คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 2 (100%)
Chapter 2
นักเรียนมากหน้าหลายตาต่างทยอยลงจากตัวอาคาร ทางด้านหน้าประตูโรงเรียน การจราจรติดขัดเป็นพิเศษเพราะเป็นเวลาเลิกเรียนของโรงเรียนมัธยมแทกุก แดซัง ผู้ปกครองมากมายต่างมารอรับนักเรียนและมีนักเรียนบางส่วนที่นำพาหนะมาเอง อย่างไรก็ตามความวุ่นวายเหล่านี้ไม่เป็นที่ต้องการของซองมินนัก
อีทึกและซองมินถูกฮีชอลสั่งให้มารับเรียวอุคและนัดเจอกันที่มหาลัยของฮยอกแจหรือจะพูดให้ถูกก็เป็นมหาลัยของซองมินและดงเฮด้วยเพราะทั้งสองคนต่างเรียนมหาลัยเดียวกับฮยอกแจทั้งสิ้น
ร่างอวบบีบแตรไล่รถคันข้างหน้าที่ไม่ยอมเคลื่อนสักที ขมุบขมิบด่าอย่างขัดใจ เมื่อรถคันข้างหน้าขยับซองมินก็ยังบ่นไม่เลิก ประตูโรงเรียนอยู่ไม่ไกลแต่เขากลับเลี้ยวเข้าไปไม่ได้เพราะปัญหารถติดที่หน้าหงุดหงิด
“ซองมินชักจะติดนิสัยใจร้อนมาจากฮีชอลแล้วนะ” อีทึกเอ่ยดุๆ พลางมองหน้าสวย การที่ให้ซองมินขับรถเป็นความคิดที่ผิดมหันต์แต่เจ้าตัวบอกว่าอยากลองขับรถหรูๆ ของอีทึกบ้าง ด้วยความเป็นลีดเดอร์สุดแสนใจดีจึงยอมตกปากรับคำ
“ดูคันข้างหน้าสิพี่อีทึก ไม่ยอมขยับไปไหนเลย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ซองมินโมโหได้ยังไงล่ะ” ร่างอวบหันมาทำหน้าบูดพร้อมบีบแตรส่งให้รถคันข้างหน้าอีกที แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงเป่านกหวีดและมือที่ชี้มาทางรถของเขาจากตำรวจจราจร สิ่งนั้นถือเป็นการเอ่ยเตือนว่าหากไม่หยุดอาจจะโดนใบสั่งได้
“เห็นไหม โดนคุณตำรวจเขาว่าจนได้” อีทึกเอ่ยตำหนิ
“ฮยองอ่า”
“ชักจะเหมือนฮีชอลเข้าไปทุกวันแล้วนะเรา” อีทึกส่ายหน้าซองมินยิ้มแหย เขาเนี่ยนะจะเหมือนพี่ฮีชอล ไม่มีทางหรอก คิม ฮีชอล ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร
รถเริ่มเคลื่อนตัวเมื่อมาถึงหน้าประตูโรงเรียนซองมินหักเลี้ยวเข้าโรงเรียนไปจอดส่วนที่เป็นโรงจอดรถของโรงเรียน ร่างอวบลงจากรถพร้อมกับอีทึกและเดินไปยังอาคารเรียนของเรียวอุคโดยที่ไม่ลืมใส่แว่นกันแดดสีดำอันใหญ่ปิดบังใบหน้า
พอเดินมาถึงหน้าอาคารก็เจอร่างเล็กของเรียวอุคยืนรออยู่แล้ว ร่างเล็กมองเห็นซองมินและอีทึกจึงเดินเข้ามาหา ความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้มาคอยรับส่งกันอย่างนี้ทุกวัน จะเป็นเฉพาะช่วงที่สมาชิกว่างและอยากมีเวลาร่วมกันเท่านั้น และหากฮีชอลไม่โทรนัดเรียวอุคไว้ก่อนเจ้าตัวคงเดินกลับบ้านเหมือนทุกครั้ง
“วันนี้เรียนเป็นไงบ้าง” อีทึกรับกระเป๋าเป้สีดำของเรียวอุคมาถือเพราะดูเหมือนน้องเล็กของวงจะเหนื่อยเป็นพิเศษ เรียวอุคมองหน้าอีทึกแวบหนึ่ง
“เหมือนเดิมครับ”
“นายช่วยพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เลยหรือไงนะ” ซองมินเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่ไหนแต่ไรเรียวอุคก็เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าหยิ่งแต่ความจริงแล้วเด็กคนนี้เป็นคนอบอุ่น เหล่าสมาชิกต่างสัมผัสได้จากการกระทำและคำพูด ถึงแม้แววตานั้นจะแฝงความเศร้าไว้ตลอดเวลาก็ตาม...
“เอาเถอะรีบไปกันดีกว่า เดี๋ยวฮีชอลจะบ่นเอาอีก”
“รายนั้นบ่นประจำอยู่แล้วครับ”
ซองมินยู่หน้านึกถึงพี่ใหญ่อีกคนที่วันๆ เอาแต่วีนเหวี่ยงแล้วก็สั่งๆๆๆ ไม่เห็นตัวเองจะทำอะไร แต่ก็ค้านไม่ได้ เพราะถ้าค้านขึ้นมาศพอาจจะไม่สวย..
“กว่าจะมาได้นะ” ฮีชอลแขวะสมาชิกสามคนที่เพิ่งมาถึง ฮยอกแจที่มาถึงนานแล้วพยักหน้าให้เรียวอุคเป็นเชิงทักทาย
“รถมันติดน่ะพี่” ซองมินนั่งลงข้างดงเฮขณะที่อีทึกและเรียวอุคนั่งลงข้างฮีชอล
“ถ้านายขับดีๆ แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว”
“ผมไม่ได้ผิดนะ”
“แก๊สโซฮอลด์ผิดงั้นสิ”
“พอเลย เถียงกันเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ” อีทึกส่ายหน้า แค่เรื่องงานในแต่ละวันเขาก็ปวดหัวมากพอแล้ว ไหนจะเรื่องที่สมาชิกชอบกัดกันเองอีก อีทึกละกลุ้ม ชอบทะเลาะกันเรื่องไม่เป็นเรื่อง ถ้าเขาไม่ได้เป็นลีดเดอร์พวกนี้คงได้กัดกันตายไปนานแล้ว โชคดีที่เป็นช่วงพักร้อนสามเดือนทำให้เขาไม่ต้องปวดหัวมาก แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ ถ้าหาก White sonata กลับไปทำงาน เขาอาจได้ปวดไมเกรนมากกว่านี้
ดงเฮได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วจึงค่อยๆ ลุกขึ้นขยี้ตาเหมือนเด็กๆ เด็กหนุ่มเห็นเรียวอุคจึงยิ้มทักทาย
“วันนี้เราจะไปผับกัน ไหนๆ ก็นัดเจอกันแล้ว อีกไม่นานพวกเราก็ต้องกลับไปทำงาน” ฮีชอลเอ่ยขึ้น
“แต่พี่ก็รู้ว่าผมกับฮยอกแจแล้วก็เรียวอุคไม่ชอบสถานที่แบบนั้นสักเท่าไหร่” ดงเฮเอ่ยหนักใจถึงจะอยากใช้เวลาอยู่กับสมาชิกแต่สถานที่แบบนั้นมันไม่เหมาะกับเขานัก
“นายจะไม่ไปงั้นหรอ”
“พวกผมยังเด็กมาก ไม่เหมาะกับสถานที่แบบนั้นหรอก”
“พวกนายไม่รู้จักหาความสุขใส่ตัวเอาซะเลย ตามใจ ฉันจะไปกับพี่อีทึกแล้วก็ซองมินก็แล้วกัน ซองมินน้องนายกลับบ้านเองได้ใช่ไหม”
ประโยคหลังหันไปถามซองมินเพราะปกติซองมินจะเป็นคนมารับฮยอกแจกลับหอเสมอ ซองมินมองฮยอกแจ แฝดน้องพยักหน้าให้ทีหนึ่ง ซองมินจึงตอบตกลง
ความจริงแล้วฮยอกแจรู้ว่าแฝดพี่ต้องการผ่อนคลายบ้างถึงแม้จะเป็นเวลาพักงานแต่การดูแลเขามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไหนจะค่าใช้จ่ายซึ่งอาจถูกมองเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับไอดอลแต่ค่าเช่าหอ ค่าอาหาร ค่าอุปกรณ์การเรียน สำหรับแฝดสองคนเงินจากการเป็นศิลปินไม่ใช่ว่าจะเลี้ยงชีวิตได้ทั้งหมด
ซองมินและฮยอกแจต้องช่วยกันประหยัดและมักทำตัวติดดินเสมอ ถึงแม้เงินส่วนมากจะหายไปกับการปรนเปรอผู้หญิงของซองมินก็เถอะ แต่ฮยอกแจก็เข้าใจบาดแผลในใจของพี่ชาย ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ ...
“งั้นก็คงไม่มีปัญหา ฝากนายไปส่งเรียวอุคด้วยนะดงเฮ” ฮีชอลสั่งเสร็จสรรพลุกขึ้นและเดินนำไปยังรถของตนเอง
“กลับบ้านระวังตัวด้วยแหละ ตัวแสบ” ก่อนที่จะเดินตามฮีชอลไปซองมินหันมายักคิ้วให้น้องชายพลางมองปฏิกิริยาหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายแล้วอมยิ้ม
“ก็ได้ๆ ไม่เรียกแบบนั้นแล้ว กลับบ้านดีๆ ล่ะ ฉันกลับไปอย่าให้เห็นนะว่าไม่อยู่หอ” ซองมินกำชับอย่างไม่จริงจังนักเพราะรู้ว่ายังไงฮยอกแจไม่ใช่คนเถลไถลและไม่ชอบที่คนเยอะๆ พลอยให้คนเป็นพี่อย่างเขาวางใจได้
“ครับ” ฮยอกแจรับคำ
“งั้นฉันจะไปส่งเรียวอุคก่อน ขอโทษนะ นายเลยมากินแห้วเลย” ประโยคหลังหันไปพูดกับร่างเล็กที่ยืนเงียบๆ ไม่พูดไม่จา เรียวอุคพยักหน้า ดงเฮจึงเดินนำไปที่รถ
ไม่ใช่ว่าดงเฮไม่อยากไปส่งฮยอกแจที่หอแต่อาจตกเป็นข่าวได้เพราะสื่อรู้เพียงว่าฮยอกแจเป็นน้องซองมิน ไม่มีใครรู้ว่าอันริวสตาร์เป็นคนเดียวกับฮยอกแจนอกจากสมาชิกและฮงกี การที่จะทำตัวสนิทสนมกับฮยอกแจอาจเกิดเป็นที่สงสัย อีกทั้งทางกลับบ้านของดงเฮและฮยอกแจก็อยู่คนละฟากเมือง สมาชิกทุกคนจึงจำเป็นที่จะต้องให้ฮยอกแจเดินกลับบ้านเองหรือให้ซองมินมารับเท่านั้น
ความจริงเรื่องไปผับดงเฮอยากจะแย้งตั้งแต่ฮีชอลขอฮงกีแล้ว แต่เขาต้องการให้สมาชิกอยู่กันครบก่อน ดงเฮรู้ว่าฮยอกแจและเรียวอุคไม่พิสมัยสถานที่บันเทิงเริงรมย์นักแต่พวกเขาไม่เคยออกความเห็นจึงเป็นดงเฮที่คอยเอ่ยแทนอยู่เสมอ เรียกง่ายๆ ว่าดงเฮรู้ใจฮยอกแจและเรียวอุคที่สุด
หลายครั้งที่เหมือนดงเฮแสดงความคิดเห็นอยู่คนเดียวและไม่ถามความเห็นคนอื่นก่อน แต่ที่จริงมันไม่ใช่ ดงเฮเป็นคนมองคนเก่งและมักจะคอยช่วยเหลือคนอื่นเสมอ
“เรียวอุค วันนี้การบ้านเยอะไหม” ร่างบางถามไปอย่างนั้นเพราะยังไงสำหรับเด็กมัธยมปลายที่กำลังจะเอ็นเข้ามหา’ลัยมีที่ไหนบ้างที่จะงานไม่เยอะ บางคนถึงกับหัวปั่นไม่มีเวลากินข้าวเลยทีเดียว น่าแปลกที่เรียวอุคไม่เป็นอย่างนั้นแถมไม่เคยบ่นเสียด้วย
“ไม่เยอะครับ”
“ม.6 แล้วนะ อย่าโกหกไปหน่อยเลย”
“ไม่เยอะครับ” ร่างเล็กเอ่ยคำเดิม ดงเฮถอนหายใจขณะหักเลี้ยวเข้าจอดหน้าบ้านเรียวอุค ลงจากรถอ้อมไปเปิดประตูให้เรียวอุค ร่างเล็กก้าวลงมา โค้งให้ร่างบางเล็กน้อย
“ยังไงก็ดูแลสุขภาพด้วยล่ะ ใกล้จะสอบเข้ามหา’ลัยแล้วนี่”
“ครับ” เรียวอุครับคำขณะไขกุญแจบ้าน ดงเฮยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวกลับและสตาร์ถรถขับออกไป
มือเล็กที่กำลังไขประตูชะงักกึกเมื่อหันไปมองบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ติดกับบ้านของตัวเอง บ้านหลังนั้นดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่มานานแล้ว ตัวบ้านดูเก่าไปตามสภาพกาลเวลา โพรงหญ้าขึ้นรก รั้วมีเถาวัลย์ขึ้นหนาแน่น เรียวอุคหลุบตาลงแวบหนึ่งก่อนจะไขกุญแจบ้านและไม่หันไปมองบ้านหลังนั้นอีกเลย
จังหวะที่ขาเล็กก้าวข้ามประตู มือหนึ่งฉุดข้อมือเล็กอย่างแรงจนเรียวอุคเซถอยหลังปะทะอกกว้างของใครคนหนึ่ง พวงกุญแจปลิวตกพร้อมกับดวงตาเล็กที่เบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นคนๆ นั้นชัดเจน
“ไม่เจอกันนาน เปลี่ยนไปเยอะนะ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมือหนากระชับเอวบางให้เข้าใกล้มากขึ้น ร่างเล็กสะบัดตัวหนี
“ปล่อยผม!” เสียงตวาดที่เรียวอุคไม่คิดว่ามันจะหลุดรอดออกมาจากปากตัวเองอีก กลับพูดออกมาให้คนๆ นี้ คนที่ทำร้ายชีวิตเขา ทำร้ายความเป็นตัวตนของเขา!
“ไม่ ฉันเจอนายแล้ว ไม่ปล่อยให้หลุดมือไปหรอก” เยซองกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น กระซิบแผ่วเบาจนอีกคนสั่นระริก
“ปล่อย เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ปล่อยนะ ปล่อยสิ!” เรียวอุคตวาดมือบางพยายามผลักอกกว้างเต็มที่แต่กลับไม่กระทบกระเทือนอีกคนเลยสักนิด
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเปลี่ยนตัวเอง เขากลายเป็นคนใหม่ที่ไม่ต้องคอยรักใคร แคร์ใคร เพื่อพิสูจน์ว่าเขาอยู่ตัวคนเดียวได้ ไม่จำเป็นต้องคอยให้ใครมาดูแล! ไม่เคยร้องขอความสงสารเห็นใจจากใครเพราะคนๆ นี้ คนที่ทำลายตัวตนของเขาไป
“ตัวเล็ก ผอม สวย เปลี่ยนไปจากสิบเอ็ดปีก่อนมากเลย” กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากคนตัวเล็กที่ห่างหายไปนานและไม่คิดว่าจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เป็นสิบปีที่เยซองคิดถึงแต่ร่างเล็กตรงหน้า เขาบอกกับตัวเองว่าจะต้องกลับมาเพื่อสานต่อเรื่องราวให้จบ เขาจะไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กหลุดมือไปอีก
“เยซองถ้าคุณไม่ปล่อยผม ผมจะเกลียดคุณไปตลอดชีวิต” คำพูดนั้นทำเอาหัวใจของร่างสูงกว่าหล่นวูบแต่ถึงอย่างนั้นอ้อมแขนแกร่งกลับกระชับแน่นขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ต้องการให้เรียวอุคเกลียดแต่ก็ไม่ต้องการปล่อยคนตรงหน้าไปอีกแล้ว
“ฉันปล่อยนายไปไม่ได้”
“เรื่องนั้นมันจบไปนานแล้ว เลิกเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตผมสักที” เรียวอุคหยุดดิ้นเอ่ยเสียงเย็นชา พยายามสงบสติอารมณ์ให้มากที่สุด
ระหว่างนั้นรถแลมโบกีนี่สีดำเลี้ยวเข้ามาจอดใกล้ๆ กับคนทั้งสอง เรียวอุคเบิกตากว้างอีกครั้งอาศัยจังหวะที่เยซองงุนงงผลักอีกคนออกและวิ่งไปที่รถ
“เกิดอะไรขึ้นเรียวอุค... นาย..เยซอง Black sonata นี่” ดงเฮเปิดประตูรถออกมาเรียวอุคที่วิ่งมาหาเขา ดงเฮเหลือบมองร่างสูงที่ยืนนิ่ง
“วันนี้ฉันจะกลับก่อนยังไงเราก็ต้องเจอกันที่บริษัท ฉันจะพิสูจน์ให้นายดูว่าฉันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันพร้อมที่จะดูแลนายถึงตอนนั้นฉันจะ..”
“หุบปากซะ!”
เป็นดงเฮที่ตกใจกับน้ำเสียงนั้น เขาไม่เคยเห็นเรียวอุคโกรธใครหรือตะคอกใครแม้แต่น้อย ร่างเล็กมีเพียงใบหน้าเรียบนิ่งที่แสดงออกในแต่ละวัน
เรียวอุคต่างจากฮยอกแจ ฮยอกแจนิ่งเงียบมาดขรึมในแบบคนรักสงบแต่เรียวอุคเงียบขรึมในแบบคนมีปมฝังลึก ดงเฮรู้สึกได้ผ่านสายตาคู่นั้น ดวงตาที่หาความสุขไม่เจอ..
“ถ้านายยังไม่อยากให้ฉันเกลียดไปมากกว่านี้ก็ออกไปจากชีวิตฉันซะ!”
“ฉันทำไม่ได้หรอก สักวันนายจะรู้ว่าฉันไม่เคยหลอกนาย แล้วเจอกัน” เอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยน ยิ้มที่ร่างเล็กไม่เคยได้มันในอดีต ไม่เคยได้สัมผัสมัน เรียวอุคเกลียดมัน เกลียดทุกอย่างที่ก่อเกิดเป็นคนที่ชื่อเยซอง
ร่างสูงหันหลังกลับไปขึ้นรถสตาร์ถรถและออกไป ดงเฮมองตามผิดกับเรียวอุคที่หันหลังจะเดินเข้าบ้านโดยไม่เอ่ยอะไรมีเพียงมือเล็กที่กำแน่นเท่านั้น
“เรียวอุคนายลืมเป้” ดงเฮโยนเป้ให้เรียวอุคก่อนจะกอดอกมองน้องเล็กของวงหน้านิ่ง “นายมีอะไรจะบอกพี่ไหม”
“ไม่ครับ”
“แน่นะ”
“ครับ”
ดงเฮถอนหายใจยาวก่อนจะโบกมือว่าไม่เป็นอะไรและหันหลังขึ้นรถและขับออกไปอีกคน เรียวอุคมองตามหลังรถคันสวยที่ขับออกไปแล้ว ปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว น้ำใสๆ รื้นที่ขอบตา หยดน้ำตาไหลออกมาก่อนเจ้าตัวจะปาดมันทิ้งและตีหน้านิ่งตามเดิม
ผับ Seoul ย่านคังนัม
เสียงดนตรีดังอึกทึกพร้อมแสงสีมากมาย ผู้คนที่ออกมาบดเบียดกันเต้นอย่างเมามันส์ใจกลางฟรอส์หรือตามโต๊ะตามบาร์ต่างๆ ช่วงดึกพ้นสองทุ่มช่วยเพิ่มผู้คนให้สถานที่แห่งนี้มากโข โต๊ะวีไอพีมุมในสุดถูกจับจองด้วยร่างบางสามคน พวกเขาคุยกันสนุกสนานพร้อมจิบแอลกอฮอลล์อย่างเพลิดเพลิน แต่หนึ่งในนั้นลอบส่งสายตาให้ผู้หญิงที่เดินผ่านไปผ่านมามากกว่าการนั่งดื่มของมึนเมาเสียอีก
“มัวแต่เหล่หญิง ฉันไม่สั่งไฮเนเก้นเพิ่มให้นะเว้ย” ฮีชอลเอ่ยเสียงหงุดหงิดพลางกระดกแก้วขึ้นดื่มอีกรอบ ลีทึกหัวเราะเบาๆ ขณะจิบเบียร์มองซองมินที่เหล่หญิงตาละห้อยเพราะฮีชอลไม่อนุญาตให้ออกไปจีบ
ถึงแม้ลีทึกจะมีภาพพจน์เป็นถึงลีดเดอร์ผู้แสนดีแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาหารและเครื่องดื่มจะต้องดีไปด้วย เขาก็เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไปที่กินเหล้า กินเบียร์ แต่ก็ยังคงความเป็นคนแสนดีโดยการไม่สูบบุหรี่หรือเที่ยวหญิงเหมือนซองมินล่ะนะ
“ผู้หญิงเป็นศิลปะของโลก ผู้ชายส่วนใหญ่ชื่นชมศิลปะ” ร่างอวบไม่ได้หันมามองสายตายังคงจดจ้องอยู่กับสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ในชุดเดรสสีแดงที่เพิ่งส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้เขาและเดินผ่านไป
“โอ๊ย จะออกไปม่อก็ไปเลยไปแต่เที่ยงคืนเมื่อไหร่มาหาฉันที่นี่ไม่งั้นจะทิ้งไว้ผับให้คลานกลับบ้านเอง”
“ผมไม่ได้เมาไม่คลานกลับหรอกน่า”
“ฉันจะทำให้นายคลานกลับไง”
“โอเคครับ เที่ยงคืนก็เที่ยงคืน”
ซองมินยิ้มแหยก่อนจะรีบออกไปปล่อยให้ฮีชอลมองตามด้วยความหงุดหงิด หวังว่าจะพาสมาชิกมาเที่ยวให้ครบ มีเวลาอยู่ด้วยกันแล้วทั้งที แต่นี่อะไร! กระจัดกระจายกันกลับบ้านบ้างล่ะ ม่อหญิงบ้างล่ะ เหลือเขากับพี่ลีทึกสองคนเนี่ยนะ!
“เอาน่า ยังไงก็ถือว่ามาเที่ยวก่อนกลับไปทำงานแล้วกันนะ” ลีทึกเห็นฮีชอลชักหงุดหงิดเลยอดปลอบใจไม่ได้
ถึงฮีชอลจะเป็นคนอารมณ์ร้ายวีนเหวี่ยงเก่งแค่ไหนแต่เขาก็รักวงและสมาชิกวงทุกคน เวลามีข่าวซุบซิบนินทาที่ไม่เป็นจริงเกี่ยวกับสมาชิกหรือข่าวเสียหายฮีชอลก็จะเป็นคนออกรับแทนเสมอ
“ผมก็แค่อยากให้พวกเราได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน”
“ฉันรู้ทุกคนก็รู้แต่สถานที่นี้มันไม่เหมาะจริงๆ นี่นา”
“คราวนี้ผมผิดก็ได้ เหอะ” ร่างบางกระดกแก้วเบียร์ก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทาง อีทึกอมยิ้มเอ็นดูเสมองไปทางอื่นดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบตัว นานแล้วที่ไม่ได้มาเที่ยวที่แบบนี้ ตั้งแต่จบม.6ก็ไม่ค่อยได้มาสถานบันเทิงแบบนี้นัก เขามักจะคิดว่ามันเสียเวลาเปล่าในการมาเที่ยวแต่ก็ดูเป็นการผ่อนคลายที่ดี
“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับแล้วเราค่อยไปสนุกกัน” ซองมินยิ้มเจ้าชู้ ไล้นิ้วตามแก้วขาวของหญิงสาวหุ่นเซ็กซี่ในชุดเดรสสีแดงที่เขาเพิ่งขอควงเมื่อไม่กี่นาทีก่อน หญิงสาวยิ้มยั่วก่อนจะให้ขาอ่อนดุนดันหว่างขาของอีกฝ่าย
“เร็วๆ นะคะ ริสซี่อดใจรอไม่ไหวแล้ว”
ซองมินแตะนิ้วชี้ที่ริมฝีปากอีกฝ่ายผิวปากเบาๆ ยิ้มละลายก่อนจะผละตัวออกมาเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ในใจรู้สึกมีความสุขเต็มที่ที่วันนี้จะได้ฟันสาวอีกรายโดยไม่ต้องเสียเวลาหานาน
ดูนาฬิกาข้อมือก็ปาไปสี่ทุ่มสิบนาทีแต่ถึงจะมีเวลาแค่เที่ยงคืนคนอย่าง อีซองมิน ใช้เวลาแค่ไม่ถึงห้าทุ่มก็เสร็จภารกิจได้แล้ว เจ้าตัวยิ้มกรุ่มกริ่มกับความคิดขณะก้าวเข้าไปในห้องน้ำชาย
“ทำไมห้องน้ำไม่มีคนเลยล่ะเนี่ย” ซองมินมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครเลยนอกจากตนเอง
“ซองมิน” ร่างอวบหันไปตามเสียงเรียกไม่ทันที่จะได้เห็นใบหน้าของคนขานชื่อตนเอง คนๆ นั้นพุ่งเข้ามาผลักเขากระแทกกับขอบอ่างล้างมือ ซองมินครางในลำคอด้วยความเจ็บ สบถเสียงเบาก่อนจะค่อยๆเงยหน้ามองคนประทุษร้าย
เขาถึงกับงงแตกเมื่อเขาเห็นชายตรงหน้าชัดเจน หน้าตาไม่คุ้นเลยสักนิดแต่ใบหน้าหล่อคมนั่นทำเอาซองมินเผลอจ้องนานหลายวินาทีเหมือนกัน ชายหนุ่มแปลกหน้ากระตุกยิ้ม เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้เขาจนซองมินต้องหดคอและทำตัวลีบกับขอบอ่างมากขึ้น
“คุณเป็นใคร”
ร่างสูงชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำถามแต่แล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นมาด้วยนึกชอบใจ ซองมินพยายามนึกชื่อคนตรงหน้าแต่ก็นึกไม่ออก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปพบเจอกับคนๆ นี้ที่ไหนและตอนไหน ใบหน้าหวานเพ่งพินิจใบหน้าคมจนอีกฝ่ายแทบจะหลุดขำ
จริงสินะ ก็ตอนนั้นมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์จนลืมสังเกตคนรอบข้างแล้วจะไปจำเขาได้ยังไง ~
คยูฮยอนเบียดกายเข้าหามากขึ้นจนซองมินต้องขยับหนีชิดขอบอ่างและไม่สามารถขยับไปไหนได้ ร่างอวบอ้าปากจะถามอีกครั้งแต่อีกคนกลับบดเบียดริมฝีปากลงมารวดเร็ว ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อร่างสูงอาศัยจังหวะที่เขาอ้าปากสอดลิ้นเข้าหาลิ้มรสความหวานจากกลีบปากนุ่ม ร่างสูงจูบหนักๆ พร้อมขบริมฝีปากอิ่มจนบวมช้ำ กวาดลิ้นลุกล้ำจนซองมินที่ยืนนิ่งตกใจได้สติและพยายามดันอีกคนออก ปากอิ่มพยายามปิดกั้นการรุกรานจากลิ้นหนา
ซองมินหอบหายใจทุกอกอีกคนเมื่อตัวเองเริ่มหายใจไม่ออกคยูฮยอนจึงยอมผละออกพร้อมเลียริมฝีปาก ซองมินหอบอากาศเข้าปอดเอนตัวพิงอ่างล้างมือเมื่อค่อยยังชั่วแล้วก็ตวัดสายตามองร่างสูงที่ยืนยิ้มไม่รู้สึกรู้สา
“แก...ไอ้..”
“อ๊ะๆ ถ้าพูดอะไรไม่เข้าหูผม ระวังผมจะปิดปากด้วยปากผมอีกรอบนะ”
คำพูดนั้นทำเอาร่างอวบปิดปากฉับไม่หลุดคำพูดออกมาสักคำมีแต่สายตาอาฆาตส่งไปให้อีกฝ่ายเท่านั้น ร่างสูงก้าวเข้ามาชิดร่างอวบอีกครั้งจนซองมินต้องขยับหนีอีกรอบ
“ผม โจวคยูฮยอน Black Sonata ยินดีที่ได้รู้จักครับ หวังว่าเราจะพบกันในอีกไม่นานนี้”
ร่างสูงเอ่ยเสียงกระซิบซองมินตัวแข็งทื่อเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร Black sonata วงใหม่นั่นน่ะหรอ แต่เขาไม่เคยเห็นหน้าคนๆ นี้เลยนี่นา นึกย้อนกลับไปตอนเขาแนะนำสมาชิกกันตัวเองก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์
ซองมินแทบจะบ้าเมื่ออีกคนก้มกระซิบด้วยความชอบใจจนเขากำหมดแน่นด้วยความโมโห
“จูบเมื่อกี้หวานดี ผู้ชายที่เสียจูบให้ผู้ชายด้วยกันอย่างคุณไม่เหมาะจะเป็นผู้ชายหรอกครับ”
“นะ...นาย!”
“เรายังต้องเจอกันอีกนาน ระวังตัวไว้ก็ดีนะครับ”
เลื่อนใบหน้าห่างออกพร้อมเดินล้วงกระเป๋ากางเกงออกไปด้วยรอยยิ้มปล่อยให้ร่างอวบยืนอ้าปากค้างกับความหน้าด้านหน้าทนของฝ่ายนั้น
เมื่อกี้หมอนั่นบอกยินดีที่ได้รู้จัก ... แต่เขาไม่อยากรู้จักเลยสักนิด!
คาสโนว่าอย่างผมต้องจูบกับผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชายอย่างหมอนั่นสิ TOT
หลังจากที่ดงเฮแยกกับเรียวอุคเขาก็รีบโทรจองร้านอาหารทันที ความจริงร่างบางสัญญาว่าจะกลับไปทานข้าวเย็นกับแม่แต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายเข้ารุมเร้าเสียจนเขาต้องโทรบอกมารดาว่าให้ทานข้าวได้เลยไม่ต้องรอ
ดงเฮมักจะออกมากินข้าวเย็นนอกบ้านบ่อยครั้งทำให้เขามีร้านประจำอยู่หลายที่ คิดว่าวันนี้จะไปภัตตาคารที่ใกล้บริษัทที่สุดเพราะท้องไส้เริ่มโอดครวญประกอบกับเมื่อกินเสร็จจะได้เข้าซ้อมเต้นสำหรับเพลงคัมแบ็คที่จะปล่อยออกมาในเดือนหน้า
ร่างบางจอดรถไว้ที่ลานจอดรถพร้อมผิวปากเดินแกว่งกุญแจอย่างอารมณ์ดีเมื่อรู้ว่าอีกไม่นานตนเองจะได้กินอาหารรสถูกปากเสียที พนักงานต้อนรับยิ้มให้พร้อมผลักประตูเข้าไปด้านใน หยิบวิทยุสื่อสารโทรแจ้งพนักงานอีกคนที่เป็นคนรับสายโทรศัพท์ของดงเฮที่โทรเข้ามาจองโต๊ะอาหาร ยืนรอไม่นานนักพนักงานคนนั้นเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักพร้อมรายงานเสียงเบา
“ขะ..ขอโทษจริงๆ ครับ คุณดงเฮ โต๊ะที่คุณสั่งจองมีคนจองไว้ล่วงหน้าแล้วครับ”
ร่างบางขมวดคิ้ว ตอนโทรมาจองก็ยังบอกว่าว่าง เมื่อเขาจองแล้วก็ต้องมีป้ายติดไว้ว่าจองไม่ให้คนอื่นนั่งสิ
“ฉันโทรมาจองแล้ว จะมีคนอื่นจองก่อนฉันได้ยังไง”
“คือว่า...ตอนคุณดงเฮโทรเข้ามา มีแขกอีกท่านโทรจองพร้อมคุณดงเฮครับ เวลาเดียวกัน โต๊ะเดียวกัน มุมVIPเหมือนกัน ซึ่งพนักงานอีกคนเป็นคนรับสายทำให้คิวมันชนกันน่ะครับ ผมไม่สามารถเช็กได้ทันจริงๆ ว่ามีแขกอีกท่านโทรมาจองเช่นกัน ขอโทษจริงๆ ครับ”
“โทรมาจองเวลาเดียวกับฉันทำให้ตอบตกลงไปทั้งสองคนสินะ”
“ครับ”
ดงเฮถอนหายใจพร้อมเอ่ยบอกไม่เป็นไรและหาโต๊ะใหม่ให้ตนเองด้วยแต่พนักงานกลับมีสีหน้าลำบากใจอีกครั้ง
“ทุกโต๊ะเต็มหมดแล้วครับคงต้องรออีกสักครึ่งชั่วโมงถึงจะว่าง”
ร่างบางแทบจะลงไปดิ้น เขาหิวจะตายอยู่แล้ว อีกทั้งจะให้โทรจองร้านอื่นคงไม่ทัน ร้านที่เขาชอบไปกินก็มีคนแน่นเหมือนกันหมด ร่างบางตีหน้ายุ่งท้องเริ่มร้องขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าตัวมุ่ยหน้าเบะปากหมดอารมณ์กับอะไรทั้งสิ้น
เจ้าตัวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจได้ ไหนๆ ก็มาแล้วนั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่นสักครั้งคงไม่เสียหาย ยังไงเขาก็เป็นคนใช้เวลาในการกินไม่นานอยู่แล้ว
ดงเฮสั่งพนักงานให้พาเขาไปที่โต๊ะเพื่อขอนั่งกับแขกอีกคนหนึ่งที่จองโต๊ะเดียวกับเขา สงสัยอยู่เหมือนกันว่าใครมันช่างโทรมานัดได้ถูกที่ถูกเวลาแถมยังมาก่อนเขาซะด้วย
“คุณคิบอมครับ คุณดงเฮต้องการจะนั่งกับคุณ ไม่ทราบว่า..”
“ไม่เป็นไร ฉันกลับล่ะ วันหลังจะมาใหม่”
วินาทีที่เห็นใบหน้าคนนั่งอยู่ดงเฮแทบจะกลับคำว่าขอนั่งด้วยแทบไม่ทัน แค่คิดจะนั่งร่วมโต๊ะกันก็จะอาเจียน ก็หมอนั่นน่ะ คิบอม Black Sonata คนที่ดงเฮไม่ถูกชะตาตั้งแต่ฮงกีแนะนำตัวสมาชิกวง Black sonata ให้รู้จักแล้ว ทำหน้านิ่งขี้เก๊ก ไม่เห็นจะดูดีเลยสักนิด หน้าก็ออกบวมๆ เหมือนคนอืดน้ำซะขนาดนั้น คนอื่นเขายังมีแก่ใจเคารพรุ่นพี่แต่หมอนี่กลับนั่งปั้นหน้าขรึม หน้าหมั่นไส้จะตาย!
อี ดงเฮ ไม่ชอบผู้ชายขี้เก๊ก!
“จะนั่งก็นั่งสิ มีโต๊ะให้นั่งก็ดีถมไปแล้วไม่ใช่หรอ”
จากที่จะเดินออกจากร้านใบหน้าหวานหันขวับอย่างหาเรื่องอีกคนทันที ฝ่ายนั้นจ้องเขาด้วยสายตานิ่งๆ ไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า แต่มองแววตาก็รู้ว่ากำลังดูถูก!
“ผมจะนั่งหรือไม่นั่งมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“เล่นตัว”
“นี่! หัดเคารพรุ่นพี่ซะบ้าง ผมเป็นรุ่นพี่คุณนะ”
ตาคมตวัดขึ้นมองใบหน้าหวานก่อนจะเผยยิ้มเยาะ ไล่มองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วส่ายหน้า
“มองอย่างนั้น มีปัญหาอะไร!”
“ที่แท้ก็ อีดงเฮ White sonata นี่เอง หัดรักษาภาพพจน์บ้างก็ดีนะครับ”
คำกล่าวนั้นทำเอาดงเฮหน้าชาไม่ใช่เพราะคำพูดอย่างเดียวแต่เป็นเพราะสายตาของคนทั้งร้านมองเขาเป็นตาเดียว บางคนเริ่มซุบซิบนินทา บางกลุ่มเริ่มถ่ายรูป โต๊ะของเขาจึงกลายเป็นจุดสนใจในทันที
ดงเฮได้แต่ข่มอารมณ์โกรธแล้วกระแทกลงนั่งฝั่งตรงข้าม เข่นเขี้ยวอีกคนที่ยักคิ้วให้อย่างผู้ชนะ คิดไว้ไม่มีผิดว่าผู้ชายคนนี้มันทั้งขี้เก๊ก นิสัยไม่ดี อีกอย่างกวนส้นมาก!
ร่างบางมองอีกฝ่ายพลางเข่นเขี้ยว พนักงานเห็นท่าทีไม่ดีจึงยื่นเมนูให้และเตรียมจดเมนูอาหาร ดงเฮพ่นลมหายใจหงุดหงิดก่อนจะสั่งอาหารที่ตัวเองชอบไปสองสามอย่างและนั่งหันหน้าไปทางอื่นไม่พูดไม่จา ภาวนาให้อาหารที่ตนสั่งมาเสิร์ฟเร็วๆ จะได้รีบกินรีบกลับ
“คุณคิดว่าวงของผมจะดังกว่าวงคุณไหม” ร่างสูงว่าพลางยิ้มกวนเป็นยิ้มขี้เล่นที่ดงเฮคิดว่าผู้ชายคนนี้จะไม่มี ปกติเห็นแต่ทำหน้าเก๊ก แววตาคู่สวยฉายแววไม่พอใจนัก แต่แทนที่จะโต้กลับร่างบางเอาแต่เงียบและหันหน้าไปทางอื่นเช่นเดิม ถึงจะเถียงไปก็ไม่วายทะเลาะกัน ไม่สิ หมอนี่ปั่นประสาทเขาคนเดียวมากกว่า
“ถ้าพวกผมดัง วงเก่าๆ อย่างคุณคงตกกระป๋อง”
“เงียบไปเลยไอ้หน้าอืด วงของฉันมีดีกว่าที่นายคิดเยอะ!”
ดงเฮเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกอีกฝ่ายจากที่ต้องการจะเงียบกลับกลายเป็นสะสมความโกรธมากเข้าไปอีก ดงเฮเป็นคนโมโหง่าย โกรธง่าย โกรธนาน แต่สำหรับเพื่อนดงเฮจะไม่เคยใช้โหมดนั้นสักครั้ง ยกเว้นคนนอก เขาไม่ไว้หน้าใครถ้าโกรธขึ้นมาจริงๆ
ความจริงดงเฮก็ไม่ใช่คนขี้โมโห เพียงแต่ติดนิสัยฮีชอลมาบ้างบางส่วนและดูเหมือนสมาชิกคนอื่นก็จะติดมาด้วยเช่นกัน อย่างซองมินก็เคยโมโหไม่มีเหตุผลมาครั้งหนึ่ง
“เมื่อกี้คุณว่าใครหน้าอืดนะ“ คิบอมเริ่มมีน้ำโหเพราะไม่เคยมีใครเรียกตนแบบนี้สักครั้ง
“ไอ้หน้าอืด ทำไม ไม่ชอบหรอออกจะเหมาะกับนายดีนะ
“ลีดงเฮ”
“ทำไม”
“...”
“หน้าอืดๆ อย่างนี้ไม่มีทางที่จะล้มวงฉันได้หรอก ฝันไปเถอะ!”
ว่าแล้วก็พรวดพราดลุกออกไปทันทีโดยไม่หันกลับมามองคนข้างหลังและไม่รออาหารที่สั่ง ร่างบางหงุดหงิดมากๆ เกลียดคนแบบนี้ที่สุด Black sonata คงมีแต่คนร้ายๆ แบบนี้ทั้งนั้น เห็นทีวงของเขาคงอยู่กันอย่างไม่สงบสุขซะแล้ว
พอจ้ำอ้าวมาถึงรถก็สตาร์ถรถแล้วขับออกมาทันที เขาจะกลับไปกินข้าวกับแม่ ไม่ซ้อมมันแล้วเต้นเนี่ย ถึงไปซ้อมแต่หงุดหงิดขนาดนี้ ใช้เวลาเท่าไหร่ก็ซ้อมได้ไม่คืบหน้า นึกถึงใบหน้าอีกคนที่แล่นเข้ามาในความคิด นอกจากจะขี้เก๊กแล้วยังไม่ยอมรับว่าตัวเองหน้าบวมอีกต่างหาก! ให้ตายสิ เขาไม่ชอบ แค่มองก็ไม่ถูกชะตาแล้ว ฟ้ากลั่นแกล้งชะมัดที่วันนี้ต้องให้เขามาเจอคนอย่างหมอนั่น
คิดไปก็โมโหกระฟัดกระเฟียดไป ตบพวงมาลัยแถมเหยียบคันเร่งจนมิดแต่เจ้าตัวไม่สนใจเท่าไหร่ คิดแต่เพียงต้องเอาชนะอีกคนให้ได้ ถึงดงเฮจะไม่ใช่คนชอบแข่งขันแต่สำหรับคิมคิบอม เขาขอยกเว้นไว้คนหนึ่งแล้วกัน!
“เป็นอะไรหน้าแดง”
ฮีชอลเอ่ยถามร่างอวบที่เดินมานั่งข้างเขาแล้วเอาแต่เหม่อไม่พูดอะไรจนเขาสงสัย สีหน้างี้แดงจนเห็นได้ชัด หลังจากที่บอกว่าจะออกไปม่อสาวไม่ถึงชั่วโมงก็เดินกลับมานั่งเหม่อไปไกลสติสตางค์ดูเหมือนจะไม่อยู่กับตัว
“ฮือ...พี่ฮีชอล” ซองมินหันขวับมาหาคนถามน้ำตาไหลพรากพร้อมโผลเข้ากอด ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวฮีชอลตกใจกับปฏิกิริยานั้นจึงผลักหน้าและยันโครมเข้าให้ที่ท้องน้อยของอีกฝ่าย ซองมินกลิ้งตกลงโซฟาตามมาด้วยเสียงครางเจ็บปวด ทำเอาอีทึกที่เป็นผู้สังเกตการณ์หัวเราะลั่นชอบใจ
“พี่ฮีเล่นแรงไปแล้วนะ”
“ใครบอกให้นายฉวยโอกาสกอดฉันล่ะ”
“ผมไม่พิศวาสพี่ถึงขนาดนั้นหรอก”
“แก้วน้ำมีเยอะแยะนายอยากจะเอาไปประดับบนหัวสักอันไหมแถมฟรีเลือดสดๆ”
“ไม่ล่ะครับ”
ซองมินยิ้มแหยเมื่อฮีชอลอารมณ์เสียขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ควรยุ่งเท่าไหร่ ใครก็รู้ว่าฮีชอลอารมณ์ร้าย ขืนต่อปากต่อคำมากๆ อาจจะไม่ตายดีหรือถ้าตาย..ก็อาจจะตายทั้งเป็น
ฮีชอลตัดสินใจไม่ถามต่อซองมินเองก็ปิดปากเงียบเมื่อนั่งได้สักพักต่างชวนกันกลับเพราะมันเลยเที่ยงคืนแล้ว
ร่างเพรียวของฮีชอลเดินผิวปากมายังรถบิกีนี่พร้อมลีทึกและซองมิน ฮีชอลต้องไปส่งซองมินที่บ้านแต่สำหรับอีทึกจำเป็นต้องพาไปส่งที่โรงพยาบาลเพราะอาชีพหลักของอีทึกคือหมอและมีการเข้าเวรวันนี้ตอนตีสอง
หลังจากที่ไปส่งทุกคนแล้วร่างบางก็ขับรถกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี ลืมไปเลยว่าตนเองสั่งให้คนรับใช้บอกพ่อว่าจะไม่อยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจนักปกติพ่อก็เลี้ยงเขาแบบตามใจบ้างบังคับบ้างแต่สำหรับเรื่องเที่ยวจะยังไงก็ได้เพราะฮีชอลมีความรับผิดชอบต่อการงานพอที่จะทำให้ผู้เป็นพ่อไว้วางใจ
ซึ่งบางทีการที่เขาออกไปเที่ยวผับกลางดึกคืนนี้อาจจะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาลเลยก็ได้...
__________________________________
Talk : หายไปนานแสนนานกว่าจะกลับมาได้
OPV เรื่องนี้ออกแล้วนะคะ และทุกคนก็ใกล้
จะเปิดเทอมแล้ววว หลังจากเปิดเทอม
ลูกเจี๊ยบสัญญาว่าจะอัพทุกเดือนนะคะ
เพราะว่าขึ้นม.3เตรียมจะต่อม.4งานมันเยอะ
แต่ก็จะไม่อู้แน่นอนค่ะ
ส่วนคาแร็กเตอร์ ลูกเจี๊ยบกำลังทำใหม่
เพราะมันไม่ค่อยสวย :)
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับการติดตาม
เม้นไม่เม้นไม่ว่ากัน ขอแค่คุณอ่านอย่างมีความสุข.
มีคนบอกว่าห้ามเจี๊ยบดอง ไม่ดองหรอกค่าแค่อัพเดือนละครั้ง ฮิฮิ
ติดต่อไรเตอร์ ทางfacebook = fon254022@hotmail.com
ทวิตเตอร์ = @ELFsiMplE482540 ค่ะ
และเรื่องธีมบทความตอนต่างๆ ลูกเจี๊ยบกำลังฝึกทำอยู่ อิอิ ><
ความคิดเห็น