ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามทางหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #2 : 2. สิ่งที่ไม่คาดฝันกำลังจะเกิดขึัน

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 53


     

                                 ฉันเปิดประตูห้องนอนเข้าไป มองดูรอบๆ ห้อง นี่มันอะไรกัน ทำไมมืดแบบนี้ล่ะ ฉันวางกระเป๋าลงบนเตียงนอนและเดินไปที่หน้าต่าง
                      ฉันรีบเปิดหน้าต่างทันที ค่อยยังชั่วหน่อย ฉันหันกลับไปมองรอบๆห้องอีกครั้ง ที่นี่ไม่มีไฟฟ้าแล้วฉันจะทำยังไงดีนี่ กลางคืนคงมืดน่าดูเลย ฉันรีบวิ่งออกไปนอกห้องเพื่อจะไปหานาโอมิ
                      "นี่ นาโอมิ" ฉันวิ่งพร้อมตะโกนเสียงดัง นาโอมิเปิดประตูออกมาดูฉันทันที "มีอะไร ทำไมตะโกนเสียงดัง" ฉันรีบเดินเข้าไปในห้องของเธอทันที "ฉันไม่รู้มาก่อนว่าที่นี่ไม่มีไฟฟ้า แล้วฉันจะอยู่ยังไงล่ะ" นาโอมิหัวเราะฉันเสียงดัง "นี่ เธอบนภูเขาสูงๆ แบบนี้จะมีไฟฟ้าได้ไงล่ะ ไม่รู้จักคิดสะบ้าง"
                    ฉันยืนท้าวเอวมองนาโอมิด้วยความโกรธ "แล้วทำไมไม่บอกฉันล่ะว่าไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้าใช้ ฉันจะได้ไม่มา อย่างนี้เขาเรียกว่าหลอกกันชัดๆ"
                    เรียวคุงเดินเข้ามาพอดี "นี่ สาวๆ ไปเดินเล่นข้างนอกกันไหม อากาศกำลังดีเลย" ฉันหันไปมองเขาด้วยแววตาที่ไม่พอใจ "เป็นอะไรไป" เขาถามฉันด้วยความไม่เข้าใจ นาโอมิมองฉันแล้วหันไปยิ้มให้เรียวคุง "ก็ซาเอกะจังเขากลัวความมืด พอรู้ว่าที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้เขาก็เลยสติแตก" เรียวคุงหันมามองฉันและยิ้ม "อ้าว นี่เธอกลัวความมืดเหรอ ไม่น่าเชื่อ" ฉันทำตาดุใส่เขาทันที "หมายความว่าไงที่บอกว่าไม่น่าเชื่อ อธิบายหน่อยได้ไหม" เขาหัวเราะทันที "ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็พูดไปอย่างนั้นเองไม่มีความหมายอะไรเลย" เขารีบเดินหนีฉันไปอย่างรวดเร็ว นาโอมิหันมาจับมือฉันให้ออกไปพร้อมกัน
                         "ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย มีแต่ต้นไม้ใบหญ้า" ฉันเดินบ่นไปตามทาง นาโอมิหันมามองฉัน เธอคงจะรำคาญฉันน่าดู "นี่ หันมองอะไรให้มันสวยงามบ้างไม่ได้หรือไง ไม่แน่นะเธออาจจะได้พบเจ้าชายในฝันก็ได้" 
    ฉันหัวเราะเสียงดังด้วยความรู้สึกไม่เชื่อ "นี่ ฉันว่าฉันเพ้อเจ้อแล้วนะ แต่เธอหนักกว่าฉันเสียอีก ฉันจะได้พบเขาได้ไง" ฉันพูดพร้อมกับมองขึ้นไปบนท้องฟ้า "ป่านนี้เขาคงกำลังเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าว แล้วฉันจะมาเจอเขาที่นี่ได้ยังไง" ฉันพูดจบก็ถอนหายใจออกด้วยความรู้สึกเศร้า
                      "ฉันไม่ได้หมายถึงเขาเสียหน่อย แต่อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้ ไม่จะเป็นต้องเป็นเขาเสียหน่อย" นาโอมิพูดพร้อมกับวิ่งไปหาเรียวคุงซึ่งกำลังนั่งอยู่บนขอนไม้ข้างทาง ถ้าไม่ใช่เขาฉันก็จะไม่มองคนอื่นเด็ดขาด แม้ใครจะหาว่าฉันบ้าก็ตาม แต่ฉันคิดว่าเขาคือคนที่เพอร์เฟคที่สุดสำหรับฉัน
                     "นี่ตกลงฉันต้องนอนคนเดียวใช่ไหม" ฉันพูดพร้อมทำท่าน่าสงสาร "นี่ นาโอมิเธอไม่สงสารฉันบ้างหรือไง" ฉันทำเสียงอ้อนอีกครั้ง
                    "นี่เธออาจจะมีใครมานอนกับเธอตอนตกดึกก็ได้" นาโอมิพูดพร้อมทำเสียงน่ากลัว  "นี่พูดอะไร ฉันกลัวนะ"ฉันหันไปตีนาโอมิทันที "คนยิ่งกำลังกลัวๆ อยู่ดันพูดเรื่องผีขึ้นมา บ้าหรือเปล่า" ฉันเดินไปหอบผ้าห่มและเดินไปที่ห้องของตัวเอง "นี่ตกลงจะมานอนกับฉันหรือเปล่า" ฉันหันไปถามนาโอมิอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
                     "ก็ได้ ถ้าเธอกลัวขนาดนั้น แต่เดี๋ยวฉันตามไปนะ" นาโอมิพูดและหันเดินเข้าไปในห้องของเรียวคุง
                      ตกดึกคืนนั้น ก็มีเสียงประหลาดดังขึ้นอย่างแรง เสียงเหมือนอะไรตกลงมาบนพื้นดิน ฉันรีบหันไปกอดนาโอมิไว้ด้วยความกลัวสุดขีด "นี่ เธอได้ยินเสียงอะไรไหม" ฉันกระซิบถามเบาๆ "ได้ยินสิ แล้วเธอว่าเสียงอะไรล่ะ"
    นาโอมิกระซิบตอบฉัน "ไม่รู้สิ เอเลี่ยนหรือเปล่า" นาโอมิลุกขึ้นนั่งทันที "เราไปหาเรียวคุงกันเถอะ" เธอพูดพร้อมกับลุกขึ้นวิ่งไปทันที ฉันรีบวิ่งตามเธอไปติดๆ 
                      ก็อก ก็อก เสียงเราสองคนเคาะห้องของเรียวคุงเสียงดังด้วยความกลัว "มีอะไรกัน"เขาเปิดประตูออกมาด้วยหน้าตายังไม่ตื่นนอน เราสองคนรีบเดินเข้าไปในห้องเขาทันที "นี่เธอไม่ได้ยินเสียงอะไรบ้างหรือไง" ฉันถามเขาด้วยเสียงที่สั่นคลอน เขาปิดประตูและเดินกลับมานอนต่อบนที่นอน
    "ไม่ได้ยินเลยนี่ พวกเธอฝันไปหรือเปล่า" เขาพูดจบก็หลับตานอนทันที 
                      "นี่ ตื่นก่อน อย่าเพิ่งนอน" นาโอมิปลุกเขาเสียงดัง เขาลืมตาขึ้นมามอง "อะไรอีกล่ะ" เขาถามพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง "เราออกไปดูกันไหม"เขาถาม  นาโอมิเอามือตบเขาที่แขนดังๆ "จะบ้าหรือไง ถ้าอยากจะดูก็ไปคนเดียวซิ" เธอพูดพร้อมกับดึงผ้าห่มมาห่ม  
                      ฉันกระโดดขึ้นไปบ่นเตียงทันทีที่ได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือ ช่วยด้วย ช่วยด้วย เสียงผู้ชายร้องด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดทรมาร เราสามคนกอดกันไว้จนแน่น "นี่ เธอว่าเสียงคนหรือเปล่า" นาโอมิถามเบาๆ 
    "ไม่รู้ซิ ถ้าไม่ใช่คนแล้วจะเป็นเสียงอะไรล่ะ" ฉันตอบเธอเบาๆ  เรียวคุงเปิดผ้าห่มออกและลุกขึ้น "จะไปไหน" ฉันถามเสียงดัง "ก็ไปดูนะซิว่าเสียงอะไร" เขาหันมาตอบ นาโอมิรีบดึงแขนเขาไว้ "อย่าไปเลย ฉันกลัว"เธอบอกเขา "แต่ ถ้าเป็นเสียงคนจริงๆ เขาคงต้องการความช่วยเหลือ เราน่าจะไปดูกันนะ"เขาตอบพร้อมเดินไปหาไฟฉาย  ฉันหันไปมองนาโอมิ 
                         "ว่าไงจะไปด้วยกันไหม"เขาหันมาถามก่อนจะเปิดประตูออกไป
    ฉันมองหน้านาโอมิอีกครั้งแล้วก็รีบวิ่งตามเขาไป เราค่อยๆ เดินไปอย่างช้าๆ
    ด้วยความกลัว ทำให้ฉันกับนาโอมิเดินอยู่ข้างหลังเขา "นี่พวกเธอเดินห่างๆ ฉันหน่อยได้ไหม" เขาหันมาดุพวกฉันเพราะเขาเดินไม่สะดวก
                         "ไม่เอาหรอก ก็ฉันกลัวนี่ เธอเป็นผู้ชายก็เดินนำหน้าก็ถูกแล้วนี่" ฉันตอบเขาพร้อมจับมือนาโอมิไว้แน่น 
                         "นี่ เธอว่าเสียงมันมาจากทางไหน" เขาหยุดเดินและพยายามฟังเสียง "นี่เธอเห็นแสงไฟไหม" ฉันกระซิกบบอกเขาเบาๆ เขาหันไปมองตามที่ฉันชี้บอก "ใช่แล้ว เสียงต้องมาจากทางนั้นแน่นอน" เขารีบวิ่งไปทันที 
                         ฉันมองนาโอมิแล้วจับมือกันวิ่งตามเขาไปด้วยความรวดเร็ว
    เราสองคนวิ่งไปชนเรียวคุงจนเขาล้มลง "นี่วิ่งกันยังไง ไม่เห็นคนหรือไง" เขาลุกขึ้นยืนและหันไปมองหาไฟฉาย "ก็นายจะหยุดก็ไม่บอก แล้วใครจะรู้เล่า"
    นาโอมิพูดด้วยน้ำเสียงเคืองนิดๆ เขาก้มลงหยิบไฟฉายขึ้นมา "เดินตามมาดีๆล่ะ ไม่ต้องวิ่งชนฉันอีกนะ" เขาพูดพร้อมกับเดินต่อไป
                          "นี่ เรากลับกันเถอะ พรุ่งนี้เช้าค่อยมาใหม่"ฉันออกความคิดเห็น
    และหันไปมองนาโอมิเพื่อให้เธอเห็นด้วย
                           "ฉันว่าก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้มันมืดมองอะไรไม่เห็นหรอก" เธอพูดและหันไปมองเรียวคุงเพื่อรอคำตอบ
                          "แต่ ว่าฉันได้ยินเสียงอยู่บริเวณนี้นะ รอแป็ปหนึ่งนะ"เขาเดินต่อไปข้างหน้า "ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย" เสียงคนนี่ 
                         เราสามคนหันมามองกันทันที "ตามผมมา" เรียวคุงหันมาบอกและเดินตามเสียงที่ได้ยิน  "นี่ มาดูเร็ว ผมเจอแล้ว"เขาหันมาตะโกนเรียกพวกฉันให้ตามเขาไป  เขาเอาไฟฉายส่องไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากผู้ชายคนหนึ่งนอนจมกองเลือด ฉันตกใจจนพูดไม่ออก นาโอมิปิดตาตัวเองเพราะไม่อยากดูเธอกลัวว่าเขาจะตาย ฉันจับมือนาโอมิไว้แน่น
                          เรียวคุงเดินเข้าไปใกล้ๆ และนั่งลงข้างๆ ผู้ชายคนนั้น เขากำลังจะเอื้อมมือไปจับ แต่ผู้ชายคนนั้นลืมตามองเขาก่อน ทำให้เขาตกใจมากเหมือนกัน "ช่วยผมด้วย"เขาพูดจบก็สลบไปทันที เรียวคุงหันมาเรียกฉันกับนาโอมิให้ไปช่วยเขา "นี่ มาช่วยกันหน่อยเร็ว" ฉันเดินไปช้าๆ เขายื่นไฟฉายให้ฉันถือไว้ "นาโอมิช่วยผมพยุงเขาหน่อย" เขาบอกขณะที่เขากำลังยกผู้ชายคนนั้นขึ้น นาโอมิรีบไปช่วยเขาพยุงทันที  
                          ฉันเดินส่องไฟฉายนำหน้าให้พวกเขาเดินตามมา  ถึงบ้านแล้ว
    เรียวคุงรีบวางเขาลงที่นอกชานก่อนจะเช็ดเหงือตัวเอง "พาเขาเข้าไปทำแผลก่อนดีกว่า" ฉันพูดพร้อมกับเดินไปเปิดประตูบ้าน  เรียวคุงและนาโอมิพยุงเขาเข้าไปในบ้านอย่างช้าๆ "นี่จุดเทียนหน่อยสิ มองไม่เห็นอะไรเลย" นาโอมิบอกฉัน ฉันรีบวิ่งไปหาเทียนมาจุดทันที ส่วนเรียวคุงก็เดินหากล่องยามาให้นาโอมิ "เช็ดเลือด และทำแผลให้เขาก่อนเถอะ"เขาพูดพร้อมส่งกล่องยาให้นาโอมิ ฉันเข้ามานั่งใกล้ๆ เพื่อช่วยทำแผล "นี่ เช็ดหน้าเขาก่อนสิ เลือดไหลที่หัวตั้งเยอะ" ฉันมองหน้าเขาแล้วก็รู้สึกคุ้นๆ แต่ไม่แน่ใจว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ฉันเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดให้เขาจนสะอาด 
                          "เป็นอะไรไป" นาโอมิมองฉันเพราะเห็นฉันตะลึงและหยุดเช็ด
    เธอหันไปมองหน้าของผู้ชายคนนั้นทันที  นาโอมิพูดไม่ออกหันมามองฉันอีกที  
                         "พวกเธอมีอะไรกัน"เขาถามพร้อมกับเดินเข้ามาดูใกล้ ๆ "เคน"
    เขาพูดเสียงดัง ด้วยความตกใจ พวกเราสามคนหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ 
                         "นี่ เราจะทำยังไงดีล่ะ" นาโอมิถามฉัน ฉันส่ายหน้า "ไม่รู้สิ ว่าแต่ว่าเขามาที่นี่ได้ยังไงกัน" ฉันพูดพร้อมถามตัวเอง
                        "เธอจำเสียงดังๆ ได้ไหม ฉันว่ามันอาจจะเป็นเสียงเครื่องบินตกก็ได้" เรียวคุงพูดพร้อมกับหันไปมองเขา "ฉันเห็นแสงไฟนิดหน่อยบริเวณนั้น คงเป็นเศษของเครื่องบินแน่ๆ" เขาพูดและหันมามองพวกฉันสองคน
                          "ก็อาจจะใช่ แต่ว่าเขาจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า" ฉันพูดด้วยความห่วงใยเขา  "ฉันว่าเราพาเขาไปส่งโรงพยาบาลดีไหม"ฉันออกความเห็น
                           "แต่ตอนนี้มันดึกแล้ว ไปไม่ได้หรอก รอพรุ่งนี้เช้าดีกว่า" นาโอมิพูด ซึ่งฉันเองก็เห็นด้วยเหมือนกันเพราะตอนนี้เราคงลงไปข้างล่างไม่ได้ หนทางที่จะลงไปก็ไกลมากเหมือนกัน รอพรุ่งนี้เช้าก็ดี
                             "งั้นพวกเราก็ไปนอนกันเถอะ พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันใหม่" เรียวคุงพูดพร้อมกับเดินเข้าห้องไปนอน ฉันหันไปบอกนาโอมิ "ฉันจะดูแลเขาเอง" นาโอมิยิ้มและเดินตามเรียวคุงไปที่ห้อง
                             ฉันหันมามองเขาอีกครั้ง ฉันก้มหน้ามองเขาใกล้ๆ เท่าที่จะใกล้ได้ นี่เวลานอนเขาก็ยังหล่อเหมือนเดิม แม้ตอนนี้หน้าตาของเขาจะมีแผลแต่ก็ยังดูดี ฉันนั่งพิจารณาดูเขาด้วยความสุข ไม่คิดเลยว่าเราจะได้เจอเขาในสภาพแบบนี้ ใช่ แล้วเราต้องขอบคุณพระเจ้าที่เมตตราเรา ท่านคงเห็นใจฉันถึงได้ส่งเขามาให้ฉัน และแล้วความฝันของฉันก็เป็นจริง ไม่น่าเชื่อ
                              ฉันเอามือจับหน้าของเขาเบาๆ "นอนให้สบายนะค่ะ ฉันจะดูแลคุณเอง" แล้วฉันก็นอนลงข้างล่างใกล้ๆ เตียงของเขา ฉันหลับตาลงด้วยความสุขที่ไม่สามารถบรรยายได้
                               
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×