ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Unlucky Boy! ขอโทษครับ... ผมไม่ใช่ผู้ชายขายน้ำ! [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #6 : [06] Can't Petty

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 52





    [06] Can’t Pettyผมไม่สามารถเห็นแก่ตัวได้


     
     
     
     
    สองวันผ่านไปไวเหมือนแค่เพียงกระพริบตา ก่อนถึงวันงานหนึ่งวันทุกคนในโรงเรียนต่างง่วนกับการช่วยกันจัดงานให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง แม้กระทั่งพวกหมวดวิทย์ยังไปช่วยแบนด์ หมวดภาษาไทยช่วยหมวดภาษาต่างประเทศและอีกมากมายที่ผมเห็นไม่หมด มันทำให้ผมรู้สึกถึงความสามัคคีที่ถึงแม้จะมีข้อแตกต่างและช่องว่างแต่ก็ไม่ได้แบ่งแยก ทุกคนช่วยกันโดยไม่มีอะไรตะขิดตะขวงในใจซักนิด
     
    ผมยังแอบเสียดาย อยากจะไปช่วยลงมือลงแรงด้วยอีกคน แต่ก็มีหน้าที่สำคัญค้ำคออยู่จนก็วุ่นไปทั้งวันเหมือนกัน ขนาดไอ้พีท ไอ้เมาส์หรือพวกตัวว่างงานในห้องมันยังยกโขยงกันไปแต่ละจุดเลยล่ะครับ รู้สึกน้อยหน้าพวกมันนิดๆ เหมือนกัน สุดท้ายยังไงก็ทำอะไรไม่ได้ล่ะครับ
     
    ระหว่างที่เดินเปลี่ยนตึกไปหามิสศรีที่ห้องประชุมเล็กผมเจอไอ้แซทด้วย มันกำลังยืนเช็คป้าย เช็คของอยู่ หน้าแดงเหงื่อซ่กเพราะตากแดดตั้งแต่สายจนบ่ายแล้วก็ยังไม่ได้พัก พอมันหันมาเห็นผมก็ยิ้มแล้วโบกมือให้ เราไม่ได้เอ่ยทักทายอะไรกันนอกจากทำแค่ยิ้มให้กันเงียบๆเท่านั้น
     
    และความพยายามที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันมาเป็นอาทิตย์ก็สัมฤทธิ์ผล ออกมาในรูปความสำเร็จทั้งเรื่องสถานที่และฟอร์มของงาน แขกภายนอกหรือผู้ปกครองต่างพากันทยอยเข้ามาในงานไม่ขาดสาย พร้อมกับคำชมต่างๆที่ผมได้ยินหลายครั้งหลายครา ทั้งรู้สึกชื่นใจแทนพวกนั้นขึ้นมาและภูมิใจในสถาบันของตัวเองทันที
     
    ผมเดินเล่นเอื่อยในงานอย่างไร้จุดหมาย มิสศรีให้ผมมาแต่เช้าไก่ยังไม่ขันและก็ได้แค่นั่งแกร่วอยู่นานเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงจนทนไม่ไหวเลยต้องมาเตร่เป็นผีไร้ศาลแบบนี้ แต่อีกแค่ครึ่งชั่วโมงก็ต้องเปิดงานแล้ว ไปเตรียมตัวดีกว่า... หนึ่งวันสุดท้ายที่ผ่านมา มิสศรีเป็นคนซ้อมให้ผมจนผมสามารถพูดได้ ถึงแม้จะติดขัดอยู่บ้างก็เถอะ ส่วนน้องม.3คนนั้นหน้าตาเหมือนตกนรกมาหลายวัน ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่ากันแน่นะ
     
    ผมหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเวทีเปิดงานโดยมีผ้าม่านปิดบังอยู่ มองซ้ายมองขวาแล้วก็ไม่มีใคร ด้านหน้ามีเพียงแขกบางตาที่จับจองเก้าอี้นั่งไว้เท่านั้น
     
    ว่าไงอังเสียงที่ผมเพิ่งได้ยินล่าสุดไม่นานมานี้ ไอ้ที้ดทักผมจากด้านหลังแล้วเดินมานั่งข้างๆ ไหวป่ะ
     
    เออ กูไหว แต่มึงอย่าได้ใจไปนะ กูยังไม่หายแค้นเรื่องเอากูมาปล่อยเกาะนะไอ้สาด
     
    โอ้ย เรื่องมันผ่านมาแล้ว มึงอย่าคิดมากดิ๊กูไม่คิดมากอ่ะ กูอยากฆ่ามึงตรงนี้เลย!
     
    รอให้เสร็จงานก่อนเถอะ เดี๋ยวกูคิดทบต้นทบดอกแน่ผมขู่แล้วมองมันหน้าเหี้ยมๆ แต่ไอ้ที้ดยังยิ้มน้อยๆส่งมาให้อยู่ก่อนจะตบบ่าผมเบาๆ
     
    เออ มึงโชคดีละกัน กูเป็นกำลังใจให้
     
    อย่างน้อยมันก็ยังมีสำนึกมาให้กำลังใจผมล่ะครับ ไม่ได้ใจจืดใจดำจนเกินไป
     
    ขอบใจนะมึง
     
    ไม่เป็นไร กูไปก่อนนะจบประโยค ไอ้ที้ดก็ลุกออกไปทิ้งผมให้นั่งอยู่เพียงคนเดียวอีกครั้งหนึ่ง
     
    ตอนนี้คนทยอยกันมานั่งเก้าอี้ในพิธีจนเกือบเต็ม เห็นไอ้สามแสบกับพวกทะโมนในห้องยืนวางมาดอยู่ทางด้านหลัง ในมือไอ้ซันมีป้ายสีดำอะไรบางอย่างถืออยู่แต่ผมมองไม่ชัด อะไรของพวกมันวะนั่น? จะยกพวกมาตีเรอะ?
     
    จู่ๆผมก็เริ่มรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้ อาการประหม่าเริ่มแทรกซึม เหงื่อเม็ดเป้งผุดบนหน้าผากผม
     
    โอ้ย เชี่ย ตื่นเต้นจนฉี่จะราดแล้วคร๊าบบบ
     
    ไม่ต้องตื่นเต้นเสียงของใครบางคนดังเข้ามาในหูผม พร้อมกับความเย็นเฉียบชื้นแฉะเกิดขึ้นตรงข้างแก้ม
     
    ผมหันควับไปแล้วพบขวดนะมาชะกรีนลาเต้สีเขียวอยู่ตรงหน้า ก่อนจะไล่ไปตั้งแต่มือที่ถือจนถึงใบหน้าคนมาใหม่นั้น... ไอ้แซทยืนยิ้มกวนๆให้ผมอยู่
     
    เอ้า เอาไปดื่มมันพูดแล้วแกว่งขวดนะมาชะไปมาตรงหน้าผม
     
    ผมรับมาอย่างเงอะงะ มองหน้ามันทีสลับขวดน้ำในมือที
     
    มีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงเปล่าวะ?
     
    ใส่ยาเบื่อให้กูกินเปล่าเนี่ย
     
    เปล่า ยานอนหลับไอ้แซทพูดแล้วหัวเราะหึๆแล้วมองผมตากรุ้มกริ่ม จะลักพาตัวคน
     
    นั่น อุส่าต์รับมุขกูด้วยนะสาด!
     
    ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้ประธานที่นับวันยิ่งกวนบาทาแล้วบิดฝาขวดเพื่อเปิดแล้วกระดกชาเขียวนมลงกระเพาะหลายอึก ไม่เกรงกลัวยานอนหลับที่มีคนขู่ว่าใส่เอาไว้เลยซักนิด ไม่สนใจละครับ ตอนนี้หิว รู้สึกท้องมันโหวงพิกล
     
    ซื้อมาให้ไมผมหันไปถามไอ้แซทที่กำลังนั่งลงข้างๆผม ไม่เข้าใจว่ามันทำอย่างนี้เพื่ออะไร และต้องการหวังผลอะไรจากผมรึเปล่า หรือแซทแค่อยากเป็นกำลังใจให้ผมเท่านั้นจริงๆกันแน่?
     
    ก็ซื้อมาแทนขวดนั้นที่อังกินแล้วพ่นใส่พี่ไดรส์... เสียดาย เรื่องน่าอายในวันเก่าถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น ผมอ้าปากค้างจ้องหน้าไอ้แซทที่ยิ้มเผล่น้อยๆที่มุมปาก
     
    เหตุผลมึงนี่น่ากระทืบมาก!
     
    กูก็แอบหวังลึกๆว่าเป็นคนดีบ้าง อะไรบ้าง... กูไม่น่าคาดหวังกับคนอย่างมึงเล้ย!
     
    ไอ้แซทหัวเราะออกมาเพราะหน้าตาและท่าทางที่อึ้งๆของผม ก่อนที่มันจะขยี้หัวผมที่เซ็ทหล่อมาแล้วซะยับเยิน
     
    ผมปัดมือมันออกแล้วแยกเขี้ยวขู่ใส่
     
    ไอ้ห่าแซท ผมกูเสียทรงครับ
     
    อังพยายามยังไงก็ไม่หล่อหรอก... เพราะสู้ผมไม่ได้
     
    เออ มึงมันเพอร์เฟ็ค ไอ้ประธาน!” ผมประชด
     
    กูรู้มึงหล่อ มึงรวย ชาติตระกูลสูงส่ง ผู้หญิงคอยตั้งท่าจะจับมึง แต่ไม่ต้องพูดก็ได้ กูรู้ดีเว้ย!
     
    เปล่าซะหน่อย จะบอกว่าอังน่ารัก…” ถ้าเป็นผู้หญิงคงจะเขินจนม้วนต้วน แต่นี่คือผม... ผู้ชายครับ ผมเป็นผู้ชาย!
     
    กูว๊อนท์คำว่าหล่อลากดิน เท่ขั้นเทพ แต่น่ารักอาโนเนะพร้อมกับหน้าดูดีบาดใจของมึงที่มองมานี่... กูอยากเตะตูดซักทีว่ะครับ!
     
    ช่วยชมกูแบบปกติทีเห๊อะ กูขอร้อง...
     
    แต่ก่อนที่ไอ้แซทจะได้พล่ามอะไรกวนประสาทผมต่อ เสียงริงโทนโทรศัพท์ที่ไม่ใช่ของผมก็ดังขึ้นขัดตาทัพ
     
    ~ อยากพิชิตขึ้นไปปักธง องศาตาฉันแทบละลาย ใกล้เธอแล้วเหมือนโดนดูดดึงเข้าไปทุกที~
     
    คนข้างตัวผมล้วงโทรศัพท์ที่แผดเสียงและสั่นออกมาจากกระเป๋ากางเกง ผมแอบหลุดหัวเราะเมื่อได้ยินเพลงริงโทนของมัน... ไม่อยากจะเชื่อว่ามันฟังเพลงแนวนี้ด้วย ผมว่าหน้าอย่างมันน่าจะฟังคลาสสิคไรงี้มากกว่าอ่ะครับ
     
    เมียโทรมาเหรอผมแซวทำให้ไอ้แซทหันมาส่งสายตาปรามๆนิดหนึ่ง แต่ผมไม่รู้สึกกลัวมันเลยซักนิดเดียว
     
    หน้ามึงทำดุไม่ขึ้นว่ะ! เสียใจ! หึหึ
     
    ว่าไงเสียงมันดูห้วนๆ สงสัยจะไม่ใช่เมีย วู้!
     
    อืม... อยู่แซทพูดแล้วเหล่ตามองมาที่ผม มีอะไรกับกูวะ
     
    มันพูดเอออองุ้งงิ้งอยู่คำสองคำแล้วยื่นโนเกียรุ่นใหม่ของมันส่งให้ผม
     
    อะไรอ่ะ
     
    ไอ้ซันโทรมาคำเฉลยทำให้ผมบางอ้อ
     
    ผมรับโทรศัพท์มาแล้วแนบหูก่อนจะกรอกเสียงทักทายลงไป
     
    มีไรมึง
     
    เชี่ยอัง มึงจู๋จี๋อยู่กับน้องกูอยู่จริงด้วย!!!” ไอ้เวรซันตะโกนเสียงดังจนหูผมแทบพัง ดีที่ผมเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูทัน ไม่งั้นผมคงได้หูหนวกก่อนแต่งงานแน่ ผมเอี้ยวตัวมองไปข้างหน้าเพื่อหาตำแหน่งของไอ้พวกทะโมน เห็นไอ้ซันยืนเด่นอยู่ตรงกลางโดยมีมือถืออยู่ในมือ แต่ผมที่อยู่ในจุดอับพวกมันเลยมองไม่เห็นผมนั่นเอง
     
    จู๋จี๋บ้านมึงเหรอ... แล้วมึงรู้ได้ไงว่าน้องมึงอยู่กับกู
     
    เซนส์กูมันบอกว่ะเออ ดี กูว่ามึงไปเป็นหมอดูท่าจะรุ่ง!
     
    เรื่องคนอื่นรู้ดีนักเชียว ไอ้เชี่ยนี่!
     
    ผมหันไปมองน้องชายของคนที่พูดโทรศัพท์กับผมอยู่นิดหนึ่ง แซทนั่งมองไปยังแท่นพิธี คิ้วของมันขมวดน้อยๆ เหมือนครุ่นคิดอะไรไม่ตกอยู่
     
    จริงๆแล้วตอนนี้มันน่าจะทำงานอยู่ที่ไหนซักที่ ต้อนรับแขกเหรื่อหรือควบคุมจุดต่างๆ แต่มันกลับมานั่งแสล๋นข้างผมอยู่ตรงนี้ซะอย่างนั้น
     
    โทรมากวนเบื้องล่างกู มึงมีไรป่ะผมถามเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของไอ้ซันดังเบาๆลอดมา มันกำลังคุยอะไรกับคนอื่นอยู่ทั้งที่ในมือมันก็ถือโทรศัพท์ที่มีผมอยู่ในสาย
     
    จะคุยกับกูหรือใครกันแน่วะครับ?
     
    เออๆ กูแค่โทรมาให้กำลังใจมึงนะ เชี่ยๆอย่างมึงต้องทำได้แน่ไอ้อัง พวกกูเอาใจช่วยเต็มที่ แล้วพวกกูมีอะไรจะเซอไพรส์ มองหาพวกกูด้วยล่ะคำพูดแปลกๆของไอ้ซันทำผมงงไปชั่วขณะ เซอไพรส์จากพวกมึงนี่กูหวั่นแฮะ... แต่ไอ้ที่มึงบอกเชี่ยๆอย่างกูนี่หมายความว่าไงวะ?
     
    พวกมึงอย่าทำอะไรแผลงๆนะสัดที่ตอบกลับมามีเพียงแค่เสียงหัวเราะสยองๆเท่านั้น
     
    มึงเนี่ยอย่าคิดกับพวกกูงั้นดิ กูเอาใจช่วยมึง แค่นี้นะ รักนะจุ๊บๆไอ้ซันพูดกวนๆล้อๆแล้วตัดสายไป
     
    ผมเลยยื่นโทรศัพท์คืนเจ้าของ ในใจขบคิดว่าไอ้พวกพิเรนท์นั่นมันจะทำอะไร
     
    แต่ละอย่างที่พวกมันคิด ที่พวกมันทำ ไม่มีอะไรดีซักอย่าง
     
    ผมต้องตกเป็นเหยื่อของพวกมันเหรอเนี่ย ซวยชิบ...
     
    มึงไม่มีไรทำไง มานั่งเฝ้ากูอยู่ได้ไม่รู้จะไปลงที่ใคร พาลคนข้างๆเนี่ยแหละครับ ง่ายดี
     
    เสนอหน้าให้กูเห็นเองนะ ช่วยไม่ได้! (ชั่วชิบหาย)
     
    ก็กลัวอังหนีแม่ง มันคิดได้ครับ! ถ้ากูจะหนีนะ กูหนีนานละ แต่กูมีความรับผิดชอบพอเหอะ! (จริงๆกลัวมิสศรีเชือดครับ)
     
    กูไม่หนีหรอก มึงมีไรก็ไปทำผมบ่นๆ มองมันอย่างตำหนิ วันนี้มีงานต้องไปสะสางเยอะไม่ใช่ไง มาอยู่ตรงนี้จะดีเหรอ
     
    คำพูดของผมทำให้แซทถึงกับสะดุ้งเพราะรู้ทันมัน เห็นผมไม่ค่อยได้เรื่องแต่ก็รู้นะครับว่าไอ้หน้าที่ประธานเนี่ยมันต้องทำไรบ้าง
     
    แซทยิ้มแหยๆ ให้ผม
     
    ก็บอกแล้วนี่ว่าจะมาดูว่าจะต้องเลี้ยงเอิธเควกอังรึเปล่า
     
    ผมถอนหายใจออกมา ถึงผมจะรักของฟรียังไงแต่ผมก็ไม่ชอบทำให้คนอื่นมาลำบากเพราะผมแบบนี้หรอกนะ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้มันลืมๆไปมากกว่าเรื่องนั้น ผมก็ไม่ได้จริงจังอะไรแต่แรกอยู่แล้ว
     
    ไม่ต้องลงทุนขนาดนี้ก็ได้ ตอนนั้นก็แค่พูดเล่นๆขำๆ ไปเหอะ กูไม่อยากให้มึงลำบากนะ
     
    ไม่เป็นไร... ไม่เป็นไรจริงๆ^_^” แซทยังยิ้มให้ผมอยู่ รอยยิ้มที่ผมคิดว่ามันจริงใจ ดูอบอุ่นจนผมรู้สึกปลอดภัยและเชื่อมั่นในรอยยิ้มนั้น แต่ยังไงผมก็ไม่สบายใจอยู่ดีที่เป็นแบบนี้
     
    แต่ท่าทางของแซทที่หันหน้าไปอีกทางแสร้งมองนู่นนี่บอกผมว่าไม่ต้องการให้ผมได้พูดอะไรต่อ...
     
    มันเอาแต่ใจ แต่มันก็ทำเพื่อผมอยู่...
     
    อรัณย์ เธอไปสแตนด์บายน์ได้แล้วมิสศรีเดินเข้ามาบอกผม ผมพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้น ส่งขวดนะมาชะที่เหลือไว้นิดๆให้แซท
     
    พยายามเข้านะมันลุกขึ้นตามแล้วเดินมาพูดเบาๆข้างๆผม ผมเป็นกำลังใจให้
     
    ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก แต่ก็ไม่ได้หันไปมองหน้ามัน เลยไม่รู้ว่าตอนนี้แซทกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่
     
    ผมจะรออยู่ตรงนี้นะ อยู่ข้างๆอังแซทเอื้อมมือมาบีบมือผมอย่างให้กำลังใจ นิ้วของเราประสานกัน
     
    ความรู้สึกประหม่ากดดันของผมแทบหายไปหมดสิ้นเมื่อรู้สึกถึงไออุ่นจากมือนั้น คำพูดของแซททำให้ก้อนเนื้อภายในอกของผมกระตุกวูบไปชั่วขณะก่อนจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมในวินาทีต่อมา
     
    ความทรงจำอันเก่าหวนเข้ามาในห้วงคำนึงภายใน
     
    เมื่อครั้งที่เนย์บีบมือผมเพื่อให้กำลังใจเวลาที่ผมรู้สึกแย่ ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งในตอนนี้เหมือนหมอกจางๆ พอสายลมเสียงผีดผิวพัดมาภาพนั้นสลายหายไปแล้วกลับกลายเป็นภาพของผู้ชายคนข้างๆผมคนนี้มาแทนที่ มันแจ่มชัดเด่นจนไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าไม่ใช่
     
    สิ่งที่ผมคอยหลีกหนี เริ่มกลับมาตามหลอกหลอนผมอีกครั้ง และครั้งนี้มันดูรุนแรงและสาหัสกว่าที่แล้วมา
     
    ความขลาดกลัวเริ่มเกาะกุมจิตใจของผมมากกว่าเสียงหัวใจภายในลึกๆของตัวเอง
     
    อือ ขอบใจผมพูดแล้วค่อยๆถอนมือตัวเองออกจากมืออุ่นนั้น
     
    ตราบใดที่เสียงพร่ำของหัวใจมันยังแผ่วเบาอยู่อย่างนี้และความกลัว ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันเป็นฝ่ายกำเริบเสิบสานลามไปทั่วเหมือนเนื้อร้าย
     
    ผมก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิด...
     
    คิดจะรู้สึกดีดีกับใครอีก ในเมื่อสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์
     
    ถึงแม้ผมต้องการมันมากแค่ไหน ...มันก็ไม่ได้ ไม่ได้เลย
     
    ผมเหลือบมองผู้ชายที่ผมทิ้งไว้เบื้องหลัง ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มนั้นทำให้ผมต้องย้ำกับตัวเองอย่างหนักแน่น...
     
    ผมไม่มีทางจะแย่งชิงฉกฉวยรอยยิ้มนี้เอามาครอบครองเป็นของตัวเองได้แน่นอน...
     
    ย้ำอีกครั้งและอีกครั้ง...
     
    ถ้าผมคิดที่จะทำสิ่งนั้น ไม่ใช่แค่ตัวผมเองที่จะรู้สึกเจ็บปวด แต่คนรอบข้างผมก็เช่นกันที่ต้องถูกผมทำร้าย
     
    ในตอนนี้ ผมยังเป็นคนดีอยู่... ยังไม่กล้าที่จะเห็นแก่ตัวทำอะไรลงไปมากกว่านี้
     
                ผมได้แต่ภาวนากับตัวเองให้ความรู้สึกว้าวุ่นและสับสนนี้หายไปโดยเร็วเท่านั้น...












         to be continued....








    ---------------------------------------------------------------------------+


    มาอัพแล้วค่ะ! รอนานกันใช่มั้ย? ขอโทษนะคะT_T
    ช่วงเรียนปรับพื้นฐานเลยยุ่งมากๆ แซทกับอังมาแล้วค่ะ!

    เวลารู้สึกว่ากำลังมีความสุข... แต่มันก็เหมือนผ่านไปไว
    ความสุขแปบๆก็จางหายไป... เหมือนกับอันลัคกี้บอยรึเปล่า?
    เศร้าโคตรรรรร T____T

    ทำยังไงได้ อังยังไม่แน่ใจตัวเอง และไม่เข้าใจในการกระทำของแซท
    ส่วนแซทคิดยังไง รู้สึกยังไง ก็ยังเป็นปริศนา!

    หลังจากวันนี้ก็หายไปหลายวันนะคะ
    เพราะไปพัทยา 8-9-10 !!
    ติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ...

    ตอนนี้ดีใจมากพี่เห็ดกลับมาเขียนปุณณ์โน่แล้ว ดีใจมาก เอิ๊กกก
    วันนี้ไปดีกว่าค่ะ! ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่ติดตามจริงๆ รักเสมอออ*


    เพลงริงโทนของแซทค่ะ :]*


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×