คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : GREEK ROMANCE : HADES & PERSEPHONE
Bernini, The Rape of Proserpina, Sculpture
หน้าหนาวหมายความว่า Persephone ต้องกลับไปยมโลก
ฮาเดสจะนั่งรออยู่บนบัลลังค์รอการกลับมาของเธอ
โลกจะขาดความอบอุ่น
แต่ยมโลกจะไม่เป็นเช่นนั้น
แพ็คเสื้อผ้าใส่กระเป๋า
มาร์คโบกลาครอบครัวในแอลเอ
เขามีอาชีพหลอกๆว่าเป็นนักสังคม
ชอบหายตัวไปในประเทศต่างๆ และนานๆครั้งจะกลับบ้าน
และช่วงที่หายไปก็คือช่วงหน้าหนาวของทุกๆปี
คริสมาสตร์
ของขวัญใต้ต้นไม้ ถุงเท้าสีแดง ไก่งวง มาร์คไม่รู้จักมันมานานเท่าไรแล้วนะ
อาจจะตั้งแต่สบตาเข้ากับดวงตาสีดำของใครบางคนในห้องสมุดยิ่งใหญ่ของมหาลัยวิทยาลัย
ภายใต้ระบบดิวอี้
หมวด 100 ปรัชญา (Philosophy)
บางครั้งความแฟนตาซีก็ช่างใกล้ตัวเราเหลือเกิน
มาร์คโบกมือลาครอบครัวที่มาส่งเขาที่สนามบิน
เขาปฏิเสธที่จะให้คุณคนเข้าไปส่ง ไล่ให้ทุกคนกลับไปก่อน เพราะสนามบิน
เครื่องบินไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องใช้
เครื่องบินเป็นเรื่องราวของซุส
มันอยู่ในพื้นที่ปกครองของซุส
เรือเป็นเรื่องราวของโพไซดอน มันอยู่ในพื้นที่ปกครองของโพไซดอน
มาร์คขนของไปมาก
มากพอที่จะใช้ชีวิตอยู่ตลอดช่วงหน้าหนาว
ซื้อกรีนทีเฟรบเป้จากสตาร์บั๊ค
เพราะอีกหลายเดือน มาร์คจึงจะได้ลิ้มรสชาดนี้อีก
การเดินทางที่มาร์คเลือกต้องบนดินเท่านั้น
เพราะมันเป็นที่ที่คนคนนั้นสั่งแกมบังคับ
ลากกระเป๋าใบใหญ่
กดบัตรรถไฟใต้ดิน ไม่มีสถานีให้มาร์คเลือกหรอก
หากแหวนพิเศษที่เขามี
ไม่ถูกเครื่องอ่านบาร์โค้ด
ปลายทางที่มาร์คต้องไปแสดงขึ้นในหน้าจอ
ตลกดี
ไม่ยักรู้ว่าระบบเทคโนโลยีเข้าถึงยมโลกแล้วด้วย
ค่อยๆลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้าไปในตัวรถไฟฟ้าใต้ดิน
มาร์คมองคนรอบๆตัวอย่างใส่ใจ
เพราะมาร์คจะไม่ได้เห็นคนไปอีกครู่น่ะสิ
รถไฟใต้ดินค่อยๆแล่นไปตามรางของมัน
หยุดประปรายตามสถานีต่างๆ คนค่อยๆทยอยจากมาร์คไป ใครที่จะโดยสารไปยังสถานีต่อไปไม่ใช่คนหรอก
ยกเว้ยนเขา
“เป็นอะไรตายน่ะไอหนุ่ม
ทำไมเอ็งมีกระเป๋าใบโตเอาไปด้วย พวกข้าไม่เห็นมีอะไรนอกจากเหรียญในปาก”
ลุงแก่ๆสักคนในขบวนทักมาร์ค
มาร์คยิ้ม
“เป็นสิทธิพิเศษของผมน่ะครับ”
ลุงคน(?)เดิมก็บ่นไปตลอดทาง
เรื่องความตายที่ไม่ยุติธรรม
มาร์คไม่รู้จะบอกลุงอย่างไรดี
ว่าเขายังไม่ตาย
ปลายทางสถานีพิเศษมาถึง
ถ้าพูดง่ายๆ มันคงเป็น interchange ให้เปลี่ยนจากรถไฟใต้ดินสู่เรือ
มีป้ายเขียนไว้
ท่าแม่น้ำสติกซ์
มาร์คแทบหัวเราะ
ไม่ได้มาตั้งนาน มีการปรับปรุงทิศทางด้วย
และมาร์คก็กลั้นหัวเราะไม่ไหว
ตลกไปแล้ว
มี information desk ที่ท่าแม่น้ำสติกซ์ด้วย
สำหรับแนะนำดวงวิญญาณที่ไม่รู้ต้องทำอย่างไร
“สวัสดีครับ
คุณมาร์ค” ผู้ช่วยที่โต๊ะติดต่อสอบถามทักมาร์ค มาร์คอ่านชื่อของเขาที่อยู่บนเสื้อ
มาร์คัส
“สวัสดีมาร์คัส
ผมต้องไปทางไหน”
“คุณมองไปทางช่องเอ็กซ์เพลสเวย์เลยครับ
มันเป็นช่องทางสำหรับเทพที่ต้องการพบท่านฮาเดส”
“สวัสดีมาร์ค”
“สวัสดีเฮอร์เมส
ทำไมวันนี้ถึงมาด้วยตัวเองล่ะครับ”
เฮอร์มีส
นอกจากเขาจะส่งของแล้ว เขายังส่งวิญญาณด้วย
“ปกติก็ให้ลูกน้องมาเองนั่นแหละ
แต่เพิ่งเปลี่ยนจากระบบแทร็กกิ้งลองระบบคิวอาร์โค้ดบนพวกวิญญาณนี่แหละ
แต่มีปัญหาเรื่องสแกนเข้านิดหน่อย เพราะฮาเดสเปลี่ยนระบบใหม่น่ะสิ” เฮอร์มีสบ่น
มาร์คขบขัน
สงสัยฮาเดสจะอินตอนเขาพาไปดูงานบนโลกแน่ๆ
มาร์คขอตัวไปขึ้นเรือก่อน
เขาทักทายแครอนซึ่งตอนนี้เปลี่ยนมาใส่ชุดคนขับเรือแล้ว
“ชุดเท่นะคุณแครอน”
“ครับ
ท่านฮาเดสบังคับใส่ บอกเพื่อความเป็นระเบียบ”
มาร์คไม่อยากยอมรับหรอกว่า…สามีของเขามีมุมที่น่ารัก
มันไม่ใช่เรื่องที่โอเคสำหรับมาร์คสักเท่าไร
ครั้งแรกที่มาร์คมายมโลก
มาร์คหัวเสียไปหมด ทั้งโกรธ ทั้งกลัว ทั้งตกใจ เขาลักพาตัวมาร์ค
แถมยังพูดจาไม่ดีใส่มาร์คต่างๆนานา
มาร์คเป็นโรคซึมเศร้าจนฮาเดสต้องยอมให้มาร์คกลับขึ้นไปบนโลกเพื่อรักษา
เขาแวะเวียนมาหามาร์คบ่อยเท่าที่จะบ่อยได้
แจ็คสัน
ไม่สิ ฮาเดส มาร์คควรเรียกเขาอย่างให้เกียรติ เหมือนคนรัก
แต่ไม่รู้จะแสดงออกอย่างไร
เขาเหมือนน้ำแข็ง
แต่เขาอบอุ่น
เขารักมาร์ค
มาร์ครู้ ส่วนมาร์ครักเขาไหมน่ะหรอ
ไม่รู้สิ
แต่หน้าหนาวมีทุกปีนะ
มาร์คลงเรือมาแล้ว
พยายามหาเหรียญให้แครอน แต่แครอนบอกปัด
“สำหรับท่านผู้โดยสารทางเอ็กซ์เพลสเวย์
ท่านฮาเดสเซ็นเชคจ่ายรายเดือน กรุณาเซ็นต์ชื่อครับ”
สมุดเซ็นต์ชื่อถูกยื่นมาให้มาร์ค
มาร์คจึงเซ็นต์ลงไป
“ขอบคุณนะ”
แม่น้ำสติกซ์สวยไหม
มาร์คตอบไม่ได้หรอก มันไม่ใช่แม่น้ำเทม แต่ก็ไม่ใช่แม่น้ำคงคาเหมือนกัน
แครอนส่งมาร์คที่นรกชั้นนอกเอรีบัส แครอนเหมือนได้รับการเทรนเพิ่มด้วย
เขาช่วยถือกระเป๋าให้มาร์คตอนที่มาร์คกำลังลงจากเรือ
ประตูทางเข้า ทาร์ทารัส มีเจ้าหมาน่ารักอยู่หนึ่งตัวกับอีกสามหัว
มาร์คหัวเราะทันทีเมื่อเจอเจ้าเซอร์บิรัส
มันถูกแต่งตัวด้วยชุดบอดี้การ์ด
“ไง”
มาร์คทักทาย พวกมันกระดิกหางให้มาร์คอย่างดีใจ
มาร์คนั่งลงเปิดกระเป๋าลากใบใหญ่ รื้อๆหาๆอยู่สักพัก ก็เจอ
“นี่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่บนโลกนะ
มันเอาไว้ทำความสะอาดฟัน อ่ะ รับ” มาร์คโยนเพดดิกริเดนต้าสติ๊กให้เซอบิรัส
พวกมันคาบได้ราวกับจับวาง ก่อนจะแทะเล่นกันอย่างสนุกสนาน
เซอบิรัสจะใจร้ายกับวิญญาณที่คิดจะหนี
แต่ถ้าปกติ มาร์คว่าเซอร์บิรัสก็แค่เจ้าหมาในคาเฟ่น้องหมานั่นแหละ
ต้องการที่จะเล่น
เดินผ่านโถงแห่งการตัดสิน
ทักทายเหล่าเทพที่คอยตัดสินต่างๆนานา เสียงร้องไห้อ้อนวอนของวิญญาณที่ถูกส่งไปทาร์ทารัส ดังสลับไปกับเสียงร้องดีใจของวิญญาณที่ส่งไปทุ่งอีลิเซียน
เดินไปที่ที่ห้องที่มาร์คคุ้นเคย
เปิดประตูเข้าไป
เจ้าของใบหน้านิ่งที่แสนหล่อเหลาแต่ติดความร้ายกาจทำงานอย่างมือเป็นระวิง
เขากำลังวีดีโอคอลกับซุสและโพไซดอนอยู่ด้วยซ้ำ (วีดีโอคอล คุณอ่านถูกแล้ว)
“เฮ้
เพอซีโฟเน เธอมาแล้วหรอ”
ซุสเป็นคนแรกที่เห็นมาร์คด้วยซ้ำ
พวกเขาเรียกชื่อมาร์คด้วยตำแหน่ง
“สวัสดี
เพอซีโฟเน” โพไซดอนก็ทักทายมาร์คเช่นกัน
“หน้าหนาวมาถึงแล้วหรอเนี่ย”
ซุสบ่นอุบอิบ
ฮาเดสตัดสินใจวางสายจากการประชุม
เขาลุกลี้ลุกลนเดินเข้ามาหามาร์ค
“ผมขอโทษที่ไม่ได้ไปรับคุณ”
เขาเดินเข้ามาหยิบกระเป๋าเดินทางของมาร์ค
เงียบ
เงียบไปตลอดทางการเดินไปห้องของพวกเขา
มาร์คเดินตามร่างหนาที่ลากกระเป๋าของเขาไปให้
การเจอหน้ากันของเขากับแจ็คสัน
คือการเริ่มต้นนับถอยหลังดีๆนี่แหละ
นับไปว่าหน้าหนาวจะหมดลงเมื่อไร
มาร์คไม่สามรถอยู่ยมโลกได้ตลอดเวลา
เพราะความหดหู่จะกระทบมาร์คอย่างแน่นอนในฐานะที่มาร์คเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
แจ็คสันสอนอะไรมาร์คมากมายเหลือเกิน
อย่างน้อยก็เรื่องเราปลูกต้นไม้ในยมโลกได้
มันมีตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
แต่ต้นรักหยั่งรากลึกลงไปในใจมาร์คแล้ว
เดินเข้าไปกอดเขาจากด้านหลัง
เขาปลดมือมาร์คออก
นั่งลงบนเตียง ก่อนจะดึงมาร์คลงบนตัก
สามเดือนในหนึ่งปี
กำลังถอยหลังช้าๆ
“ยมโลกมีระเบียบขึ้นไหม”
คงไม่มีวิญญาณตนไหนเคยได้ยินน้ำเสียงออดอ้อนจากฮาเดสมาก่อนแน่ๆ แต่มาร์คได้ยินมัน
เต็มสองหู
มันมีระเบียบมาก
มากกว่าครั้งแรกที่มาร์คโดนฉุดมาเยอะ มันเกิดการพัฒนาที่รวดเร็ว แต่ที่ตอบแจ็คสันไปก็แค่
“อือ”
ฮาเดส
ไม่สิ ไม่มีฮาเดสในโลกส่วนตัวของเรา ฮาเดสคือแจ็คสัน ไม่มีเพอซิโฟเน่ที่นี่
นอกจากมาร์ค
ร่างหนาไม่ทำอะไรมาร์คเลยนอกจากกอด
เขาไม่ทำอะไรมาร์คจริงๆ
ตั้งแต่เกิดเรื่องในครั้งแรก
มาร์คเกลียดเขามาร์ค
สิ่งที่แจ็คสันทำกับเขาในครั้งแรกมันเลวร้ายที่สุด ถึงมันจะไม่ได้เลยเถิดไปถึงขั้นข่มขืน
แต่มันคือการฉุดดีๆนี่เอง สมควรแล้วที่เขาโดนซุสลงโทษ
การที่มาร์คเสียเวลาไปในแผนกจิตเวชมันไม่ใช่ระยะเวลาสั้นๆเลย การเริ่มต้นของพวกเรามันคือการชอบหนังสือหนึ่งเล่มและกระโดดไปอ่านหน้าสุดท้ายเลย
มันทำให้มาร์คมีกำแพงที่ตอบไม่ได้ว่าเขารักแจ็คสันจริงๆน่ะหรอ เขากลับมายมโลกเพราะโดนบังคับหรือใจเขาดีใจที่ได้กลับมา
เขาไม่เคยตอบได้
แจ็คสันวางมาร์คลงกับเตียงนุ่ม
จุมพิตเบาๆที่หน้าผาก ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
แจ็คสันไม่เคยอยากห่างมาร์คไป
แต่เขาไม่คิดว่ามาร์คจะอยากอยู่กับเขานักหรอก
สามเดือนแห่งความสุขของเขา
อาจจะเป็นสามเดือนแห่งความเศร้าของมาร์คก็ได้
กลับไปที่ห้องทำงาน
มาร์คเอาแลปทอปที่ดาวน์โหลดหนังมาเต็มเปลี่ยมนั่งดูไปอย่างเรื่อยเปื่อย
ความสุขใจยมโลกจะมีได้อย่างไร
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน
มาร์คเบื่อที่จะดูหนัง ออกมาเดินเล่นกับเซอร์บิลัสก็แล้ว อะไรก็แล้ว
แต่การหลบหน้าเจ้าของบ้านทั้งๆที่ต้องอยู่ในบ้านของเขาไปอีกสามเดือน
เป็นเรื่องที่ยากน่าดู
เดินผ่านห้องทำงาน
ตอนที่ฮาเดสไม่อยู่
มาร์คถือวิสาสะเดินไปดูที่โต๊ะทำงาน
โพสอิทสีเหลืองอ่อยที่ตัดกับทุกสีดำ
มีข้อความเขียนด้วยลายมือหวัดๆ
ปรับปรุงยมโลก
และมีวงเล็บเล็กๆเขียนไว้
(มันจะได้น่าอยู่สำหรับมาร์ค)
รอยยิ้มของมาร์ค
แจ็คสันแทบไม่เคยเห็น เพราะคนที่พรากมันไปก็คือเขา
แต่จังหวะที่เขาเข้ามาในห้อง
เจอร่างบางถือโพสอิทและยิ้มกับมัน
ใจของเทพผู้ครองยมโลกสั่น
รอยยิ้มนั่นเป็นรอยยิ้มเดียวกันกับที่เขาเห็นในห้องสมุด
แจ็คสันเลือกที่จะแอบมอง
ไม่เลือกที่จะเข้าไปรบกวน
เพราะถ้าเขาเข้าไป
รอยยิ้มนั้นก็จะหายไป
แจ็คสันนั่งอยู่หน้าห้องเขานานแล้ว
สำรวจร่างบางที่คอยเก็บกวาด จัดนู่นจัดนี่ให้
ทำได้แค่วาดฝันจะเดินไปกอดเอวเล็กนั่น และหอมแก้ม กระซิบบอกขอบคุณ
ไม่น่าแอบเด็ดดอกไม้มาเลย
แต่เด็ดมาก็ปลูกจนโต แต่ก็ทำได้แค่มอง
มาร์คหลับคาโซฟาในห้องทำงานของแจ็คสัน
เขาเดินเข้าไปอุ้มร่างบางขึ้นจากโซฟา
เดินกลับไปตามทางยาวสู่ห้องที่เตรียมไว้สำหรับเพอซิโฟเน่
วางมาร์คลงกับเตียง
นั่งมอง
เกลี่ยแก้มใสเล่น
ฉับพลัน
ตากลมโตกลับเปิดขึ้น
แจ็คสันชักมือกลับแทบไม่ทัน
ไม่มีใครพูดอะไร
แม้ในใจแจ็คสันอยากจะบอกไปว่าคิดถึง
“ฉันไปล่ะ”
แจ็คสันลุกขึ้นจากเตียงกำลังจะออกจากห้องไป
“ฉันเหงานะ…”
“…”
“บังคับฉันมาอยู่ด้วยแต่คุยกับฉันนับครั้งได้
นายเอาฉันมาขังเป็นนักโทษหรอ”
แจ็คสันหันกลับมา
มองมาร์คที่กำลังบึ้งอยู่
“ฉันกลัวทำอะไรให้นายเสียใจอีก”
“แก้วตกแตกก็ปล่อยไว้อย่างนั้นหรอ
ไม่เก็บหรอ ให้มันบาดเท้าคนอื่นต่อไปหรอ”
ความเงียบปกคลุมไปทั้งห้อง
เสียงยวบยามของเตียง
แสดงให้รู้ว่าอีกคนได้เดินขึ้นเตียงไปแล้ว
เสียงจุมพิตดังในความเงียบ
เสียงอื้ออืมครางอย่างพอใจ
มือใหญ่ลูบไปตามผิวกายที่ฝันถึง
มือเล็กปัดป่ายไปทั่วร่างกาย
ก่อนจะหยุดที่ไหล่หนา
มือน้อยจิกลงบนแผ่นหลังหนาเมื่อถูกแทนที่อย่างปราณี
เงาสะท้อนบนผนังรังสรรค์ศิลปะแสนสวยของสรีระ
“ยังไม่ต้องรักฉันก็ได้มาร์ค…”
“…”
“แต่ฉันรักนาย”
มันยากสำหรับมาร์ค
“…มี”
ที่จะเปล่งคำพูด
“หน้าหนาว”
บางคำออกไป
“ทุกปี…”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Foolstop says:
ฟิคไม่เน้นขาย เน้นความอยากเขียนเอง
แทนที่จะเสนออาร์ทเวิร์ควันนี้มาเล่าเรื่องตำนานในแนวฟิคเราเอง (เพราะอิงตามอาร์ตเวิร์คคือการข่มขืนค่ะ)
เริ่มต้นที่คู่แรกฮาเดสกับเพอเซโฟเน่ (ถ้าเขียนทับศัพท์ผิดขอโทษด้วยค่ะ)
ในตอนนี้มันเป็นเหมือนฮาเดสเนี่ยเป็น role ที่พี่แจ็คเทค เข้าใจม่ะ ฮือ จะอธิบายไงดี
เอาเป็น แจ็คสัน = ฮาเดสล่ะกัน ฮีไปคิดแนปเอินมา กลายเป็นว่าทุกๆวินเทอร์เอินจะต้องมาหาพี่แจ็ค
แต่ประเด็นคือเอินไม่รู้ว่าเอินรักคนนี้รึเปล่า จะบอกว่าไม่รักเลยก็ไม่ใช่ มาหาทุกวินเทอร์ขนาดนี้
แต่จะให้ปุบปับรักเลยก็แปลกๆ นี่คนที่ฉุดเรามานะไรงี้
ตอนแรกที่ฉุดมาฟิล์มเลือกที่จะเขียนให้ไม่ได้มีการขืนใจค่ะ เพราะไม่มีใครสมควรเป็นพระเอกด้วยการขืนใจ
และเรื่องหนังสือตามหมวดดิวอี้ถ้าผิดขอโทษด้วยค่ะ
งงม่ะ 5555555555555555555555555
Hashtag #museumjark , contact me @foolstop10
ความคิดเห็น