ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] K-POP LOVE จังหวะรัก ... ♥

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 2 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 55


    Chapter 2

     

     

     

    นักเรียนมากหน้าหลายตาต่างทยอยลงจากตัวอาคาร ทางด้านหน้าประตูโรงเรียน การจราจรติดขัดเป็นพิเศษเพราะเป็นเวลาเลิกเรียนของโรงเรียนมัธยมแทกุก แดซัง ผู้ปกครองมากมายต่างมารอรับนักเรียนและมีนักเรียนบางส่วนที่นำพาหนะมาเอง อย่างไรก็ตามความวุ่นวายเหล่านี้ไม่เป็นที่ต้องการของซองมินนัก

                อีทึกและซองมินถูกฮีชอลสั่งให้มารับเรียวอุคและนัดเจอกันที่มหาลัยของฮยอกแจหรือจะพูดให้ถูกก็เป็นมหาลัยของซองมินและดงเฮด้วยเพราะทั้งสองคนต่างเรียนมหาลัยเดียวกับฮยอกแจทั้งสิ้น

                ร่างอวบบีบแตรไล่รถคันข้างหน้าที่ไม่ยอมเคลื่อนสักที ขมุบขมิบด่าอย่างขัดใจ เมื่อรถคันข้างหน้าขยับซองมินก็ยังบ่นไม่เลิก ประตูโรงเรียนอยู่ไม่ไกลแต่เขากลับเลี้ยวเข้าไปไม่ได้เพราะปัญหารถติดที่หน้าหงุดหงิด

     ซองมินชักจะติดนิสัยใจร้อนมาจากฮีชอลแล้วนะ อีทึกเอ่ยดุๆ พลางมองหน้าสวย การที่ให้ซองมินขับรถเป็นความคิดที่ผิดมหันต์แต่เจ้าตัวบอกว่าอยากลองขับรถหรูๆ ของอีทึกบ้าง ด้วยความเป็นลีดเดอร์สุดแสนใจดีจึงยอมตกปากรับคำ

                 ดูคันข้างหน้าสิพี่อีทึก ไม่ยอมขยับไปไหนเลย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ซองมินโมโหได้ยังไงล่ะ ร่างอวบหันมาทำหน้าบูดพร้อมบีบแตรส่งให้รถคันข้างหน้าอีกที แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงเป่านกหวีดและมือที่ชี้มาทางรถของเขาจากตำรวจจราจร สิ่งนั้นถือเป็นการเอ่ยเตือนว่าหากไม่หยุดอาจจะโดนใบสั่งได้

                 เห็นไหม โดนคุณตำรวจเขาว่าจนได้ อีทึกเอ่ยตำหนิ

                ฮยองอ่า

                ชักจะเหมือนฮีชอลเข้าไปทุกวันแล้วนะเรา อีทึกส่ายหน้าซองมินยิ้มแหย เขาเนี่ยนะจะเหมือนพี่ฮีชอล ไม่มีทางหรอก คิม ฮีชอล ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร

                รถเริ่มเคลื่อนตัวเมื่อมาถึงหน้าประตูโรงเรียนซองมินหักเลี้ยวเข้าโรงเรียนไปจอดส่วนที่เป็นโรงจอดรถของโรงเรียน ร่างอวบลงจากรถพร้อมกับอีทึกและเดินไปยังอาคารเรียนของเรียวอุคโดยที่ไม่ลืมใส่แว่นกันแดดสีดำอันใหญ่ปิดบังใบหน้า

                พอเดินมาถึงหน้าอาคารก็เจอร่างเล็กของเรียวอุคยืนรออยู่แล้ว ร่างเล็กมองเห็นซองมินและอีทึกจึงเดินเข้ามาหา ความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้มาคอยรับส่งกันอย่างนี้ทุกวัน จะเป็นเฉพาะช่วงที่สมาชิกว่างและอยากมีเวลาร่วมกันเท่านั้น และหากฮีชอลไม่โทรนัดเรียวอุคไว้ก่อนเจ้าตัวคงเดินกลับบ้านเหมือนทุกครั้ง

                วันนี้เรียนเป็นไงบ้าง อีทึกรับกระเป๋าเป้สีดำของเรียวอุคมาถือเพราะดูเหมือนน้องเล็กของวงจะเหนื่อยเป็นพิเศษ เรียวอุคมองหน้าอีทึกแวบหนึ่ง

                เหมือนเดิมครับ

                นายช่วยพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เลยหรือไงนะ ซองมินเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่ไหนแต่ไรเรียวอุคก็เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าหยิ่งแต่ความจริงแล้วเด็กคนนี้เป็นคนอบอุ่น เหล่าสมาชิกต่างสัมผัสได้จากการกระทำและคำพูด ถึงแม้แววตานั้นจะแฝงความเศร้าไว้ตลอดเวลาก็ตาม...

                เอาเถอะรีบไปกันดีกว่า เดี๋ยวฮีชอลจะบ่นเอาอีก

                รายนั้นบ่นประจำอยู่แล้วครับ

    ซองมินยู่หน้านึกถึงพี่ใหญ่อีกคนที่วันๆ เอาแต่วีนเหวี่ยงแล้วก็สั่งๆๆๆ ไม่เห็นตัวเองจะทำอะไร แต่ก็ค้านไม่ได้ เพราะถ้าค้านขึ้นมาศพอาจจะไม่สวย..

     

     

     

     

                กว่าจะมาได้นะ ฮีชอลแขวะสมาชิกสามคนที่เพิ่งมาถึง ฮยอกแจที่มาถึงนานแล้วพยักหน้าให้เรียวอุคเป็นเชิงทักทาย

                รถมันติดน่ะพี่ ซองมินนั่งลงข้างดงเฮขณะที่อีทึกและเรียวอุคนั่งลงข้างฮีชอล

                 ถ้านายขับดีๆ แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว

                 ผมไม่ได้ผิดนะ

                แก๊สโซฮอลด์ผิดงั้นสิ

                พอเลย เถียงกันเรื่องแค่นี้เนี่ยนะอีทึกส่ายหน้า แค่เรื่องงานในแต่ละวันเขาก็ปวดหัวมากพอแล้ว ไหนจะเรื่องที่สมาชิกชอบกัดกันเองอีก อีทึกละกลุ้ม ชอบทะเลาะกันเรื่องไม่เป็นเรื่อง ถ้าเขาไม่ได้เป็นลีดเดอร์พวกนี้คงได้กัดกันตายไปนานแล้ว โชคดีที่เป็นช่วงพักร้อนสามเดือนทำให้เขาไม่ต้องปวดหัวมาก แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ ถ้าหาก White sonata กลับไปทำงาน เขาอาจได้ปวดไมเกรนมากกว่านี้

                ดงเฮได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วจึงค่อยๆ ลุกขึ้นขยี้ตาเหมือนเด็กๆ เด็กหนุ่มเห็นเรียวอุคจึงยิ้มทักทาย

                วันนี้เราจะไปผับกัน ไหนๆ ก็นัดเจอกันแล้ว อีกไม่นานพวกเราก็ต้องกลับไปทำงานฮีชอลเอ่ยขึ้น

                แต่พี่ก็รู้ว่าผมกับฮยอกแจแล้วก็เรียวอุคไม่ชอบสถานที่แบบนั้นสักเท่าไหร่ ดงเฮเอ่ยหนักใจถึงจะอยากใช้เวลาอยู่กับสมาชิกแต่สถานที่แบบนั้นมันไม่เหมาะกับเขานัก

                นายจะไม่ไปงั้นหรอ

                พวกผมยังเด็กมาก ไม่เหมาะกับสถานที่แบบนั้นหรอก

                พวกนายไม่รู้จักหาความสุขใส่ตัวเอาซะเลย ตามใจ ฉันจะไปกับพี่อีทึกแล้วก็ซองมินก็แล้วกัน ซองมินน้องนายกลับบ้านเองได้ใช่ไหม

                ประโยคหลังหันไปถามซองมินเพราะปกติซองมินจะเป็นคนมารับฮยอกแจกลับหอเสมอ ซองมินมองฮยอกแจ แฝดน้องพยักหน้าให้ทีหนึ่ง ซองมินจึงตอบตกลง

                ความจริงแล้วฮยอกแจรู้ว่าแฝดพี่ต้องการผ่อนคลายบ้างถึงแม้จะเป็นเวลาพักงานแต่การดูแลเขามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไหนจะค่าใช้จ่ายซึ่งอาจถูกมองเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับไอดอลแต่ค่าเช่าหอ ค่าอาหาร ค่าอุปกรณ์การเรียน สำหรับแฝดสองคนเงินจากการเป็นศิลปินไม่ใช่ว่าจะเลี้ยงชีวิตได้ทั้งหมด

    ซองมินและฮยอกแจต้องช่วยกันประหยัดและมักทำตัวติดดินเสมอ ถึงแม้เงินส่วนมากจะหายไปกับการปรนเปรอผู้หญิงของซองมินก็เถอะ แต่ฮยอกแจก็เข้าใจบาดแผลในใจของพี่ชาย ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ ...

     

                งั้นก็คงไม่มีปัญหา ฝากนายไปส่งเรียวอุคด้วยนะดงเฮ ฮีชอลสั่งเสร็จสรรพลุกขึ้นและเดินนำไปยังรถของตนเอง

                กลับบ้านระวังตัวด้วยแหละ ตัวแสบ ก่อนที่จะเดินตามฮีชอลไปซองมินหันมายักคิ้วให้น้องชายพลางมองปฏิกิริยาหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายแล้วอมยิ้ม

                ก็ได้ๆ ไม่เรียกแบบนั้นแล้ว กลับบ้านดีๆ ล่ะ ฉันกลับไปอย่าให้เห็นนะว่าไม่อยู่หอซองมินกำชับอย่างไม่จริงจังนักเพราะรู้ว่ายังไงฮยอกแจไม่ใช่คนเถลไถลและไม่ชอบที่คนเยอะๆ พลอยให้คนเป็นพี่อย่างเขาวางใจได้

                ครับ ฮยอกแจรับคำ

                งั้นฉันจะไปส่งเรียวอุคก่อน ขอโทษนะ นายเลยมากินแห้วเลยประโยคหลังหันไปพูดกับร่างเล็กที่ยืนเงียบๆ ไม่พูดไม่จา เรียวอุคพยักหน้า ดงเฮจึงเดินนำไปที่รถ

                ไม่ใช่ว่าดงเฮไม่อยากไปส่งฮยอกแจที่หอแต่อาจตกเป็นข่าวได้เพราะสื่อรู้เพียงว่าฮยอกแจเป็นน้องซองมิน ไม่มีใครรู้ว่าอันริวสตาร์เป็นคนเดียวกับฮยอกแจนอกจากสมาชิกและฮงกี การที่จะทำตัวสนิทสนมกับฮยอกแจอาจเกิดเป็นที่สงสัย อีกทั้งทางกลับบ้านของดงเฮและฮยอกแจก็อยู่คนละฟากเมือง สมาชิกทุกคนจึงจำเป็นที่จะต้องให้ฮยอกแจเดินกลับบ้านเองหรือให้ซองมินมารับเท่านั้น

                ความจริงเรื่องไปผับดงเฮอยากจะแย้งตั้งแต่ฮีชอลขอฮงกีแล้ว แต่เขาต้องการให้สมาชิกอยู่กันครบก่อน ดงเฮรู้ว่าฮยอกแจและเรียวอุคไม่พิสมัยสถานที่บันเทิงเริงรมย์นักแต่พวกเขาไม่เคยออกความเห็นจึงเป็นดงเฮที่คอยเอ่ยแทนอยู่เสมอ เรียกง่ายๆ ว่าดงเฮรู้ใจฮยอกแจและเรียวอุคที่สุด

                หลายครั้งที่เหมือนดงเฮแสดงความคิดเห็นอยู่คนเดียวและไม่ถามความเห็นคนอื่นก่อน แต่ที่จริงมันไม่ใช่ ดงเฮเป็นคนมองคนเก่งและมักจะคอยช่วยเหลือคนอื่นเสมอ

                เรียวอุค วันนี้การบ้านเยอะไหมร่างบางถามไปอย่างนั้นเพราะยังไงสำหรับเด็กมัธยมปลายที่กำลังจะเอ็นเข้ามหาลัยมีที่ไหนบ้างที่จะงานไม่เยอะ บางคนถึงกับหัวปั่นไม่มีเวลากินข้าวเลยทีเดียว น่าแปลกที่เรียวอุคไม่เป็นอย่างนั้นแถมไม่เคยบ่นเสียด้วย

                ไม่เยอะครับ

                ม.6 แล้วนะ อย่าโกหกไปหน่อยเลย

                ไม่เยอะครับ ร่างเล็กเอ่ยคำเดิม ดงเฮถอนหายใจขณะหักเลี้ยวเข้าจอดหน้าบ้านเรียวอุค ลงจากรถอ้อมไปเปิดประตูให้เรียวอุค ร่างเล็กก้าวลงมา โค้งให้ร่างบางเล็กน้อย

                ยังไงก็ดูแลสุขภาพด้วยล่ะ ใกล้จะสอบเข้ามหาลัยแล้วนี่

                ครับ เรียวอุครับคำขณะไขกุญแจบ้าน ดงเฮยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวกลับและสตาร์ถรถขับออกไป

                มือเล็กที่กำลังไขประตูชะงักกึกเมื่อหันไปมองบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ติดกับบ้านของตัวเอง บ้านหลังนั้นดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่มานานแล้ว ตัวบ้านดูเก่าไปตามสภาพกาลเวลา โพรงหญ้าขึ้นรก รั้วมีเถาวัลย์ขึ้นหนาแน่น เรียวอุคหลุบตาลงแวบหนึ่งก่อนจะไขกุญแจบ้านและไม่หันไปมองบ้านหลังนั้นอีกเลย

                จังหวะที่ขาเล็กก้าวข้ามประตู มือหนึ่งฉุดข้อมือเล็กอย่างแรงจนเรียวอุคเซถอยหลังปะทะอกกว้างของใครคนหนึ่ง พวงกุญแจปลิวตกพร้อมกับดวงตาเล็กที่เบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นคนๆ นั้นชัดเจน

                ไม่เจอกันนาน เปลี่ยนไปเยอะนะ เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมือหนากระชับเอวบางให้เข้าใกล้มากขึ้น ร่างเล็กสะบัดตัวหนี

                ปล่อยผม!” เสียงตวาดที่เรียวอุคไม่คิดว่ามันจะหลุดรอดออกมาจากปากตัวเองอีก กลับพูดออกมาให้คนๆ นี้ คนที่ทำร้ายชีวิตเขา ทำร้ายความเป็นตัวตนของเขา!

                ไม่ ฉันเจอนายแล้ว ไม่ปล่อยให้หลุดมือไปหรอก เยซองกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น กระซิบแผ่วเบาจนอีกคนสั่นระริก

                ปล่อย เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ปล่อยนะ ปล่อยสิ!” เรียวอุคตวาดมือบางพยายามผลักอกกว้างเต็มที่แต่กลับไม่กระทบกระเทือนอีกคนเลยสักนิด

                ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเปลี่ยนตัวเอง เขากลายเป็นคนใหม่ที่ไม่ต้องคอยรักใคร แคร์ใคร เพื่อพิสูจน์ว่าเขาอยู่ตัวคนเดียวได้ ไม่จำเป็นต้องคอยให้ใครมาดูแล! ไม่เคยร้องขอความสงสารเห็นใจจากใครเพราะคนๆ นี้ คนที่ทำลายตัวตนของเขาไป

                ตัวเล็ก ผอม สวย เปลี่ยนไปจากสิบเอ็ดปีก่อนมากเลยกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากคนตัวเล็กที่ห่างหายไปนานและไม่คิดว่าจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เป็นสิบปีที่เยซองคิดถึงแต่ร่างเล็กตรงหน้า เขาบอกกับตัวเองว่าจะต้องกลับมาเพื่อสานต่อเรื่องราวให้จบ เขาจะไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กหลุดมือไปอีก

                เยซองถ้าคุณไม่ปล่อยผม ผมจะเกลียดคุณไปตลอดชีวิต คำพูดนั้นทำเอาหัวใจของร่างสูงกว่าหล่นวูบแต่ถึงอย่างนั้นอ้อมแขนแกร่งกลับกระชับแน่นขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ต้องการให้เรียวอุคเกลียดแต่ก็ไม่ต้องการปล่อยคนตรงหน้าไปอีกแล้ว

                ฉันปล่อยนายไปไม่ได้

                เรื่องนั้นมันจบไปนานแล้ว เลิกเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตผมสักที เรียวอุคหยุดดิ้นเอ่ยเสียงเย็นชา พยายามสงบสติอารมณ์ให้มากที่สุด

                ระหว่างนั้นรถแลมโบกีนี่สีดำเลี้ยวเข้ามาจอดใกล้ๆ กับคนทั้งสอง เรียวอุคเบิกตากว้างอีกครั้งอาศัยจังหวะที่เยซองงุนงงผลักอีกคนออกและวิ่งไปที่รถ

                เกิดอะไรขึ้นเรียวอุค... นาย..เยซอง Black sonata นี่ ดงเฮเปิดประตูรถออกมาเรียวอุคที่วิ่งมาหาเขา ดงเฮเหลือบมองร่างสูงที่ยืนนิ่ง

                วันนี้ฉันจะกลับก่อนยังไงเราก็ต้องเจอกันที่บริษัท ฉันจะพิสูจน์ให้นายดูว่าฉันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันพร้อมที่จะดูแลนายถึงตอนนั้นฉันจะ..

                หุบปากซะ!”

                เป็นดงเฮที่ตกใจกับน้ำเสียงนั้น เขาไม่เคยเห็นเรียวอุคโกรธใครหรือตะคอกใครแม้แต่น้อย ร่างเล็กมีเพียงใบหน้าเรียบนิ่งที่แสดงออกในแต่ละวัน

    เรียวอุคต่างจากฮยอกแจ ฮยอกแจนิ่งเงียบมาดขรึมในแบบคนรักสงบแต่เรียวอุคเงียบขรึมในแบบคนมีปมฝังลึก ดงเฮรู้สึกได้ผ่านสายตาคู่นั้น ดวงตาที่หาความสุขไม่เจอ..

    ถ้านายยังไม่อยากให้ฉันเกลียดไปมากกว่านี้ก็ออกไปจากชีวิตฉันซะ!”

    ฉันทำไม่ได้หรอก สักวันนายจะรู้ว่าฉันไม่เคยหลอกนาย แล้วเจอกันเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยน ยิ้มที่ร่างเล็กไม่เคยได้มันในอดีต ไม่เคยได้สัมผัสมัน เรียวอุคเกลียดมัน เกลียดทุกอย่างที่ก่อเกิดเป็นคนที่ชื่อเยซอง

    ร่างสูงหันหลังกลับไปขึ้นรถสตาร์ถรถและออกไป ดงเฮมองตามผิดกับเรียวอุคที่หันหลังจะเดินเข้าบ้านโดยไม่เอ่ยอะไรมีเพียงมือเล็กที่กำแน่นเท่านั้น

    เรียวอุคนายลืมเป้ดงเฮโยนเป้ให้เรียวอุคก่อนจะกอดอกมองน้องเล็กของวงหน้านิ่ง นายมีอะไรจะบอกพี่ไหม

    ไม่ครับ

    แน่นะ

    ครับ

    ดงเฮถอนหายใจยาวก่อนจะโบกมือว่าไม่เป็นอะไรและหันหลังขึ้นรถและขับออกไปอีกคน เรียวอุคมองตามหลังรถคันสวยที่ขับออกไปแล้ว ปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว น้ำใสๆ รื้นที่ขอบตา หยดน้ำตาไหลออกมาก่อนเจ้าตัวจะปาดมันทิ้งและตีหน้านิ่งตามเดิม

     

     

     

     

     

    ผับ Seoul ย่านคังนัม

               

                เสียงดนตรีดังอึกทึกพร้อมแสงสีมากมาย ผู้คนที่ออกมาบดเบียดกันเต้นอย่างเมามันส์ใจกลางฟรอส์หรือตามโต๊ะตามบาร์ต่างๆ ช่วงดึกพ้นสองทุ่มช่วยเพิ่มผู้คนให้สถานที่แห่งนี้มากโข โต๊ะวีไอพีมุมในสุดถูกจับจองด้วยร่างบางสามคน พวกเขาคุยกันสนุกสนานพร้อมจิบแอลกอฮอลล์อย่างเพลิดเพลิน แต่หนึ่งในนั้นลอบส่งสายตาให้ผู้หญิงที่เดินผ่านไปผ่านมามากกว่าการนั่งดื่มของมึนเมาเสียอีก

                มัวแต่เหล่หญิง ฉันไม่สั่งไฮเนเก้นเพิ่มให้นะเว้ย ฮีชอลเอ่ยเสียงหงุดหงิดพลางกระดกแก้วขึ้นดื่มอีกรอบ ลีทึกหัวเราะเบาๆ ขณะจิบเบียร์มองซองมินที่เหล่หญิงตาละห้อยเพราะฮีชอลไม่อนุญาตให้ออกไปจีบ

                ถึงแม้ลีทึกจะมีภาพพจน์เป็นถึงลีดเดอร์ผู้แสนดีแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาหารและเครื่องดื่มจะต้องดีไปด้วย เขาก็เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไปที่กินเหล้า กินเบียร์ แต่ก็ยังคงความเป็นคนแสนดีโดยการไม่สูบบุหรี่หรือเที่ยวหญิงเหมือนซองมินล่ะนะ

                ผู้หญิงเป็นศิลปะของโลก ผู้ชายส่วนใหญ่ชื่นชมศิลปะ ร่างอวบไม่ได้หันมามองสายตายังคงจดจ้องอยู่กับสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ในชุดเดรสสีแดงที่เพิ่งส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้เขาและเดินผ่านไป

                โอ๊ย จะออกไปม่อก็ไปเลยไปแต่เที่ยงคืนเมื่อไหร่มาหาฉันที่นี่ไม่งั้นจะทิ้งไว้ผับให้คลานกลับบ้านเอง

                ผมไม่ได้เมาไม่คลานกลับหรอกน่า

                ฉันจะทำให้นายคลานกลับไง

                โอเคครับ เที่ยงคืนก็เที่ยงคืน

                ซองมินยิ้มแหยก่อนจะรีบออกไปปล่อยให้ฮีชอลมองตามด้วยความหงุดหงิด หวังว่าจะพาสมาชิกมาเที่ยวให้ครบ มีเวลาอยู่ด้วยกันแล้วทั้งที แต่นี่อะไร! กระจัดกระจายกันกลับบ้านบ้างล่ะ ม่อหญิงบ้างล่ะ เหลือเขากับพี่ลีทึกสองคนเนี่ยนะ!

                เอาน่า ยังไงก็ถือว่ามาเที่ยวก่อนกลับไปทำงานแล้วกันนะลีทึกเห็นฮีชอลชักหงุดหงิดเลยอดปลอบใจไม่ได้

                ถึงฮีชอลจะเป็นคนอารมณ์ร้ายวีนเหวี่ยงเก่งแค่ไหนแต่เขาก็รักวงและสมาชิกวงทุกคน เวลามีข่าวซุบซิบนินทาที่ไม่เป็นจริงเกี่ยวกับสมาชิกหรือข่าวเสียหายฮีชอลก็จะเป็นคนออกรับแทนเสมอ

                ผมก็แค่อยากให้พวกเราได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน

                ฉันรู้ทุกคนก็รู้แต่สถานที่นี้มันไม่เหมาะจริงๆ นี่นา

                คราวนี้ผมผิดก็ได้ เหอะร่างบางกระดกแก้วเบียร์ก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทาง อีทึกอมยิ้มเอ็นดูเสมองไปทางอื่นดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบตัว นานแล้วที่ไม่ได้มาเที่ยวที่แบบนี้ ตั้งแต่จบม.6ก็ไม่ค่อยได้มาสถานบันเทิงแบบนี้นัก เขามักจะคิดว่ามันเสียเวลาเปล่าในการมาเที่ยวแต่ก็ดูเป็นการผ่อนคลายที่ดี

     

     

     

                ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับแล้วเราค่อยไปสนุกกัน ซองมินยิ้มเจ้าชู้ ไล้นิ้วตามแก้วขาวของหญิงสาวหุ่นเซ็กซี่ในชุดเดรสสีแดงที่เขาเพิ่งขอควงเมื่อไม่กี่นาทีก่อน หญิงสาวยิ้มยั่วก่อนจะให้ขาอ่อนดุนดันหว่างขาของอีกฝ่าย

                เร็วๆ นะคะ ริสซี่อดใจรอไม่ไหวแล้ว

                ซองมินแตะนิ้วชี้ที่ริมฝีปากอีกฝ่ายผิวปากเบาๆ ยิ้มละลายก่อนจะผละตัวออกมาเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ในใจรู้สึกมีความสุขเต็มที่ที่วันนี้จะได้ฟันสาวอีกรายโดยไม่ต้องเสียเวลาหานาน

                ดูนาฬิกาข้อมือก็ปาไปสี่ทุ่มสิบนาทีแต่ถึงจะมีเวลาแค่เที่ยงคืนคนอย่าง อีซองมิน ใช้เวลาแค่ไม่ถึงห้าทุ่มก็เสร็จภารกิจได้แล้ว เจ้าตัวยิ้มกรุ่มกริ่มกับความคิดขณะก้าวเข้าไปในห้องน้ำชาย

                ทำไมห้องน้ำไม่มีคนเลยล่ะเนี่ย ซองมินมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครเลยนอกจากตนเอง

                ซองมิน ร่างอวบหันไปตามเสียงเรียกไม่ทันที่จะได้เห็นใบหน้าของคนขานชื่อตนเอง คนๆ นั้นพุ่งเข้ามาผลักเขากระแทกกับขอบอ่างล้างมือ ซองมินครางในลำคอด้วยความเจ็บ สบถเสียงเบาก่อนจะค่อยๆเงยหน้ามองคนประทุษร้าย

                เขาถึงกับงงแตกเมื่อเขาเห็นชายตรงหน้าชัดเจน หน้าตาไม่คุ้นเลยสักนิดแต่ใบหน้าหล่อคมนั่นทำเอาซองมินเผลอจ้องนานหลายวินาทีเหมือนกัน ชายหนุ่มแปลกหน้ากระตุกยิ้ม เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้เขาจนซองมินต้องหดคอและทำตัวลีบกับขอบอ่างมากขึ้น

                คุณเป็นใคร

                ร่างสูงชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำถามแต่แล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นมาด้วยนึกชอบใจ ซองมินพยายามนึกชื่อคนตรงหน้าแต่ก็นึกไม่ออก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปพบเจอกับคนๆ นี้ที่ไหนและตอนไหน ใบหน้าหวานเพ่งพินิจใบหน้าคมจนอีกฝ่ายแทบจะหลุดขำ

     

    จริงสินะ ก็ตอนนั้นมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์จนลืมสังเกตคนรอบข้างแล้วจะไปจำเขาได้ยังไง ~

     

    คยูฮยอนเบียดกายเข้าหามากขึ้นจนซองมินต้องขยับหนีชิดขอบอ่างและไม่สามารถขยับไปไหนได้ ร่างอวบอ้าปากจะถามอีกครั้งแต่อีกคนกลับบดเบียดริมฝีปากลงมารวดเร็ว ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อร่างสูงอาศัยจังหวะที่เขาอ้าปากสอดลิ้นเข้าหาลิ้มรสความหวานจากกลีบปากนุ่ม ร่างสูงจูบหนักๆ พร้อมขบริมฝีปากอิ่มจนบวมช้ำ กวาดลิ้นลุกล้ำจนซองมินที่ยืนนิ่งตกใจได้สติและพยายามดันอีกคนออก ปากอิ่มพยายามปิดกั้นการรุกรานจากลิ้นหนา

                ซองมินหอบหายใจทุกอกอีกคนเมื่อตัวเองเริ่มหายใจไม่ออกคยูฮยอนจึงยอมผละออกพร้อมเลียริมฝีปาก ซองมินหอบอากาศเข้าปอดเอนตัวพิงอ่างล้างมือเมื่อค่อยยังชั่วแล้วก็ตวัดสายตามองร่างสูงที่ยืนยิ้มไม่รู้สึกรู้สา            

                แก...ไอ้..

                อ๊ะๆ ถ้าพูดอะไรไม่เข้าหูผม ระวังผมจะปิดปากด้วยปากผมอีกรอบนะ

                คำพูดนั้นทำเอาร่างอวบปิดปากฉับไม่หลุดคำพูดออกมาสักคำมีแต่สายตาอาฆาตส่งไปให้อีกฝ่ายเท่านั้น ร่างสูงก้าวเข้ามาชิดร่างอวบอีกครั้งจนซองมินต้องขยับหนีอีกรอบ

                ผม โจวคยูฮยอน Black Sonata ยินดีที่ได้รู้จักครับ หวังว่าเราจะพบกันในอีกไม่นานนี้

                ร่างสูงเอ่ยเสียงกระซิบซองมินตัวแข็งทื่อเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร Black sonata วงใหม่นั่นน่ะหรอ แต่เขาไม่เคยเห็นหน้าคนๆ นี้เลยนี่นา นึกย้อนกลับไปตอนเขาแนะนำสมาชิกกันตัวเองก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์

                ซองมินแทบจะบ้าเมื่ออีกคนก้มกระซิบด้วยความชอบใจจนเขากำหมดแน่นด้วยความโมโห

                จูบเมื่อกี้หวานดี ผู้ชายที่เสียจูบให้ผู้ชายด้วยกันอย่างคุณไม่เหมาะจะเป็นผู้ชายหรอกครับ

                นะ...นาย!”

                เรายังต้องเจอกันอีกนาน ระวังตัวไว้ก็ดีนะครับ

                เลื่อนใบหน้าห่างออกพร้อมเดินล้วงกระเป๋ากางเกงออกไปด้วยรอยยิ้มปล่อยให้ร่างอวบยืนอ้าปากค้างกับความหน้าด้านหน้าทนของฝ่ายนั้น

                เมื่อกี้หมอนั่นบอกยินดีที่ได้รู้จัก ... แต่เขาไม่อยากรู้จักเลยสักนิด!

     

     

                คาสโนว่าอย่างผมต้องจูบกับผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชายอย่างหมอนั่นสิ TOT



    หลังจากที่ดงเฮแยกกับเรียวอุคเขาก็รีบโทรจองร้านอาหารทันที ความจริงร่างบางสัญญาว่าจะกลับไปทานข้าวเย็นกับแม่แต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายเข้ารุมเร้าเสียจนเขาต้องโทรบอกมารดาว่าให้ทานข้าวได้เลยไม่ต้องรอ

                ดงเฮมักจะออกมากินข้าวเย็นนอกบ้านบ่อยครั้งทำให้เขามีร้านประจำอยู่หลายที่ คิดว่าวันนี้จะไปภัตตาคารที่ใกล้บริษัทที่สุดเพราะท้องไส้เริ่มโอดครวญประกอบกับเมื่อกินเสร็จจะได้เข้าซ้อมเต้นสำหรับเพลงคัมแบ็คที่จะปล่อยออกมาในเดือนหน้า

                ร่างบางจอดรถไว้ที่ลานจอดรถพร้อมผิวปากเดินแกว่งกุญแจอย่างอารมณ์ดีเมื่อรู้ว่าอีกไม่นานตนเองจะได้กินอาหารรสถูกปากเสียที  พนักงานต้อนรับยิ้มให้พร้อมผลักประตูเข้าไปด้านใน หยิบวิทยุสื่อสารโทรแจ้งพนักงานอีกคนที่เป็นคนรับสายโทรศัพท์ของดงเฮที่โทรเข้ามาจองโต๊ะอาหาร ยืนรอไม่นานนักพนักงานคนนั้นเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักพร้อมรายงานเสียงเบา

                ขะ..ขอโทษจริงๆ ครับ คุณดงเฮ โต๊ะที่คุณสั่งจองมีคนจองไว้ล่วงหน้าแล้วครับ

                ร่างบางขมวดคิ้ว ตอนโทรมาจองก็ยังบอกว่าว่าง เมื่อเขาจองแล้วก็ต้องมีป้ายติดไว้ว่าจองไม่ให้คนอื่นนั่งสิ

                ฉันโทรมาจองแล้ว จะมีคนอื่นจองก่อนฉันได้ยังไง

                คือว่า...ตอนคุณดงเฮโทรเข้ามา มีแขกอีกท่านโทรจองพร้อมคุณดงเฮครับ เวลาเดียวกัน โต๊ะเดียวกัน มุมVIPเหมือนกัน ซึ่งพนักงานอีกคนเป็นคนรับสายทำให้คิวมันชนกันน่ะครับ ผมไม่สามารถเช็กได้ทันจริงๆ ว่ามีแขกอีกท่านโทรมาจองเช่นกัน ขอโทษจริงๆ ครับ

                โทรมาจองเวลาเดียวกับฉันทำให้ตอบตกลงไปทั้งสองคนสินะ

                ครับ

                ดงเฮถอนหายใจพร้อมเอ่ยบอกไม่เป็นไรและหาโต๊ะใหม่ให้ตนเองด้วยแต่พนักงานกลับมีสีหน้าลำบากใจอีกครั้ง

                ทุกโต๊ะเต็มหมดแล้วครับคงต้องรออีกสักครึ่งชั่วโมงถึงจะว่าง

                ร่างบางแทบจะลงไปดิ้น เขาหิวจะตายอยู่แล้ว อีกทั้งจะให้โทรจองร้านอื่นคงไม่ทัน ร้านที่เขาชอบไปกินก็มีคนแน่นเหมือนกันหมด ร่างบางตีหน้ายุ่งท้องเริ่มร้องขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าตัวมุ่ยหน้าเบะปากหมดอารมณ์กับอะไรทั้งสิ้น

    เจ้าตัวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจได้ ไหนๆ ก็มาแล้วนั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่นสักครั้งคงไม่เสียหาย ยังไงเขาก็เป็นคนใช้เวลาในการกินไม่นานอยู่แล้ว

                ดงเฮสั่งพนักงานให้พาเขาไปที่โต๊ะเพื่อขอนั่งกับแขกอีกคนหนึ่งที่จองโต๊ะเดียวกับเขา สงสัยอยู่เหมือนกันว่าใครมันช่างโทรมานัดได้ถูกที่ถูกเวลาแถมยังมาก่อนเขาซะด้วย

                คุณคิบอมครับ คุณดงเฮต้องการจะนั่งกับคุณ ไม่ทราบว่า..

                ไม่เป็นไร ฉันกลับล่ะ วันหลังจะมาใหม่

                วินาทีที่เห็นใบหน้าคนนั่งอยู่ดงเฮแทบจะกลับคำว่าขอนั่งด้วยแทบไม่ทัน แค่คิดจะนั่งร่วมโต๊ะกันก็จะอาเจียน ก็หมอนั่นน่ะ คิบอม Black Sonata คนที่ดงเฮไม่ถูกชะตาตั้งแต่ฮงกีแนะนำตัวสมาชิกวง Black sonata ให้รู้จักแล้ว ทำหน้านิ่งขี้เก๊ก ไม่เห็นจะดูดีเลยสักนิด หน้าก็ออกบวมๆ เหมือนคนอืดน้ำซะขนาดนั้น คนอื่นเขายังมีแก่ใจเคารพรุ่นพี่แต่หมอนี่กลับนั่งปั้นหน้าขรึม หน้าหมั่นไส้จะตาย!

     

    อี ดงเฮ ไม่ชอบผู้ชายขี้เก๊ก!

     

                จะนั่งก็นั่งสิ มีโต๊ะให้นั่งก็ดีถมไปแล้วไม่ใช่หรอ

                จากที่จะเดินออกจากร้านใบหน้าหวานหันขวับอย่างหาเรื่องอีกคนทันที ฝ่ายนั้นจ้องเขาด้วยสายตานิ่งๆ ไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า แต่มองแววตาก็รู้ว่ากำลังดูถูก!

                ผมจะนั่งหรือไม่นั่งมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ

                เล่นตัว

                นี่! หัดเคารพรุ่นพี่ซะบ้าง ผมเป็นรุ่นพี่คุณนะ

                ตาคมตวัดขึ้นมองใบหน้าหวานก่อนจะเผยยิ้มเยาะ ไล่มองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วส่ายหน้า

                มองอย่างนั้น มีปัญหาอะไร!”

                ที่แท้ก็ อีดงเฮ White sonata นี่เอง หัดรักษาภาพพจน์บ้างก็ดีนะครับ

                คำกล่าวนั้นทำเอาดงเฮหน้าชาไม่ใช่เพราะคำพูดอย่างเดียวแต่เป็นเพราะสายตาของคนทั้งร้านมองเขาเป็นตาเดียว บางคนเริ่มซุบซิบนินทา บางกลุ่มเริ่มถ่ายรูป โต๊ะของเขาจึงกลายเป็นจุดสนใจในทันที

                ดงเฮได้แต่ข่มอารมณ์โกรธแล้วกระแทกลงนั่งฝั่งตรงข้าม เข่นเขี้ยวอีกคนที่ยักคิ้วให้อย่างผู้ชนะ คิดไว้ไม่มีผิดว่าผู้ชายคนนี้มันทั้งขี้เก๊ก นิสัยไม่ดี อีกอย่างกวนส้นมาก!

                ร่างบางมองอีกฝ่ายพลางเข่นเขี้ยว พนักงานเห็นท่าทีไม่ดีจึงยื่นเมนูให้และเตรียมจดเมนูอาหาร ดงเฮพ่นลมหายใจหงุดหงิดก่อนจะสั่งอาหารที่ตัวเองชอบไปสองสามอย่างและนั่งหันหน้าไปทางอื่นไม่พูดไม่จา ภาวนาให้อาหารที่ตนสั่งมาเสิร์ฟเร็วๆ จะได้รีบกินรีบกลับ

                คุณคิดว่าวงของผมจะดังกว่าวงคุณไหมร่างสูงว่าพลางยิ้มกวนเป็นยิ้มขี้เล่นที่ดงเฮคิดว่าผู้ชายคนนี้จะไม่มี ปกติเห็นแต่ทำหน้าเก๊ก แววตาคู่สวยฉายแววไม่พอใจนัก แต่แทนที่จะโต้กลับร่างบางเอาแต่เงียบและหันหน้าไปทางอื่นเช่นเดิม ถึงจะเถียงไปก็ไม่วายทะเลาะกัน ไม่สิ หมอนี่ปั่นประสาทเขาคนเดียวมากกว่า

                ถ้าพวกผมดัง วงเก่าๆ อย่างคุณคงตกกระป๋อง

                เงียบไปเลยไอ้หน้าอืด วงของฉันมีดีกว่าที่นายคิดเยอะ!”

                ดงเฮเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกอีกฝ่ายจากที่ต้องการจะเงียบกลับกลายเป็นสะสมความโกรธมากเข้าไปอีก ดงเฮเป็นคนโมโหง่าย โกรธง่าย โกรธนาน แต่สำหรับเพื่อนดงเฮจะไม่เคยใช้โหมดนั้นสักครั้ง ยกเว้นคนนอก เขาไม่ไว้หน้าใครถ้าโกรธขึ้นมาจริงๆ

                ความจริงดงเฮก็ไม่ใช่คนขี้โมโห เพียงแต่ติดนิสัยฮีชอลมาบ้างบางส่วนและดูเหมือนสมาชิกคนอื่นก็จะติดมาด้วยเช่นกัน อย่างซองมินก็เคยโมโหไม่มีเหตุผลมาครั้งหนึ่ง

                เมื่อกี้คุณว่าใครหน้าอืดนะคิบอมเริ่มมีน้ำโหเพราะไม่เคยมีใครเรียกตนแบบนี้สักครั้ง

                ไอ้หน้าอืด ทำไม ไม่ชอบหรอออกจะเหมาะกับนายดีนะ

                ลีดงเฮ

                ทำไม

                ...

                หน้าอืดๆ อย่างนี้ไม่มีทางที่จะล้มวงฉันได้หรอก ฝันไปเถอะ!”

                ว่าแล้วก็พรวดพราดลุกออกไปทันทีโดยไม่หันกลับมามองคนข้างหลังและไม่รออาหารที่สั่ง ร่างบางหงุดหงิดมากๆ เกลียดคนแบบนี้ที่สุด Black sonata คงมีแต่คนร้ายๆ แบบนี้ทั้งนั้น เห็นทีวงของเขาคงอยู่กันอย่างไม่สงบสุขซะแล้ว

                พอจ้ำอ้าวมาถึงรถก็สตาร์ถรถแล้วขับออกมาทันที เขาจะกลับไปกินข้าวกับแม่ ไม่ซ้อมมันแล้วเต้นเนี่ย ถึงไปซ้อมแต่หงุดหงิดขนาดนี้ ใช้เวลาเท่าไหร่ก็ซ้อมได้ไม่คืบหน้า นึกถึงใบหน้าอีกคนที่แล่นเข้ามาในความคิด นอกจากจะขี้เก๊กแล้วยังไม่ยอมรับว่าตัวเองหน้าบวมอีกต่างหาก! ให้ตายสิ เขาไม่ชอบ แค่มองก็ไม่ถูกชะตาแล้ว ฟ้ากลั่นแกล้งชะมัดที่วันนี้ต้องให้เขามาเจอคนอย่างหมอนั่น

                คิดไปก็โมโหกระฟัดกระเฟียดไป ตบพวงมาลัยแถมเหยียบคันเร่งจนมิดแต่เจ้าตัวไม่สนใจเท่าไหร่ คิดแต่เพียงต้องเอาชนะอีกคนให้ได้ ถึงดงเฮจะไม่ใช่คนชอบแข่งขันแต่สำหรับคิมคิบอม เขาขอยกเว้นไว้คนหนึ่งแล้วกัน!

               

     

     

     

                เป็นอะไรหน้าแดง

                ฮีชอลเอ่ยถามร่างอวบที่เดินมานั่งข้างเขาแล้วเอาแต่เหม่อไม่พูดอะไรจนเขาสงสัย สีหน้างี้แดงจนเห็นได้ชัด หลังจากที่บอกว่าจะออกไปม่อสาวไม่ถึงชั่วโมงก็เดินกลับมานั่งเหม่อไปไกลสติสตางค์ดูเหมือนจะไม่อยู่กับตัว

                ฮือ...พี่ฮีชอล ซองมินหันขวับมาหาคนถามน้ำตาไหลพรากพร้อมโผลเข้ากอด ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวฮีชอลตกใจกับปฏิกิริยานั้นจึงผลักหน้าและยันโครมเข้าให้ที่ท้องน้อยของอีกฝ่าย ซองมินกลิ้งตกลงโซฟาตามมาด้วยเสียงครางเจ็บปวด ทำเอาอีทึกที่เป็นผู้สังเกตการณ์หัวเราะลั่นชอบใจ

                พี่ฮีเล่นแรงไปแล้วนะ

                ใครบอกให้นายฉวยโอกาสกอดฉันล่ะ

                ผมไม่พิศวาสพี่ถึงขนาดนั้นหรอก

                แก้วน้ำมีเยอะแยะนายอยากจะเอาไปประดับบนหัวสักอันไหมแถมฟรีเลือดสดๆ

                ไม่ล่ะครับ

                ซองมินยิ้มแหยเมื่อฮีชอลอารมณ์เสียขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ควรยุ่งเท่าไหร่ ใครก็รู้ว่าฮีชอลอารมณ์ร้าย ขืนต่อปากต่อคำมากๆ อาจจะไม่ตายดีหรือถ้าตาย..ก็อาจจะตายทั้งเป็น

    ฮีชอลตัดสินใจไม่ถามต่อซองมินเองก็ปิดปากเงียบเมื่อนั่งได้สักพักต่างชวนกันกลับเพราะมันเลยเที่ยงคืนแล้ว

    ร่างเพรียวของฮีชอลเดินผิวปากมายังรถบิกีนี่พร้อมลีทึกและซองมิน ฮีชอลต้องไปส่งซองมินที่บ้านแต่สำหรับอีทึกจำเป็นต้องพาไปส่งที่โรงพยาบาลเพราะอาชีพหลักของอีทึกคือหมอและมีการเข้าเวรวันนี้ตอนตีสอง

    หลังจากที่ไปส่งทุกคนแล้วร่างบางก็ขับรถกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี ลืมไปเลยว่าตนเองสั่งให้คนรับใช้บอกพ่อว่าจะไม่อยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจนักปกติพ่อก็เลี้ยงเขาแบบตามใจบ้างบังคับบ้างแต่สำหรับเรื่องเที่ยวจะยังไงก็ได้เพราะฮีชอลมีความรับผิดชอบต่อการงานพอที่จะทำให้ผู้เป็นพ่อไว้วางใจ

     

    ซึ่งบางทีการที่เขาออกไปเที่ยวผับกลางดึกคืนนี้อาจจะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาลเลยก็ได้...








    __________________________________

    Talk : หายไปนานแสนนานกว่าจะกลับมาได้
    OPV เรื่องนี้ออกแล้วนะคะ และทุกคนก็ใกล้
    จะเปิดเทอมแล้ววว หลังจากเปิดเทอม
    ลูกเจี๊ยบสัญญาว่าจะอัพทุกเดือนนะคะ
    เพราะว่าขึ้นม.3เตรียมจะต่อม.4งานมันเยอะ
    แต่ก็จะไม่อู้แน่นอนค่ะ

    ส่วนคาแร็กเตอร์ ลูกเจี๊ยบกำลังทำใหม่
    เพราะมันไม่ค่อยสวย :)
    ยังไงก็ขอบคุณสำหรับการติดตาม

    เม้นไม่เม้นไม่ว่ากัน ขอแค่คุณอ่านอย่างมีความสุข.

    มีคนบอกว่าห้ามเจี๊ยบดอง ไม่ดองหรอกค่าแค่อัพเดือนละครั้ง ฮิฮิ


    ติดต่อไรเตอร์ ทางfacebook = fon254022@hotmail.com
    ทวิตเตอร์ = @ELFsiMplE482540 ค่ะ

    และเรื่องธีมบทความตอนต่างๆ ลูกเจี๊ยบกำลังฝึกทำอยู่ อิอิ ><
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×