ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Unlucky Boy! ขอโทษครับ... ผมไม่ใช่ผู้ชายขายน้ำ! [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #2 : [02] Enormous Problem

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ค. 54




    [02]  Enormous Problem…  ปัญหาที่ใหญ่โตมโหฬาร
     
     
     
     
    ตอนนี้ผมที่หิ้วจาคอบอยู่ใต้แขนยืนเด่อยู่หน้าโรงเรียน กำลังคิดว่าจะเข้าไปดีหรือไม่เข้าไปดี พวกเด็กที่เดินผ่านแถวนั้นมองอาการแปลกๆของผมงงๆ ...ไอ้อาการมองซ้ายมองขวาล่อกแล่กเหมือนคนสติไม่อยู่กับตัวแบบนี้น่ะ
     
    มึง!”
     
    เฮ้ย!” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อใครก็ไม่รู้มาเรียกแถมเอามือมาวางที่บ่า พอผมหันไปก็ถึงกับโล่ง เชี่ยซัน!
     
    สัด กูตกใจหมด ผมหันไปมองมันโกรธๆ พลางลูบอกตัวเองป้อยๆเรียกขวัญที่กระเจิงไปแล้วให้กลับมา
     
    ไอ้ซันมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วขมวดคิ้วเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ห่านี่ คนนะไม่ใช่เสาไฟ มองแบบนั้นกูเสียเซลฟ์เหอะ!
     
    มองๆ มองไรวะ กูหล่อขึ้นไงผมกวนประสาท แต่มันก็ยังมองๆจ้องๆของมันไม่เลิก
     
    มึง...ในที่สุดมันก็พูดออกมา แล้วทำหน้าตาตกใจชี้มาที่ผมเหมือนเป็นตัวกิ้งกือยักษ์
     
    ไรของมึงเนี่ยเชี่ยแม่ง ดูทำหน้า อ้ำๆอึ้งๆ กูทำไม
     
    จวยอังแม่งเจ้าแม่หมีแพนด้าอ่ะครับ~” มันร้องลั่นเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตายก่อนจะขำก๊าก แต่ยังชี้หน้าผมไม่เลิก ไอ้เชี่ยนี่
     
    ผมจัดการโบกหัวมันไปหนึ่งทีให้สมกับตำแหน่งเจ้าแม่หมีแพนด้าที่มันยกให้ เดี๋ยวกูจะตบปุให้มึงเดี้ยงคาที่เลยคอยดู ไอ้สาดซัน!
     
    มึงหยุดขำเลยไอ้ซัน คนมองกูใหญ่แล้วผมหันไปด่าเมื่อทนสายตาคนรอบข้างไม่ไหว แต่ละคนมองผมกับไอ้ซันแล้วทำหน้าแปลกๆ โอ้ย กูอยากจะบ้า เกลียดการเป็นเป้าสายตาโว้ย!
     
    แต่ไอ้ตัวดียังขำไม่เลิกครับ หัวเราะก๊ากเสียงดังกว่าเดิม มึงไม่ลงไปดิ้นที่พื้นเลยล่ะ ฟายยย
     
    ผมยืนกอดอกมองมันแบบโกรธๆ
     
    มันที่ขำไม่เลิกเริ่มเงียบเสียง แล้วปาดน้ำตาที่เล็ดปริ่มตรงดวงตา แม่ง เป็นเอามาก
     
    กูว่าคนมองไม่ใช่เพราะกูว่ะ... คนมองกันเพราะมึงโคตรเหมือนหมีแพนด้าจากเชียงใหม่ต่างหากไอ้อังไอ้เวร กูอ่ะจากเชียงใหม่ แต่มึงอ่ะจากนรก ใครส่งมึงมาเกิดวะ กูขอดูหน้าที มีมึงเป็นเยาวชนของชาติแบบนี้กูว่าชาติล่มสลายแน่
     
    มึงอย่าเว่อร์ผมค้าน แต่มันไม่เถียงเอาแต่หัวเราะในลำคอหึๆ
     
    เออๆ ว่าแต่มึงมายืนไมตรงนี้วะ กูเห็นมึงยืนจังงันไม่ยอมเข้าไปข้างในตั้งนานละ ไอ้ซันถาม หน้าตาที่ขำก๊ากๆเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นจริงจัง แล้วใช้สายตาคมๆดุๆของมันคาดคั้นคำตอบจากผม
     
    ผมก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไร เกาหัวเก้อๆ
     
    แล้ววันนี้มึงมาคนเดียวไงเปลี่ยนเรื่องไปซะเพราะขี้เกียจตอบคำถาม ผมกวาดมองรอบตัวมันอย่างหวาดๆ เออ แม่งไม่อยู่ ค่อยยังชั่ว
     
    กูตื่นสาย... แล้วนี่มึงมองหาใครวะคำถามของมันทำเอาผมสะดุ้ง ทีงี้ล่ะช่างสังเกตเชียวนะเรื่องของกูเนี่ย
     
    กูมองหาไอ้ไดรส์ ไอ้มี่เอาไอ้สองแสบมาพาดพิงอ้างไปอย่างงั้น ขอบคุณพวกมันลึกๆในใจที่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ให้ผมได้เอาตัวรอด
     
    พวกมันโทรมาบอกกูว่าถึงโรงเรียนตั้งนานละ... แล้วจะเข้าข้างในได้ยังคุณหญิงไอ้ซันบอกผมก่อนจะกวนประสาทตามประสามันต่อ เชี่ยนี่ปากสงบซักนาทีไม่ได้เลยไงวะ
     
    สาด เดี๋ยวเจอกูโบกอีกรอบ
     
    เรื่องไรจะให้มึงโบกอีกรอบมันพูดแล้วแลบลิ้นปลิ้นตาก่อนจะวิ่งหนีไปไกลลิบ ไอ้ซัน กูจะวิ่งตามนักกีฬาโรงเรียนอย่างมึงทันมั้ยล่ะเนี่ย แต่กูไม่อยากอยู่ตรงนี้... กูหวิว!
     
     
     
    ผมหอบแฮ่กๆ แล้วเดินไปตามระเบียงในตึก เสื้อนักเรียนชุ่มเหงื่อตั้งแต่เช้าทำผมเซ็งไปเลยทีเดียว... ไม่น่าหลวมตัวไปกับไอ้ซันเล้ย เพราะจะเร่งความเร็วแค่ไหนผมก็ไม่ติดขี้เล็บมันอยู่ดี ป่านนี้คงนั่งเผาผมให้คนอื่นฟังอยู่ในห้องแล้วมั้งนั่น
     
    เสียงเจี๊ยวจ๊าวในห้องเรียนของผมดังอยู่ไม่ไกล จะถึงซักที เหนื่อยโคตร
     
    พอผมมาหยุดอยู่ที่ตรงหน้าประตู ไอ้ไดรส์ที่นั่งเม้าท์กับคนอื่นอยู่ก็ลุกขึ้นวิ่งโร่อ้าแขนเข้ามาเหมือนพลัดพรากกันไปเป็นสิบปีเมื่อมันเห็นผม
     
    อัง มึงมาแล้ว ขอกูกอด... อ่อก!” ผมโยนน้องจาคอบให้มันกอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างไม่สนใจอาการบ้าๆของมัน ก่อนจะเดินหอบไปนั่งข้างไอ้มี่ที่กำลังคุยกับไอ้ซันอยู่ นินทากูแหงม ไอ้พวกนี้
     
    ไอ้มี่หันมามองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจเซ็งๆ ทำแบบนี้หมายความว่าไงวะเนี่ย
     
    กูเชื่อมึงแล้วไอ้ซัน อ่ะ เอาไปไอ้มี่พูดอย่างปลงๆ ก่อนจะควักแบงค์ร้อยในกระเป๋ากางเกงโยนให้ไอ้ซันที่ยิ้มร่ากวนตีนอยู่ พวกมึงสองตัวทำอะไร กูไม่เข้าใจอยู่ดี
     
    ทำไรกันวะผมหันไปถามไอ้ซันเพราะไอ้มี่ไม่มองหน้าผมก้มลงอ่านรีบอร์นเล่มใหม่เหมือนโกรธๆอะไรผมซะอย่างงั้น
     
    ไอ้ซันยิ้มกวนๆ ก่อนจะดึงเสื้อผมให้ไปใกล้ตัวมันแล้วกระซิบกับหูผมเบาๆ
     
    กูกับมันพนันกันว่ามึงจะเป็นหมีแพนด้าจริงเปล่าพูดจบก็ทำให้ผมถึงกับบางอ้อ อย่างนี้นี่เอง แต่เดี๋ยว... เกี่ยวไรกับกูเนี่ย ไอ้พวกเพื่อนเชี่ย!
     
    จวย พวกมึงเห็นกูเป็นอะไร เอาขอบตากูมาพนัน กูโกรธ!!” ผมโวยวายลั่นห้องแต่ไอ้มี่ก็ยังอ่านการ์ตูนต่อไม่สนใจสมกับมาดเจ้าชายน้ำแข็งที่หลายคนตั้งให้ ไอ้ซันก็เอาแต่ขำก๊ากๆ แม่ง ไม่สนใจกูเลยนะพวกมึง
     
    เฮ้ย อัง ตอนแรกกูก็จะลงพนันเหมือนกันว่ะ แต่ไอ้ซันไอ้มี่ไม่ยอม กลัวเสียบานไอ้พีท เพื่อนอีกคนในห้องตะโกนมาจากอีกฟาก ผมทำหน้าเบะแล้วมองมันอย่างโกรธๆ แต่พวกเพื่อนแถวนั้นก็พยักหน้ากันเหมือนอยากจะร่วมวงด้วย
     
    พวกมึงก็ด้วย! กูโกรธพวกมันไม่ว่าไม่ทำอะไร ปล่อยก๊ากกันอย่างเดียว จนสุดท้ายทั่วห้องประสานสายตามาที่ผมแบบเจ้าเล่ห์มองแล้วขนลุกซู่ไปทั้งตัว เป็นแผนไอ้พวกนี้แน่นอน... พวกมึงอย่าอยู่เลย กูบอกแล้วไง กูโกรธ กูเคือง!
     
    พวกมึงเอาหัวมาให้กูโบกรายตัวเดี๋ยวนี้!” ผมลุกแล้วเดินไปหาพวกมันที่นั่งหัวเราะกันอยู่ เมื่อผมใกล้จะเดินไปถึงพวกมันก็พร้อมใจกันแตกฮือวิ่งออกไปให้ไกลจากผมในรัศมีสามเมตรเป็นอย่างต่ำ
     
    สัด ระวังดีๆนะเว้ย ไอ้อังแม่งเมนส์มาว่ะไอ้คนพูดไม่ใช่ใครนอกจากไอ้แสบซัน ปากดีน่ะของถนัดมันเชียว พวกเพื่อนเวร รวมหัวกันแกล้งผม... เหมือนกรรมที่ทำสั่งสมมาหลายปีมาย้อนคืนครับ เพราะปกติผมจะเป็นแกนนำวางแผนให้ไอ้พวกทะโมนในห้องร่วมกันแกล้งคนอยู่แล้ว วันนี้มันคงได้ฤกษ์อะไรบางอย่างมันเลยมายำคืน... กูไม่น่าเผลอเลย แม่ง
     
    เสียงโหวกเหวกเจี๊ยวจ๊าวในห้องเป็นเรื่องปกติแบบทุกวันที่ผ่านมา ผมแปลกใจที่วันนี้เจอไอ้สามแสบแต่มันไม่ถามอะไรผมเรื่องเมื่อวานเลยซักนิด พวกมันยังทำตัวเหมือนเดิมเป็นปกติ ไม่มีแม้แต่สายตาเป็นห่วงให้ผมลำบากใจ ทั้งที่เตรียมใจอะไรไว้แล้วว่าต้องโดนถามแหงม ในใจพวกมันคงอยากรู้มากเหมือนกัน... มันคงคิดว่าถ้าผมพร้อมคงจะบอกพวกมันเองล่ะมั้ง เพราะพวกมันบอกผมเสมอว่าพวกมันไว้ใจผม และไม่ชอบการบังคับเพื่อนให้พูดในสิ่งที่ไม่อยากพูดออกมา
     
    สิ่งที่เรียกว่า เพื่อนมันก็ดีอย่างนี้ล่ะครับ เวลาที่มีพวกมันอยู่ใกล้ๆ ทำให้ความทุกข์ของผมหายไปในทันที ถึงแม้จะแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งก็ตามเถอะ แต่พวกมันเป็นสิ่งบ่งชี้ที่ทำให้ผมได้คิด คิดว่าอีกไม่นานผมคงจะลบผู้หญิงคนหนึ่งออกไปจากหัวใจได้ง่ายดายในซักวัน และกลับมาเป็นไอ้อังของพวกมันเหมือนเดิม ตราบใดที่ยังมีมิตรภาพความเป็นเพื่อนเป็นตัวหล่อเลี้ยงประสานจิตใจที่อ่อนล้าของผมแบบนี้อยู่...
     
     
     
    ไดรส์ กูเห็นเดี๋ยวนี้มึงไปขลุกอยู่ห้องชมรมทั้งวัน มีไรวะผมถามขึ้นระหว่างที่นั่งวาดรูปเล่นในกระดาษในคาบว่าง ส่วนไอ้ไดรส์ที่นั่งข้างๆผมก็นั่งอ่านโน้ตดนตรีในมือมันอยู่ มันหันมามองผมงงๆ ก่อนจะตอบ
     
    ก็นิทรรศการวิชาการไงมึง เขาอยากได้แบนด์ฟอร์มดีๆไปเล่น กูเลยต้องทำนู่นทำนี่ ไอ้ไดรส์สาธยายก่อนจะมองหน้าผมประมาณว่า มึงโคตรหลังเขาอะไรอย่างนั้น
     
    ทำไมมองกูแบบนั้นวะ ข่าวแม่งเงียบใครจะไปรู้ มึงก็ไม่รู้ใช่มะไอ้ซัน ไอ้มี่ ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากไอ้สองแสบที่เข้าไปอยู่ในโลกของการ์ตูนตั้งแต่เริ่มคาบ หนังสือการ์ตูนรับสิบเล่มอัดอยู่ใต้เก๊ะพวกมัน แม่ง ขนมาชั่งกิโลฯขายเหรอวะนั่น
     
    ไอ้มี่ผละจากหนังสือการ์ตูนที่อยู่ในมือแล้วมองหน้าผมสายตาแบบเดียวกับไอ้ไดรส์ สัด กูเกลียดสายตาแบบนี้โว้ย
     
    ขอโทษว่ะ บังเอิญกูรู้ไอ้มี่ตอบกวนๆก่อนจะหันไปตั้งหน้าตั้งตาอ่านต่อ ถ้ามึงอ่านหนังสือเรียนได้แบบนี้นะ กูกราบคารวะมึงงามๆเลย ไอ้เวร
     
    เหลือไอ้ตัวสุดท้ายที่ไม่เอาอ่าวเหมือนผม มีแต่มันที่พอจะช่วยได้ ผมหันไปมองไอ้ซันอย่างคาดหวังนิดๆ
     
    มึงแหกตาดูบอร์ดโรงเรียนมั่งเหอะไอ้ซันทำเอาความหวังหาคนร่วมชะตากรรมของผมพังทลาย แม่ง ไม่พูดเปล่า แถมยังแย็บด่ากูอีก... จะว่าไปผมก็ไม่สนใจบอร์ดโรงเรียนมานานแล้ว ตั้งแต่มันแปะรูปผมตอนไปคุมน้องงานปฐมนิเทศ คือหน้าเหียกมาก ช็อทกำลังโคตรเหวอสุดๆ วันนั้นผมเลยไปโวยวายพวกโสตฯกระจาย นับเป็นวีรกรรมที่คนกล่าวขานกันอีกเรื่อง
     
    ปีนี้แม่งจัดหรู เด็กคอนแวนต์มาด้วยไอ้ไดรส์พูดระรื่นแล้วทำตาชวนฝันพร่ำเพ้อ แต่คำว่า เด็กคอนแวนต์ ของมันทำเอาผมสลดทันที ไอ้สามแสบที่สังเกตเห็นก็หน้าเผือดสีเมื่อรู้ว่าคำนั้นเป็นคำต้องห้ามไปแล้วตอนนี้สำหรับผม
     
    กะ... กูขอโทษไอ้ไดรส์เลื่อนเก้าอี้มาใกล้ผมแล้วยกมือไหว้ปลกๆขอโทษขอโพย หน้ามันสำนึกผิดเต็มที่ ผมยิ้มบางๆให้มัน... ตอนนี้ผมไม่ได้เศร้าจนอยากจะฆ่าตัวตายหรือทำอะไรโง่ๆ(ที่ทำไปแล้วเมื่อคืน) ไม่ได้โกรธใครด้วยแต่ในช่วงแรกๆมันก็เป็นอย่างนี้ ตะกอนในใจที่สั่งสมมาปีกว่ามันก็ยากจะหายไป เรื่องเกี่ยวกับเนย์มันยังเด่นชัดในหัวผมเสมอตอนนี้
     
    พอๆ กูไม่เป็นไรเว้ยผมทำหน้าให้เป็นปกติเหมือนเดิม แต่เหมือนพวกมันจะยังไม่วางใจส่งสายตานิ่งๆ หงอๆ มองมา
     
    ในวงสนทนาของเราสี่คนมันเงียบกริบจนผมที่รู้สภาพจิตใจตัวเองดีถอนหายใจปลงๆก่อนจะเงยหน้าไปพูดกับพวกมัน
     
    มึงอยากฟังเรื่องเมื่อวานป่ะ เดี๋ยวกูเล่า
     
    พวกมันเริ่มหูผึ่งแต่ก็ยังไม่ไว้วางใจ เหมือนกลัวว่าเป็นเพราะพวกมันบังคับผมให้เล่า
     
    พวกกูไม่บังคับมึงนะอัง พร้อมจะเล่าก็เล่า ไม่พร้อมพวกกูก็รอไอ้มี่พูด สายตาของมันเป็นห่วงผมเต็มที่ แต่ผมก็ยังยิ้มให้พวกมัน มันไม่ได้ฝืนใจผมเลย ผมคิดว่าเล่าให้พวกมันฟังคงไม่เสียหายอะไร อย่างน้อยก็ทำให้พวกมันหายกังวลได้บ้าง สงสารที่ต้องทำตัวปกติทั้งที่อยากรู้ใจแทบขาดแบบนั้น
     
    พวกมึงอ่ะแก่ก่อนกูชัวร์ คิดมากสาดผมกวนประสาทไป จนไอ้สามแสบถอนหายใจโล่งที่ผมไม่เป็นอะไรมากอย่างที่พวกมันคิดไปไกล
     
    เชี่ย เป็นมึงก็คงต้องเป็นแบบพวกกูแหละไอ้ไดรส์เถียง โดยมีไอ้สองแสบที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วยเออออตามไป
     
    ไอ้ไดรส์เงียบปากดิ๊ กูอยากฟังจะแย่ไอ้ซันที่ธาตุแท้เผยเป็นคนแรกหันไปด่าไอ้ไดรส์แล้วกลับมามองผมจ้องๆ เหมือนจะเห็นหูหางมันกระดิกดิ๊กๆเลยแฮะ
     
    กู... เลิกกับเนย์แล้ว
     
    ใครขอเลิกผมพูดจบปุ๊บไอ้มี่สวนขึ้นมาปั๊บ... ไอ้พวกเวร แม่งอยากรู้เรื่องกูใจแทบขาด แต่เสือกแกล้งเป็นคนดีให้กูตายใจ
     
    ถามโง่ๆ เนย์ดิไม่ใช่ผมตอบแต่เป็นไอ้ไดรส์ จากนั้นมันก็ถกเรื่องปัญหาของผมกันอย่างมันส์ปาก ตกลงเรื่องของกูหรือพวกมึงกันแน่เนี่ย
     
    ผมตบโต๊ะรัวๆเรียกให้พวกมันกลับมาสนใจผมซึ่งเป็นเจ้าของคดี ไอ้สามแสบที่ได้สติว่ามันไม่ได้อยู่กันสามคนในวงสนทนาหันมายิ้มแหยๆให้ผม
     
    ตกลงจะฟังกูมั้ยผมถามพวกมันเสียงไม่สบอารมณ์ กอดอกหน้าบึ้งตึง
     
    ฟังจ้ะฟังไอ้ซันรับเสียงกระเง้ากระงอด กลัวผมเปลี่ยนใจ เรื่องเสือกในห้องมันที่หนึ่ง!
     
    เขาขอเลิกกู บอกว่าไปชอบคนอื่นแล้ว... กูเลยยอม เขาร้องไห้ กูก็ปลอบจนเขาอารมณ์เย็นอ่ะ เสร็จเขาก็ไป กูก็ไปผมตัดเรื่องให้กระชับพอเข้าใจง่าย จะให้ละเอียดน่ะไม่ไหว เพราะผมจำแทบไม่ได้น่ะสิ
     
    เออ แล้วมึงไป... ไปไหนต่อวะ?ไอ้มี่ถามเมื่อฟังผมเล่าจนจบ คำถามของมันทำเอาผมจุกในลำคอ ถึงแม้เรื่องราวเย็นวานผมจะจำอะไรแทบไม่ได้เลย แต่หลังจากนั้น เรื่องนั้น ผมกลับจำมันได้อย่างครบถ้วน ให้เล่าเป็นฉากๆยังได้เลย
     
    กูกลับบ้านเรื่องสุดท้ายผมโกหกพวกมัน ไม่อยากให้ไอ้สามแสบรู้ว่าผมทำอะไรลงไป ขี้เกียจฟังพวกมันนั่งสวดนั่งด่า
     
    กูก็นึกว่ามึงไปเมาหัวราน้ำซะอีกว่ะ เมื่อคืนแม่งไม่โทรมาไอ้ซันพูดเหมือนเสียดายอะไรบางอย่าง คิดกับกูได้ดีจริงเลยนะมึง
     
    ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้คนเจ้าความคิดอย่างหมั่นไส้
     
    ไอ้อังมันไม่ได้เป็นไรก็ดีแล้ว กูค่อยโล่งไอ้มี่พูดก่อนจะเอนพิงเก้าอี้นั่งอ่านการ์ตูนต่อไม่สนใจพวกผมอีก นี่มึงเสนอหน้าเพื่อแค่นี้ใช่มะเนี่ย
     
    ตอนนี้มึงก็โสดดิไอ้ไดรส์ถามผมหน้าตื่นๆ
     
    เออ
     
    อัง มึงยังมีกูนะ กูพร้อมสลัดทุกคนในแกลลอรี่กูทิ้งเพื่อมึงไอ้ไดรส์แกล้งพูดแล้วทำสีหน้าจริงจัง จากนั้นมันก็วาดแขนรวบตัวผมไปรัดแน่นๆ ผมโคตรซวยที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม (จริงๆแล้วในห้องเลยล่ะ) โดนไอ้พวกทะโมนลามปามตลอด พอด่า พวกมันก็หาว่าผมน่ากอดที่สุดในห้องแล้ว กูควรภูมิใจกับตำแหน่งนี้มั้ยเนี่ย? อย่างน้อยกูก็ร้อยเจ็ดสิบอัพนะโว้ย!
     
    เชี่ย กูสยิว ปล่อยๆๆๆผมโวยวายแล้วพยายามดิ้น แต่ไอ้ไดรส์ก็แรงควายเกินรัดผมแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ไอ้ซันก็ผสมโรงขำก๊าก โอ้ย เพื่อนมึงจะขาดอากาศหายใจตายแล้ว มึงยังจะขำ!
     
    นี่กูพูดจริงนะ มึงไม่เชื่อไงประโยคดูจริงจัง แต่หน้ามันไม่ใช่ ไอ้รอยยิ้มกวนประสาทนั่นทำเอาผมเริ่มฉุนขึ้นมานิดๆ เล่นเชี่ยไรไม่รู้เรื่องเลยนะมึง ไอ้ไดรส์!
     
    ไอ้อังไอ้ไดรส์ มึงหยุดจู๋จี๋กันได้แล้วโว้ย แดกข้าว!” เสียงไอ้พีทดังขัดห้ามทัพ ไอ้ไดรส์เผลอผมเลยสะบัดมันออกสุดแรงก่อนจะลุกขึ้นยืนชี้หน้ามันคาดโทษเอาไว้แล้วหอบตัวโยนแฮ่กๆ นึกว่าจะตายซะแล้วนะนั่น
     
    พวกทะโมนในห้องเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากห้องโดยมีผม ไอ้ไดรส์ ไอ้ซัน ไอ้มี่รั้งท้าย พวกเราเอะอะกันตามประสารุ่นพี่สูงสุดของโรงเรียนแซวน้องไปเรื่อย ผมเดินลงมาจากชั้นม.6 ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
     
    อยู่ดีๆผมก็รู้สึกโหวงในท้องแต่หัวใจภายในอกเต้นรัว ตัวสั่นเพราะความรู้สึกบางอย่าง โอ้ย อยากอ้วก
     
    มึง เดี๋ยวกูไปโรงอาหารก่อนนะผมเริ่มห่อตัวและขอบใจในความตัวเล็กของตัวเองเป็นครั้งแรก
     
    ไอ้มี่ที่อยู่ใกล้ผมที่สุดหันมามองหน้าผมงงๆ
     
    มึงเป็นเมนส์อย่างที่ไอ้ซันบอกเหรอวะมันถามผมหน้าตาซื่อๆ ทำเอาผมที่ทำตัวลีบส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ ไม่อยากเสียงดังไปมากกว่านี้ แค่ไอ้พวกทะโมนนี่ทำก็เด่นจะแย่
     
    ปากหมา... กูไปก่อนนะ ฝากบอกพวกมันด้วยพูดจบผมก็ใช้วิชานินจาแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มที่เหมือนจะยกพวกไปตีกับใครก่อนจะลัดเลาะจนออกมาข้างหน้าสุดเสร็จแล้วก็วิ่งฉิวไปอย่างรวดเร็ว ลำบากชิบหาย
     
    ไอ้อัง มันรีบไปไหนวะ... เสียงไอ้เมาส์ เพื่อนอีกคนในห้องตะโกนถามพวกในกลุ่ม พวกมันก็มองผมงงๆตามกันไป
     
    พวกมึงจะพูดเสียงดังให้กูเด่นทำไม ไอ้เวร!
     
    แม่ง ไปตามหาโซลเมทน้องม.5อ่ะดิ ก๊ากเป็นใครไม่ได้นอกจากไอ้ซันที่ปากดี หลังจากที่ไอ้มี่สะกิดบอกมันแล้วว่าผมหายไป กูยังไปไม่ไกล กูได้ยินนะโว้ย ตามหาโซลเมทบ้านมึงดิวิ่งหน้าตั้งแบบนี้ กูหนีต่างหากล่ะโว้ย
     
    ใช่แล้วครับ ตอนนั้นพวกผมกำลังเดินผ่านแถวๆห้องม.5 แล้วผมดันนึกอะไรขึ้นได้เลยต้องรีบวิ่งไปโรงอาหารคนเดียวแบบนี้แหละ
     
     
     
    ในที่สุดผมก็มาถึงเลยไปหาไรมานั่งกินรอพวกมัน แม่ง ไอ้พวกนั้นมัวแต่แซวเรี่ยราด มาช้าจนผมกินนะมาชะหมดไปขวดที่สองแล้ว
     
    หายหัวมาอยู่นี่เองนะมึงเสียงนุ่มๆกวนๆของไอ้ซันดังมาข้างหลังทำให้ผมต้องหันควับไปมอง มันเดินถือถุงขนมมาเต็มมือ พร้อมกับอีกสองหน่อที่เดินตามหลังมา
     
    มึงรีบวิ่งมาทำไมวะไอ้ไดรส์ที่เป็นคนเดียวที่ถือจานข้าวมานั่งแล้วเปิดประเด็นถามผม ไอ้สองแสบที่เหลือก็มองๆแบบอยากรู้เหมือนกัน
     
    ผมทำหน้าปกติแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อไม่ให้มันสงสัย
     
    กูหิว
     
    ไอ้มี่มองผมแบบไม่อยากจะเชื่อก่อนจะลดสายตามามองนะมาชะขวดที่สามของผมที่อยู่ในมือ
     
    หิวแต่มานั่งดูดน้ำจ๊วบๆเหรอมึงไอ้ห่านี่จะฉลาดไปไหนวะครับ รู้ทันกูทุกเรื่อง!
     
    กูหิวนะมาชะไงผมยังแถไปหน้าด้านๆ พยายามทำหน้าตาให้ปกติที่สุด พวกมึงอย่าเพิ่งมาฉลาดกันตอนนี้เลยนะมึงนะ
     
    กูว่ามันเป็นเอามากว่ะไอ้ซันพูดกวนๆก่อนจะแกะถุงขนมในมือ ส่วนไอ้สองตัวที่เหลือก็สนใจกับอาหารการกินของพวกมันต่อ
     
    ผมไม่เถียงมัน ดูดนะมาชะสงบอารมณ์ เพราะถ้าไปต่อปากต่อคำเดี๋ยวเรื่องไปใหญ่โต ขี้เกียจนั่งตอบคำถาม ความจริงตอนแรกก็หิวนิดๆ แต่ไปๆมาๆ กินไม่ลงแล้ว
     
    พวกเราสี่คนเข้าสู่โหมดของตัวเอง ผมก็ดื่มด่ำกับนมชาเขียวนะมาชะกรีนลาเต้ที่ชอบมากต่อไปโดยไม่สนใจอะไร ทำแค่มองคนอื่นที่นั่งกินข้าวพูดคุยกันอย่างออกรสไปมาเท่านั้น
     
    พี่อังครับ
     
    พรวด!!!!!!!
     
    ผมสำลักพ่นนะมาชะในปากออกมาจนหมดเมื่อจู่ๆมีใครเรียกจากทางด้านหลัง ไอ้ไดรส์ที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากวางช้อนลงเมื่อน้ำสีเขียวคลุกปนน้ำลายยืดสาดกระเซ็นลงจานลงเสื้อมันเลอะเทอะไปหมด ไอ้มี่ที่ไหวตัวหลบทันก็โชคดีไป แต่ไอ้ซันที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบขำก๊ากออกมาอย่างไม่อายสายตาคนทั่วโรงอาหาร
     
    อัง... มึงไอ้ไดรส์เรียกชื่อผมเสียงเหี้ยม มองมาดุๆจนผมหงอไปเลย
     
    กูไม่ได้ตั้งใจอ่ะ กูขอโทษ อย่ามองกูแบบนั้นเด้~” ผมเริ่มโหยหวนครวญครางขอโทษขอโพยมัน
     
    มันไม่พูดพร่ำทำเพลงเชิดหน้าเชิดตูดคว้าจานข้าวแล้วลุกออกไป ผมมองตามหลังมันแล้วอ้าปากพะงาบๆ อยากจะรั้งมันไว้แต่พูดไม่ทัน แม่งงอนหนัก ไม่สนใจผมเลย
     
    มีธุระอะไรกับเพื่อนกูอ่ะเสียงไอ้ซันทำให้สติผมที่จะลอยไปหาไอ้ไดรส์กลับมา ผมค่อยๆหันไปมองไอ้คนต้นเหตุอย่างคาดโทษ มาข้างหลังทำเพื่อนกูงอนเลย ขอด่าหน่อยเห๊อะ รุ่นน้งรุ่นน้องกูไม่สนละ
     
    ผมหันตัวไปมองหวังจะใช้สายตาพิฆาตมองไอ้รุ่นน้องคนนั้นให้ตัวพรุน แต่ก็ต้องอ้าปากพะงาบๆอีกครั้ง คราวนี้อาการหนักชี้นิ้วไปที่หน้ามันพยายามจะพูดแต่พูดไม่ออก เกลียดสถานการณ์แบบนี้โว้ย!
     
    กูมีเรื่องจะคุยกับเพื่อนมึงอ่ะ... ได้มั้ยครับพี่อังผมหันไปมองไอ้ซันที่นั่งเท้าโต๊ะอยู่ กับไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมสลับกันไปมา สมองมึนตึ้บ
     
    ทำไมคนที่ผมพยายามหนี คนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดมันยืนอยู่ตรงนี้วะเนี่ย!
     
    อัง มึงไปรู้จักมักจี่ไอ้แซทน้องกูตั้งแต่เมื่อไหร่ไอ้ซันหันมาถามผม แต่ผมได้แต่อึ้ง อึ้ง อึ้ง และอึ้ง!
     
    ครับ ผู้ชายหน้าตาละม้ายคล้ายไอ้ซันเป็นอย่างมาก รูปร่างสูงชะลูด หุ่นโคตรเพอร์เฟ็ค หน้าตาเยี่ยมยอด ควบตำแหน่งประธานนักเรียนพ่วงท้ายคนนี้ ชื่อ แซทเทอร์เดย์หรือ แซท อยู่ม.5อ่อนกว่าผมปีนึงและเป็นน้องชายแท้ๆของไอ้ซันที่ความจริงแล้วชื่อเต็มมันคือ ซันเดย์ เพื่อนสนิทผมเอง
     
    และที่สำคัญ... เป็นผู้ชายคนเดียวกันที่ผมไปเคาะกระจกรถเมื่อคืนด้วยครับ!
     
    โอ้ย กูอยากให้โลกพังทลายตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด...
     
    พี่อังครับไอ้คุณน้องแซทเรียกชื่อผมซ้ำอีกครั้ง มันมองผมตาแป๋วหน้าซื่อ
     
    อะ... เอ้อ ไปดิผมละล่ำละลักตอบก่อนจะลุกขึ้นแล้วจูงแขนแซทไปที่หลังตึก เอาแบบเงียบๆไม่มีคนนั่นแหละดีแล้ว จะได้อธิบายความจริงกับมันง่ายๆหน่อย
     
    ผมปล่อยแขนมันเมื่อมาถึงสถานที่เงียบๆ ลับตาคน ก่อนจะกอดอกคิดหาประโยคที่จะพูดต่อไป
     
    หลังจากเมื่อคืนที่ผมเจอแซทเข้าก็รีบวิ่งไปโบกแท็กซี่แล้วตรงดิ่งกลับบ้านขึ้นไปสงบสติอารมณ์บนห้อง เรื่องราวของผมกับแซททำให้ลืมไปซะสนิทว่าผมเพิ่งโดนหักอกมา เมื่ออารมณ์เย็นลงแล้ว อยากจะนอนแต่ก็นอนไม่หลับ ตาค้างเพราะใบหน้าที่จะบอกว่ารู้จักก็รู้จัก ไม่รู้จักก็ไม่รู้จักนั้นมันลอยวนในหัวตลอดจนน่ารำคาญ นอนคิดทั้งคืนว่าจะเอาไงถ้ามาโรงเรียนแล้วเจอ มันจะเข้ามาทักรึเปล่า แล้วต้องทำตัวยังไง...
     
    ไปๆมาๆก็เช้าซะแล้ว อยากหยุดอยู่บ้านแต่ม๊าสั่งห้ามเลยต้องแบกสังขารมาเรียนจนได้ เป็นเหตุให้ไอ้ซันกับไอ้มี่พนันกันเล่นสนุกสนานไปเลย โดยไม่รู้ว่าเพื่อนพวกมึงน่ะกลุ้มจนสมองจะบวมอยู่แล้ว
     
    พี่อังครับ คือผม... จะมาพูดเรื่องเมื่อวานแซมเริ่มเปิดประเด็นโดยมีผมที่พยักหน้านิดๆตาม เหมือนเปิดโอกาสให้มันได้เป็นฝ่ายพูดก่อน
     
    ผมรู้จักแซทเพียงแค่ผิวเผิน ได้คุยนิดหน่อยเวลาไปบ้านไอ้ซันกับเวลามีงานตอนอยู่ที่โรงเรียน ถ้าเจอก็ทักทายแล้วก็แยกกันไป นอกนั้นก็ไม่เคยคิดจะเสวนาให้ยาวยืดอะไรเลยซักนิด แต่อะไรมาดลจิตดลใจให้ผมต้องเจอกับเด็กผู้ชายที่อายุน้อยกว่าผมหนึ่งปีในสถานการณ์แบบนั้นน้อ... ซวย ซวยสุดๆ
     
    เมื่อวานที่เอ่อ... เจอกัน อย่าบอกซันได้มั้ยครับว่าผมเอารถไปแล้วไปเที่ยวที่แบบนั้นแซทสาธยายให้ผมฟัง หน้าตามันดูเหมือนเด็กกำลังสารภาพผิด ที่เจ้านี่หาทางคุยกับผมเพราะกลัวผมไปบอกไอ้ซันแล้วไอ้ซันจะเอาเรื่องเกเรของมันไปฟ้องพ่อแม่ ผมยิ้มขำๆกับท่าทางดูเด็กโข่งของแซท
     
    เดี๋ยวจะไปถามไอ้ซันว่าบ้านมันเอาอะไรให้กิน แม่ง สูงทั้งพี่ทั้งน้อง สูงจนกูเมื่อยคอเลยเนี่ย
     
    ผมก็จะไม่บอกใครเรื่องของพี่ด้วยประโยคตามหลังของมันทำเอาผมหุบยิ้มทันที เรื่องของผม? หรือว่า...
     
    เอ่อ นายเข้าใจตรงกับฉันรึเปล่า เรื่อง เรื่องนั้น’” ผมแย็บถาม แต่ไอ้คุณน้องแซทก็ยิ้มละไมให้ผม หน้าตาบ่งบอกว่าเข้าใจลึกซึ้งเลยทีเดียว แต่ไอ้รอยยิ้มนั่นล่ะทำเอาผมเสียววาบๆ
     
    ผมเข้าใจดีครับ... ผม... ยอมรับมันได้นะพูดมาถึงตรงนี้ผมก็อยากจะเอาหัวโขกกำแพง มึงเข้าใจผิดเต็มๆเลยล่ะคร้าบบบบบบ
     
    ผมทำหน้าปุเลี่ยนๆแล้วนึกสภาพตัวเองไปทำอาชีพนั้นจริงๆ
     
    ผมไปก่อนนะ ไว้เจอกันนะครับพี่อัง อย่าลืมสัญญาของเรานะครับแซทยิ้มให้ผมอย่างน่ารักแล้วโบกมือหยอยๆให้ ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงจะกรี๊ดไปแล้วกับความดูดีของพ่อเจ้าประคุณนั่น... แต่สัญญาที่มันพูดเองเออเองอะไรนั่นทำผมปวดหัวจี๊ด
     
    ผมมองตามไปตาปริบๆ ยังมึนตึ้บกับเรื่องราวบ้าบอนี่อยู่
     
    ผมที่ตกอยู่ในภาวะคับขันเช่นนี้กรี๊ดไม่ไหว ขำไม่ออกด้วย... ก็โดนเข้าใจผิดว่าผมขายน้ำไปเต็มๆแล้วนี่หว่า... ไอ้หมอนั่นก็ทำท่าเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดีแบบนั้นอีก กูอยากจะบ้าตายว่ะครับ! แม่ง คิดได้ไงวะผมทำแบบนั้นจริงๆ ผมที่เป็นลูกชายคนเดียวที่พร้อมสรรพแบบนี้เนี่ยนะ... แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนมันชี้ชัดล่ะมั้ง ก็เจ๊อะเข้าเต็มๆขนาดนั้น จะโทษใครก็ไม่ได้ผมดวงซวยเองนั่นแหละ
     
    ผมยืนเกาท้ายทอยเก้อๆ... อยู่ดีๆจะมาก็มา จะไปก็ไป อะไรของมันวะ ไม่ให้เวลากูแก้ข่าวเล้ย!
     
    เฮ้อ
     
    นึกแล้วก็ถอนหายใจอย่างเวทนาตัวเองและอนาถไอ้แซทที่เข้าใจผิดไปไกลโขถึงดาวพลูโตแล้วยากที่จะบินกลับมาโลกมนุษย์เพื่อค้นหาความจริง
     
     ปล่อยเลยตามเลยไปแล้วกันเพราะต่อไปถ้าไม่บังเอิญจริงๆผมกับหมอนั่นคงไม่ต้องข้องแวะกันอีก ล่ะมั้ง?



                to be continued....




    -----------------------------------------------------------------------+



    ดีใจที่เรื่องนี้ได้รับการตอบรับโอเค... ดีใจมากๆ และอยากจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ
    เด็กผู้ชายกางเกงน้ำเงินที่จับมือกันเป็นเด็กในหมู่บ้าน นัต เอง
    เห็นพวกเค้าบ่อยๆ +อ่านนิยายเด็กเกงน้ำเงินตลอด(ของพี่เห็ด)... ทำเอาเข้าขั้นเพ้อไปเลย ฮ่าๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×