ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [CLOSE] MUSEUM ย้ายไป AU #JARK

    ลำดับตอนที่ #4 : Museum : Venus de Milo

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 59


    T
    B

    Venus de Milo



    Venus de Milo. Marble Sculpture. Found in Melos in 1820. H. 2.02 m




     Venus นอกจากจะแปลว่าดวงจันทร์แล้ว คุณนึกถึงอะไรได้อีก

               สำหรับผม ผมนึกถึงเทพเจ้าโอลิมเปียนคนนึงที่ได้รับความนับถือมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ ยาวนานมาถึงอณาจักรโรมัน เธอมีชื่อกรีกว่าอะโฟร์ไดทิ ส่วนชื่อโรมันของเธอคือวีนัส เธอเป็นเทพเจ้าแห่งความงดงาม ความรัก รวมถึงความเย้ายวนทางเพศ

                เธอมีชื่อเสียงมากทีเดียวเลยล่ะ ไม่ใช่เพราะเรื่องแค่นั้นหรอกนะ หลายคนรู้จักเธอในนามแม่ของเทพเจ้าตัวน้อยที่ชอบยิงศรรักอย่างเจ้าคิวปิด กามเทพแสนซน หรือคนที่นายปารีสเลือกให้เป็นเทพเจ้าที่สวยงามที่สุดแลกกับการได้คู่กับเฮเลนของกรุงทรอยที่สร้างสงครามชื่อดัง

                มีงานศิลปะเกี่ยวกับเธอมากมายตั้งแต่ยุคกรีกโบราณยาวนานมาถึงช่วงศิลปะเฟื่องฟูอย่างเรเนซองส์ หลายพันปีผ่านมา ความงามของเธอยังคงเป็นที่กล่าวขานตลอดมา

                แต่มีผลงานชิ้นนึงที่เธอดึงดูดความสนใจของผมได้หมดสิ้น

                Venus หรือ Aphrodite de Milo ของศิลปินนิรนามคนนึงยุคกรีกโบราณ เธอถูดขุดพบภายในเมือง Milo หรือ Melos ในภาษาอังกฤษ ตอนนี้เธอถูกย้ายจากถิ่นฐานในประเทศกรีซไปสู่พิพิธภัณฑ์ระดับโลกอย่างลูฟว์ในฝรั่งเศสแล้ว

                เธอขาวสะอาดสะอ้านเพราะวัสดุที่หล่อหลอมเธอขึ้นมาคือหินอ่อนแกะสลัก การสร้างเธอขึ้นด้วยหินอ่อนมีจุดมุ่งหมายที่จะแสดงความงามของเธอให้ประจักษ์ตลอดไป ถึงแม้จะเป็นหินอ่อน แต่หินก็คือหิน คงทนอยู่แสนนาน เธอสูงสองเมตรกว่าๆ ซึ่งสูงกว่าส่วนสูงคนธรรมดาปกติ แสดงให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ของเธอที่คนธรรมดาทั่วไปมิอาจเอื้อม ร่างกายของเธอที่เปลือยท่อนบน ที่ถูกแกะสลักออกมาในสัดส่วนที่สวยงามและน่าหลงไหลเหมือนคำบรรยายตัวเธอ ท่าโพสของเธอแสนจะคลาสสิค แต่เซ็กซี่เพราะทรวดทรงที่แสดงให้เห็นถึงเอสไลน์ มีผ้าพื้นใหญ่อยู่ที่สะโพกของเธอ หมิ่นเหม่เหมือนพร้อมจะร่วงหล่อนตลอดเวลา หากเธอเคลื่อนไหวหรือผ้านั่นได้รับการกระตุก เรียวขาสวยและความงามตัวแทนของเพศหญิงต้องแสดงออกมาเป็นที่แน่แท้ ผมของเธอถูกรวบไว้ เผยให้เห็นความงามของดวงหน้าชัดเจน

                เธอดูสมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง ยกเว้นเสียเธอ ไม่มีแขน แขนทั้งสองข้างของเธอยังคงเป็นปริศนาถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครรู้ว่าแขนของเธออยู่ในท่าโพสอะไร เธอถืออะไรในมือหรือเปล่า ทำไมไม่ถึงหายไป ใครทำลายมัน ทำไปเพื่ออะไร

                แต่มีนักประวัติศาสตร์ศิลปะบางคนเชื่อว่า การที่แขนทั้งสองข้างหายไป มันมีเหตุผล

                มันดูแปลกที่ผมกล่าวถึงความงามของเธอเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ ทั้งทั้งที่ผมไม่ใช่จิตรกร ผมเป็นแค่บุรุษพยาบาลที่ครอบครัวร่ำรวยครอบครัวนึงจ้างมาดูแลลูกชายนอกสมรสคนนึงของตระกูลนี้เท่านั้น

                จากคอยดูแลเขาเฉพาะในโรงพยาบาล ค่อยๆเลื่อนมาดูแลเขาที่บ้าน และตอนนี้ หน้าที่ของผมคือเป็นเงาตามติดคนคนนั้นตลอดเวลาหมือนเงาตามตัวเขาไปเสียแล้ว

                “ผมเหนียวตัวจัง”

                คนที่ผมต้องดูแลกล่าวขึ้น เขาชื่อมาร์ค อายุมากกว่าผมห้าปี เขาประสบอุบัติเหตุเมื่อย่างเข้าเบญเพศเมื่อห้าปีที่แล้ว ตอนที่รู้ว่าชีวิตอันเพอร์เฟ็คของเขาถูกทำลาย เขาเป็นลูกนอกสมรส เขาตัดสินใจไปดื่มเหล้าจนเมามายและตัดสินใจขับรถกลับบ้านเอง เขาขับรถชนไหล่ทาง รถพลิกคว่ำ ไม่รู้ว่าเป็นความโชคดีหรือโชคร้าย เขาไม่ตาย ไม่มีอวัยวะสำคัญส่วนไหนได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง นอกจากมีเศษซากรถทับแขนทั้งสองข้างของเขาจนเนื้อตาย และสุดท้ายเขาต้องผ่าตัดแขนทั้งสองข้างทิ้งเพราะเลือดที่คั่งทำให้เนื้อตาย

                แน่นอนว่าชีวิตนักเรียนไฟแรงจบลงในพริบตา ชีวิตที่สวยงามกลายเป็นไร้คุณค่าสำหรับตัวเขา

                แต่มันก็ไม่แย่ไปเสียหมด เพราะเขายังค้นพบความรักในสถานการณ์ที่ไร้ซึ่งความหวัง

                ผมตกหลุมรักเขา

                แบบไร้เหตุผล

                และไร้ข้อกังหา

                “ทำไมมองแบบนั้นล่ะ”

                “

                “แจ็คสัน?

                “เปล่าครับ” ผมตอบก่อนจะจูบแก้มใสทั้งสองข้างเบาเบา

                “ขอโทษ” เขาขยับขาเสียดสีกับขาของผมน้อยๆ

                “ไม่มีอะไรต้องขอโทษครับ” ผมจุมพิตเบาๆตรงกระดูกไหปลาร้าสวย

                “บางครั้ง... ผมก็หวังที่จะได้สัมผัสคุณบ้าง” มาร์คเงยหน้าขึ้นเพื่อให้ผมมอบสัมผัสให้เขาได้สะดวก

                “ไม่จำเป็น”

                “ทำไม

                “บางอย่างมีเหตุผลของการหายไป” ผมกระซิบตอบเขาก่อนจะซุกหน้าเข้าที่ซอกคอ

                “ไม่เข้าใจ...” เขาส่ายหน้า

                ผมหยุดการกระทำ มองเขานิ่ง

                “คุณเคยถามว่าผมรู้จักกรีกอาร์ทบ้างมั๊ย ตอนแรกผมตอบคุณไปว่าไม่รู้จัก...”

                “อื้อ” เขาพยักหน้า

                “แต่ถ้าคุณถามผมอีกครั้ง ผมอาจจะบอกได้ด้วยซ้ำว่าผมชอบอะไร”

                “แล้วคุณชอบอะไร?

               Venus de Milo ผมตอบอย่างแน่วแน่ ไร้ซึ่งการฉุกคิด

                “อ้อ เธอนั่นเอง” มาร์คพึมพำ

                “ถามผมสิว่าทำไม”

                “แล้วทำไมล่ะ?

                “เพราะคุณเหมือนเธอ”

                เขาเป็นคนทำให้ผมชอบ Venus de Milo เพราะเงาที่ทับซ้อนบนเทพีคนงามคือคนเดียวกับคนที่นอนอยู่ใต้ร่างผม คนที่บอกผมว่าเขาเหนียวตัว คนที่ผมดูแลมาตั้งแต่วันที่เขาเข้าโรงพยาบาล คนที่ผมอยู่ข้างเขามาแล้วห้าปี   

                ผมธรรมดาเมื่อมองไปที่คนสูงศักดิ์แบบเขา เหมือนผมกำลังมองเทพีวีนัส หน้าตาที่เหมือนวีนัสตั้งใจปั้นเขาขึ้นมาดึงดูดผมได้ไม่อยาก ริมฝีปากสวยที่ผมชอบบดขยี้ ยามที่เขาคลี่ยิ้มผมตกหลุมรัก ผมที่ตัดสั้นแต่เป็นทรงสวย เผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงาม สวยที่หากโกหกว่าเป็นผู้หญิงก็เชื่อ แววตาที่แน่วแน่เหมือนวีนัสตรงมาที่ผมก่อนเขาเอียงคอถามผมอย่างออดอ้อน

                “ตรงที่ผมแขนหายไปอย่างเธอหรอ...”

                “ทำไมถึงชอบคิดถึงด้านลบของตัวเองจังฮะ” ผมดีดหน้าผากเขาส่วนมาร์คยู่ปาก

                “ก็มันจริงนี่...”

                “คุณนักเขียนคนเก่งที่อ่านหนังสือมาเยอะช่วยบอกผมทีได้ไหมครับว่าแขนของเธอหายไปไหน”

                “นักประวัติศาสตร์ศิลปะหลายคนบอกว่าแขนของเธออาจจะถูกทำลายไปช่วงการขยายอำนาจของโรมันเอมไพร์ไปกรีกรวมถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้นำ การเข้ามาของคริสตศาสนาที่ทำให้เกิดการต่อต้านศาสนาเพแกน”

                มาร์คเคยบอกผมว่าเขาไม่มีวันมีความสุขได้อีกแล้ว ตั้งแต่เขาพิการ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ แววตาของเขามีประกายเสมอเมื่อเขาได้เล่าเรื่องราวที่เขาสนใจ ผมปล่อยให้เขาเล่าเรื่องราวของวีนัสต่อไปเพื่อให้เขาลืมเลือนความเศร้ายามพูดถึงการหายไปของแขนของเขา

                ผมค่อยๆอุ้มเขาออกจากเตียงขนาดคิงไซส์สู่ห้องน้ำ วางเขาลงในอ่างก่อนจะเปิดน้ำใส่อ่าง

                ผมไม่ใช่พ่อบ้านของเขา ผมไม่ได้เป็นบุรุษพยาบาลของเขาผมก็เป็นแค่ใครสักคนที่อยู่ข้างเขา

                พี่เลี้ยง? เพื่อน? คนรัก?

                ผมไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก ผมต้องการเขาตราบเท่าที่เขาต้องการผม

                ผมจัดการอาบน้ำให้มาร์ค ไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อหน่าย ผมยินดีที่จะมันในทุกๆวันอยู่แล้ว ตัวเขาเหนียวเหนอะไปหน่อย โดยเฉพาะส่วนล่างของร่างกาย จะโทษเขาอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะผมเองก็มีส่วนที่ทำให้เลอะเทอะแบบนี้เหมือนกัน

                หลังจากจัดการทำความสะอาดร่างกายของเขาและผม ผมปิดอุดฝาท่อ น้ำในอ่างค่อยๆเพิ่มขึ้น ผมหย่อน Bath Bomb ลงในอ่างเพื่อเพิ่มสีสันในห้องน้ำที่ตกแต่งในโทนสีขาว แปลกดีที่ผมและเขาต่างโตแล้วแต่เรายังชอบเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้อยู่

                “ผมพูดมาตั้งเยอะแล้ว คุณว่าแขนของรูปปั้นวีนัสนั่นหายไปเพราะอะไร” มาร์คถามผมขณะที่พวกเราอยู่ในอ่างอาบน้ำด้วยกัน หันหน้าเข้าหากันโดยมีเท้าและขาที่เกี่ยวกันไว้ใต้น้ำอุ่นๆ

                “คุณตกไปเรื่องนึง” ผมแกล้งวักน้ำใส่เขา เขาขมวดคิ้วใส่ผม แน่นอนล่ะ ต้องแอบหงุดหงิดที่เอาคืนผมไม่ได้แน่ๆ

                “เรื่องอะไร” เขาเชิดหน้าถามอย่างไม่ยอมแพ้

                “คุณไม่คิดบ้างหรอว่าบางสิ่งบางอย่างมีเหตุผลที่จงใจทำให้มันหายไป”

                “คุณต้องการสื่ออะไร” มาร์คสบตาผม

                “ผมหมายถึงการที่รูปปั้นวีนัสนั้นไม่มีแขน อาจจะเป็นความตั้งใจของศิลปินก็ได้”

                “ผมว่าไม่ใช่ กรีกชอบความท้าทายและชอบความเพอร์เฟ็คไม่มีเหตุผลที่ศิลปินกรีกต้องทำแบบนั้น” มาร์คเถียง ไม่แปลกที่จะทำเพราะเขาอ่านหนังสือศิลปะมามากกว่าผม

                แต่โทษที ผมไม่คิดว่ารอบนี้ผมจะแพ้

                “แต่กรีกก็ชอบความสวยงาม”

                “ใช่ และความเพอร์เฟ็คคือความสวยงาม เพราะงั้น...” ผมเอามาจุ๊ปากมาร์คไม่ให้พูดต่อ

                “ความสวยงามไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟ็ค”

                “...” เขาเงียบแล้วเชิดหน้ามองผม ถ้าเขาไม่ต้องตัดแขนทิ้งล่ะก็ พนันได้เลยว่าเขาต้องกอดอกประกอบท่าทางไปด้วยแน่ๆ

                “ที่ Venus de Milo ไม่มีแขนเพราะศิลปินอาจจะไม่สร้างมันขึ้นมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

                “...”

                “เพราะบางทีศิลปินต้องการโชว์ความงามของเรือนร่างของไดโฟรไดทิไงล่ะ”

                “...” มาร์คนิ่งเงียบ แววตาฉายความครุ่นคิด

                “มาร์คคิดดูนะครับ” ผมชอบเรียกเขาแบบนี้เวลาผมง้อเขา

                “ฟังอยู่ แจ็คสันก็พูดมาซี้”

                “ถ้าวีนัสมีแขน เธอคงแสดงท่าโพสอะไรสักอย่างแล้วทุกคนก็คงแห่ไปสนใจกับท่าโพสของเธอมากกว่าความงดงามของเรือนร่างเธอ” ผมค่อยๆอธิบายก่อนจะค่อยๆขยับเข้าไปหามาร์ค

                “ถ้าวีนัสเดอมิโลมีแขน เธอคงไม่โดนดั่งในความงามและความเย้ายวนของสรีระแน่ๆ”

                มาร์คหลุบตาต่ำเมื่อเขาเริ่มเข้าใจว่าผมต้องการจะสื่ออะไร

                “ถ้าเธอมีแขนใครจะไปสนใจ อนาโตมี่สมส่วนที่แสดงถึงความงามของยุคนั้นล่ะ” ผมสัมผัสหน้าท้องแบนเรียบของเขาก่อนจะค่อยไล้มือสูงขึ้นไปเรื่อย

                “เหมือนมาร์คเลย...” เขาแทนตัวเองด้วยชื่อแล้วพึมพำเบาๆ

                “อ่าฮะ”

                “ตอนมาร์คยังมีแขนมาร์คไม่เคยมีใครรักมาร์คจริงๆเลย...”

    “ตอนมาร์คมีแขน ผมไม่มีวันเข้ามาในวงสังคมของมาร์คได้เลย มาร์ครายล้อมด้วยผู้คนมากมายที่พร่ำบอกคำว่ารักและคำชื่นชมจอมปลอมให้มาร์ค แต่ตอนที่มาร์คอ่อนแอ ผมจึงได้มีโอกาสได้ชื่นชมความงามที่ตรงนี้” ผมหยุดมือที่หน้าอกข้างซ้ายของมาร์ค

    ลูกผู้มีอิทธิพลนิสัยแย่ที่ผมเคยคิดแท้จริงแล้วกลับเป็นนางฟ้าที่โดนตัดปีก

    “แจ็คสัน..” เขาพึมพำเรียกชื่อผม

    “พอเธอไม่มีแขน ทุกคนได้ยลโฉมสรีระที่สรีระที่แสนสวย หน้าอกอวบอิ่มของเธอก็เหมือนหน้าอกของมาร์คที่ผมขอบฟ้อนเฟ้นมันบ่อยๆ หน้าท้องแบนราบของเธอก็เหมือนหน้าท้องของมาร์คที่ผมชอบจูบ เอสไลน์ของเธอก็เหมือนเอวเล็กๆของมาร์คที่ผมชอบสัมผัส”

                หน้าเขาแดงก่ำเมื่อโดนผมชมจังจังต่อหน้า

                “ยังไม่รวม...”

                “พอเถอะ”

                ผมกำลังจะพูดต่อแต่มาร์คขัดเสียก่อน แก้มแดงๆที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำร้อนหรือคำพูดของผมกันแน่ทำให้เขาดูน่ารักจนผมอยากจะลากเขาไปบนเตียงแล้วฟัดให้จมหายไปกับกองผ้านวมอีกครั้ง

                “หยุดเลย รู้นะว่ากำลังล่อลวงผมน่ะ”

                “ว้า รู้ตัวแล้ว”

                “พาผมไปเช็ดตัวแต่งตัวเลยนะ ผมเพลียมาก” เขาเน้นคำว่าเพลียมากใส่ผม

                “ครับๆ” ผมหัวเราะก่อนจะทำตามคำสั่ง

     


                มาร์คหลับไปแล้วด้วยร่างกายเปล่าเปลือยนั่นแหละ แต่ช้าก่อนหากคุณคิดว่าผมทำมิดีมิร้ายเขาจนเขาสลบไป ไม่ใช่แบบนั้นเลย หลังจากจับคนสวยเช็ดตัวเป่าผมให้แห้ง กำลังจะแต่งตัวให้เท่านั้นแหละ คนสวยดันงอแงไม่ตอบแต่งตัวเพราะง่วงนอน หึหึ ไม่น่าเชื่อจริงๆว่าอายุมากกว่าผม

                สุดท้ายก็ไม่แคล้วต้องตามใจคุณมาร์คเขา

                ผมเดินไปหยิบของบนโต๊ะหนังสือของผม

                กล้องถ่ายรูป

                คล้องสายกล้องไว้กับมือของตัวเอง ขึ้นไปยืนคร่อมเจ้าของร่าง จัดการถอดฝาเลนส์ แล้วมองเขาผ่านเลนส์ ก้อนชุดคลุมอาบน้ำสีขาวและผิวขาวของเขาเหมือนสีของหินอ่อนของวีนัสเดอมิโล มันช่างตัดกับสีผ้าปูเตียงสีแดงสด ชุดคลุมอาบน้ำหลุดร่วงมาถึงเอวเพราะเจ้าตัวนอนดิ้นไม่เบา มันหลุดจนมาอยู่ระดับสะโพก ดูแล้วยั่วยวนไม่มีผิด เหมือนรูปปั้นวีนัสเดอมิโลราวกับคัดลอกมาวางไว้

                หากวีนัสเดอมิโล หมายถึงเทพีวีนัส เทพีแห่งความงดงาม ความรัก ความเย้ายวนทางเพศจากเกาะมิโลในประเทศกรีซ ภาพที่ผมเพิ่งถ่ายคงเป็น Mark de Jackson’s Heart

                มาร์คจากหัวใจแจ็คสัน


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    Foolstop says: 

    สวัสดีสู่ฟิคเรื่องใหม่ของเราค่ะ ขอฝากมิวเซียมไว้เป็นฟิคทางเลือกอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับจาร์คชิปเปอร์ที่กำลังมองหาความแปลกใหม่ ฟิคมิวเซียมเป็นอาร์ทธีมค่ะ ค่อนข้างเข้าใจยากเลยทีเดียวเหมือนตีความอาร์ทมาได้แบบไหนแล้วเราก็เขียนจากจุดนั้นค่ะ


    สำหรับรูปแรก (?) ที่เลือกมา (เขียนเรื่องนี้ก่อนถือเป็นเรื่องแรก) คือ Venus de Milos ค่ะ

    เป็นผลงานยุคกรีกโบราณ กรีกกับโรมันต่างกันนะคะในด้านศิลปะ อย่างชื่อเทพเจ้าโอลิมเปียนก็ต่างกันแล้ว อันนี้เป็นผลงานกรีกที่โดนตั้งชื่อตามโรมัน เพราะชื่อกรีกคืออโฟร์ไดทินะคะ

    เข้าสู่ความหมายของรูปนี้กัน อย่างที่แจ็คสันเพ้อเจ้อไปเลย มันคือการชื่นชนความงามของเทพีอโฟรไดทินั่นแหละค่ะ โดยเฉพาะรูปปั้นนี้ที่แสดงชัดเจนถึงความเย้ายวนทางเพศหรือให้ความรู้สึกของฟีลอีโรติกเลยทีเดียว แต่เปลี่ยนจากตัวศิลปินชื่นชมเทพีมาเป็นแจ็คสันชื่นชมความงามของมาร์คนั่นเอง

    จุดพีคของชอร์ทฟิคนี้คงเป็นเรื่องที่มาร์คไม่มีแขน ใช่ค่ะ วีนัสเดอมิโลเธอไม่มีแขน มีการเดาไปต่างๆนานาว่าแขนของเธอหายไปไหน แต่จุดนึงที่นักประวัติศาสตร์ศิลปะเทความเห็นก็คือแบบที่แจ็คสันบอกเลยว่า จงใจไม่มีแขนเพื่อต้องการแสดงความสวยงามของร่างกาย

    เวิ่นเว้อมาเยอะมาก ไม่รู้จะเข้าใจไหม 

    Hashtag #museumjark , contact me @foolstop10



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×