ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Unlucky Boy! ขอโทษครับ... ผมไม่ใช่ผู้ชายขายน้ำ! [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #3 : [03] Eyes on Eyes

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ค. 54




    [03] Eyes on Eyesตาสบตา
     
     
     
     
    เชี่ย ไอ้ไดรส์มึงอย่าเข้ามาใกล้กูนะ
     
    ทำไม ก็กูอยากนี่
     
    ไอ้สาด ไปไกลๆกูเดี๋ยวนี้ กูสยอง~”
     
    พวกมึงอย่าส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นได้มั้ยวะ ถ้าอยากนักก็ไปห้องนู้นไป!”
     
    ก็ห้องนู้นไม่มีทีวีนี่หว่า แล้วกูจะเล่นน้องเพลินของกูได้ไงวะผมหันไปด่าไอ้มี่ที่นั่งเล่นเอ็มอยู่แต่มิวายมาแย็บผมกับไอ้ไดรส์ที่กำลังเมามันส์กับวินนิ่งอยู่อีกด้าน... วันนี้ไอ้สามแสบเจ้าเก่ายกขบวนกันมาบ้านผมโดยให้เหตุผลว่าจะมาอ่านหนังสือเตรียมเอนท์ แต่ไหงกลายเป็นแบบนี้ไปซะได้วะเนี่ย
     
    น้องเพลินที่ผมว่าคือเครื่องเกมส์สุดรักสุดหวงของผมเอง ผมเป็นโรคที่ชอบตั้งชื่อให้สิ่งของต่างๆของตัวเอง ซึ่งพวกทะโมนในห้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าปัญญาอ่อนเข้าขั้นโคม่า... นี่ผมผิดหรือนี่
     
    อะไรวะ กูเผลอหน่อยแพ้เลย มึงโกงอ่ะไดรส์ผมโวยวายเมื่อหันกลับมาอีกทีไอ้ไดรส์สอยผมร่วงไปแล้ว
     
    ไอ้ไดรส์หันมายักคิ้วให้ผมกวนๆ แล้วลุกไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆไอ้มี่ไม่สนใจผมและน้องเพลินอีก...
     
    ผมเลยปิดทีวีเก็บเครื่องเกมส์แล้วเดินไปนั่งแหมะกับไอ้ซันที่นั่งคุยโทรศัพท์หงุงหงิงกับใครไม่รู้ตั้งนานแล้ว... แถมหน้ามันตอนพูดนี่ก็เวรี่แฮปปี้สุดๆ สงสัยแม่งคุยกับสาวชัวร์ แล้วมันไปมีอะไรตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
     
    ซันเดย์... เมียมึงเรียกไปกินข้าว!” ผมแกล้งตะโกนดังๆให้คนในโทรศัพท์ได้ยิน
     
    ไอ้ซันที่หน้ากำลังเคลิ้มๆสะดุ้ง เอามือปิดลำโพงแล้วหันมาส่งสายตาอาฆาตใส่ผม
     
    มึงไปเรียกร้องความสนใจที่อื่นไป ไอ้สาดพูดงี้ก็จบสิครับ แทงใจดำกูเต็มๆ!
     
    ดูพวกมันแต่ละคนทำกับเจ้าของบ้านอย่างผมดิ แม่ง ความเกรงใจไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของพวกมันเลยซักนิดเดียว กูควรจะถีบจะไล่พวกมึงออกจากบ้านกูดีมั้ยเนี่ยโทษฐานที่พวกมึงยกพลมาถล่มบ้านกูแบบนี้
     
    ผมล้มตัวลงนอนเกลือกกลิ้งบนเตียงอย่างไม่มีอะไรจะทำ ไอ้ตอนแรกที่นัดแนะกับพวกมันเรื่องอ่านหนังสือก็ฟิตเต็มที่ ไปๆมาๆ หมดอารมณ์ไปซะงั้น...
     
    ไหนพวกมึงบอกจะมาอ่านหนังสือไงผมนอนเท้าคางกวาดมองพวกมันแล้วถาม
     
     ก็ห้องมึงมีแต่ของล่อตาล่อใจเองนี่หว่าไอ้ไดรส์หันมาย้อน เออ ไอ้สาด กูผิด ห้องกูผิด พวกมึงถูก
     
    เชี่ย งั้นพวกมึงก็ไปอ่านกันในห้องดับจิตไป ไม่มีของล่อตาล่อใจสมอยากผมก็เถียงมันไม่ลดละ ไอ้ไดรส์ไอ้มี่หันมามองผมแล้วส่ายหน้าระอาก่อนจะหันไปสนใจน้องเหลี่ยมซึ่งก็คือคอมพ์ของผมต่อ
     
    มึงพูดอะไรโคตรโง่อ่ะไอ้ซันที่เพิ่งวางสายไปหันมาแขวะผมก่อนจะกระโดดขึ้นมาบนเตียงด้วย ทีงี้ล่ะทำมาเป็นสนใจกูนะ...
     
    ผมเบี่ยงตัวหลบแต่ไอ้ซันก็กระเถิบตามมา
     
    กูอยากเล่นมวยปล้ำพูดเสร็จก็กระโจนขึ้นนั่งบนตัวผมทันที ไอ้สาด หนักชิบหาย
     
    ห่า ไส้กูจะแตกแล้วผมพยายามดิ้นพยายามด่ามัน แต่ไอ้ซันยิ้มเจ้าเล่ห์ ล็อคแขนล็อคขาผมจนเจ็บไปหมด
     
    เรื่องของมึงมันย้อนกวนๆ ก่อนจะออกแรงกดให้เยอะกว่าเดิม มวยปล้ำน่ะกูก็ชอบนะ แต่ตัวควายๆอย่างมึงกูไม่เอา กูจะตายก่อนน็อค!
     
     
     
    กว่าผมจะไล่ไอ้สามแสบให้จรลีกลับบ้านไปได้ก็ห้าโมงกว่าแล้ว ตัวสุดท้ายคือไอ้ซันที่แม่งเรื่องมากอยากกินข้าวฝีมือม๊าผมแต่ผมไม่ยอม ขืนมันมาร่วมวงด้วยมีหวังปากหมาๆอย่างมันเผาผมเรื่องที่โรงเรียนจนเกรียมแน่ เป็นตัวอันตรายที่ผมไม่อยากให้เข้าใกล้ป๊าม๊ามากที่สุดเลยมันน่ะ
     
    อิจิ ไปบ้านได้เปล่าผมหันไปมองด้านหลังรั้วบ้านที่กั้นบ้านผมกับบ้านข้างๆ เด็กสาวอายุเพิ่งทำบัตรประชาชนที่เกาะรั้วถามผมเสียงใสคือ มิกะเด็กผู้หญิงข้างบ้านผม... อิจิที่เธอเรียกไม่ใช่ใครแต่เป็นผมเอง ซึ่งเป็นชื่อที่มิกะตั้งให้โดยให้เหตุผลว่าชื่ออังมันเรียกยาก ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเธอซักเท่าไหร่เหมือนกันว่าไอ้พยางค์เดียวสั้นๆนั่นมันยากตรงไหน...
     
    มิกะเป็นคนญี่ปุ่นแท้แต่อยู่ไทยนานจนพูดได้คล่องแคล่วชัดถ้อยชัดคำ เธอชอบหลบที่บ้านมานั่งคุยกับผมตลอด ตอนแรกก็โดนพ่อแม่มิกะมองแปลกๆ แต่ไปๆมาๆผ่านมาอีกวันไม่รู้เธอไปทำอะไร พ่อแม่ของเธอเข้ามาคุยกับผมซะดิบดีจนน่าแปลกใจ เคยคาดคั้นถามมิกะตั้งหลายครั้งแต่เธอไม่ยอมบอก เอาแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมขนลุกจนไม่อยากจะถามอีกเลย
     
    มาสิ แต่เข้าทางประตูนะผมรีบดักทางมิกะไว้ เพราะกลัวเธอปีนรั้วอย่างที่แล้วมา อย่างน้อยก็เป็นเด็กผู้หญิงน่ารัก ทำตัวห่ามๆไม่เหมาะกับหน้าตาเธอเท่าไหร่
     
    มิกะยิ้มเผล่ก่อนจะหายไปจากรั้วพร้อมกับเสียงกุกกักๆไกลๆจนเรื่อยมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านผม เธอเปิดประตูเข้ามาอย่างคุ้นชินก่อนจะเดินเร็วๆมานั่งข้างๆผม ในมือถือหนังสือนิยายปกสีหวาน เจอกันทีไรหนังสือไม่เคยซ้ำกันทุกที
     
    เพื่อนกลับไปแล้วเหรอมิกะถามก่อนจะชะเง้อชะแง้มองทั่วบ้านผม
     
    ทำไมอ่ะผมหันไปถาม ไม่เข้าใจว่าเธอจะสนใจไอ้พวกสามแสบทำไม
     
    มิกะชอบคนใส่เสื้อสีขาว เท่ๆ ที่ถือไม้กลองมาอ่ะคำพูดตรงไปตรงมาของเธอทำเอาผมขำพรูดออกมา คนที่เธอพูดถึงคือ ไอ้ไดรส์ไม่ไหวๆ ถึงไอ้ไดรส์จะหน้าตาโอเคสำหรับผม แต่นิสัยมันไม่ผ่านอย่างแรงถ้าให้มาเจอเด็กผู้หญิงคนนี้
     
    มิกะทำแก้มป่องๆพองลมแล้วนิ่วหน้ามองผมที่ขำไม่หยุด
     
    คนนั้นแย่ที่สุดแล้วมิกะ เสือผู้หญิงเลยล่ะมันน่ะผมสาธยายให้เธอฟัง มิกะขมวดคิ้วมุ่นแต่ยังไม่เลิกทำแก้มป่อง
     
    แค่เสือผู้หญิงเหรอ...ไม่ใช่เสือไบเหรอผมทำหน้าอึ้งๆไปเล็กน้อยกับคำพูดของเธอ ถึงแม้ว่ามิกะจะมีวัยวุฒิน้อยกว่าผมเยอะโขอยู่ แต่คุณวุฒิของเธอล้ำเกินผมไปไกลจนผมทึ่งในตัวเธอบ่อยครั้งเหมือนกัน
     
    ก็นั่นแหละๆคำพูดแก่แดดแต่น่าเอ็นดูของมิกะทำให้ผมยิ้มขำๆ
     
    จะมืดแล้วอ่ะ กลับดีกว่าเธอโพล่งขึ้นแล้วลุกขึ้นยืนพรวด
     
    อะไรจะมาคุยแค่เรื่องไอ้ไดรส์อ่ะนะ โหผมแซวๆ แต่มิกะหันมายิ้มแล้วยักคิ้วซึ่งเป็นท่าทางที่ไม่เหมาะกับผู้หญิงอย่างแรง
     
    ช่วยไม่ได้ ก็ท่าทางอิจิจะไม่อยากเล่าเรื่องที่ทำให้หน้าอิจิหงอยๆให้มิกะฟังเองนี่นาจบประโยคเธอก็วิ่งออกไปจากบ้านผม ผมยิ้มบางๆตามแผ่นหลังนั้นไป...
     
    มิกะอ่านความในใจจากหน้าตาของผมออกทุกที
     
     
     
     
    สัปดาห์ที่แล้วที่เกิดเรื่องวุ่นๆผ่านไป สัปดาห์ที่วุ่นกว่าเดิมก็เข้ามา... ผมนั่งเอนตัวบนเก้าอี้อย่างสบายๆ เพราะคาบว่างที่มีแทบทั้งวันในช่วงนี้
     
    พวกทะโมนในห้องก็ลดไปกว่าครึ่งเพราะต้องแยกย้ายไปชมรมของตัวเองหรือหมวดวิชาการที่มีคนขอร้องให้ไปช่วยงาน แม้กระทั่งไอ้สามแสบก็สลายโต๋ไปเหมือนกัน ไอ้ไดรส์ก็ไปซ้อมให้ชมรมแบนด์ ไอ้ซันก็ไปซ้อมบาสฯ ส่วนไอ้มี่หนักสุดเพราะพวกหมวดต่างก็ต่อสู้แย่งชิงกันมาขอร้องมันไปช่วย เหลือแต่ผมที่เป็นสัมภเวสีไร้ที่อยู่ ไร้คนศรัทธาอยากจะพึ่งพา คนไร้ค่าที่ทุกคนรู้จักกันดี...
     
    ไอ้อั๊ง!!!!!!!” เสียงใครไม่รู้ร้องโหยหวนตะโกนเรียกชื่อผมลั่นหน้าห้อง พอหันไปมองก็กลายเป็นไอ้ที้ดเด็กวิทย์นั่นเอง มันมีธุระอะไรกับผมวะนั่น ท่าทางรีบร้อนใหญ่ เหงื่อซ่กมาเลย
     
    ไอ้อัง ที้ดมันจะมาสารภาพรักมึงอ่ะไอ้เมาส์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลพูดกวนประสาทเรียกเสียงหัวเราะจากสัมภเวสีตัวอื่นเหมือนผมได้เป็นอย่างดีจนเรียกนิ้วกลางจากผมไปหนึ่งดอก ก่อนจะหันไปถามไอ้ที้ดที่เกาะขอบประตูยืนหอบอยู่ สงสารชิบหาย เด็กเรียนอย่างมันดันมาเจอไอ้เด็กไม่เรียนอย่างห้องผม
     
    มึงมีไรเปล่าวะ รีบร้อนจัง มาๆนั่งก่อนๆผมตบเก้าอี้ข้างตัวแปะๆเมื่อเห็นหน้ามันเริ่มซีดเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมา
     
    ขอบคุณนะมันเดินเข้ามาแล้วนั่งข้างๆ
     
    ผมยิ้มกวนๆให้มันก่อนจะพูด
     
    ไม่เป็นไร กูแค่ไม่อยากให้มีคนตายในห้องกูไอ้ที้ดที่ได้ยินผมกวนมันก็ทำหน้าประมาณว่า กูไม่น่าขอบคุณมึงเลยอะไรอย่างนั้น
     
    ผมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเพราะเชื้อหมาบ้าที่ผมเริ่มติดมาจากไอ้ซันซะแล้ว
     
    แล้วมึงแจ้นมาหากู มีไรเปล่าวะผมหันไปถามพอมันเริ่มเข้าสู่โหมดปกติแล้ว
     
    ไอ้ที้ดทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ก่อนจะทำตาโตหันมามองหน้าผม เอามือสองข้างของผมไปกุมไว้แล้วบีบแน่นๆ
     
    นั่นไง กูบอกมึงแล้วว่าไอ้ที้ดจะมาสารภาพรักไอ้เมาส์เห็นเหตุการณ์ประหลาดๆระหว่างผมกับไอ้ที้ดก็แซวขึ้นมาอีกรอบ เรียกเสียงโห่ฮิ้วจากไอ้พวกทะโมนได้เป็นอย่างดี
     
    ผมมองหน้าไอ้ที้ดงงๆว่ามันเป็นอะไรของมัน
     
    อัง กูมีเรื่องจะขอร้อง มึงช่วยกูทีไอ้ที้ดพูดเสียงน่าสงสาร ตามันมองผมสั่นระริกน้ำตาแทบปริ่ม ห่า ทำงี้กูชิวๆ ไม่คิดมาก แต่คนอื่นอ่ะคิดไกลนะโว้ย
     
    ปล่อยกูก่อนเหอะ แล้วมีเรื่องอะไรก็ว่ามา ช่วยได้ก็จะช่วยผมบอกมันเพราะเริ่มปวดหัวกับท่าทางประหลาดของมัน
     
    มันขอให้มึงช่วยรับรักมันอ้ะไอ้เมาส์อีกแล้วครับท่าน มึงเป็นอะไรกับกูเมื่อชาติก่อนวะ ตามราวีกูอยู่ได้อ่ะ แสด
     
    ไอ้เมาส์ ถ้ามึงไม่เลิกเห่าเดี๋ยวกูจะตามไปเตะตูดมึงถึงที่ผมหันไปแยกเขี้ยว แต่มันไม่กลัวกับคำขู่ของผมเลยซักนิด หัวเราะก๊ากอย่างมีความสุขที่ได้เห่า
     
    อัง มึงช่วยไปเป็นตัวแทนม.6พูดเปิดงานแทนไอ้ป๋วยหน่อยดิไอ้ที้ดที่ปล่อยมือผมไปแล้วอ้อนวอน ผมที่ได้ฟังถึงกับอึ้งอ้าปากค้าง อย่างผมเนี่ยนะให้ไปยืนพูดต่อหน้าเด็กทั้งโรงเรียนและคนนอก อย่างผมเนี่ยนะที่ขึ้นไปพูดคำพูดสวยหรูทั้งที่สิงสาราสัตว์ออกจากปากทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ
     
    ผมหัวเราะในลำคอพลางมองหน้าไอ้ที้ดอย่างสยดสยอง... สิ่งที่มึงขอ มันโคตรอิมพอสสิเบิ้ลสำหรับกูเลย!
     
    คนอื่นไม่มีแล้วเหรอวะ ทำไมต้องเป็นกูด้วยผมหาทางเอาตัวรอด
     
    ก็มึงแม่พระ โอบอ้อมอารีย์... กูรู้มึงช่วยกูได้ไอ้ที้ดพูดแบบมั่นใจสุดๆ แต่ผมนี่นั่งกลืนน้ำลายเอื๊อก ใครเขาไปเป่าหูมึงว่ากูแม่พระ ผิดมหันต์เลยล่ะโว้ย
     
    มึงไปขอร้องคนอื่นเหอะ กูไม่ถนัดเรื่องนี้อ่ะผมส่งสายตาอ้อนวอนมัน แต่ท่าทางมันไม่สนใจคงหมายมั่นจะลากผมไปร่วมวงด้วยให้ได้ กูอยากตาย!
     
    กูขอร้องมึงเลย มีแต่มึงเท่านั้นที่จะช่วยกูได้ กูขอร้อง ไอ้ที้ดยกมือไหว้ขอร้องผม ถ้ามันกราบได้คงทำเลยล่ะมั้งนั่น ผมจับมือมันที่พนมอยู่ให้ลดลงแล้วถอนหายใจ... กูไม่ใช่แม่พระอะไรนั่น แต่กูเห็นคนตาดำๆอย่างมึงละกูใจอ่อน...
     
    เออๆ กูช่วยมึง
     
    งั้นมึงไปกับกูเดี๋ยวนี้เลยไอ้ที้ดพูดจบปุ๊บฉุดผมลุกขึ้นปั๊บแล้วลากออกไปจากห้อง ผมที่บรมโคตรงงก็เดินตามมันไปต้อยๆ
     
    มึงพากูไปไหนเนี่ยผมถามมันเมื่อมันพาเดินไปตึกใหญ่
     
    ห้องประชุมเล็กอ่ะ มิสศรีรออยู่ไอ้ที้ดหันมาตอบ ผมตาโตตกใจ ตอนนี้เลยเหรอวะ กูยังไม่พร้อม!
     
    ให้เวลากูทำใจสองสามวันไม่ได้เหรอวะผมถามกระแง๊วๆ อ้อนวอนสุดริดแต่ไอ้ที้ดมันก็ไร้ความปราณี ไม่ตอบอะไรเอาแต่ฉุดกระชากลากผมให้เดิน
     
    ในที่สุดผมสองคนก็มาถึงห้องประชุมเล็กที่มีไอเย็นของแอร์ลอดออกมาอยู่ ระหว่างทางพวกรุ่นน้องรุ่นเดียวกันมองผมกับไอ้ที้ดงงๆ คนหนึ่งแทบจะลาก คนหนึ่งก็ยื้อไว้สุดชีวิต บอกแล้วไง ผมเกลียดการเป็นเป้าสายต๊า! แต่ให้ทำไง กูยังไม่พร้อม!
     
    ไอ้ที้ดพยายามผลักผมให้เข้าไปแต่ผมจับเสื้อมันไว้แน่น
     
    มึงไม่เข้าไปกับกูเหรอ
     
    ก็กูไม่ใช่ตัวแทนนี่หว่า มิสแกเขาสั่งให้กูหาคนให้เฉยๆไอ้เชี่ย มึงเป็นคนขอร้องให้กูมา พอได้แล้วก็ปล่อยเกาะกูเงี้ย
     
    ผมรู้สึกแย่ยิ่งกว่าถูกคลุมถุงชนซะอีกตอนนี้!
     
    มึงเข้าไปได้ละพูดเสร็จมันก็ผลักผมสุดแรงจนผมหลุดเข้าไปในห้องรอเชือดนั่นจนได้...
     
    ในห้องนั้นมีมิสศรีที่หน้าโคตรดุกับรุ่นน้องที่ท่าทางจะเป็นม.3 มิสศรีมองผมหัวจรดเท้าทำเอาผมถึงกับตัวชาวาบ สำรวจตัวเองแล้วโล่งนิดๆ เสื้อถึงจะยับนิดหน่อยแต่อยู่ในกางเกงเรียบร้อย
     
    เธอเป็นตัวแทนม.6เหรอ อรัณย์มิสศรีจ้องหน้าแล้วถามผม
     
    คะ... ครับผมตอบอ้อมแอ้มแล้วมองน้องม.3ที่คงโดนบังคับขู่เข็ญลากมาเหมือนผมเพราะน้องแกทำหน้าไม่สบอารมณ์สุดๆ เมื่อมิสศรีเผลอเอาแต่มองผม
     
    งั้นเธอรอแปบนึงนะ ฉันให้คนไปปริ้นท์แบบพูดมาแล้วผมขอบคุณจากใจจริงที่มิสแกไม่ให้ผมไปคิดเอง ไม่งั้นมีหวังได้ปล่อยไก่กลางแท่นพิธีแหงม
     
    ผมยืนแกร่วข้างๆน้องม.3คนนั้นอยู่นานสองนาน แต่เราไม่ได้คุยอะไรกันเลย ตัวแทบแข็งแต่ไม่ใช่เพราะอุณภูมิแอร์ เป็นออร่าสยดสยองของมิสศรีแกต่างหาก ถ้าผมอยู่กับแกสองคนผมคงขอยอมตายดีกว่า
     
    ได้แล้วครับเสียงนั้นมาพร้อมกับประตูที่เปิดออก ผมหันไปแล้วอึ้งจนมึนตึ้บ เวรเอ้ย กูโล่งใจไม่เจอมันหลายวันนึกว่าจะหนีพ้นแล้วซะอีก ไอ้แซทยืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วยื่นกระดาษอะไรไม่รู้ให้มิสศรีไปก่อนจะหันเจอะกับผมที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้น ดูท่ามันก็อึ้งๆเหมือนกัน
     
    เอาอันนี้ไปให้อรัณย์นะ แล้วช่วยดูช่วยซ้อมให้ครูด้วย เดี๋ยวน้องม.3คนนี้ครูจัดการเองมิสศรียื่นกระดาษแผ่นนึงให้แซทแล้วมองมาทางผมก่อนจะจูงมือน้องม.3คนนั้นออกไป ผมที่ถูกทิ้งกับคนที่ไม่อยากจะเข้าใกล้ที่สุดยืนหน้าเหวอ เฮ้ย มิสคร๊าบบ มิสทำอะไรลงปาย!
     
    แซทเดินมาหาผมหน้าตาเจ้านี่ดูลำบากใจนิดๆ แต่ยังเคลือบด้วยรอยยิ้ม
     
    อ่ะ นี่ครับแบบพูดของพี่อังมันบอกแล้วยื่นมาให้ ผมก็รับมาอย่างเงอะงะแล้วมองกวาดผ่านๆ แม่ง โคตรยาว กูจะไหวมั้ยเนี่ย
     
    โอเครึเปล่าครับแซทถามผมเสียงนิ่งๆ ผมก็พยักหน้ารับนิดๆไปงั้น จริงๆแค่สองบรรทัดแรกก็ตายห่าละ
     
    ไม่ต้องพูดเพราะๆก็ได้ มันแปลกๆแฮะผมบอกเมื่อรู้สึกหมอนี่ทำตัวสุภาพบุรุษเกินเหตุ อย่างน้อยก็เป็นผู้ชายด้วยกันถึงจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันก็เถอะ พูดจาแบบนั้นกันผมรู้สึกจั๊กจี้
     
    งั้นเรียกอังเฉยๆ ได้ใช่ป่ะ แซทถามน้ำเสียงมันดูผ่อนคลายลง ผมก็พยักหน้ารับเช่นเคย ผมว่าถ้าอยู่กับพ่อเจ้าประคุณนานๆผมต้องคอเคล็ดแน่
     
    มันยิ้มให้ผมแล้วเดินไปลากเก้าอี้สองตัวมาให้ผมกับมันนั่ง
     
    ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ลองพูดให้ฟังหน่อยสิจะช่วยดูให้
     
    ผมกลืนน้ำลายเอื๊อกแล้วมองแผ่นกระดาษในมือเหมือนมันเป็นแก้วยาพิษที่จะสังหารผมให้ตายได้ทุกเมื่อที่มันต้องการ
     
    ง่า... คือผมละล่ำละลักมองหน้าแซทที่จ้องหน้าผมอยู่ กูพูดไม่ได้เพราะมึงล่ะคร๊าบบ ไปหล่อไกลๆกูที กูตื่นเต้น
     
    สะ... สวัสดีครับ คณะครู นักเรียนและแขกผู้มีเกีรยติ ทะ... ทุกท่าน โอ้ย ไม่ได้อ่ะ!” ผมยื่นหน้าแทบจะติดกระดาษ พูดเสียงเรียบไร้จังหวะจนดูนิ่งสนิทชวนง่วง อับอายโว้ย ไอ้ที้ดนะไอ้ที้ด เจอเมื่อไหร่กูโบกมึงแน่!
     
    แซทที่นั่งตรงข้ามผมยิ้มขำๆกับท่าทางที่เหมือนอยากจะดิ้นให้ตายของผม
     
    เดี๋ยวผมพูดให้ฟังก่อนดีมั้ยมันถาม แต่ผมไม่รอช้าส่งกระดาษอำมหิตนั่นให้แซททันที เจ้านั่นรีบแล้วกวาดมองทั่วแบบคร่าวๆ ก่อนที่จะเงยหน้ามองผมแล้วจดจ้องไม่ละไปไหน สายตาที่มองมาทำเอาผมหนาวๆร้อนๆที่หน้า
     
    สวัสดีครับ คณะครู นักเรียนและแขกผู้มีเกียนติทุกท่าน ผม นาย อรัณย์ สุริยหทัย ตัวแทนของนักเรียนชั้นม.6 จะมาเป็นตัวแทนกล่าวเปิดงานในวันนี้…” ผมเบิกตาโตมองอภินิหารของประธานนักเรียน แซทมองหน้าผมโดยไม่แม้แต่จะหลบตา แล้วพูดคล่องปรื๋อ เว้นช่วงได้น่าฟังจนผมต้องทึ่ง...
     
    ด้วยตำแหน่งและหน้าที่ล่ะมั้งถึงทำให้มันเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ สงสารเหมือนกันที่ต้องรับงานประธานนักเรียนที่หนักหนาสาหัสนั้น เพราะต้องทำทุกอย่างในโรงเรียน นั่งอ่านเอกสารยุ่งเหยิงในแต่ละวันอีก แต่ผมเจอแซททีไรเขาก็มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเฮฮากับเพื่อน ไม่เคยเห็นมันทำหน้าเหนื่อยเลยซักครั้ง
     
    แบบนี้อ่ะ ได้รึเปล่าแซทที่หยุดสาธิตแล้วถามผม
     
    ยาก... เอาตั้งแต่เบสิคได้มั้ยให้ผมพูดได้อย่างหมอนี่คงต้องไปฝึกขัดเกลาเป็นสิบปี
     
    แซทยิ้มรับอย่างดูดี มีราศีจับจนผมแอบแสบตาเพราะออร่าวิ้งๆของมัน
     
    มองตาผมนะมันพูดแล้วจับหน้าของผมให้มองหน้ามันตรงๆ ผมตัวแข็งไปทันทีเมื่อมืออุ่นๆของมันมาสัมผัส หัวสมองมึนตึ้บเพราะคำพูดกำกวมของพ่อเจ้าประคุณที่วนเวียนอยู่ในหัว
     
    เวลาพูดต้องมองหน้าคนฟัง ห้ามหลบตานอกจากจะก้มลงอ่านแซทที่เห็นผมทำหน้าเหวอขยายความประโยคของมันให้ผมเข้าใจ ผมที่หวิวไปแล้วพยายามเรียกสติที่เตลิดไปไกลให้กลับคืน เขาไม่ได้พิศวาสอะไรมึง มึงอย่าคิดไปไกลไอ้อัง!
     
    ผมกับแซทนั่งมองตากันอยู่อย่างนั้นตามวิธีเบสิคขั้นแรก ผมพยายามอ่านความคิดจากดวงตาคู่นั้นแต่ก็มองไม่ออกซักทีว่าคนตรงหน้ากำลังคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่ มีแต่แซทเท่านั้นที่ทำหน้าเหมือนจะล่วงรู้ความลับภายในใจของผมโดยทำเพียงแค่มองเท่านั้น
     
    รอยยิ้มของเขาทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบวาบภายในอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่รู้เพราะอะไรอาจจะเป็นเพราะวีรกรรมประหลาดที่ผมเพิ่งทำให้แซทเห็นก็เป็นได้และคำสัญญาของความลับระหว่างเรา ผมคาดการณ์ไปอย่างนั้น แต่มันก็ดูเหมือนมีอะไรมากกว่านั้น บางสิ่งบางอย่างที่เหมือนตะกอนในใจที่กำลังรอคอยการกลั่นกรองจากคนตรงหน้า
     
    สุดท้ายแล้วผมก็เป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีหลบไปก่อนเพราะทนไม่ไหว ผมเอามือปิดตาเพื่อระงับอารมณ์แปลกประหลาดที่เริ่มกระเจิงไปคนละทิศละทาง
     
    แค่นี้ก็โอเคแล้วล่ะ ไว้ต่อพรุ่งนี้มั้ยแซทถามผมแล้วยิ้มละไมตามแบบฉบับที่ไม่ว่าเจอกันกี่ครั้งก็จะยิ้มแบบนี้
     
    ผมพยักหน้าแต่ก็ไม่หันไปมองแซทตรงๆอยู่ดี
     
    เขาลุกขึ้นแล้วยื่นกระดาษในมือให้ผมที่กำลังลุกตาม เราสองคนเดินไปที่ประตูแล้วออกจากห้อง ผมที่กำลังจะเดินกลับไปทางเดิมเพื่อไปห้องเรียนถูกแซทคว้าแขนไว้แล้วบีบเบาๆ ผมหันไปมองด้วยสีหน้างุนงงเป็นที่สุด ไม่เข้าใจว่ามันทำอะไร และต้องการอะไร
     
    พยายามเข้านะอัง พรุ่งนี้เจอกันแซทพูดเสียงนุ่มๆแล้วปล่อยมือเดินไปอีกทาง ผมมองตามแผ่นหลังนั้นไปจนลับตา คำให้กำลังใจของมันลอยวนไปมาเหมือนมนตร์สะกดให้ผมยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน
     
    สิ่งที่แซททำกับผมเมื่อครู่ทำให้อะไรบางอย่างข้างในผมเด่นชัดขึ้นมา...
     
     
     
    เขากำลังจะทำให้ผมเปลี่ยนไปทีละนิด...





            to be continued...






    --------------------------------------------------------------------------------------------+

    แซทกับอังเริ่มเข้าใกล้กันและกันมากขึ้นทีละนิด...
    เป็นจังหวะเหมาะที่แซทเข้ามาในตอนที่อังอ่อนแอพอดี
    อังรู้สึกถึงอาการแปลกๆของตัวเอง แต่ไม่อาจจะยอมรับมันได้

    มีคนรีเควสให้แซทเลวๆ โอ้วว นอกคาแรคเตอร์เลยจ้าT_T'
    ก็แซทเป็นคนสุภาพมากนี่นา... แล้วเป็นรุ่นน้องด้วย จะให้พูดกูมึงกับอังคงไม่ไหวล่ะเนอะ
    แต่ถ้าเป็นอังพูดก็พออะลุ่มอล่วยให้... (วอลนัตรักอัง  ฮ่าๆๆ)

    ช่วงนี้ขยันเขียนให้อ่านกันทุกวันเลย... 
    ขอบคุณผู้อ่านและผู้ที่สนใจนิยายใสๆเล็กๆเรื่องนี้นะจ้า

    คนเขียนชื่อ 'วอลนัต' นามปากกา 'UoruNatto' เป็นภาษาญี่ปุ่นแปลว่า 'วอลนัต' นั่นเองแหละ
    เพราะฉะนั้นเรียกชื่อเล่นได้เลย เรียกไรท์เตอร์มันดูห่างเหินไป>_<

    เรื่องที่ให้ถ่ายรูปผู้ชายสองคนอันเป็นแรงบันดาลใจนั้น ไม่ไหวฮะแล้วก็ไม่ได้ด้วย
    ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เอิ๊กๆ...
    แค่เมียงมองไปวันๆก็กรี๊ดแล้ว ฮ่าๆๆๆ

    สำหรับวันนี้ จบแค่นี้จ้ะ!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×