คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Soul Mate Part2
สวัสดีนะคะทุกคน วันนี้มาต่อพาร์สองเเล้วคะ่ พาร์ทนี้ก็ยังคงเรื่อยๆเอื่อยๆตามสไตล์
ถ้าชอบไม่ชอบยังไงก็เม้นท์บอกเราได้นะ ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
ขอให้มีความสุขกับการอ่านฟิคนะคะ :)
Ps. happpy father's day ค่ะ ขอให้มีความสุขกับครอบครัวกันนะคะ
Soul Mate2
ใต้ตึกคณะสถาปัตย์ในยามบ่ายเต็มไปด้วยกลุ่มนักศึกษาที่นั่งอยู่ตามโต๊ะไม้ที่ตั้งเรียงรายอยู่บนลานกว้างราวสิบกว่าตัว เสียงหัวเราะพูดคุยสนุกสนานดังไปทั่วทั้งลาน จนทำให้ร่างเล็กบางที่นั่งอยู่เพียงลำพังในมุมหนึ่งใต้ตึกคณะอดจะรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้
นอกจากจะหงุดหงิดเพราะเสียงดังแล้ว ยังหงุดหงิดคนที่ยังไม่มาตามนัดสักที มือเรียวยกนาฬิกาข้อมือก่อนจะถอนหายใจออกมา ทั้งๆที่เลยเวลานัดมากว่าชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าพี่แสตมป์จะโผล่มาให้เห็นสักที โทรไปก็ปิดเครื่อง ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ชายตัวดีหายไปไหน คอยดูนะ ถ้าเจอตัวจะบ่นให้หูชาเลย
วันนี้ซินนัดกับพี่แสตมป์ให้มาช่วยอัดกีต้าร์เพลงใหม่ที่เพิ่งแต่งเสร็จเมื่อวานนี้ ตอนโทรไปนัดก็ตกปากรับคำเสียดิบดี แถมยังคุยโม้ด้วยว่าส่งโปรเจ็คไปเรียบร้อยแล้ว เลยเหลือเวลาเอ้อระเหยก่อนปิดเทอมเกือบสองอาทิตย์ เพราะฉะนั้นช่วงนี้ว่างแน่นอน
แต่จนถึงตอนนี้พี่แสตมป์ก็ยังไม่มาสักที แถมยังติดต่อไม่ได้อีก คิดไปคิดมาก็หงุดหงิดอีกแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น ร่างบางพยายามเปลี่ยนเรื่องในหัว คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ก่อนที่เรื่องของคนคนหนึ่งจะแวบเข้ามา
คนคนนั้นที่เจอกันในร้านเหล้า คนที่สามารถสะกดสายตาซินไว้ด้วยรอยยิ้มและเสียงกีต้าร์
หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว ซินเองก็ไม่ได้เจอกับคนคนนั้นอีก แล้วก็ไม่ได้ถามเรื่องราวของคนคนนั้นกับพี่แสตมป์ด้วย ไม่ได้อยากรู้หรือสนใจอะไร เพราะคนคนนั้นก็คงจะเป็นแค่คนคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามา และก็คงจะผ่านไปเหมือนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มีความหมายอะไรในชีวิต แต่ไม่รู้ว่าทำไม เวลาที่เดินสวนกับคนที่สะพายเคสกีต้าร์ หรือได้ยินเสียงกีต้าร์ลอยมาจากที่ไหนสักแห่ง ร่างบางก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง เผื่อว่าจะได้เจอกับคนคนนั้นอีก แม้จะรู้ดีว่าไม่มีทางที่จะเป็นไปได้
ซินรู้ดีว่าตัวเองกำลังหวังลมๆแล้งๆ แต่บางครั้งก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า เราจะได้พบกันอีกรึเปล่า
ดวงตากลมโตเหม่อมองออกไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะสะดุดสายตากับใบหน้าของใครบางคนที่โผล่ออกมาจากห้วงความคิด และใครคนนั้นก็กำลังเดินตรงมาทางนี้
“คุณซิน” เสียงนุ่มทุ้มที่เอ่ยเรียก ทำเอาร่างบางที่เผลอมองจ้องหน้าอีกฝ่ายโดยไม่วางตาตั้งแต่เห็นร่างสูงเดินเข้ามาใต้คณะต้องสะดุ้งเบาๆ
“เอ่อ มีอะไรรึเปล่าครับ” ใบหน้าหวานพยายามทำสีหน้าให้ปกติ ก่อนจะหันไปมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ
“คือว่าพี่แสตมป์ฝากผมมาบอกคุณว่ามีธุระด่วน คงมาอัดกีตาร์ให้คุณไม่ได้แล้ว ฝากขอโทษคุณด้วย” นัทตอบกลับมาด้วยโทนเสียงเรียบและใบหน้านิ่ง เหมือนกับที่ซินเคยเห็นตอนเจอกันในวันนั้น
“แล้วตอนนี้พี่แสตมป์อยู่ไหนครับ” ถามออกไปเพราะอยากรู้ว่าติดธุระอะไรถึงต้องรีบไปขนาดนั้น
“ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน พอดีผมเจอเค้าที่ลานจอดรถตรงคณะผม แล้วเค้าก็ฝากผมมาบอกคุณเท่านั้นแหละ” ซินพยักหน้าเชิงรับรู้ ก่อนจะกล่าวคำขอบคุณออกมาเบาๆ มือเรียวหันไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะมาสะพายไหล่ เตรียมตัวจะกลับบ้าน มือเรียวยกโทรศัพท์ขึ้นเตรียมจะกดโทรบอกให้ป๊ามารับ แต่ก็ต้องชะงักทันทีที่ได้ยินประโยคจากคนร่างสูง
“แล้วพี่แสตมป์ก็วานให้ผมมาอัดกีต้าร์ให้คุณแทนน่ะ” ใบหน้าเรียวหันไปมองร่างสูงอย่างแปลกใจ
แปลกใจ เพราะพี่แสตมป์น่าจะรู้ดีนี่นาว่าซินเป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบพูดคุยหรือสุงสิงกับใคร ถ้าไม่ใช่กับคนที่สนิทร่างบางก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย แล้วกับคนที่แทบจะไม่รู้จักกันเลยอย่างนัทเนี่ยนะ จู่ๆจะให้มาอัดกีต้าร์ให้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ซินอัดเพลงเก็บไว้เฉยๆ ไม่ได้จะเอาไปทำอะไร แล้วก็ไม่อยากรบกวนคุณด้วย” ซินตอบไปอย่างติดจะเกรงใจ
“ช่วงนี้ผมว่าง” พูดเพียงแค่นั้น ก่อนจะถามร่างบางต่อไปอีกว่า
“ปกติคุณอัดกันที่ไหนน่ะ”
“อัดกัน? อ๋อหมายถึงอัดเพลงใช่มั้ยครับ ปกติก็อัดที่หอพี่แสตมป์แหละ” ร่างบางดูเหมือนจะงงไปเล็กน้อยกับประโยคชวนล่อแหลมนั้น ก่อนที่เสียงใสจะตอบคำถามออกมาพร้อมกับยิ้มขำเล็กน้อยกับความคิดของตัวเอง
“โอเค งั้นผมขอดูไลน์ดนตรีหน่อย” เมื่อได้ยินคำพูดของคนร่างสูง ใบหน้าหวานก็ฉายแววลำบากใจออกมา
“ คือว่า ปกติพี่แสตมป์จะเป็นคนทำเกี่ยวกับดนตรีให้ซินอ่ะครับ ซินทำเองไม่เป็นหรอก” ทันทีที่ได้ฟัง ใบหน้าหล่อคมก็ขมวดคิ้วทันที เมื่อเห็นเช่นนั้น คนตัวเล็กจึงอธิบายต่อไป
“ก็พอแต่งเพลงเสร็จ ซินก็จะเอามาร้องให้พี่แตมป์ฟังก่อน พี่เค้าก็จะเอาไปทำดนตรีให้ แล้วเราก็ค่อยมาอัดเพลงอีกที เพราะแบบนี้แหละ ซินก็เลยไม่อยากรบกวนคุณไง” ร่างบางกล่าวอธิบายพร้อมกับเสริมท้ายประโยคอย่างเกรงใจ ยิ่งเห็นอีกคนไม่พูดอะไร ก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายเองก็คงไม่อยากจะมาช่วยอัดเพลงให้เท่าไหร่ ก็แน่ล่ะ นอกจากจะต้องเล่นกีตาร์แล้วยังต้องมาช่วยทำไลน์ดนตรีให้ คงไม่มีใครว่างพอจะมานั่งช่วยทำอะไรตั้งมากมายให้กับคนที่ไม่ได้รู้จักกันสักเท่าไหร่หรอก
ขณะที่กำลังคิดจะถอดใจ คนร่างสูงก็พูดขึ้นมาพอดี
“งั้นคุณลองร้องเพลงของคุณให้ผมฟังหน่อยสิ”
*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*
ชายหนุ่มสองคนก้าวเข้ามาภายในห้องเรียนขนาดเล็กประมาณห้าสิบที่นั่ง ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสามของคณะสถาปัตย์ ซินเอื้อมมือไปกดสวิตช์ไฟตรงประตู แล้วเดินไปวางกระเป๋าสะพายบนเก้าอี้ตัวหนึ่งตรงแถวหน้าสุด ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่อยู่ติดกัน นัทที่เดินตามเข้ามาก็หย่อนตัวลงบนเก้าอี้ถัดจากซินไปสามที่ มือใหญ่หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาอัดเสียง ใบหน้าหล่อคมหันไปมองหน้าคนตัวเล็ก รอคอยเสียงเพลงจากริมฝีปากบางคู่นั้น
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีเสียงเพลงออกมาจากอีกคนสักที ทำให้นัทต้องเพ่งมองใบหน้าเรียวสวยนั้นอย่างติดจะสงสัย ก่อนจะพบคำตอบเมื่อสังเกตเห็นสีระเรื่อบนพวงแก้มของคนตัวบางนั้น เมื่อเป็นเช่นนั้น ร่างสูงจึงลุกขึ้นพร้อมกับเดินไปยังอีกมุมหนึ่งของห้องซึ่งมีหน้าต่างประมาณสี่ห้าบานเรียงรายอยู่ นัทหันหลังให้กับอีกคนที่ยังนั่งอยู่กับที่ ดวงตาคมเหม่อมองออกไปบนท้องฟ้ายามเย็นภายนอกหน้าต่าง
“เอ่อ คือ
” จะบอกว่ายังไงดีล่ะ คือซินไม่เคยร้องเพลงให้คนที่ไม่สนิทกัน ก็ไม่น่าจะแปลกที่จะต้องรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง แล้วยิ่งคนคนนั้นคือนัท แค่เห็นสายตาที่จ้องมองมา ก็ทั้งประหม่าทั้งเขินอายจนไม่กล้าจะร้องเพลงแล้ว แล้วทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ ซินได้แต่คิดวุ่นวายอยู่ในใจ เพราะเกรงใจอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะหมดความอดทนไปแล้ว แต่แล้วความคิดทั้งหลายก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อได้ยินคำถามของอีกคน
“แบบนี้ร้องได้รึยัง” ร่างสูงเอ่ยถามโดยที่ไม่ได้หันไปมองคนตัวเล็กอีกคนในห้อง
ซินหันไปมองคนพูด ร่างนั้นยืนกอดอกนิ่งอยู่กับที่ ใบหน้านิ่งหันออกไปภายนอกหน้าต่างราวกับไม่ใส่ใจอะไร แต่ซินก็รู้ว่าคนคนนั้นกำลังรอฟังเสียงเพลงของเขาอยู่ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ก่อนจะเริ่มร้องเพลง
เพียงแค่ประโยคแรกที่ได้ยิน ร่างสูงถึงกับต้องหมุนตัวกลับมามองคนตัวบางที่ตอนนี้กำลังหลับตาพริ้มในขณะที่เปล่งเสียงที่แสนไพเราะ เสียงนั้นไม่ได้นุ่มทุ้มเหมือนผู้ชาย แล้วก็ไม่ได้แหลมจนระคายหูเหมือนเสียงผู้หญิง เสียงหวานใสนั้นกำลังขับร้องเพลงจังหวะฟังสบายๆที่ให้ความรู้สึกราวกับล่องลอยออกมา แล้วยิ่งเห็นสีหน้าของคนตัวเล็กที่แสดงอาการราวกับกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับบทเพลงนั้น ยิ่งเพิ่มความหน้ามองหน้ามองให้กับใบหน้านี้ได้ดี ไม่แพ้กับรอยยิ้มในวันนั้น
แม้ว่าจะเคยพบกันเพียงแค่ครั้งเดียว แต่น่าแปลกที่นัทกลับจำรอยยิ้มที่ส่งให้ก่อนจะจากกันได้อย่างชัดเจน ถึงจะบอกกับตัวเองว่าไม่ได้สนใจหรือใส่ใจคนคนนั้น แต่บางครั้ง ในยามที่ปลายนิ้วบรรเลงท่วงทำนองเพลงรักอ่อนหวาน จู่ๆภาพใบหน้าสวยหวานของคนที่เพิ่งพบกันเพียงครั้งแรกก็ผุดขึ้นมาจากในหัว
เมื่อรู้ตัวก็ได้แต่รู้สึกแปลกใจ เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครทั้งนั้น แต่ว่าซินกลับมีอะไรบางอย่างแตกต่างออกไป นอกจากใบหน้าที่สวยหวานราวกับผู้หญิงแล้ว ร่างบอบบางนั้นยังมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ไม่อาจจะละสายตาไปได้ กระทั่งในตอนนี้ แม้ว่าซินจะร้องเพลงจบแล้ว แต่ร่างสูงก็ยังคงมองจ้องใบหน้าของร่างบางราวกับถูกมนต์สะกด จนกระทั่งเห็นร่างเล็กบางนั้นก้มหน้าก้มตาหลบสายตาคมนั่นแหละ ใบหน้าหล่อคมจึงกลับมาตีสีหน้าเรียบเฉยเป็นปกติ
“เอ่อ คุณว่าเพลงของซินเป็นไงบ้าง” นัทมองใบหน้าหวานที่ส่งสายตาใสแป๋วมาที่ตัวเองอย่างรอคอยคำตอบ ดวงตากลมโตที่กำลังจดจ้องมองตนนั้นน่ารักน่าเอ็นดูจนร่างสูงถึงกับต้องหันหน้าหนีคนตัวเล็กก่อนที่จะเผลอหลุดอะไรบางอย่างออกไป
“ก็ดี” คำตอบสั้นๆทำเอาคนฟังแอบเสียกำลังใจ ซินทำหน้าเจื่อนลง กำลังจะบอกว่าถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องทำเพลงให้ก็ได้ แต่ก็ไม่ทันอีกคนที่ชิงพูดก่อน
“งั้นผมจะลองไปใส่ดนตรีละกัน เสร็จแล้วจะโทรมาบอก ไปล่ะ” พูดเพียงแค่นั้นก่อนจะก้าวออกจากห้องไป ทิ้งอีกคนให้มองตามอย่างแปลกใจ
*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*
ทันทีที่กลับถึงบ้าน ซินก็เดินเข้าไปหอมแก้มม๊าในห้องรับแขกหนึ่งที ก่อนจะตรงรี่เข้าห้องนอนของตัวเอง คนตัวเล็กวางกระเป๋าไว้บนเก้าอี้ แล้วหันไปหยิบชุดนอนในตู้เสื้อผ้ามาเตรียมไว้บนเตียง กำลังจะเดินเข้าไปห้องน้ำ พอดีมีเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น มือบางจึงหยิบไอโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน มองชื่อปลายสายเพียงแวบหนึ่งก็รับกดรับทันที
“พี่แสตมป์หายไปไหนมา จะไม่มาทำไมไม่โทรมาบอกกันก่อน แถมยังติดต่อไม่ได้อีก” ยังไม่ทันจะได้ทักทาย เสียงใสๆก็บ่นกระปอดกระแปดใส่พี่ชายทันที
“คืองี้ว่ะซิน คือโปรเจ็คพี่มันมีปัญหา เพิ่งรู้เมื่อตอนกลางวัน เพื่อนพี่มันก็เลยลากพี่ไปทำงานที่หอแถมยึดโทรศัพท์ไปอีก นี่พี่เพิ่งโดนปล่อยตัวมา ข้าวก็ยังไม่ได้กินเลยว่ะ ว่าแต่แกเจอไอ้นัทแล้วใช่มั้ย” พี่แสตมป์อธิบายยาวเหยียด ก่อนจะถามถึงใครอีกคน
“เจอแล้วครับ”
“เออดีแล้ว พี่ฝากให้มันช่วยอัดกีต้าร์ให้แกน่ะ รู้แล้วใช่มั้ย เพราะช่วงนี้พี่คงยุ่งๆ คงจะไม่ได้เจอแกอีกสักพัก เฮ้ย เพื่อนพี่มันเรียกไปกินข้าวแล้วว่ะ แค่นี้ก่อนนะ” ไม่ทันจะได้ตอบอะไร พี่แสตมป์ก็วางสายใส่ทันที
มือเรียวเล็กวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะที่เดิม ก่อนจะทำหน้ามุ่ยกับพฤติกรรมของพี่ชายคนสนิท ก็เข้าใจอยู่หรอกนะว่าโปรเจ็คก่อนจบมันเป็นอะไรที่ซีเรียสมากถึงมากที่สุด แต่ก็น่าจะมีเวลาคุยกับน้องบ้างอะไรบ้าง แถมยังไม่ได้ต่อว่าสักคำที่จู่ๆก็ไปวานคนที่เพิ่งจะรู้จักกันมาช่วยทำเพลงให้ ทั้งๆที่น่าจะรู้ดีว่าซินไม่ชอบยุ่งกับคนที่ไม่รู้จัก ถึงจะแอบดีใจที่ได้เจอกับนัทก็เถอะนะ
ร่างบางคิดอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ ผ่านไปสักพักร่างบางก็เดินออกมาจากห้องพลางเอาผ้าเช็ดตัวผืนเล็กขยี้ผมที่เปียกชื้น ขณะเดินไปนั่งที่ปลายเตียง ก็มีเสียงข้อความเข้ามาพอดี คนตัวเล็กจึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์แปลกๆส่งข้อความมาก็ทำหน้าแปลกใจ ก่อนจะกดดูข้อความนั้น
‘ใส่คอร์ดเสร็จแล้ว พรุ่งนี้เจอกันใต้ตึกคณะคุณตอนบ่ายสาม / นัท’
ความคิดเห็น