คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [08] I'm OK
[08] I’m OK
ไม่เป็นอะไร
กว่าผมจะลากไอ้มี่กับไอ้แซทมาถึงเวทีเล่นเอาซะหอบเลยครับ พวกเราหาที่ยืนกันอยู่หลังๆ มาสมทบกับไอ้พวกทะโมนในห้องที่มายืนดูกันก่อนหน้านั้นแล้ว ส่วนหน้าๆ นี่ไม่ต้องพูดถึงครับ ยกให้สาวๆ เค้ากัน อย่างว่าละครับ ไอ้คุณประธานแบนด์มันก็ใช่เล่นที่ไหน มันน่ะหนุ่มฮอต สาวเยอะ แต่ชอบกั๊กกับเพื่อน ผมนี่แค่แกล้งจะขอเด็กมันซักสองสามคนซะหน่อย(ทำจริงไม่ได้หรอกครับ ก็ตอนนั้นผมคบกับเนย์อ่ะ) มันนี่กันท่าผมสุดริด ไม่ให้ท่าเดียว ไม่รู้จะหวงอะไรนักหนา
ว่าแล้วก็ขอเหล่สาวซักหน่อย หึหึ
ผมสอดส่ายสายตามองสาวๆ ที่อยู่ด้านหน้าพลางกระหยิ่มยิ้มย่อง น่ารักครับ น่ารักเยอะมากมากมากก(เน้นทำเพื่อ?) ปีนี้สาวๆ มากันเยอะได้อีก ผมว่าเยอะกว่าประชากรไอ้พวกตัวผู้โรงเรียนผมเลยมั้งเนี่ย ฮ่าๆๆ
สุดท้ายสายตาผมไปสะดุดกับผู้หญิงคนนึง เธออยู่ในชุดม.ปลายโรงเรียนรัฐแห่งหนึ่งที่ผมไม่ค่อยคุ้น ผมตัดสั้นแบบที่กำลังอินเทรนด์ ท่าทางเธอคล้ายๆทอมครับ แต่น่ารักดี โดนใจผมเลยเหอะ รู้สึกตั้งแต่โดนหักอกมานี่สเปคผมเปลี่ยนไปเยอะครับ ก็มันไม่ไหวนี่ แบบเก่าเล่นเอาซะกูช้ำ แดกใบบัวบกเป็นอาหารหลักเลยนี่หว่า แถมยังเอาชีวิตเกือบไม่รอด จากวีรกรรม
. นั่นแหละครับ เชื่อว่าคุณๆ คงรู้กันอยู่
“ฮะ เฮ้ย!” มองอยู่ดีๆ ไม่รู้มีมือไอ้บ้าตัวไหนมาปิดตาผมอีก มือแม่งก็ใหญ่ปิดซะมิด ไอ้เชี่ย กูจะมองหญิง ขัดกูจริง ห่าราก
“เหล่สาวเชียวนะ” มาแล้วครับ เสียงไอ้ตัวมาร ตัวเดิมนั่นแหละ ไอ้แซทเอามือปิดตาผมหมดเลย ไม่มีรูซักนิดให้ได้ส่องอะไรเล้ย พอจะแงะออก มือมันก็ปิดแน่นยิ่งกว่าคีมเหล็กอีก สาด ถ้าดั้งกูบี้ขึ้นมาจะทำไง ยิ่งโด่งแบบพระเอกทไวไลท์อยู่ มึงจะรับผิดชอบค่าทำดั้งให้กูมั้ยไอ้ห่า
“โอ้ย ปล่อยกูโว้ย กูจะเหล่สาว ไอ้เชี่ย อุ๊บ” ผมโวยวายดิ้นพราดๆ อยากจะหลุดไปจากมนุษย์คีมนี่ แต่แม่ง มันกดตัวผมลงกับอะไรแข็งๆ เลยครับ ฮือ อกมันนั่นเอง แข็งเป็นบ้า อี๋ ทีนี้นอกจากจะมองไม่เห็นแล้วยังพูดไม่ได้ หายใจไม่ออกอีก ไอ้ห่าแซท! กูไม่อยากตายในอ้อมอกมึงนะโว้ย! ขอกูตายในอกดูมๆ ได้ป่ะล่ะ!
เหนื่อยและหายใจไม่ออก แย่ยิ่งกว่าที่ตอนนี้เหมือนมันกอดผมทั้งตัว แขนข้างนึงโอบเอวผม ข้างนึงโอบรอบกดหัวผมไว้ ไอ้สัด กูไม่ใจเต้นหรอกนะ หัวใจกูจะหยุดเต้นเพราะกูหายใจไม่ออกเนี่ย!
ตัวมันมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของโคโลญน์ผสมกับน้ำหอมครับ กลิ่นน้ำหอมเท่ชิบหาย เหมาะกับมันดี เออะ แม่งใช่เวลากูมาชื่นชมกลิ่นตัวมันเหรอวะเนี่ย?
“เอี้ยแอ๊ทอ่อยอู โอ้ยยย” หึ กูยอมที่ไหน ดิ้นครับ โวยวายตรงอกมันเนี่ยแหละ แม่งก็ไม่ยอมปล่อยซักที มันขำ หัวเราะหึหึ ขำไรนักหนาวะ ส่วนไอ้พวกแสบที่อยู่แถวนั้นก็เริ่มส่งเสียงฮาล้อผมแล้ว เอ้อ ใช่เซ่ กูมันเตี้ย! แต่ซักวันกูจะขึ้นไปอยู่เหนือพวกมึง! จำไว้นะสาด!
เสียงหัวเราะคิกคักจากสาวๆ ก็เริ่มดังมาเรื่อยๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหัวเราะพวกผมเนี่ยแหละ แม่ง เค้าจะคิดว่ากูเป็นเกย์กับมึงก็ไม่ต้องสงสัยอ่ะ
คนหล่อเซ็งจิต! (ถรุย)
แต่แล้วตัวช่วยที่ผมรักยิ่งคือเสียงไอ้ไดรส์ที่พูดอยู่บนเวที พอแบนด์จะเริ่ม ไอ้แซทก็ยอมปล่อยผมซะที กูเกือบจะเมากลิ่นมึงตายละนะ ถ้าช้ากว่านี้อ่ะ แม่ง! ผมก้มตัวสูดอากาศหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะยกนิ้วชี้หน้าไอ้ตัวต้นเหตุอย่างคาดโทษ ไอ้แซทมันก็มองผมยิ้มๆ ซึ่งเรียกได้ว่ายิ้มหล่อสะท้านโลกา(ยิ้มหรือเชี่ยไรเนี่ย) จนสาวๆ แถวนั้นสะกิดเรียกๆ กันดูเป็นตาเดียวเลย ชริ เซ็งครับ อยู่ข้างๆ ไอ้คนหน้าตาดีพลอยจะทำให้ผมดับไปด้วยอ่าดิ ผมเลยเขยิบถอยห่างออกมา จะไปยืนเนียนกับไอ้พวกทะโมนหน้าตาสปีชี่ย์เดียวกับผม แต่ไอ้ตัวดีมิวายยังเดินตามมาแล้วทำหน้างงๆใส่
ไม่ต้องมาทำแบ๊ว! กูยังหมั่นไส้มึงอยู่นะเฮ้ย!
“อัง โกรธผมเหรอ” แน่ะ! ยังมีหน้ามาถามนะไอ้นี่
ไอ้แซทถามหน้าตาหงอยๆ ซึ่งผมว่าหมาหงอยชัดๆอ่ะ เห็นแค่นี้ก็หายโกรธแล้วครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน โกรธไอ้คนทำหน้าตาแบบนี้ไม่ลง(ตอแหลใส่กูรึเปล่าไม่รู้) แต่อยากจะแกล้งมันต่ออ่ะ ทำกับกูไว้เยอะเอง ช่วยไม่ได้นะมึง อิอิ
“เออ โกรธ อย่ามาใกล้กูนะ” ทำเสียงแข็งๆเย็นๆใส่มัน แต่ในใจนี่ก๊ากเต็มที่อ่ะครับ หึหึ สมน้ำหน้าโว้ย ขอกูเอาคืนมั่งล่ะ
“ไอ้อังมึง แค่นี้ทำโกรธ สงสารไอ้แซทว่ะ ดูหน้ามันดิ เหมือนโดนเจ้าของทิ้งอ่ะ” เสียงไอ้พวกสิงสาราสัตว์ดังมา หึ กูไม่ได้โกรธ กูตอแหลไปงั้นอ่ะ แล้วกูก็ไม่ใช่เจ้าของมันด้วยโว้ย! มีหมาตัวใหญ่แบบมันกูอยู่ไม่เป็นสุขพอดีเหอะ
“ไม่รู้กูโกรธ ยังไงก็โกรธ”
“ระวังไว้เห้อ ทำกับเค้าไว้มาก ซักวันเค้าทนไม่ไหว ไม่อยู่รองมือรองตีน แล้วจะรู้สึก” ไซโคกูเข้าไป๊ ไอ้พวกนี้ แต่ผมไม่สนหรอก แค้นนี้ต้องชำระเท่านั้นครับ
“สาด เสือกจังนะพวกมึง”
ส่วนไอ้แซทที่หน้าหงอยเป็นหมาจูตอนนี้ซึมกะทือไปเลย แถมยังหยุดตามผมมาอีก ยืนนิ่งอยู่คนเดียวที่เดิม แต่สายตามันก็มองผมอยู่ครับ เรียกว่าจ้องเลยก็ว่าได้ แต่ผมทำเป็นไม่สนใจ ยืนหัวเราะ แซวสาวกับไอ้พวกทะโมนอย่างสนุกสนาน
มองไปทางไอ้ไดรส์ที่ซาวน์เชคบนเวทีอย่างชื่นชมนิดๆ ที่มีเพื่อนฮอต สาวๆ ก็กรี๊ดกันใหญ่ครับ พวกเธอดูรู้จักไอ้ไดรส์เป็นอย่างดีทุกคน ซึ่งผมแอบงงว่ามันเอาเวลาที่ไหนไปรู้จักกับสาวๆ พวกนี้วะ ก็วันๆมันนี่ขลุกอยู่กับพวกผม ไปเที่ยว เล่นบอล บลาบลา บลูบลู ไม่ค่อยเห็นมันจะแยกตัวไปเที่ยวอะไรเล้ย
ดีเนาะ อยู่เฉยๆ ก็ฮอตได้ ดูผมเดะ ดับเลย ดับอนาถอยู่ในซอกมืดมิด(ที่มีแต่ตัวผู้)นี่คนเดียว
เฮ้อ กูเหนื่อยจะเจ็บกระดองใจ
ผมที่ยืนรำพึงรำพัน เพ้อพกกับตัวอยู่นานก็ได้สติเมื่อไอ้ดุ๋ง(หนึ่งในแสบห้องผมเนี่ยแหละ) สะกิดให้ดูแบนด์ครับ ไอ้ไดรส์ด่าเด็กมือกลองบนเวทีนิดหน่อย(มันออกไมค์ด้วยนะ) ไม่นานดนตรีก็เริ่มครับ
“ฮาโหลว ฮาโหลว คร๊าบบบบ หวัดดีครับสาวๆ เอ๊ย แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน” ถึงจุดนี้พวกผมก๊ากเลยครับ เพราะไอ้ไดรส์ดันปล่อยแก๊กออกมาลูกใหญ่ แน่นอนครับว่ามันไม่ได้เล่นมุขแต่มันหลุดจริง ซึ่งทำให้ มิสศรีที่แกจรลีมาดูกับเค้าด้วยตาถลึงใส่กันเลยทีเดียว ไม่รวมบราเดอร์ตัวโหดอีกหลายท่านที่เคาะไม้ตะพดรอแกกๆ ถ้ามันยังปล่อยมุข(ที่ไม่ตั้งใจ)ไปมากกว่านี้
แต่ยังดีที่พวกสาวๆท่าทางจะชอบกัน กรี๊ดให้ไอ้ไดรส์ดังสนั่นลั่นฮอลล์ กล้องบีบงบีบี ไอฟงไอโฟนอะไรเอาขึ้นมารัวไม่ยั้งครับทีนี้ ผมได้แต่ยืนน้ำตาคลอ แอบอิจฉาเบาๆ ง่ะ
“ครับ ผมประธานชมรมแบนด์ครับ ไดรส์ เดชากร จะมาสร้างสีสันให้กับงานวิชาการในวันนี้” เจ้าชายขี้น้อยใจของพวกผมยังเก๊กขรึมพูดต่อไป สาวๆ ก็กรี๊ดกร๊าดใหญ่ครับ แต่พวกผมที่รู้ไส้พุงม้ามเซี่ยงจี๊มันหันมามองหน้ากันแล้วลงความเห็นกันในใจว่า ‘แม่ง ตอแหลเชี่ยๆ’
“หวังว่าคนน่ารักในที่นี้จะมีความสุขในวันนี้ครับผม”
ทันทีที่ไอ้ไดรส์ทิ้งท้ายจบ ก็เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นกับนักเรียนม.6/4 ยี่สิบกว่าชีวิตรู้สึกคลื่นไส้โดยมิได้นัดหมายครับ พวกผมส่งเสียงโอ๊กอ๊าก อ้วกกันกับคำพูดเสี่ยวๆ แต่ได้ใจสาวของไอ้ไดรส์ยกใหญ่ ไอ้สองหมา พีทเม้าส์แอคติ้งกระจายที่สุด กุมท้องลงไปชักดิ้นชักงอ อารมณ์คลื่นไส้อย่างรุนแรง
สาวๆ หรือคนที่ยืนอยู่แถวนั้นถึงกับฮาครืนกับท่าทางของพวกผม
“เชี่ย ถ้าไอ้ไดรส์จะเสี่ยวขนาดนี้ อย่าบอกใครนะว่ากูอยู่ห้องเดียวกับมัน” ขนาดไอ้มี่ที่เงียบๆ ไม่หือ ไม่อะไรยังพูดขนาดนี้ คิดดูแล้วกันครับจะเสี่ยวแค่ไหน
เสียงดนตรีสบายๆ ดังขึ้น กลบเสียงอ้วกของพวกผม เมื่ออินโทรขึ้นมาผมถึงได้บางอ้อว่าทำไมมันเล่นมุขเสี่ยวแบบนี้ครับ
รู้ไหมว่ามีคนตกหลุมรักคุณกี่คนแล้ว
จากการที่คุณแค่ยิ้มให้ และยิ่งตอนคุณหันมา
จ้องมองตาและทักทาย ในหัวใจมันแทบละลาย
จนเกือบถึงจุดอันตราย และอยากจะขอให้คุณ
หยุดหยุดแค่นี้ก่อน ในใจผมร้อน
จนทนไม่ไหว จะรักคุณแล้ว
หยุดหยุดใจไว้บ้าง ห้ามใจเอาไว้
ต้องเตือนตัวเอง คนน่ารักมักใจร้ายกันทุกคน
พอถึงไอ้ท่อน คนน่ารักมักใจร้ายกันทุกคน สาวๆ กรี๊ดลั่นกันเลยทีเดียว ยิ่งกลุ่มเด็กคอนแวนต์คุ้นตาข้างหน้าผมนี่ถึงกับโบกไม้โบกมือ ตะโกนกัน ‘เราไม่ใจร้ายนะ’ อะไรทำนองนี้ครับ ผมก็ได้ยิ้มๆ ขำๆ ไปกับท่าทางของพวกเธอ เพลงเอาใจสาวเหมาะกับคนเสี่ยวๆอย่างมึงจริงไอ้ไดรส์เอ๊ย
แต่ไม่ได้ฟังเสียงมันมานาน ยังดีสมกับเป็นประธานแบนด์เหมือนเดิมครับ เล่นเอาสาวๆ เคลิ้มกันไปทั้งฮอลล์ งานนี้ไม่ได้พิน ไม่ได้เบอร์แบบกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ให้มันรู้ไปเห้อเพื่อนกู
กว่าเพลงนี้จะจบแทบจะทำให้สาวๆ ล้มพับไปครับ แหม่ มันเข้าใจเลือกเพลงเว้ยเฮ้ย กุมคนดูให้ดูต่อได้อยู่หมัดจริง แต่ผมก็ไม่แน่ใจนะว่ามันตั้งใจเซทลิสต์หรือว่าแค่อยากจะร้องเพลงจีบสาววะ ไว้ค่อยไปถามมันหลังงานเลิก
ไม่รู้ว่าเป็นไปเพราะค่ำคืน ไม่รู้ว่าเป็นไปเพราะแสงดาว
ที่ทำให้ฉันเป็นอย่างนี้ ต้องคิดถึงเธอหมดหัวใจ
ไม่รู้ว่าเป็นไปเพราะสายลม ที่พัดพาเอาใจฉันไป
บรรยากาศแบบนี้ช่างทำให้ใจหวั่นไหว
อดคิดถึงไม่ได้ต้องบอกเธอ แต่อย่าเพิ่งถาม หาเลยเหตุผล
ที่ทำให้ฉันนั้นเสียอาการ ต้านทานไม่ไหว ในแรงดึงดูดของเธอ
ที่ทำให้ฉันเผลอไป (You make me feel so high) เปล่าเปลี่ยวในใจกว่าทุกที
กล่อมสาวกันต่อไปครับ ไม่รู้พวกเธอจะสามารถมีชีวิตอยู่รอดจนจบเพลงนี้มั้ย ไอ้ไดรส์ตอนนี้สวมวิญญาณพี่ที เจ๊ทฯ กันเลยทีเดียว เสียงมันเหมาะกับเพลงแนววงนี้มากครับ และผมก็ชอบเพลงนี้มากด้วย เคยอินอยู่เมื่อก่อน เดี๋ยวนี้ทำใจให้อินไม่ลง แต่ก็ยังชอบอยู่นะ ผมเป็นแฟนคลับวงนี้นี่นา
ผมนึกถึงไอ้แซทขึ้นมาได้ หันไปมองที่ๆมันยืนอยู่ มันยังยืนอยู่ตรงนั้นครับ ดูดนตรีเหมือนกับผม ข้างๆ มันก็มีไอ้เซย์สภายืนอยู่ด้วย ผมว่ามันฟังไอ้ไดรส์ร้องอยู่ แต่ตามันนี่สิจ้องผมอยู่ไม่วางตา ร้อนๆหนาวๆไงไม่รู้แฮะ ก็สายตามันไม่รู้มองมาด้วยความรู้สึกแบบไหน ผมมองไม่ออก
มึงเล่นสงครามประสาทกับกูใช่แมะ!
แค่ในคืนนี้ ฉันต้องการจะรู้ว่าเธออยู่หนใด
อยากให้รู้ตัวเอาไว้ ว่ามีใครคิดถึง
หวังเพียงเธอจะซึ้งถึงใจที่มี ฉันต้องการเธอที่สุดในคืนนี้ (Oh Baby)
เสียงกีต้าร์ตัวสุดท้ายเงียบลง ไอ้ไดรส์ที่หลับตาพริ้มอินกับเพลงค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น มันฉีกยิ้มให้กับทุกคน ทำให้สาวๆ ที่เหมือนจะหมดแรงเมื่อครู่กลับมาลุกฮือกรี๊ดลั่นอีกครั้ง ไอ้พวกผมที่เชียร์เพื่อนสุดใจชาดดิ้นก็ตบมือ เฮลั่นกับสองเพลงที่จบไปอย่างยอดเยี่ยม
“จบไปแล้วครับสองเพลง วันนี้ผมร้องห้าเพลงครับ เหลืออีกสามเพลง
” ไอ้ไดรส์พูดยิ้มๆ “เพลงต่อไป
พร้อมยังครับ?”
แน่นอนว่าสตรีเพศในที่นี้ต้องรับเป็นเสียงเดียวกันครับ ทำให้ประธานแบนด์คนดังบวกดีกรีเสียงคุณภาพและหน้าตาคว้ารางวัลนางสาวไทยยิ้มกว้างกว่าเก่า ไอ้พวกผมที่เป็นตัวนรกส่งมาเกิดก็โห่แซวกันครับ
“ครับ
งั้นมาต่อกันเลย เพลงนี้ไม่เต้นผมโกรธนะครับ”
มันทิ้งท้ายไว้แค่นั้น เสียงดนตรีที่ผมไม่ค่อยคุ้นก็ขึ้นอินโทรมา เป็นเพลงจังหวะเร็วสนุกครับ เพลงเชี่ยไรมันวะ ผมไม่เคยฟังเหอะ สาวๆ ในฮอลล์เริ่มเต้นไปกับจังหวะครับ ไม่รู้ว่ามันส์จริงหรือกลัวไอ้ไดรส์มันโกรธกันแน่ ส่วนผมก็ยังยืนมึนอยู่ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นเพลงอะไร
ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น เธอต้องรู้อะไรที่สำคัญกว่า
เมื่อเพลงสุดท้ายดังขึ้นมาแล้ว
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ เธอต้องพบกับใครที่เขารอเธอ
แต่ตอนนี้ฉันคงไม่รอแล้ว
แม่งเริ่มคุ้นละ แต่กูยังนึกไม่ออกว่ะ พวกผมบางคนเริ่มบางอ้อ มันพยักหน้า ชี้ๆกันเหมือนจะพูด แต่คงนึกไม่ออกเหมือนกัน
“ไอ้เชี่ยๆๆๆ เพลงนั้นอ่ะ กูเคยฟังอยู่ เพลงไรวะ ที่มันเด้าๆอ่ะ” ไอ้พีทโวยวายขึ้นมา ทุกคนก็พยักหน้าเสริม
ส่วนผมนี่หน้าเหวอ เด้าเชี่ยไรวะ?
เพราะเธอ เธอคือสิ่งที่สวยงาม
ที่พรุ่งนี้ฉันอาจ จะไม่มีวันได้เจอแล้ว
ฝันอยู่ หรือฉันอาจจะฝันอยู่
ก็ยังไม่รู้ แต่จะถามเธอ
บอกมาคืนนี้ อยากได้กี่ครั้ง
ถ้าฉันบอกรักเธอ อยากฟังกี่ครั้ง
ก่อนหมดคืนนี้ อยากได้กี่ครั้ง
ฉันจะบอกรักเธอ ต่อให้เป็นร้อยล้านครั้งก็ยอม
ผมถึงกับบรรลุเมื่อไอ้ไดรส์ร้องท่อนฮุคประกอบกับทำท่า ‘เด้า’ บนเวที อย่างที่ไอ้พีทว่า เข้าใจลึกซึ้งก็ทีนี้ล่ะ ทั้งเพลงทั้งท่าส่อและเสื่อมมากครับ มาถึงเพลงนี้ไอ้ไดรส์มาดพี่ทีหมดหล่อกันเลยทีเดียว เมื่อมันเต้นแบบหลุดไปแล้วครับ รวมถึงไอ้พวกเด็กในชมรมที่เล่นไปเต้นไปอีก ความพยายามพวกมึงสูงจริง กูนับถือ!
นอกจากจะร้องเพลงเก่ง ความเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ไอ้ไดรส์ก็สูงเช่นกัน ผมประจักษ์ก็วันนี้แหละ สาวๆ กรี๊ดกันสนั่นกว่าสองเพลงแรก เมื่อไอ้ไดรส์ ‘เด้า’ ตามเพลง
อุบาทว์ดีแท้เพื่อนกู
ผมได้แต่ส่ายหน้าหัวเราะขำกันไป
แต่ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการที่สาวๆ ที่น่ารักกำลังจะเต้นตามไอ้ไดรส์นี่ล่ะ ขอเว้นไว้ซักท่าเห้อ ผมจะเป็นลมตาย ทั้งขำ ทั้งอายแทน แต่เป็นภาพที่ตลกมากครับ คือมันเป็นท่าที่ไม่เหมาะกับผู้หญิงในชุดนักเรียนเท่าไหร่ แต่พวกเธอก็เต้นกันอย่างไม่แคร์สายตาใครได้อีก ต้องยอมรับว่าเพศแม่ผมนี่สุดยอดจริงไรจริง
ถ้าว่าไอ้เพลงนี้เสื่อมแล้ว เพลงต่อไปผมว่าเสื่อมกว่าเยอะ
มาจุ๊บุ๊ จุ๊บุ๊ มิรุ มิรุ อิ๊อิ๊ อุอุ เหอ เหอ แซ่บแว่ แซ่บแว่ จังเงย จังเงย
เออ เพลงนี้แหละครับ คงรู้กันนะเพลงอะไร
เป็นเพลงที่ร้องไม่รู้เรื่องแถมท่าเต้นยังทุเรศจับจิต ไอ้ไดรส์ประธานแบนด์สุดหล่อหายวับไปกับไอ้เพลงนี้แล้วครับ กลายเป็นไอ้บ้าที่บังเอิญหน้าตาดีดิ้นอยู่บนเวที หนักใจเลยว่ะกู สาวๆ ก็เต้นกันอย่างสนุกสนานครับไม่มีใครสนใจไอ้ไดรส์บนเวทีแล้วจุดนี้
ส่วนพวกผมน่ะเหรอ เพลงขึ้นก็โดดกัน เต้นกัน ร้องตามกันอย่างเมามันส์ นี่มันเพลงนูบประจำห้องนี่ครับ ไม่รู้ไอ้เพลงนี้มันฟังแล้วเหมือนโด๊ปยารึเปล่า แสบอย่างพวกผมของขึ้นกันทุกทีเวลาได้ยิน เทพแค่ไหนล่ะ พวกผมร้องได้ทุกคนน่ะ(ขนาดไอ้มี่ยังร้องได้อ่ะ คิดดูเหอะ) ไอ้พวกผมสาวกเสลอครับ เพลงประสาทแดกโลกแตกนี่ของชอบ โชว์นูบกันไปไม่สนใจสาวกันเลยทีเดียว ยิ่งไม่มีใครเอาอยู่แล้ว หลังจบเพลงนี้ทำใจเลยคงโสดกันไปอีกนานหลังจากแสดงความเสี่ยวไปเต็มที่ ก๊าก
กว่าจะจบไอ้ไดรส์เล่นลากเพลงให้วนซ้ำสองรอบ หอบเหนื่อยกันเลยทีเดียว ดิ้นแค่เพลงเดียวแต่ผมเหมือนพลังงานจะหมด แม่งเอาซะกูลิ้นลากเลยเชี่ย ไอ้ตัวอื่นก็ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ หายใจหอบกันไปตัวโยน เหงื่อซึม เสื้อเปียกเป็นดวงกันเป็นแถบ
“ครับ เพลงสุดท้ายแล้วนะครับ” พี่ทีกลับมาแล้วครับ เสียงหล่อๆ นิ่งๆ ของมันพูดออกไมค์มาเหมือนตอนแรก ไอ้ไดรส์ที่หัวกระเซิง เสื้อหลุดลุ่ย แถมยังชุ่มเหงื่อพูดโดยหอบนิดๆ แต่ยังมียิ้มมุมปากระบายบนหน้าอยู่
เสียดายที่วันนี้มันร้องแค่ห้าเพลง
“เพลงสุดท้ายผมอยากจะให้คนๆนึงได้ฟัง เอ้อะ ผมพูดได้ป่ะครับบราเดอร์...” เสียงหัวเราะขำดังทั่วฮอลล์ เมื่อไอ้ไดรส์หันไปเกาแก้มถามงงๆออกไมค์ กับบราเดอร์เฮี้ยบที่นั่งอยู่ ท่านแค่พยักหน้าเบาๆ ทำให้ไอ้ไดรส์หันกลับมาพูดต่อ
“ครับ เพลงนี้มอบให้เพื่อนของผม ไม่เอ่ยชื่อแล้วกัน แต่คงรู้กันเนอะ
. ไม่เป็นอะไรนะเว้ย อัง”
ไอ้สลัด!! เมื่อกี้มึงเพิ่งบอกว่าจะไม่เอ่ยชื่อ!!
แต่มึงเพิ่งเอ่ยชื่อกูเต็มปากเต็มคำ ไอ้ฟายยยยย!
กูเหนื่อยกับมึงจริงจัง ด่าไปแม่งก็ยังฟายเหมือนเดิม!
ผมได้แต่ยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไอ้ไดรส์ ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาด่ามันดี แม่งเลวบริสุทธิ์จริงๆ พับผ่า! ไอ้คนซื่อเอ้ย ซื่อบื้อเชี่ยๆ!
“เฮ้ยๆ นี่คร๊าบบบ ไอ้อังอยู่นี่คร๊าบ” ไอ้เม้าส์ หมาปากเปราะตะโกนลั่นแล้วชี้มาทางผม คนที่เงียบฟังไอ้ไดรส์กัน เมื่อมีเสียงทะลุกลางปล้องขึ้นมาเลยหันมามองกันหมด รู้เลยว่า ‘อัง’ คือผู้ใด และได้แต่ใดมา(ไม่เกี่ยวละ)
“เอ้อ มึงอยู่นั่นเหรอ กูมองไม่เห็นอ่ะ มึงเตี้ยเกิน”
ถ้าหากมึงจะประจานส่วนสูงกูออกไมค์แรงขนาดนี้
.
ผมได้แต่ยืนเหวอ ทำไรไม่ถูก ผู้คนก็ซุบซิบ ขำกันกับปาหี่เล็กๆนี่ ดังและดับไปพร้อมๆกันก็คราวนี้แหละอังเอ้ย วันนี้คงเจอกันวันสุดท้ายครับ พรุ่งนี้ผมจะลาออก!
ดนตรีดังขึ้นเมื่อบราเดอร์ที่ทนฟังมานานส่งสัญญาณให้เล่นได้แล้ว ไอ้ไดรส์ก็พยักหน้ารับแล้วตั้งใจกับเพลงสุดท้าย
เพลงที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้อินกับมันขนาดนี้เลย
ขอบคุณที่เธอรับรู้ ขอบคุณที่เธอคอยปลอบกัน ให้พออย่าร้องไม่ต้องไปเสียใจ
ที่เธอคอยปลอบคอยย้ำ ให้ฉันได้ฟังได้ข่มใจ แต่ความจริงนั้นไม่มีเลยทางใด
ที่จะเปลี่ยนดวงดาวให้มืดลง หรือจะสั่งท้องฟ้าเมฆฝนให้สดใส
จะหยุดให้โลกที่ร้อนเย็นลงอย่างไร ไม่มีทางจะหยุดน้ำตาของความเสียใจ
ฉันไม่เป็นอะไร ร้องครวญครางบอกความในใจ
เสียน้ำตาคราวนี้ออกไป ฉันเสียใจ ยิ่งข่มอารมณ์ไม่ไหว
ฉันไม่เป็นอะไร รู้ตัวดีต้องทำยังไง
แม้น้ำตายิ่งห้ามยิ่งไหล ฉันรู้ แค่ไม่นาน ทุกๆอย่าง จะผ่านไป
ถึงจุดนี้ผมไม่เคยคิดว่าน้ำตาผมจะไหล แต่มันก็ไหลออกมาไม่รู้ตัวจนได้
“เฮ้ย ไอ้อัง มึง
” ไอ้ดุ๋งที่ยืนข้างผมตกใจเมื่อเห็นน้ำตาผมไหล ดีที่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจผม “เฮ้ย พวกมึง ไอ้อังร้องว่ะ” ไอ้ดุ๋งหันไปบอกเพื่อนคนอื่น ทำให้คนอื่นหันมาตกใจกับผม แม่งทำเป็นเรื่องใหญ่จนได้ เชี่ย ผมปาดน้ำตาลวกๆ ไม่อยากให้พวกมันเห็น เดี๋ยวแม่งจะกร่อยกันซะหมดเพราะผม
“ไอ้อัง มึงไม่ต้องร้อง ยังไงมึงก็มีพวกกูนะ” เป็นคำพูดที่ไม่น่าออกมาจากปากไอ้พีทได้ครับ
“ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากมึงได้”
เท่านั้นแหละ มันจัดการโบกหัวผมไปหนึ่งที คราวนี้น้ำตาเล็ดกว่าเดิมของจริง สาด โบกมาได้ คนกำลังเซนซิทีฟอยู่นะ ไอ้ห่านี่
แต่ก็ยอมรับแหละครับว่ามันทำให้ผมดีขึ้นได้บ้าง ไอ้เชี่ยไดรส์แม่งร้องเพลงบิ๊วได้อีก
“อัง..” เสียงที่ผมไม่ได้ยินซักพักใหญ่ “เป็นไรเปล่า”
ไอ้แซทครับ
มันเดินเข้ามาหาผมจนได้ น้ำเสียงมันดูเป็นห่วงผมจริงจัง เข้ามาถูกจังหวะจริงนะมึง ตอนกูกำลังอ่อนแอเนี่ย
“ทำไม จะเข้ามาทำตัวเป็นพระเอกปลอบกูรึไงห๊ะ” ผมตอกกลับไป จริงๆ ผมแอบขำนะ แต่หน้าตอนที่ผมพูดดันไม่ขำด้วยไง มันเลยดูกลายเป็นซีเรียสไปซะงั้น
ไอ้แซทเงียบไม่ตอบ ไม่ว่า ไม่หือ ไม่อืออะไร
เห็นอย่างนั้นผมเลยปล่อยเลยตามเลย อารมณ์นี้เหนื่อยจะพูดจริงครับ
ขอบคุณทุกอย่างวันนี้ ถ้อยคำที่ดีที่ห่วงใย แค่เธอเท่านั้นเมื่อฉันไม่เหลือใคร
แค่ความเสียใจเพียงครั้ง อาจทำให้ฉันนั้นเปลี่ยนไป แต่หากไม่ร้องก็ไม่มีทางใด
จะผ่านไป ไม่ว่าเสียน้ำตาแค่ไหน แค่ไม่นาน ทุกๆอย่าง จะผ่านไป
ผมยืนฟังเพลงจนจบโดยมีไอ้แซทยืนอยู่ข้างๆ มันไม่พูดอะไร ผมก็ไม่พูดอะไร ให้ความเงียบเป็นตัวคั่นกลางระหว่างเราสองคน
“ งั้นกูกลับหมวดก่อนนะ ฝากไอ้พวกนั้นไว้นานละ” ผมหันไปบอกพวกแสบ ที่กำลังจะแยกย้ายกันกลับไปประจำหมวดของตัวเอง เสร็จผมจะเดินไปชวนไอ้มี่กลับ แต่มันไม่อยู่แล้ว โดนไอ้เซย์สภาลากไปไหนไม่รู้ เออ กูกลับคนเดียวก็ได้วะ! หาเรื่องอู้ด้วยดีกว่า นอยแดรกไปเลยกู
ผมเลยเดินออกมาเงียบๆ คนเดียว ไม่ทักไม่ทายใคร มีคนมองผมบ้างจากเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่ผมก็ตีหน้านิ่งเดินออกมาเฉย ถึงแม้ปกติผมจะโปรยยิ้มหล่อให้ทุกคนก็เหอะนะ แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จริงว่ะ
ไอ้แซทเดินตามผมออกมาด้วย อาจจะดูหลงตัวเองไปหน่อยแต่มันคงไม่บังเอิญเดินมาทางเดียวกับผมแน่ล่ะ ถึงแม้จะไม่เข้าใจเท่าไหร่ อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมแต่ผมก็ไม่ได้ถามมันเกี่ยวกับสิ่งที่สงสัยอยู่
ผมไม่ได้กลับหมวด เพราะเริ่มขี้เกียจ(ง่ายๆงี้แหละ) แต่เดินมานั่งที่โต๊ะด้านตึกหลังที่ตอนนี้ไม่มีคนแทน เพราะทุกคนไปรวมกันที่ตึกกลางหมด บรรยากาศเงียบ ลมโชย ให้ผมได้คิดอะไรมากมาย หรือไม่แน่นั่งแบบนี้อาจฟุ้งซ่านคนเดียวกว่าเดียวมากกว่าเดิม
ผมที่นั่งเอนพิงกำแพงตึกสบายๆ หันไปมองเมื่อมีคนมานั่งข้างๆ ผู้ชายสูงชะลูด หุ่นนักกีฬา คนที่ดูเพียบพร้อมคนนี้
ไอ้แซท
เห็นมะ ผมบอกแล้วผมไม่ได้หลงตัวเองนะ
“มาไม” ผมถามกวนๆ ใส่มัน
ใบหน้าด้านข้างของมันดูดีมากครับ ผมสังเกตใบหน้ามันเล่น ก่อนจะทอดมองไปตามสายตาไปตามที่มันมองอยู่ในขณะนี้
คิ้วมันเลิกขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กๆ
“ก็มาทำตัวเป็นพระเอกไง”
ดูมัน มางี้กูไปต่อไม่ถูกเหอะ
ผมหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะคำพูดของมันที่เอามาย้อนผม
“ท่าจะบ้าว่ะ”
มันยิ้มให้ผมแล้วพูดเบาๆกับตัวเอง แต่ผมก็ได้ยิน “ใช่ บ้าไปแล้วจริงๆ”
“เอ้อ แล้วไม่มีงานทำรึไง คุณประธาน” ผมเปลี่ยนเรื่อง สงสัยว่ามันโดดมางี้ได้ไง แน่ล่ะว่าตอนนี้ต้องมีคนตามหาตัวมันอยู่บ้างไรบ้าง
“ก็มี”
“แล้วไม่ไปล่ะ หาเรื่องอู้อ่ะดิ”
“รู้อีก” มันตอบพร้อมแกล้งทำหน้าเซ็งๆ เหมือนถูกจับได้ ซึ่งนั่นทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว
ไอ้แซทหันมามองผมนั่งขำ แล้วหันกลับไปอมยิ้มกับตัวเอง มันนี่บ้าของแท้จริงๆ ไอ้ประธานคนนี้นี่
“อังร้องไห้ทำไม” เสียงของมันเบามาก ขนาดที่ว่าถ้าผมไม่ตั้งใจฟังดีๆ คงไม่ได้ยิน
“เสือกเหมือนพี่มึงเลย” ผมแขวะแล้วถองศอกเข้าที่แขนมันเต็มแรง ไอ้แซทสะดุ้งแล้วลูบแขนตัวเองป้อยๆ ด้วยความเจ็บ น้ำตาเล็ด สมน้ำหน้า ยุ่งดีนักนะมึง
“ก็ไม่มีไร แค่โดนสาวทิ้ง”
“ใครทิ้ง?” จะถามด้วยมั้ยว่าพ่อแม่เค้าชื่ออะไร ไอ้ห่านิ
“ไม่อยากพูดถึงว่ะ” ผมตัดบทมันทั้งอย่างนั้น ไม่อยากจะคิด ไม่อยากพูดถึงจริงๆครับเรื่องนี้ ไอ้แซทก็เงียบไปเลย ผมก็เงียบ คิดไรเรื่อยเปื่อยครับ
“ขอโทษนะอัง” เงียบอยู่ซักครู่ มันก็เอ่ยขอโทษผมก่อน
“ไม่ต้อง ไม่ได้โกรธเว้ย” บอกไปอย่างนั้น แต่มันยังทำหน้าเหมือนรู้สึกผิดอยู่ ไอ้บ้าแซท สาวๆ มึงรู้กูทำมึงหงอย มีหวังกูโดนจิกทึ้งแน่ๆ “มึงยิ้มเลยๆ กูไม่ได้อะไรเว้ย ชิวๆ โสดสบายจะตายห่า” ผมบอกแล้วพยายามยิ้ม ยักคิ้วให้มัน แสดงว่าผมชิวตามที่บอก
ไอ้แซทมีสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย มันยิ้มระบายที่มุมปากนิดๆ เออ เป็นหมาน้อยน่ารักขึ้นเยอะ
“ไม่คิดจะหาแฟนใหม่เหรออัง”
“ม่ายยยยยย อ่ะ ไม่มีอารมณ์จะดูแลใคร” ผมปฏิเสธส่ายหน้า แล้วยืดแขนบิดขี้เกียจอย่างหน่ายๆ หันหลังให้ด้านข้างของไอ้แซท แล้วเอนหลังพิงแขนมันอย่างถือวิสาสะ (แอบเจ็บนิดๆ ไหล่แม่งแหลมอ่ะ)
“ก็เปลี่ยนเป็นหาคนมาดูแลแทนดิ” ไม่รู้มันพูดจริงหรือพูดเล่น แล้วตอนพูดทำหน้าแบบไหน เพราะผมหันหลังให้มันอยู่
“มีก็ดีดิ แม่งเหนื่อยว่ะ” ผมบ่นตามประสา แล้วผงกหัวขึ้นลงโขกกับหัวด้านข้างไอ้แซทเล่นเบาๆ
คงดีเหมือนกันถ้ามีใครมาดูแลผมตอนนี้บ้าง ตอนคบกับเนย์ผมมีความสุขมากจริงๆ ไม่ว่าจะไปหา หรือเธอให้ทำอะไร ผมไม่เคยรู้สึกเหนื่อยในช่วงเวลาที่คบกันเลย แต่พอเลิกกัน ทำไมมันรู้สึกเหนื่อยจังนะ ทั้งๆ ที่ไม่ต้องคอยไปหา คอยโทรศัพท์คุยกัน และอีกมากมาย ไม่เข้าใจจริงๆ
“ผมไง... เอาป่ะ” ผมไม่รู้มันพูดจริง หรือแค่อยากจะปลอบใจกัน แต่เล่นแบบนี้ไม่ตลกนะสาด! ผมหันหน้าไปมองเจ้าของคำพูดแบบอยากรู้ว่ามันทำหน้ายังไงอยู่ ไอ้แซทกำลังยิ้มกว้าง จนตาแทบปิด
คิดว่าหล่อรึไงวะ มึงอ่ะ
“ดูแลให้ฟรี... ไม่คิดตังค์ สนใจมั้ย”
“กูแดกเยอะนะครับ” ไอ้ผมก็แกล้งรับมุขมันต่อ “ดูแลแล้วจ่ายเงินเดือนให้ด้วย ชิวๆ แค่เดือนละ ห้าหมื่น” ยิ้มเฟคแล้วชูห้านิ้วให้มันประกอบ ก่อนจะ ยักคิ้วกวนตีนให้มัน
“ขอมัดจำไว้ก่อนห้าบาทละกัน” ยังมีหน้ากวนตีนกูต่อ ไอ้นี่นิ! ผมถองศอกใส่ไอ้แซทอีกทีนึง ข้อหาปีนเกลียวผู้ใหญ่ไม่เลิก
“ไม่รู้ ไม่เอาเว้ย! กูไปดีกว่า” ผมโวยวายปัดรำคาญใส่มัน แล้วกระเด้งตัวลงจากโต๊ะ
เถียงกับมันไปมีหวังชาตินี้ไม่ได้จบกับพ่อเจ้าประคุณเค้าแน่! ชอบย้อนเหมือนพี่มันไม่ผิดเลยจริงๆ ดีกว่าหน่อยตรงที่ไม่ปากหมาเหมือนพี่มันน่ะ
ผมปัดกางเกงแล้วตั้งท่าจะเดินกลับหมวด แต่ไอ้คนที่คอยนั่งอยู่เป็นเพื่อนมันจะไม่ไปรึไงวะ ได้ข่าวมันเป็นประธาน คนตามหาตัววุ่นแล้วมั้ง
ผมหันกลับไปถามไอ้แซทที่นั่งเฉยๆ มองผมอยู่ “คิดจะอู้ทั้งวันเลยไงครับ คุณประธาน”
“อัง ตอบมาก่อนดิ เอาป่ะ จะดูแลให้”
นี่ มึงยังเล่นไม่เลิก?
ผมกลอกตาลงพื้นแล้วถอนหายใจ หมาบ้างอแงชัดๆ
“เออๆ ขอรับไปพิจารณาก่อนละกัน” พูดไปงั้นล่ะครับ ตัดความไอ้คนขี้ตื้อ แม่ง ตกลงมึงเล่นหรือเอาจริงวะเนี่ย
ช่างแม่งละ เอาไงต่อค่อยว่ากัน!
แต่แค่ผมบอกไปเท่านั้นล่ะ ไอ้คนทำตัวเหมือนเด็กก็โดดลงจากโต๊ะตามมายืนข้างผมทันที ที่สำคัญใบหน้าหล่อลากไส้ที่สาวๆ กรี๊ดกันกระจาย ยิ้มกว้างซะจนออร่าแทงลูกตาผมแทบบอด ยิ้มเชี่ยไรนักหนา เดี๋ยวจิ้มตาบอดเลยนี่!
ผมกับมันเดินเคียงกันมาที่ตึกกลาง ระหว่างทางก็คุยเล่นกันบ้าง ซึ่งผมจำไม่ได้แล้วว่าสนิทกับมันถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่รู้คือเพิ่งรู้จักกันจริงจังไม่นานมานี้เอง
“จะไปส่งกูที่หมวดเลยมั้ย” ผมประชดใส่มันที่เดินตามผมมาอยู่ ทั้งๆที่คนเดินผ่านไปมาก็เรียกตัวมันให้ไปช่วยเยอะแยะ ยังมาติดกูแจอยู่ได้
แต่ไอ้แซทยังมิวายกวนอวัยวะเบื้องล่าง พยักหน้าอย่างแข็งขันพร้อมโปรยยิ้มกลับมาให้ผม
เหนื่อยใจกับไอ้บ้านี้ชิบ!
“ไม่ต้องมาแบ๊ว ไปเลยมึงอ่ะ” ผมบอกพลางโบกมือไล่มัน “เดี๋ยวคนเค้าจะมาด่าว่ากูกั๊กตัวมึงไว้คนเดียว”
“คร๊าบ คร๊าบ องค์หญิง”
ตั้งแต่คำหลังออกมาจากปากมึง วินาทีนั้นมึงคือศัตรูกับกู ไอ้แซทเทอร์เดย์!!
“มึงอยากตายใช่มั้ย ไอ้แซท!”
ผมชี้หน้ามันอย่างโกรธๆ ที่โดนสบประมาท แมนทั้งแท่งแบบกูอ่ะนะ องค์หญิงพ่องว์! กูนี่เจ้าชายเท่านั้นเว้ย!
ส่วนมันก็ขำกุมท้องซะลั่น ผู้คนแถวนั้นก็เริ่มมองแล้วครับ อยู่กับแม่งแล้วเป็นเป้าสายตาจริงๆ เจ้าชายอังเซ็ง!
“ก็เห็นซันมันทำป้ายนี่นา แต่เหมาะดีนะ” อ๋อ! สาเหตุมาจากไอ้ป้ายเชี่ยๆ นั่นนี่เอง! ไอ้ซัน มึงนะมึง! ขอสั่งเก็บทั้งพี่ทั้งน้องเลยได้มั้ยเนี่ย สาด
“พอเลย กูรับไม่ได้”
“คร๊าบ องค์..... ชาย” มันลากเสียงยาวแกล้งผม พลางยิ้มขำๆ มีเลศนัย “งั้นผมไปก่อนนะ เรื่องเอิธเควกวันไหนเดี๋ยวโทรหาอีกที” พูดเสร็จมันก็โบกมือแล้วยิ้มให้ผมก่อนที่จะหันหลังเดินไป
พอมองไปรอบตัว ไม่ใช่แค่ผมที่กำลังมองมันอยู่ สาวๆ แถวนั้นก็มองกันเยอะครับ บางกลุ่มก็มองแล้วยิ้ม ซุบซิบกัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเธอก็ชื่นชอบไอ้แซทอยู่ไม่น้อย
ถรุย เนื้อหอมจริงนะมึง!
แล้วกูจะคิดเรื่องนี้ทำไมวะ?
ผมส่ายหัวไล่ความคิดไร้สาระออกไป ก่อนคิดที่จะกลับไปที่หมวดต่อ
“อัง”
เสียงหวานใสน่ารักดังมาจากทางด้านหลังผม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร...
ผมจำเสียงเธอได้เป็นอย่างดี..
“เนย์...”
ผมหันไปหาเนย์พร้อมยิ้มให้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นยิ้มแบบไหน เพราะตอนนี้การจะยกมุมปากขึ้นมันยากเหลือเกิน
หัวใจผมกำลังสั่น...
เนย์ยังน่ารักเหมือนเดิม วันนี้เธอมาในชุดนักเรียนคุ้นตา เธอยิ้มให้ผม แต่แววตาดูเศร้า ผมรู้ว่าเธอกำลังกังวล ส่วนตัวผมแข็งทื่อไปแล้ว และรู้สึกได้ว่ามือตัวเองเย็นเฉียบ
“เนย์เห็นอังพูดบนเวทีด้วย เท่มากเลยนะ เพื่อนเนย์ชมอังกันใหญ่” เธอพูดแล้วยิ้มบางๆ
“ขอบคุณครับ”
“อัง...”
อะไรอีก... เสียงแบบนี้
“ครับ?”
“หลังจากวันนั้น อังเป็นไงบ้าง?”
ผมยิ้ม.. แต่น้ำตาคลอ..
“ผมไม่เป็นอะไร”
ฉันไม่เป็นอะไร ร้องครวญครางบอกความในใจ
เสียน้ำตาคราวนี้ออกไป ฉันเสียใจ ยิ่งข่มอารมณ์ไม่ไหว
ฉันไม่เป็นอะไร รู้ตัวดีต้องทำยังไง
แม้น้ำตายิ่งห้ามยิ่งไหล ฉันรู้ แค่ไม่นาน ทุกๆอย่าง จะผ่านไป
----------------------------------------------------------------------------------------------+
มีใครคิดถึงเรื่องนี้มั่งมั้ยคะ?
หลังจากที่บอกว่าจะกลับมาเขียนต่อ ก็หายไปตั้งเดือนนึง
พยายามเขียนจนจบตอนนี้แล้วค่ะ จริงๆจะเสร็จตั้งแต่3-4วันที่แล้ว แล้วค่ะ
แต่คอมมาเสียซะก่อน อ่านแล้วเป็นยังไงบ้างช่วยบอกด้วยนะคะ หลังจากไม่เขียนมานาน
คิดถึงคนอ่านทุกคนค่ะ กำลังใจที่ทุกคนคอยให้ ส่งมาถึงทุกคนนะ
ยังไงนัตต้องขอบคุณทุกคนอีกครั้งค่ะ ที่ทำให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปได้
ช่วยรับอังกับแซทอยู่ในอ้อมใจ และเอ็นดูตัวละคนในเรื่องนี้ด้วยนะคะ
ตอนหน้าหลังวันที่ 13 นะคะ ขอตัวสอบจุฬาฯให้เสร็จก่อนนะคะ
แล้วเจอกันค่ะ
ความคิดเห็น