ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO SNSD ETC.] HIDDEN

    ลำดับตอนที่ #7 : ♔ HIDDEN 05 : : เหนือฟ้ายังมีฟ้า

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 57



     

    HIDDEN

    [CH .05 :: เหนือฟ้ายังมีฟ้า ]




    ตุ้ง..ตุ่ง..ตุ้ง..ตุ่ง

    ฉันกำลังยืนอยู่ ณ สถานที่หนึ่งที่ไม่เคยเหยียบย่างมาก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่ดูแปลกตาไปเสียหมดไม่ว่าจะอาคารเรียนที่ดูหรูหราและใหม่เอี่ยมอ่องน่าเรียนเป็นทีสุด แถมยังสนามหญ้าสีเขียวขจีน่าล้มตัวลงกลิ้งมากๆนั่นอีก ตลอดจนสนามกีฬาหลากประเภทที่ดูจะใหม่ด้วยเหมือนกันโดยรวมทุกอย่างที่นี่มันช่างเพอร์เฟ็กต์และดูหรูหราสะดวกสบายเกินกว่าจะเป็นสถานศึกษาได้

    ตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่หน้าโรงเรียนฮวาซุนค่ะ!

    “ที่นี่กว้างจังเลยเนอะ~”

    จียอนที่ยืนอยู่ข้างฉันแสดงความคิดเห็นด้วยแววตาเป็นประกายวิบวับในขณะดวงตาคู่สวยของเธอกำลังกวาดไปรอบๆอาณาบริเวณอย่างชื่นชม จะตื่นเต้นก็ไม่แปลกหรอกเพราะฮวาซุนถือว่าเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษที่มีการจัดการเรียนการสอนที่ทันสมัยที่สุดในเขตนี้ไหนจะความใจป้ำของผู้อำนวยการที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของนักเรียนมาเป็นอันดับหนึ่ง ผิดกับมุนฮวางโรงเรียนเก่าแก่ที่ก่อตั้งได้ร่วมสองร้อยกว่าปีมาแล้วอาคารเรียนบางอาคารยังคงรูปแบบเดิมเมื่อสองร้อยกว่าปีเอาไว้ด้วย (ถึงจะบูรณะซ่อมแซมต่อเติมทุกปีก็ตาม)

    “ก็งั้นๆแหละอาคารเรียนเราดูดีกว่าอีก”

    ซูยองมองรอบๆโรงเรียนพร้อมแสยะยิ้มสมเพช ทำไมคุณเธอถึงได้คิดว่าสิ่งปลูกสร้างเก่าค่ำครึที่มีตระไคร้น้ำเกาะติดยาวเป็นแพเหมือนโรงเรียนผีสิงสวยงามกว่าอาคารเรียนทาสีใหม่กิ๊กไร้คราบนะ..

    พอเถอะยิ่งพูดยิ่งสมเพชตัวเอง -_-

    ณ ลานกว้างกลางโรงเรียนนั่นเองฉันมองเห็นกลุ่มคนยืนเรียงแถวหน้ากระดานกันอยู่ ถ้าให้เดาฉันว่าคงจะเป็นคณะกรรมการนักเรียนของฮวาซุนละมั้ง ไม่รอช้าซูยองนั้นนำทีมพวกเราไปทางนั้นทันที

    “ไงซูยอง สบายดีนะ” เสียงราบเรียบนิ่งสนิทของผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่ยืนตรงกลางและดูมีความเป็นผู้นำ เอ่ยทักทายซูยองเรียบๆพอเป็นพิธี

    เท่าที่รู้มาผู้หญิงคนนี้คือ ปาร์คเยอึน ประธานนักเรียนสาวสวยคมของฮวาซุนผู้มีใจรักความยุติธรรมและเคร่งกฎพอๆกับซูยองความน่าเกรงขามของเธอดังกระฉ่อนมาถึงมุนฮวางกันเลยทีเดียว แต่ถ้าจะให้เปรียบก็คือซูยองน่ะเป็นผู้หญิงแบบ สวยสังหารส่วนเยอึนจะเป็นประเภท สวยแช่แข็งเพราะสายตาเย็นเยียบคู่นั้นที่สามารถสังหารคนที่สบตาได้ทุกเมื่อ

    ทำไมสองคนนี้ถึงได้เขม่นขับเคี่ยวกับจะเป็นจะตายอย่างนี้น่ะเหรอ

    เคยได้ยินสำนวนที่ว่า เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้บ้างไหมล่ะ

    ถึงจะเป็นเพื่อนที่รักกันปานจะกลืนกิน แต่เพราะทั้งซูยองและเยอึนต่างก็เป็นคนไม่ชอบทำตามใคร หนำซ้ำทัศนคติยังไม่ตรงกันอีกต่างหาก แบบนี้เยอึนจึงลาออกจากมุนฮวางแล้วมาเข้าฮวาซุนนี่ไงล่ะ -_- เพราะยังไงคนอย่างซูยองก็คงไม่ยอมลาออกมาก่อนแน่ๆ

    ฉันละสายตาจากสองสาวประธานนักเรียนแล้วมองหน้าผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นคาริสม่าของมุนฮวางอย่างแอลเองก็กำลังเล่นจ้องตากับผู้ชายตัวสูงอีกคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ถ้าจำไม่ผิดหมอนั่นน่าจะชื่อคริสคนจีนที่ดูยังไงก็ต้องมีเชื้ออื่นมาปนอยู่ด้วยแหละเป็นคาริสม่าของที่นี่เหมือนกันบรรยากาศของสองคนนี้เหมือนกับว่าทั้งคู่กำลังแข่งแผ่ไอเย็นใส่กัน ขนาดฉันยังอดขนลุกซู่ซ่าไม่ได้เลย -_-

    ถัดมาจากแอลก็คือฮาร่าเธอกำลังขยับแว่นและสาดสายฟ้ากับหนุ่มคงแก่เรียนอีกคนอย่างดุเดือดไม่แพ้สองคนก่อนหน้าเลยแม้จะไม่ได้ดูรุนแรงเหมือนสองคู่ก่อนหน้าแต่ก็ทำให้ฉันสั่นสะท้านไปถึงไขสันหลังเลยทีเดียว

    แม้แต่จียอนและเจสสิก้าจองสองดาวโรงเรียนที่จัดว่าสวยเด็ดทั้งคู่เองต่างก็กำลังจิกตาใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใครซึ่งบรรยากาศนั้นมาคุกว่าสามคู่ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า =_=;;

    ตอนนี้ฉันมาอยูที่ไหนกันแน่เนี่ย!?

    ทำไมฉันถึงรู้จักพวกเขางั้นเหรอ เพราะความสวยความหล่อตะไลไม่บันยะบันยังของสองดาวเดือนแห่งฮวาซุนน่ะสิ รุ่นน้องที่โรงเรียนฉันก็กรี๊ดตาคริสอะไรนั่นพอสมควร แถมยังยกย่องเจสสิก้าให้เป็นไอดอลในอุดมคติของตัวเองอีกด้วย 

    พูดง่ายๆก็คือที่มุนฮวางสองคนนั้นป็อปปูล่าสุดๆ

    คราวนี้ฉันเบนสายตามาทางเจ้าชายสี่มิติบ้าง รู้สึกดีใจเล็กๆที่หมอนี่ยอมมาด้วย (ถึงจะไม่รู้ว่ามาตอนไหนก็เถอะ) แถมยังไม่ทำท่าน่ากลัวเหมือนสี่คนก่อนหน้าอีกต่างหาก -_- ตอนนี้แบคฮยอนกำลังยืนจ้อง จ้อง แล้วก็จ้องหนุ่มหน้าหวานตรงข้ามตัวเองด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาในความคิด หนุ่มหน้าหวานคนนั้นหันมาและยิ้มให้ฉันเล็กน้อยฉันผงกหัวเป็นเชิงทักทายแล้วแกล้งหันไปมองทางอื่นอย่างน้อยเขาก็ดูท่าทางเป็นมิตรกว่าสี่คนแรกอยู่มากโขเลยทีเดียว -_-

    และฉันก็มองไปที่คนสุดท้ายในแถว..เขาเป็นผู้ชายที่ตัวค่อนข้างสูงใบหน้าเฉยชาดูง่วงนอนตลอดเวลาของเขาช่างเป็นเอกลักษณ์เหลือเกิน เขาเปิดปากหาวทีหนึ่งด้วยความง่วงงุนเต็มพิกัดขอบตาของเขามีรอยคล้ำเล็กน้อยคาดว่าเขาคนนั้นยังคงดูหนังกำลังภายในจนดึกดื่นเหมือนเดิมสินะ..

    โอเซฮุนนายไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ

    ขณะหนึ่งที่ร่างสูงนั้นหันมาทางฉันพอดิบพอดีเราสบตากันแม้จะผ่านมาสองปีแล้วก็ตามแต่แววตานิ่งๆดุจผืนน้ำไม่ไหวติงนั้นยังคงเหมือนเดิม ทั้งเยือกเย็น ทั้งอบอุ่น และน่าค้นหาในคราวเดียวกัน ฉันลากสายตาออกมาจากดวงตาคู่นั้นพลางกัดริมฝีปากแน่นเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่างที่กำลังประทุในอก ราวกับมีก้อนอะไรบางอย่างจุกในลำคอจนไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆออกมาได้

    ฉันยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเขาจริงๆสินะ

    “เธอสบายดีนะ” เซฮุนเป็นผู้ทำลายความกดดันนี้ก่อนด้วยการทักทายฉันด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งสนิทอย่างเป็นปกติทุกอย่างจนน่าโมโห

    “อือ..”

    ฉันพยายามคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นในขณะที่ตอบร่างสูงไป เขาเพียงยิ้มบางๆยากจะคาดเดาจุดประสงค์กลับมาให้แต่กับทำให้ฉันปวดแปลบราวกับถูกมีดนับพันเล่มปักกลางอกก็ไม่ปาน รอยยิ้มแบบนั้น น้ำเสียงนั้น และแววตาคู่นั้น แม้จะเจ็บใจแต่ทุกอย่างที่เป็นเขาช่างมีอิทธิพลต่อฉันมากมายนัก

    “งั้นเหรอเธอสบายดีสินะ”

    “ดูท่า..นายเองก็สบายดีเหมือนกันสินะ.”

    “อือ..สบายดี”

    หลังจากนั้นเราสองคนก็ต่างเงียบ เขาไม่พูด..และฉันก็ไม่พูดช่างเป็นบรรยากาศที่น่าอึดอัดเหลือคณานับฉันภาวนาให้ความรู้สึกบ้าๆนี่มันจางหายไปซะก็ได้ยิ่งดีบางทีฉันอาจจะไม่ต้องเจ็บปวดทุกครั้งที่มองหน้าเขาแบบนี้ก็ได้

    ทั้งโหยหา..

    และในขณะเดียวกันก็ปวดร้าวเหลือเกิน

    “เป็นอะไรหรือเปล่าหน้าซีดเชียว”

    เสียงแบคฮยอนที่อยู่ข้างๆถามขึ้นมาเรียกฉันให้ตื่นจากภวังค์ ฉันส่ายหัวดิกเป็นเชิงบอกว่าไม่มีอะไรแล้วคลี่ยิ้มตอบ “ไม่มีอะไรหรอก..ไม่มีอะไร”

    แบคฮยอนไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อเขาหันกลับไปคุยกับหนุ่มหน้าหวานคนนั้นอย่างสนิทสนม แต่ก็แอบเหลือบมองฉันเป็นพักๆราวกับกำลังจับสังเกตอยู่อย่างไรอย่างนั้น

    แต่ว่าฉันคงแค่คิดไปเองนั่นแหละ

     

     

    ณ ห้องประชุมเล็กของฮวาซุน

    เป็นอีกครั้งที่ฉันตกตะลึง..

    พวกเรากำลังอยู่ที่ห้องประชุมเล็กของฮวาซุน นั่นทำให้ฉันสงสัยอย่างมากว่าทำไมต้องเรียกมันว่าห้องประชุมเล็กในเมื่อมันหรูหราออกซะขนาดนี้ ภายในเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่เล็กไม่กว้างมากจนเกินไปข้างหน้ามีจอแอลซีดีขนาดยักษ์พร้อมโต๊ะไม้สีขาวดูหรูหราไฮโซสุดๆ เท่านั้นไม่พอในห้องนี้ยังติดแชลนาเลียปูพื้นด้วยพรมสีเลือดนกเสริมให้ห้องดูมีสง่าราศีเข้าไปอีก

    โอ๊ยย ห้องสภานักเรียนของพวกเราดูโกโรโกโสไปเลย

    “ผลาญเงินไปกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์สมเป็นเธอดีนะเยอึน”

    ซูยองไม่วายแขวะประธานสาวของอีกฝ่ายในขณะที่ใช้สายตาสำรวจห้องประชุมนี้อย่างกะประเมิน เยอึนชักสีหน้าใส่ซูยองด้วยความไม่พอใจที่ถูกว่ากระทบเธอสูดลมหายใจเข้าลึกราวกับพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเองอย่างถึงที่สุดพร้อมปั้นหน้ายิ้ม

    “พอดีงบที่โรงเรียนให้มามันเยอะจนไม่รู้จะเอาไปทำอะไรน่ะ” เยอึนยิ้มหวานตอบหน้าตาย “แต่ถ้าไม่เอามาใช้มันก็กระไรอยู่นะ จริงมั้ยซูยอง”

    ทั้งที่เธอยิ้มแต่ประโยคที่พูดไปเมื่อซักครู่เหมือนจะเหน็บแนมอยู่กลายๆ

    เยอึนผายมือเชื้อเชิญด้วยรอยยิ้มแบบเฟกๆราวกับไม่ค่อยเต็มใจนัก ซูยองเบะปากใส่เล็กน้อยก่อนที่จะสะบัดหน้าเดินเชิ่ดเข้าไปในห้อง ตามด้วยสมาชิกที่เหลือที่เดินเข้าไปพร้อมผงกหัวให้เยอึนเป็นเชิงขอโทษถึงกริยาที่ไม่สุภาพของประธานเรา

    โต๊ะตัวนี้มีเก้าอี้อยู่สิบสองตัวด้วยกันเท่ากับจำนวนผู้ประชุมพอดิบพอดี เยอึนนั่งหัวอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนซูยองนั้นนั่งหัวโต๊ะฝั่งตรงข้าม รองประธานนักเรียนและมันสมองของทั้งสองโรงเรียนต่างนั่งทางด้านขวาและซ้ายของประธานของตนเอง ถัดมาคือจียอนซึ่งฝั่งตรงข้ามเธอคือเจสสิก้า ถัดมาอีกก็เป็นหนุ่มหน้าหวานตรงข้ามแบคฮยอน ส่วนฉันนั่งปลายสุดของแถวโดยมีโอเซฮุนนั่งอยู่ตรงข้าม

    ทำไมพระเจ้าถึงชอบเล่นตลกกับชีวิตฉันนัก!

    “สำหรับเรื่องงานสถาปนาโรงเรียนของมุนฮวางนั้นรายละเอียดอยู่ในเอกสารตรงหน้าพวกเธอทุกคนแล้ว” ซูยองกล่าวเปิดฉากการประชุมทุกคนต่างหยิบเอกสารตรงหน้าตนขึ้นมาเปิดอ่านทันที

    ส่วนฉันทำเป็นก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารและพยายามไม่มองผู้ชายที่อยู่ตรงข้าม

    “ดูเผินๆก็เหมือนจะไม่มีอะไรมากค่ะ เพราะงานนี้เราก็จัดเป็นประจำทุกปีอยู่แล้วแต่ปีนี้พิเศษกว่าปีไหนๆเพราะเป็นวันสถาปนาโรงเรียนครบสองร้อยยี่สิบสองปี ซึ่งเลขสองก็เป็นนำโชคประจำสถาบันของเราด้วยค่ะ”

    ฮาร่าแจกแจงรายละเอียดต่างๆอย่างคล่องแคล้ว ทุกคนต่างนั่งนิ่งฟังด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเหมือนกำลังใช้ความคิดกันอยู่ ส่วนฉันที่ไม่ค่อยมีหัวคิดทางด้านนี้จึงทำได้เพียงนั่งเงียบๆเพื่อไม่เป็นการรบกวนสมาธิคนอื่นเท่านั้น

    นอกจากงานจับฉ่ายฉันก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

    แล้วนี่ฉันเข้ามาเป็นคณะกรรมการนักเรียนได้ยังไงเนี่ย -_-;;

    ฉันพลิกเอกสารในมือดูสองสามทีก่อนที่จะวางมันลงในที่สุด ตอนนี้การประชุมค่อนข้างคืบหน้าไปพอสมควรคณะกรรมการนักเรียนของแต่ละฝ่ายต่างผลัดกันแสดงความคิดเห็น ทั้งที่ตอนแรกดูจะไม่ค่อยถูกโฉลกกันขนาดนั้นแท้ๆ เอาเข้าจริงพวกเขาก็ร่วมมือกันเป็นอย่างดีกว่าที่คาดไว้เยอะเลย

    “นี่เยอึนธีมงานของเธอมันไม่ฟุ่มเฟือยไปหน่อยเหรอ..”

    อย่างน้อยฉันก็เคยคิดแบบนั้น -_-;;

    “ไม่หรอก..ปีนี้ฮวาซุนก็นำเงินส่วนหนึ่งสมทบทุนเหมือนกัน ทำให้งบประมาณปีนี้น่าจะมากกว่าปีที่ผ่านๆมาประมาณสามเท่าได้มั้ง” เยอึนเถียงต่อด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

    เหมือนคุณเธอจะเยาะเย้ยอยู่กลายๆแฮะ

    “แต่ถึงอย่างนั้นการทุ่มงบประมาณมากเกินไปใช่ว่ามันจะส่งผลดีนี่”

    ซูยองใช้เหตุผลเข้าสู้อย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน กลายเป็นว่าทั้งห้องนี้ถูกปกคลุมไปด้วยพลังงานลึกลับบางอย่างที่แผ่ออกมาจากสองประธานจนเย็นยะเยือกไปถึงทรวง -_- ชนิดที่ทำเอาพวกเราไม่กล้ากระดิกไปไหน เพราะกลัวว่าหากขยับแม้แต่มิลเดียวสายตาคมกริบประดุจเลเซอร์สังหารนั่นเล่นงานเข้า แค่ซูยองคนเดียวก็กินขาดแล้วคราวนี้มีเยอึนด้วยเลยกลายเป็นว่าภายในห้องนี้มีรังสีอำมหิตบวกจิตอาฆาตยกกำลังสองเลยทีเดียว

    เชื่อเถอะถ้ามานั่งอยู่ตรงนี้แล้วจะพูดไม่ออก!

    พวกเรายังคงถกปัญหาต่างๆกันอยู่ ทั้งเรื่องเนื้อที่ งบประมาณ การแสดง และอื่นๆอีกมากมายที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เอาเป็นว่าหลักๆก็ยังอยู่ที่เรื่องงบประมาณนี่แหละด้วยบรรยากาศอึ้มครึ้ม ฉันลอบถอนหายใจนิดหน่อยแล้วเท้าคางมองบรรยากาศรอบๆห้องไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนไม่มีอะไรทำ

    ฉันนี่ดูจะว่างงานมากเลยเน้อะ

    ป็อก!

    วัตถุบางอย่างลอยมากระทบหัวฉันอย่างแรงทำเอาฉันอดขมวดคิ้วไม่ได้ แน่ล่ะเข้าใจอารมณ์แบบประมาณว่ากำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่แล้วมีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้มาขัดมั้ยล่ะ หงุดหงิดมากใช่มั้ยล่ะ

    นั่นแหละอารมณ์ของฉันในตอนนี้!!

     ฉันหยิบเจ้ายางลบโมโนก้อนจิ๋วแต่ราคาแสนแพงขึ้นมา ปกติแล้วเวลาเห็นเครื่องเขียนแพงๆแบบนี้ฉันก็คงอดเก็บมันใส่กระเป๋าไม่ได้ (ก็นะมันแพงมากนี่)แต่คราวนี้มันกลับทำให้ฉันอารมณ์เสียสุดกู่

    ฉันหันขวับมองคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ทำไมฉันลืมไปว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้คือโอเซฮุนนะ! ฉันปั้นหน้านิ่งๆใส่ยังไงฉันก็จะไม่ยอมพูดกับเขาเด็ดขาดถึงแม้เขาจะเป็นคนรู้จักก็ตามแต่ก็เพราะว่ารู้จักนี่แหละถึงไม่อยากคุยด้วย

    เราสองคนต่างสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ

    ดวงตาคู่สวยของเขา มันยังแวววาว นิ่งเรียบ และมีประกายเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยนแต่เพราะมันเหมือนเดิมทุกอย่าง...ฉันถึงรู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนมีอะไรบางอย่างมากดทับมันไว้จนเจ็บไปหมด

    ไม่พร้อม..ไม่พร้อมจริงๆ

    “ไอ้นั้นของฉันน่ะ ส่งมาให้หน่อยสิ”

    เขาพูดพร้อมแบมือมาตรงหน้าเหมือนจะขออะไรบางอย่าง ฉันมองยางลบในมือสลับกับเขาอยู่พักใหญ่ก่อนจะถอนหายใจออกมา เจ้าของยางลบก้อนนี้คือเขานั่นเองคิดได้แล้วฉันจึงบังคับมือที่สั่นเทาของตัวเองวางยางลบนั่นไว้บนมือเขาอย่างยากลำบาก

    ตอนนี้มือไม้มันสั่นไปหมดเหมือนหัวใจของฉันนั่นแหละ

    “ขอบใจ” เขาเปิดปากเอ่ยขอบคุณเรียบๆ อารมณ์หงุดหงิดในตอนแรกหายวับไปในพริบตา ตามปกติแล้วฉันคงต้องตักเตือนสั่งสอนให้เข็ดหลาบเสียบ้างแต่เมื่อเห็นหน้าเขา...ราวกับว่าหัวสมองมันอื้ออึงไปหมด

    อย่าว่าแต่ตักเตือนเลยแค่เปิดปากพูดก็ลำบากแล้ว

    “สรุปว่าคนรับผิดชอบเรื่องป้ายไวนิลคือยุนอานะ”

    “เอ๊ะ!

    ฉันอุทานเสียงดังอย่างลืมตัว ทว่าซูยองกลับยักคิ้วหลิ่วตาใส่เหมือนกำลังจะบอกว่า ไม่รู้ไม่ชี้อะไรทำนองนั้นซ้ำเยอึนยังยักไหล่เป็นลูกคู่อีกต่างหาก  ตอนนี้ฉันละอยากถอดรองเท้านักเรียนตั๊นหน้ายัยสองประธานขาโหดนี่ชะมัด =_=

    พวกหล่อนเพิ่งจะทะเลาะกันไปเองไม่ใช่เหรอ!

    “อย่าคัดค้านเป็นอันขาดเพราะทุกคนเขามีงานรับผิดชอบกันหมดแล้ว” เหมือนว่าซูยองจะอ่านใจฉันออกจึงชิงตัดบทขึ้นมาก่อนที่ฉันจะอ้าปากเถียงซะอีก

    “แบคฮยอนด้วย?”

    “เธอยังคิดจะพึ่งพาคนแบบนั้นอยู่เหรอ ”

    ซูยองพูดพลางบุ้ยหน้าไปทางแบคฮยอนที่นั่งทำหน้ามึนไม่รับรู้สิ่งใดทั้งสิ้น ท่าทางหมอนี่จะลืมพกสติมาโรงเรียนด้วยแหงๆ -_-;; (ฉันว่าเขาก็ลืมพกมาทุกวันนั่นแหละ) ยิ่งมองคนหน้าแบ้วเหมือนลูกหมาข้างถนนความหดหู่ในใจก็แผ่ขยายจนต้องลากสายตาออกมา

    ถ้าให้หมอนี่ทำดูท่าจะไม่รอด -_-

    “แต่ให้เหม่งน้อยทำคนเดียวจะไหวเหรอ“

    “ก็จริงนะ..หาคนไปช่วยหน่อยดีกว่า” เจสสิก้าหันไปบอกประธานฝั่งตัวเองเป็นเชิงสนับสนุนความคิดของจียอน (พวกเธอไปญาติดีกันตอนไหน - -) เยอึนนั่งนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่ซักพักก่อนที่เธอจบอกว่า..

    “เซฮุนงั้นนายไปช่วยยุนอาก็แล้วกัน”

    บางทีฉันก็อดคิดไม่ได้..

    ยัยสองประธานนี่รวมหัวกันแกล้งฉันหรือเปล่า!!

    “ถ้าไม่คัดค้านก็โอเคนะ”

    เฮ้ยเดี๋ยวไม่คิดจะถามความสมัครใจเลยใช่มั้ย!

    พรึบ!

    “จะพูดอะไรเหรอ” เยอึนหรี่ตาถามเมื่อฉันลุกขึ้นเสียงดัง สายตาทุกคู่กำลังจับจ้องมาที่ฉันไม่เว้นแม้แต่คนที่ไม่ค่อยสนใจรอบข้างอย่างแบคฮยอน

    “ว่าไงยุนอา”

    เยอึนถามย้ำอีกครั้ง ฉันกัดริมฝีปากเป็นเส้นตรงอย่างเครียดจัด ไม่ใช่เพราะสายตาน่ากลัวของซูยองและเยอึนหรือการตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน แต่เป็นเพราะสายตาว่างเปล่าของเขา..โอเซฮุนแต่เพราะมันว่างเปล่านี่แหละฉันถึงคิดว่ามันน่าโมโหที่สุด

    ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ

    ทั้งที่ฉันอึดอัดจะเป็นจะตายอยู่แล้วเนี่ยนะ!?

    “เปล่าไม่มีอะไร”

    ถึงจะบอกไปว่าไม่มีอะไรแต่ในใจฉันกลับคัดค้านอย่างหนัก

    ฉันไม่มีทางมองหน้าเขาติดแน่นอน!!

     

    _________________________________________________ 



    กลับมาอัพตามสัญญาแล้วน้าา >__< ตอนนี้แอบป่วงเบาๆพอดีบรรยายความรู้สึกไม่ค่อยเก่ง T T
    สอบเสร็จแล้วใจหายใจคว่ำมากยอมรับว่าเอาสมองตันๆโล่งๆไปสอบ (ฮา)
    ผลจะออกมาเป็นยังไงก็สุดแท้แล้วแต่เวรแต่กรรมล่ะเน้อะ #ข้าปลงละ
    สำหรับตอนนี้ไม่มีอะไรจะบรรยาย อธิบาย สปอยล์หรืออะไรมาก
    เอาเป็นว่าจะพยายามมาอัพให้บ่อยขึ้นนะคะ <3

     




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×