คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2
2.
ท่อนเพลงอคูลสติกเสียงใสดังขึ้นในเช้าตรู่ของวันเสาร์ มือเล็กควานหาไปตามเสียงโดยไม่พยายามแม้กระทั่งลืมตา เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนฟูฟ่องสยายแผ่ไปตามหมอนลายการ์ตูนแถมยังรุงรังพันกันเป็นกระจุก
“รู้แล้วๆ ใจเย็น โทรมาแต่เช้าฉันพึ่งได้นอนเองนะ ถ้าโทรผิดมาละน่าดู”หญิงสาวใต้ผ้าห่มบ่นด้วยน้ำเสียงงัวเงียสุดขีดคว้ามือถือรุ่นล้าสมัยขึ้นมาฝาพับที่ผ่านการใช้งานสะบุกสะบันถูกงัดขึ้นมาอย่างเบามือ……. เพราะเช้านี้เธอยังไม่พร้อมที่จะเสียเงินซ่อมไอ้เครื่องโกโรโกโสนี้หรอก เพราะเมื่อคืนอุตสาห์นั่งถ่างตาขายของที่มินิมาร์ทแทบตายกว่าจะได้เงินมาสำหรับค่าอาหารสองสามมื้อ
“ฮัลโหล…”
“ไฮ!เอ็มมี่เพื่อนรัก จำฉันได้ไหม…ซ่าร่าไง ที่เราเคยทำงานเป็นแคชเชียร์ในห้างบิ๊กมอร์ด้วยกัน”ปลายสายใช้โทนเสียงสูงๆต่ำๆจนน่าเวียนหัว
เอ็มม่านอนหลับตานึกสักครู่จนปรากฏภาพยัยอึ่ม อกภูเขาไฟกับบั้นท้ายดินระเบิด เธอไม่ได้คิดเองหรอกเป็นฉายาที่คนในห้างไว้เรียกขานลับหลังตอนซ่าร่าเดินชูคอไปทั่วราวกับนางพญาออกล่าเหยื่อ “เฮ้! ฉันจำได้แต่มีอะไรหรือเปล่าโทรมาแต่เช้า”
“ไม่มีอะไรหรอกเอ็มมี่ ฉันมีงานให้เธอทำเป็นงานนั่งโต๊ะ อาจเหนื่อยหน่อยแต่เงินดีมากเลยนะรู้ไหม ทำแค่วันเดียวเองได้เกือบหมื่น….”
”ห๊า! หมื่น” คนใต้ผ้าห่มได้ยินถึงกับโพลงเสียงดังดวงตากลมโตตื่นเต็มที่ เมื่อคิดถึงเงินก้อนนั้นวางอยู่ในอุ้งมือ คนขี้งกเกิดอาการสงสัยขึ้นมา…..งานอะไรทำวันเดียวได้ตั้งหมื่น
ดูเหมือนซ่าร่าจะรู้ถึงความลังเลของเพื่อนสาวจึงกล่าวสำทับไปว่า“แต่ถ้าเธอไม่สนใจก็ไม่เป็นไรหรอก…..บางทีฉันอาจจะเสนอให้หวังไปทำแทนขอโทษนะจ๊ะที่รบกวนแต่เช้า”
หวัง สาวเอเชียหน้าจืดปานเตาหู้ยี้ห้อดังผู้แข่งขันอันดับหนึ่ง สาวกลัทธิบูชาเงิน แค่คิดงานดีๆตกเป็นของยัยนั้นภายในอกก็แทบจะระเบิด “หยุด! ฉันตกลงจะรับงานนี้”เอ็มม่าตอบรับขณะที่ในหัวเต็มไปด้วยภาพเงินปลิวว่อนทั่วห้องแคบๆนี้
ปลายสายทำน้ำเสียงดีอกดีใจนัดแนะสถานที่โดยไม่ได้บอกชื่อร้าน เอ็มม่าเออออรับสมองหมุนติ้วๆคำนวณค่าใช้จ่ายเงินที่เธอสามรถซื้อเสบียงยังชีพอุดอู้จำศีลทำวิทยานิพนธ์ก่อนจบโทแค่คิดน้ำตาก็ไหลพรากอย่างเปี่ยมสุข
“เข้าใจแล้วใช่ไหมเอ็มมี่ที่ฉันบอกนะงั้นฉันขอตัวไปทำธุระก่อนนะ”
“ห๊า! อ่อ…เข้าใจแล้ว”
“ดีแล้ว งั้นฉันไปก่อนนะอย่าลืมไปให้ตรงเวลาด้วยละไปละ”
เดี่ยว!
“อะ อะ ไร…หรอ”ซ่าร่าสะดุ้งเสียงตะกุกตะกัก
“เธอหายไปไหนตั้งสามสี่เดือน อยู่ๆก็หายไปบอสรับสมัครพนักงานแทบไม่ทัน โกรธเธอมากทางที่ดีอย่าไปเดินแถวนั้นละไม่งั้นบอสแจ้งความจับเธอแน่”เอ็มม่ากำชับด้วยความเป็นห่วงอย่างน้อยก็เคยเป็นพนักงานร่วมเป็นรวมตายกันมา
“อ๋อ… ขอโทษทีพอดีฉันต้องรีบย้ายตามครอบครัวไปอยู่อีกเมืองนะเลยไม่ได้บอกใคร แค่นี้นะฉันรีบจริงๆ”จบประโยคก็รีบวางทันทีส่วนอีกคนกำลังอึ้งไม่ทันทักท้วง
“เอ้า! บทจะมาก็มาบทจะไปก็ไป แต่เออ…ยัยนั้นมีครอบครัวด้วยเหรอไหนว่าตายหมดแล้ว ช่างเถอะ”หญิงสาวในชุดนอนลายคริสตี้บิดตัวไปมาเตรียมพร้อมสู้กับงานใหม่
…..ทางนี้ แล้วก็เลี้ยวนี้ เลี้ยวอีกครั้ง ก็ถูกแล้วนี้แต่นี้เป็นผับนี้ไหนบอกงานนั่งโต๊ะ หรือเป็นแบบพนักงานบัญชีคิดเงินหรือเปล่า หญิงสาวในชุดกางเกงยีสต์เสื้อยืดคลุมทับด้วยเสื้อไหมพรมสีหวานเดินซอยเท้าเข้าไปในซอยมืดๆทีมีการ์ดสามสี่คน แต่ละคนร่างใหญ่ตัวเท่าหมียืนทำหน้าเข้มอยู่ที่ทางเข้าทำเอาเธออดขาสั่นไม่ได้
“เฮ้! ดีค่ะ ฉันมาทำงานที่นี้ตามคำแนะนำของซ่าร่า แต่ฉันจำนามสกุลเธอไม่ได้หรอกนะค่ะ”เอ็มม่าแหงนคอขึ้นไปถามชายร่างใหญ่กวาดตามองเธอหัวจรดเท้า
“ซ่าร่าบอกฉันแล้วตามฉันมา”เขาตอบเสียงกระด้าง
เอ็มม่าเดินตามชายในชุดสูทไปตามทางเดินแคบๆ เส้นทางสลับซับซ้อนทำเอาเธอชักไม่มั่นใจระคนหวาดกลัวจนมาถึงประตูสีแดงที่ทำจากเหล็กเขาเคาะเป็นจังหวะเหมือนรหัส ก่อนที่ประตูจะเปิดออกจากอีกด้านหนึ่ง แสงไฟสีส้มทำให้ข้างในมีสภาพ อึมครึม โต๊ะทำงานมันวาววางไว้ที่มุมหนึ่ง ฝาผนังประดับไปด้วยหัวของสัตว์นาๆชนิด
“นั่งก่อนสิสาวน้อย”ชายแก่ตัวใหญ่อ้วนแผละราวกับคางคกนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานพร้อมกับผายมือไปยังเก้าอี้ด้านตรงข้าม การ์ดสามสี่คนด้านหลังยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนไม่แม้กระทั่งได้ยินเสียงหายใจ …….นี้ฉันอยู่ในดงมาเฟียหรือไง
หญิงสาวคนเดียวในห้องทรุดนั่งอย่างไม่มั่นใจ ถ้าเป็นไปได้อยากจะวิ่งออกไปจากที่บ้าๆนี้ด้วยซ้ำอีกฝ่ายยิ้มกริ่มราวกับเจอของเล่นที่ถูกใจ เขาไม่เคยมองอะไรพลาด คนที่ทำงานในวงการด้านมืดถ้าพลาดเพียงอย่างเดียวที่รออยู่คือ……ความตาย และมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นกับเขาคนที่ได้ชื่อว่า…คาลอสโซ
“ยังไม่เคยสินะ”ชายแก่ถามเสียงกรุมกริมกวาดสายตาไปทั่วตัว….ชักอยากจะเปลี่ยนใจถ้าไม่บังเอิญวันนี้มีลูกค้าคนสำคัญที่มาพร้อมกับข้อเสนอบ้าบออะไรก็ไม่รู้ สาวบริสุทธิ์นะเหรอ ดีที่นังซ่าร่ามันคิดจะไถ่ตัวเองออกจากซ่องนี้ถึงกับเอาเพื่อนมาขาย
“ค่ะ..เคยทำงานมาแล้วค่ะ เป็นแคชเชียร์ที่ห้างมาค่ะรับรองว่าเรื่องเงินไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ”เอ็มม่าคุมเสียงไม่ให้สั่นก่อนตอบ…..ใครจะไปกล้าสู้ละ สู้ก็ตายลูกเดียว
“อะฮ้า..หึหึ ฉันคิดว่าซ่าร่าคงจะแนะนำคนที่มีความสามารถให้แน่นอน แต่เธอรู้ตัวไหมว่าตอนนี้เธอก็เหมือนเนื้อก้อนหนึ่งที่กำลังจะถูกขาย และแน่นอนถ้าเธอฉลาดพอจะรู้ว่ามันหมายความว่าอะไร”
“อะไรนะค่ะ..ขะ ขะ ขาย” หญิงสาวไม่ใช่คนโง่เมื่อนำคำพูดแฝงเลศนัยบวกกับสถานที่ประเภทนี้…. ให้ตายเถอะนี้ฉันโดนหลอกมาขายเหรอเนี้ย ยัยโง่เฮ้ย!
เอ็มม่าลุกพรวดเพื่อหาทางหนีแต่ถูกมือหยาบทางด้านหลังกดไหล่กระแทกลงจนกระดูกแทบหัก เธอทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดเพยายามเอี้ยวคอดูเจ้าของมือ กลายเป็นไอ้การ์ดคนที่พาเข้ามานั้นเอง
“เอาละ ถ้าเธอฉลาดพอเธอคงรู้ว่าควรทำยังไง การหนีไม่ใช่ทางออกที่ดีก้มหน้าทำงานไปสักสามสี่เดือนเดียวก็ชินไปเอง แล้วฉันก็ขอย้ำอีกครั้งถ้าเธอคิดหนี เพียงไม่กี่วันศพเธอจะลอยเล่นในน้ำเป็นเหยื่อให้พวกปลามันตอดกิน!”
“ไอ้เลว!!” เอ็มม่าสบถในขณะที่ถูกดันตัวขึ้นมือทั้งสองข้างอยู่ในลักษณะไพล่หลังไว้พร้อมกับพันธนะการด้วยเชือกเส้นเล็กที่คมราวกับใบมีด จนข้อมือเล็กปรากฏเลือดสีแดงข้นไหลไปตามแนวของบาดแผล
“ขอบคุณ ฉันชอบนะคำนั้นถ้าเป็นคนดีคงไม่ได้ฟังดูแลสาวสวยของเราดีๆละ เอาตัวไป!!”คาลอสโซพูดเยาะเย้ยมองดูเหยื่อรายใหม่ถูกกระชากตัวออกจากห้อง เขาดีดนิ้วดังๆ ชายร่างยักษ์ผิวดำด้านหลังก้าวข้ามาใกล้อย่างน้อมนอบ
“ประวัติหล่อนปลอดภัยไหม?”
“ครับ…เธอไม่ครอบครัว เรียนมหาลัยใกล้จบไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับท่าน”
“ดีๆๆ… แล้วแขกกลุ่มหลักของเราในวันนี้มีกลิ่นแปลกๆหรือเปล่า” ชายชราถามด้วยแววตาเหี้ยมเกรียมชายผิวดำค้อมศีรษะลง……ใครๆก็รู้เจ้านายของเขาไม่ชอบความผิดพลาดไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม แผ่นหลังภายใต้สูทชุ่มไปด้วยเหงื่อแห่งความหวาดกลัว และกลิ่นที่ว่าเป็นคำถามที่ถามถึงสายตำรวจคนในวงการมืดไม่เคยไว้ใจใครแม้กระทั่งเลขาที่ทำงานมาด้วยนับสิบปี
“กลุ่มที่เข้ามาใหม่ในวันนี้เป้าหมายส่วนใหญ่คือผู้หญิง ไม่เกี่ยวกับของครับ..ส่วนมากเป็นเจ้าของบริษัทที่เป็นเพื่อนกันมีอาจารย์สอนในมหาลัยอีกคน…”
“เดี่ยวแกว่าอาจารย์เหรอ”คาลอสโซถามแทรกความระแวงเริ่มก่อตัวราวกับพายุ
“เป็นอาจารย์ธรรมดาคนหนึ่ง ผมหาข้อมูลมาเรียบร้อยอยู่ในแฟ้มนี้ครับ”เลขารีบยืนแฟ้มสีดำให้ทันที
คาลอสโซพลิกอ่านทีละแผ่นอย่างใจเย็น จนไม่เจอจุดที่น่าสงสัย “หึ ไม่คิดว่าจะเจอคนประเภทนี้ ใครเป็นคนแนะนำกลุ่มนี้เข้ามา”
เลขาผิวดำลอบปาดเหงื่อก่อนตอบ”นากาซะ มาโนะ ลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่มาที่นี้บ่อยๆเป็นคนแนะนำครับท่าน”
“อ๋อ…นากาซะเหรอ ดีๆ ติดตามดูไอ้พวกกลุ่มใหม่ทุกฝีเก้าอย่าให้คลาดสายตา ถ้ามีอะไรน่าสงสัยฉันอนุญาตให้แจกลูกตะกั่วเบิกทางก่อนได้เลย ไปได้!”
“ครับท่าน”
“นั่งนิ่งๆทีเถอะ ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากทำไม่มีใครอยากทำหรอกแต่เพื่อความอยู่รอดเธอต้องอดทน” หญิงสาวในชุดน้อยชิ้นพูดเสียงอ่อนเมื่อเห็นคนที่ตนแต่งหน้าให้พยายามส่ายหน้าไปมาไม่ยอมให้แต่งดีๆ เดือดร้อนถึงการ์ดที่ยืนอยู่ข้างประตูเดินถมึงทึงเข้ามา
“เฮ้ หยุดเลยนะ แกคงไม่อยากให้คาลอสโซโกรธใช่ไหมแกก็รู้ว่าของมีตำหนิขายไม่ได้ราคา”หญิงสาวช่างแต่งหน้าพูดพร้อมกับเอาตัวมาบังขวางหน้าชายร่างใหญ่
พลั๊ก!
ร่างเจ้าเนื้อถูกผลักกระเด็นไปชนกระจก ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาชกที่ท้องน้อยของคนที่ถูกมัดไว้จนร่างเล็กงอตัวลงหน้านิ่วด้วยความเจ็บปวด
“อย่าทำให้ฉันเสียเวลา ไม่งั้นฉันจะซ้อมเธอจนตายคาเก้าอี้ เข้าใจไหม!!” ชายในชุดดำตะครอกเดินหลีกทางให้ช่างแต่หน้าคนเดิม
หญิงสาวพยักหน้าอย่างอ่อนแรงโก่งคอขย้อนอาหารเลอะเต็มพื้น ……เธอต้องไม่ตาย เธอต้องมีชีวิตรอด ความคิดนี้ดังก้องอยู่ในหัวนานนับชั่วโมง
ป้ายตัวหนังสือขนาดใหญ่บนประตูกระจกสีดำเต็มไปด้วยตัวหนังสือสะท้อนแสงจนกลายเป็นจุดเพ่งสายตาท่ามกลางกำแพงสีดำเข้ม การ์ดสามถึงสี่คนยืนคุมกลุ่มคนที่ยืนต่อแถวยาวเหยียด เสียงเส็งแซ่ดังไปทั่วเมื่อปรากฏรถลีมูซีนสีดำเงาวับเคลื่อนมาจอดเทียบฟุตบาทหน้าประตูคลับ การ์ดผละออกจากพื้นที่กุลีกุจอเปิดประตูให้ตามนโยบาย “ลูกค้าคือพระเจ้า” และยิ่งเป็นลูกค้าระดับวีไอพีที่ได้รับแจ้งมาเสียด้วย
ชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบกว่าก้าวลงมาจากรถเป็นคนแรก ผมสีบอร์นแกมเทาทำให้ใบหน้าเคร่งขรึมสว่างมากขึ้นเข้ากับชุดสูทสีดำเงา ข้างในเป็นเสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนปลดกระดุมออกง่ายๆแตกต่างจากอีกสี่คนที่ทยอยลงจากรถที่เน้นชุดสีสันมากกว่าคนแรก ชายในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำยืนนามบัตรสีทองให้กับชายหน้าประตู พวกเขาทั้งหมดได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีเดินผ่านเหล่าวัยรุ่นที่เต้นตามจังหวะดนตรีอย่างสนุกสนาน
หนึ่งในพนักงานดูแลร้านเดินนำพวกเขาไปตามทางเดินมืดสนิทเสียงเพลงด้านนอกกลายเป็นเสียงสะท้อนเบาๆบ่งบอกถึงระยะทางที่ผ่านมา สักพักเริ่มมีแสงไฟสีส้มนวลตาจนถึงประตูเหล็กขึ้นสนิมซึ่งดูภายนอกเหมือนประตูห้องเก็บของเสียด้วยซ้ำ
การ์ดตัวใหญ่สามคนเดินตามมาด้านหลังก่อนจะขอตรวจอาวุธ พวกเขาทำหน้าตาแตกตื่นจนเป็นที่น่าพอใจของคาลอสโซที่ดูผ่านจอมอนิเตอร์ในห้องทำงานพร้อมกับกดส่งสัญญาณให้ลูกน้องว่ากลุ่มนี้ “ผ่าน”
ความเป็นจริงพวกเขาเดินผ่านเครื่องตรวจจับอาวุธมาในความมืดเรียบร้อย แต่ที่แน่ๆคาลอสโซต้องการรู้ปฏิกิริยาของคนทั้งกลุ่ม
“ยินดีต้อนรับครับ”พนักงานกล่าวหลังจากผ่านการตรวจมาเรียบร้อย เขาผลักประตูให้ก้มตัวนอบน้อมจนน่าขบขัน
ห้องสีแดงอมชมพูอบอวลเต็มไปด้วยกลิ่นเย้ายวนชวนเคลิบเคลิ้มเหมือนจะผสมสารเสพติดแบบพิเศษ เสียงเพลงประกอบออกแนวลาตินเข้ากันดีกับสาวสวยที่นอนเอกเขนกบิดตัวไปมาในอ่างน้ำขนาดใหญ่ เคาเตอร์บาร์ถูกจับจองไปด้วยลูกค้าทั้งยังหนุ่มจนถึงแก่คละเคล้ากันไปใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขดวงตาดูล่องลอย
“แดนสวรรค์หรือนรกกันแน่”ชายหนุ่มผมบอร์นครุ่นคิด
“ที่นี้เรียกว่า “ฮาเร็ม” เป็นบริการอีกแห่งที่เราแนะนำเลยแต่ที่พวกท่านจะไปจะเป็นแบบส่วนตัวกว่านี้ครับ”พนักงานตัวสูงโย่งหน้าตกกระรีบผายมือไปอีกด้านหนึ่งด้วยใบหน้ายิ้มกริ่มกับลูกค้ากระเป๋าหนักหนึ่งในคณะผิวปากอย่างนึกคะนอง
บอกตรงๆเลยนะค่ะ ไรเตอร์คาดหวังมากว่าเรื่องนี้ต้องออกแนวน่ารักมุ้งมิ้งๆ แต่ไงเป็นอย่างนี้ก็ไม่ทราบ ดาร์กมาแต่ไกล…….ย้ำไว้ๆ เรื่องนี้ต้องสดใส หวานๆ
ความคิดเห็น