คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ชีวิตที่ถูกกำหนด
ฉันกับยัยทาร์ตไข่สุมหัวกันปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจที่อยากจะเปิดขายอะไรซักอย่างในเร็ววันนี้ แต่กลับคิดไม่ออกว่าจะทำเป็นร้านอะไรดี??
ร้านกาแฟหรอ ร้านเบเกอร์รี่ ร้านขายของมือสอง ร้านขายปลาแดดเดียว หรือ ร้านขายปลาร้าดี
ยัยทาร์ตไข่ก็ไม่ได้ช่วยฉันคิดอะไรมากมาย ก็ตอนนี้มันขึ้นไปเฝ้าพระอินทร์บนคานทองแล้วนะซิ 555 [ ที่ฉันว่าแบบนี้ได้ก็เพราะฉันมีแฟนแล้ว หล่อซะด้วย +++ ]
จากที่ปรึกษาหารือกับตัวเองมานานก็ไม่ได้ความคิดอะไรที่มันเจ๋งโดนใจวัยโจ๋เลยซักกะอย่าง ฉันจึงตัดสินใจกับบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านยัยทาร์ตไข่มากนัก
ต๊อก แต๊ก !! [ ให้เข้าใจว่าฉันกำลังเดิน ]
มองซ้าย มองขวา ไม่มีรถมา “จะข้ามแล้วนะ”
ตอนนี้ฉันกำลังทำหน้าที่เป็นจราจรอยู่ข้างทาง แล้วก็พร้อมที่จะเดินข้ามไปอีกฝั่ง แหม..คนไทยสมัยนี้มีน้ำใจจริงๆ ไม่ยอมให้ฉันข้ามถนนซักที [ ประชดเว้ย ] ทันทีที่ถนนปลอดรถ เท้าทั้งสองข้างเริ่มขยับออกไป
ติ๊น!!!!!!!!!
“ไอ้รถบ้าขับไม่ดูตาม้า ตาเรือ เห็นไหมคนเขากำลังจะข้ามถนนนะเฟ้ย อยากมีเรื่องหรอ”
รถสปอร์ตที่ขี่มาด้วยความเร็วสูงยิ่งกว่าอุกาบาตห้าแสนก้อนจะพุงชนโลก บีบแตร์จนคนสวยอย่างฉันตกใจ
“จอดรถเดี๋ยวนี้เลยนะ”
รถสปอร์ตดับเครื่องลงพร้อมประตูรถที่ค่อยๆเปิดอ้าออกช้าๆ ผู้ชายที่อยู่ในรถสวมแว่นตาสีดำเดินออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน [คิดว่าเท่หรอ ให้ตายเถอะไอ้หมอนี่มันเป็นอภิมหาพยามารขอฉันจริงๆเลย]
“นี่นายขับรถหัดดูคนด้วยซิยะ เป็นพวกมือใหม่หัดขับหรอถึงได้ประมาทขนาดนี้นะ รู้ไหมถ้าฉันไม่หลบแล้วมันจะเป็นยังไง นี่นายฟังฉันอยู่หรือป่าวเนี๊ย”
ฉันเทศนาไอ้ผู้ชายเจ้าของรถสปอร์ตสุดหรูจนหูชา แต่กลับไม่ได้ยินเสียงขอโทษหรือเอะอะโวยวายแต่อย่างใด
“ไอ้ผมทอง นายเป็นไบ้หรอ”
ฉันขยับตัวเข้าใกล้ร่างชายผมทองแล้วจ้องตาหมอนั่น อ๊าย!! หมอนี่หล่อฉะมัดเลย หน้าเรียว จมูกโด่ง ปากชมพู๊ชมพู หน้าใสฝุดๆ
“ยัยบ้า ทำฉันเสียเวลาจนได้”
ไอ้หน้าหล่อตะโกนใส่หูฉันแทบแตก แล้วก็รีบเผ่นรถไป มันไม่คิดจะขอโทษฉันมั่งหรอไง ไอ้ผมทองเอ๊ย!! ชาตินี้ทั้งชาติอย่าได้เจอกันอีกเลย ไอ้ทองงงง
และแล้วฉันก็กลับบ้านอย่างสวัสดิภาพ
กริ๊ง กริ๊ง...
“ฮัลโหล.. ใครวะ”
“ที่รัก เป็นอะไรหรอครับ”
“อุ๊ย!! เบอเกอร์หรอคะ โทรมาคิดถึงเขาหรือตะเอง”
“ที่รักยังไม่ได้ตอบผมเลยนะว่าเป็นอะไร ไปโมโหใครมาหรอครับ”
“ป่าวค๊า พอดีมีเรื่องเครียดนะคะ”
“เรื่องธุรกิจซินะครับ ผมมีข่าวดีมาบอกที่รักด้วยแหละ คือตอนนี้มันมีแคมป์ฝึกอาชีพเข้ามาผมเลยอยากให้ที่รักไปเข้าแคมป์ดู เผื่อจะมีไอเดียดีๆมาเปิดร้านก็ได้ ว่าไงครับสนใจไหมล่ะ”
“สนคะสน สนใจคะ”
พอฉันคุยกับเบอเกอร์เสร็จก็รีบโทรไปหายัยทาร์ตไข่ให้รีบเตรียมตัวเพื่อไปเข้าแคมป์ฝึกอาชีพทันที
วันแรกของการเข้าแคมป์...
ยัยทาร์ตไข่เร็วๆสิ เดี๋ยวก็ไม่ทันรถหรอก นี่ๆอยากลืมเอาข้าวขาหมูมาให้ฉันด้วยละ เอ๊อ..กระเป๋าเสื้อผ้าของฉันหายไปไหนเนี๊ย หยี๋! ไอ้หมากฝรั่งบ้านี่มาอยู่ใกล้ ให้ฉันเหยียบทำไมฟะ แล้วฉันเอาเงินมาหรือป่าวเนี๊ย การเริ่มต้นเข้าแคมป์ของฉันกับเพื่อนซี้เริ่มมีเค้าแห่งหายนะตั้งแต่ก้าวแรกซะแล้ว ผลสุดท้ายมาฉันจะมีไอเดียดีๆ หรือว่าจะเจ๊งกันแน่
พอรถเมล์จอดสนิท ฉันก็ก้าวเข้าสู่แคมป์ฝึกอาชีพทันที ฉันได้รับป้ายชื่อของใครบางคนซึ่งไม่ตรงกับของตัวเองมาเก็บไว้
“น้องๆที่มาถึงแล้ว จะได้รับป้ายชื่อคู่บัดดี้ของตัวเองกรุณาเก็บไว้อย่าให้บัดดี้รู้นะคะ คืนนี้เราจะมาเล่นเกมส์สนุกๆกัน”
รุ่นพี่เสียงใสคนนึงพูดขึ้นแล้วให้เราทั้งหมดไปรวมตัวกันที่ห้องประชุม นี่มันห้องประชุมหรือห้องดับจิตกันแน่วะ หนาวมากกกกก ฉันเดินเข้ามาห้องประชุมพร้อมกับยัยทาร์ตไข่แต่ก็ต้องแยกกันเพราะฉันอยู่สีชมพู ส่วนยัยนั่นอยู่สีฟ้า พับผ่าสิ!! ทำไมยัยทาร์ตไข่ไม่ได้อยู่สีเดียวกับฉันเนี๊ย ฉันยิ่งเข้ากับใครยากอยู่ด้วย
ประทานกล่าวเปิดแคมป์เสร็จเรียบร้อย รุ่นพี่ก็หาเกมส์มาให้เราเล่นอีกจนได้
“น้องๆคะ อย่างที่ทราบกันว่าน้องๆทุกคนจะได้รับป้ายชื่อคู่บัดดี้ของตัวเอง ตอนนี้ให้น้องๆวิ่งไปหาคู่บัดดี้ให้เร็วที่สุดและต้องหาคู่ให้ถูกต้องด้วยนะคะ ใครที่หาคู่บัดดี้ไม่เจอเราจะจับมาทำโทษบนเวที”
เสียงโห่ร้องของทุกคนก้องทั่วห้องประชุม แต่พอสัญญาณกลองดังขึ้นเหตุการณ์ก็ชุลมุนทันที ฉันไม่รอช้ารีบหาบัดดี้ทันที
“ใครได้ชื่อฉันบ้าง ฉันชื่อมิลินด้า นี่ๆเธอชื่อแฟนต้าหรือป่าว ใครชื่อแฟนต้าบ้าง”
ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก สุดท้ายฉันก็หาคู่บัดดี้ไม่เจอ ไอ้คนที่ชื่อแฟนต้ามันเป็นใครฟะ อย่าให้ได้เจอนะ จะด่าให้หูชาเลย พี่สตาฟเดินมาลากฉันไปข้างหน้า
“หนูได้ป้ายชื่อของใครคะ”
พี่สตาฟสุดสวยถามและพร้อมที่จะลากคู่บัดดี้ของฉันออกมายืนเคียงคู่เป็นดาวเด่นในค่ำคืนนี้ทันที
“ได้ของ... แฟนต้าคะ”
“ฮะ!! อะไรนะ ได้ป้ายชื่อของน้องแฟนต้าหรอ”
ให้ตายเถอะตกใจอะไรกันนักนะ หรือว่าคู่บัดดี้ของฉันจะเป็นมนุษย์ต่างดาว ไม่เอาน๊า!!!!!
พี่สตาฟเดินไปหาผู้ชายคนนึงแล้วรีบดึงเขามาเคียงคู่กับฉัน
“ใครวะ หน้าคุ้นๆ นี่มัน.. ไอ้ผมทอง”
“หวัดดียัยบ๊อง”
“นี่นายชื่อ แฟนต้า หรอ 555 หน้าตาก็ดีแต่ชื่ออย่างกับน้ำอัดลม”
ฉันหัวเราะท้องแข็งให้กับชื่อของไอ้ผมทองนั่น จนลืมว่าชื่อของตัวเองก็หมายถึงน้ำอัดลมเหมือนกัน หวังว่านายจะไม่ย้อนถามฉันนะไอ้ผมทอง
“เอ่อน้องคะ หยุดทำสงครามกันก่อนนะคะ ตอนนี้ก็มาถึงบทลงโทษกันแล้ว”
พี่สตาฟสาธยายกติกาอันโหดร้ายให้ฟังจนหมดเปลือก คราวนี้ถึงทีเอาคืนนายบ้างแล้วละไอ้น้ำอัดลม หึๆ เสร็จฉันแน่
ฉันเริ่มทำอาหารสุดพิเศษที่วัตถุดิบต่างๆล้วนแล้วแต่นำมาจากห้องครัว เอ๊ะ!! นี่มันน้ำปลาซินะ งั้นใส่ไปเยอะๆเลยละกัน แล้วนี่มันอะไรฟะ อ๋อ!! น้ำมะขามเปียกใส่ให้หมดเลย ว๊าว..หน้าให้หมอนั่นทานจริงๆเลย อาหารเมนูพิเศษของฉัน
พอถึงเวลาที่กำหนดอาหารทั้งสองจานก็ตั้งตระง่าอยู่ตรงหน้า คงไม่รู้ซินะว่ากติกาที่พี่สตาฟบอกคืออะไร มันก็คือ..การทำอาหารสูตรพิสดารให้กับคู่บัดดี้ของตัวเองทานยังไงละ อย่าคิดว่าฉันเป็นนางเอกที่ร้ายกาจนะ ฉันแค่อยากแกล้งไอ้น้ำอัดลมเล่นแค่นั้นเอง
“โห!! อาหารของน้องทั้งสองคนน่าทานจริงๆเลยนะคะ และแล้วก็ถึงเวลาลงโทษ พี่อยากรู้จังว่าอาหารที่น้องทั้งสองคนทำจะอร่อยไหม น้องๆต้องทานอาหารสูตรพิเศษของตัวเองให้หมด แต่ถ้าไม่หมดเราจะมีบทลงโทษขั้นต่อไป”
ตายแน่!! นี่มันแคมป์บ้าอะไรเนี๊ย ไหนบอกว่าทำให้คู่บัดดี้ทานไง ทำไมต้องมาทานเองด้วย ไม่จริ๊งงง
ไอ้น้ำอัดลมบ้านั่นซดน้ำซุปของตัวเองเป็นการใหญ่ จนหมดถ้วย [ นายคงกลั้นใจกินซินะเห็นหน้าก็รู้แล้ว ] ไม่ได้ซิเดี๋ยวฉันก็โดนบทลงโทษขั้นต่อไปนะซิ เอาไงเอากัน!! กินก็ได้ ฉันพยายามฝืนกินโจ๊กมะขามเปียกผสมน้ำปลาจนเกือบหมดถ้วย ทำไมมันไม่หมดซักทีว่ะ เสียวฟันหมดแล้วนะ ไอ้น้ำอัดลมได้แต่หัวเราะขำฉันไปพลางๆ คอยดูนะฉันจะเอาคืนนายเป็นร้อยเท่าเลย อีตาน้ำอัดลมบ้า
พอเลิกกิจกรรมที่แสนจะทรมานลำไส้ ฉันก็รีบเผ่นออกมาเข้าห้องน้ำในที่พักทันที อะไรอีกละเนี๊ย..
“นายเข้ามาห้องของฉันได้ยังไงไอ้น้ำอัดลม”
“นี่เธอไม่รู้หรอ ว่าคู่บัดดี้ต้องนอนห้องเดียวกันนะ”
“ฮะ ไม่จริงอะ ฉันจะนอนกับเพื่อนของฉันคนเดียวเท่านั้น”
“ไม่ต้องห่วงหรอกเพื่อนเธออยู่กับเพื่อนของฉัน รับรองปลอดภัยหายห่วง”
“มันจะหน้าเป็นห่วงก็ตรงอยู่กับพวกนายนี่แหละ”
“ทำไม อยู่กับเพื่อนฉันมันทำไมหรอ”
“ป๊าววว ไม่มีอะไร”
ฉันถกเถียงอยู่กับไอ้น้ำอัดลมอยู่นานจนลืมว่าที่รีบวิ่งเข้าห้องพักมาเพื่ออะไร
ปูดดดดด! เสียงนรกเรียกทำไมตอนนี้ฟะ เสียหน้าหมด
“ระเบิดลงแล้ว สมน้ำหน้าคิดจะแกล้งฉันเลยโดนซะเองเลยเป็นไง”
“ไอ้บ้า เดียวก่อนเถอะ เดี๋ยวกลับมาเคลียร์”
ฉันรีบตัดบททันทีเพราะจรวดขนส่งสินค้ากำลังจะเอาอาวุธลงแล้ว บ้าเอ๊ย..ทำไมต้องมาเจอกับไอ้หมอนี่ด้วยนะ ซวยฉะมัดเลย พอเสร็จภารกิจในห้องน้ำเสร็จก็พร้อมลุยต่อ แต่ว่า...
“นี่นาย ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ นี่มันที่นอนของฉัน”
โห! ไอ้น้ำอัดลมบ้าแย่งที่นอนผู้หญิงสวยๆอย่างฉันได้ แล้วฉันจะนอนไหนละ โซฟา พื้น ห้องน้ำ หรือบนหลังคาดี อ๊าย!!!!! ไม่ซิ ฉันไม่ยอมหรอก เอาที่นอนของฉันคืนมานะไอ้บ้าแฟนต้า
ฉันใช้ฝ่าเท้าแสนนุ่มนวลถีบบั้นท้ายของไอ้น้ำอัดลมจนหล่นลงกองอยู่กับพื้น แต่ไอ้หมอนั่นคงจะเจ็บมากพอดูแหละ ก็เสียงตัวของหมอนั่นกระแทกกับพื้นสะหนั่นทั่วห้อง
“อุ๊ย!! นี่ยัยบ๊อง ฉันเจ็บนะ”
“ก็นายมาแย่งที่นอนนุ่มๆของฉันทำไมละ”
“เอ๊า แล้วจะให้ฉันไปนอนไหน จะให้ไปนอนหน้าห้องเลยไหมละ”
“ก็ดีนะ จะได้บริจาคเลือดให้กับยุงบ้างไง”
“บ๊องสมชื่อจริงๆเลยนะเธอ ไม่เอาฉันจะนอนตรงนี้”
ไอ้หมอนั่นลุกขึ้นกลับมานอนบนเตียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ฉันสังเกตเห็นแผลที่ข้อศอกของเขา คงจะโดนตอนกระแทกกับพื้นนั่นแหละ เฮ๊ย! แล้วเราจะไปสนใจไอ้หมอนี่มันไม ตอนนี้มันแย่งที่นอนของฉันอยู่นะ
“นี่นาย ไปนอนที่อื่นซิ”
“ไม่เอา ฉันจะนอนนี่ เธอก็มานอนด้วยกันซิ”
ทันทีที่ไอ้หมอนั่นพูดจบก็คว้าตัวฉันไปนอน ไม่ซิ เอาไปเป็นหมอนข้างเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยแรงอันมหาศาลราวกับช้างเผือกหนึ่งล้านเชือกของฉันทำให้ไอ้หมอนั่นล้มหน้ากระแทกพื้นเข้าอย่างจัง ตัวชักดิ้นชักงออยู่ตรงพื้นซะแล้ว [ 555 สมน้ำหน้า ]
“โอ๊ย ยัยเด็กบ๊อง เธอทำอะไรของเธอเนี๊ย รู้ไหมคนมันเจ็บนะ”
ไอ้ผมทองโวยวายเป็นการใหญ่ มือกุมหน้าผากที่พึ่งประทะกับพื้นไปหมาดๆ สะใจจริงๆเลย [ นางเอกในเรื่องน่ากลัวแฮะ ] และแล้วไอ้น้ำอัดลมก็ไปนอนที่โซฟาด้วยสภาพใบหน้าที่เกือบจะหมดหล่อ ส่วนฉันนะหรอ.. ก็นอนเป็นเจ้าหญิงอยู่บนเตียงโดยมีองครักษ์หนุ่มหล่อเฝ้าอยู่ข้างๆยังไงละ
ความคิดเห็น