ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Unlucky Boy! ขอโทษครับ... ผมไม่ใช่ผู้ชายขายน้ำ! [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #11 : [09] Sweet Espresso

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ย. 54


     







    [09] Sweet Espresso

     

     

     

     

    ไอ้อัง แกเห็นม๊าแกสุขสบาย ได้เงินมาโดยไม่ต้องเหนื่อยอะไรเลยรึไงห๊ะ ไอ้ลูกเวร!”

     

    โอ๊ยยย ม๊าอ่ะ ผมรู้ว่าม๊ามีเก็บทุกซอกทุกมุมหรอกน่า อย่ามาหลอกผมให้ยากเหอะ!”

     

    เดี๊ยะ ยังจะเถียงอีกนะ

     

    เฮ้ย ม๊า นั่นปังตอนะนั่น ไม่ใช่ไม้บรรทัดฟุตเหล็ก!!”

     

    ผมเบี่ยงตัวหลบปังตอมรณะจากผู้หญิงที่ดูภายนอกน่าจะราวๆ สี่สิบกว่า แต่ยังสวยเช้งอยู่ตรงหน้า นั่นคือคุณแม่ที่แสนดีและน่าเคารพรักของผมเองครับทุกท่าน

     

    สาเหตุที่ทำให้ผมต้องวิ่งหนีปังตอของม๊าผมมาจากไอ้พวกสามแสบนั่นแหละครับ

     

    เรื่องของเรื่องก็คือว่า พวกผมนัดกันไว้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วว่าจะขอตังค์ป๊าม๊าไปซื้อบีบีกัน ไอ้โทรศัพท์ที่มันแชทกันได้ตลอดเวลาที่ออกใหม่นั่นแหละครับ แต่ผมดันง่าวลืมซะสนิท(แหม ก็กูเจอเรื่องเยอะนี่หว่า) พอไอ้ปากหมาซันโทรมานัดเจอสยามเมื่อเช้า นั่นแหละผมถึงจำได้ เลยจรลีมาของตังค์ม๊าอย่างด่วน แต่ที่ได้มาคือปังตอพร้อมเฉาะหัวเนี่ยแหละ!

     

    ม๊าง่า ขอเถอะคร๊าบบบ รับรองว่าจะใช้น๊านนานผมคุกเข่าอ้อนวอนสุดฤทธิ์เมื่อม๊าผมคว้าคอเสื้อไว้ได้ อูย เชิ้ตพอลสมิทกูจะแหลกมั้ยเนี่ย เนี่ย ไอ้ซัน ไอ้ไดรส์ ไอ้มี่ก็ไปซื้อกันหมดเลย มันคุยกันสะดวกไม่ต้องเติมตังค์เลยนะม๊า

     

    แกมันพวกไม่รักษาของ แปบๆ ก็หายแล้วไอ้อัง

     

    เอ้า แช่งกันอีกแม่ผม

     

    รับรองคราวนี้ไม่หาย ไม่เสีย ไม่มีแม้แต่รอยแน่ขอรับผมทำหน้าเศร้า ปากเบะ(ตอแหล) ส่วนแม่ผมตอนนี้หน้าเริ่มลังเลแล้วครับ หุหุ ขอโทษนะครับม๊า แต่ผมได้เชื้อ(ความแหล)จากป๊ามาเยอะเหมือนกัน คริคริ

     

    แน่ใจนะ?

     

    รับประกันด้วยเกียรติของผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลกครับ!”

     

    เท่าไหร่?แกทำเสียงเข้มครับ ไม่มองหน้าผม งี้เรียกว่าฟอร์มแหละ ไอ้บีบงบีบีอะไรของแกน่ะ

     

    ผมชูสองนิ้วพร้อมยิงฟันขาวให้ไป

     

    สองร้อยใช่มะ?

     

    ม๊าาาาาาาาาาาาาาา!!”

     

    รู้แล้วใช่ป่ะครับ ผมได้ความกวนมาจากใคร-*-

     

    ม๊าผมมองผมอย่างรำคาญก่อนจะขึ้นไปข้างบนห้องแกครับ เอ๊ะ หรือจะเบี้ยว? แต่ไม่นานแกก็ลงมาพร้อมซองขาวๆ ก่อนส่งให้ผม อื้อหืม ยังร้อนๆ อยู่เลย ในซองมีแบงค์พันเป็นปึกตามจำนวนที่ผมบอกม๊าไป ถ้ามาเห็นตอนนี้ตาผมนี่เป็นรูปสกุลเงินแบบในการ์ตูนเลยครับ เข้าใจวันนี้แหละว่าเห็นเงินแล้วตาเป็นประกายน่ะเป็นยังไง

     

    อุ๊ยต๊ายตาย คุณขา ม๊าใครเนี่ย สวยที่สุดเลยฮ๊าผมแกล้งดัดเสียงแหลมเป็นเพศที่สาม แล้วเข้าไปกอดและหอมม๊าอย่างรักใคร่ ส่วนแกก็ทำหน้าสยองแล้วดันผมออกครับ แอบเห็นนะ ท่านก็เขินไม่เบาเหมือนกัน ฮ่าๆ

     

    งั้นผมไปละนะม๊า

     

    เออๆ ไปไหนก็ไป แล้วเก็บเงินดีๆด้วยล่ะ

     

    ขอรับ นายหญิง!” ผมรับคำอย่างกวนๆแล้วเผ่นแน่บออกจากบ้านก่อนจะโดนปังตอเฉาะหัวจริงๆ

     

    ผมเดินออกมาจากบ้านชิวๆ ครับ วันนี้ไม่ร้อนมากเท่าไหร่ แปบๆ ก็ถึงสถานี BTS ตรงแถวบ้านผม วันนี้วันเสาร์คนเข้าสยามเยอะ เลยค่อนข้างเบียดนิดหน่อย ไอ้ผมที่มีเงินร้อนเป็นปึกอยู่ในกระเป๋าเกิดอาการหลอน กุมกระเป๋าสะพายตัวเองไว้แน่น กลัวใครจะมาล้วงแล้วจะอดแดกบีบีพร้อมโดนปังตอเฉาะหัวเข้า

     

    สถานที่พวกผมนัดกันไว้ก็เกทเวย์อ่ะครับ ตรงทางเข้า ผมเดินไปอย่างหล่อๆ วันนี้จัดเต็มทั้งตัว กะว่าซื้อแล้วขอพินสาวๆเลย(ชั่ว)

     

    สรุปว่าไอ้สามแสบมากันครบทั้งกระบวนแล้วเหลือผมเนี่ยแหละ มันทำหน้ายักษ์ใส่เมื่อเห็นผม ไม่ใช่อะไร ผมให้มันรอมาชั่วโมงนึงแล้วนี่ครับ

     

    เชี่ย ช้าสัดปากหมาๆ แบบนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร... ไอ้หมาซันตัวเดิมนั่นเอง

     

    กูรีบแล้วนะ แต่ติดม๊าไม่ยอมให้ตังค์ว่ะ

     

    แล้วสรุปมึงได้มั้ย?ไอ้มี่กอดอกถามผมนิ่งๆ ไม่ได้แสดงหน้างอ หน้าง้ำเหมือนไอ้หมาเรื้อนอีกสองตัวที่ยืนอยู่ด้วย

     

    ได้ๆ แต่หวิดปังตอแล้วหัวกูผมลูบคอตัวเองอย่างเสียวๆ

     

    เออดี ไปได้และ กูอยากขอพินสาวๆ แล้วโว้ย!!” ไอ้ไดรส์บ่นก่อนจะลากแขนผมเดินไปพารากอน

     

    จุดประสงค์มึงนิชั่วได้ใจจริงๆ เพื่อนรัก (แต่ก็เหมือนกูแหละ กร๊าก)

     

     

    พวกผมซื้อรุ่นเดียวกันหมดครับ คือไอ้รุ่นที่หน้าจอใหญ่ๆ เป็นแบบทัชนั่นแหละ (แก่แล้ว จอเล็กๆมองไม่เห็นกัน) ซื้อเสร็จก็เปิดโปรกับทางศูนย์อะไรไปเรียบร้อย แล้วระเห็จมานั่งชิวที่ DQ สยามเซ็นเตอร์ต่อ ต่างคนต่างไม่พูดอะไร เหมือนได้ของเล่นชิ้นใหม่นั่นแหละครับ นั่งเล่น นั่งดูฟีเจอร์อะไรต่างๆกันไป ซื้อมาสดๆร้อนๆ เงินเป็นปึกลอยละลิ่วไปก็ใจหายเหมือนกันนะเนี่ย

     

    ส่วนไอ้ซันเป็นคนจัดการโทรไปหาไอ้พวกเพื่อนในห้องเสร็จสรรพ ขอพินไอ้พวกที่ใช้อยู่แล้วมา พวกผมก็จัดการแอดกันไป ตอนนี้เครื่องผมเลยไม่ว่างเหมือนตอนแรก มีพินไอ้พวกเพื่อนในเครื่องแล้ว แต่ยังไม่มีสาวๆ ซักคน เอวัง...

     

    ขณะที่พวกผมนั่งเล่นโทรศัพท์ใหม่กันอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะคิกคักของกลุ่มเด็กผู้หญิงลอดเข้ามา ประมาณ5-6คนได้ แต่ละคนนี่น่ารักมากครับมิอยากจะเอ่ย ผมว่าผมเร็วแล้วนะ แต่ไอ้ไดรส์ ไอ้ซันน่ะสิ เรดาร์มันหมุนๆ มองตามตาไม่กระพริบอยู่นานแล้ว ...ไม่ค่อยเลยนะพวกมึงเนี่ย

     

    เชี่ย น่ารักว่ะไอ้ไดรส์พูดพลางเอามือลูบคางตัวเอง แม่งทำท่ายังกะอาเสี่ยหื่นไอ้ห่านี่

     

    สัส มองซะจนเค้าแทบจะรู้ตัว

     

    กูว่าไอ้ไดรส์แม่งถ้าแดกได้ แดกไปแล้วมั้งเนี่ย น้ำลายยืดซะไอ้ซันจิกกัดซะเจ็บแสบ จนไอ้ไดรส์หันมาค้อนหนึ่งที แต่ผมนี่หัวเราะเอิ้กอ้ากเสียงดัง เห็นด้วยผสมโรงไปกับมันสุดๆ

     

    ไม่รู้ผมหัวเราะดังไปหรืออะไร สาวๆ โต๊ะนั้นหันมามองผมกันทั้งโต๊ะครับ พวกเธอมองแล้วหันไปหัวเราะให้กันอย่างขำๆ

     

    ผมก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ เกาท้ายทอยตัวเองเก้ออย่างเขินๆ ไม่ชินจริงๆกับสายตาผู้หญิงเนี่ย!

     

    มึงอย่ามาแย่งกูนะไอ้อัง มึงอย่าคิดเชียวไอ้ประธานแบนด์ขู่ฟ่อๆ เอาเฟรนส์ฟรายชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ

     

    กูว่ากูยังไม่ทำห่าไรเลยนะ(เว้ย)

     

    ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้ไดรส์แล้วหันไปมองสาวๆ กลุ่มนั้นอีกหนึ่งที พวกเธอมองมาทางนี้ ยิ้มแล้วโบกมือให้ คราวนี้เหวอแดกเลยสิ ผมอ้าปากหวอ ชี้นิ้วจิ้มอกตัวเองทำหน้าให้พวกเธอแบบว่า กูเหรอ?แล้วยกมือบ๊ายบายกลับอย่างมึนๆ

     

    พวกเธอหัวเราะคิกคักแล้วส่ายหน้าขำกัน

     

    จังหวะที่ผมกำลังนั่งหน้ามึนอยู่นั่นแหละ มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านหลังผมไป จุดนั้นผมถึงได้รู้ว่าพวกเธอบ๊ายบายเพื่อนของเธอที่เพิ่งมาถึงครับ ไม่ใช่ผม!

     

     

     

    แกร๊ก... เพล้ง

     

    ร้าว ชา ระบมไปทั้งหน้า

     

    รู้สึกเลือดที่ปลายเท้าสูบฉีดขึ้นหน้าอย่างรวดเร็ว แทบจะทะลุออกหัวพุ่งเป็นน้ำพุแบบปลาวาฬพ่นน้ำ ตอนนี้หน้าผมคงแดงเถือกเพราะความอาย ผมรีบเอาสองมือปิดหน้าแล้วก้มฟุบลงกับโต๊ะอย่างทนไม่ไหว

     

    เชี่ยยยยยย หน้าแหกแบบ ตายเหอะ T-T

     

    ผมส่ายหน้าไปมากับมือที่ทาบไว้ แล้วมีซาวด์แบ็คประกอบหลังเป็นเสียงฮาครืนของไอ้สามแสบ ขนาดไอ้มี่ที่มันนั่งเล่นบีบีไม่พูดไม่จายังกุมท้องขำเลยอ่ะ.. ฮือ กูอายยยยยยยยยย

     

    กร๊ากกกกกกกกก เชี่ย แม่งขำว่ะไอ้ซันหัวเราะไม่เกรงใจใคร เอามือทุบโต๊ะรัวๆ แม่ง น้ำตามันถึงกับเล็ด ไอ้สัส ไม่เกรงใจคนอื่น เกรงใจเพื่อนมึงอย่างกูเถอะ

     

    หุบปากไปเลยไอ้เลว

     

    อัง กูไม่คิดว่ามึงจะขนาดนี้..ไอ้มี่ที่ปกติไม่อะไร มันแซวผม หน้ามันยิ้มกว้างซะออร่ากระจายย

     

    ทำไม กูทำไม ห๊ะ ห๊ะผมเงยหน้าเชิดขึ้นมาทำหน้าหาเรื่องใส่พวกมัน

     

    พวกมันหลุดหัวเราะออกมาอีกหนึ่งระลอกก่อนจะพร้อมใจประสานเสียงโดยมิได้นัดหมาย

     

    เอ๋อ!!”

     

    จบ.. คำเดียว จบ จริงๆ อาเมน...

     

    ผมรีบจ้วงเฟรนส์ฟรายเข้าปากเอาเป็นเอาตายไม่สนใจไอ้สามแสบที่ขำ ที่แซว ไม่หยุดอย่างมีน้ำโห เชอะ อย่าให้ถึงทีกูบ้างละกัน จะเล่นให้หนักเลยแม่ง!

     

    ผมยัด(กิน)ไป มองนู่นมองนี่ไป สุดท้ายสายตาเจ้ากรรมก็หยุดอยู่ที่โต๊ะผู้หญิงกลุ่มนั้นจนได้ครับ ตอนแรกก็เห็นว่าน่ารักหมดจริงๆนั่นแหละครับ แต่คนที่มาใหม่และทำให้ผมหน้าแตกนี่ล่ะ... ผมถึงกับสะดุด

     

    เอ๊ะ

     

    เฟรนฟรายส์ที่ยัดเข้าไปเต็มปากจมแก้มแทบปริร่วงกราวออกมา...

     

    เชี่ย สกปรกไอ้ซันสบถแล้วถดเก้าอี้หนีอย่างแหยงๆ

     

    ห่า กูลืมตัวเว้ย ผมหยิบทิชชู่มาขยุ้มเช็ดซากมันฝรั่งคลุกน้ำลายบนโต๊ะ แต่ตายังมองเธอคนนั้นอยู่

     

    คุ้นมากๆ... คุ้นสัสๆ

     

    เคยเจอที่ไหนวะ? ลืม

     

    มึง มึงว่าคนผมสั้นๆ หน้าคุ้นป่ะวะผมหันไปสะกิดไอ้ไดรส์แล้วพยักเพยิดไปทางโต๊ะนั้น ก็มันท่าทางจะพึ่งได้สุดแล้วนี่ครับ เสือผู้หญิงขนาดนี้ แม่งแทบจะรู้จักสาวๆ น่ารักๆ ทุกคนในสยาม เดินผ่านใครนี่ ทักให้เกรียวกราวไปหมด ชิ หมั่นไส้เบาๆ

     

    ไม่คุ้นเลยว่ะ ทำไมวะ? มึงชอบ?

     

    เปล่า กูแค่คิดว่าหน้าคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน

     

    จริงๆ นะ เห็นที่ไหนวะ แม่งคุ้นเชี่ยๆๆๆอ่ะ นึกไม่ออก

     

    กูเห็นเค้าที่งานวันศุกร์เสียงไอ้มี่เฉลยออกมา เท่านั้นล่ะ ผมถึงกับบางอ้อทันที

     

    ผู้หญิงที่ผมมองในงานวิชาการนั่นแหละครับ แล้วก็มีไอ้บ้าตัวนึงมาขัดขวางนั่นแหละ ใช่เลย!

     

    ก็ว่าทำไมจำไม่ได้ก็ตอนนั้นเธอใส่ชุดนักเรียนเรียบร้อย แต่ตอนนี้เธอใส่ชุดนอกน่ารักกว่าเดิมอีก เสื้อยืดที่ถ้ามองไม่ผิดก็มาร์คเจคอบพอดีตัวกับกระโปรงยาวกรอมเท้าสีแดงเข้ม ใบหน้าไร้การแต่งเติมแต่ก็ดูใสสะอาดดี

     

    ให้ตาย ไม่คิดว่าจะพรหมลิขิตขนาดนี้

     

    เฮอะ อยากจะไปหัวเราะใส่ไอ้คนขี้ขัดขวางคนนั้นจัง ว่ามึงเป็นมารผจญกูไม่ได้แล้ว แบร่:p

     

                อ่อ กูจำได้ละ คนที่กูมองๆอยู่จริงด้วย

     

                เฮ้ย น่ารักว่ะ ทำไมไม่ขอเบอร์ตั้งแต่วันนั้นวะ

     

                มึงยังมีหน้ามาถามนะไอ้ซัน! “ก็น้องมึงแหละ ขัดขวางกู สาสว่าแล้วก็จัดโบกหัวไปทีนึงอย่างรักใคร่ ลงกับน้องแม่งไม่ได้ ลงกับไอ้พี่มันเนี่ยแหละ

     

                มันก็ซี๊ดปาก(อย่าคิดลึกนะครับ) ลูบหัวป้อยๆ มองผมหวาดๆ น้องกูอีกและ เดี๋ยวนี้ทำไมพวกมึงสองคนสนิทกันจังวะ แม่งบ่นถึงมึงเช้าเย็นจนกูคิดว่าแม่งบ่นถึงเมีย

     

     

     

    ฉ่า!

     

    รู้สึกเหมือนหน้าสุกขึ้นมาอีกรอบ เออะ แล้วทำไมกูต้องเขินด้วยวะ ก็..ก็แค่.. มันพูดถึงให้พี่มันฟัง เรื่องอะไรจะไปเขิน ไม่ใช่ละ ร้อนแน่ๆ ในดีคิวร้อนแน่ๆ

     

    ผมจับเสื้อแล้วสะบัดๆ เหมือนร้อน โดยมีสามแสบหรี่ตามองการกระทำของผมอยู่อย่างจับผิด มองเชี่ยไร ไอ้พวกเลว

     

    เฮ้ย เค้าใช้บีบีด้วยว่ะไอ้ไดรส์เปลี่ยนประเด็นมาสะกิดผมให้หันไปมอง เมื่อเธอเอาบีบีมากดโชว์ครับ เอ้า เข้าทางกูเลยงานนี้…

     

    ขอพินเลยมั้ยมึง กูจัดให้เสนอตัวเชียวนะมึงไอ้ซัน

     

    จะดีเหรอวะยังมีความอายอยู่ครับ ยังมีอยู่

     

    ก็แม่ง เป็นใครก็ไม่รู้ ไม่ได้รู้จักกันซะหน่อย เข้าไปแบบนี้จะหาว่าผมเป็นคนไงเนี่ย

     

    แต่ยังไม่มีใครพูดอะไร ไอ้คนที่เงียบและนิ่งที่สุดอย่างไอ้มี่ก็คว้าบีบีเครื่องใหม่เอี่ยมอ่องของผมแล้วเดินดุ่มเข้าไปเลย พร้อมกับหน้าตายๆ ของมัน

     

    ผมจ้องการกระทำของมันตาแทบถลนหลุดจากเบ้า ทำไรไม่ปรึกษากูเลยไอ้ห่า!

     

    มันเดินไปถึงโต๊ะนั้น แล้วคุยอะไรกับพวกเธอไม่รู้ ทีนี้หันมามองทั้งโต๊ะเลยครับ ผมได้แต่ยิ้มโง่ๆ หัวเราะเก้อๆ ส่งไป ทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะเธอคนนั้นนี่มองผมตาไม่กระพริบ แต่มือก็ยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้มี่สแกนบาร์โค้ดเป็นปกติ

     

    ได้ด้วยอ่ะ จุ๊กกรู๊ว~

     

    ไอ้มี่คุยอีกสองสามคำผงกหัวให้สาวๆเชิงลา แล้วเดินกลับมาที่โต๊ะหน้านิ่งเช่นเดิม

     

    อ่ะมันโยนบีบีให้ผมชนิดที่ว่าถ้ารับไม่ได้นี่กระแทกเจ๊งบ๊งไปเลยแน่ๆ แม่ง กับเพื่อนกับฝูงมึงอย่าเย็นชา กูขอร้อง

     

    มึงคุยว่าไรมั่งวะผมหันไปค้อนใส่ไอ้ตัวเสือกอย่างไอ้ไดรส์อย่างงามๆไปหนึ่งที กูว่าคำถามนี้กูน่าจะถามนะ ทำไมเสือกจริงเสือกจัง

     

    ไอ้มี่ยักไหล่ตอบ ก็ไม่มีไร แค่บอกว่าไอ้อังชอบเค้า ขอพินหน่อย

     

    สัส ไม่ถึงขนาดนั้นผมบ่นอุบอิบ

     

    สาวๆ เค้าถามด้วยว่า ไอ้ไดรส์กับไอ้ซันมีแฟนยัง

     

    แล้วมึงบอกว่าไงวะ ไอ้ซันถามอย่างระริกระรี้น่าหมั่นไส้ที่สุด!

     

    กูบอกว่า ยัง แต่พวกมึงเป็นเกย์

     

    ไอ้ซันหน้าเหวอ หงายหลังเกือบล้มตึงไปทั้งเก้าอี้ แต่มันยั้งสติไว้ได้อยู่ ส่วนไอ้ไดรส์ชี้นิ้วใส่หน้าไอ้มี่ปากพะงาบๆ พูดไม่ออก แต่มีเรอะ คุณชายน้ำแข็งเค้าจะสนใจ นั่งกินเฟรนส์ฟรายอย่างสำราญ ฮ่าๆ

     

    ส่วนผมน่ะเหรอครับ ให้ทายละกัน... แน่นอนสิ เปรมปรีดาที่สุดเลยแหละ ระเบิดหัวเราะลั่น แม่งถ้ายิ้มกับหัวเราะแล้วอายุยืนจริง ผมคงอยู่ได้เป็นพันปีแน่

     

    สงสัยไอ้มี่จะสงสารผมเรื่องหน้าแตก เลยจะแก้เผ็ดไอ้สองตัวนี้ให้ หึหึ ดีมากมี่เพื่อนรัก ทำคุณกับกูไว้ไม่เสียหลายนะเว้ย

     

    กร๊ากก เจ๋งสัสอ่ะเพื่อนกูผมตบไหล่ไอ้มี่เบาๆ เชิงชอบใจ แล้วเค้าชื่อไรวะ รู้ป่ะ

     

    ผมชวนไอ้มี่คุยต่อ ไม่สนใจไอ้ซันที่นั่งเหม่อลอย วิญญาณหลุดจากร่างกับไอ้ไดรส์ที่ชักกระตุกไปแล้วเรียบร้อย

     

    ชื่อ ปุ่น

     

    เออ ขอบใจมากมึง แต่ครั้งหน้าถามกูก่อนนะ แบบนี้กูหัวใจจะวายว่ะ

     

    หึ ก็มึงพิรี้พิไร้ กูรำคาญ

     

    ผมผลักแขนมันเบาๆ ข้อหาแอบกวนตีน ก่อนจะนั่งกดเช็คพินในเครื่อง สตรีเพศคนแรกในเครื่องของผมคือปุ่นครับ.. รูปดิสเพลย์เธอเป็นรูปเธอทำหน้าเอ๋อๆ ถ่ายเล่นกับเพื่อนท่าทางสนุกสนานน่าดู

     

    หลังจากที่อยู่ในโลกเพ้อฝันกับตัวเองได้ไม่นาน(ทั้งๆที่ตัวจริงก็นั่งห่างกันไปไม่กี่โต๊ะ) ก็ต้องกลับมาสู่โลกแห่งความจริงเมื่ออยู่ดีๆ ไอ้ไดรส์ที่หน้าตาเคร่งเครียดมากลุกพรวดขึ้นมาซะดื้อๆ

     

    กูกลับละนะ ขอกลับบ้านไปทำใจ

     

    ผมมองมันงงๆ ทำใจเรื่องไรวะ? เรื่องที่บอกเป็นเกย์?

     

    ไม่รู้มันจะซีเรียสไรขนาดนั้น จริงๆ ที่ไอ้มี่บอกมันผิดเพี้ยนไปนิดเดียวเองนะครับ ก็มันเป็นไบนี่นา

     

    เออ กลับดีๆละกันมึง เดินกลับบ้านระวังหนุ่มมาขอพินนะจ้ะ ฮ่าๆ

     

    ไอ้ไดรส์ทิ้งท้ายด้วยการทำปากเบะ เดินงอนออกจากร้านไปเลยครับ

     

    กูก็กลับดีกว่า หมดอารมณ์จะเหล่สาวไอ้ซันก็จิตหลุดไปตามๆ กันโบกมือลาผมกับไอ้มี่ที่เหลือกันอยู่สองคน

     

    แค่นี้แม่งสะเทือนใจอะไรขนาดนั้นวะ ไอ้พวกนี้นี่

     

    พวกนั้นแม่งเรียกปัญญาอ่อนหรืออะไรดีวะ

     

    เออ กูก็ว่างั้นไอ้มี่รับคำผมหน้าเซ็ง ก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา อัง กูไปก่อนนะ กูนัดเซย์ไว้ว่ะ

     

    อ้าว ทิ้งเพื่อนไปหาแฟนเลยนะไอ้นี่

     

    เออๆ ไปเถอะ เดี๋ยวกูก็ไปตามทางของกูบ้างและ

     

    มึงไปไหนต่อวะมันถามพลางลุกขึ้นพร้อมๆกับผม

     

    กะว่าไปดูหนังสือหน่อยว่ะ อ่านติวสอบเนี่ยแหละเนิร์ดมั้ยล่ะครับ จริงๆที่บ้านมีกองพะเนินยังไม่ได้แตะเลย กระแดะไปงั้นอ่ะ

     

    อ่อ เคๆ ดูเผื่อกูด้วยละกัน

     

    จากนั้นผมกับมันก็ออกจากร้านมาด้วยกัน โดยไม่ลืมจะยิ้มและบ๊ายบายให้สาวๆโต๊ะปุ่นครับ ออกมาก็เจอไอ้เซย์ยืนรออยู่หน้าดีคิว เต็มยศเอาซะหล่อเชียวมาเจอเพื่อนกูเนี่ย มันเจอผมก็ไหว้งงๆ ท่าทางแอบประหม่าอยู่เหมือนกัน เพราะไอ้มี่น่าจะบอกมันแล้วว่าผมรู้เรื่องมันสองคนแล้วน่ะ

     

    ได้ทีเป็นคนกุมความลับ ผมเลยเดินเข้าไปกระซิบแอ๊บเสียงเหี้ยมใส่มันว่าถ้าทำเพื่อนกูเสียใจ มึงตายสถานเดียว มันก็เออออรับคำใหญ่เหมือนกลัวผมจริงๆ งั้นแหละ ได้แกล้งกรรมการนักเรียนคุมกฎโหดๆ อย่างมันแล้วสะใจเป็นบ้า

     

    พอแยกกันผมเลยเดินลัลล้าตัวปลิวมาศูนย์หนังสือจุฬาคนเดียวอย่างสบายใจเฉิบ โปรยยิ้มเต็มหน้าตามประสาคนอารมณ์ดี

     

    เออะ ว่าแล้วก็ลองทักปุ่นเค้าไปดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าคนหล่อขอแล้วทิ้ง(ช่างกล้า)

     

    aungor.

    ดีครับ

     

    ผมรอให้มันขึ้น message is writing… อยู่ไม่นาน เธอก็ตอบกลับมา

     

    PPPPPJ

    ดีจ้า

    aungor.

    นี่ อังนะครับ เอ่อ ที่เพื่อนไปขอพินอ่ะ

    PPPPPJ

    รู้ๆ เราปุ่นเน้อ

     

    จากนั้นผมก็แวะพักนั่งเก้าอี้ในเกทเวย์เพื่อคุยกับเธอก่อน เธอน่ารักดีครับ ไม่หยิ่ง คุยสนุกดี ก็ถามว่าอยู่โรงเรียนอะไรกันไป สุดท้ายผมถึงได้รู้ว่าเธอมีแฟนแล้วครับ อยู่โรงเรียนผมเนี่ยแหละ ไปๆมาๆถึงรู้ว่าเป็นแฟนไอ้นัทเด็กห้อง1 ท่าทางหงิมๆแต่นิสัยดีมากคนนึง

     

    ปุ่นบอกว่าที่ให้พินมาไม่ใช่จะนอกใจไอ้นัทหรืออย่างไร แต่ให้ตามมารยาทในตอนแรก กะว่าพอได้คุยกันแล้วก็จะบอกว่ามีแฟนแล้วอะไรงี้ แล้วก็จบกันไปไม่คิดจะสานต่อให้เพื่อนผมไม่สบายใจเล่น แต่พอรู้ว่าพวกผมเป็นเพื่อนกัน เธอก็คุยดีเลยครับ เม้าท์เด็กโรงเรียนผมบ้างไรบ้าง มีเรื่องไอ้ไดรส์ ไอ้ซัน ไอ้มี่ด้วยว่าเพื่อนๆเธอชอบกันมาก(ผู้หญิงในโต๊ะนั้นแหละครับ) พวกนั้นดังไปถึงโรงเรียนเธอเลย จนงานวิชาการนั่นแหละ เพื่อนเธอก็ตื๊อให้เธอพามาโรงเรียนผมด้วย(อารมณ์อย่างน้อยมีเส้นในโรงเรียนบ้าง) เพื่อจะดูหน้าไอ้สามแสบนั่นแหละ

     

    แค่นั่งคุยบีบีกันแปบเดียวผมกับเธอก็กลายเป็นสนิทกันไปเลยซะงั้น

     

    PPPPPJ

    อังๆ แล้วอังรู้จักน้องแซทมั้ย?

     

    เวร ทำไมชีวิตกูต้องมาประสบชื่อนี้อีกแล้ววะ หลอนเว้ย!

     

    aungor.

    ก็เคยคุยบ้าง ทำไมอ่ะ?

     

    มิอยากจะเอ่ย ว่ารู้จักดีเลยล่ะ แม่งก็คนที่ขัดขวางไม่ให้ผมมองปุ่นไงครับ! ไอ้หมาตัวใหญ่ที่ชอบติดผมแจอ่ะ!

     

    PPPPPJ

    เนี่ย น้องแซทอ่ะ ดังที่สุดแล้ว สาวๆโรงเรียนปุ่นกรี๊ดกระจาย

    aungor.

    เหรอ มันก็โอนะ นิสัยดีใช้ได้เลยล่ะ

    PPPPPJ

    ท่าทางก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละเนอะ
    เพื่อนๆ น้องๆ ปุ่นชอบน้องแซทกันทุกกกคน

     

                อ้าว สรุป ไอ้แซทคนเดียวแม่งเหมาสาวเรียบเลยจริงๆ สงสารไอ้สามแสบและผู้ชายในโรงเรียนผมมาก โดนไอ้ประธานนี่แย่งเรตติ้งหมด ตัวผมก็รู้สึกโกรธขึ้นมาดื้อๆ โกรธทำไมไม่รู้ สงสัยเพราะมันแย่งเรตติ้งผมเหมือนกันล่ะมั้ง

     

                จากนั้นปุ่นก็เม้าท์เรื่องเด็กโรงเรียนผมให้ฟังอีก2-3คน แล้วเธอก็ขอตัวไปคุยกับเพื่อน เพราะเพื่อนเริ่มงอนแล้วที่เธอมัวแต่สนุกสนานอยู่กับการคุยกับผม

     

                ไอ้ผมที่เก็บบีบีเข้ากระเป๋ากางเกงเรียบร้อยก็ลุกแล้วเดินเพลินๆ เพื่อไปหาหนังสือต่อ วันนี้คนเยอะมากครับ จนเบียดไปหมด ข้างในศูนย์หนังสือจุฬาก็มีกลิ่นกระดาษหนังสือคลุ้งไปหมดตามสไตล์ ทำเอาคนเป็นโรคแพ้หนังสืออย่างผมมึนไปเลยทีเดียว..

     

                ตัวผมก็ก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงมุมหนังสือติวสอบ ไอ้แกท แพท ไรเนี่ย ปวดหัวชะมัด จะสอบไปทำด๋อยไรฟระ กูไม่เข้าใจเฟ้ย

     

     

     

                ปั่ก

     

                เฮ้ย ใครวะ??!

     

                ก็จะอะไรล่ะครับ ผมที่ก้มดูหนังสืออยู่ดีๆ แม่งก็มีใครไม่รู้ที่ยืนอีกฝั่งชนแผงหนังสือตกใส่หัวงามๆ ของผมเข้าเต็มรัก

     

                เชี่ย อูย เจ็บสัด...

     

                ผมลูบหัวตรงที่หนังสือหล่นลงมาจังๆ พร้อมกับเก็บหนังสือแล้วยืดตัวขึ้นจะมองหน้าว่าใครเป็นตัวการ

     

                เอ้อ ขอเป็นสาวๆ น่ารักๆ แล้วกัน เอาแบบ เป็นบุพเพเหมือนซีรี่ย์เกาหลีเลยนะ นางเอกซุ่มซ่ามๆ ทำหนังสือตกใส่หัวพระเอกไรเงี้ย จะเริ่ดมาก!

     

                จากที่เพ้อฝันไว้ซะดิบดี พอผมยืนเต็มความสูงเท่านั้นแหละ ใบหน้าที่น่าจะเป็นหญิงสาวน่ารักก็ประจักษ์ต่อสายตาผมที่ยิ้มค้างแอ๊บหล่อเอาไว้รอ

     

               

     

    บุพเพจริงๆ ครับทุกท่าน..

     

                บุพเพอาละวาดน่ะสิ!!

     

                อัง!” ฟัคยูว ใครก็ได้บอกทีว่ามันไม่จริ๊ง!

     

                ไหนวะ สาวสวยเกาหลีกูอ่ะ เอามานะ เอาสาวเกาหลีกูมา!! แล้วเอามนุษย์เพศผู้ที่ยืนยิ้มหล่อ(แน่นอนน้อยกว่าผม)โชว์ฟันขาวพรีเซ็นเตอร์ดาร์ลี่นี่ไปไกลๆกูที กูขอร้อง!!

     

                ฮึ่ย หลอนเว้ย!

     

                บังเอิญจัง

     

                ใช่ บังเอิญมาก บังเอิญซะจนกูคิดว่ามึงเป็นกระสือตามกูมาป่ะเนี่ย แสรดดดดด

     

                เออะ.. มาทำไรอ่ะ... แซท

     

                มันไม่ตอบแต่ชูหนังสือเล่มหนาเกี่ยวกับสถาปัตย์ให้ผมดูแทน ผมก็พยักหน้าหงึกหงักรับไป เออ กูยังมึนอยู่

     

                แล้วอังอ่ะ มาทำไรครับ

     

                เดินเล่น

     

                แล้วเดินเล่นเสร็จยัง?นี่ถามจริงหรือกะกวนตีนกูวะครับ? ตอนแรกที่กะกวนตีนมัน กลับโดนไอ้เด็กนี่กวนกลับซะงั้น

     

                เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อยผมบ่นแล้วชี้หน้ามัน ส่วนไอ้แซทก็ยิ้มรับอย่างภูมิใจในความกวนพระบาทของมัน

     

                ตอนนี้หมดอารมณ์จะเลือกหนังสือแล้วครับ ผมเลยคิดว่ากลับดีกว่า เลยเดินออกมา โดยมีหมาตัวใหญ่นามว่าแซทเทอร์เดย์ติดสอยห้อยตามมาด้วย กลายเป็นว่าผมต้องไปจ่ายเงินและรอมันห่อปกไปโดยปริยายซะงั้น

     

                อังไปไหนต่อเปล่ามันถามพลางเอาหนังสือเก็บลงในกระเป๋าถือแฟชั่นแบบผู้ชาย ผมที่ยืนกอดอกคุยกับมันอยู่หน้าศูนย์หนังสือก็สำรวจน้องชายเพื่อนสนิทคนนี้อย่างถี่ถ้วนหัวจรดเท้าประหนึ่งแม่สามีกำลังมองสำรวจลูกสะใภ้ที่ลูกชายกำลังเอาเข้าบ้าน

     

    เชิ้ตแขนสั้นลำลองลายกราฟฟิคแนวๆ สีดำ แบรนด์ไทยไอ้หมาตัวผอมๆ กับกางเกงสแล็คสีครีมพับขา เข็มขัดแอร์เมสสีน้ำตาล(แม่งรวยไปไหนพ่อคุณ) กับรองเท้าหนังหัวทู่สีน้ำตาล

     

                อื้อหืม แต่งตัวเก่งใช่ย่อยเลยนะมึง

     

                ตกลงจะไปไหนต่อครับมันพูดทะลุกลางปล้องขณะที่ผมกำลังพิจารณาการแต่งตัวของมันอยู่ แม่ง รู้เปล่าวะ กูมอง

     

                ไม่ ไม่มีที่ไปผมตอบตามความจริง แต่แม่งเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ

     

                งั้นไปกับผมละกัน เลี้ยงเอิธเควกที่บอกไว้ไง

     

                เออ ไปก็ไปก็กลับบ้านไม่มีไรทำอยู่แล้วนี่ครับ

     

                ผมก็เดินกับมันไม่คิดอะไร กำลังจะไปสเวนเซ่นกัน แต่ก็รู้สึกมีคนมองพวกผมบ้าง ก็คิดไปว่าอาจจะเป็นเพราะผม(หรือคนข้างๆ)หน้าตาดี ก็เป็นได้ แต่ไปๆมาๆ ผู้ชายสองคนมาเดินเที่ยวแถมยังเดินคุยกัน หยอกกันแบบนี้นี่ มันปกติป่ะวะ? หรือคนมองพวกผมเพราะแบบนี้กันแน่?

     

                ตอนแรกที่จะไปกินเอิธเควกกลับกลายเป็นว่าผมลากไอ้แซทมาฮาเก้นดาสแทนครับ เล่นของแพงให้ไอ้คนกระเป๋าหนักที่รับปากดิบดีเหงื่อแตกเล่น โดยผมเปิดประเด็นที่ว่า มึงทำหนังสือหล่นใส่หัวกูด้วย แค่เอิธเควกยังน้อยไป พอมันถามว่าแล้วตกลงผมอยากกินไร ผมก็ตอบกลับไปหน้าบานแฉ่งทันทีว่า ฮาเก้นดาส ไอ้แซทก็ไม่มีท่าทีเครียดอะไรกับราคา ยิ้มให้แล้วเดินนำผมมาร้านอีก พ่อพระสุดๆอ่ะพ่อคนเนี้ย(อิจฉา)

     

                ร้านฮาเก้นดาสเงียบสงัดเพราะอะไรไม่รู้ อาจเป็นเพราะฝนใกล้จะตกมั้งครับ คนเลยรีบกลับบ้านกัน มีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วข้างหน้า ที่เหลือก็มีเพียงแค่ผมกับไอ้แซทเนี่ยแหละยังมีอารมณ์มากินไอติม แถมยังเป็นผู้ชายทั้งคู่ด้วยนะ พอพวกผมเข้าไปในร้าน พนักงานก็ต้อนรับพวกผมอย่างยินดีเป็นพิเศษ(อาจเป็นเพราะไอ้แซทหล่อบาดใจ) พาพวกผมไปที่โต๊ะด้านในสุด ด้านหนึ่งเป็นโซฟาสีครีมนั่งได้สองคน กับด้านหนึ่งนั่งได้คนเดียว

     

                ไอ้ผมก็รีบหย่อนตูดนั่งเลย เพราะเมื่อยเดินจะตายห่าแล้ว นั่งลงโซฟาใหญ่นั่นแหละครับ แปบๆ ไอ้คนที่มาด้วยกันก็เนียนมานั่งข้างๆ จนผมหันไปมองหน้ามันงงๆ

     

                มานั่งไรนี่วะ ไปนั่งนู่นเด้ผมบ่นแล้วพยักเพยิดไปอีกฝั่ง มันก็อมยิ้มสุขีอยู่คนเดียว

     

                น่าหมั่นไส้ชะมัด

     

                นั่งนี่แหละ

     

                อะไรฟะ มันเบียดนะเฟ้ยก็ผู้ชายสองคนมาเบียดกันบนโซฟาเนี่ยนะ แค่คิดก็สยิวกิ้วละ

     

                แต่ไอ้แซทก็อมยิ้ม ก้มหน้าก้มตาดูเมนูในมือ ยิ้มอะไรนักหนาวะ ผมที่หน้างอง้ำ ปล่อยเลยตามเลยให้มันเบียดอยู่ข้างๆ หันไปมองหน้าพนักงานสาวที่รอรับออเดอร์ เธอมองพวกผมยิ้มๆครับ คือมีเลศนัยด้วยอ่ะ พี่อย่าคิดไปไกลนะครับ ผมไม่เกี่ยว ไอ้บ้านี่หรอกนะ ที่มากระแซะอ่ะ ผมไม่ได้ชอบนะครับพี่

     

                พอดูเมนูแล้วผมก็จัดการสั่งเซทที่ผมชอบไปครับ ราคาก็โหดได้ใจ รับกับคนกระเป๋าหนักที่เป็นคนเลี้ยงนั่นแหละ ส่วนไอ้แซทก็ทำเป็นเข้ม สั่งเอสเปรสโซ่ร้อนไปหนึ่งที่

     

                พวกเรานั่งกันเงียบๆ ครับ มองออกไปนอกร้านที่ฝนเริ่มปรอยๆ แล้ว จนกระจกเป็นไอบางๆเกาะ คู่ชายหญิงที่มาก่อนหน้านั้นเช็คบิลออกไปแล้ว ในร้านก็เหลือแค่ผมกับไอ้แซท และพนักงานสองสามคนที่หลบเข้าไปอยู่ข้างในซะส่วนใหญ่ ดนตรีคลาสสิคเปิดเอื่อยๆ ในร้านทำเอาผมแทบเคลิ้มแหน่ะ

     

                ชอบกินไอติมเหรอแซทเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบระหว่างเรา มันยังมองออกไปข้างนอกอย่างที่ชอบทำประจำเวลาคุยกัน มันมักไม่มองหน้าผม

     

                ก็กินหมดอ่ะ มีไรมาก็กินได้หมด

     

                ดีแฮะ เลี้ยงง่ายมันพูดยิ้มๆ ผมที่มองหน้ามันอยู่ก่อนแล้วดันเผลอยิ้มตามไปด้วย

     

                แน่ดิ เรื่องมากเดี๋ยวแม่ตีตาย

     

                ผมหัวเราะ มันก็หัวเราะ

     

                ถ้าได้เป็นแฟนคงไม่เหนื่อยมากเนอะ

     

                ไม่รู้เหมือนกัน ขนาดกินง่าย อยู่ง่ายแล้วยังโดนทิ้งเลยว่ะผมหัวเราะฝืดๆ นั่นสิ ขนาดที่ว่าเป็นคนที่ไม่มีอะไรแล้วยังโดนทิ้งเลยกู สงสัยต้องทำตัวเข้าใจยากมากขึ้นละ มีแฟนใหม่จะได้ไม่โดนทิ้งอย่างที่ผ่านมา

     

                ไม่เกี่ยวหรอก จะยากจะง่าย สุดท้ายถ้าอีกคนไม่เข้าใจก็ไปไม่รอดอยู่ดีแม่ง เล่นซะผมจุกเลย ก็จริงอย่างที่มันพูดทุกอย่างล่ะนะ

     

                แหมะ รู้ดีเชียวนะมึง มีแฟนมากี่คนละเนี่ยเราผมเย้าพลางจิ้มแก้มมันเล่นๆ หยอกอย่างสนุกสนาน แต่ไอ้คนข้างๆ ดันหันมากลายเป็นว่ามือผมไปจิ้มที่ปากแดงๆ ของมันซะงั้น

     

                ชักมือกลับแทบไม่ทัน

     

                ยัง...มันมองผมด้วยสายตาจริงจัง เหมือนต้องการให้ผมเชื่อ ยังไม่เคยมีแฟนหัวใจผมกระตุกวูบเพราะน้ำเสียงนุ่มนี่ หน้ามันกับผมใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจอีกฝ่าย

     

                ใกล้ไป.. ใกล้จนผมต้องเบือนหน้าหนีอย่างรวดเร็ว

     

                แหวะ เชื่อตาย อย่างมึงอ่ะนะไม่เคยมีแฟน เนื้อหอมซะขนาดนั้นเออะ ยิ่งพูดเหมือนยิ่งประชดมันเลยวุ้ย

     

                ไอ้แซทคว้าแขนผมแล้วออกแรงบีบ จริงๆนะไม่รู้ว่ามันจะมายืนกรานอะไรกับผมนักหนา กูไม่เอาไปป่าวประกาศสาวๆ มึงหรอก ไอ้ห่านี่ บีบอีกนิดแขนกูเละแล้วนะ

     

                ครับๆ เชื่อละครับ ปล่อยแขนผมเถอะ จะแหลกแล่วผมเอ่ยรับส่งๆ แล้วพยายามแกะมือมันออก

     

                มันก็ยอมปล่อยผมแต่โดยดี แล้วเอนหลังพิงมองออกไปข้างนอกเหมือนเดิม

     

                เชื่อเถอะไอ้แซทพูดเบาๆ เหมือนรำพึงกลับตัวเองซะมากกว่า

     

                แล้ววันนี้มากับใครอ่ะ

     

                ผมมากับ...

     

                ครืดดด ครืดดด

     

                ยังไม่ทันที่มันจะตอบ น้องบี๋(ชื่อบีบีที่ผมนั่งตั้งตอนคุยกับปุ่นครับ) ก็สั่นเสียงดังอยู่ในกระเป๋ากางเกง

     

                เออะ แปบนึงนะผมบอกไอ้แซทก่อนจะล้วงไปหยิบมากดรับแล้วแนบหูโดยที่ไม่ลืมดูว่าใครโทรมา

     

                ว่าไง คุณชายผมไม่ได้ตั้งใจเรียกไอ้คนปลายสายซะดิบดีนะครับ แต่ผู้ชายเสียงห้าว ดีกรีเป็นเพื่อนข้างบ้านผมที่โทรมาเนี่ย มันชื่อ คุณชายจริงๆ

     

                อัง อยู่ไหนเนี่ย

     

                อยู่สยาม

     

                ไปทำไร กับใคร กลับเมื่อไหร่

     

                นี่มึงเป็นเพื่อนข้างบ้านหรือป๊าม๊ากูฟระ นี่ถ้าไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาแต่เด็กนะ โดนกูด่าไปและ

     

                มาซื้อหนังสือ กับเพื่อน เดี๋ยวก็กลับ

     

                อ่อ

     

                แล้วโทรมามีไรป่ะคุณชาย

     

                เปล่าๆ แค่อยากรู้เฉยๆ

     

                แค่เนี้ย? มึงจะโทรมาทำซากตั๊กแตนตายอะไรวะ ผมขมวดคิ้วงงๆ แล้วเหลือบมองคนข้างๆ เป็นระยะ มันมองออกไปข้างนอกเหมือนเดิมครับ ไม่รู้อยู่ในภวังค์หรือแอบฟังผมคุยโทรศัพท์อยู่กันแน่

     

                งั้นแค่นี้นะ ยุ่งอยู่จากนั้นผมก็รีบตัดสายทันที โดยที่ปลายสายมีเสียงโหยหวนแว่วเข้ามาบ้างเล็กน้อย ไอ้บ้านี่ก็เป็นงี้ประจำ ไร้แก่นสารมากชีวิตมัน

     

                ตอนแรกที่คิดว่าจะวางแล้วได้คุยกับไอ้แซทต่อเป็นอันต้องพักไป เพราะไอติมผมกับกาแฟมันมาพอดี แค่เห็นก็น้ำลายแทบหก เลยต้องรีบจ้วงด้วยความอยากมหาศาล

     

                อื้มมมมมมมมม อาหย่อยยยยยยยยยยย(เพราะมีคนเลี้ยง)

     

                กินมะ~” อารมณ์ดีครับ เห็นมันเลี้ยงเลยใจดีกับมันหน่อย

     

                ผมยิ้มให้แซทแล้วยื่นช้อนที่มีไอติมอยู่จ่อตรงหน้ามัน แบบว่า กูถามไปงั้นแต่มึงต้องกิน

     

                มันไม่พูดอะไร ยิ้มมุมปากนิดนึง แล้วอ้า จะสื่อให้ผมป้อน

     

                เด็กชะมัด ไอ้บ้าเนี่ย

     

                แต่ผมก็ป้อนมันโดยดี ลืมไปเลยว่าแม่งผู้ชายกับผู้ชายนะเว้ยกู

     

                หร่อยป่ะผมมองมันค่อยๆละเลียดไอติมในปากเหมือนชิมรสชาติ พร้อมลุ้นตัวโก่งว่ามันจะชอบไอติมรสโปรดของผมรึเปล่า

     

                หร่อยดีผมถึงกับยิ้มกว้างกับคำตอบ

     

                เห็นมะ บอกและ อร่อยๆ กินอีกดิ

     

                ผมพยายามจะยื่นช้อนให้ไปกินเองแต่มันไม่รับไป เอาไปเด้ ไม่กินไง

     

                กิน แต่ป้อนหน่อยดินั่น เห็นมั้ย ผมบอกแล้วว่ามันเด็กชัดๆ ตัวเท่าควายละ แม่งยังจะมาอ้อนอีก

     

                นี่มึงอยู่ม.5หรือป.3ครับ

     

                ก็อยู่ม.5อ่ะ แต่หน้าตาเพิ่งแค่ป.3ไอ้คนหน้าตาป.3ตอบแล้วยิ้มเผล่ยียวนส่งมาให้อีก

     

                ผมที่ทนฟังไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จ้วงไอติมคำเบ้อเริ่มแล้วยัดเข้าปากมันไปเพียงเพื่อให้มันหยุดพูดได้แล้ว มันแสลงหูยิ่งนัก

     

                จากนั้นต้องขำพรืดที่คนชอบพูดจาแสลงหูโดนยัดไอติมเย็นจัดเข้าไปไม่รู้ตัว ไอ้แซทอ้าปาก ร้อง เอ็นๆ(เย็นๆ) อยู่นั่นแหละ

     

                หึ สมน้ำหน้า

     

                มันรีบละเลียดไอติมลงคอก่อนจะดื่มเอสเปรสโซ่อุ่นตามๆ ก่อนจะนั่งพองลมในปากเหมือนผ่านช่วงทรมานแสนสาหัสมา กูไม่ผิดนะครับ แค่หมั่นไส้เด็กเฉยๆ

     

                แกล้งกันนี่ไอ้แซทเอ่ยเสียงตัดพ้อ ยู่ปากงอนๆ

     

    น่าสงสารตายล่ะมึง

     

    ไม่น่ารักเลยทำแบบนี้

     

                แน่นอนครับ กูหล่อ!”

     

                ไม่ดูตัวเองเล้ยมันทำเสียงระอาแล้วส่ายหน้าไปมาทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ เดี๊ยะปั๊ดโดน มาจิ๊มาจ๊ะไรวะไอ้นี่

     

                เดี๋ยวเหอะ ไอ้เด็กนี่ ถึงพี่ไม่หล่อพี่ก็มีของดีนะครับน้อง

     

                ไอ้แซทหัวเราะกับมุขเสี่ยวๆ(เล่นเองอายเอง)ของผม ก่อนจะหันมามองด้วยสายตากรุ้มกริ่ม

     

                มองงี้ เดี๋ยวเจอจิ้มตาแตก!

     

                ไหนอ่ะ ไหน ของดีที่ว่า เอามาโชว์ดิ้

     

                เอ่า ของดีเค้าไม่โชว์ฟรีๆหรอกเว้ยผมยังเถียงมันไม่เลิก (นี่สรุปกูหรือมันวะที่เด็ก)

     

                อ่ะ งั้นจ่ายด้วยนี่ละกันพอมันพูดจบปุ๊บเหตุการณ์ต่อไปก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

     

                ปากแดงๆ ของมันกดลงที่แก้มผมเพียงชั่ววิแล้วผละไป...

     

                ห๊ะ นี่ฝันเปล่าวะ? แต่เมื่อกี้ก็รู้สึกนิ่มๆที่แก้มนะ แถมเสียงฟอดยังดังอยู่ในโสตประสาทอีก ไม่ผิดแน่อ่ะ

     

                เพียะ!

     

                โอ้ย!” เออะ ไม่ได้ฝันจริงครับ ลองตีไอ้คนข้างตัวดูมันก็ร้องดีนี่หว่า

     

                แต่เฮ้ย!! “สัส เมื่อกี้ทำไรวะ?ผมถามไอ้คนที่ฉวยโอกาสเมื่อตะกี้ที่นั่งยิ้มเผล่โชว์ฟันขาว อย่ามาทำหน้าตาเปรมได้มะ กูยังช็อคอยู่นะโว้ย อธิบายการกระทำมึงมาภายใน 2 วิด้วย!!

     

                หอมแก้มสาด อันนี้รู้โว้ย ไม่ต้องมาย้ำ!

     

                หอมทำบ้าไรวะ กูผู้ชายนะโว้ย

     

                จ่ายค่าของดีไง

     

                หมดคำพูดกับมันจริงๆ อยากตะโกนใส่หน้าว่ามึงใช้ไรคิด เชี่ย ให้ผู้ชายหอมแก้มคิดว่ากูยินดีระริกระรี้อยากได้ไงวะ(ถึงจะหล่อก็เหอะ) ปวดประสาทกับมันมาก ท่าทางมันก็ไม่สะทกสะท้านกับการกระทำตัวเองอีก กูจะทำยังไงกับไอ้บ้านี่ดีวะ ง้างตีนถีบแล้ววิ่งหนีเลยดีมะ

     

                นับวันกูยิ่งเกลียดพลอตซีรี่ย์เกาหลีนี่แล้วนะเฟ้ย! แง่งงงง!

     

                กูเพลีย!

     

                เงียบทำไมครับ โกรธเหรอ

     

                เออะ อย่ามาเพิ่งมาถามได้มะ กำลังมึนอยู่

     

                ขอโทษ.......ไม่ต้องมาทำเสียงหงอยด้วย! เหอะ คิดว่าเสียงหมาป่วยแบบนี้จะทำให้กูยกโทษให้ไง

     

                แม่ง เซ็งว่ะ

     

                ช่างมันทำไมรู้สึกตัวเองง่ายขึ้นทุกวันวะเนี่ยกู หงุดหงิดตัวเองโว้ย!

     

                จริงนะไอ้แซทถามแล้วยิ้มกว้าง ยิ้มมากเดี๋ยวกูเปลี่ยนใจเลยนี่ไอ้ห่า

     

                เออ

     

                รับคำแล้วผมก็จ้วงไอติมกินต่อด้วยความหงุดหงิด(ตัวเอง) ไม่รู้เหมือนกันว่ายกโทษให้มันง่ายๆได้ยังไง แต่ก็ทำไปละ เออ คิดซะว่าหมาเลียแก้มแล้วกัน ใช่! หมาเลีย!

     

                ไม่ขมเหรอวะผมถามพลางมองแก้วกาแฟในมือมัน

     

                ผมไม่ดื่มกาแฟครับ ชอบดื่มนมหวาน กับนะมาชะกรีนลาเต้แค่นั้นแหละ สรุป ชอบกินอะไรหวานๆนั่นเอง

     

                เอสเปรสโซ่อ่ะเหรอมันถามแล้วยิ้ม ผมก็พยักหน้าหงึกหงักแล้วทำหน้าแหยงๆ เมื่อเห็นน้ำสีดำปี๋ในถ้วย

     

                ขมสิ แต่อังรู้มั้ยว่าพอดื่มลงไปแล้ว รสที่ติดลิ้นอยู่น่ะหวาน...มันตอบแล้วยิ้มกับตัวเอง สายตาจับจ้องที่น้ำกาแฟสีดำที่ไหวน้อยๆอยู่ในถ้วย หวานมากเลยนะ... ถึงแม้พอสัมผัสครั้งแรกจะขมมากก็ตาม

     

                อือ

     

                ผมก็อยากให้ชีวิตเป็นแบบนี้น่ะ ถึงในช่วงชีวิตจะขมยังไง แต่ยังมีความหวานอยู่กับเราไปแสนนานจะทุกข์ขนาดไหน แต่ยังมีร่องรอยความสุข แค่นี้ก็พอละ

     

                ไอ้แซทพูดแล้วยิ้มมุมปาก ก่อนจะมองออกไปด้านนอก ฝนยังโปรยปรายไม่หยุด กระทบกระจกดังเปาะแปะ

     

                เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจแฮะ... เฮ้อ แล้วชีวิตผมล่ะเป็นแบบไหน?

     

                มันขมมาแล้ว แต่ยังหาความหวานไม่เจอเลย...

     

                แต่ฉันไม่ชอบขมเอาซะเลยแฮะผมบ่นแล้วก็ยิ้มให้มัน

     

                จากนั้นเราก็เงียบบ้าง คุยกันบ้างครับ เรื่องทั่วไปอ่ะแหละ ไม่มีไรมาก ผมกวนตีนมัน มันกวนตีนผมกลับ มันหาเรื่องผม ผมก็เถียงกลับ(แต่ไม่เคยชนะ กูเซ็ง) จนสุดท้ายน่าจะกลับบ้านได้แล้ว เพราะไอติมกับกาแฟก็หมดไปนานละ ให้กินต่อก็ไม่ไหวอีก นั่งจนเมื่อยละครับ

     

                ฝนไม่หยุด จะกลับไงวะเนี่ยฟ้ายังครึ้มอยู่เลยแฮะ คือก็กลับบีทีเอสอยู่ละครับ แต่จะเดินเข้าบ้านไงเนี่ยดิ บ่นไปพร้อมๆ กับเอื้อมมือไปเขียนกระจกเล่นอย่างเมามันส์

     

                ผมเอารถมา เดี๋ยวไปส่งไอ้แซทตอบแล้วมาช่วยผมเขียน แม่ง ปัญญาอ่อนกันทั้งคู่ครับ

     

                นี่ๆ เอามือออกก่อนดิ้ กูจะเขียนผมผลักมือไอ้แซทออกแล้วเขียนเล่น

               

                ‘mr.aung is a handsome guy’

     

    หัวเราะชอบใจกับสิ่งที่ตัวเองเขียน ไอ้แซทก็ส่ายหน้า ยกมือผมออกแล้วเขียนแก้ของผมซะงั้น

     

                ‘mr.aung is a handsome cute guy and he is Saturday’s’

     

                กวนตีนละไอ้เวร กูไปเป็นของมึงตอนไหนมิทราบ?

     

     มันเขียนเสร็จแล้วหันมายักคิ้วให้ผมหนึ่งที ไอ้ผมที่ขนลุกซู่ก็แยกเขี้ยวใส่แล้วพยายามจะลบก็ถูกมันล็อคตัวไว้ซะขยับไม่ได้กันเลยทีเดียว เชี่ย ปล่อยกู! นับวันแม่งยิ่งริดรอนสิทธิเสรีภาพกูมากขึ้นทุกวันแล้วนะ ไอ้นี่นิ

     

                เล่นบ้าๆ

     

                ใครเล่นก่อน?เอ้า เข้าตัวอีกกู ผมไม่ตอบ กอดอกเหวี่ยงใส่หน้ามัน เหลือบตาไปมองมันก็ยิ้มระบายเต็มหน้ากว่าเก่า ใช่เด้ แกล้งกูมันสนุกมึงนี่!

     

                กลับเหอะ ไม่สนุกละผมลุกแล้วไปยืนรอมันหน้าร้าน ให้มันจ่ายตังค์ครับ พอมันเดินโปรยยิ้มมาปุ๊บ ผมก็รีบจ้ำเดินทันที

     

                เสียงหัวเราะเบาๆ ทางด้านหลังยิ่งทำให้ความหมั่นไส้มันเพิ่มเป็นทวี แม่ง คนไรวะ แม่งเอ้ยยยย ด่าไงดีวะ คิดไม่ออกเว้ย ฮึ่ย(กรรม)

     

                ซักพักไอ้คนที่ผมหมั่นไส้มันก็เร่งฝีเท้า มาคว้าแขนผมไว้ได้ครับ กูว่ากูจ้ำแล้วนะ แม่งยังตามทันอีก ถึงขากูจะสั้นกว่ามึงเยอะก็เหอะ

     

                จะไปไหนมันถามแล้วยื้อผมให้หยุด

     

                กลับบ้าน!”

     

                รู้

     

                กวนตีนละไอ้ห่านิ!

     

                รู้แล้วก็ปล่อยสิวะผมขึ้นเสียงแล้วพยายามสะบัดแขนออกจากมือมัน แม่ง เลิกยิ้มได้ป่ะ ยิ่งเห็นยิ่งโมโหเฟ้ย

     

                ปล่อยแล้วจะไปไหนล่ะ รู้ทางเหรอครับผมถึงกับอ้าปากเหวอ เออว่ะ กูไม่รู้นี่หว่ารถมันอยู่ไหน หน้าแตกอีกละสาดดด

     

                แต่ก่อนที่ผมจะได้เถียงมันต่อก็มีคนมาขัดจนได้

     

                อ้าว อัง.. เจออีกละปุ่นนั่นเองครับ เธอเข้ามาทักผม โดยที่พวกเพื่อนเธอที่ชอบไอ้แซทก็อยู่ด้านหลัง มองพวกผมแล้วซุบซิบกันใหญ่

     

                แม่ง ทำไมกูต้องหงุดหงิดกว่าเดิมด้วยวะ ใครจะชอบมันก็เรื่องของมันสิ

     

                ไอ้แซทยอมปล่อยแขนผมแต่โดยดี ยิ้มบางๆให้ปุ่นจนผมอดไม่ได้ที่จะเตะขามันด้วยความหมั่นไส้ ทำให้มันก้มลงไปกุมขาเลยทีเดียว หึ

     

                ไงปุ่น ยังไม่กลับบ้านเหรอ ผมยิ้มแล้วคุยกับเธอปกติ ส่วนคนข้างตัวผมก็มองปุ่นสลับกับผมไปมา หรี่ตาเหมือนใช้ความคิด

     

                หรือมันจะจำได้วะว่าปุ่นเนี่ยแหละคือคนที่ผมเหล่วันนั้น

     

                ยังอ่ะ ฝนตก กลับไม่ได้

     

                อ่อ เอ้อ ไอ้แซท นี่ปุ่น เพื่อนกูเอง ส่วนปุ่น นี่ไอ้แซทครับ

     

                ดีครับพี่ปุ่นมันยิ้มหล่อสะท้านโลกาให้ ซึ่งผมเห็นแล้วอยากเตะขามันอีกข้างนึงจริงๆ พับผ่า แต่เกรงใจสาวๆ ดีนะปุ่นมีแฟนแล้วดังนั้นจึงไม่ตกหลุมไอ้หมอนี่ไปอีกคนน่ะ

     

                ดีจ้าน้องแซทคนดัง อิอิ

     

                ต่างคนต่างยิ้มให้กันไปมา จนผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอากาศธาตุตะหงิดๆ

     

                อังว่าจะกลับแล้วล่ะปุ่น ไว้เจอกันนะครับผมบอกอย่างสุภาพแล้วยิ้มให้เธอ เธอก็พยักหน้ารับแล้วบ๊ายบายให้ทั้งผมทั้งไอ้แซทครับ ผมก็ยิ้มให้พวกเพื่อนเธอด้วย(ยังเขินอยู่นะ เรื่องหน้าแตก) ไอ้แซทที่ไม่รู้จักก็ไม่ได้อะไรมาก

     

                สุดท้ายไอ้คนเลี้ยงไอ้ติมวันนี้ก็เดินพาผมมายังรถที่จอดอยู่สยามเซ็นฯนั่นแหละครับ มันกดปลดล็อคแล้วเปิดประตูพร้อมๆกับผมที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างคนขับ พอสตาร์ทรถเสียงเพลงจากไอพอดทัชที่ต่อกับรถก็คลอมาครับ เป็นเพลงสากลที่ผมชอบพอดี เออ มันก็รสนิยมดีเหมือนกันนี่หว่า

     

                รถมึงเหรอ

     

                อื้อ พ่อซื้อให้เป็นของขวัญเรื่องสอบอ่ะ ให้ขับก่อนจะไม่ได้ขับมันพูดพลางเคลื่อนตัวรถออกจากลานจอด

     

                อ้าว ไมอ่ะ

     

                ก็ปี1 ต้องไปเรียนเมกาอ่ะ ได้ทุนอ่อ เหลือเวลาอีกปีนึงสินะสำหรับชีวิตที่ไทยของมัน แต่จะว่าไปมันก็เก่งใช่ย่อยนะครับ ได้ทุนตั้งแต่ม.5เนี่ย

     

                เก่งว่ะ ดูกูดิ ม.6ละยังไม่มีที่เรียนเล้ยผมพูดขำๆ แล้วมองออกไปนอกตัวรถ ฝนกระทบกับกระจกเมื่อออกมาสู่ถนน เก่งแบบนี้พี่ชายมีรางวัลให้ครับ แต่งบไม่เกิน 500 นะ แหะๆพูดไปก็อายเองครับ ทำเป็นโชว์ป๋าว่ะกู

     

                มันหัวเราะแล้วส่ายหน้า ไม่พูดอะไร ตั้งใจขับรถไป ผมก็ดื่มด่ำกับเพลงที่เปิดคลอกับเสียงฝนไป

     

                พี่ปุ่นนี่ใช่คนในงานวิชาการป่ะนั่นไงครับ มันจำได้จริงด้วย

     

                เออ ใช่

     

                แล้วไปรู้จักกันตอนไหนทำไมผมรู้สึกเสียงมันโหดขึ้นวะเนี่ย

     

                ก็วันนี้เจอ ไอ้มี่ไปขอพินมาให้ เลยได้คุยกัน

     

                คุยกันแค่วันเดียว สนิทเชียวนะบอกผมทีว่าไอ้คนขับรถมันไม่ได้ประชดผมใช่ป่ะครับ มีหน้าที่ขับรถก็ขับไปเด้ เรื่องมากจริง(ซะงั้น)

     

                ก็เค้านิสัยดี เฟรนด์ลี่ น่ารักเนอะว่าป่ะ?มันเงียบครับไม่ตอบ ไม่รู้อินกับการขับรถหรือตั้งใจไม่ตอบกันแน่ ผมก็ไม่สนใจ ช่างแม่ง หยิ่งไปเลยมึง

     

                ไม่ชอบ

     

                ไม่ชอบปุ่น?ไมวะ ออกจะน่ารัก

     

                เปล่า ไม่ชอบให้อังสนิทกับเค้าถึงตรงนี้ผมชักงง ทำไมวะ?

     

                ไม่เห็นต้องทำหน้างงเลย สัส ไม่ให้กูทำหน้างงแล้วจะให้กูทำหน้าแบบไหนล่ะเว้ยเฮ้ย

     

                ก็มันงงจริงๆนี่หว่า แต่ไม่ได้สนิทขนาดนั้นหรอก เพื่อนกัน ปุ่นเค้ามีแฟนแล้ว

     

                อยู่ดีๆ ไอ้แซทก็หันมามองหน้าผมแล้วค่อยๆยิ้ม จนผมหลอนไปเลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย กูรองรับอารมณ์มึงไม่ทันจริงๆนะเนี่ย จะว่าไปวันนี้มันทำกูมึนกี่รอบแล้ววะ?

     

                อ้อ ที่แท้ก็กินแห้วเอ้า ไอ้สัด ทีงี้อารมณ์ดีเชียวนะมึง อย่างนี้เค้าเรียกมีความสุขบนความทุกข์คนอื่นนะเว้ย ไอ้เลว

     

                เออ รู้โว้ย หันไปมองถนนเลยสาด เดี๋ยวได้บี้คันหน้าตายห่า

     

                ผมปัดรำคาญแล้วหันหน้าบูดๆออกไปทางนอกรถ ส่วนมันก็หัวเราะขำอารมณ์ดีอยู่คนเดียวซะงั้น เวรกรรม

     

                ไปๆมาๆก็มาถึงซอยบ้านผมครับ ยังไม่ได้บอกเลยนะบ้านอยู่ไหน รู้ได้ไงวะ

     

                มาถูกได้ไงผมหันไปถามมันเมื่อมันเลี้ยวเข้าซอยบ้านผม

     

                ไม่บอกเอ้า กวนอีกแล้วไอ้นี่

     

                แอบตามกูป่ะเนี่ย

     

                หึหึ เพิ่งรู้ตัวเหรอเหวอสิครับ กูพูดเล่นนะเว้ย แม่งไม่คิดว่าจะตอบมางี้ สรุปมันตามมาจริงเปล่าวะ ถ้าจริงนี่กูหลอนเหอะ

     

                บ้า ล้อเล่นมันแก้ตัว หัวเราะขำพร้อมๆกับเทียบรถจอดหน้าบ้านผมพอดีเป๊ะ ก็เคยมาส่งไอ้ซัน ทำไมจะไม่รู้ล่ะ

     

                อ่อ ค่อยยังชั่ว นึกว่าเป็นสตอล์คเกอร์จริงไรจริงซะอีก

     

                เออ ใจมากที่มาส่งผมปลดล็อคเข็มขัดแต่ยังไม่ทันจะลงจากรถ ไอ้แซทก็ดึงเสื้อผมไว้ซะก่อน มีไรอีกวะ เรื่องเยอะจริงไอ้เวรนี่

     

                ขอรางวัลด้วยครับ บอกจะให้

     

                เออ เอาไร ไม่เกิน500นะบร๊ะ ความเกรงใจกูน่ะมีมั้ย ไอ้นี่นิ

     

                ไอ้แซทยิ้มแล้วทำแก้มป่องด้านซ้ายให้ผม แล้วเอานิ้วจิ้มๆ

     

                จะสื่อไรวะ กูงง

     

                หอมแก้มเร็วๆ

     

                สงสัยไม่เข็ดนะมันน่ะ

     

                ได้

     

                หึหึ ช็อคตาตั้งเลยนะมึง มันถลึงตามองผมอย่างอึ้งๆ กับคำตอบง่ายๆของผม

     

                จริงอ่ะ

     

                จริงสิผมรับคำพร้อมยิ้มให้อย่างอ่อนโยนที่สุด ก่อนจะเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้มันช้าๆ ไอ้คนขับทำหน้างงๆ เหมือนจะตื่นเต้น

     

                ตอนนี้หน้าผมใกล้หน้าใสๆ ไร้สิวของไอ้แซทไม่กี่เซ็น ปากผมจะติดกับแก้มมันอยู่รอมร่อแล้ว แต่ผมกลับเคลื่อนไปที่หูมันแทน

     

                เสร็จโจรล่ะ!

     

                ฟัคยูววววววววววววววววครับที่รัก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

     

                เสียงหกสิบแปดหลอดตะโกนใส่หูมันลั่นรถแข่งกับเสียงฝนด้านนอก ผมหัวเราะร่วนสะใจมองมันที่เอามือปิดหูหน้าเหยเก ก่อนจะเปิดประตูรถเผ่นแผลวออกมาข้างนอก

     

                ยังมิวายมีเสียงแว่วของคนชอบกวนอารมณ์ผ่านฝนเข้ามาในโสตประสาท

     

                เฮอะ อะไรเนี่ย แค่นี้ก็ไม่กล้าอ่ะ

     

                ผมยิ้มกว้างแล้วแลบลิ้นให้มันอย่างล้อเลียน เสร็จแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านก่อนที่ตัวจะเปียกไปมากกว่านี้หนีคดี

     

    ฮะๆๆ สะใจที่สุด!

     



    stay tuned... in some day







    --


    ตอนนี้ยาวจุใจมั้ยคะ? ยาวมาก จนนัตเองยังงงว่าเขียนไปได้ยังไง ยาวมากจริงๆ แต่ก็ลื่นมากค่ะ
    ตัวละครใหม่ๆ มาแล้วนะคะ ที่สำคัญ มีฉากสวีทด้วย เย้!!! อยากให้สวีทไปนานๆจังเลยเนอะ
    คิดถึงอังกับแซทมากๆ ตอนแรกจะเขียนหลังสอบเสร็จค่ะ แต่ทนไม่ไหวจริงๆ ฮ่าๆ
    ยังไงคิดถึงคนเขียนบ้างนะคะ ฮ่าๆๆ คิดถึงกันก็ไปเจอในทวิตเตอร์ได้น๊า จุ๊บุ

    ด้วยรัก
    วอลนัต


                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×