ยังมีฟากฟ้า
แต่เธอกลับเห็นแค่ยามกลางคืน
นั่นเพราะบางสิ่งได้บดบังเอาไว้
เหมือนความรักของฉันที่เธอไม่เคยเห็นค่า
เพราะมีคนมากมายคอยมอบความรักให้เธอ
แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ...
ยังไงฉันคนนี้...ก็ยังรัก...เธอ
นี่ฉันมาทำอะไรอยู่ที่นี่นะ ฉันจากความรักของฉันมา เพื่อมาอยู่ในที่ๆฉันไม่รู้จักใครเลยแบบนี้น่ะเหรอ...
ตั้งแต่ย้ายหนีมาอยู่อเมริกา ดินแดนที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากจะมา ก็เป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้ว ฉันไม่ได้ติดต่อกลับหาใครเลยที่เมืองไทย แม้จะอยู่ในที่ใหม่ๆ แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนยังอยู่ในที่ๆยังมีบาสอยู่เสมอ ทั้งๆที่ฉันไม่เห็นเขาแล้วด้วยซ้ำไป แต่ฉันกลับยังคิดอย่างนั้นเสมอ มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย การหนีความจริงไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลย มันไม่เคยทำให้ฉันมีความสุขขึ้นเลยสักนิดเดียว นี่ฉันตัดสินใจถูก รึปล่าวนะ?
ฉันลองเข้าไปเช็คเมลล์ที่ไม่ได้แตะต้องมาเป็นชาติ มีเมลล์นับล้านอยู่ใน Inbox ครบ 100% เต็มเลยล่ะ มีเมลล์ของแม่สัก 5 ฉบับเขียนเหมือนกันหมด ว่าให้ติดต่อกลับด้วย แล้วก็มีเมลล์ของนุ่น 1 ฉบับ นอกนั้น ก็เป็นเมลล์ลูกโซ่ เมลล์ของนุ่นสั้นๆ แต่เป็นที่น่าสงสัยอย่างมาก ‘โทรกลับด้วย ถ้าแกไม่อยากเสียใจไปตลอดชีวิต’ ฉันมีอะไรต้องเสียใจอีกรึยังไง แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ
“สวัสดีคะ ต้องการพูดสายกับใครคะ”
“พูดกับเธอนั่นแหละ”
“ยัยเอม!!!”
“โอ๊ย! ตะโกนมาได้ หูแทบแตกแน่ะ”
“ทำไมแกเพิ่งโทรมาป่านนี้ หายหัวไปไหนมาย่ะ ติดใจพวกตาน้ำข้าวแล้วรึไง”
“นี่! ก่อนที่เธอจะด่าฉันไปมากกว่านี้ ฉันอยากบอกเธอว่า ฉันโทรแบบเก็บตังค์ปลายทางอ่ะ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด! แกรู้ไหมแค่นี้ฉันก็ไม่มีจะกินแล้วนะ เอาเหอะ ฉันจะพูดเร็วๆแล้วกัน เดี๋ยวไม่ได้บอกกันพอดี”
“เออ! นั่นสิ เธอมีเรื่องไรล่ะ”
“แกไม่ต้องพูดอะไรขัดฉันนะ พอฉันพูดจบ ฉันจะวางทันที คือว่า...”
“...”
“บาสรู้ทุกอย่างแล้ว รู้ว่าแกไปไหน เพราะอะไร มันรู้ความรู้สึกทุกอย่างของแกแล้ว เพราะฉันบอกเอง ขอโทษทีนะเว้ย แต่มันจำเป็น และตอนนี้ ทุกอย่างกำลังแย่ เพราะบาสเข้าโรงพยาบาล ถ้าแกอยากรู้ว่ามันเป็นอะไร ก็รีบกลับมาซะ ไม่งั้นแกอาจไม่ได้เห็นหน้ามันอีก และแกก็จะไม่มีสิทธิ์บอกทุกอย่างด้วยตัวของแกเอง แค่นี้นะ!”
“เดี๋ยว! ฮัลโหล! ฮัลโหล!” วางไปแล้ว อะไรว้า เดี๋ยวจ่ายคืนทีหลังก็ได้ อะไรเนี่ย ยังไม่ทันรู้เรื่องเลย เข้าโรงพยาบาล เป็นไปได้ยังไง บาสแข็งแรงจะตายไป เสียใจ? ไม่ได้เห็นหน้า? นี่มันอะไรกันเนี่ย
ในที่สุดฉันก็ได้กลับมาเหยียบแผ่นดินเกิดอีกครั้ง โดยที่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ฉันทำตามที่ตัวเองหวังไว้ไม่ได้ แต่ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรเลย นอกจากรู้ว่าบาสเป็นอะไร
ฉันรีบเร่งคนขับแท็กซี่ ให้บึ่งรถมาบ้านนุ่น และในที่สุดก็ถึงจนได้...
“นี่คะ! ไม่ต้องทอนนะคะ”
“จะทอนได้ยังไงล่ะหนู นี่มันยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของค่าแท็กซี่เลยด้วยซ้ำ” ฉันมองไปที่มิตเตอร์ บอกราคา 375 บาท และมองกลับไปที่แบงค์ที่ฉันยื่นให้ ปรากฎว่ามันเป็นแบงค์ยี่สิบ  เมื่อกี้ฉันยื่นแบงค์ 500 นี่หว่า สงสัยว่ายังเมาเครื่องบินอยู่ ฉันจึงยื่นแบงค์ 500 ให้ลุงคนขับใหม่อีกครั้ง และไม่เอาเงินทอน ฉันนี่มันรวยจริงๆ
ปังๆๆๆๆ! ปังๆๆๆๆ!
“รู้แล้วว้อย! ใครวะ! รู้จักป่ะ มารยาทอ่ะ! O_O ยัยเอม”
“บาสเป็นอะไร อยู่ รพ. ไหน บอกฉันมา เร็ว!”
“ใจเย็นๆดิ เข้ามานั่งก่อน เดี๋ยวฉันจะพาแกไป”
ฉันรวบรวมสติ แล้วเดินเข้าไปในบ้านนุ่น 5 นาทีพอดีเป๊ะ เราก็ออกจากบ้านนุ่นกัน สักพักก็ถึง รพ. ที่ยังคงเงียบอยู่ เพราะยังเช้ามาก ใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ และขณะที่นุ่นกำลังจะบิดประตูเพื่อเปิด ใจฉันมันก็ไม่กล้าขึ้นมา
“นุ่น!!!”
“อะไรอีกล่ะ แกบอกให้รีบพามาเองนะ”
“บอกฉันก็พอ ว่าบาสเป็นอะไร ฉัน...ไม่กล้าเจอหน้าเขา”
“ทำไมล่ะ แกมาถึงนี่แล้วนะ”
“มัน...ไม่เหมือนเดิมแล้ว เธอบอกบาสไปแล้วนิ ฉันไม่กล้าอ่ะ” แต่ดูเหมือนคำพูดของฉันจะไม่มีความหมายเลย นุ่นเปิดประตู แล้วดึงฉันเข้าไปทันที
ฉันเห็นคนที่ฉันรักมากที่สุด และเคยหนีเขาไปไกลแสนไกล กำลังนอนอยู่บนเตียงสีขาว เหมือนคนไม่รู้สึกตัว แต่จริงๆแล้ว ฉันว่าเขาหลับมากกว่า
“...บาส” ฉันเอ่ยออกไปโดยที่ฉันเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน แต่เสียงที่ฉันพูดมันก็เบามาก แต่บาสกลับได้ยิน เขาค่อยๆลืมตาขึ้น และหันหน้ามาทางฉัน เราสบตากันอยู่ชั่วครู่นึง บางอย่างมันบอกว่า เขารอคอยการกลับมาของฉัน แต่คำพูดของเขากลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง...
“มาทำไม...” ใจฉันแทบสลายจริงๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ตั้งแต่ที่เรารู้จักกันมา เขาไม่เคยพูดอย่างนี้เลย เมือ่ได้เจอฉัน ทุกครั้ง...เขาจะเข้ามากอดฉัน สำรวจใบหน้าฉัน ว่ามีความสุขดีรึปล่าว และฉันก็จะยิ้มให้เขาเห็นเสมอ แต่ตอนนี้ฉันกลับกำลังจะร้องไห้...
“มา...เยี่ยมน่ะ เห็นนุ่นบอกว่าบาสไม่สบาย เห็นอาการยังดีอยู่ งั้น...เอมกลับก่อนนะ แล้วถ้าว่างๆจะมาเยี่ยมใหม่” ฉันกำลังลังเลที่จะก้าวเท้าออกไป แต่คำพูดของบาสอีกครั้ง มันทิ่มแทงฉัน จนฉันไม่สามารถยืนอยู่ตรงนั้นได้อีกแล้ว ฉันวิ่งออกจากห้องทั้งน้ำตา...
‘ไม่ต้องมาแล้วล่ะ’
เขาโกรธใช่มั้ย บาสโกรธที่ฉันห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ฉันคิดอยู่แล้ว ว่ามันคงเป็นแบบนี้ ฉันถึงได้ไม่กล้าที่จะพูดออกไป เพราะกลัวว่าวันหนึ่ง จะต้องเสียเขาไป แต่ตอนนี้ฉันเสียเขาไปอย่างไม่มีวันได้กลับแล้ว ฉันมันแย่จริงๆ ฉันไม่สมควรกลับมาเลย ฉันกลับมาทำไมนะ...
“เอม รอด้วย! จะไปไหนน่ะ” นุ่นวิ่งตามมาคว้าไหล่ฉันไว้
“ฉันไม่ควรมาเลยด้วยซ้ำไป”
“แกจะบ้าเหรอ! แกก็เห็นนิว่ามันไม่สบาย มันก็แค่ไม่อยากให้แกมาลำบากกับมัน มันก็เลยพูดอย่างนั้น มันถึงได้ไม่ให้ฉันบอกแกไง แต่ฉันก็ทนดูนิยายน้ำเน่านี่ต่อไปไม่ไหวแล้วว่ะ แกทนให้มันเจ็บปวดอย่างนี้ โดยที่ไม่คิดจะไปดูแลมันเลยงั้นเหรอ”
“บาสก็ยังสบายดีนี่ เดี๋ยวเขาก็คงหายแล้วล่ะ ฉัน...ไม่จำเป็นหรอก”
“เหอะ เดี๋ยวก็หายงั้นเหรอ แกรู้รึปล่าวว่ามันเป็นอะไร”
“...ไม่รู้”
“เบื่อว้อย! งี่เง่า! มันเป็นเนื้องอกในสมอง ผ่าตัดก็ไม่รอด มันกำลังจะตาย แกว่ามันจะหายมั้ยล่ะ ห๊ะ!” นุ่นระเบิดคำพูดออกมา แล้วทรุดลงที่พื้น พร้อมกับร้องไห้ ฉันไม่มีแรงแม้แต่จะยืนต่อ เนื้องอกในสมอง อะไรกัน โกหกใช่มั้ย ใครก็ได้บอกฉันที ว่านี่แค่บทละครน้ำเน่า มันไม่ใช่เรื่องจริง แต่ดูเหมือนว่า ยิ่งฉันคิดอย่างนั้น ความจริงมันยิ่งบอกฉันว่าไม่ใช่ นุ่นที่เริ่มได้สติ เข้ามากอดฉันไว้
“มันยังไม่สายไปหรอกนะ เวลายังมีเหลืออยู่ แกไม่ควรหนีไปแบบนี้ รู้ดีใช่มั้ย ว่าถ้าแกไม่ใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่า แกจะต้องเสียบาสไป โดยที่ทั้งแกและบาสไม่ได้มีความสุขด้วยกันเลย แล้วแกก็จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต... กลับไปดูมันซะ อย่าสนใจสิ่งที่มันพูด ถ้าแกเชื่อมัน แกก็จะไม่ได้เห็นหน้ามันอีก แล้วไม่ใช่ว่ามันจะมีความสุขเลย พวกแกอย่าทรมานตัวเองอีกเลยนะ เชื่อฉันเถอะ”
“...ฮึกๆ ฉัน...จะกลับไป...ไปหาเขา...ฮึกๆ” นุ่นปล่อยฉันเป็นอิสระ เธอพยักหน้าเหมือนบอกให้ฉันรีบไปได้แล้ว ใช่! ฉันต้องรีบไป เวลาไม่ได้รอคอยฉัน ฉันจะต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด อย่างน้อย ก็แค่ขอให้บาสได้อยู่กับฉันนานกว่านี้ นานที่สุด ฉันอยากให้มันนานตลอดไป ปาฏิหาริย์มีจริงใช่มั้ย บาสจะต้องไม่เป็นอะไรหรอก
ปึง!!!
“เอม...” ฉันเห็นบาสยืนอยู่ข้างเตียงตัวเอง และเมื่อกี้ที่เขาหันหน้ามา ฉันก็เห็นแสงสะท้อนอยู่ที่แก้มของเขา เขากำลังร้องไห้...
“ทำอะไรน่ะ...” ฉันไม่อยากที่จะสูญเสียเขาไป และมันก็ต้องไม่เป็นอย่างนั้นด้วย ฉันอยากจะกอดเขาไว้อย่างนี้ตลอดไป...
“ในละครน่ะ...ฮึกๆ...พระเอกยังฟื้นจากการเป็นเจ้าชายนิทราเลยนะ บาสก็ต้องไม่เป็นอะไรเหมือนกันแหละ อยู่กับเอมนะ เป็นแค่เพื่อนก็ได้ ขอแค่ให้เอมได้...ฮึกๆ...กอด...บาสอย่างนี้ตลอดไปก็พอ อยู่ในฐานะอะไรก็ได้ แค่บาสอย่าไล่เอมก็พอ...นะ...ให้เอมได้ดูแลบาสนะ”
บาสไม่พูดอะไร แต่เขาเอามือมากุมมือฉัน ที่กอดเขาจากด้านหลังไว้แน่น เหมือนกับกลัวฉันหายไปไหน
“อยู่กับบาสนะ”
“อือ...เอมจะไม่ไปไหนแล้วนะ”
“อย่าร้องไห้สิ โกรธที่บาสไล่เอมเหรอ บาสละเมออยู่น่ะ ฮะๆ ละเมอไล่เอมได้ไงก็ไม่รู้ บ้าจริงๆ” เขาหันกลับมา ใช้มือเช็ดน้ำตาให้ฉันเหมือนตอนเด็กๆ เรากอดกันแน่นอีกครั้ง จนรับรู้ถึงไออุ่นของกันและกันได้
ราวกับทุกอย่างกำลังหยุดนิ่งไม่ไหวติง แสงแดดยามสายสาดส่องเข้ามาภายในห้อง เปรียบเหมือนแสงแห่งความสุขที่ไม่ได้พบเห็นมานาน ต่อให้พรุ่งนี้เป็นยังไงก็ไม่สำคัญอีกแล้ว แค่ตอนนี้ เวลานี้ ฉันมีคนที่ฉันรักมากที่สุด อยู่ในอ้อมกอด แม้จะเป็นแค่เพื่อนรัก ฉันก็ดีใจแล้ว
“บาส...”
“หือ?”
“เรา...ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ใช่ไหม”
“ไม่ได้”
“ทำไมล่ะ”
“ไม่ใช่เพื่อนอีกต่อไป”
ฉันไม่อยากเข้าข้างตัวเอง ว่าบาสคงรู้สึกเหมือนกัน ฉันอยากจะได้ยินให้แน่ใจจากปากของบาสเอง และฉันก็จะบอกเขาด้วยตัวฉันเองเช่นเดียวกัน และถึงแม้มันจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร
ผ่านมาอาทิตย์นึงแล้ว ที่ฉันอยู่ดูแลบาส รพ. จะกลายเป็นบ้านฉันไปแล้วล่ะ ส่วนอาการของบาส... ถ้าเขาไม่ปวดหัว เขาก็จะเหมือนคนปกติ แต่เมื่อใดที่เขาปวดหัว มันจะทรมานมาก ฉันเห็นเขากุมขมับตัวเอง อย่างกับว่ามันจะระเบิดออกมา แต่ฉันก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย หมอก็ทำได้เพียงแค่ให้เขาหายปวดหัวชั่วคราวเท่านั้น หมอบอกว่า อาการเขาจะแย่ลงเรื่อยๆ จนกระทั่ง...
“ขอให้มีปาฏิหาริย์ทีเถอะ” ฉันไม่มีทางทำอย่างอื่นได้เลย นอกจากอ้อนวอนพระเจ้าให้ช่วยบาส
“...มันไม่มีจริงหรอกเอม” ฉันหันหลังกลับไป แล้วพบบาสนั่งอยู่บนรถเข็น
“บาสออกมาทำไม บาสควรจะพักนะ”
“เดี๋ยวก็ได้พักยาวแล้วล่ะ” เขาเบือนหน้าหนีฉัน เพราะน้ำตาคลอเบ้า ฉันจึงนั่งลงข้างหน้าเขา ใช้มือจับหน้าเขาเบาๆให้หันมา
“...บาส ถ้าอยากร้องไห้ ไม่ต้องอายเอมหรอกนะ”
“T_T”
“เอมจะอยู่ข้างบาส ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม เอมเคยบอกบาสแล้วนิ”
“แต่บาส...จะต้อง...ตาย...เอมก็รู้”
“แต่ตอนนี้บาสก็ยังมองเห็นเอมนี่ บาสยังมีลมหายใจอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“...แต่สักวันมันก็ต้อง...หมดไป”
“อย่าพูดอย่างนี้อีกนะบาส...ฮึกๆ...บาสต้องอยู่กับเอมสิ เอมอยู่กับบาสมาตลอดเลยนะ รู้รึปล่าว เอมน่ะ...เป็นดวงดาวของบาสมาตลอดเลยนะ ไม่ว่าบาสจะเป็นยังไง เอมก็อยู่...ฮึก...กับบาสมาตลอด และก็จะตลอดไปด้วยนะ”
“ทำไม...บาสเพิ่งเห็นดวงดาวดวงนี้นะ...ฮึกๆ...ทำไมบาสเพิ่งเห็นเอม...ตอนที่มันสายเกินไปด้วย”
“ดวงดาวน่ะ...อยู่กับเราตลอดเวลานั่นแหละ...ฮึก...แต่เพราะมันมีแสงสว่างคอยบดบังไว้ เราก็เลยมองเห็นแค่ยามกลางคืน แต่เราก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าทุกๆเวลา มีดวงดาวมากมาย อยู่บนท้องฟ้า...เหมือนกับเอมไง ถึงแม้บาสจะเพิ่งเห็น...แต่บาสก็รู้ ว่าเอม...ฮึก...อยู่ข้างบาสมาเสมอนะ”
เราร้องไห้ด้วยกัน ยิ้มให้กัน ถึงแม้มันจะเจ็บปวดอยู่ลึกๆ แต่แค่มีความรัก ความทุกข์ต่างๆ ก็ถูกบดบังไว้จนหมดสิ้น รอยจูบแผ่วเบาที่หน้าผากฉัน มันจะตราตรึงใจฉันไปอีกนานแสนนาน
“บาส...รักเอมนะ...อาจจะดูเหมือนโกหกที่เพิ่งรู้ใจตัวเองตอนนี้...แต่ต่อไปนี้ เอมอย่าร้องไห้อีกเลยนะ บาสอาจมอบความสุขให้เอมได้แค่นี้ แต่บาสก็หวังว่า เอมจะไม่ต้องร้องไห้อีก...ได้ไหม”
“เอม...จะไม่ร้องไห้”
ความรักและความอบอุ่น ที่รู้สึกได้จากการกอดนี้ นี่สินะ ความสุขที่ฉันรอคอยมานานแสนนาน แต่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะหมดลงเมื่อใด ขอให้มันอย่าหมดลงเลยนะ ขอให้ฉันได้มีความสุขนานๆได้ไหม...
“เอม...ก็รัก...บาส”
ตุ๊บ!!!
ไหล่ของฉันแทบทรุดเมื่อบาสได้ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงมาที่ฉัน แขนของเขาที่เคยโอบกอดฉันไว้ ล่วงหล่นลง ไม่จริงใช่ไหม ขอให้มัน...อย่าเป็นความจริงได้ไหม
“...ฮึกๆ...เอมรักบาสนะ...ฮือๆ รักมากจริงๆ...รัก...มากจริงๆ...” เสียงฉันค่อยๆ แผ่วเบาลง มีแต่เสียงสะอื้นเข้ามาแทนที่ ฉันร้องไห้เหมือนจะขาดใจ ฉันไม่อยากให้เขาจากฉันไปไหน ไม่จริงใช่ไหม ร่างกายของเขายังอยู่ในอ้อมกอดฉันอยู่เลย เมื่อกี้เขายังกอดฉันอยู่เลย แล้วทำไม...ต้องพรากเขาไปจากฉัน...ทำไมกันนะ...ทำไมคนที่รักกัน...ถึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน...ทำไม...
อย่าปล่อยบางสิ่งให้ผ่านไป...
โดยที่เราไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย...
โดยเฉพาะความรักจากผู้อื่น...
อย่าคิดว่าคนที่อยู่ใกล้ตัวเรา...
ยังไงก็ไม่หนีจากเราไปไหน...
ชีวิตคนเรามันสั้นจริงๆ...
พรุ่งนี้เราอาจไม่เห็นใครอีกสักคนก็เป็นได้...
อย่าเพียงแต่พูดว่า...’สักวันนึง’
เพราะบางที...มันอาจจะไม่มีวันนั้น...
คำเดียวเท่านั้น ในครั้งนั้นทำไมฉันถึงไม่กล้าบอกเธอ
เก็บซุกซ่อนเอาไว้ในใจ ทุกทีที่เจอ
คำๆเดียวคือคำว่ารัก... ฉันรักเธอ...
                                                                                                    บทเพลงในสายลม / ทาทา ยัง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เย้!!! จบแล้ว จบสักที แต่เศร้าชะมัด ทั้งๆที่รู้ว่าเศร้า ก็ยังแต่งแบบนี้อีก ซาบิชี่นี่ไม่ไหวเลยเนอะ จากนี้ไป คงไม่ได้เจอกันอีกนาน เพราะเปิดเทอมแล้ว เบื่อจริงๆ มีเรื่องยาวแต่งค้างไว้อยู่เรื่องนึง เป็นเรื่องยาวเรื่องแรก อยากแต่งให้จบ แล้วค่อยเอามาลง จะได้ไม่ต้องแก้ทีหลัง
ฝากผลงาน because you\'re my friend ทั้งสองภาคด้วยนะคะ ซาบิชี่ตั้งใจแต่งเรื่องนี้มากๆ และก็คิดว่าเขียนได้ดีพอควร แต่ก็ยังไม่ดีที่สุด ยังไงก็จะพัฒนาต่อไป ชอบไม่ชอบยังไง ก็โพสด้วยนะจ้ะ จะด่าก็ได้ ไม่ว่ากัน บ๊ายบาย
ไม่หวังให้มีคนอ่านมากมาย...แค่อยากให้รับรู้ความรักฉบับของ...ซาบิชี่^_^
อยู่กับเธอทุกช่วงเวลาที่ยังมีฟากฟ้า
แต่เธอกลับเห็นแค่ยามกลางคืน
นั่นเพราะบางสิ่งได้บดบังเอาไว้
เหมือนความรักของฉันที่เธอไม่เคยเห็นค่า
เพราะมีคนมากมายคอยมอบความรักให้เธอ
แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ...
ยังไงฉันคนนี้...ก็ยังรัก...เธอ
นี่ฉันมาทำอะไรอยู่ที่นี่นะ ฉันจากความรักของฉันมา เพื่อมาอยู่ในที่ๆฉันไม่รู้จักใครเลยแบบนี้น่ะเหรอ...
ตั้งแต่ย้ายหนีมาอยู่อเมริกา ดินแดนที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากจะมา ก็เป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้ว ฉันไม่ได้ติดต่อกลับหาใครเลยที่เมืองไทย แม้จะอยู่ในที่ใหม่ๆ แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนยังอยู่ในที่ๆยังมีบาสอยู่เสมอ ทั้งๆที่ฉันไม่เห็นเขาแล้วด้วยซ้ำไป แต่ฉันกลับยังคิดอย่างนั้นเสมอ มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย การหนีความจริงไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลย มันไม่เคยทำให้ฉันมีความสุขขึ้นเลยสักนิดเดียว นี่ฉันตัดสินใจถูก รึปล่าวนะ?
ฉันลองเข้าไปเช็คเมลล์ที่ไม่ได้แตะต้องมาเป็นชาติ มีเมลล์นับล้านอยู่ใน Inbox ครบ 100% เต็มเลยล่ะ มีเมลล์ของแม่สัก 5 ฉบับเขียนเหมือนกันหมด ว่าให้ติดต่อกลับด้วย แล้วก็มีเมลล์ของนุ่น 1 ฉบับ นอกนั้น ก็เป็นเมลล์ลูกโซ่ เมลล์ของนุ่นสั้นๆ แต่เป็นที่น่าสงสัยอย่างมาก ‘โทรกลับด้วย ถ้าแกไม่อยากเสียใจไปตลอดชีวิต’ ฉันมีอะไรต้องเสียใจอีกรึยังไง แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ
“สวัสดีคะ ต้องการพูดสายกับใครคะ”
“พูดกับเธอนั่นแหละ”
“ยัยเอม!!!”
“โอ๊ย! ตะโกนมาได้ หูแทบแตกแน่ะ”
“ทำไมแกเพิ่งโทรมาป่านนี้ หายหัวไปไหนมาย่ะ ติดใจพวกตาน้ำข้าวแล้วรึไง”
“นี่! ก่อนที่เธอจะด่าฉันไปมากกว่านี้ ฉันอยากบอกเธอว่า ฉันโทรแบบเก็บตังค์ปลายทางอ่ะ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด! แกรู้ไหมแค่นี้ฉันก็ไม่มีจะกินแล้วนะ เอาเหอะ ฉันจะพูดเร็วๆแล้วกัน เดี๋ยวไม่ได้บอกกันพอดี”
“เออ! นั่นสิ เธอมีเรื่องไรล่ะ”
“แกไม่ต้องพูดอะไรขัดฉันนะ พอฉันพูดจบ ฉันจะวางทันที คือว่า...”
“...”
“บาสรู้ทุกอย่างแล้ว รู้ว่าแกไปไหน เพราะอะไร มันรู้ความรู้สึกทุกอย่างของแกแล้ว เพราะฉันบอกเอง ขอโทษทีนะเว้ย แต่มันจำเป็น และตอนนี้ ทุกอย่างกำลังแย่ เพราะบาสเข้าโรงพยาบาล ถ้าแกอยากรู้ว่ามันเป็นอะไร ก็รีบกลับมาซะ ไม่งั้นแกอาจไม่ได้เห็นหน้ามันอีก และแกก็จะไม่มีสิทธิ์บอกทุกอย่างด้วยตัวของแกเอง แค่นี้นะ!”
“เดี๋ยว! ฮัลโหล! ฮัลโหล!” วางไปแล้ว อะไรว้า เดี๋ยวจ่ายคืนทีหลังก็ได้ อะไรเนี่ย ยังไม่ทันรู้เรื่องเลย เข้าโรงพยาบาล เป็นไปได้ยังไง บาสแข็งแรงจะตายไป เสียใจ? ไม่ได้เห็นหน้า? นี่มันอะไรกันเนี่ย
ในที่สุดฉันก็ได้กลับมาเหยียบแผ่นดินเกิดอีกครั้ง โดยที่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ฉันทำตามที่ตัวเองหวังไว้ไม่ได้ แต่ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรเลย นอกจากรู้ว่าบาสเป็นอะไร
ฉันรีบเร่งคนขับแท็กซี่ ให้บึ่งรถมาบ้านนุ่น และในที่สุดก็ถึงจนได้...
“นี่คะ! ไม่ต้องทอนนะคะ”
“จะทอนได้ยังไงล่ะหนู นี่มันยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของค่าแท็กซี่เลยด้วยซ้ำ” ฉันมองไปที่มิตเตอร์ บอกราคา 375 บาท และมองกลับไปที่แบงค์ที่ฉันยื่นให้ ปรากฎว่ามันเป็นแบงค์ยี่สิบ  เมื่อกี้ฉันยื่นแบงค์ 500 นี่หว่า สงสัยว่ายังเมาเครื่องบินอยู่ ฉันจึงยื่นแบงค์ 500 ให้ลุงคนขับใหม่อีกครั้ง และไม่เอาเงินทอน ฉันนี่มันรวยจริงๆ
ปังๆๆๆๆ! ปังๆๆๆๆ!
“รู้แล้วว้อย! ใครวะ! รู้จักป่ะ มารยาทอ่ะ! O_O ยัยเอม”
“บาสเป็นอะไร อยู่ รพ. ไหน บอกฉันมา เร็ว!”
“ใจเย็นๆดิ เข้ามานั่งก่อน เดี๋ยวฉันจะพาแกไป”
ฉันรวบรวมสติ แล้วเดินเข้าไปในบ้านนุ่น 5 นาทีพอดีเป๊ะ เราก็ออกจากบ้านนุ่นกัน สักพักก็ถึง รพ. ที่ยังคงเงียบอยู่ เพราะยังเช้ามาก ใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ และขณะที่นุ่นกำลังจะบิดประตูเพื่อเปิด ใจฉันมันก็ไม่กล้าขึ้นมา
“นุ่น!!!”
“อะไรอีกล่ะ แกบอกให้รีบพามาเองนะ”
“บอกฉันก็พอ ว่าบาสเป็นอะไร ฉัน...ไม่กล้าเจอหน้าเขา”
“ทำไมล่ะ แกมาถึงนี่แล้วนะ”
“มัน...ไม่เหมือนเดิมแล้ว เธอบอกบาสไปแล้วนิ ฉันไม่กล้าอ่ะ” แต่ดูเหมือนคำพูดของฉันจะไม่มีความหมายเลย นุ่นเปิดประตู แล้วดึงฉันเข้าไปทันที
ฉันเห็นคนที่ฉันรักมากที่สุด และเคยหนีเขาไปไกลแสนไกล กำลังนอนอยู่บนเตียงสีขาว เหมือนคนไม่รู้สึกตัว แต่จริงๆแล้ว ฉันว่าเขาหลับมากกว่า
“...บาส” ฉันเอ่ยออกไปโดยที่ฉันเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน แต่เสียงที่ฉันพูดมันก็เบามาก แต่บาสกลับได้ยิน เขาค่อยๆลืมตาขึ้น และหันหน้ามาทางฉัน เราสบตากันอยู่ชั่วครู่นึง บางอย่างมันบอกว่า เขารอคอยการกลับมาของฉัน แต่คำพูดของเขากลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง...
“มาทำไม...” ใจฉันแทบสลายจริงๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ตั้งแต่ที่เรารู้จักกันมา เขาไม่เคยพูดอย่างนี้เลย เมือ่ได้เจอฉัน ทุกครั้ง...เขาจะเข้ามากอดฉัน สำรวจใบหน้าฉัน ว่ามีความสุขดีรึปล่าว และฉันก็จะยิ้มให้เขาเห็นเสมอ แต่ตอนนี้ฉันกลับกำลังจะร้องไห้...
“มา...เยี่ยมน่ะ เห็นนุ่นบอกว่าบาสไม่สบาย เห็นอาการยังดีอยู่ งั้น...เอมกลับก่อนนะ แล้วถ้าว่างๆจะมาเยี่ยมใหม่” ฉันกำลังลังเลที่จะก้าวเท้าออกไป แต่คำพูดของบาสอีกครั้ง มันทิ่มแทงฉัน จนฉันไม่สามารถยืนอยู่ตรงนั้นได้อีกแล้ว ฉันวิ่งออกจากห้องทั้งน้ำตา...
‘ไม่ต้องมาแล้วล่ะ’
เขาโกรธใช่มั้ย บาสโกรธที่ฉันห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ฉันคิดอยู่แล้ว ว่ามันคงเป็นแบบนี้ ฉันถึงได้ไม่กล้าที่จะพูดออกไป เพราะกลัวว่าวันหนึ่ง จะต้องเสียเขาไป แต่ตอนนี้ฉันเสียเขาไปอย่างไม่มีวันได้กลับแล้ว ฉันมันแย่จริงๆ ฉันไม่สมควรกลับมาเลย ฉันกลับมาทำไมนะ...
“เอม รอด้วย! จะไปไหนน่ะ” นุ่นวิ่งตามมาคว้าไหล่ฉันไว้
“ฉันไม่ควรมาเลยด้วยซ้ำไป”
“แกจะบ้าเหรอ! แกก็เห็นนิว่ามันไม่สบาย มันก็แค่ไม่อยากให้แกมาลำบากกับมัน มันก็เลยพูดอย่างนั้น มันถึงได้ไม่ให้ฉันบอกแกไง แต่ฉันก็ทนดูนิยายน้ำเน่านี่ต่อไปไม่ไหวแล้วว่ะ แกทนให้มันเจ็บปวดอย่างนี้ โดยที่ไม่คิดจะไปดูแลมันเลยงั้นเหรอ”
“บาสก็ยังสบายดีนี่ เดี๋ยวเขาก็คงหายแล้วล่ะ ฉัน...ไม่จำเป็นหรอก”
“เหอะ เดี๋ยวก็หายงั้นเหรอ แกรู้รึปล่าวว่ามันเป็นอะไร”
“...ไม่รู้”
“เบื่อว้อย! งี่เง่า! มันเป็นเนื้องอกในสมอง ผ่าตัดก็ไม่รอด มันกำลังจะตาย แกว่ามันจะหายมั้ยล่ะ ห๊ะ!” นุ่นระเบิดคำพูดออกมา แล้วทรุดลงที่พื้น พร้อมกับร้องไห้ ฉันไม่มีแรงแม้แต่จะยืนต่อ เนื้องอกในสมอง อะไรกัน โกหกใช่มั้ย ใครก็ได้บอกฉันที ว่านี่แค่บทละครน้ำเน่า มันไม่ใช่เรื่องจริง แต่ดูเหมือนว่า ยิ่งฉันคิดอย่างนั้น ความจริงมันยิ่งบอกฉันว่าไม่ใช่ นุ่นที่เริ่มได้สติ เข้ามากอดฉันไว้
“มันยังไม่สายไปหรอกนะ เวลายังมีเหลืออยู่ แกไม่ควรหนีไปแบบนี้ รู้ดีใช่มั้ย ว่าถ้าแกไม่ใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่า แกจะต้องเสียบาสไป โดยที่ทั้งแกและบาสไม่ได้มีความสุขด้วยกันเลย แล้วแกก็จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต... กลับไปดูมันซะ อย่าสนใจสิ่งที่มันพูด ถ้าแกเชื่อมัน แกก็จะไม่ได้เห็นหน้ามันอีก แล้วไม่ใช่ว่ามันจะมีความสุขเลย พวกแกอย่าทรมานตัวเองอีกเลยนะ เชื่อฉันเถอะ”
“...ฮึกๆ ฉัน...จะกลับไป...ไปหาเขา...ฮึกๆ” นุ่นปล่อยฉันเป็นอิสระ เธอพยักหน้าเหมือนบอกให้ฉันรีบไปได้แล้ว ใช่! ฉันต้องรีบไป เวลาไม่ได้รอคอยฉัน ฉันจะต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด อย่างน้อย ก็แค่ขอให้บาสได้อยู่กับฉันนานกว่านี้ นานที่สุด ฉันอยากให้มันนานตลอดไป ปาฏิหาริย์มีจริงใช่มั้ย บาสจะต้องไม่เป็นอะไรหรอก
ปึง!!!
“เอม...” ฉันเห็นบาสยืนอยู่ข้างเตียงตัวเอง และเมื่อกี้ที่เขาหันหน้ามา ฉันก็เห็นแสงสะท้อนอยู่ที่แก้มของเขา เขากำลังร้องไห้...
“ทำอะไรน่ะ...” ฉันไม่อยากที่จะสูญเสียเขาไป และมันก็ต้องไม่เป็นอย่างนั้นด้วย ฉันอยากจะกอดเขาไว้อย่างนี้ตลอดไป...
“ในละครน่ะ...ฮึกๆ...พระเอกยังฟื้นจากการเป็นเจ้าชายนิทราเลยนะ บาสก็ต้องไม่เป็นอะไรเหมือนกันแหละ อยู่กับเอมนะ เป็นแค่เพื่อนก็ได้ ขอแค่ให้เอมได้...ฮึกๆ...กอด...บาสอย่างนี้ตลอดไปก็พอ อยู่ในฐานะอะไรก็ได้ แค่บาสอย่าไล่เอมก็พอ...นะ...ให้เอมได้ดูแลบาสนะ”
บาสไม่พูดอะไร แต่เขาเอามือมากุมมือฉัน ที่กอดเขาจากด้านหลังไว้แน่น เหมือนกับกลัวฉันหายไปไหน
“อยู่กับบาสนะ”
“อือ...เอมจะไม่ไปไหนแล้วนะ”
“อย่าร้องไห้สิ โกรธที่บาสไล่เอมเหรอ บาสละเมออยู่น่ะ ฮะๆ ละเมอไล่เอมได้ไงก็ไม่รู้ บ้าจริงๆ” เขาหันกลับมา ใช้มือเช็ดน้ำตาให้ฉันเหมือนตอนเด็กๆ เรากอดกันแน่นอีกครั้ง จนรับรู้ถึงไออุ่นของกันและกันได้
ราวกับทุกอย่างกำลังหยุดนิ่งไม่ไหวติง แสงแดดยามสายสาดส่องเข้ามาภายในห้อง เปรียบเหมือนแสงแห่งความสุขที่ไม่ได้พบเห็นมานาน ต่อให้พรุ่งนี้เป็นยังไงก็ไม่สำคัญอีกแล้ว แค่ตอนนี้ เวลานี้ ฉันมีคนที่ฉันรักมากที่สุด อยู่ในอ้อมกอด แม้จะเป็นแค่เพื่อนรัก ฉันก็ดีใจแล้ว
“บาส...”
“หือ?”
“เรา...ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ใช่ไหม”
“ไม่ได้”
“ทำไมล่ะ”
“ไม่ใช่เพื่อนอีกต่อไป”
ฉันไม่อยากเข้าข้างตัวเอง ว่าบาสคงรู้สึกเหมือนกัน ฉันอยากจะได้ยินให้แน่ใจจากปากของบาสเอง และฉันก็จะบอกเขาด้วยตัวฉันเองเช่นเดียวกัน และถึงแม้มันจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร
ผ่านมาอาทิตย์นึงแล้ว ที่ฉันอยู่ดูแลบาส รพ. จะกลายเป็นบ้านฉันไปแล้วล่ะ ส่วนอาการของบาส... ถ้าเขาไม่ปวดหัว เขาก็จะเหมือนคนปกติ แต่เมื่อใดที่เขาปวดหัว มันจะทรมานมาก ฉันเห็นเขากุมขมับตัวเอง อย่างกับว่ามันจะระเบิดออกมา แต่ฉันก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย หมอก็ทำได้เพียงแค่ให้เขาหายปวดหัวชั่วคราวเท่านั้น หมอบอกว่า อาการเขาจะแย่ลงเรื่อยๆ จนกระทั่ง...
“ขอให้มีปาฏิหาริย์ทีเถอะ” ฉันไม่มีทางทำอย่างอื่นได้เลย นอกจากอ้อนวอนพระเจ้าให้ช่วยบาส
“...มันไม่มีจริงหรอกเอม” ฉันหันหลังกลับไป แล้วพบบาสนั่งอยู่บนรถเข็น
“บาสออกมาทำไม บาสควรจะพักนะ”
“เดี๋ยวก็ได้พักยาวแล้วล่ะ” เขาเบือนหน้าหนีฉัน เพราะน้ำตาคลอเบ้า ฉันจึงนั่งลงข้างหน้าเขา ใช้มือจับหน้าเขาเบาๆให้หันมา
“...บาส ถ้าอยากร้องไห้ ไม่ต้องอายเอมหรอกนะ”
“T_T”
“เอมจะอยู่ข้างบาส ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม เอมเคยบอกบาสแล้วนิ”
“แต่บาส...จะต้อง...ตาย...เอมก็รู้”
“แต่ตอนนี้บาสก็ยังมองเห็นเอมนี่ บาสยังมีลมหายใจอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“...แต่สักวันมันก็ต้อง...หมดไป”
“อย่าพูดอย่างนี้อีกนะบาส...ฮึกๆ...บาสต้องอยู่กับเอมสิ เอมอยู่กับบาสมาตลอดเลยนะ รู้รึปล่าว เอมน่ะ...เป็นดวงดาวของบาสมาตลอดเลยนะ ไม่ว่าบาสจะเป็นยังไง เอมก็อยู่...ฮึก...กับบาสมาตลอด และก็จะตลอดไปด้วยนะ”
“ทำไม...บาสเพิ่งเห็นดวงดาวดวงนี้นะ...ฮึกๆ...ทำไมบาสเพิ่งเห็นเอม...ตอนที่มันสายเกินไปด้วย”
“ดวงดาวน่ะ...อยู่กับเราตลอดเวลานั่นแหละ...ฮึก...แต่เพราะมันมีแสงสว่างคอยบดบังไว้ เราก็เลยมองเห็นแค่ยามกลางคืน แต่เราก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าทุกๆเวลา มีดวงดาวมากมาย อยู่บนท้องฟ้า...เหมือนกับเอมไง ถึงแม้บาสจะเพิ่งเห็น...แต่บาสก็รู้ ว่าเอม...ฮึก...อยู่ข้างบาสมาเสมอนะ”
เราร้องไห้ด้วยกัน ยิ้มให้กัน ถึงแม้มันจะเจ็บปวดอยู่ลึกๆ แต่แค่มีความรัก ความทุกข์ต่างๆ ก็ถูกบดบังไว้จนหมดสิ้น รอยจูบแผ่วเบาที่หน้าผากฉัน มันจะตราตรึงใจฉันไปอีกนานแสนนาน
“บาส...รักเอมนะ...อาจจะดูเหมือนโกหกที่เพิ่งรู้ใจตัวเองตอนนี้...แต่ต่อไปนี้ เอมอย่าร้องไห้อีกเลยนะ บาสอาจมอบความสุขให้เอมได้แค่นี้ แต่บาสก็หวังว่า เอมจะไม่ต้องร้องไห้อีก...ได้ไหม”
“เอม...จะไม่ร้องไห้”
ความรักและความอบอุ่น ที่รู้สึกได้จากการกอดนี้ นี่สินะ ความสุขที่ฉันรอคอยมานานแสนนาน แต่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะหมดลงเมื่อใด ขอให้มันอย่าหมดลงเลยนะ ขอให้ฉันได้มีความสุขนานๆได้ไหม...
“เอม...ก็รัก...บาส”
ตุ๊บ!!!
ไหล่ของฉันแทบทรุดเมื่อบาสได้ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงมาที่ฉัน แขนของเขาที่เคยโอบกอดฉันไว้ ล่วงหล่นลง ไม่จริงใช่ไหม ขอให้มัน...อย่าเป็นความจริงได้ไหม
“...ฮึกๆ...เอมรักบาสนะ...ฮือๆ รักมากจริงๆ...รัก...มากจริงๆ...” เสียงฉันค่อยๆ แผ่วเบาลง มีแต่เสียงสะอื้นเข้ามาแทนที่ ฉันร้องไห้เหมือนจะขาดใจ ฉันไม่อยากให้เขาจากฉันไปไหน ไม่จริงใช่ไหม ร่างกายของเขายังอยู่ในอ้อมกอดฉันอยู่เลย เมื่อกี้เขายังกอดฉันอยู่เลย แล้วทำไม...ต้องพรากเขาไปจากฉัน...ทำไมกันนะ...ทำไมคนที่รักกัน...ถึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน...ทำไม...
อย่าปล่อยบางสิ่งให้ผ่านไป...
โดยที่เราไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย...
โดยเฉพาะความรักจากผู้อื่น...
อย่าคิดว่าคนที่อยู่ใกล้ตัวเรา...
ยังไงก็ไม่หนีจากเราไปไหน...
ชีวิตคนเรามันสั้นจริงๆ...
พรุ่งนี้เราอาจไม่เห็นใครอีกสักคนก็เป็นได้...
อย่าเพียงแต่พูดว่า...’สักวันนึง’
เพราะบางที...มันอาจจะไม่มีวันนั้น...
คำเดียวเท่านั้น ในครั้งนั้นทำไมฉันถึงไม่กล้าบอกเธอ
เก็บซุกซ่อนเอาไว้ในใจ ทุกทีที่เจอ
คำๆเดียวคือคำว่ารัก... ฉันรักเธอ...
                                                                                                    บทเพลงในสายลม / ทาทา ยัง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เย้!!! จบแล้ว จบสักที แต่เศร้าชะมัด ทั้งๆที่รู้ว่าเศร้า ก็ยังแต่งแบบนี้อีก ซาบิชี่นี่ไม่ไหวเลยเนอะ จากนี้ไป คงไม่ได้เจอกันอีกนาน เพราะเปิดเทอมแล้ว เบื่อจริงๆ มีเรื่องยาวแต่งค้างไว้อยู่เรื่องนึง เป็นเรื่องยาวเรื่องแรก อยากแต่งให้จบ แล้วค่อยเอามาลง จะได้ไม่ต้องแก้ทีหลัง
ฝากผลงาน because you\'re my friend ทั้งสองภาคด้วยนะคะ ซาบิชี่ตั้งใจแต่งเรื่องนี้มากๆ และก็คิดว่าเขียนได้ดีพอควร แต่ก็ยังไม่ดีที่สุด ยังไงก็จะพัฒนาต่อไป ชอบไม่ชอบยังไง ก็โพสด้วยนะจ้ะ จะด่าก็ได้ ไม่ว่ากัน บ๊ายบาย
ไม่หวังให้มีคนอ่านมากมาย...แค่อยากให้รับรู้ความรักฉบับของ...ซาบิชี่^_^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น